Cover Story





B- School





Small Biz





ถนนนักลงทุน





Local Biz





Property





ธุรกิจการตลาด





Travel Biz





Food Biz





I - Biz





Auto Biz




วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2548














มูลค่าที่แท้จริง : PE Ratio

มนตรี นิพิฐวิทยา
เครื่องมือในการประเมินมูลค่าของหุ้น แบบง่ายๆ แต่ค่อนข้างใช้ได้ผลทีเดียวเลยนั้นเห็นจะหนีไม่พ้นการประเมินค่า PE และ PB Ratio

ไม่ว่านักลงทุนทั่วไป นักวิเคราะห์ต่างๆ ก็นิยมใช้ PE Ratio เป็นตัวประเมินค่า เพื่อหาราคาเป้าหมายของหุ้นนั้นๆ จะเห็นได้ว่าค่า PE นั้นได้ถูกใช้กันอย่างกว้างขวาง ยาวนานมาโดยตลอด

ถ้าเรามาดูว่าอัตราส่วนราคาต่อกำไรคืออัตราส่วนอะไร และมีที่มาที่ใช้อย่างไรก็คงจะยังไม่น่าจะล้าสมัยไปนักนะครับ

อัตราส่วนราคาต่อกำไร(PE Ratio)ของหุ้นคือ อัตราส่วนของราคาหุ้นที่ซื้อขายในปัจจุบัน กับกำไรต่อหุ้นที่เราต้องการวิเคราะห์ อัตราส่วนนี้จะบอกว่าราคาหุ้นปัจจุบันนั้นเมื่อเทียบกับกำไรต่อหุ้นนั้นมีค่าเท่าไร เช่น หุ้นราคา 10 บาท กำไรต่อหุ้น 1 บาท PE = 10 หรือจะแปลความหมายได้ว่า ถ้าเราซื้อหุ้นบริษัทนี้เราจะต้องจ่ายเงินไปล่วงหน้าถึง 10 เท่า หรือต้องรอให้บริษัททำกำไรคืนให้เราสิบเท่า ถ้าหากว่าบริษัทนั้นทำกำไรปีละ 1 บาท ไปเรื่อยๆ เราต้องรอถึงสิบปี หลังจากสิบปีไปแล้วเราถึงจะได้กำไร หรือคืนทุนใน 10 ปีนั่นเอง แต่ถ้าหากว่าบริษัทนั้นทำกำไรได้รวดเร็วขึ้น เราอาจไม่ต้องรอถึงสิบปีก็ได้

ที่นี้ถ้า PE Ratio เท่ากับ 6 เท่า ก็เท่ากับว่าเราจะคืนทุนใน 6 ปีและหลังจากนั้นเราจะได้กำไรแล้ว แต่แล้วเรามองอย่างนี้ก็ไม่เห็นว่ามันจะบอกอะไรเรามาก แต่อัตราส่วนนี้จะบอกเราได้ว่าหุ้นที่เราซื้อนี่ถูกหรือแพง เช่น หุ้นที่มี PE Ratio เท่ากับ 10 จะแพงกว่าหุ้นที่ PE Ratio เท่ากับ 6 ครับ ไม่ใช่แค่ว่ารอนานกว่ากันเท่านั้น แต่หุ้นที่มี PE Ratio ต่ำกว่าจะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า เช่น หุ้น PE Ratio เท่ากับ 10 จะให้ผลตอบแทนคาดหวังเท่ากับ 10% แต่หุ้นที่มี PE Ratio เท่ากับ 6 จะให้ผลตอบแทน 16.67% ดังนั้นจึงเป็นคำตอบว่า ทำไมหุ้น PE ต่ำจึงถูกกว่าหุ้น PE สูง

ดังนั้น เวลาเราจะลงทุนซื้อหุ้นเราก็ควรจะชายตาไปมองเจ้า Ratio ด้วยครับ มิเช่นนั้นท่านอาจได้หุ้นที่PE Ratio เท่ากับ 30 เท่า หรือ ให้ผลตอบแทนคาดหวังเพียง 3.33% และมีของแถมเป็นความเสี่ยงที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อ

หุ้นที่มี PE Ratio สูงๆ นั้นจะบอกให้เราทราบได้สองอย่างครับ คือ หุ้นนั้นแพงมากๆ อาจเป็นเพราะนักลงทุนกำลังใจกล้าไล่ซื้อหุ้นนั้นกันอย่างเมามันไปกับข่าวดีของบริษัท หรือกิจการของบริษัทนั้นเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและมีอนาคตที่สดใสมากๆ อย่างแรกนั้นค่อนข้างอันตราย เพราะความไม่แน่นอนของข่าวสูงมาก ในตลาดบ้านเราก็เคยเห็นเมื่อไม่นานมานี้เอง สุดท้ายราคาก็ปรับตัวเข้าหาพื้นฐานที่แท้จริงในที่สุด ส่วนกรณีหลัง เราในฐานะนักลงทุนต้องตรวจสอบผลประกอบการ ตรวจสอบความเป็นไปได้ว่าการเติบโตที่ว่านั้นจริงหรือเทียม

