
Value way : ธรรมนูญชีวิต...ธรรมนูญการลงทุน ชีวิตที่เป็นอิสระทางการเงิน 1
มนตรี นิพิฐวิทยา
นักลงทุนหลายท่านต้องการพบกับอิสรภาพทางการเงิน หรือพบนิพพานทางการเงิน ตามความหมายนี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีเงินทองมากมายมหาสารครับ การมีเงินเอาไว้ใช้สอยอย่างเพียงพอต่อการดำรงชีวิต มีเหลือไว้บำรุงเลี้ยงคนที่ควรดูแลเอาใจใส่ เช่น พ่อแม่ ลูกหลาน และมิตรที่ดี มีทรัพย์มากพอที่จะไม่ทำให้เราต้องมาลำบากเมื่อแก่เฒ่า ก็ถือว่าเป็นอิสรภาพทางการเงินแล้ว
เรื่องอิสรภาพทางการเงินนั้น พระพุทธเจ้าก็ทรงสั่งสอนเอาไว้เช่นกัน พระองค์ได้สั่งสอนให้สาธุชนได้รู้จักเป็นนายของเงิน ไม่ปล่อยให้เงิน(ความโลภ)มาเป็นนายเราครับ
คนที่จะได้ชื่อว่า รู้จักหาทรัพย์ รู้จักใช้ทรัพย์ หรือหาเงินเป็น ใช้เงินเป็น เป็นคนทำมาหากินที่ดี ตั้งตัวสร้างหลักฐานได้ และใช้ทรัพย์สมบัติให้เป็นประโยชน์ เป็นผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ทางเศรษฐกิจอย่างถูกต้อง ก็เพราะปฏิบัติตามหลักการแสวงหาทรัพย์และการใช้ทรัพย์ หรือ สำหรับพวกเราก็คือหลักการลงทุนนั่นเอง ในหนังสือ ธรรมนูญชีวิต นี้ได้แจกแจงเอาไว้สามขั้นสำคัญๆดังนี้
1. ขั้นหาและรักษาสมบัติ
2. ขั้นแจงจัดสรรทรัพย์
3. ขั้นจับจ่ายกินใช้
เรามาดูรายละเอียดกันที่ละขั้น ซึ่งแต่ละขั้นนั้นจะประกอบไว้ด้วนส่วนย่อยที่สำคัญๆ อีกหลายส่วน ดังต่อไปนี้
ส่วนที่ 1 ขั้นหาและรักษาทรัพย์ ประกอบด้วยส่วนรายละเอียดอีก 4 ส่วนต่อไปนี้
1. ความขยันหมั่นเพียร คือขยันหมั่นเพียรในการปฏิบัติหน้าที่ ประกอบอาชีพที่สุจริต ตั้งใจฝึกฝนให้เกิดความชำนาญและรู้จริงในกิจการที่ตนเองต้องทำ รู้จักใช้สติปัญญาหาวิธีการที่เหมาะสมในการมองหาวิธีการในการดำเนินงานที่ดีที่สุด เปรียบได้กับว่าเราควรจะต้องมีความเพียรในการศึกษาหาความรู้เพื่อเพิ่มพูนสติปัญญา ฝึกฝนให้เกิดความชำนาญในการเลือกสรรกิจการที่ดีพร้อมในทุกๆ ด้าน อย่างไม่ย่อท้อ สำหรับกิจการที่เราเลือกลงทุนเองก็ควรจะมีลักษณะเช่นเดียวกัน บริษัทควรมีพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ขยันขันแข็ง มีความรู้ความสามารถในด้านต่างๆ ซึ่งขอให้สังเกตจากความเอาใจใส่ในการพัฒนาบุคลากรของบริษัทนั้นๆ เอาไว้ให้ดี
2. รู้จักการดูแลรักษาทรัพย์ เมื่อหาทรัพย์สินมาด้วยความเพียรสิ่งที่ตามมานั่นก็คือการรักษาและเพิ่มพูนทรัพย์สินนั้นๆ ให้เจริญรุ่งเรืองมากๆ ขึ้นไป อย่างเราก็ควรเอาใจใส่ดูแลกิจการของเราที่มอบหมายให้ผู้บริหารดูแลจัดการให้เป็นไปอย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ หากว่าเราเห็นช่องทางที่จะช่วยกิจการของเราได้ก็ไม่ควรละเลย เฝ้าติดตามตรวจสอบการดำเนินงานมิให้ออกนอกลู่นอกลอย ซึ่งอาจนำมาซึ่งความเสียหายได้ สำหรับกิจการของเราเองก็ควรจะมีแนวทางในการดำเนินงานที่ระมัดระวังเช่นเดียวกัน ควรจะมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องในสายธุรกิจที่กิจการมีความถนัด ไม่คิดลงทุนในกิจการที่ไม่มีความถนัดซึ่งอาจนำภัยมาสู่ผู้ถือหุ้นได้
