
|

|

|
วันศุกร์ที่ 08 กันยายน พ.ศ. 2549
|

|
|
|

|
|
|
|
|


Value way : กับดักมูลค่า... ตอน PE Ratio
มนตรี นิพิฐวิทยา
หลายท่านมักจะถามผมเสมอว่าเวลาผมเลือกหุ้นที่จะลงทุนนั้นผมดูอย่างไร? ดู PE, PB หรือไม่? เพราะหุ้นบางบริษัทที่ผมเลือกลงทุนบางทีก็ PE สูงมากทำไมผมถึงลงทุน?
คำถามเกี่ยวกับ PE Ratio นี้ผมได้ถูกถามอยู่เป็นประจำ ซึ่งผมมักตอบว่า ผมไม่ค่อยให้ความสนใจสักเท่าไรเลย ที่ผมสนใจหุ้นนั้นเพราะธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตดี มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สูงสม่ำเสมอ ถ้าผมจะใช้ PE ผมจะใช้ในการลงทุนแบบก้นบุหรี่ (การลงทุนในบริษัทที่คาดว่าจะฟื้นตัว และมีราคาถูก)
แต่ถ้าเมื่อใดที่เราต้องการลงทุนแบบยั่งยืนแล้วละก็ บางครั้งเราย่อมต้องยอมจ่ายสูงขึ้นมาหน่อย แต่ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นหุ้นที่ราคาแพง เพราะถ้ามูลค่าของกิจการมันเติบโตได้ในอัตราที่ดีอย่างสม่ำเสมอ ต่อให้ PE สูงๆ ก็น่าลงทุน
บางบริษัทเมื่อดูที่กำไรในงบกำไรขาดทุนแล้วมาเทียบกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงานซึ่งก็คือกำไรที่เป็นเงินสดจริงๆ แล้ว กำไรที่เป็นเงินสดสูงกว่ามาก บางบริษัทสูงกว่าเป็นเท่าตัว ถ้าดูเป็น P/ Cash flow แล้วย่อมลดลงต่ำกว่า PE แน่นอน ซึ่งมันก็ถูกกว่าอยู่แล้ว แถมมีการเติบโตของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ดีสม่ำเสมอในทุกรอบบัญชียิ่งถูกเข้าไปอีก ทำไมผมจะไม่กล้าลงทุน?
นักลงทุนหลายท่านเวลาดูการเติบโตของบริษัทก็มักจะไปดูที่การเติบโตของกำไร ไม่ค่อยเห็นใครไปคิดการเติบโตของกระแสเงินสดกันสักเท่าไรนัก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมูลค่าของสินทรัพย์ใดๆ ก็ตามแต่รวมถึงหุ้นของกิจการด้วยนั้นจะประเมินได้จากความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของสินทรัพย์นั้นๆ
ดังนั้น เวลาคำนวณมูลค่าจึงเป็นการคำนวณโดยการคิดลดกระแสเงินสดหรือ Discount Cash flow ไม่เคยเห็นใครอุตริไปคำนวณหามูลค่าของสินทรัพย์ด้วยการคิดลดกำไรทางบัญชีสักคน และในการคิดลดกระแสเงินสดนี้เราต้องประเมินอัตราการเติบโตของกระแสเงินสดด้วย ถ้าบริษัทสร้างกระแสเงินสดได้เท่าๆ กันทุกปีไม่โตเลย บริษัทนั้นนับวันจะมีมูลค่าลดลงเพราะบริษัทต้องมีต้นทุนของเงินสด (เงินทุน) ที่มาคิดลดเงินสดในอนาคต หรืออย่างน้อยก็ลดลงเพราะเงินเฟ้อ
บางบริษัทมีอัตราการเติบโตของกระแสเงินสดใกล้เคียงกับต้นทุนเงินทุน บริษัทนี้ก็มีมูลค่าคงที่ ไม่เพิ่มไม่ลด บางบริษัทมีอัตราการเติบโตของกระแสเงินสดที่สูงกว่าต้นทุนเงินทุน บริษัทนี้จะเป็นบริษัทที่มีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา และเป็นสุดยอดบริษัทที่หลายๆ คนกำลังมองหา
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วผมก็ยังเห็นนักลงทุนหลายๆ ท่านสนใจแต่จะประมาณการกำไรในแต่ละรอบบัญชีเพื่อเอามาคำนวณ PE แล้วซื้อดักรอขายเอาตอนราคาขึ้น ผมไม่ได้ปฏิเสธว่าวิธีการนี้ใช้ไม่ได้ แต่กำลังจะบอกว่าถ้าคุณคิดจะลงทุนระยะยาวในกิจการที่มั่นคงและต้องการผลตอบแทนที่น่าพอใจในความเสี่ยงที่ไม่สูงคุณไม่ควรใช้วิธีการนี้เท่านั้น เพราะโอกาสพลาดสูงหากราคาไม่ขึ้นอย่างที่เราคาดไว้
เพราะใครๆ เขาก็คาดการณ์กำไรกันได้ทั้งนั้น เมื่อคนสนใจกันมาก ซื้อกันมาก ราคาหุ้นก็ขึ้น แต่ถ้าไม่มีคนสนใจละก็หุ้นก็นิ่งๆ และบางทีกันก็ดีแค่ไตรมาสเดียว ครึ่งปี หรือหนึ่งปี ซื้อเร็วขายเร็วก็มีกำไร ถ้าช้าอาจต้องติดหุ้น
สำหรับหุ้นที่กำลังจะฟื้นตัวนั้นค่า PE จะใช้ได้ดีพอสมควร แต่เราเองต้องเข้าใจธุรกิจนั้นๆ เป็นอย่างดี และสามารถที่จะเห็นสัญญาณแห่งการฟื้นตัวนั้นได้ก่อนใคร เราจึงจะได้ผลตอบแทนที่ดีบนความเสี่ยงที่ต่ำ
มาถึงตรงนี้แล้วก็อยากจะบอกว่าให้ท่านทั้งหลายลองเลือกใช้กันเอาตามถนัดครับ ถ้าต้องการของดีๆ ลงทุนได้ยาวๆ ก็มองดูที่กิจการที่มั่นคงเติบโตสม่ำเสมอ ถ้าเอาแบบไม่ยาวนักก็ต้องอาศัยความรอบรู้และต้องไวหน่อย ทั้งสองแบบนี้ใช้ได้หมด เลือกเอาตามแต่โอกาสและจังหวะก็ได้ไม่ผิดกติกาใดๆ ทั้งปวงครับ
|
|