
ได้อย่าง...เสียอย่าง
มนตรี นิพิฐวิทยา / montrn@loxinfo.co.th
ช่วงเวลานี้ พวกเรา คนไทย กำลังเกิดความรู้สึกว่ากำลังต้องเลือกว่าจะเอาอย่างไหนระหว่าง เก่ง แต่ ตุกติก กับ ซื่อบื้อ แต่ ซื่อสัตย์ แล้วจริงๆ เราไม่มีประเภท เก่งและซื่อสัตย์ เลยหรือไงกัน?
ผมว่า ก็คงมี...แต่หายากสักหน่อย !!!
นักลงทุนเอง เวลาจะลงทุนในกิจการใด ก็มักจะเฝ้ามองกิจการนั้นๆ อยู่เป็นเวลานาน ดูการดำเนินกิจการจนเป็นที่แน่ใจแล้วว่า ทุกอย่างเข้ากฎเกณฑ์ขั้นต่ำที่จะลงทุนได้ จึงซื้อลงทุน
ตามคำแนะนำของ Warren Buffett ที่ว่า ความซื่อสัตย์ของผู้บริหารต้องมาเป็นอันดับแรก ความเก่งกล้าสามารถมาเป็นอันดับรอง ถ้าเก่งแต่ไม่ซื่อสัตย์ ความเก่งจะทำร้ายเราอย่างรุนแรง
ค่อนข้างชัดเจนและก็มีตัวอย่างให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ เช่น แพทย์ที่เก่งแต่ไม่มีจรรยาบรรณ เราก็คงไม่ไปใช้บริการ เพราะอาจโดยดีเข้าก็ได้ ผู้บริหารก็เช่นกัน ถ้าตุกติกก็เป็นเรื่องที่เราก็ควรระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง อาจไม่ถึงชีวิตแต่อาจหมดตัวได้
เคยมีคำพูดว่า คนโง่ถ้าปล่อยให้บริหารงานก็อาจนำมาซึ่งความหายนะได้ไม่น้อยกว่าคนโกงเช่นกัน และเราก็เคยเห็นกันอยู่บ่อยๆ ไม่น้อยกว่ากรณีแรก
ในการลงทุนของเรามักจะพบกับอาการที่ต้องเลือกในกรณีอย่างนี้เป็นประจำ จากประสบการณ์ของผม เมื่อพบบริษัทที่ดี มีแนวโน้มที่เติบโต เพื่อนหลายๆคนก็ชอบและลงทุน แต่หลังจากพบและได้พูดคุยกับผู้บริหารแล้วรู้สึกได้ถึงความเก่ง แต่ผมก็มีความระแวงเรื่องความตรงไปตรงมา ผมจะไม่ซื้อแม้แต่หุ้นเดียวเป็นอันขาด ถึงแม้ว่าหุ้นจะขึ้นเป็นเท่าตัวก็ตาม และเหตุการณ์ที่เล่ามานี้เกิดบ่อย และหุ้นมักจะขึ้นและขึ้นดีเสียด้วยซิ
เพื่อนก็ถามว่าทำไมผมไม่ลงทุน ผมก็บอกว่าผมระแวงผู้บริหาร ผมไม่กล้า เพราะผมลงทุนยาว และถ้าผมเลือกได้ ผมไม่เอาดีกว่า แม้จะมีเสียงส่วนใหญ่เข้าลงทุนไปและได้กำไรมากมายแล้วก็ตาม ผมขอเป็นเสียงส่วนน้อยดีกว่า
สำหรับกิจการที่ผู้บริหารดูจะซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา แต่กิจการก็งั้นๆ หรือกำลังย่ำแย่ เราก็ไม่เลือกลงทุน เพราะเราก็ต้องการผลตอบแทนที่เหมาะสมเช่นกัน และเรื่องอย่างนี้ดูเหมือนจะสังเกตง่ายกว่ากรณีแรก
ชีวิตในโลกนี้มันก็อย่างนี้แหละครับ อะไรที่สมบูรณ์แบบดูเหมือนจะหายากหรือหาไม่ได้เอาเสียเลย
เมื่อทุกอย่างมันไม่สมบูรณ์แบบอย่างนี้ มนุษย์เราจึงได้ออกแบบระบบตรวจสอบและระบบคัดสรรให้ได้บุคคลที่มีส่วนประกอบที่เหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนั้น อาจไม่ดีที่สุดแต่ก็ไม่แย่จนเกินไป คนส่วนใหญ่รับได้
แน่นอน เมื่อคนส่วนใหญ่เลือกอย่างนี้ ทุกคนในระบบก็ต้องรับผิดชอบต่อผลที่เกิดตามมา เพราะเราให้ความสำคัญต่อเสียงส่วนใหญ่
แน่นอนครับ เลือกผิดก็เลือกใหม่ได้ เมื่อผู้ที่ถูกเลือกคราวที่แล้วไม่ได้ถูกเลือกอีกก็เท่ากับถูกลงโทษ เป็นที่แน่นอน
สำหรับบริษัทที่เราลงทุนนั้นเราเองก็เป็นผู้เลือกเอง ทั้งจะยินดีลงทุนหรือไม่ลงทุน และบางทีผู้บริหารก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เสียเองด้วย เราที่เป็นนักลงทุนก็แน่นอนย่อมเป็นเสียงส่วนน้อย โอกาสเลือกก็น้อยไปตามส่วนได้เสีย และโอกาสจะไปเปลี่ยนแปลงอะไรก็คงอยาก แต่อย่างไรก็ตามเราก็มีสิทธิเลือกในเบื้องต้น เลือกผิดเลือกถูกเราต้องรับผิดชอบของเราเอง คนอื่นไม่เกี่ยว
