Home  Committee | CalendarEvents | Forum | Friends' Web | Directory | Guest Book
 
  Active TopicsActive Topics  Display List of Forum MembersMemberlist  Search The ForumSearch  HelpHelp
  RegisterRegister  LoginLogin
News Board
 Forum : Intania66 : News Board Post ReplyPost New Topic
ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"
Author
Message << Prev Topic | Next Topic >>
kaEw
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 26-Jan-06 at 15:13 | IP Logged Quote kaEw

http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02edi04050149&day=2006/01/05

ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"

คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย โดย บินหลา สันกาลาคีรี

"ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย" เป็นบันทึก "คนทำมะดาที่ไม่ทำมะดา" อย่าง ชุมพล ณ ลำเลียง กจญ.ปูนซิเมนต์ไทย หนังสือเล่มนี้ที่ได้ถูกลิขิตขึ้นเพื่อแจกวันอำลาอาลัยกจญ.คนทำ มะดาคนนี้ ซึ่ง เรียบเรียงโดย บินหลา สันกาลาคีรี นักเขียนซีไรต์ 2548 "ประชาชาติธุรกิจ" เห็นว่ารายละเอียดในเล่มมีแง่มุมที่ซ่อนเคล็ดลับที่ไม่ลับชวนให ้อยากสื่อถึงผู้ที่ไม่ได้รับหนังสือเล่มนี้มีโอกาสได้รู้จักคนท ำมะดาคนนี้ โดยได้รับอนุญาตจากทีมงานประชาสัมพันธ์ปูนซิเมนต์ไทยเพื่อเผยแพ ร่เนื้อหา ทั้งนี้เริ่มตั้งแต่ฉบับประจำวันที่ 5 มกราคม 2549 เป็นต้นไป

ที่ซึ่งมีแต่คนไม่ธรรมดา

ตำนานกว่า 90 ปีของปูนใหญ่ ว่ากันว่าคนที่ก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งหรือ "นายห้าง" ของที่นี่จะต้องมีคุณสมบัติพิเศษ มีความโดดเด่นด้านใดด้านหนึ่ง

เรียกง่ายๆ ว่าต้องเป็นคน "ไม่ธรรมดา"

คุณจุฬา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา อดีตกรรมการ ผู้จัดการบริษัทกระเบื้องกระดาษไทย ผู้ผ่านการร่วมงานกับ "นายห้าง" รุ่นแรกๆ หลายคนเคยเล่าไว้ว่า

นายห้างสูง (มิสเตอร์คาร์สเตน ฟรีส เยสเปอร์เซ่น ชาวเดนมาร์ก) โดดเด่นที่ความเข้มงวด

นายห้างเหม หรือ มิสเตอร์เฮมมิงเซ่น เป็นยอดประนีประนอม

คุณบุญมา วงษ์สวรรค์ นายห้างชาวไทยคนแรก คือผู้ที่ถือกฎอย่างเคร่งครัด

คุณสมหมาย ฮุนตระกูล ผู้ต่อมาเป็น รมว. คลังที่ดีและเก่งที่สุดของประเทศไทยคนหนึ่ง ไม่ธรรมดาที่ความเป็นนักธุรกิจการค้า

คุณจรัส ชูโต คือนักบริหารที่สวมวิญญาณสมัยใหม่

คุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ผู้ใส่ใจในเรื่อง "คน" และสร้างตำนานการเพิ่มผลผลิตที่ต่อเนื่องและยาวนาน

แต่ละท่านล้วนไม่ธรรมดา

จำเนียรกาลจวบถึงชุมพล ณ ลำเลียง...นายของเรา

ไม่ยากที่จะพูดว่าคุณชุมพลก็ไม่ใช่คนธรรมดา

กรรมการผู้จัดการใหญ่ที่ใช้เวลาไม่ถึงสิบปี ฝ่าฟันนำพาเครือบริษัทซึ่งมีหนี้เกือบ 5,000 ล้าน เหรียญสหรัฐ กลับมามีกำไร มีปันผลให้ผู้ถือหุ้น ย่อมไม่ธรรมดาแน่ๆ แต่ขณะเดียวกัน คำคำนี้กลับขัดแย้งอย่างหนักกับความเป็นคุณชุมพลในแต่ละวัน แต่ละนาที

พูดได้ว่าคนภายนอก "รู้จัก" นายของเราน้อยมาก คนภายในอย่างเราก็ไม่แน่ว่าจะ "รู้ใจ"

