Cover Story





B- School





Small Biz





ถนนนักลงทุน





Local Biz





Property





ธุรกิจการตลาด





Travel Biz





Food Biz





I - Biz





Auto Biz




วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2549














Value Way : มือใหม่ (4)

วิบูลย์ พึงประเสริฐ
บทความคราวที่แล้วได้กล่าวถึงกรณีของสมชายที่คิดว่าตนเองเป็น”เซียนหุ้น” จนสุดท้ายต้องประกาศเลิกยุ่งเกี่ยวกับตลาดหุ้นไปแล้ว อาทิตย์นี้ลองมาดูตัวอย่างอีกสักตัวอย่างเกี่ยวกับนักลงทุนรายย่อยในตลาดหุ้นไทย เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับ ”มือใหม่” ที่เพิ่งเริ่มเข้าตลาดหุ้นดูบ้าง

ตัวอย่างที่สอง

สมศักดิ์ หรือเพื่อนๆ เรียกกันว่า ”เฮียโต้ง” เป็นผู้ใหญ่ที่มีน้ำใจ จิตใจกว้างขวางเป็นที่รักของเพื่อนฝูง กิจการของเฮียโต้งเป็นการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ มีกำไรนิดหน่อย โชคดีที่มีลูกค้าประจำทำให้มีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ เขามักพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ อยู่เป็นประจำ ช่วงนั้นประเทศไทยเพิ่งเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ รัฐบาลลดค่าเงินบาท ตลาดหุ้นพังทลาย ทำให้ไม่มีใครอยากพูดถึงตลาดหุ้นนัก นักลงทุนส่วนใหญ่ ”ขาดทุน” จากตลาดหุ้นกันหมด

จวบจนปี 2545 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 350 จุด มีเพื่อนคนหนึ่งเริ่มแนะนำเฮียโต้งให้รู้จักกับ ”ตลาดหุ้น” โดยเน้นที่การซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในราคาที่เหมาะสม มีระยะเวลาในการถือหุ้นนาน เป็นการลงทุนระยะยาว หุ้นที่ซื้อส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่มีเงินปันผล เมื่อถึงเวลาจ่ายเงินปันผลของแต่ละบริษัท เขาได้รับเงินปันผลจากหุ้นที่ลงทุนไว้ ซึ่งรวมๆ แล้วมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในเวลานั้นทำให้เขาพอใจอย่างมาก ปีนั้นเขาทำเงินจากตลาดหุ้นได้ประมาณ 15% ขณะที่ดัชนีไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก เขาคิดว่าการลงทุนระยะยาวเพื่อรับเงินปันผลเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและเหมาะสมสำหรับตนเองแล้ว

ต่อมาในปี 2546 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เริ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก เฮียโต้งเริ่มเห็นเพื่อนๆ หลายคนทำกำไรจากตลาดหุ้นได้เป็นกอบเป็นกำจากการซื้อขายหุ้นรายวัน ขณะที่เขามองดูราคาหุ้นของบริษัทที่เขาลงทุนไว้ไม่ขยับไปไหนเลย อาจเป็นเพราะหุ้นเหล่านั้นไม่ได้เป็นหุ้นที่ติดตลาดหรือไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามดัชนีสักเท่าไหร่นัก

เวลาผ่านไปประมาณครึ่งปี เพื่อนๆ ที่สังสรรค์กันเริ่มคุยกันถึงเรื่องหุ้นกันอย่างออกรสชาติ ไม่ว่าใครก็ตามต่างพูดว่าตนได้กำไรจากตลาดหุ้นกันอย่างไม่เคยได้มาก่อนกันทุกคน บางคนได้กำไรกันหลายเท่าตัวในเวลาไม่กี่อาทิตย์ ขณะเดียวกันเฮียโต้งกลับได้กำไรจากตลาดหุ้นไม่มากนัก แถมเงินปันผลที่ได้ต้องรอกันเป็นปีๆ เพื่อนๆ ที่รู้ว่าเขาถือหุ้นตัวไหนบ้างต่างหัวเราะเยาะกับความคิดการถือหุ้นเพื่อรอปันผลของเขาเป็นอย่างมาก

เมื่อเป็นเช่นนี้เขาคิดว่าถ้ากันเงินส่วนหนึ่งมา ”เทรด” หุ้นบ้างก็น่าจะช่วยให้ทำกำไรได้มากขึ้น คิดได้ดังนั้นเขาจึงเริ่มซื้อขายหุ้นรายวัน บางวันซื้อเช้าขายเย็น บางวันซื้อเย็นขายเช้า ในช่วงนั้นเขาทำกำไรได้เป็นอันมาก

ในปี 2546 ดัชนีเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากต้นปีที่ 350 จุดมาอยู่ที่ 750 จุด เฮียโต้งพบว่าเงินกำไรที่ได้จากการ ”เทรดหุ้น” มากกว่าเงินลงทุนในหุ้นปันผลหลายเท่า ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดที่ถือลงทุนเพื่อนำมาใช้ในการซื้อขายหุ้นรายวัน นอกเหนือจากนั้นเขายังสามารถซื้อหุ้นได้มากกว่าเดิมถึงสิบเท่าในแต่ละวันด้วยการซื้อขายหักกลบลบหนี้ภายในวันเดียว (Net Settlement) ซึ่งช่วยให้เขาทำกำไรได้มากขึ้นเป็นทวีคูณ

ในปีต่อมา 2547 เฮียโต้งยังคงใช้กลยุทธ์การ ”เล่นหุ้น” เหมือนเดิม คือซื้อขายรายวัน บางวันซื้อเช้าขายเย็น บางวันซื้อเย็นขายเช้า ถ้าวันไหนมั่นใจก็ใช้เงินซื้อแบบหักกลบในวันเดียวจนเต็มเพดาน

โชคไม่เข้าข้าง ดัชนีตลาดหุ้นเริ่มลดลงอย่างรวดเร็วในปีนั้น เขาเริ่ม ”ขาดทุน” จากการเทรดหุ้น แต่เขายังมองโลกในแง่ดีและคิดว่าคงสามารถทำกำไรได้เช่นเดิม

อนิจจา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ลดลงจาก 750 จุดเหลือเพียง 550 จุด เฮียโต้งขาดทุนเป็นจำนวนมาก แต่เขาไม่หยุดซื้อขายหุ้นรายวันแถมเพิ่มการซื้อขายมากขึ้นเป็นเท่าตัว เนื่องจากต้องการ ”เอาคืน” ในส่วนที่ขาดทุนไป จนในที่สุดเมื่อถึงสิ้นปี 2547 เขาต้องสูญเงินลงทุนที่มีเกือบทั้งหมด

เฮียโต้งและเพื่อนๆ ไม่ได้คุยกันเรื่อง ”หุ้น” ในระหว่างสังสรรค์กันไปอีกหลายปี


About Us I Suggestion I Site Map I GetThaiFont | Contact Us I Privacy Policy
copyright @ NKT NEWS CO.,LTD.