สำหรับบ้านเมืองของเราเอง ในฐานะผู้ถือหุ้นประเทศไทย เรามีสิทธิที่จะเลือกไม่ว่าผู้ที่เราเลือกจะได้บริหารหรือไม่ได้บริหารก็ตาม เราต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ เราและเสียงส่วนใหญ่ก็มีโอกาสที่จะคิดใหม่เลือกใหม่ได้เช่นกัน ทุกอย่างเป็นระบบ มีกำหนดเวลาที่แน่นอนชัดเจน มีบทลงโทษเอาไว้ตายตัวสำหรับผู้ที่ทำให้เราเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นเพราะความฉ้อฉล หรือความรู้เท่าไม่ถึงกาลก็ตาม แต่ต่างจากการเลือกลงทุนในบริษัทตรงที่เราไม่อยู่ร่วมในบริษัทประเทศไทยไม่ได้
สำหรับตัวผมและเพื่อนๆ อีกหลายๆ คน เมื่อมีโอกาสผมจะนำเสนอแนวคิดและความรู้ให้แก่ผู้ลงทุนทุกครั้ง ที่ผ่านมาหลายปีนี้ ผมเห็นว่าพฤติกรรมการลงทุนที่ใช้เหตุใช้ผลในการตัดสินใจเลือกกิจการเพื่อลงทุนนั้นเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ และผมเชื่อว่าปรากฏการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นในลักษณะทวีคูณ ไม่ใช่เกิดจากหนึ่งไปสอง แต่มันจะเกิดจากหนึ่งไปสิบ จากสิบไปเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน แต่มันใช้เวลา และความรับผิดชอบต่อสังคมที่เราได้อาศัยและใช้ประโยชน์
ผมเชื่ออย่างเหลือเกินว่า เมื่อความรู้ได้แพร่กระจายลงสู่กลุ่มคนส่วนใหญ่ ความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น ผู้บริหารที่มีวาระซ่อนเร้นจะถูกกำจัดออกจากระบบในที่สุด
สองสามปีมานี้ผมสังเกตว่าผู้บริหารบริษัทหลายที่ เวลาผู้ลงทุนรายย่อยติดต่อพูดคุยขอข้อมูลเพิ่มเติม ก็มักจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ผิดกับเมื่อก่อนมาก ทั้งนี้เพราะเรามีนักลงทุนที่เอาจริงเอาจังมากขึ้น เราลงโทษกิจการที่ไม่เอาไหนด้วยการที่เราไม่เลือกลงทุนและแนะนำพวกพ้องไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกันมากขึ้น
และแล้วการเปลี่ยนแปลงมันก็เกิดขึ้น แม้มันเพิ่งจะเริ่มต้น แต่มันเกิดแล้วครับ ไม่ต้องชุมนุมเรียกร้อง ไม่ต้องเดินขบวน ไม่ต้องด่าทอกันทุกวัน เรามาร่วมสร้างพลังเงียบที่จะเลือกสรรแต่สิ่งดีๆ ให้ประเทศชาติของเรา และการลงทุนของเรากันจะดีกว่า และผมเห็นว่าได้ประโยชน์กว่า
ผู้รู้ทั้งหลายควรสละเวลาเพื่อนำความรู้ให้เผยแพร่ไปสู่กลุ่มคนหมู่มากเพื่อให้เกิดแนวความคิดที่ถูกต้อง และยั่งยืนจะดีกว่าออกมาแสดงจุดยืนโดยที่ชาวบ้านก็ไม่เข้าใจว่าผู้รู้ทั้งหลายกำลังทำอะไร
สุดท้าย ผมต้องขอบอกว่าผมไม่ใช่คอการเมือง แต่ผมในฐานะผู้ถือหุ้นประเทศไทย และเป็นผู้ที่เลือกไปแล้วคนหนึ่ง กำลังรู้สึกว่าบริษัทประเทศอื่นกำลังหมกมุ่น (และแอบหัวเราะบริษัทประเทศไทย) อยู่กับการฉวยโอกาสสร้างบริษัทประเทศของเขาให้เจริญรุดหน้าบริษัทประเทศไทยอยู่ในตอนนี้
เพราะอะไรหรือครับ?
เพราะผู้ถือหุ้นประเทศไทยกำลังซัดกันวุ่นอยู่ขณะนี้ไงครับ เขาไม่ต้องทำอะไรหรอก แค่รีบทำให้บริษัทเขาแข็งแรงก่อนที่บริษัทประเทศไทยจะคิดได้ก็พอ แค่นี้ก็เจริญกว่าแล้ว
เอาละครับ ระหว่างนี้ ขอแนะนำให้ทุกฝ่ายกลับไปดูหนังเรื่องสุริโยไท และทบทวนประวัติศาสตร์สมัยคนไทยกู้ชาติว่า เราเสียเอกราชเพราะอะไร และกู้ชาติได้เพราะอะไร
ผมว่าเรามีสติปัญญาพอที่จะพิจารณาด้วยกันทั้งนั้นครับ
|