
ชะตาหุ้น (3)
วิบูลย์ พึงประเสริฐ
สิ่งที่มีผลต่อราคาหุ้นนอกเหนือจากจิตวิทยาของนักลงทุนในตลาดแล้ว ในปัจจุบันพบว่า "อำนาจซื้อของต่างชาติ ถือว่าเป็นปัจจัยหลักอย่างหนึ่งที่มีผลต่อดัชนีหุ้นไทยมากพอสมควร
เมื่อใดที่มีรายงานการซื้อของต่างชาติเข้ามาเป็นจำนวนมากเหมือนดังเช่นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นต่างให้ความสำคัญกับปัจจัยนี้ค่อนข้างมาก เพราะการซื้อขายหุ้นของต่างชาติสามารถกำหนดดัชนีหุ้นไทยได้เป็นอย่างดี
นับตั้งแต่ปีใหม่จนถึง 20 มกราคม 2549 ในเวลาเพียง 20 วัน นักลงทุนต่างประเทศมียอดซื้อหุ้นไทยเป็นจำนวนถึง 6 หมื่นล้านบาท ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจากระดับ 700 เป็น 750 จุด ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์
เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้นักลงทุนต่างประเทศสนใจในตลาดหุ้นไทย เท่าที่นักวิเคราะห์กล่าวเอาไว้ก็คือ ตลาดหุ้นไทยในปีที่ผ่านมามีผลประกอบการที่ไม่ดีนัก เพิ่มขึ้นเพียง 6% ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆ ในแถบเอเชียต่างเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้หุ้นไทยยังมีราคาต่ำกว่าหุ้นในตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคนี้ นักลงทุนจึงให้ความสนใจหุ้นไทยมาก
เหตุผลอีกประการ ก็คือ เรื่องที่มีการคาดเดาว่า ธนาคารกลางของสหรัฐหรือเฟดจะหยุดการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น ทำให้ผลตอบแทนของสินทรัพย์ในสหรัฐลดลง นักลงทุนจึงโยกย้ายเงินออกจากตลาดหุ้นสหรัฐมายังตลาดหุ้นอื่นทั่วโลกโดยเฉพาะในแถบเอเชียที่คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
นอกเหนือจากนั้น ยังมีเรื่องของการเก็งกำไรค่าเงินหยวน นักเก็งกำไรค่าเงินต่างมองว่าค่าเงินหยวนของจีนมีค่าอ่อนเกินไป ดังนั้นทางการจีนจึงอาจต้องจำยอมที่จะปล่อยค่าเงินหยวนให้มีค่ามากขึ้น ตามกระแสกดดันของสหรัฐที่ปัจจุบันมียอดขาดดุลการค้ากับจีนปีละหลายแสนล้านดอลลาร์ ถ้าค่าเงินหยวนของจีนมีค่ามากขึ้น ทำให้ค่าเงินในแถบเอเชียแข็งค่ามากขึ้นตามไปด้วย นักลงทุนต่างชาติจึงนำเงินเข้ามาพักในตลาดหุ้นแถบเอเชียเพื่อการเก็งกำไรค่าเงินในอนาคต
ด้วยสาเหตุหลักๆ ดังกล่าวทำให้นักลงทุนต่างชาติพร้อมใจกันทุ่มเงินเข้ามายังตลาดหุ้นเอเชียรวมทั้งตลาดหุ้นไทยเป็นอย่างมากในช่วงต้นปีนี้ เม็ดเงินต่างชาติที่เข้ามาเป็นจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้นทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
มีผู้รู้เคยเปรียบเทียบว่า "ปริมาณเงิน ที่หมุนเวียนอยู่ในโลกนี้เป็นเสมือน "ปริมาณน้ำ ที่หล่อเลี้ยงธุรกิจและตลาดเงินตลาดทุนไปทั่วโลก ยิ่งการเปิดเสรีทางการเงินที่มีมากขึ้น ทำให้การเข้าออกของเงินทุนระหว่างประเทศต่างๆ เป็นไปอย่างอย่างง่ายดาย
