Cover Story





B- School





Small Biz





ถนนนักลงทุน





Local Biz





Property





ธุรกิจการตลาด





Travel Biz





Food Biz





I - Biz





Auto Biz




วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2549














Value Way : วิกฤติหรือโอกาส

วิบูลย์ พึงประเสริฐ
การรัฐประหารครั้งที่ 9 ของประวัติศาสตร์ไทยที่เกิดขึ้นในช่วงคืนวันอังคารที่ 19 กันยายน 2549 โดยเหล่าทหารทั้งสามเหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นักลงทุนต่างกังวลต่อสถานการณ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากโอกาสที่เกิดการปฏิวัติรัฐประหารไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก นักลงทุนรายย่อยจำนวนมากไม่เคยผ่านวิกฤตการณ์ปฏิวัติสมัย รสช.มาก่อน จึงไม่มีประสบการณ์ในตลาดหุ้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น

โชคดีที่การปฏิวัติครั้งนี้ ไม่มีการปะทะกันของสองฝ่าย ทุกอย่างเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ที่น่าแปลกใจคือประชาชนกลับออกมาให้กำลังใจทหารที่ออกมาประจำตามจุดต่างๆ บ้างพาลูกหลานออกมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ให้ดอกไม้แก่ทหาร รวมทั้งยังพบเห็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเยี่ยมชมตามสถานที่สำคัญที่มีทหารหรือรถถังจอดอยู่ ผิดกับการปฏิวัติครั้งก่อนๆ ที่ประชาชนมักต่อต้านและไม่เห็นด้วย หรือมีการสู้รบกันระหว่างฝ่ายต่างๆ

หลังจากข่าวการปฏิวัติครั้งนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกลดลงทั้งอเมริกา ยุโรปและเอเชีย ส่วนตลาดหุ้นไทยปิดทำการในวันรุ่งขึ้น จึงไม่มีการซื้อขาย มิฉะนั้นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยอาจดิ่งลงอย่างแรง หลังจากนั้นหนึ่งวันตลาดหุ้นไทยเปิดทำการวันแรก ดัชนีหุ้นไทยลดลงกว่า 20 จุด คิดเป็นประมาณ 3% และสามารถดีดตัวกลับแต่ยังอยู่ในแดนลบจนปิดตลาด

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนรายย่อยจำนวนมากเกิดคำถามว่าควรทำอย่างไรดีกับหุ้นในพอร์ตช่วงนี้ จะขาย จะถือหรือซื้อดี ถ้าพิจารณาจากข่าวต่างๆ พบว่านักลงทุนในตลาดช่วงนี้แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคาดว่าเหตุการณ์ต่างๆ เป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้น ในระยะยาวแล้วธุรกิจต่างๆ ยังคงดำเนินไปได้ตามปกติ การที่หุ้นถูกเทขายช่วงนี้ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่ซื้อหุ้นคุณภาพดีในราคาถูก ส่วนนักวิเคาระห์อีกฝ่ายหนึ่งกลับมองว่าเป็นวิกฤตการณ์ที่ควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในช่วงนี้ เพราะความไม่แน่นอนในสถานการณ์ยังคงมีอยู่ การปฏิวัติครั้งนี้ทำให้ความเชื่อมั่นของต่างชาติต่อประเทศไทยลดลง ซึ่งอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศและตลาดหุ้นไทยในที่สุด

จะเห็นว่าการตัดสินใจในการลงทุนขึ้นกับมุมมองของแต่ละบุคคล ซึ่งไม่เหมือนกัน ดังนั้นคำถามที่ว่าทำอย่างไรกับพอร์ตที่มีอยู่ น่าจะขึ้นกับลักษณะการลงทุนของนักลงทุนท่านนั้นว่าเป็นอย่างไร

นักเก็งกำไรคงจำเป็นต้องขายหุ้นออกจากพอร์ตไป ถึงแม้ต้องตัดขาดทุนเพื่อลดความไม่นอนที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้น

ส่วนนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าคงต้องพิจารณาหุ้นในพอร์ตว่าเป็นหุ้นประเภทใด ถ้าเป็นหุ้นถือลงทุนระยะยาว ถือยาวเป็นปีได้คาดว่าคงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ราคาหุ้นที่ลดลงอาจเป็นโอกาสดีที่ได้ซื้อเพิ่ม ส่วนหุ้นที่มีเป้าหมายระยะเวลาการถือครองไม่นานนัก อาจต้องปรับพอร์ตกันบ้าง

ยิ่งถ้าเป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเมืองควรหลีกเลี่ยง..!!

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผลกระทบต่อตลาดหุ้นในระยะสั้นคงมีอย่างแน่นอน ราคาหุ้นที่ลดลงในช่วงนี้ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะนักลงทุนต่างชาติหรือกองทุนอาจขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งเป็นเรื่องทางจิตวิทยา ซึ่งมีผลต่อราคาหุ้นในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้ว ราคาหุ้นจะปรับตัวตามผลประกอบการของบริษัทมากกว่า

ถ้านักลงทุนมั่นใจในพื้นฐานของบริษัทที่ถืออยู่ว่า ในระยะยาวไม่มีผลกระทบจากการปฏิวัติการปกครองที่เกิดขึ้น คงไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก อย่าลืมว่าใน "วิกฤติ" มักมี "โอกาส" ซ่อนอยู่เสมอ


About Us I Suggestion I Site Map I GetThaiFont | Contact Us I Privacy Policy
copyright @ NKT NEWS CO.,LTD.