เมื่อหนังสือเล่มนี้ถึงมือของท่าน บรรณาธิการและคณะผู้จัดทำอาจตกงานไปแล้ว เพราะคุณชุมพลไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับท่าน ไม่ชอบการยกยอปอปั้น ไม่ชอบเป็นข่าว ไม่ชอบ ฯลฯ รวมทั้งหวงความเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ แต่หลังจากได้ร่วมระดมสมอง (ที่พวกเรายังพอมีอยู่) แล้วก็ได้ตกลงกันว่าจะต้องเดินหน้าตามแผน ด้วยข้อสรุปว่า บุคคลท่านนี้สมควรเป็นอีกท่านหนึ่งที่ได้รับการยกย่องของเครือซ ิเมนต์ไทย

ไม่เพียงแต่ในฐานะของคนที่ไม่ธรรมดา

ที่มากกว่านั้นคือ ในฐานะของคนที่แสนจะ "ทำมะดา"

กัปตันไททานิก

ต้นเดือนธันวาคม พุทธศักราช 2540

เป็นธรรมดาและบ่อยครั้ง ที่ คุณอวิรุทธิ์ วงศ์พุทธพิทักษ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการเงิน จะเข้าพบเพื่อหารือผู้บริหารสูงสุดของเขา ที่ห้องทำงานชั้น 3 เพียงแต่ครั้งนี้ไม่น่าจะธรรมดานัก ด้วยหน้าตาของคุณอวิรุทธิ์เป็นเช่นนี้

ทั้งเครียดและกังวลใจ

เจ้าของห้องเงยหน้าขึ้น

"กอจอญอครับ" ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ เสียงเครือเจือวิตก

เป็นธรรมเนียมที่นี่ที่จะเรียกกรรมการผู้จัดการใหญ่ว่ากอจอญอ หรือในภาษาเขียนก็เป็น "กจญ." ไม่นิยมเรียก "boss" อย่างที่อื่นเขา

"สิ้นเดือนนี้เราไม่มีเงินพอจ่ายเงินเดือนให้พนักงานครับ"

ถ้าอีก 80,000 หูของคนเครือซิเมนต์ไทยมาได้ยินประโยคนี้พร้อมกัน ทุกหู ทุกหัวใจคงหล่นวูบโดยมิได้นัดหมาย นอกจากพนักงานกว่า 40,000 ชีวิตแล้ว เครือซิเมนต์ไทยหรือปูนใหญ่ยังพ่วงแบกบริษัทในเครือไว้อีกกว่า 200 บริษัท มิพักต้องพูดว่าผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหา กษัตริย์มิพักต้องพูดถึงหนี้สินและตัวเลขสีแดงที่ กำลังจะบ่าเข้ามาไม่ขาดสาย เฉพาะปัญหาเงินเดือนพนักงานซึ่งเป็นเพียงส่วนยอดของภูเขาน้ำ แข็ง ก็มหึมาพอจะล่มนาวาลำนี้ได้แล้ว

เงินเดือนพนักงาน...

ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่เหลือบตาดูเจ้านายของเขา จำได้ว่า กจญ.ไม่เคยเป็น "พนักงาน" เครือซิเมนต์ไทยด้วยซ้ำ เมื่อ 25 ปีที่แล้ว ตำแหน่งแรกที่ชายร่างเล็กผู้นี้ได้รับทันทีที่เข้าสู่ชายคาบริษ ัทคือหนึ่งในทีมบริหาร เขามาในฐานะได้รับความคาดหวังว่า วันหนึ่งจะขึ้นเป็นกัปตันใหญ่

เมื่อ 25 ปีที่แล้ว กจญ.เคยนึกไหมว่า วันนี้นาวาจะจมสู่ก้นสมุทรพร้อมกับธงชื่อของเขาบนโต๊ะทำงาน กจญ.ที่ชื่อ "ชุมพล ณ ลำเลียง" สะอาดและเปล่าโล่งเช่นทุกวัน ไม่มีกระดาษแม้สักแผ่น

ถ้าเช่นนั้นใบลาออกก็คงยังไม่ได้เขียน

ไม่ใช่ไททานิก

ต้นเดือนธันวาคม พุทธศักราช 2545

เสียงปรบมือกระหึ่มและยาวนาน

ปรบมือให้กับเครือซิเมนต์ไทย

นาทีนั้น ไม่มีใครรู้ว่าในใจของชุมพล ณ ลำเลียง คิดอย่างไร

ใช่คิดถึงเสียงหวั่นวิตก ในวันเดียวกันนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้วหรือไม่ ?

