Value way : ธิดาดอย...... |
![]() |
![]() |
โดย มนตรี นิพิฐวิทยา | |
Friday, 19 November 2004 | |
คราวนี้ขอมาแปลกกว่าครั้งก่อนๆ สักหน่อยนะครับ คือ เรื่องมันมีอยู่ว่า มีผู้อ่านคอลัมน์ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นสุภาพสตรีใช้นามแฝงว่า ZIPPO เขียน e-mail มาคุยกับผม อ่านดูแล้วก็รู้สึกสนุกดี ไม่เครียดแต่ผสมไปด้วยบทเรียน ที่น่าจดจำ และเป็นประโยชน์ต่ออีกหลายๆ ท่าน เนื้อหาในจดหมายเขียนคล้ายๆ กับนิยาย หรือจดหมายถึงศิราณี อะไรทำนองนั้น ทั้งนี้ได้ขออนุญาตเจ้าของจดหมายเรียบร้อยแล้วครับ ดินแดนแห่งความหวังที่หลายคนมุ่งหน้าหอบเอาทรัพย์สินเงินทองที่พยายามเก็บรวบรวมมาตั้งแต่เริ่มทำงานมีรายได้ มาเผชิญโชค ด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ ปราศจากการทำความเข้าใจให้ลึกซึ้ง หลายคนก็มักจะพบกับความวุ่นวายใจอย่างกับสาวน้อยที่ได้ตำแหน่งธิดาดอยครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างเช่นน้องคนนี้
“หนูเป็นสาวบ้านนอกค่ะ เข้ามาเมืองกรุงก็หวังจะร่ำรวยอย่างคนอื่นๆ เขาบ้าง เรื่องมันก็เริ่มมาจากวันนั้น วันที่หนูตัดสินใจเดินทางเข้ามาแสวงโชคในดินแดนแห่งความหวัง ก็ใครๆ เค้าก็บอกว่า เงินทองมันหาง่าย เพื่อนๆ หนูเค้าก็ร่ำรวยกันไปหลายคน ไอ้เรารึก็ใจง่ายค่ะ แต่ถึงหนูจะใจง่าย แต่หนูก็เด็ดเดี่ยว รวบรวมเงินทองทั้งหมดที่มีเข้ามาแสวงโชค ตอนแรกๆ ทุกๆ สิ่งทุกอย่างมันก็ยังดีอยู่ แต่ด้วยความที่ยังใสซื่อไม่รู้จักโลกดีพอ ริอ่านจะเล่นกะไฟ ทำให้ต้องน้ำตาตกใน เหตุการณ์มันเป็นอย่างนี้ค่ะ คือ หนูมีผู้ชายเข้ามาคบหาอยู่หลายคน คงเนื่องจากหนูเป็นคนสวยค่ะ หนูเคยประกวดได้ตำแหน่งธิดาดอยด้วยนะคะ หนุ่มๆ ที่มาเกาะแกะเนี่ย มีอยู่สองคน เป็นเด็กเดินตั๋วหนังค่ะ ชื่อ ม. กับ อ. หนูก็ไม่คิดอะไรมากหรอกค่ะ ก็พอดีหนูชอบดูหนัง ก็เลยคิดว่า คบกับพวกนี้ไว้ก็ไม่เสียหาย อย่างน้อยก็ได้ดูหนังราคาถูกลงหน่อย หนูคิดแค่นี้จริงๆ นะคะ ดูที่ว่าวันๆ เค้ามีเงินให้หนูใช้มากเท่าไหร่ ไม่เคยสนใจดูประวัติอะไรหรอกค่ะ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เขาทำมาหาได้กันอย่างไร เหลือเก็บและมีหนี้สินมากน้อยแค่ไหน ม.