
|

|

|
วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549
|

|
|
|

|
|
|
|
|


Value Way : ผลตอบแทนจากการลงทุน
วิบูลย์ พึงประเสริฐ
ในช่วงปีที่ผ่านมา(2548) ตลาดหลักทรัพย์ไทยมีความผันผวนเป็นอย่างมาก ดัชนีหุ้นเคยขึ้นไปสูงสุดที่ 780 จุดในช่วงต้นปี(2549)กลับปรับตัวลดลง พร้อมตลาดหุ้นทั่วโลกเหลือเพียง 660 จุดในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกต่างเทขายหุ้น เพราะกลัวธนาคารกลางของสหรัฐ (เฟด) ปรับอัตราดอกเบี้ย แต่เมื่อเฟดตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้เช่นเดิม นักลงทุนต่างนำเงินกลับมาเข้าตลาดหุ้น ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง
ขณะที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดี ประเทศไทยกลับเจอสภาวะรัฐประหารในเดือนกันยายน นักลงทุนสับสนและไม่มั่นใจในสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทย ดัชนีหุ้นจึงไม่ขยับขึ้นอย่างที่คาดหวังกันไว้
เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย ตลาดหุ้นไทยจึงกลับมายืนเหนือระดับ 700 จุดได้อีกครั้ง จนปัจจุบันดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยอยู่ที่ 740 จุดซึ่งเมื่อเทียบกับต้นปีที่ดัชนี 706 จุด คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 4.8%
ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงจากต้นปีไม่มากเท่าไหร่นัก นักลงทุนแบบเน้นคุณค่ากลับทำผลตอบแทนจากการลงทุนได้ดีกันมากๆ ในปีนี้ ในช่วงเวลาเดียวกันตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน นักลงทุนบางท่านทำผลตอบแทนได้ในระดับกว่า 30-50% บางท่านทำผลตอบแทนได้มากกว่า 100% เลยทีเดียว นับว่าปีนี้เป็นปีทองของนักลงทุนแบบเน้นคุณค่ามากๆ
หุ้นส่วนใหญ่ที่ทำผลตอบแทนได้ดีในปีนี้ มักเป็นหุ้นที่มีขนาดเล็ก มาร์เก็ตแคปไม่มากนัก รวมทั้งเป็นหุ้นที่นักวิเคราะห์ไม่ค่อยให้ความสนใจมาก เนื่องจากนักลงทุนสถาบันไม่นิยมลงทุนในหุ้นขนาดเล็กเหล่านี้ อาจเป็นเพราะสภาพคล่องน้อย หรือมีจำนวนหุ้นในตลาดน้อยเกินไปที่จะถือได้ ยิ่งถ้าเป็นนักลงทุนต่างชาติยิ่งให้ความสำคัญกับหุ้นเหล่านี้น้อยมากๆ ซึ่งโดยปกติต่างชาติมักจะซื้อขายในหุ้นที่มีขนาดมาร์เก็ตแคปใหญ่ๆ มากกว่า
ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้หุ้นเหล่านี้ไม่มีนักวิเคราะห์ติดตามมากนัก ทำให้มีราคาในตลาดต่ำกว่ามูลค่าอยู่มากพอสมควร นักลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่มองหาหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง จึงทำผลตอบแทนได้ดีมากๆ ในปีนี้
จากผลตอบแทนดังกล่าวอาจทำให้นักลงทุนในตลาดมองว่า การลงทุนแบบเน้นคุณค่าเป็นการลงทุนที่ง่ายและทำผลตอบแทนสูงได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญมากกว่าการทำผลตอบแทนในปีนั้นๆได้สูงๆ ก็คือ การทำผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการสร้างพอร์ตการลงทุนในระยะยาว
ตัวอย่างเช่น ถ้าปีนี้พอร์ตการลงทุนของนักลงทุนทำผลตอบแทนได้ 100% แต่ปีถัดไปเกิดผิดพลาดขาดทุนไป -50% ซึ่งทำให้ผลตอบแทนของการลงทุนในช่วงสองปีก็คือ 0% หรือกลับมาอยู่ที่เท่าเดิม
ขณะที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนระดับโลกนั้นมีผลตอบแทนจากการลงทุนทบต้นเพียงปีละ 24% เท่านั้น ซึ่งถือว่าไม่มากนักถ้าเทียบกับผลตอบแทนของนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าได้รับในปีนี้ แต่บัฟเฟตต์สามารถทำผลตอบแทนในระดับดังกล่าวได้อย่างยาวนานต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสิบปี ซึ่งด้วยยุทธวิธีดังกล่าวทำให้เขารวยได้เป็นอันดับสองของโลก
ถ้านักลงทุนสามารถทำผลตอบแทนจากการลงทุนได้ปีละ 100% ทุกปี จากเงินลงทุนเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาท เงินดังกล่าวจะกลายเป็น 1,000 ล้านบาทใน 10 ปี และภายในเวลา 20 ปี จะกลายเป็นเงิน 1 ล้านล้านบาท (ซึ่งเท่ากับงบประมาณประเทศไทยทั้งประเทศ)
จะเห็นว่า การทำผลตอบแทนสูงๆ นั้นในระยะยาวแล้ว มีโอกาสเป็นไปได้ไม่ง่ายนัก ดังนั้น นักลงทุนที่ทำผลตอบแทนได้ปีละ 15-25% ก็ไม่ต้องไปวิตกกังวลมากนัก เพียงแต่ท่านสามารถทำผลตอบแทนดังกล่าวได้อย่างต่อเนื่อง ก็ เพียงพอ ที่จะทำให้พอร์ตการลงทุนของท่านเติบโตอย่างเห็นผลได้ในระยะยาว
|
|