Cover Story





B- School





Small Biz





ถนนนักลงทุน





Local Biz





Property





ธุรกิจการตลาด





Travel Biz





Food Biz





I - Biz





Auto Biz




วันศุกร์ที่ 05 พฤษภาคม พ.ศ. 2549














ทำงานไปลงทุนไป (2)

วิบูลย์ พึงประเสริฐ
มีผู้อ่านหลายท่านสอบถามมาว่า ทำงานประจำไปด้วยแต่ไม่อยากลงทุนในหุ้นด้วยตนเอง อาจเห็นว่าเสี่ยงเกินไปหรือไม่มีเวลาติดตามตลาดหุ้น จะมีทางเลือกในการลงทุนอย่างไรบ้าง

สำหรับท่านที่ทำงานรับเงินเดือนประจำ ทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ การลงทุนใน”กองทุนรวม” โดยเฉพาะกองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุ (RMF) และกองทุนรวมระยะยาว (LTF) เนื่องจากสามารถนำเงินสมทบทั้งสองกองทุนหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ช่วยลดภาระภาษีในแต่ละปีได้มากพอสมควร บางท่านอาจยังไม่ทราบความแตกต่างระหว่างสองกองทุนนี้ เพราะมีคำถามอยู่เสมอว่าทั้งสองแบบนั้นต่างกันอย่างไรและกองทุนไหนดีกว่ากัน ขออธิบายกองทุนรวมทั้งสองแบบและข้อดีข้อเสียของแต่ละกองทุนดังนี้

กองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุ (RMF) เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ทางรัฐบาลมองเห็นว่าการออมเพื่อเกษียณอายุ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ยังอยู่ในวงจำกัด ลูกจ้างที่รับเงินเดือนประจำจำนวนมากยังไม่ได้เข้ามาในระบบของกองทุนทั้งสอง กองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นไม่ได้เป็นกองทุนที่ถูกบังคับจากทางรัฐบาล บริษัทนายจ้างแต่ละแห่งเป็นผู้ที่ตัดสินใจในการเข้าร่วมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเอง เนื่องด้วยในกำหนดของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น ทางนายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบส่วนหนึ่งทุกเดือน ทำให้บริษัทจำนวนมากไม่เข้าร่วมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพราะไม่อยากเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายของบริษัท

ส่วนกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการนั้นเป็นกองทุนเฉพาะข้าราชการเท่านั้น ทำให้พนักงานรับเงินเดือนจำนวนมากไม่มีเงินสำรองสำหรับการเกษียณอายุ เมื่อถึงคราวที่ต้องเกษียณจริงๆ อาจต้องเป็นภาระของรัฐบาลหรือลูกหลานในการใช้จ่ายดำเนินชีวิตหลังเกษียณ

รัฐบาลในสมัยนั้นจึงออกกฎหมายให้พนักงาน ลูกจ้างหรือผู้มีรายได้สามารถลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุ (RMF) เพื่อที่จะมีเงินสำรองไว้สำหรับการเกษียณอายุ เงินลงทุนในกองทุนรวมนี้สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ เป็นการใช้ผลประโยชน์ทางภาษีเพื่อจูงใจให้คนทำงานหันมาให้ความสนใจกับการออมเพื่อเกษียณอายุมากขึ้น ในช่วงแรกกองทุนนี้ได้รับความสนใจไม่มากนัก จนเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา หลายท่านเห็นประโยชน์ของกองทุนดังกล่าว ทำให้กองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุได้รับความสนใจจากลูกจ้างหรือผู้มีรายได้เป็นอย่างมาก