สิ่งที่ผ่านมาไม่ง่ายกับการฝ่าฟันแน่ๆ หากตั้งแต่เมื่อเส้นกราฟราคาหุ้นและผลกำไรของปูนใหญ่ค่อยๆ โงองศาขึ้นมั่นคงอีกครั้ง สปอตไลต์ทุกดวงก็ฉายจับร่างของเขา ทั้งสื่อนานาชาติหลายสาขา โดยเฉพาะใน พ.ศ.2547 ที่มีรายงานด้วยความภาคภูมิใจว่า "เป็นปีที่มีผลประกอบการสูงสุดนับแต่ ก่อตั้งมา"

มิพักพูดถึงในฐานะบรรษัทภิบาล ผู้บริหารแห่งปี และเจ้าของรางวัล Deming Prize จากประเทศญี่ปุ่นถึง 3 ปีซ้อน

ถ้าจะถามถึงเหตุผลที่ทำให้ผลลัพธ์ของเครือ ซิเมนต์ไทยไม่เป็นเช่นไททานิก รายละเอียดคงนับเนื่องเป็นพันหน้า และจะเป็นตำราบริหารธุรกิจเล่มสำคัญ ถ้าถามกับคุณชุมพลโดยตรง คำตอบก็คงเป็นอย่างที่เขาเคยตอบแล้วหลายครั้ง

"เราทำงานเป็นทีม เครือซิเมนต์ไทยเป็นองค์กรใหญ่เกินกว่าที่คนคนเดียวจะทำอะไรได้ เองหมด"

หากสิ่งหนึ่งซึ่งเห็นได้ชัดที่สุด ความแตกต่างระหว่างเรือยักษ์ลำนั้นกับชุมพล

ไททานิกไม่มีเพื่อน

แต่ชุมพล ณ ลำเลียง มีเพื่อน

สงครามเฉพาะหน้า

บนโต๊ะไม่มีใบลาออก

ไม่มีกัปตันเรือคนไหนโจนเอาตัวรอด ในห้วงแห่งความเป็นตาย

นาทีที่ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่รายงานจบ คุณชุมพลถามโดยไม่เสียเวลาคิดทวนหรือลังเล

"เราต้องใช้เงินเท่าไหร่ ?"

พร้อมกับตัวเลขที่ได้รับ เขายกหูโทรศัพท์

การโทร.ครั้งนั้นเป็นจุดผกผันสำคัญห้วงหนึ่งของประวัติศาสตร์เค รือซิเมนต์ไทย

นับแต่การก่อตั้งบริษัทเมื่อ 92 ปีที่แล้ว (พ.ศ. 2456) วิกฤตหน่วงหนักของเครือซิเมนต์ไทยเกิดขึ้น 2 ครั้งด้วยกัน หนแรกคือช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อเครื่องบินของสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดถล่มโรงงานจนสถานีแปลง ไฟและหม้อเผาปูนพังพินาศ แม้จะมีการอธิบายว่า แท้จริงต้องการหย่อนใส่สถานีรถไฟบางซื่อแต่พลาดเป้า ก็ยากจะเชื่อเช่นนั้น ด้วยเป็นที่รู้กันว่าทหารญี่ปุ่นใช้ปูนของเครือ ซิเมนต์ไทยเป็นยุทธภัณฑ์สำคัญ ผลพวงของระเบิดทำให้บริษัทเกือบต้องเลิกกิจการ

ราวๆ 50 ปีต่อมา วิกฤตการณ์ที่สองก็เกิดขึ้น แม้ไม่ใช่สงครามโลก แต่ผลพวงของมันก็แผ่กระทบไปทั้งโลกในนามของ "Tom Yum Kung Disease"

ในช่วงทศวรรษ 2530-39 เครือซิเมนต์ไทยสยายกิจการอย่างเริงร่า กินพื้นที่ถึงธุรกิจประเภทที่ไม่เคยมีความชำนาญ ทรัพยากรทุกด้าน ทั้งเทคโนโลยี เงิน และกำลังคน ขยายตัวเต็มที่ อาคารสำนักงานใหญ่หลังที่ 3 เตรียมผุดรองรับความใหญ่โตที่ไม่อาจหยุดยั้ง แต่แล้วทุกอย่างก็หยุดยั้ง พร้อมกับประกาศลดค่าเงินบาทของรัฐบาลในปี 2540

จากหนี้สินต่างประเทศกว่าแสนล้านบาท วันรุ่งขึ้นปูนใหญ่แบกหนี้ทันทีกว่าสองแสนล้าน

บรรดานายธนาคารขี้ผวา ระงมเรียกหนี้คืนก่อนกำหนด

ราคาหุ้น (บลูชิป) ถล่มติดพื้น จากพันกว่าบาท เหลือร้อยกว่าบาท

ตัวแทนจำหน่ายหลายร้อยรายทั่วประเทศต่างเดือดร้อนด้วยพิษเศรษฐก ิจ

การยกหูโทรศัพท์เพียงครั้งเดียวสร้างปาฏิหาริย์ได้จริงหรือ ?

