Cover Story





B- School





Small Biz





ถนนนักลงทุน





Local Biz





Property





ธุรกิจการตลาด





Travel Biz





Food Biz





I - Biz





Auto Biz




วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2548














ฟันธง....ดัชนีหุ้นปีจอ

วิบูลย์ พึงประเสริฐ
ในช่วงเดือนธันวาคมและมกราคมของทุกปี จะมีคำถามยอดฮิตสำหรับนักลงทุนในช่วงเวลานี้คือ คิดว่าดัชนีหุ้นปีหน้าจะเป็นเท่าไหร่?

คำถามนี้นับว่าเป็นคำถามที่ทุกคนที่ลงทุนในตลาดหุ้นอยากรู้มากๆ ไม่น่าแปลกใจที่มีนักวิเคราะห์และผู้ที่อยู่ในวงการหุ้นต่างออกมาทำนายดัชนีหุ้นในปี 2549 กันอย่างคึกคัก

บางสำนักทำนายว่าดัชนีจะไม่ไปไหนไกล เพราะในปีหน้ามีปัจจัยลบที่ยังไม่คลี่คลายอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งปัญหาการขาดดุลการค้าของประเทศ ทำให้ดัชนีหุ้นไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้มาก โดยระบุให้ดัชนีอยู่ระหว่าง 680-740 จุดใกล้เคียงกับดัชนีในปีนี้ โบรกเกอร์บางแห่งกลับให้ความเห็นที่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง โดยบอกว่าปีหน้าแนวโน้มตลาดหุ้นยังดี เพราะราคาหุ้นในตลาดหุ้นไทยมีระดับต่ำกว่าตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค โดยดูจากค่าพีอีที่ตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 8 เท่า ขณะที่ตลาดอื่นๆ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไต้หวัน หรือเกาหลีต่างมีค่าพีอี 12-13 เท่า ดังนั้นนักลงทุนต่างชาติจึงยังน่าจะสนใจลงทุนในตลาดหุ้นไทย คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์น่าจะไปได้ไกลถึง 750-850 จุด

บางท่านมองโลกในแง่ลบ โดยคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นปีหน้าจะปรับตัวลดลงมากกว่าปัจจุบัน อาจเนื่องมากจากปัญหาทางการเมืองที่สื่อมักระบุว่าช่วงนี้เป็น”ขาลง”ของรัฐบาล ทำให้ความมีเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลลดลง จนเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับตลาดหุ้น บางท่านถึงกับแนะนำให้นักลงทุนขายหุ้นล้างพอร์ตให้หมดเลยทีเดียว

จะเห็นว่าความคิดเห็นของนักลงทุนรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องมีหลากหลาย ทั้งคนที่มองโลกในแง่ดี มองโลกในแง่ร้าย และคนที่คิดว่าตลาดน่าจะมีสภาพเหมือนปัจจุบัน

ถ้าเช่นนั้นนักลงทุนทั่วไปจะเชื่อใครดี?

แต่ก่อนที่จะตอบคำถามข้างต้น นักลงทุนควรจะถามตนเองก่อนว่าเราอยากรู้ดัชนีหุ้นในปีหน้าไปเพื่ออะไร?

เหตุผลหนึ่งที่นักลงทุนทั่วไปอยากรู้สภาพตลาดหุ้นรวมทั้งดัชนีตลาดหลักทรัพย์ หรือ Set Index ในปีหน้านั้น ก็เพื่อที่จะได้เตรียมตัวและปรับกลยุทธ์ในการลงทุนในตลาดหุ้นปีหน้าได้อย่างถูกต้องมากที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงกับสภาพที่เข้าตลาดผิดจังหวะจนเกิดการ ”ขาดทุน” จากการลงทุน เช่น ถ้าคิดว่าตลาดหุ้นในปีหน้าดี ก็น่าจะเข้าไปซื้อหุ้นไว้ตั้งแต่ตอนนี้เพื่อที่เมื่อตลาดปรับเป็น”ขาขึ้น”ก็สามารถทำ”กำไร”ได้

ขณะเดียวกันถ้านักลงทุนรู้ได้ว่าตลาดหุ้นในปีหน้าไม่ดี ก็จะชะลอการลงทุนหรือไม่ก็ขายหุ้นในพอร์ตออกไปก่อน เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุนจากการปรับตัวลงของ”ราคาหุ้น” ตามสภาวะตลาดหุ้น

ดังนั้นนักลงทุนจึงมีความจำเป็นต้องรู้หรืออยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพตลาดหุ้นในอนาคตจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุนเป็นข้อมูลในการตัดสินใจลงทุนในปีหน้า

