Cover Story





B- School





Small Biz





ถนนนักลงทุน





Local Biz





Property





ธุรกิจการตลาด





Travel Biz





Food Biz





I - Biz





Auto Biz




วันศุกร์ที่ 02 มิถุนายน พ.ศ. 2549














ช่วงทดสอบจิตใจ

วิบูลย์ พึงประเสริฐ
ปลายปีที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นต่างให้ความเห็นแตกต่างกันไป บ้างก็ว่าตลาดหุ้นในปีนี้จะดีขึ้น บ้างก็ว่าตลาดหุ้นปีนี้จะแย่ลงหรือทรงตัว เมื่อเวลาผ่านไปตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเมษายน ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นตามลำดับ จากดัชนีต้นปีที่ 706 จุด มาอยู่ที่ 780 จุด เพิ่มขึ้นกว่า 10% เนื่องจากนักลงทุนต่างชาตินำเงินมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องกว่าแสนล้านบาท นับว่าเป็นมูลค่าการซื้อหุ้นไทยสูงที่สุดในรอบหลายๆ ปีเลยทีเดียว

นักลงทุนรายย่อยจากที่ยังลังเลในต้นปี เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นในช่วงเดือนหลังๆ เพราะซื้อหุ้นแล้วมักได้กำไรทุกที จึงนำเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น

ถ้าสังเกตจะพบว่ามีการพูดถึงการซื้อขายหุ้นกันมากขึ้นตามสถานที่ต่างๆ เช่น ที่ทำงาน บางคนอาจไม่เคยลงทุนมาก่อนยังนำเงินที่เก็บไว้มาซื้อหุ้นด้วย เพราะคาดว่าตลาดหุ้นสามารถทำกำไรให้ได้เหมือนกับที่ผ่านมา

แต่แล้วฝันที่เคยวาดไว้กลับพังทลาย ตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเวลาของการ "ทดสอบจิตใจ" นักลงทุนเป็นอย่างดี

ภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ ดัชนีหุ้นไทยลดลงจากจุดสูงสุดในรอบปีที่ 787 จุด ลงเหลือ 716 จุด แรงขายส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนต่างชาติซึ่งเป็นผู้ขายสุทธิกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท

นักลงทุนรายย่อยต่างประสบภาวะขาดทุนจากตลาดหุ้นในช่วงนี้ บางท่านโทรมาขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญว่าทำอย่างไรดีกับหุ้นที่ถืออยู่ดี จะขายก็ขาดทุน จะถือไว้ต่อก็กลัวหุ้นลงไปมากกว่าเดิม บางคนถึงกับกินไม่ได้ นอนไม่หลับเลยทีเดียว นับว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสับสนของนักลงทุนรายย่อยจริงๆ

นั่นเป็นเพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ได้ลงทุนอย่างมีหลักการมากนัก ส่วนมากมักซื้อหุ้นตามคนอื่นๆ โดยไม่ได้วิเคราะห์บริษัทที่ลงทุนด้วยตนเอง จึงไม่เข้าใจพื้นฐานของบริษัทจริงๆ อีกทั้งซื้อหุ้นมามักขายทำกำไรในระยะเวลาสั้นๆ และเมื่อพบกับสภาพตลาดหุ้นที่ตกต่ำจึงไม่รู้จะทำอย่างไรดี

ก่อนอื่นนักลงทุนต้องเข้าใจก่อนว่า สภาวะตลาดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นทั่วโลก เพราะนักลงทุนประเภทเฮดจ์ฟันด์ทำการเทขายหุ้นในตลาดหุ้น เนื่องมาจากความกังวลต่ออัตราเงินเฟ้อในสหรัฐ ที่อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐขึ้นดอกเบี้ย

นักลงทุนประเภทเข้าเร็วออกเร็วจึงขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง เมื่อราคาหุ้นลดลงทำให้นักลงทุนสถาบันอื่นๆ กลัวว่าพอร์ตของตนจะมีมูลค่าลดลงจึงขายตามออกมาบ้าง ทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อนักลงทุนอื่นๆ ในตลาด ดัชนีหุ้นจึงลดลงอย่างรวดเร็ว การลงทุนของต่างชาติมักซื้อขายหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปค่อนข้างสูง ทำให้มีผลต่อการคำนวณดัชนีมาก

สำหรับนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า สภาพเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นการ "ทดสอบจิตใจ" เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ว่านักลงทุนแบบเน้นคุณค่าจะไม่ ”ขาดทุน” จากสภาพตลาดในปัจจุบัน แต่วิธีการคิดในการลงทุนที่แตกต่างออกไป ทำให้มุมมองต่อตลาดหุ้นแตกต่างจากนักลงทุนที่อยู่ในตลาดแบบอื่นๆ

ขณะที่นักลงทุนอื่นๆ กำลังเทขายหุ้นอย่างไม่ลืมหูลืมตาอยู่นั้น นักลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่ทำการบ้านมาอย่างดี จะพบว่ามีหุ้นจำนวนมากที่ถูก ”ความกลัว” ของนักลงทุนในตลาด ทำให้ราคาหุ้นลดลงเป็นอย่างมาก ในขณะที่พื้นฐานของธุรกิจไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

ถ้าเราคิดว่าหุ้นบริษัทหนึ่งที่ซื้อมาในราคาสมมติ 10 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่า ”มูลค่า” ที่ควรจะเป็นของหุ้นนั้นๆ วันหนึ่งหุ้นดังกล่าวมีราคาลดลงไปเหลือ 7 บาท นักลงทุนส่วนใหญ่จะคิดว่า ”แย่แล้ว หุ้นนี้ไม่ดี ถือไว้ขาดทุนแน่ ขายดีกว่า” แต่กับนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า จะมองว่าหุ้นนั้นมีราคาถูกกว่าเดิมอีกหลายสิบเปอร์เซ็นต์

ถ้าพิจารณาแล้ว ราคาที่ลดลงไม่ได้เกิดจากพื้นฐานกิจการบริษัท ถือว่าเป็นการขายหุ้นลดราคากระหน่ำซัมเมอร์เซล

อาจารย์เบนจามิน เกรแฮม บิดาของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า เคยกล่าวเอาไว้ว่า “นักลงทุนส่วนใหญ่ซื้อหุ้นเหมือนซื้อน้ำหอม คิดว่ายิ่งแพงยิ่งดี แต่มีนักลงทุนเพียงส่วนน้อยที่ซื้อหุ้นเหมือนซื้อของจากร้านชำ ที่ยิ่งลดราคายิ่งดี นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมีนักลงทุนไม่มากในตลาดหุ้นที่ประสบความสำเร็จในระยะยาว”

ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนแบบใด ถ้าไม่สามารถผ่านช่วงทดสอบจิตใจจากความตกต่ำของตลาดหุ้นไปได้ โอกาสที่จะเอาชนะตลาดหุ้นได้คงมีไม่มากนัก เพราะจริงๆ แล้ว "ตลาดหุ้น" ก็คือ "จิตใจของเราเอง" เอาชนะใจตัวเองไม่ได้ก็ชนะตลาดหุ้นไม่ได้


About Us I Suggestion I Site Map I GetThaiFont | Contact Us I Privacy Policy
copyright @ 2004 Nation Group / Produced & Designed by : KT Internet Dept.