ทำงานอยู่มีสาขาอยู่เยอะค่ะ เค้าก็เลยมีเงินให้หนูใช้สบายๆ ส่วน อ. สาขาก็ไม่เยอะเท่า ม. หรอกค่ะ ตอนนั้นเพื่อนๆ ก็เตือนหนูอยู่เหมือนกันว่าประวัติ อ. เค้าไม่ค่อยดี มีหนี้สินอยู่เยอะแยะ แต่หนูก็ไม่ฟังค่ะ เพราะ อ. เค้าก็ยังมีเงินมาให้หนูอยู่เรื่อยๆ แต่อยู่มาวันหนึ่งเหตุการณ์มันกลับจากหน้ามือ เป็นหลังเท้าเลยค่ะ คือ อ. เค้าเปี๊ยนไป๋ เงินที่เคยให้หนู ก็เริ่มไม่ให้ แค่นั้นยังไม่พอเค้ายังมาเอาเงินหนูไปซะอีกด้วย หนูตกใจมากค่ะ ไม่รู้จะทำไงดี คนโน้นคนนี้ก็แนะนำให้เลิกไปซะ บอกว่า ผู้ชายอย่างนี้คบไม่ได้ เลิกคบ เลิกคบ ใครๆ ก็พูดคำนี้ ตัวหนูเองตอนเริ่มต้นกับหนุ่มๆ ทุกคน ก็คิดว่า ถ้าเค้าไม่ดีกับเราก็แค่เลิกคบกันไป แต่พอถึงเวลา เอาเข้าจริงมันไม่ได้เลิกง่ายๆ อย่างที่ตั้งใจไว้เลย มันตัดใจไม่ลง ก็เสียดายเงินอะดิ ก็ อ.เล่นเอาเงินของหนูไป แล้วหนูจะเอาคืนได้ไงล่ะค่ะ หนูหวนนึกถึงคำเตือนของเพื่อนๆ ที่บอกว่า ประวัติของ อ. ไม่ค่อยดี แต่หนูก็ดื้อเอง แล้วเหตุการณ์มันก็แย่ลงทุกทีทุกที ในที่สุดก็เลยจำใจเลิกคบกับเค้าค่ะ มานึกตอนนี้ หนูก็ได้คิดว่า ถ้าหนูตัดใจจากเค้าได้เร็วกว่านี้ ก็คงไม่ช้ำใจเท่านี้ ส่วนเงินทองที่เขาแอบเอาของหนูไปน่ะเหรอคะ ก็ถือซะว่าเป็นบทเรียนไงค่ะ จะคบกะผู้ชายให้ศึกษาประวัติให้ดีก่อน เพราะอาจเจอพวกสิบแปดมงกุฎ มาหลอกได้ง่ายๆ เรื่องของ อ. กะ ม. นี่เป็นแค่เหตุการณ์ตอนต้นๆ เท่านั้น แต่ความโหดร้ายที่แท้จริงมันเริ่มหลังจากนี้ค่ะ เดี๋ยวหนูจะมาเล่าต่อนะค่ะ คือหนูสังเกตมานานแล้วว่า สาวๆ ที่โรงงานเค้ากรี๊ดผู้ชายอยู่คนหนึ่ง ชื่อ พี่เทพ ใครๆ คบกับพี่เทพก็เอามาอวดว่า พี่เทพดีอย่างงั้นอย่างงี้ ตัวพี่เทพเองก็แอบส่งตาหวานมาให้หนูบ่อยๆ ในที่สุดหนูก็ห้ามใจตัวเองไม่อยู่ แล้วหนูก็อยากได้เงินใช้มั่ง เลยตัดสินใจคบกะพี่เทพดู พอหนูคบกะเค้าปั๊บ เค้าก็ส่งหนูไปอยู่บนดอยทันทีเลยค่ะ ไม่รู้เค้ารู้มาจากไหนว่า หนูเคยเป็นเทพีธิดาดอยตอนอยู่บ้านนอก แต่แหมนั่นมันก็คนละแบบกัน แล้วหนูก็ไม่ได้อยากอยู่บนดอยแบบนี้ด้วย บนดอยนี่หนาวมากค่ะ เหงาด้วย ถึงจะเคยได้ยินเสียงคนตะโกนแว่วๆ มาจากไหนไม่รู้ คิดว่าเป็นพวกที่อยู่บนดอยเหมือนกัน ช่วยอะไรกันไม่ค่อยได้ค่ะ บางทีเสียงตะโกนก็จะกลายเป็นเสียงร้องโหยหวนไป สงสัยพวกนี้จะติดดอยมานานค่ะ เลยใกล้บ้าเต็มที น่ากลัวมากค่ะ จะลงก็ไม่รู้จะทำไง จะกระโดดลงไป ก็กลัวคอหักตาย เลยได้แต่รอให้พี่เทพกลับมารับ แต่ก็ได้ข่าวว่า พี่เขาติดหวัดนกค่ะ นอนซมอยู่นาน ช่วงนั้นหนูก็ได้แต่หาเผือกหามันกินประทังชีวิตไปวันๆ ลำบากมากค่ะ ได้แต่อธิษฐานให้พี่เทพหายไวๆ บางวันหนูก็เห็นเค้าพยายามปีนๆ กลับขึ้นมาเหมือนกัน แต่ร่างกายคงยังไม่ค่อยแข็งแรง เลยกลิ้งกลับลงไปไม่เป็นท่า วัยรุ่นเซ็งเลยค่ะ หนูอุตส่าห์ลุ้นตัวโก่ง เฮ้อ บางวันก็ดูเริ่มต้นแบบฟิตดีมาก