 

Back to Top View kaEw's Profile Search for other posts by kaEw
 
kaEw
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 26-Jan-06 at 15:19 | IP Logged Quote kaEw

http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02edi07120149&day=2006/01/12

ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"

คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย

เพื่อน

เป็นความจริงที่ว่า บรรดานายธนาคารขี้ผวาเพิ่มปัญหาโถมทับเครือซิเมนต์ไทย...แต่ขณะ นี้ที่กำลังอยู่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์ ก็เป็นนายธนาคาร คุณบรรยงค์ ล่ำซำ รุ่นใหญ่แห่งกสิกรไทย

โดยปกติทั้งคุณชุมพลและคุณบรรยงค์ก็ต่างเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว ทว่าคำพูดน้อยๆ นั้นมีความหมายยิ่ง

"ได้" เสียงจากปลายสายหนักแน่น

ฟังดูเหมือนง่ายดายยิ่ง

ฟังดูเหมือนช่างโชคดีเหลือเกินที่มีเพื่อนเป็นนายแบงก์ แต่ในความเป็นจริง คำพูดสั้นๆ นั้นมีที่มายาวไกล

ย้อนกลับไปใน พ.ศ.2512 เมื่อธนาคารกสิกรไทยกับธนาคารไดอิชิร่วมตั้งบริษัททิสโก้ขึ้นมา คุณชุมพลวัย 22 เป็นหนึ่งในทีมบริษัทใหม่

"ครั้งแรกที่ได้รับคำแนะนำให้รู้จัก ผมนึกในใจว่าทำไมทิสโก้ถึงจ้างเด็กมาทำงาน" คุณบรรยงค์เปิดใจเล่าความหลัง "เพราะตอนนั้นหน้าตาคุณชุมพลดูเด็กเหลือเกิน นึกว่าเพิ่งจบมัธยมมาใหม่ๆ"

"หลังจากได้รู้จักและพูดคุยคบค้าด้วย ผมประทับใจในบุคลิกและลักษณะของคุณชุมพล ตลอดจนความรู้ความสามารถ ผมเห็นมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ"

ในความเป็นจริงของ 30 ปีให้หลังที่มาพร้อมกับคำพูดสั้นๆ "ได้" ของคุณบรรยงค์ นั้นเหยียดยาวยิ่งนัก คือความนับถือห่วงใยซึ่งกันและกัน คือความมั่นใจ เชื่อมั่น

บางทีสิ่งที่ดีที่สุดของการมีเพื่อน อาจไม่ได้อยู่ที่เพื่อน หากแต่อยู่ที่คุณ อยู่ที่ความสม่ำเสมอของคุณ อยู่ที่คำถามว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณได้ทำอย่างไรกับเพื่อนและมิตรภาพ



รับ : รับความจริง

ภายในห้องกรรมการผู้จัดการใหญ่บนชั้น 3 การถอนใจเฮือกของคุณอวิรุทธิ์อาจเปรียบได้กับโอกาสหายใจอีกเฮือ กหนึ่งของเครือซิเมนต์ไทย

แต่เจ้าของห้องรู้ดีว่า ลูกโซ่หายนะที่เกี่ยวร้อยต่อเนื่องเป็นเส้นยาว ขณะนี้ยังไม่เห็นสุดปลายสาย โทรศัพท์ครั้งเดียวนั้นแม้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ แต่ไม่ใช่ปาฏิหาริย์

โดยปกติการประชุมผู้บริหารระดับสูงของเครือซิเมนต์ไทย (ที่เรียกกันว่าคณะจัดการนั้น) จะมีขึ้นเมื่อตรวจสอบแล้วว่าอยู่เมืองไทยกันพร้อมหน้า แต่วาระนี้ไม่รอครบองค์ประชุม ทุกเซลล์สมองที่มีตราช้างประทับ ถูก กจญ.เรียกหาเพื่อจะบีบ จะคั้น จะกลั่น "ช้างเผือก" ออกมาให้ได้

