_files/space.gif) Value Way : จำกัดความเสี่ยง (1)
วิบูลย์ พึงประเสริฐ ตามปกติแล้ว
การลงทุนในตลาดหุ้นในสายตาคนทั่วไป มักมองว่าเป็นเรื่องของ
ความเสี่ยง
โดยเฉพาะความเสี่ยงที่ราคาหุ้นลดลงทำให้เกิดการขาดทุนจากการลงทุน
ความผันผวนของราคาหุ้นที่มากกว่าสินทรัพย์อื่นๆ
ทำให้คนที่มีเงินออมเลือกที่จะฝากเงินในธนาคารหรือลงทุนในพันธบัตรมากกว่าซื้อหุ้น
แต่ไม่ว่าเราจะนำเงินไปอยู่ในรูปแบบใด ความเสี่ยง
ที่เกิดขึ้นนั้นมักมีอยู่เสมอ
การฝากเงินในธนาคารมีความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับ
หรือพันธบัตรที่ถืออยู่อาจมีค่าลดลงเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น
มีผู้รู้กล่าวเอาไว้ว่า ความเสี่ยงจากการลงทุนนั้นไม่สามารถ
"กำจัด" ได้ แต่เราสามารถ "จำกัด ได้
การลงทุนในตลาดหุ้นก็เช่นเดียวกัน
นักลงทุนจำเป็นต้องมีวิธีการในการ จำกัดความเสี่ยง
จากการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
ในทางทฤษฎีการลงทุนสมัยใหม่
โดยเฉพาะทฤษฎีตลาดที่มีประสิทธิภาพ (Efficient Market
Theroy-EMT)
ได้ตอกย้ำถึงความเสี่ยงของราคาหุ้นที่ผันผวนอย่างคนส่วนใหญ่กังวล
โดยนำความเบี่ยงเบนของราคาหุ้นที่เกิดขึ้นบนกระดาน
หรือที่เรียกกันว่า ค่าเบต้า
มาคำนวณหามูลค่าของหุ้นของบริษัทนั้นๆ
ยิ่งหุ้นบริษัทไหนมีค่าความผันผวนของราคามาก (ค่าเบต้าสูง)
จะถือว่าหุ้นบริษัทนั้นมี ความเสี่ยง มากตามไปด้วย
การลงทุนที่ดีตามทฤษฎีตลาดที่มีประสิทธิภาพ
ควรประกอบไปด้วยหุ้นที่มีค่าความผันผวนต่างๆกัน
ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วทำให้ค่าความผันผวนของพอร์ตการลงทุนเท่ากับความผันผวนของตลาดหุ้นโดยรวม
การลงทุนลักษณะนี้เรียกกันว่าเป็นการลงทุนในกองทุนรวมดัชนี
(Index Fund) ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา
พบว่าเป็นการลงทุนที่สามารถเอาชนะการลงทุนของกองทุนหุ้นอื่นๆ
ได้ดีพอสมควร
โดยเฉพาะการเก็บค่าธรรมเนียมการบริหารที่น้อยกว่ากองทุนอื่นๆ
เพราะไม่ต้องมีนักวิเคราะห์มาพิจารณาซื้อขายหุ้นเป็นรายบริษัท
กองทุนรวมดัชนีทำการซื้อขายหุ้นโดยนำโมเดลการคำนวณบริษัทที่อยู่ในพอร์ต
ให้เลียนแบบดัชนีหุ้นที่กำหนดไว้ เช่น กองทุนรวมดัชนีหุ้นไทย
(SET 50) กองทุนรวมดัชนีเอสแอนด์พี (S&P 500)
หรือกองทุนรวมที่เลียนแบบดัชนีดาวโจนส์ (Dows Jone Index)
ถ้าหุ้นบริษัทใดได้รับการเพิ่มเติมเข้าไปในดัชนีดังกล่าว
กองทุนดัชนีจะเพิ่มการลงทุนในบริษัทนั้นๆ
แต่ถ้าบริษัทใดถูกถอดออกจากดัชนี
กองทุนดัชนีจะขายหุ้นดังกล่าวออกไปเช่นเดียวกัน
ความเสี่ยง ของกองทุนดัชนี
จะมีค่าเท่ากับดัชนีตลาดหุ้นโดยรวม ถ้าดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น
กองทุนดัชนีจะทำผลประกอบการได้ดี ขณะเดียวกันถ้าช่วงใดดัชนีตกต่ำ
กองทุนดัชนีจะประสบภาวะขาดทุนในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นโดยรวม
ในระยะยาวแล้ว ดัชนีหุ้นมักเติบโตไปกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศ
ซึ่งส่วนใหญ่มีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นทุกๆ ปี
ยกเว้นเฉพาะในช่วงเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ
ค่าเงินบาทที่ทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลง
แต่เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
ประกอบกับการลงทุนในตลาดหุ้นยังได้รับเงินปันผลของบริษัทที่ถือหุ้นอยู่ด้วยแล้ว
การลงทุนในกองทุนดัชนี ถือว่าเป็นการ "จำกัดความเสี่ยง
ที่ดีอย่างหนึ่งของการลงทุนในตลาดหุ้น
ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วจากผลประกอบการของกองทุนดัชนีทั่วโลก
ที่สามารถชนะกองทุนหุ้นอื่นๆ ได้มากกว่าครึ่ง
หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่าผู้จัดการกองทุนหุ้นอื่นๆ
เพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่เอาชนะผลการลงทุนของกองทุนดัชนีได้ในระยะยาว
สำหรับคนทั่วไปที่มีเงินออมและอยากลงทุนในหุ้นแต่ไม่กล้าเสี่ยงลงทุนเอง
กองทุนดัชนีหุ้นอาจเป็นคำตอบสำหรับการบริหารความเสี่ยงในยุคนี้
|