Cover Story





B- School





Small Biz





ถนนนักลงทุน





Local Biz





Property





ธุรกิจการตลาด





Travel Biz





Food Biz





I - Biz





Auto Biz




วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2549














Value Way : มือใหม่ (5)

วิบูลย์ พึงประเสริฐ
หลังจากได้ทราบตัวอย่างของนักลงทุนรายย่อยไปแล้วสองตัวอย่าง อาทิตย์นี้จะกล่าวถึงนักลงทุนรายย่อยอีกท่านเป็นตัวอย่างสุดท้าย

ตัวอย่างที่สาม

สมศรีเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เช่นเดียวกับพนักงานทั่วไป สมศรีไม่ได้ตั้งใจเก็บออมมากนัก ได้รับเงินเดือนเท่าไหร่เธอมักใช้จ่ายไปเรื่อยๆ เงินเหลือสิ้นเดือนจึงค่อยนำเงินฝากธนาคารในบัญชีเงินฝากประจำ ในช่วงปีแรกๆ ของการทำงาน ดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับสูงปีละกว่าสิบเปอร์เซ็นต์ การฝากเงินกับธนาคารทำให้เงินต้นเพิ่มขึ้นได้โดยไม่ต้องขวนขวายนำเงินไปลงทุนอย่างอื่นมากนัก

จนวันที่สมศรีอายุ 30 ปี เธอพบว่าดอกเบี้ยธนาคารในตอนนั้นลดลงเหลือปีละไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนที่น้อยที่สุดที่เคยเห็นมาในชีวิตของเธอ การฝากเงินไว้กับธนาคารเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าเลยในช่วงเวลานั้น ทำให้เธอคิดหาลู่ทางในการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนมากขึ้น แต่เศรษฐกิจหลังลดค่าเงินบาททำให้การลงทุนในช่องทางต่างๆ ทั้งที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ หรือการค้าอื่นๆ ต่างซบเซากันถ้วนหน้า สมศรีจึงยังไม่ได้คิดนำเงินเก็บที่มีไปทำอะไรอย่างจริงจัง

อยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนแนะนำหนังสือเล่มหนึ่งให้เธออ่าน เป็นหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนแบบเน้นคุณค่าชื่อ”ลงทุนอ ย่างวอร์เร็น บัฟเฟตต์” หลังจากที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วทำให้เธอได้รับแรงบันดาลใจในการลงทุนในหุ้นเป็นอย่างมาก เธอตัดสินใจเปิดพอร์ตกับบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง และนำเงินเก็บที่มีมาลงทุนโดยใช้หลักการแบบเดียวกับที่หนังสือดังกล่าวแนะนำ

ในช่วงแรกของการลงทุน ตลาดหุ้นไทยมีสภาวะไม่ค่อยดีนัก ดัชนีหุ้นไม่ได้เพิ่มขึ้นหรือลดลงอะไรมาก นักลงทุนส่วนใหญ่ยัง”จำฝังใจ”จากการบาดเจ็บในตลาดหุ้นช่วงหลังลอยตัวค่าเงิน มูลค่าการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยช่วงนั้นถือว่าต่ำที่สุดเท่าที่เคยเปิดตลาดมา นักเก็งกำไรต่างหายหน้าจากตลาดหุ้นไปเป็นจำนวนมาก กองทุนต่างชาติยังเทขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง

แต่สำหรับสมศรีแล้ว เธอไม่ได้ให้ความสนใจกับดัชนีตลาดหุ้นมากนัก สิ่งที่สำคัญคือการหาหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของบริษัท ซึ่งเธอพบว่าในช่วงเวลาดังกล่าวหลายบริษัทในตลาดหุ้นมีราคาต่ำมากๆจนแทบไม่น่าเชื่อ เธอจึงนำเงินเก็บทั้งหมดมาซื้อหุ้นบริษัทที่ดีแต่ราคาไม่แพงไว้จำนวนหนึ่ง

เวลาผ่านไป ถึงแม้บางครั้งตลาดหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก หุ้นหลายบริษัทราคาเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว แต่หุ้นที่เธอถืออยู่มีราคาเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก สมศรียังคงปฏิบัติตามหลักเกณท์การลงทุนที่ตนยึดถือย่างเคร่งครัด และไม่เปลี่ยนใจไป”เก็งกำไรระยะสั้น”แต่อย่างใด หลังจากนั้นไม่นานนักเธอพบว่าเพื่อนนักลงทุนหลายคนกระโจนเข้าไปเก็งกำไรต้อง”เจ็บตัว”กันเป็นจำนวนมาก ขณะที่เธอยังมีผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ถึงแม้เมื่อเทียบกับการเก็งกำไรแล้วดูเหมือนผลตอบแทนของเธอแต่ละปีจะไม่มาก

สมศรีพบว่าการลงทุนในตลาดหุ้นนั้น ไม่ใช่การพนัน แต่เป็นการลงทุนในบริษัทที่ดีและเติบโตไปกับบริษัทเหล่านั้นในระยะยาวโดยที่เธอไม่ต้องลาออกจากงานไปเฝ้าตลาดหุ้นแต่อย่างใด รวมทั้งการมี”อิสรภาพทางการเงิน”นั้นไม่จำเป็นต้องมีเงินเป็น”ร้อยล้าน”หรือ”พันล้าน” เพียงแค่การทำผลตอบแทนจากการลงทุนธรรมดาๆ ปีละไม่กี่สิบเปอร์เซ็นต์อย่างสม่ำเสมอทบต้นไปเรื่อยๆ ก็ทำให้ความฝันเป็นจริงได้

นอกเหนือจากนั้น การลงทุนแบบเน้นคุณค่าทำให้วิถีชีวิตของสมศรีเปลี่ยนไป จากการใช้เงินอย่างไม่วางแผน ปัจจุบันเธอรู้จักเก็บออมเงินส่วนหนึ่งเพื่อนำไปลงทุน เงินปันผลที่ได้จะถูกนำกลับไปลงทุนต่อ และก่อนตัดสินใจซื้ออะไร เธอนึกถึงมูลค่าของสิ่งของชิ้นนั้นเมื่อเทียบกับราคาแล้วคุ้มที่จะซื้อหรือไม่ ต่างจากเดิมที่อยากได้อะไรเธอตัดสินใจซื้อทันที

ปัจจุบันสมศรีอายุ 30 ปลายๆ มีรายได้จากการลงทุนอย่างเงินปันผลมากเพียงพอสำหรับรายจ่ายในแต่ละเดือน แต่เธอยังคงทำงานประจำเช่นเดิม เพราะถึงแม้เธอจะลาออกจากงาน วิธีการลงทุนของเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ดังนั้นเธอจึงใช้เวลาที่เหลือทำงานเพื่อประโยชน์ของสังคมต่อไป


About Us I Suggestion I Site Map I GetThaiFont | Contact Us I Privacy Policy
copyright @ NKT NEWS CO.,LTD.