ผู้มีเงินได้สามารถนำเงินลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุไปหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15% ของรายได้พึงประเมินรายปี และเมื่อรวมกับเงินสมทบในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) แล้วไม่เกิน 300,000 บาทต่อปี ผู้ลงทุนสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินประจำปีได้ปีต่อปีเท่านั้น ในปีถัดไปผู้ลงทุนจำเป็นต้องซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุอย่างน้อยร้อยละ 3 ของเงินรายได้พึงประเมิน หรือ 5,000 บาทแล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า ผู้ซื้อหน่วยลงทุนจำเป็นต้องซื้อกองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุทุกปีหรือถ้าไม่อยากลงทุนเพิ่มก็สามารถยกเว้นได้ไม่เกิน 1 ปีติดต่อกัน

ตัวอย่างเช่น

ผู้มีรายได้พึงประเมิน 2,000,000 บาทมีเงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพระหว่างปี 100,000 บาท สามารถนำเงินลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุได้เพื่อการลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15% เท่ากับ 300,000 แต่เมื่อรวมเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 300,000+100,000 = 400,000 ซึ่งเกินส่วนลดสำหรับหักภาษีที่ 300,000 บาท ดังนั้นเงินลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุที่สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ จึงเท่ากับ 200,000 บาท ถ้าฐานภาษีอยู่ที่ 30% จะได้ส่วนลดทางภาษี 200,000*30% = 60,000 บาทเลยทีเดียว

ข้อดีของกองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุ (RMF)

1) สามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีได้ ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

2) เป็นการออมเพื่อการเกษียณอายุ กองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุจัดตั้งขึ้นเพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถออมเงินได้ในระยะยาว ดังนั้นถ้าผู้ลงทุนในกองทุนนี้อย่างสม่ำเสมอก็มั่นใจได้ว่า เมื่อถึงคราวเกษียณอายุจะมีเงินก้อนหนึ่งสำหรับชีวิตหลังเกษียณอย่างแน่นอน

3) สามารถเปลี่ยนหน่วยลงทุนได้ตลอดเวลา ผู้ลงทุนสามารถเปลี่ยนกองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุได้ทุกเวลา เช่น เปลี่ยนจากกองทุนหุ้นเป็นกองทุนพันธบัตร หรือ เปลี่ยนจากบริษัทกองทุนหนึ่งไปอีกบริษัทหนึ่งได้ตามความต้องการ โดยไม่เสียสิทธิทางภาษีแต่อย่างใด

ข้อเสีย

1) ไม่สามารถไถ่ถอนได้ก่อนกำหนด เนื่องจากกองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุเป็นการลงทุนระยะยาว ทางราชการจึงไม่อนุญาตให้ผู้ลงทุนไถ่ถอนเงินลงทุนได้ก่อนระยะเวลาที่กำหนด คือหลังจากลงทุนไปแล้วอย่างน้อยห้าปี และอายุต้องไม่ต่ำกว่า 55 ปี ถ้าผู้ลงทุนเกิดเปลี่ยนใจไถ่ถอนหน่วยลงทุนก่อนกำหนด ต้องคืนเงินภาษีที่ได้รับยกเว้น

2) ต้องซื้อหน่วยลงทุนทุกปี ผู้ลงทุนจำเป็นต้องลงทุนในกองทุนนี้เป็นประจำทุกปี หรือถ้าไม่อยากลงทุนสามารถ”เว้นวรรค”ได้ไม่เกิน 1 ปีติดต่อกัน

3) ผลตอบแทนขึ้นกับผู้บริหารกองทุน เนื่องจากมีหลายบริษัทเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุ ทำให้ผลตอบแทนของแต่ละกองทุนขึ้นกับนโยบาย และความสามารถของผู้จัดการกองทุน การเลือกกองทุนหรือบริษัทที่จะจัดการเงินลงทุนจึงมีความสำคัญ

คราวหน้าจะกล่าวถึงกองทุนรวมระยะยาว (LTF) ซึ่งมีที่มาที่ไปต่างจากกองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุ (RMF) แต่ก็มีข้อดีข้อเสียกันคนละแบบ โปรดติดตาม


About Us I Suggestion I Site Map I GetThaiFont | Contact Us I Privacy Policy
copyright @ 2004 Nation Group / Produced & Designed by : KT Internet Dept.