
Value Way : มือใหม่ (3)
วิบูลย์ พึงประเสริฐ
นักลงทุนมือใหม่จำนวนมากไม่ใช่นักลงทุนอาชีพ หรือไม่ได้ลงทุนเต็มเวลา นั่นหมายความว่ามือใหม่เหล่านี้ต่างมีหน้าที่การงานทำเป็นปกติทุกวันอยู่แล้ว การเข้ามาลงทุนในหุ้นเพื่อต้องการเรียนรู้การซื้อขายหุ้น มีหลายท่านต้องการ รวย และอีกหลายท่านอยากลองทำอะไรเสี่ยงๆ ดูบ้าง ชีวิตจะได้มีรสชาติ
ขณะเดียวกันมือใหม่ส่วนใหญ่ไม่ได้ละทิ้งงานที่ทำอยู่มาเฝ้าหน้ากระดานหุ้นตามห้องค้าตลอดเวลา การซื้อขายหุ้นส่วนใหญ่มักทำการซื้อขายผ่านมาร์เกตติ้งของบริษัทโบรกเกอร์ หรือถ้ามีเวลาอาจซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยตนเอง
การลงทุนในตลาดหุ้นนั้นมีด้วยกันหลายแบบทั้งเก็งกำไร ลงทุน หรือซื้อขายตามข่าว นักลงทุนหน้าใหม่จำนวนมากต้องใช้เวลาสักพักถึงจะค้นหากลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะกับตนเอง ขออนุญาตเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับนักลงทุนหุ้นมือใหม่สักสองสามตัวอย่าง เพื่อให้เป็นข้อมูลการตัดสินใจลงทุนของท่านที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่า ควรลงทุนแบบใดในตลาดหุ้น
ตัวอย่างที่หนึ่ง
สมชายเป็นนักธุรกิจขนาดย่อม หรือเรียกกันด้วยคำทันสมัยว่า นักธุรกิจเอสเอ็มอี (SME) ขนาดธุรกิจของสมชายไม่ใหญ่นัก การดำเนินธุรกิจซื้อมาขายไปเป็นไปด้วยดี ทุกกิจกรรมของบริษัทต้องผ่านการอนุมัติจากสมชายทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของ จ่ายเงิน หรือส่งของให้กับลูกค้า สมชายไปทำงานทุกวันตั้งแต่เช้ายันดึก เวลาทำงานของสมชายจะดูวุ่นวาย เพราะมีเรื่องของบริษัทให้เขาตัดสินใจค่อนข้างมาก
แต่สมชายก็ยินดีและสนุกกับงาน ธุรกิจของเขาทำเงินได้ดีมาก เนื่องจากเป็นธุรกิจขนาดเล็กและไม่มีความจำเป็นต้องขยายงานในตอนนี้ จนเขาเหลือเงินเก็บจากการธุรกิจก้อนหนึ่งหลายล้านบาท เงินทั้งหมดฝากไว้ในแบงก์เพียงอย่างเดียว
วันหนึ่งสมชายไปงานเลี้ยงรุ่น ได้เจอกับเพื่อนคนหนึ่งที่เคยเรียนด้วยกันตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อนคนนี้เป็นลูกชายของเจ้าของบริษัทใหญ่บริษัทหนึ่ง เพื่อนบอกสมชายว่าเขาทำเงินจากตลาดหุ้นได้หลายสิบล้านบาทในช่วงที่ผ่านมาไม่กี่เดือน สมชายเห็นว่าการหาเงินจากตลาดหุ้นทำไมเป็นเรื่องง่ายเสียเหลือเกิน ถ้าเขานำเงินเก็บที่มีมา เล่นหุ้น ละก็ คงทำให้เขาเป็น เศรษฐีร้อยล้าน ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องอดทนเก็บเงินจากการทำธุรกิจของเขา ซึ่งต้องใช้เวลาอีกหลายปีทีเดียวกว่าจะเก็บเงินได้เท่านี้
คิดได้ดังนี้ สมชายจึงไปเปิดพอร์ตซื้อขายหุ้นกับโบรกเกอร์แห่งหนึ่งที่เพื่อนแนะนำ เนื่องด้วยการทำธุรกิจในปัจจุบันทำให้เขาต้องเดินทางไปพบลูกค้าในช่วงเวลาทำงานอยู่บ่อยๆ การซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตตอนช่วงกลางวันคงไม่สะดวก เขาจึงตัดสินใจซื้อขายโดยใช้วิธีโทรศัพท์สั่งซื้อขายผ่านทางมาร์(เก็ตติ้ง)แทน