แต่สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญก็คือ แม้แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในตลาดหุ้นเหมือนกัน ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง บ้างก็ว่าตลาดหุ้นปีหน้าจะดี บ้างก็ว่าไม่ดี นอกเหนือจากนั้นการทำนายดัชนีหุ้นล่วงหน้าเป็นปีๆ นั้น มีโอกาสผิดพลาดสูงมาก ถ้าสังเกตดูจากการให้สัมภาษณ์ของผู้เชี่ยวชาญในตลาดหุ้นในปีที่ผ่านๆ มา จะมีการทำนายดัชนีหุ้นเป็นระยะๆ และมีการปรับเปลี่ยนเป้าหมายดัชนีกันบ่อยๆ จนแม้แต่ผู้ให้ข่าวเองยังจำไม่ได้ว่าเมื่อต้นปีทำนายดัชนีหุ้นไว้ที่เท่าไหร่ เพราะถ้าจำได้จะพบว่ามันไม่ตรงกับดัชนีหุ้นปลายปีจริงๆ!

นั่นเป็นเพราะการทายดัชนีให้ถูกต้องถึงทศนิยมสามตำแหน่ง เช่น ทายว่าดัชนีหุ้นอยู่ที่ 695 จุดนั้นมีโอกาสถูกเพียง 1 ใน 1000 หรือน้อยกว่า 1%

ถ้าลดให้ทายดัชนีให้ถูกเพียงเลขสองตัวแรก เช่น 690 จุด โอกาสที่จะทายถูกก็เพียง 1 ใน 100 หรือ ทายผลร้อยครั้งมีโอกาสถูกเพียงครั้งเดียว

แม้แต่ให้มีการทำนายเป็นช่วงของดัชนี เช่น 650-750 จุด โอกาสที่ทายถูกจะมากขึ้นเป็น 1 ใน 10 แต่โอกาสที่จะผิดพลาดก็ยังมีมากกว่า 90%

จะเห็นว่าไม่ว่าจะทำนายดัชนีหุ้นที่เท่าไหร่ โอกาสที่จะทายผิดมีมากกว่าโอกาสที่ทายถูก เป็นการยากที่จะให้ใครก็ตามมา”ฟันธง”ว่าดัชนีจะไปเท่านั้นเท่านี้ตั้งแต่ต้นปี และถูกต้องโดยที่ไม่ปรับเปลี่ยนเป้าหมายดัชนีระหว่างปี

ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการคาดเดาดัชนีหุ้นในอนาคตเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะได้ปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมดังที่ได้กล่าวไปแล้ว สำหรับนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องคาดเดาดัชนีหุ้นแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นดัชนีหุ้นรายวัน ดัชนีหุ้นรายเดือน หรือ ดัชนีหุ้นรายปี เพราะการลงทุนโดยดู ”มูลค่า” ของกิจการเป็นหลักนั้นจะพบว่า บางครั้งราคาของหุ้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงตามดัชนีเสียทีเดียว

ในบางครั้งดัชนีตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น แต่หุ้นบางบริษัทกลับไม่ขยับไปไหน หรือกลับมีราคาลดลง แต่ในขณะเดียวกันเมื่อดัชนีตลาดหุ้นลดลง ราคาหุ้นของบางบริษัทกลับปรับตัวเพิ่มขึ้น

ดังนั้นดัชนีตลาดหุ้นจึงไม่ได้มีความสำคัญมากนัก แม้แต่วอร์เรนท์ บัฟเฟตต์ ปรมาจารย์ทางด้านการลงทุนแบบเน้นคุณค่าถึงกลับกล่าวว่า “ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำนายหรือเฝ้าดูดัชนีตลาดหุ้น นอกเหนือจากเอาไว้ดูว่าจะมีใครทำอะไรโง่ๆในตลาดหรือเปล่า”

ขอประชาสัมพันธ์เชิญผู้สนใจเข้าร่วมงาน Investor Day ซึ่งจัดเป็นประจำทุกเดือน ในเดือนนี้จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 7 มกราคม 2549 ที่สำนักงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยทาง TVI.Com ได้เข้าร่วมจัดสัมมนาในครั้งนี้ด้วย ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในเวบของ Thaiinvester.com และ TVI.com

ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่นี้ ผมและคุณมนตรี ขอให้ท่านผู้อ่านและครอบครัวประสบความสุขและความสำเร็จในการลงทุนทุกท่าน

สวัสดีปีใหม่ 2549 ครับ

วิบูลย์ พึงประเสริฐ นักลงทุนบริหารพอร์ตส่วนตัว เริ่มต้นจากการขาดทุนในตลาดหุ้นเมื่อหลายปีก่อน จนพบว่า Value Investing ให้ความสมดุลระหว่างการลงทุนในอนาคตกับเวลาส่วนตัวในปัจจุบันได้ จะมาแนะนำการลงทุนแบบไม่ต้องนั่งเฝ้าหน้าจอ ไม่ต้องกระวนกระวายใจกับความผันผวนของตลาดหุ้น ผ่านคอลัมน์นี้


About Us I Suggestion I Site Map I GetThaiFont | Contact Us I Privacy Policy
copyright @ 2004 Nation Group / Produced & Designed by : KT Internet Dept.