สำหรับหุ้นที่ PE Ratio ต่ำนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า หุ้นนั้นๆ ถูกทีเดียวเลย ถ้าหุ้นนั้นมีPE Ratioต่ำก็จริง แต่บริษัทไม่มีการเติบโตเลย หุ้นบริษัทนั้นก็ไม่จัดว่าถูก แต่ถ้ามีการเติบโตดีแต่ยังไม่มีใครให้ความสนใจอยู่ละก็ เป็นโอกาสของคุณแล้วครับ บางบริษัท PE Ratio ต่ำแต่ค่า PB Ratio สูงมากอันนี้ต้องระวังเช่นกัน เพราะเราซื้อสินทรัพย์ที่เอามาสร้างผลกำไรในอัตราที่สูงมากเกินไปหรือเปล่า เช่น PB Ratio เท่ากับ 4 เท่า นั่นคือถ้าเราต้องการสร้างธุรกิจนี้เองเราจ่ายแค่ 1 แต่ถ้าต้องการซื้อธุรกิจของบริษัทนี้เราต้องจ่ายเงินสูงถึงสี่เท่า ถ้าเป็นธุรกิจที่เข้มแข็ง มีความสามารถในการแข่งขันที่คงทน ไม่ขึ้นลงเป็นรอบๆ ก็น่าสนใจครับ

เราอาจจะใช้ PE Ratio คู่กับ PB Ratio เพื่อค้นหาหุ้นที่ถูกในเชิงตัวเลขก่อนก็ได้ครับ แต่ที่ขาดไม่ได้เลย เราต้องศึกษาข้อมูลพื้นฐานของกิจการให้ลึกซึ้งอยู่ดี เราจะได้เข้าใจถึงอัตราการเติบโตที่แท้จริง เข้าใจว่าในระยะเวลาที่เรากำลังรอให้บริษัททำกำไรจนคืนเงินทุนที่เราลงไปได้นั้น บริษัทจะมีความแข็งแกร่งพอที่จะทำกำไรคืนให้เรา หรือ มีกำไรตอบแทนให้เรามากกว่าที่คาดเอาไว้

ที่ขาดเสียไม่ได้จริงๆ คือ เราต้องตรวจสอบงบการเงินของบริษัทด้วยครับ ว่ากำไรที่แสดงนั้นเป็นกำไรแท้หรือกำไรเทียม มีการซ่อนต้นทุนเอาไว้หรือไม่ มีการรับรู้รายได้มากกว่าที่ควรจะเป็นหรือไม่ ทั้งหมดนี้ตรวจดูได้จากงบการเงินและหมายเหตุประกอบงบการเงินครับ

ในวันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน 2548 ทาง www.thaivi.com จะมีงานสัมมนาไทยแวลูอินเวสเตอร์ ปี 2548:

"รวยหุ้นหมื่นล้าน.....เปิดตำนานตีแตก"

ในช่วงเช้าท่าน ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้สร้างตำนานการลงทุนแบบเน้นมูลค่าในเมืองไทย จะมาบรรยายและตอบข้อซักถามต่างๆ ที่ท่านยังข้องใจเกี่ยวกับการลงทุนแบบเน้นมูลค่า ฟังเคล็ดลับจากปากของท่านครับ

ช่วงบ่ายรับฟังการเจาะลึก อุตสาหกรรมพลังงาน ปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทจดทะเบียนชื่อดัง

ท้ายรายการฟังประสบการณ์ตรงจากนักลงทุนแบบเน้นมูลค่า คุณฉัตรชัย ที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนแบบเน้นมูลค่าที่สามารถทำให้ตัวเองและครอบครัวพบกับอิสระทางการเงิน โดยใช้เงินลงทุนเพียงไม่กี่แสนบาทในหุ้นมูลค่าให้กลายเป็นเงินหลายสิบล้าน ถ้าคิดแล้วท่านสามารถทำเงินให้มีมูลค่าเพิ่มได้ถึง 30 กว่าเท่าในระยะเวลาเพียง 6 ปี คุณฉัตรชัยจะมาเล่าให้เราฟังว่า ท่านมีวิธีคิดอย่างไร ปฏิบัติอย่างไรให้เงินเก็บเพียงน้อยนิดมีมูลค่าเพิ่มได้อย่างยั่งยืน

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน 2548 เวลา 09.00 - 16.30 น. ณ ห้องพิณทอง ชั้น1 อาคารฐานเศรษฐกิจ ค่าใช้จ่ายสำหรับท่านที่สำรองก่อน 1 มิถุนายน 2548 เพียง 1,000 บาท

ดูรายละเอียดได้และสำรองที่นั่งได้ที่ www.thaivi.com หรือ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-735-3601, FAX : 02-7356464


About Us I Suggestion I Site Map I GetThaiFont | Contact Us I Privacy Policy
copyright @ 2004 Nation Group / Produced & Designed by : KT Internet Dept.