Cover Story





B- School





Small Biz





ถนนนักลงทุน





Local Biz





Property





ธุรกิจการตลาด





Travel Biz





Food Biz





I - Biz





Auto Biz




วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2548














ฟันธง....ชะตาหุ้น (1)

วิบูลย์ พึงประเสริฐ
ตอนนี้มีศาสตร์ใหม่ในการลงทุนหุ้น นั่นคือการนำดวงดาวมาพยากรณ์ชะตาหุ้นว่า ในช่วงเวลาต่างๆ หุ้นแต่ละตัวมีชะตาชีวิตเป็นอย่างไร น่าลงทุนหรือไม่ การพยากรณ์แบบนี้นับว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในรายการหุ้นทางโทรทัศน์ถึงกับมีการนำเสนอการดูดวงชะตาชีวิตหุ้นออกอากาศเลยทีเดียว

นอกเหนือจากนั้น การที่หมอดูท่านหนึ่ง”ฟันธง” ไว้ว่า ดารายอดนิยมจะท้องก่อนแต่งอย่างถูกต้องล่วงหน้าเป็นเวลานาน ก่อนที่ดาราท่านนั้นยอมออกมารับความจริงในภายหลัง การทำนายอนาคตด้วยการ”ฟันธง”จึงกลายเป็น Talk of the Town ไปในทันที ทำให้การพยากรณ์รวมถึงการดูดวงชะตาหุ้นกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งหลังจากที่เงียบหายไปนาน

ศาสตร์ในการทำนายหุ้นแบบนี้นับว่า เป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมตะวันออกและการลงทุนหุ้นได้อย่างแนบเนียนมากๆ เท่าที่ทราบในต่างประเทศไม่มีการทำนายอนาคตหุ้นด้วยการพยากรณ์ดวงดาวแต่อย่างไร ถ้าประเทศไทยมีการพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับศาสตร์นี้ออกมา อาจจะถือว่าเป็นครั้งแรกในโลกของการลงทุนเลยก็เป็นไปได้

วัฒนธรรมการดูหมอดูอยู่คู่กับชีวิตคนไทยมาอย่างช้านาน ทุกคนอยากรู้อนาคต ไม่เว้นแม้แต่การลงทุนในหุ้น นักลงทุนจึงอาศัยโชคชะตามาเป็น”ตัวช่วย”ในการทำกำไรจากตลาดหุ้น โดยการค้นหาชะตาชีวิตของหุ้นแต่ละตัวที่สนใจเป็นอย่างไร เมื่อไหร่หุ้นจะขึ้น เมื่อไหร่หุ้นจะลง จะได้เข้าออกจากตลาดหุ้นได้อย่างถูกจังหวะ

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือ การทำนาย“ราคาหุ้น” ยิ่งถ้าสามารถนำดวงดาวมาทำนายได้ว่าราคาหุ้นนั้นๆจะขึ้นในช่วงเวลาใด ก็เป็นโอกาสอันดีที่ควรซื้อหุ้นนั้นไว้เพื่อขายทำกำไรต่อไป

ในหลักการลงทุนโดยทั่วไปแล้วไม่ได้นำดวงดาวมาทำนายอนาคตหุ้นแต่อย่างใด แต่การที่ราคาหุ้นจะขึ้นหรือลงนั้นมีปัจจัยหลายประการ ซึ่งสามารถ”ฟันธง”ได้ว่าสาเหตุที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ เป็นตัวกำหนด”ชะตาชีวิต”ของหุ้นแต่ละตัวอย่างแน่นอนโดยไม่ต้องพึ่งดวงดาวแต่อย่างใด

สาเหตุแรก ก็คือ เรื่องของอุปสงค์อุปทาน (Demand & Supply) ถ้าหุ้นใดมีคนอยากซื้อมากกว่ามีคนอยากขาย ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้น ในทางกลับกันถ้าหุ้นใดมีคนอยากขายมากกว่าคนซื้อ ไม่ช้าก็เร็ว ราคาหุ้นนั้นต้องลดลงอย่างแน่นอน

การหาอุปสงค์และอุปทานของหุ้นตัวใดตัวหนึ่งสามารถดูได้จากจำนวนคำสั่งเสนอซื้อ (Bid) และคำสั่งเสนอขาย (Offer) ของหุ้นนั้นๆ ในช่วงเวลาหนึ่งๆ

ถ้านักลงทุนสังเกตดูในช่วงเวลาทำการซื้อขายหุ้น ถ้าหุ้นนั้นมีคำสั่งซื้อเข้ามามากๆ ยิ่งถ้าเป็นการซื้อล็อตใหญ่ๆ อย่างกองทุนหรือต่างชาติส่งคำสั่งซื้อเข้ามาในระบบ ราคาหุ้นจะวิ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีอุปสงค์มากกว่าอุปทานที่วางไว้เป็นคำสั่งเสนอขายเป็นจำนวนมาก ทำให้หุ้นที่วางขายอยู่ในระดับราคาต่างๆ หมดลงอย่างรวดเร็ว

การเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์อุปทานนับว่า มีส่วนสำคัญในการกำหนด ”ชะตาชีวิต” ของหุ้นแต่ละตัวเป็นอย่างมาก จนบางครั้งนักลงทุนรายใหญ่สามารถนำข้อมูลเกี่ยวกับคำสั่งซื้อคำสั่งขาย มาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการสร้าง”ราคาหุ้น” ให้ดึงดูดนักลงทุนในตลาดหันมาสนใจในหุ้นนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี

ยกตัวอย่างเช่น หุ้นตัวหนึ่งที่ปกติมีการซื้อขายในแต่วันค่อนข้างน้อย ราคาหุ้นมักจะไม่เคลื่อนไหวมากนัก นักลงทุนให้ความสนใจในหุ้นนั้นน้อย วันดีคืนดี หุ้นตัวนั้นกลับมีวอลุ่มคึกคักขึ้นมาเป็นอันมาก ขณะเดียวกันราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งอาจมี”ข่าวดี”เกี่ยวกับหุ้นตัวนั้นประกาศออกมา จนทำให้นักลงทุนต่างหันมาให้ความสนใจ

ในสถานการณ์เช่นนี้ นักลงทุนรายย่อยที่ชอบตามรายใหญ่มักจะเข้าไปร่วมวงด้วยเสมอ โดยเฉพาะถ้าเห็นมีการทำการสั่งซื้อขายเป็นจำนวนมาก ยิ่งถ้าเป็นหุ้นที่ติดอันดับที่มีการซื้อขายในตลาดเป็นอันดับต้นๆ และราคาหุ้นกำลังสูงขึ้น มักจะดึงดูดนักลงทุนได้เสมอ ถ้าโชคดีนักลงทุนเหล่านั้นก็ได้กำไรกลับบ้านไป

ถ้าโชคร้ายเข้าไปในตอนท้ายๆ แถมเจอ”ขาใหญ่”ทุบราคาหุ้นลงมา อาจตกอยู่ในสภาพ”ติดหุ้น”ได้เช่นเดียวกัน

เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของรายใหญ่ นักลงทุนที่ใช้หลักการพิจารณาราคาหุ้นจากอุปสงค์อุปทาน โดยส่วนใหญ่มักใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือ Technical Analysis มาเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบสัญญาณต่างๆ ว่าถึงจังหวะซื้อหรือได้จังหวะขาย รูปแบบกราฟต่างๆ จะเป็นตัวบอกถึงอุปสงค์และอุปทานของหุ้นผ่านทางราคาหุ้นในช่วงเวลาต่างๆกัน โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการซื้อขายหุ้น รวมทั้งวิธีการลงทุนแบบนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนในตลาดหุ้นเป็นอย่างมาก

การใช้เครื่องมือทางเทคนิคจะได้ผลดี หุ้นตัวนั้นต้องมีมูลค่าการซื้อขายมากพอสมควร ถึงจะมีข้อมูลเพียงพอในการวิเคราะห์สัญญาณต่างๆ ในบางครั้งถ้าหุ้นตัวนั้นแทบไม่มีการซื้อขายเลย การวิเคาระห์ทางเทคนิคอาจใช้ไม่ได้ผล

สำหรับนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า อาจจะไม่มีความรู้ทางด้านการวิเคราะห์ทางด้านเทคนิคเลย อย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ ปรมาจารย์ทางด้านการลงทุนก็ไม่ได้มีเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานไว้ดูกราฟหุ้นแต่อย่างใด เขาบอกว่าคอมพิวเตอร์มีไว้แก้เหงา ใช้สำหรับเล่นไพ่บริดจ์ออนไลน์กับเพื่อนและสั่งซื้อหนังสือเท่านั้นเอง

หลังจากที่ได้ทราบในเรื่องของอุปสงค์และอุปทานมีส่วนในการกำหนด”ชะตาชีวิต”ของหุ้นไปแล้ว คราวหน้าเราจะมา”ฟันธง”ต่อถึง สาเหตุต่อไปที่มีผลต่อโชคชะตาของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โปรดติดตาม

วิบูลย์ พึงประเสริฐ นักลงทุนบริหารพอร์ตส่วนตัว เริ่มต้นจากการขาดทุนในตลาดหุ้นเมื่อหลายปีก่อน จนพบว่า Value Investing ให้ความสมดุลระหว่างการลงทุนในอนาคตกับเวลาส่วนตัวในปัจจุบันได้ จะมาแนะนำการลงทุนแบบไม่ต้องนั่งเฝ้าหน้าจอ ไม่ต้องกระวนกระวายใจกับความผันผวนของตลาดหุ้น ผ่านคอลัมน์นี้


About Us I Suggestion I Site Map I GetThaiFont | Contact Us I Privacy Policy
copyright @ 2004 Nation Group / Produced & Designed by : KT Internet Dept.