ปริมาณเงินดังกล่าวจะไหลจากที่มีผลตอบแทนต่ำไปหาที่มีผลตอบแทนสูงกว่า เช่นเดียวกับน้ำที่ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ ถ้าที่ไหนในโลกนี้สามารถที่จะทำผลตอบแทนได้มากกว่าอีกที่หนึ่ง นักลงทุนจะโยกย้ายเงินลงทุนไปที่นั่นทันที ทำให้ความผันผวนของตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกมีมากขึ้น เงินที่พร้อมที่จะเก็งกำไรในส่วนต่างของผลตอบแทนจึงมีปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ยกตัวอย่างเช่น ตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าตลาดประมาณ 5 ล้านล้านบาท ซึ่งถ้าเทียบกับปริมาณเงินที่หมุนเวียนอยู่ในโลกการลงทุนถือว่าน้อยมากๆ เพราะมูลค่าตลาดทั้งหมดของตลาดหุ้นไทยเทียบได้เพียงแค่บริษัทไมโครซอฟท์บริษัทเดียวเท่านั้นเอง ขณะที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กมีหุ้นแบบไมโครซอฟท์เป็นร้อยๆ บริษัท ทำให้มูลค่าตลาดหุ้นนิวยอร์กมากกว่าตลาดหุ้นไทยหลายร้อยเท่า ถ้าเพียงแค่นักลงทุนตัดสินใจถอนการลงทุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กมาตลาดหุ้นไทยเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเพิ่มสูงขึ้นมากได้อย่างรวดเร็ว
การซื้อขายของต่างชาติมีผลต่อตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก นักลงทุนบางกลุ่มจึงใช้ทฤษฎีในเรื่องของเงินต่างชาติที่ไหลเข้าออก (Capital Fund Flow) มาใช้ในการทำนายภาวะของตลาดหุ้นไทย
โดยพิจารณาจากการไหลเข้าของเงินลงทุนจากต่างประเทศที่มุ่งหาผลตอบแทนที่สูงกว่าที่อื่นๆในโลกโดยมองจากมุมของเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ถ้าเงินนั้นไหลเข้ามาในแถบเอเชียรวมทั้งไทย จะมีส่วนทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยเพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกันถ้านักลงทุนต่างชาติมองเห็นที่อื่นในโลกได้ผลตอบแทนดีกว่าก็จะขายหุ้นไทยเพื่อโยกย้ายเงินไปลงทุนในแหล่งอื่น ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยลดลง
นักลงทุนรายย่อยบางส่วนอาจจะใช้ตัววัดปริมาณการซื้อขายของต่างชาติในการตัดสินใจในการลงทุนเช่นเดียวกัน เช่น ถ้าต่างชาติซื้อก็ซื้อตาม ถ้าต่างชาติขายก็ขายตาม แต่บางครั้งสัญญาณการซื้อขายของต่างชาติอาจไม่ถูกต้อง 100% นัก เพราะเงินทุนของนักลงทุนต่างประเทศมีหลายกลุ่มและมาจากหลากหลายสำนัก ดังนั้นมุมมองของต่างชาติอาจไม่เหมือนกัน สัญญาณการซื้อขายของต่างชาติจึงอาจทำให้นักลงทุนสับสนได้ เช่น วันนี้ต่างชาติซื้อ พรุ่งนี้อาจจะกลายเป็นขายก็เป็นไปได้
ความแม่นยำในการใช้ปัจจัยการซื้อขายของต่างชาติต่อการตัดสินใจซื้อขายหุ้นนั้นมีมากน้อยแค่ไหน ยังไม่มีผลการศึกษาอย่างเป็นทางการจึงไม่อาจทราบได้ถึงประสิทธิภาพของสัญญาณดังกล่าว
สำหรับนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าแล้ว ให้ความสำคัญน้อยมากกับปริมาณการซื้อขายของต่างชาติ เพราะการที่เงินไหลจากต่างประเทศเข้ามาซื้อหุ้นไทยนั้น ไม่ได้หมายความว่า หุ้นบริษัทที่นักลงทุนสนใจนั้นจะได้รับความสนใจจากต่างชาติไปด้วย รวมทั้งปริมาณการซื้อขายของต่างชาติก็ไม่ได้บอกว่าหุ้นนั้นๆ เป็นหุ้นที่น่าลงทุนหรือไม่อย่างไร
ถ้านักลงทุนทำการบ้านและเข้าใจในธุรกิจที่ตนเองลงทุนเป็นอย่างดี ปริมาณการซื้อขายของต่างชาติก็ไม่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนแต่อย่างใด
|