Cover Story





B- School





Small Biz





ถนนนักลงทุน





Local Biz





Property





ธุรกิจการตลาด





Travel Biz





Food Biz





I - Biz





Auto Biz




วันศุกร์ที่ 08 กรกฎาคม พ.ศ. 2548














บทเรียนการลงทุน 1

มนตรี นิพิฐวิทยา
มีนักลงทุนหลายท่านที่ต้องการประสบความสำเร็จจากการลงทุน ต้องการพบอิสรภาพทางการเงิน ต้องการสร้างผลงานการลงทุนของตนเอง แต่ก็มีน้อยคนที่ยังพยายามทำเรื่องดังกล่าวที่ว่านี้อยู่

ผมเองเป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องการทำสิ่งเหล่านั้นให้เสร็จสิ้นก่อนที่ผมจะจากโลกนี้ไป ความพยายามของผมยังไม่เสร็จสิ้น ผมเองยังมีความผิดพลาดในการลงทุนอยู่อีกมาก ในบางครั้ง บางโอกาส ผมก็ยังแอบไปเก็งกำไรในสิ่งที่ผมไม่รู้ไม่เข้าใจ ผมยังมีความโลภ ความกล้า ความกลัวในปริมาณที่สูงอยู่มาก

ผมเองพยายามควบคุมและจำกัดสิ่งต่างๆ ที่จะมาบั่นทอนเวลาและโอกาสในการประสบความสำเร็จอย่างที่ผมตั้งเป้าหมายเอาไว้ให้มากที่สุด สิ่งที่ผมมักจะทำอยู่บ่อยๆ คือการนำเอาข้อคิดของวีรบุรุษการลงทุนที่ผมพยายามยึดเอาไว้เป็นแบบอย่างขึ้นมาอ่านทบทวนอยู่เสมอ และพยายามดูว่าเราเดินออกนอกลู่นอกทางไปตรงไหน เมื่อพบแล้วเราต้องรีบแก้ไข ปรับปรุงในทันที เพื่อมิให้เราเดินหลงทางไปไกลนัก ซึ่งจะทำให้เราเสียเวลาและทรัพยากรที่มีค่าไปโดยเปล่าประโยชน์

ผมเองชอบแนวคิดของ Warren Buffett เป็นอย่างมาก เพราะเมื่อพิจารณาแล้วมันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่สุดแล้ว สำหรับผมแล้วตำราการลงทุนที่ยอดเยี่ยมมักจะมาจากปากของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง การพูดอย่างน่าหมั่นไส้ ตรงไปตรงมานั้นมักจะไม่ค่อยเข้าหูคนฟังคนอ่านเท่าไรนัก อาจพาให้เรานึกหมั่นไส้แล้วละเลยเนื้อหาและประเด็นที่น่าคิด น่าสนใจไปอย่างน่าเสียดาย

ในโอกาสนี้ผมอยากจะรวบรวมข้อคิดดีๆ และความคิดเห็นของผมเกี่ยวกับข้อคิดของ Warren Buffett ซึ่งผมได้อ่าน ได้ศึกษา และลองนำมาปฏิบัติ มาคุยกับคุณๆ กันครับ

ปรัชญาการลงทุนข้อแรก และเป็นข้อที่นักลงทุนทั้งหลายต้องจดจำให้ขึ้นใจก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้งคือ

กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน

กฎข้อที่2 อย่าลืมกฎข้อที่ 1

คนฟังทีแรกก็บอกว่ามันทำยาก เราจะไม่พลาดบ้างเลยหรือ แต่ถ้าอ่านกันให้ดีๆ เขาบอกว่า อย่ายอมขาดทุน ไม่ได้บอกว่าเราจะขาดทุนหรือ พลาดบ้างไม่ได้ ลองนึกว่าชีวิตนี้เราสามารถลงทุนได้เพียงยี่สิบครั้ง หากเราตัดสินใจลงทุนผิดพลาดบ่อยๆ โอกาสของเราจะลดลงไปเรื่อยๆ และอาจหมดลงไปได้ ผมเห็นมาหลายคนแล้วที่ปล่อยให้โอกาสหมดลงไปอย่างน่าเสียดาย

บางครั้ง บางเวลา เรามีเงินอยู่ในกระเป๋าน้อยเต็มที่ การที่เราจะใช้สอยเงินจำนวนนั้นเราต้องคิดมากหน่อย ไปใช้สุรุ่ยสุร่าย การลงทุนก็เช่นเดียวกัน หากคุณพลาด คุณอาจไม่เสียเงินทั้งหมดของคุณไปแต่มันทำให้คุณเสียเวลา เอามันกลับคืนมาและทำมันให้งอกเงยต่อไป

Warren กล่าวเอาไว้ว่า "เมื่อใดที่คุณมีสภาพจิตใจที่เหมาะสม ประกอบกับสติปัญญาที่ดี เมื่อนั้นแหละ คุณจะประพฤติตัวอย่างมีเหตุผล" การลงทุนนั้นไม่ได้มีอะไรสลับซับซ้อน ไม่ต้องการการคำนวณชั้นสูงอย่างที่เรียนกันในมหาวิทยาลัย หุ้นคือส่วนหนึ่งของธุรกิจ ตลาดหุ้นซึ่งเปลี่ยนแปลงขึ้นลง ไม่ใช่ศัตรูแต่เป็นมิตรกับเรา เพียงแต่เราไม่เขาไปมีส่วนร่วมในความโง่เขลานั้น แต่เราหาโอกาสทำกำไรจากสิ่งนั้นต่างหาก