แต่พอถึงกลางทาง ก็โดนพวกโจรป่ารุมทำร้าย กลิ้งกลับลงไปอีก หนูสงสาร(ตัวเอง) ใจจะขาด คิดว่าถ้ามัวแต่รอพี่เทพกลับขึ้นมารับข้างบนนี้ คงเป็นชาติหน้าตอนบ่ายสอง หนูคงแก่ตายไปก่อน คิดได้ดังนั้นแล้ว หนูก็เลยดูๆ ท่าที มีวันหนึ่งฟ้าฝนเป็นใจ เปิดทางให้หนูเลยค่อยๆ ไต่ลงมาจากดอยลงมาได้หน่อย มารอพี่เทพให้ใกล้กว่าเดิม หวังว่าคราวนี้ ถ้าพี่เทพแข็งแรงและไม่มีโจรป่ามากวน เขาคงกลับมารับหนูได้ซักทีค่ะ หนูจะรอคอยด้วยความหวังต่อไป เป็นอย่างไรบ้างครับ สำนวนใช้ได้เอาการ แต่ลองอ่านให้ดีจะรู้ถึงความรู้สึกๆ จากอารมณ์ขันของธิดาดอยคนนี้ คือ จะเรียกว่าตลกร้ายก็ไม่ผิด... ครั้งหลังสุดที่พบกัน เธอบอกว่า ได้ตัดใจจากพี่เทพไปนานแล้ว ค่อยปีนลงดอยไปพบรักใหม่กับหนุ่มร็อค แต่ก็ผิดหวังอีก แต่ก็ดีครับได้เปลี่ยนบรรยากาศไปอยู่บนดอยใหม่ เฝ้ารอคอยชายหนุ่มคนใหม่มารับลงอีกตามเคย ผมอ่านแล้วพบประเด็นสำคัญๆ บางประการที่อยากจะสรุปให้อ่านกันครับ เรื่องแรกเลยนั้น มันมาจากความไม่รอบคอบ ซึ่งมักเกิดกับผู้เริ่มต้นลงทุนใหม่ๆ ไม่ค่อยหาความรู้และทดสอบหาประสบการณ์กันก่อน เห็นคนอื่นทำได้ก็ลุยเลย สอง ก็คือ ความโลภที่มักจะบังตา ก็เล่นกระโดดเข้ามาเล่นกับไฟตอนกำลังลุกโชนนี่สิ สาม เธอคนนี้พยายามใหม่ด้วยการเลือกหุ้นที่หลายๆ คนบอกว่าดี ซึ่งส่วนตัวผมก็คิดว่า พื้นฐานดีทีเดียว แต่เธอพลาดสองประการครับคือ ไม่ได้สนใจพื้นฐานเอาคำพูดผู้อื่นเป็นหลักและไม่ดูตาม้าตาเรือว่าราคามันสูงเกินไปอยู่หรือเปล่า ถ้าตามภาษาValue Investor แล้ว คือ มันไม่มีส่วนต่างความปลอดภัยหรือ Margin of Safety เลย การลงทุนแบบเน้นมูลค่าหรือ Value Investment นั้นไม่ใช่แต่เพียงลงทุนในหุ้นที่พื้นฐานดีเท่านั้นครับ การลงทุนแบบนี้ให้ได้ผลคือ การรอให้มูลค่า หรือ Value ของกิจการสูงกว่าราคาหุ้นนั้นมากๆ ยิ่งมากยิ่งดี หุ้นที่พื้นฐานดีบางครั้งจึงไม่ใช่การลงทุนที่ดีครับประเด็นนี้สำคัญมาก เรื่องในจดหมายนี้บอกเราได้ดีมากๆ ว่า การลงทุนไม่ใช่แต่ใช้ตามองและอารมณ์ในการตัดสินใจ เหมือนการเลือกคบชายหนุ่มของหญิงสาวก็เช่นกัน หญิงสาวที่ฉลาดมักจะเลือกแล้วเลือกอีกไม่ยอมให้อารมณ์มาครอบงำเหตุผลได้ง่ายๆ การลงทุนก็เช่นกันต้องศึกษาให้ละเอียด สอบประวัติกันหลายๆ ปี ต้องดูใจกันก่อน เพราะเราจะอยู่ด้วยกันนานตราบเท่าที่มันยังเป็นกิจการที่ดีครับ แล้วคุณๆ ล่ะเลือกดีแล้วหรือยัง...--จบ-- --กรุงเทพธุรกิจ Bizweek ฉบับวันที่ 19 - 25 พฤศจิกายน 2547-- |
< Prev | Next > |
---|