คุณชุมพลใช้คำว่า "นาทีนั้นเราเหมือนเรือกลางทะเลที่ถูกคลื่นลมมรสุมกระหน่ำ มองไม่เห็นฝั่งเลย" ทั้งปัจจัยภายนอกคือค่าเงินที่ผันผวนไม่นิ่ง ยิ่งทำให้ยากจะประเมิน

"เราระดมความคิด ปรึกษาปรับแผนกันทั้งวันทั้งคืน เดินหน้าทำตามแผนอย่างรวดเร็ว ลองผิดลองถูกแก้ไขไปด้วยกัน และทำทุกอย่างที่จะให้ธุรกิจอยู่รอดและเจ็บตัวน้อยที่สุด"

เป้าหมายไม่ใช่ปาฏิหาริย์ที่จะพลิกกำไรในชั่วคืน แต่คือความเป็นจริง "เจ็บตัวน้อยที่สุด"

และติดตามมาด้วยมาตรการที่เป็นหัวใจของการแก้ปัญหา-มาตรการตั้ง รับ

"ตัวตนที่แท้จริงของเราคืออะไร ?"

คุณชุมพลถามต่อที่ประชุม ทั้งยกคำถามเดียวกันนี้ให้บริษัทที่ปรึกษานำไปประเมินความเป็นจ ริง

"เรามีความสามารถแค่ไหน ทำอะไรที่ถนัดสุด มีภาระหน้าที่อะไร ธุรกิจใดมีอนาคต ธุรกิจใดไม่เหมาะสมกับเรา" ล้วนเป็นโจทย์ที่มีค่า ไม่ว่าต่อบุคคลหรือองค์กรธุรกิจก็ตาม การพบความผิดพลาดของตัวเองนับเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ แต่ที่ใหญ่กว่าคือยอมรับสิ่งค้นเจอแล้วแก้ไขแม้จะเจ็บปวด (และเสียหน้า) มาตรการตั้งรับสางทีละปมละเปลาะออกมา เป็นเหมือนมีดหมอที่เลาะไปตามร่องพังผืด เฉือนเนื้อร้ายทิ้งก่อนที่จะลุกลามมากกว่าที่เป็น

คำว่า "ลด ละ เลิก" ไม่เพียงใช้กับการต่อต้านอบายมุขเท่านั้น แม้แต่ไขมันส่วนเกินทางธุรกิจ บริษัทลูกบริษัทหลานที่เบียดกันแน่นเป็นลางสาดแย่งขั้ว ก็ถูกลด ละ เลิกไปเช่นกัน

จะพูดว่าเสียหน้าก็ได้ ที่ปูนใหญ่จำต้องประกาศยกเลิกการสร้างอาคารสำนักงานใหญ่หลังใหม ่แสนหรู ทั้งที่ได้เริ่มงานบางส่วนไปแล้ว ที่ดินผืนใหญ่ถูกปรับใช้เป็นสนามฟุตบอลแทน แต่ชาวปูนมองโลกในแง่ดีกว่านั้นมาก เขาเห็นว่าถึงจะเป็นสนามฟุตบอลแต่นี่คือสนามที่ไม่มีวันทรุด คือสนามแข็งแรงที่สุดในโลก

ด้วยว่ามีเสาเข็มกว่า 200 ต้นขนัดอยู่ใต้ผิวธรณี

 

Back to Top View kaEw's Profile Search for other posts by kaEw
 
kaEw
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 26-Jan-06 at 15:20 | IP Logged Quote kaEw

http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02edi06190149&day=2006/01/19

ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"

คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย

รุก : one way ticket

การเอ่ยคำว่า "รุก" ในสถานการณ์ต้มยำกุ้งเป็นพิษ ล่อแหลมต่อการถูกกล่าวหาว่าเพ้อฝัน องค์กรธุรกิจของไทยตระหนักกับคำว่า "ถูกรุก" และ "จนกลางกระดาน" มากกว่า

หลายรายที่พกความหวังและหัวใจวิงวอน บินไปเจรจาหนี้เมืองนอก กลับถูกปล่อยให้นั่งรอหน้า ห้องอย่างไร้ศักดิ์ศรี ไม่มีโอกาสได้พบแม้แต่โอเวอร์ โค้ตของเจ้าหนี้ อย่าว่าถึงความเห็นใจ แม้เพียงความเข้าใจ นายธนาคารต่างชาติก็ไม่เปิดโอกาสให้

