Thai Value Investor
Home arrow บทความ arrow Value Way arrow Value Way : 'ซื้อกองทุน' หรือ 'ลงทุนเองดี'
Sunday, 17 April 2005

Company Visit

ไทยแวลูอินเวสเตอร์ เชิญสมาชิกนักลงทุนเข้าเยี่ยมชมกิจการ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)ในวันศุกร์ที่ 22 เมษายน 2548 โดยมีกำหนดการดังนี้

8.15 น. พร้อมกันที่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ชั้น 20 อาคารไทยพาณิชย์ปาร์ค (อาคารอีสต์)
10.00 น. ถึงโรงไฟฟ้าราชบุรี จังหวัดราชบุรี
10.00 – 10.15 น. รับประทานอาหารว่าง
10.15 – 10.35 น. เข้าห้องประชุมเพื่อชมวีดีทัศน์เกี่ยวกับโรงไฟฟ้าราชบุรี
10.35 – 11.15 น. ฟังการบรรยายจากวิทยากรฝ่ายควบคุมการผลิต และตอบข้อซักถาม
11.15 – 12.00 น. เข้าชมโรงไฟฟ้าราชบุรี
12.00 – 13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ที่โรงไฟฟ้าราชบุรี และพักผ่อนตามอัธยาศัย
14.00 น. เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

ท่านสมาชิกที่สนใจกรุณาส่ง PM บอกชื่อ นามสกุล กับเบอร์ติดต่อ ถึงคุณ harry ด่วน
เพื่อสรุปจำนวนแจ้งไปยังบริษัทภายในวันที่ 18 เมษายนนี้ จำนวนจำกัดไม่เกิน 30 ท่าน