3. การคบหามิตรที่ดี การที่รู้จักเลือกคบหาผู้คนที่จะชักจูงไปสู่สิ่งที่ดีๆ มีความรู้ความสามารถ และสามารถที่จะเกื้อกูลให้เราประสบแต่สิ่งดีๆ ธรรมข้อนี้เราก็สามารถนำเอามาใช้กับการเลือกสรรผู้บริหารกิจการที่ดี มีคุณธรรมในการดำเนินธุรกิจ ไม่คิดเอารัดเอาเปรียบผู้ถือหุ้น ผู้บริหารที่ดี ควรมีคุณสมบัติตั้งแต่ข้อแรกมาจนข้อสุดท้ายเลยทีเดียว และข้อที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็นข้อที่สามนี่เอง เพราะหากต่อให้ผู้บริหารเก่งกาจสามารถอย่างไร หากเป็นบุคคลที่คดในข้องอในกระดูกแล้วละก็ คุณสมบัติอื่นนั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายเราจนได้ เปรียบเสมือนเราได้เลือกไปคบเอากับคนพาลที่มีความสามารถในการคดโกงเป็นอย่างยิ่ง
4. ดำรงชีวิตแต่พอดีตามสมควร มีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยไม่สุรุ่ยสุร่าย ดำรงชีวิตอยู่อย่างพอเพียงมีเงินออมเหลือเก็บ แม้ว่าจะมีรายได้ไม่มากนักแต่ก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่เดือดร้อน หากเรานำไปประยุกต์ใช้กับกิจการที่เราลงทุนเราก็ควรมองหากิจการที่ดำเนินงานอย่างระมัดระวัง ไม่ลงทุนนอกลู่นอกทาง เมื่อมีกำไรก็ควรจะเหลือเป็นเงินสดเก็บเอาไว้ลงทุนหรือแบ่งปันเป็นเงินปันผลสู่ผู้ถือหุ้น หรือไม่ลงทุนจนเกินตัวจนต้องกู้หนี้ยืมสินมาให้เป็นภาระและเป็นความเสี่ยงต่อความยั่งยืนของกิจการ
สำหรับหลักธรรมในส่วนนี้เป็นหลักง่ายๆ ที่เราทุกคนสามารถนำมาประพฤติปฏิบัติกันได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร ขอเพียงแต่อย่าตั้งอยู่ในความประมาทเท่านั้นเป็นพอ อันที่จริงแล้วหลักการทางพุทธศาสนาที่เรามีกันอยู่นี้ก็เป็นหลักการลงทุนที่ครบถ้วนอยู่ในตัวอย่างสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นจะต้องดิ้นรนหาหลักการลงทุนตามแนวฝรั่งอะไรอีกเลย เพียงแต่พวกเรากันเองนั้นห่างไกลจากศาสนากันมากในยุคสมัยนี้เท่านั้นเอง
หลักการในขั้นถัดไปคือ ขั้นแจงจัดสรรทรัพย์ คือเมื่อหาทรัพย์มาได้แล้ว ก็ต้องรู้จักจัดสรรทรัพย์นั้นโดยถือหลักการแบ่งทรัพย์เป็นสี่ส่วนที่เรียกว่า โภควิภาค 4 คือ
๐ หนึ่งส่วน ใช้จ่ายเลี้ยงตน เลี้ยงคนที่ควรบำรุงเลี้ยง และทำประโยชน์ การใช้จ่ายเลี้ยงตนเอง และพ่อแม่พี่น้องนั้นเป็นเรื่องที่ควรกระทำเพื่อให้เกิดความสุขสงบในครอบครัว สำหรับบริษัทเองก็ควรดูแลเอาใจใส่กับพนักงาน เจ้าหน้าที่ ให้เกิดความสุข เกิดความจงรักภักดีต่อองค์กร ซึ่งจะนำมาซึ่งความเจริญก้าวหน้าของกิจการ เพราะธุรกิจดำเนินงานโดยคน และด้วยคนเป็นหลักใหญ่
๐ สองส่วน ใช้เป็นทุนประกอบการงาน พระพุทธเจ้าทรงสอนให้คนหรือกิจการใดๆดำเนินงานด้วยทุนรอนที่สะสมมา ไม่ได้สนับสนุนให้ใช้เงินทุนจากการก่อหนี้ สำหรับบุคคลนั้นหากจะเป็นอิสระทางการเงินนั้นก็ไม่ควรมีหนี้สินซึ่งจะเป็นภาระที่ต้องแบกรับในอนาคต สำหรับบริษัทที่ไม่มีหนี้ก็ไม่มีความเสี่ยงข้อผูกมัดในการดำเนินธุรกิจ และจะมีเงินทุนดำเนินงานได้อย่างคล่องตัว
๐ อีกหนึ่งส่วน เก็บไว้ใช้ยามจำเป็น พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้มิให้ประมาทต่อความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตโดยเราไม่อาจรู้ได้ เพราะทุกอย่างไม่เที่ยง การมีทุนเก็บไว้สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินจึงจำเป็นอย่างมาก คนที่เป็นอิสรภาพทางการเงินแล้วส่วนนี้คงไม่เดือดร้อน และน่าจะเห็นเป็นโอกาสเสียด้วยซ้ำ สำหรับบริษัทเองก็เช่นกัน การมีทุนไว้ใช้ในยามวิกฤตินั้นจะทำให้บริษัทอยู่รอด และมีโอกาสทางธุรกิจก่อนใคร
หลักการหรือหลักธรรมในการที่จะหลุดพ้นเป็นอิสรภาพทางการเงินนั้นยังเหลืออีกหนึ่งขั้น คือขั้นจับจ่ายกินใช้ ซึ่งผมจะนำมาเสนอในตอนหน้าครับ
|