สิ่งที่จะทำให้เราปลอดภัยได้นั้นคือ "ส่วนต่างความปลอดภัย หรือ Margin of Safety" จำคำๆ นี้ไว้ให้ดีครับ สำคัญมาก

ในเรื่องของการซื้อขายหุ้นเพื่อเอาชนะการลดลงของเงินหรือ การเอาชนะอัตราเงินเฟ้อ หรือแม้แต่การเอาชนะตลาดนั้น Warren กล่าวไว้ว่า "หากคุณคิดว่า คุณสามารถเอาชนะภาวะเงินเฟ้อได้ด้วยการวิ่งเข้าวิ่งออกตลาดหุ้น ผมอยากจะเป็นโบรกเกอร์ของคุณ แต่ผมไม่ขอยอมเป็นหุ้นส่วนของคุณแน่" เรื่องนี้ผมเห็นด้วยอย่างมาก หากลองคิดย้อนหลังดูว่าที่ผ่านมาคุณจ่ายค่านายหน้าซื้อขายไปเป็นจำนวนเท่าไร คุณจะตกใจว่าทำไมมันมากนัก (สำหรับการซื้อขายบ่อยๆ) และสำหรับการลงทุนยาวๆ แล้วน่าตกใจเช่นกัน เพราะทำไมมันน้อยนัก

"ผมคงต้องไปถือกะลาขอทาน ถ้าหากตลาดมีประสิทธิภาพตลอดเวลา" คำกล่าวนี้น่าสนใจมาก Warren กำลังจะบอกว่า เขาใช้ประโยชน์จากการที่ตลาดไม่ได้มีประสิทธิภาพตลอดเวลา โดยเฉพาะตลาดที่มีผู้เล่นส่วนใหญ่ขาดเหตุผลในการลงทุนบ้านเรา ตลาดหุ้นเป็นตลาดเกิดใหม่และมีมูลค่าตลาดรวมน้อยมาก มีบริษัทเล็กบริษัทน้อยมากมาย

กลุ่มคนที่เห็นโอกาสทำกำไรจากความไม่มีประสิทธิภาพของตลาดก็มีไม่น้อย และในการสร้างภาพลวงตาให้แก่ผู้เล่นรายเล็กรายน้อย ซึ่งรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ก็จะทำได้ง่ายและใช้เงินจำนวนไม่มาก ที่ผ่านมาเราได้เห็นปรากฏการณ์ทำนองนี้บ่อยครั้ง แต่ละครั้งก็สร้างความสูญเสียให้แก่รายย่อยไม่ใช่น้อย แต่ปรากฏการเช่นนี้ก็ยังคงเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก เพียงแต่ต่างโอกาส ต่างเวลาและต่างหุ้นกันไป

ตามที่นักวิชาการด้านการลงทุนได้ให้คำจำกัดความเอาไว้ว่า ตลาดที่มีประสิทธิภาพนั้น นักลงทุนทุกคนเป็นนักลงทุนที่มีเหตุผลในการลงทุน การรับรู้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ เป็นไปอย่างเท่าเทียมกัน ดังนั้นราคาหุ้นจะสะท้อนสาระสำคัญจนหมดสิ้น และไม่มีนักลงทุนคนใดเอาชนะตลาดได้

ดังนั้น การวิเคราะห์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านพื้นฐาน และเทคนิคจะไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด เช่นนั้นแล้วนักลงทุนควรลงทุนในกลุ่มหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวตามตลาด หรือแปลง่ายๆ ก็คือคุณไม่ต้องไปวิเคราะห์อะไรให้วุ่นวายหรอก เลือกหุ้นที่ประวัติการเคลื่อนไหวของราคา(Beta)ไปตามตลาด ก็พอแล้ว

Warren เห็นว่า การทำเช่นนี้ไร้สาระสิ้นดี เหมือนเป็นการหลับตาเดินไต่ราวลวด และลงทุนโดยไม่ใช้สมองคิดอะไรเลย โดยสามัญสำนึกแล้ว การลงร่วมลงทุนทำธุรกิจอะไรสักอย่าง เราคงไม่หลับหูหลับตาเอาเงินให้ใครก็ได้ ไปทำอะไรก็ได้โดยไม่ดูอะไรเลยอย่างแน่นอน

แต่ทำไมการศึกษาด้านการลงทุนในมหาวิทยาลัยจึงไม่ค่อยบรรจุหลักการลงทุนแบบเน้นมูลค่าที่ค่อนข้างง่ายเข้าใจง่าย แต่กลับไปเรียนไปสอนกันแต่เรื่องที่ยาก สลับซับซ้อน เขาจะบอกว่า "พวกนักวิชาการนั้นชอบทำแต่เรื่องยากๆ เรื่องอะไรที่ง่ายไปเขาจะไม่ทำ เพราะจะไม่ได้แสดงภูมิปัญญา"

บทเรียนการลงทุนจากนักลงทุนระดับมหาเศรษฐีของโลกยังไม่หมดแค่นี้ ผมจะค่อยๆ นำเสนอให้คุณๆ ได้อ่านกันอีกหลายตอนครับ งานนี้ต้องติดตามกัน


About Us I Suggestion I Site Map I GetThaiFont | Contact Us I Privacy Policy
copyright @ 2004 Nation Group / Produced & Designed by : KT Internet Dept.