Value Way : 'ซื้อกองทุน' หรือ 'ลงทุนเองดี' Print E-mail
User Rating: / 0
PoorBest 
โดย วิบูลย์ พึงประเสริฐ   
Friday, 15 October 2004
คำถามหนึ่งที่มักถามกันบ่อยๆ สำหรับคนที่มีเงินเก็บ ก็คือ มีเงินฝากไว้ในแบงก์ตอนนี้ได้รับดอกเบี้ยเพียงปีละ 1.25% ต่อปี จะนำเงินที่มีไปทำอะไรให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่านี้ได้ เช่น ถ้ามีเงินฝากไว้ในแบงก์ หนึ่งล้านบาทก็จะได้รับดอกเบี้ยปีละ 12,500 บาท หรือ ประมาณเดือนละ 1,000 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับค่าครองชีพและอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันแล้วถือว่าน้อยมาก
ครั้นจะนำเงินไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลก็แย่งซื้อไม่ทัน จะไปซื้อบ้านให้เช่าก็ไม่แน่ใจว่าจะมีคนมาเช่า จะนำเงินไปลงทุนในหุ้นก็เสี่ยงเกินไป หรือจะเอาไปซื้อกองทุนดีกว่าไหม
สำหรับคนที่มีเงินสดมากกว่า 10 ล้านบาท คำถามนี้อาจจะมีคำตอบที่ตอบได้ไม่ยากนัก เพราะบริษัทเงินทุนต่างๆ จะมีหน่วยงาน “กองทุนส่วนบุคคล” รับทำหน้าที่ในการบริหารเงินให้กับท่าน โดยที่ท่านเพียงตัดสินใจว่าจะแบ่งสรรปันส่วนไปลงทุนในด้านใดบ้าง จากนั้นก็จ่ายค่าธรรมเนียมในการบริหารเงินให้กับผู้จัดการกองทุนก็เป็นอันเรียบร้อย
สำหรับคนที่มีเงินเก็บพอสมควร แต่ไม่ถึงขนาดที่จะมีเงินหลือพอที่จะนำเงินไปให้ผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคลทั้งหลายบริหาร ก็จะมีคำถามที่ว่า ”จะนำเงินไปทำอะไรดี” ซึ่งนับว่าเป็นคำถามคาใจของใครหลายคน
ทางเลือกในการลงทุนของท่านมีเงินเก็บพอสมควรนี้ มีด้วยกันหลายอย่าง เช่น อาจจะนำไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าการฝากแบงก์ หรือ นำไปทำธุรกิจส่วนตัวในด้านอื่นๆ แต่ในที่นี้จะกล่าวถึงการลงทุนในหุ้น ซึ่งอาจจะมีด้วยกันสองทางเลือก คือ
หนึ่ง-ซื้อกองทุนหุ้น หรือ สอง-ลงทุนซื้อหุ้นด้วยตัวเอง
การเลือกซื้อกองทุนหุ้นนับว่ามีความสะดวกอย่างมาก เพียงแค่ท่านมีเงินสด ท่านก็สามารถเลือกซื้อกองทุนที่ท่านต้องการได้ ด้วยการซื้อหน่วยลงทุนกับกองทุนต่างๆ ทั้งกองทุนแบบเปิดที่ซื้อขายได้ตลอดเวลา หรือ กองทุนแบบปิดที่มีระยะเวลาในการไถ่ถอนที่แน่นอน การซื้อขายสามารถซื้อขายได้ทั้งจากตลาดกลางที่รองรับการซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนต่างๆ หรือซื้อโดยตรงกับบริษัทเงินทุนที่ออกกองทุนเอง
ทางเลือกในการลงทุนในกองทุนนับว่าหลากหลาย ผู้ลงทุนสามารถเลือกกองทุนได้โดยดูจากผลประกอบการของกองทุนย้อนหลังที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ธุรกิจต่างๆ การลงทุนของกองทุนจะดำเนินการโดยผู้จัดการกองทุนตามระเบียบและ แผนงานที่ถูกกำหนดโดยบริษัทที่ออกกองทุนนั้นๆ
นอกเหนือจากนั้นยังมีกองทุน RMF สำหรับการออมเงินเพื่อการเกษียณอายุ และกองทุน LTF สำหรับการลงทุนระยะยาวเกิน 5 ปีขึ้นไป ซึ่งสามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้อีกด้วย
หน้าที่ของผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุน ก็เพียงแค่ติดตามผลการดำเนินงานของกองทุนเป็นระยะๆ และสามารถเปลี่ยนกองทุนได้ตลอดเวลาตามแต่นโยบายของกองทุนแต่ละกอง
สำหรับการซื้อหุ้นด้วยตัวเองนั้น อาจจะมีความยุ่งยากกว่าการซื้อกองทุนหลายอย่าง รวมทั้งมีเหตุผลอยู่สามประการที่ผู้ที่คิดจะลงทุนซื้อหุ้นด้วยตัวเองจำเป็นจะต้องพิจารณาเพื่อตรวจสอบว่าเรามีความพร้อมสำหรับการลงทุนในหุ้นหรือไม่
ประการที่หนึ่ง ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้ในการลงทุน
มีนักลงทุนหน้าใหม่จำนวนมาก คิดว่าการหาเงินจากตลาดหุ้นเป็นเรื่องง่าย เพียงแค่มีเงินสดติดมือและ เพียงซื้อถูกขายแพงเท่านั้นก็ทำ ”กำไร” ได้แล้ว ความเชื่อเช่นนี้ไม่ถูกต้องนัก เพราะการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นไม่เพียงแต่จะต้องมี “เงิน”เท่านั้น แต่จำเป็นที่จะต้องมี “ความรู้ในการลงทุน” ที่ถูกต้องอีกด้วย
จะพบว่าเมื่อหุ้นขึ้นเป็นภาวะตลาดกระทิง การทำเงินจากตลาดหุ้นดูเป็นเรื่องง่าย ทำให้นักลงทุนหน้าใหม่เดินเข้าตลาดหุ้นเป็นว่าเล่นเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่เมื่อตลาดกลับปรับตัวเป็นขาลง จะพบว่ามีนักลงทุนหน้าใหม่ขาดทุนจากการลงทุนหุ้นเป็นจำนวนมาก จนบางท่านถึงกับบอกเพื่อนๆ และคนรู้จักว่า อย่าเข้าใกล้ตลาดหุ้น
