
|

|

|
วันศุกร์ที่ 01 กรกฎาคม พ.ศ. 2548
|

|
|
|

|
|
|
|
|


บันไดของการลงทุน (2)
วิบูลย์ พึงประเสริฐ
บทความที่แล้วกล่าวถึงบันไดของการลงทุนสามารถแบ่งได้ 7 ระดับ ซึ่งได้อธิบายถึงระดับที่ศูนย์จนถึงระดับที่สามดังนี้
ระดับศูนย์: ไร้ระดับ (Non-Existent)
คนที่อยู่ในขั้นนี้เรียกว่าไม่มีความรู้ทางการเงินเลย มีเงินเท่าไหร่ก็ใช้หมด ไม่มีทั้งเงินเก็บหรือเงินลงทุนแต่อย่างใด
ระดับหนึ่ง: ช่างกู้ (Borrower)
คนอยู่ในระดับนี้มักจะใช้เงินที่หาได้ไปใช้จ่ายจนหมด เรียกว่าใช้เงินเดือนชนเดือน ถ้ามีเงินไม่พอใช้ วิธีแก้ปัญหาของคนกลุ่มนี้ก็คือ กู้ พวกช่างกู้มักจะจบลงในสภาพฐานะทางการเงินล้มเหลวและ โอกาสที่จะล้มละลายมีอยู่สูงทีเดียว
ระดับสอง: ช่างเก็บ (Saver)
ช่างเก็บมักจะเก็บออมเงินที่หาได้ในแต่ละเดือนอย่างสม่ำเสมอในบัญชีเงินฝากธนาคาร ส่วนใหญ่มักจะเก็บเงินเอาไว้เพื่อใช้จ่ายมากกว่านำไปลงทุน เช่น เก็บเงินเพื่อซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ หรือ ซื้อเครื่องเสียงชุดใหม่ ฯลฯ
ระดับสาม: นักลงทุนผู้ล้าหลัง (Passive Investor)
คนกลุ่มนี้เป็นคนฉลาด มีการศึกษาดี ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มคนชั้นกลางของประทศ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการลงทุนแล้ว คนกลุ่มนี้เรียกว่ามีความรู้เรื่องการเงินน้อยมาก
คราวที่แล้วได้กล่าวถึงนักลงทุนผู้ล้าหลังประเภทที่หนึ่งเรียกว่า พวกชอบอยู่ในกระดอง (Gone-into-a-shell Passive Investor) คือ กลุ่มคนที่มักจะอ้างอยู่เสมอว่าตนเองไม่มีวันที่จะเข้าใจเรื่องเงินๆ ทองๆ ได้ คำแก้ตัวส่วนใหญ่ของคนในกลุ่มนี้คือ ไม่มีเวลา
สัปดาห์นี้ จะกล่าวถึงรายละเอียดของนักลงทุนผู้ล้าหลังเพิ่มเติม
นักลงทุนผู้ล้าหลังประเภทสอง คือ พวกที่ชอบคิดว่า "ไม่มีทางทำได้" (It-Cant-Be-Done Passive Investor) นักลงทุนประเภทนี้เข้าใจว่ามีทางที่จะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในธนาคาร แต่การที่จะทำอย่างนั้นได้อยู่นอกเหนือความสามารถของตนเองและคนอื่น คนที่จะลงทุนได้ประสบความสำเร็จในความเห็นของคนกลุ่มนี้จะต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์ หรือไม่ก็เป็นคนที่โชคดีที่รู้ข่าววงใน หรือไม่ก็ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเท่านั้น
พวกเขามักจะอ้างว่า ที่คนอื่นรอบๆ ตัวประสบความสำเร็จในการลงทุนนั้นเป็นเพราะโชคมากกว่าฝีมือ ส่วนใหญ่มักจะพูดประชดประชันให้คนอื่นหมดกำลังใจ และพยายามให้มาอยู่เป็นพวกเดียวกัน พวกเขากลัวที่จะเห็นคนอื่นได้ดีกว่า เลยพยายามลากคนอื่นๆ รอบตัวไม่ให้เด่นกว่าตนเอง ส่วนใหญ่จะวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น รวมทั้งหาเหตุผลที่จะบอกว่าทำไมเราถึงไม่สามารถประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ และมักจะโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อว่าสิ่งที่พวกเขาบอกนั้นเป็นความจริง
