
|

|

|
วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2548
|

|
|
|

|
|
|
|
|


VALUE WAY : มูลค่าที่แท้จริง (2)
บทความที่แล้ว คุณมนตรีได้กล่าวถึงการหามูลค่าที่แท้จริงของบริษัทที่เราสนใจลงทุนไปอย่างคร่าวๆ แล้ว ในคราวนี้เราจะมาดูในรายละเอียดของแต่ละแบบว่ามีวิธีการอย่างไรบ้าง
ในส่วนของวิธีการหามูลค่าทรัพย์สินของกิจการ (Reproduction Cost of Asset) นั้น สามารถหามูลค่าทรัพย์สินของกิจการได้สองวิธีคือ
1) พิจารณาจากงบดุลในงบการเงินของบริษัท หรือ
2) คำนวณจากวิธีรวมส่วนของกิจการ (Sum of the Part)
วิธีรวมส่วนของกิจการ (Sum of the Part) นั้นทำได้ไม่ยาก เป็นวิธีที่ไม่สลับซับซ้อนแต่อย่างใด เพียงแต่ธุรกิจที่จะนำมาหามูลค่าด้วยวิธีนี้ ควรมีบริษัทย่อยที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วย จะช่วยให้การหามูลค่าทำได้ง่าย และสะดวกยิ่งขึ้น
วิธีการก็คือ ศึกษาจากรายงายประจำปีว่า บริษัทที่เราสนใจนั้นถือหุ้นบริษัทอะไรอยู่บ้าง จากนั้นทำการคำนวณหามูลค่าของกิจการบริษัทแม่ จากมูลค่ากิจการตามราคาตลาดของบริษัทย่อยแต่ละบริษัทตามสัดส่วนที่ถือหุ้นอยู่ นำผลที่ได้มารวมกันจะได้ราคาตลาดที่เหมาะสมของบริษัทแม่
ยกตัวอย่างเช่น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (SHIN) เป็นบริษัทโฮลดิ้งคอมปานี ถือหุ้นบริษัทต่างๆ ดังต่อไปนี้
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) - 43 %
บริษัท ชิน แซทเทลไลท์ (SATTEL) - 51 %
บริษัท ไอทีวี (ITV) - 55 %
บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ (CSL) - 40%
และบริษัทอื่นๆ นอกตลาดหลักทรัพย์
หาราคาปิดและจำนวนของหุ้นของบริษัทย่อยในตลาดหลักทรัพย์ได้ดังนี้
ADVANC - 97.5 บาท จำนวนหุ้น 2,947 ล้านหุ้น
SATTEL - 15.8 บาท จำนวนหุ้น 877 ล้านหุ้น
ITV - 12.4 บาท จำนวนหุ้น 1,204 ล้านหุ้น
CSL - 6.15 บาท จำนวนหุ้น 625 ล้านหุ้น
จากข้อมูลที่ได้สามารถคำนวณมูลค่าตลาดของบริษัทชินได้ดังนี้
ADVANC - 97.5 X 2,947 X 43% = 123,553 ล้านบาท
SATTEL - 15.8 X 877 X 51% = 7,067 ล้านบาท
ITV - 12.4 X 1,204 X 55% = 8,211 ล้านบาท
CSL - 6.15 X 625 x 40% = 1,538 ล้านบาท
รวมมูลค่าตลาดของบริษัทย่อยเท่ากับ 140,368 ล้านบาท
บริษัทชินมีจำนวนหุ้นทั้งหมดเท่ากับ 2,995 ล้านหุ้น และวอร์แรนท์อีก 200 ล้านหุ้น รวมเป็น 3,195 ล้านหุ้น
ดังนั้นมูลค่าตลาดของบริษัทย่อยของชินที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เท่ากับ 140,368/3,195 = 44 บาทต่อหุ้น
นักลงทุนสามารถหาส่วนต่างของความปลอดภัย หรือ Margin of Safety ด้วยการเปรียบเทียบมูลค่ากิจการที่คำนวณออกมาได้กับราคาตลาดของหุ้นนั้นๆ ที่ซื้อขายอยู่บนกระดาน ถ้าราคาบนกระดานต่ำกว่าราคาที่คำนวณได้ ถือว่ามีส่วนต่างความปลอดภัย