ทั้งนี้ทั้งนั้น เพราะว่า การลงทุนในช่วงขาลงนั้นจะบอกได้ว่า นักลงทุนท่านนั้นมีความรู้ความสามารถในการลงทุนในตลาดหุ้นมากน้อยเพียงใด ถ้าใครขาดทุนในช่วงขาลงถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าใครสามารถทำกำไรได้ในช่วงขาลง แสดงว่ามีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการลงทุนหุ้น เรียกว่าเอาตัวรอดได้ในเวลาวิกฤติ
นอกเหนือจากความรู้ในการลงทุนที่ถูกต้องแล้ว นักลงทุนจำเป็นจะต้องหมั่นศึกษาหาความรู้ในการลงทุนอยู่ตลอดเวลา เพราะการลงทุนนั้นเป็น ”ขบวนการในการเรียนรู้” นักลงทุนที่ดีจะต้องปรับปรุงการลงทุนของตนอย่างสม่ำเสมอ การเรียนรู้สามารถที่จะเรียนรู้ได้ทั้งจากประสบการณ์ของผู้อื่น และจากประสบการณ์ความผิดพลาดของตนเอง นักลงทุนระดับโลกไม่ว่าจะเป็น วอเร็น บัฟเฟตต์ หรือ จอร์จ โซรอส ต่างก็ยอมรับว่าเคยลงทุนผิดพลาดมาแล้วทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ทำให้เขาเหล่านั้นมีชื่อเสียงมาจนถึงทุกวันนี้ ก็คือ การเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง แก้ไข และไม่ทำผิดพลาดซ้ำแบบเดิมอีก
ดังนั้นถ้าท่านต้องการเป็นนักลงทุนด้วยตัวเอง ท่านจำเป็นจะต้องเรียนรู้และศึกษาหาความรู้ในการลงทุนอยู่ตลอดเวลา
ประการที่สอง ต้องมีเวลาในการติดตามผลงานการลงทุนอย่างใกล้ชิด
การลงทุนในกองทุน นักลงทุนเพียงแค่ติดตามผลการดำเนินงานของกองทุนอย่างสม่ำเสมอ อาจจะเดือนละครั้ง หรือไตรมาสละครั้งก็เพียงพอแล้ว แต่กับการลงทุนในตลาดหุ้นด้วยตนเอง นักลงทุนจำเป็นที่จะต้องมีเวลาในการดูแลพอร์ตการลงทุนของตัวเองค่อนข้างมาก เพราะตลาดหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ราคาหุ้นและผลประกอบการของบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น นักลงทุนจำเป็นจะต้องตัดสินใจในการลงทุนตามไปด้วย
ถ้าท่านไม่มีเวลาที่จะติดตามผลการลงทุนของท่านอย่างเพียงพอ เมื่อพอร์ตการลงทุนของท่านมีปัญหาเกิดขึ้น อาจจะไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที ถ้าเป็นกรณีเช่นนี้การลงทุนในกองทุนจะเหมาะสมกับท่านมากกว่า
ประการที่สาม สามารถวิเคราะห์หุ้นได้ด้วยตัวเอง
นักลงทุนจำนวนมากไม่ได้วิเคราะห์หุ้นที่จะซื้อขายด้วยตนเอง ส่วนใหญ่จะอาศัยบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ หรือ อาศัยการบอกต่อจากคนรู้จักเป็นหลัก นักลงทุนจึงไม่เข้าใจในหุ้นที่กำลังลงทุนอยู่ดีพอ เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลดลง ทำให้ไม่สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้ว่า จะทำอย่างไรกับหุ้นที่ถืออยู่ จะขายออกไปดี หรือจะถือไว้ก่อน หรือจะซื้อเพิ่ม
การตัดสินใจในการลงทุนจำเป็นที่จะต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในหุ้นเป็นอย่างดี และเป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้นักลงทุนเอาตัวรอดได้จากภาวะขาลงของตลาดหุ้น การที่จะมีความเข้าใจในหุ้นที่ลงทุนจำเป็นที่นักลงทุนจะต้องมีความสามารถที่จะวิเคราะห์หุ้นบริษัทนั้นได้ด้วยเอง ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ทางด้านปัจจัยพื้นฐาน หรือ การวิเคราะห์ทางด้านเทคนิค
ความสามารถในการวิเคราะห์จำเป็นจะต้องอาศัยความรู้ และประสบการณ์ที่สั่งสมมาพอสมควร นักลงทุนหน้าใหม่อาจจะรีบร้อนคิดตัดสินใจลงทุนโดยที่ไม่มีความรู้ และประสบการณ์ที่เพียงพอ ทำให้การตัดสินใจลงทุนเกิดความผิดพลาดได้ง่าย
ทั้งสามประการ คือสิ่งที่นักลงทุนจำเป็นจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะเข้าลงทุนในตลาดหุ้นด้วยตนเอง
ดังนั้นคำถามที่ว่า มีเงินเก็บอยู่จะนำไปซื้อกองทุน หรือจะลงทุนซื้อหุ้นด้วยตัวเองดี คำถามนี้ ตัวท่านเองเท่านั้นจะตอบได้ดีที่สุด
โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ....--จบ--
 
--กรุงเทพธุรกิจ Bizweek ฉบับวันที่ 15 - 21 ตุลาคม 2547--
< Prev   Next >
หนังสือน่าอ่าน
จิตวิทยาการลงทุน โดย จอห์น นอฟซิงเกอร์
ชื่อหนังสือ จิตวิทยาการลงทุน
โดย John R. Nofsinger
สำนักพิมพ์ วิสดอมเวิร์ค เพรส
ราคา 195 บาท
จำนวน 196 หน้า
จำหน่ายโดย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน)
ISBN 974-92665-8-7

แฉอาการความไร้เหตุผลของนักลงทุน พาคุณไปรู้จักกับอคติเชิงจิตวิทยาหลากหลายรูปแบบที่มักจะเข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลงทุน ทำให้คุณสามารถตระหนักรู้และรู้เท่าทันได้ง่ายและรวดเร็ว ส่งผลให้การลงทุนของคุณประสบผลสำเร็จมากขึ้น

Read more...