ถ้าเคยคุยกับคนเหล่านี้มักจะได้ยินว่า โอ้ย ที่ทำได้นะเป็นเพราะฟลุ้คซะมากกว่า ผมไม่เชื่อหรอกว่าที่คุณบอกน่ะมันจะเป็นจริง ใครถือหุ้นไว้ไม่ยอมขายก็บ้าแล้ว ใครๆ เขาก็ซื้อมาขายไปทั้งนั้นหละ ผมไม่เชื่อหรอกว่าถือหุ้นนานๆ จะได้กำไร สักวันราคาก็กลับมาเท่าเดิม รีบๆ ขายไปเถอะ เดี๋ยว 'ขาดทุน' จะหาว่าไม่บอก
สำหรับนักลงทุนแบบเน้นคุณค่ามักจะเจอกับสถานการณ์เช่นนี้อยู่บ่อยๆ ถ้าท่านได้พบได้เจอนักลงทุนประเภทนี้ ขอแนะนำให้อยู่ห่างๆ ไม่ต้องตอบโต้หรือ พยายามให้เขาเข้าใจในสิ่งที่คุณทำ อย่าท้อถอยกับคำสบประมาททั้งหลายที่ได้รับ จงมุ่งมั่นในแนวทางการลงทุนของคุณต่อไป เมื่อไหร่ที่คุณประสบความสำเร็จ เขาจะเข้าใจคุณเอง
นักลงทุนผู้ล้าหลังประเภทสุดท้ายคือ นักลงทุนผู้ตกเป็น "เหยื่อ" (Victim Passive Investor)
เช่นเดียวกับสองพวกแรก นักลงทุนประเภทนี้เป็นกลุ่มคนที่ฉลาด มีการศึกษา มีหน้าที่การงานดี แต่เมื่อพูดถึงการลงทุนแล้ว นักลงทุนประเภทนี้ไม่มี "หลักการ" หรือ "กฎ" ในการลงทุนแต่อย่างไร มักจะชอบซื้อหุ้นตอนราคาสูงเพราะกลัวตกรถไฟ แต่แล้วก็ตกใจขายเมื่อเห็นราคาหุ้นปรับตัวลง
ส่วนใหญ่มากกว่า 90% มักจะขาดทุนในตลาดหุ้น แต่กระนั้นก็ยังไม่เข็ดและพยายามค้นหาเคล็ดลับในการลงทุนในตลาดหุ้นต่อไป พวกเขามองตลาดหุ้นเหมือนบ่อนพนันที่ถูกกฎหมาย มีคนได้ก็จะต้องมีคนเสีย รวมทั้งมันน่าตื่นเต้นเร้าใจ มีเรื่องให้ลุ้นได้ทุกวัน
สังเกตดูคนกลุ่มนี้ได้ง่ายๆ ก็คือ ชอบพึ่งพาคนอื่นในการลงทุน มักชอบถามว่าตอนนี้ ซื้อหุ้นอะไรดี หรือ ตอนนี้ หุ้นตัวไหนน่าเล่น กลยุทธ์คือ ถ้าถามหลายๆ คนแล้วได้ชื่อหุ้นมาตรงกัน แสดงว่าเป็นหุ้นที่ดี ซื้อได้ แต่เมื่อซื้อมาแล้วมักไม่ทราบว่าจะขายตอนไหนดี ส่วนใหญ่จะขายก็เมื่อพบว่าราคาหุ้นลดลงมาต่ำกว่าทุนไปแล้ว
ถ้าสังเกตจะพบว่า วันไหนซื้อหุ้นแล้วขาดทุนจะเห็นเขาเงียบๆ จ๋อยๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่ได้กำไร เขาจะป่าวประกาศให้โลกรู้ว่า วันนี้ได้กำไรเท่านั้นเท่านี้
นักลงทุนประเภทนี้มักไม่ค่อยมีความอดทนเท่าไหร่นัก อะไรที่ได้เงินมาง่ายๆ ก็จะรีบกระโดดเข้าไปทันที เช่น หุ้นจอง หรือ หุ้นเก็งกำไรทั้งหลาย พวกเขาอาจจะซื้อขายในเครื่องมือทางการเงินที่ทันสมัย เช่น Cover-Warrant เช่น SCIB-C1 แต่ถ้าถามว่าวอร์แรนท์ชนิดนี้คืออะไร ต่างกับวอร์แรนท์ธรรมดาอย่างไร พวกเขามักจะไม่ทราบว่ามันคืออะไรต่างกันอย่างไร แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือในตลาดกำลังเล่น ตัวนี้กันอยู่
มีผู้รู้บอกเอาไว้ว่า นักลงทุนประเภทนี้พยายามค้นหาสูตรสำเร็จในการลงทุนเพื่อที่วันหนึ่งเขาจะลงทุนได้กำไรทุกครั้ง และจะกลายเป็นมหาเศรษฐีในวันข้างหน้า แต่สิ่งที่พวกเขาลืมก็คือ ลืมที่จะคิดด้วยตนเอง
คราวหน้าจะกล่าวถึงบันไดของการลงทุนอีก 3 ขั้นสุดท้าย ว่าแต่ว่าอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ ในชีวิตประจำวันท่านได้พบเห็นนักลงทุนทั้งสี่ระดับแรกที่กล่าวถึงบ้างหรือไม่...
|
|