หากแต่สำหรับธุรกิจแล้ว ในบางครั้งถ้าไม่เลือกเป็นฝ่ายรุก ท่านจะถูกรุก

ถ้าไม่รุก ไฉนจะชดเชยรายได้ที่วูบหาย

ยิ่งกว่านั้น การรุกยังก่อเกิดกลิ่นอายพิเศษชนิดหนึ่ง เป็นสัมผัสที่ทำให้ผู้คนรู้สึกยำเกรงยิ่ง โดยสำหรับองค์กรมีแต่ผู้นำที่ถือธงเดินหน้าเท่านั้นที่รักษาน้ำ ใจไพร่พลในยามระส่ำระสายได้

การรุกจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะรุกเจ้าหนี้ จัดเป็นศิลปะที่ต้องฝึกปรือ

ลูกหนี้อย่างเครือซิเมนต์ไทยก็บินไปเมืองนอกอย่างลูกหนี้รายอื่ น ต่างกันคือไม่ได้ไปมือเปล่า แต่พกเงินไปใช้หนี้จำนวนหนึ่ง เมื่อมีเงินไป ประตูห้องก็เปิด เมื่อนั้นปาก หัวใจ และความจริงก็ได้มีโอกาสทำงาน

การรุกอีกด้านคือ ข้อมูลข่าวสาร ตรงข้ามกับลูกหนี้หลายรายที่ปกปิด โยกย้าย ขุดหลุมฝังบัญชีสีแดงกันอุตลุด คุณชุมพลสั่งให้ธุรกิจในเครือซิเมนต์ไทยปฏิบัติตรงกันข้าม เปิดเผยข้อมูลและสถานะของบริษัทโปร่งใส วิธีนี้ไม่เพียงสร้างความมั่นใจให้เจ้าหนี้ได้เท่านั้น ยังสร้างพลังฮึดให้พนักงาน

มาถึงการรุกขั้นสำคัญ รุกอย่างพลรบพลราบดาบสองมือ คือฝ่ายขายลงถึงพื้นที่ ปัญหาการขายภายในประเทศคือต้นทุนเพิ่มทำให้ต้องขึ้นราคา แต่เครือซิเมนต์ไทยก็ใช่ว่าไม่มีคู่แข่งที่กำลังรบอุตลุดเพื่อห นีตายเช่นกัน หากผลีผลามพลั้งพลาด โอกาสจะเสียลูกค้าก็มีสูง

"ผมคิดว่าเราควรพิจารณาปรับราคาสินค้าเป็น 2 ครั้ง ห่างกัน 1-2 เดือน แทนที่จะปรับครั้งเดียวเพื่อเช็กสถานการณ์ตลาด" คือกลยุทธ์ในแฟ้มประชุมของเครือซิเมนต์ไทย

สำหรับการขายในต่างประเทศซึ่งจะได้เงินตราสกุลแข็ง สำคัญอย่างยิ่งในภาวะที่เงินบาทโอนเอน พนักงานที่พอจะพูดภาษาอังกฤษได้ถูกส่งไปต่างประเทศทันที แต่การเดินทางย่อมมีค่าใช้จ่าย คาถาที่กำกับติดตัว ท่องสามเวลาหลังอาหารก็คือ "จำไว้ หน้าที่ของคุณ ไปแล้วต้องขายให้ได้"

จดจำเด็ดขาดและมีอารมณ์ขันยิ่งกว่าคาถามัดใจ คือมอบตั๋วเดินทางขาไปเที่ยวเดียวเมื่อทำยอดขายได้ มีเงินสดติดกระเป๋า ตั๋วเดินทางเที่ยวกลับจึงถูกส่งตามไปถึงมือวีรชนตราช้าง

นิทานจากยอดเขา

มีแต่ผู้คนที่ฟันฝ่าวิกฤตมาด้วยกันเท่านั้น ที่จะเห็นตัวตนแท้จริงของกัน

การฟันฝ่าวิกฤตไม่ต่างอะไรกับการปีนเขา ยากลำบากแต่เมื่อถึงยอดเขา สิ่งที่ได้รับก็วิเศษยากจะบรรยาย อย่างมากก็นั่งลงหัวเราะให้กัน

การประกาศเกษียณของคุณชุมพลหลังจากนำพาเครือซิเมนต์ไทยมาถึงจุด ของความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมาย เหมือนมือกระบี่ที่พอใจกับภารกิจลุล่วง

โดยอุปนิสัยคุณชุมพลเคารพความเป็นส่วนตัวของคนอื่น ไม่ยุ่งกับใคร และไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายด้วย ไม่ชอบการสรรเสริญเยินยอ แต่นั่นแหละใครเล่าจะยอมให้นายดีๆ ใช้ใบลาออกปักแทนธงชัยแล้วเดินลงจากยอดเขาไปเดียวดาย