เมื่อดูจากราคาปิดของหุ้นบริษัทชิน ณ วันที่ 18 เมษายน 2548 อยู่ที่ราคา 38.25 บาทต่อหุ้น จะเห็นว่า ราคาหุ้นของบริษัทแม่ยังต่ำกว่าราคาตลาดของบริษัทย่อยรวมกันอยู่ 5.75 บาทหรือราวๆ 15 เปอร์เซ็นต์
นอกเหนือจากนั้นราคาตลาดที่หาได้จากการคำนวณของบริษัทย่อย เป็นเพียงมูลค่าของกิจการที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น ยังไม่ได้รวมบริษัทย่อยที่ยังไม่ได้จดทะเบียนอีกหลายบริษัท จะเห็นว่าจากการคำนวณด้วยวิธีรวมส่วนของกิจการ (Sum of the Part) แล้ว บริษัทชินมีมูลค่ากิจการมากกว่าราคาตลาดปัจจุบันอยู่พอสมควร
การคำนวณดังกล่าวเป็นการคำนวณอย่างคร่าวๆ เพื่อแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างเท่านั้น รายละเอียดของแต่ละกิจการจะแตกต่างกันไป ตามแต่ละธุรกิจที่ไม่เหมือนกัน นักลงทุนควรจะมีความเข้าใจในกิจการของบริษัทที่จะลงทุนอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน
การคำนวณด้วยวิธีรวมส่วนของกิจการนี้มีข้อดีคือ ความสะดวกรวดเร็วในการหามูลค่า ไม่มีความซับซ้อนแต่อย่างใด แต่ข้อเสียก็มีมากเช่นกัน ดังต่อไปนี้
๐ การหามูลค่ากิจการของบริษัทย่อยที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ทำได้ไม่ง่ายนัก เพราะไม่มีราคาตลาดมาใช้ในการอ้างอิง รวมถึงงบการเงินของบริษัทย่อยเหล่านั้น ส่วนใหญ่ไม่ได้มีการชี้แจงอย่างละเอียดในงบการเงินของบริษัทแม่แต่อย่างใด ทำให้การวิเคราะห์บริษัทย่อยทำได้ไม่ง่ายนัก
๐ มูลค่าตลาดของบริษัทแม่จะขึ้นกับราคาหุ้นของบริษัทย่อย ถ้าราคาหุ้นบริษัทย่อยมีราคาสูงจะทำให้มูลค่าบริษัทแม่เพิ่มสูงตามไปด้วย โดยเฉพาะในภาวะตลาดกระทิงที่ราคาหุ้นแต่ละบริษัทเพิ่มสูงขึ้นมาก อาจจะทำให้มูลค่าของบริษัทแม่มีราคาสูงเกินจริง
๐ การหามูลค่าด้วยวิธีนี้ไม่ได้พิจารณาถึงงบการเงินของบริษัทแม่ ทำให้การหามูลค่าบริษัทไม่ได้คำนึงถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจของบริษัท เช่น ความสามารถในการชำระหนี้ การหมุนเวียนของสินค้าคงคลัง หรือ อัตราส่วนทางการเงินอื่นๆ
๐ นอกเหนือจากนั้น การหามูลค่าด้วยวิธีนี้ยังไม่ได้บ่งบอกถึงธุรกิจของบริษัทว่า จะมีทิศทางเป็นอย่างไร รวมถึงไม่ได้คำนึงถึง เรื่องของความน่าเชื่อถือของผู้บริหาร หรือ การแข่งขันในธุรกิจนั้นๆ แต่อย่างใด
ในบทความครั้งหน้า คุณมนตรีจะมากล่าวถึงรายละเอียดและตัวอย่างของการหามูลค่ากิจการด้วย วิธีการหามูลค่าทรัพย์สินของกิจการ (Reproduction Cost of Asset) อีกวิธีหนึ่ง คือการหามูลค่าทรัพย์สินของกิจการโดยการพิจารณาปรับเทียบจากงบดุลของบริษัท ซึ่งเป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าเชื่อถือมากกว่าวิธีรวมส่วนของกิจการที่กล่าวมาข้างต้น
ขอเชิญท่านผู้อ่านติดตามตอนต่อไปในสัปดาห์หน้า
|
|