ในช่วงเริ่มต้น สมชายยังกลัวความเสี่ยงจากการเล่นหุ้นอยู่บ้าง จึงนำเงินเก็บเพียงหลักแสนมา ลอง ซื้อขายหุ้นดูในเวลาที่ตลาดหุ้นเปิดทำการ กลยุทธ์การลงทุนของสมชายคือซื้อมาขายไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับสมชายคือ ราคาหุ้น ถ้าซื้อมาราคาหุ้นขึ้นไป เขาจะขายทำกำไรอย่างรวดเร็ว ถ้าหุ้นที่ซื้อมาราคาลดลง เขาจะรออย่างใจเย็นจนกว่าราคาหุ้นกลับมาที่ราคาเดิมหรือสูงกว่า ปรากฏว่าในช่วงที่สมชายเข้าตลาดใหม่ๆ ดัชนีตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สมชายทำกำไรจากตลาดหุ้นได้ทุกครั้งที่เขาทำการซื้อขาย ถึงแม้บางครั้งราคาหุ้นจะลดต่ำลง แต่ก็ดีดกลับมาสูงกว่าราคาที่เขาซื้อมาได้ทุกครั้ง
เวลาผ่านไปสามเดือน ตอนนี้สมชายเริ่มมั่นใจใน ฝีมือของตนมากขึ้นเรื่อยๆ จากเงินลงทุนเพียงไม่กี่แสนบาท กำไรที่ได้มาตอนนี้นับได้ประมาณเท่าตัวของเงินลงทุน หรือหลายแสนบาท เขาคิดว่าถ้าเขานำเงินเก็บทั้งหมดมาซื้อหุ้นและทำกำไรได้เหมือนที่ผ่านมา จะทำให้เขามีเงินเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งเท่าตัว ทำเช่นนี้สักระยะหนึ่ง ความฝันของการเป็น เศรษฐีร้อยล้าน คงเป็นจริงได้ในเวลาอันรวดเร็ว
เขาเริ่มนำเงินเก็บทั้งหมดมาทำการซื้อขายหุ้น โดยการ "ทุ่มสุดตัว" กับหุ้นที่เขามั่นใจว่า ราคาหุ้นจะต้องสูงขึ้นกว่าเดิมแน่ๆ โดยเฉพาะตอนนี้มีข่าววงในว่าหุ้นตัวนี้ราคาจะกระโดดไปมากกว่านี้หลายเท่าตัว
แต่โชคไม่เข้าข้างหลังจากซื้อหุ้นได้เพียงวันเดียว ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา (หรือเฟด) ประกาศขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นอย่างผิดความคาดหมายของนักวิเคาระห์ ทำให้นักลงทุนในตลาดหุ้นต่างตื่นตกใจกับข่าวที่เกิดขึ้น ตลาดหุ้นทั่วโลกลดลงต่ำเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งตลาดหุ้นไทย นักลงทุนต่างประเทศต่างเทขายหุ้นเอเชียอย่างหนัก
สมชายกังวลเป็นอย่างมาก เพราะไม่เคยประสบกับภาวะตลาดหุ้นตกต่ำอย่างหนักเช่นนี้มาก่อน เขาได้แต่ภาวนาว่า ราคาหุ้นจะกลับไปเท่าเดิมในระยะเวลาอันสั้นเช่นเดิม แต่ราคาหุ้นกลับลดต่ำลงไปเรื่อยๆ ดัชนีหุ้นลดลงมากกว่าร้อยจุดในเวลาเพียงไม่กี่อาทิตย์ ข่าวในหนังสือพิมพ์เต็มไปด้วยข่าวร้าย ทุกบทความเกี่ยวกับหุ้นกล่าวว่านี่เป็นจุดจบของตลาดหุ้นไทย และในปีนี้ตลาดหุ้นคงไม่สามารถกลับไปยืนที่จุดเดิมได้อีกแล้ว
หลังจากประเมินสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว สมชายตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดออกจากพอร์ตทั้งๆ ที่ขาดทุน เพราะกลัวราคาหุ้นอาจลดต่ำลงไปอีก ปรากฏว่ากำไรที่ได้มาจากการซื้อขายหุ้นที่ผ่านมาทั้งหมดต้องคืนกลับตลาดหุ้นไป แถมด้วยเงินที่ขาดทุนจากการซื้อขายครั้งสุดท้ายอีกเกือบครึ่งของเงินเก็บทั้งหมด
สมชายประกาศเลิกยุ่งเกี่ยวกับตลาดหุ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
นี่เป็นเพียงตัวอย่างแรก แต่เนื้อที่หมดเสียแล้ว ไว้คราวหน้ามาลองดู "มือใหม่" ในแบบต่างๆ
|