ทั้งหมดคือที่มา ที่ทำให้มีหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา

 

Back to Top View kaEw's Profile Search for other posts by kaEw
 
kaEw
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 26-Jan-06 at 15:23 | IP Logged Quote kaEw

http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02edi07260149&day=2006/01/26

ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"

คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย

คนไม่มีมาด

หลายคนยังจำได้ วันแรกๆ ที่รถโฟล์กเต่าคันนั้นวิ่งเข้าในอาณาบริเวณปูนใหญ่เมื่อ 33 ปีที่แล้ว นายช่างอาวุโสบางคน "เหล่" คนขับรถอย่างไม่ค่อยพอใจ

และทักทายไปในตัว

นั่นเพราะยังไม่มีใครรู้ว่าเด็กหนุ่มวัยเบญจเพส รูปร่างสันทัด หน้าตาเด๋อด๋าคนนี้มีดีอย่างไรถึงได้ "เหาะ" ข้ามหัว เข้ามาเป็นหนึ่งในทีมบริหารของบริษัท

แว่วเสียงเรียกบางฉายาลอยลมมาแต่ไกล

"ตี๋เล็ก"

ใครก็ใครเถอะ ถูกเรียกเช่นนี้คงโกรธ แต่คนในรถโฟล์กเต่ายังยิ้มได้ ไม่ยักโกรธ

อย่างน้อยนายช่างพวกนี้ก็ไม่ใช่คนแรกที่เรียกเขาว่าตี๋เล็ก

และเชื่อได้ว่าไม่ใช่คนสุดท้าย

ในกาลต่อมา หลังจากขึ้นเป็นนัมเบอร์วันของปูนซิเมนต์ไทยแล้ว วันหนึ่ง คุณชุมพลต๊อกๆ ไปที่บ้านถนนชิดลมของ คุณสุนิสา แฮนค็อก น้องสาวคุณหญิงภรณี ล่ำซำ

เขาสวมเสื้อยืดตัวโปรด รองเท้าแตะคู่โปรด ในมือมีเทปวิดีโอ

พนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าประตูมองหน้า

"มาหาใคร"

"มาหาคุณสุนิสา"

"มีธุระอะไร"

"เอาวิดีโอเทปมาคืน"

คราวนี้ รปภ.หนุ่มมองจดเท้า

"อ้อ เอาวิดีโอมาส่งหรือ โน่น ไปเข้าทางประตูหลัง"

เขาชี้ให้คุณชุมพลรู้ว่าเด็กส่งม้วนวิดีโอควรจะใช้ประตูไหน กว่า รปภ.จะรู้ว่าอาตี๋คนนี้เป็นใคร เจ้าของบ้านก็ได้หัวเราะไปหลายรอบ

วิธีอธิบาย

"อาตี๋"-"ตี๋เล็ก"

กับพนักงานรักษาความปลอดภัยบ้านคุณสุนิสาคนนั้น เรื่องเล็กๆ แค่นี้ คุณชุมพลไม่จำเป็นต้องอธิบาย

แต่กับเหล่าผู้อาวุโสของเครือซิเมนต์ไทย ที่จะต้องร่วมแรงร่วมใจกันอีกนาน คุณชุมพลอธิบายใช่แค่ฉายาตี๋เล็ก ความแตกต่างหลากหลายทำให้ทุกเรื่องถูกจับไปปรามาสไปเขม่นได้เสม อ ด้วยสำเนียงพูดไทยที่แปร่งๆ ภาษาเขียนยิ่งใช้ไม่ค่อยถูก จะพูดจะเจรจาอะไรใช้ภาษาอังกฤษตลอด มิหนำซ้ำชื่อย่อของชุมพล ณ ลำเลียง ในภาคภาษาอังกฤษ ยังเป็น ซี-เอ็น (CN) ซึ่งเมื่อพูดเร็วๆ ก็คือ "เซียน" นั่นเอง

"พวกเราคงได้ดีแหละคราวนี้ มีเซียนมาอยู่แล้วนี่"

ถ้อยถาก ที่ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ

รถโฟล์กเต่าใช้เสียงหัวเราะเยาะเป็นเชื้อเพลิงขับเคลื่อน มาถึงที่ทำงานแต่เช้า ด้วยหน้าที่ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน สิ่งจัดการลำดับแรกคือ ระบบบัญชี คุณชุมพลส่องสายตาเล็ง "ฉายศักดิ์ แสง-ชูโต" หัวหน้าศูนย์คอมพิวเตอร์ บริษัทน้ำมันเอสโซ่ คนนี้คือมือหนึ่ง จบจากญี่ปุ่นโดยตรง

คุณฉายศักดิ์เล่าให้ฟังภายหลัง

"เป็นเรื่องยากที่ผมจะลาออกจากเอสโซ่ไปอยู่ที่ใหม่ที่เงินเดือน น้อยกว่า แต่คุณชุมพลตามตื๊อทุกรูปแบบ นัดคุยที่สปอร์ตคลับ นัดคุยที่ห้องอาหารเทียร่า" มือหนึ่งพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

"โก้มาก"

ใช่เพราะความโก้หรือเปล่า ที่ทำให้คุณฉายศักดิ์ยอมปลงใจด้วย

จะใช่หรือไม่ก็ตาม สิ่งที่รออยู่ ปูนซิเมนต์ไทยไม่ใช่ความโก้ แต่เป็นงานที่หนัก-หนักมาก

"เราไม่เคยเห็นตะวันตกดินเลย คุณชุมพลทำงานหนักมาก กว่าจะกลับบ้านก็ค่ำมืดทุ่มสองทุ่ม บางวันก็ติดรถผมกลับ" คุณฉายศักดิ์หวนถึงความหลัง

ถ้าถามว่าผลของการทำงานหนักเป็นอย่างไร ผลคือสามารถเปลี่ยนระบบบัญชีดั้งเดิมที่ใช้มานานถึง 25 ปี เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ได้ภายในปีเดียว บอกแล้วว่าสำหรับเพื่อนร่วมงานคนเงียบๆ แบบคุณชุมพลยินดีอธิบาย ว่าเขาคือใคร เข้าร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ได้อย่างไร เป็นการอธิบายแบบชุมพล อธิบายด้วยการกระทำ

เสียงหัวเราะเยาะเลือนหาย หน้าตาของตี๋เล็กก็ดูน่ารัก ไม่เด๋อด๋าเท่าไรแล้วในตอนนี้

Back to Top View kaEw's Profile Search for other posts by kaEw
 
kaEw
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 02-Feb-06 at 04:26 | IP Logged Quote kaEw

http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02edi07020249&day=2006/02/02

ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"

คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย

ง่ายๆ

การไม่สนใจภาพลักษณ์ภายนอกของคุณชุมพล ทำให้หลายคนเผลอคิดว่านี่คือเจ้านายที่ "ง่ายๆ"

วันหนึ่งคุณชุมพลกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ ด้วยความไม่อยากกลับเข้าบริษัทจึงให้พนักงานเอาหนังสือเดินทางต ามไปให้ที่ดอนเมือง คนของปูนซิเมนต์ไทยดิ่งตรงไปห้องพักรับรองพิเศษ งานง่ายกลายเป็นงานยาก เพราะไม่เจอตัว เขาเดินหาด้วยความรีบร้อนกังวลใจ แน่นอนว่ารูปลักษณ์ของคนที่ถูกมองหาคือ นักบริหารชายมาดดี สวมสูท ผู้น่าจะพลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแล้วดูอีก และหงุดหงิดกระวนกระวายใจอยู่กับสัมภาระเดินทางใบโต

ภายในโถงของอาคารผู้โดยสาร ไม่ไกลจากคนที่กำลังมองหา คุณชุมพลเตร็ดเตร่อยู่ตรงนั้น สวมเสื้อเชิ้ต สะพายกระเป๋าไว้กับตัว ไม่มีสูท ไม่มีแซมโซไนท์ใบท่วมศีรษะ ไม่มีรูปลักษณ์แบบฉบับซีอีโอใหญ่ ที่สำคัญคือไม่กระวนกระวาย แต่สบาย สบาย

เฮ้อ เชื่อเลย...แบบนี้ใครจะมองเห็น

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ข่าวซุบซิบ "ซิเมนต์ไทยรายวัน" จะรายงานว่า วันนี้หรือวันไหนพบคุณชุมพลใส่เสื้อยืดแจกของบริษัท เดินตักไอศกรีม หรือนั่งทานก๋วยเตี๋ยวเหมือนพนักงานทั่วไปแถวใต้สะพานสูง บางคนเล่าว่าเห็น กจญ.เดินเคี้ยวข้าวโพดคั่วแถวถนนเพลินจิต บางวันก็หิ้วถุงกล้วยแขกฝรั่งดองไปฝากลูกน้องบนที่ทำงาน แม้ยามไปงานบวชหรือไปเยี่ยมผู้ใหญ่ คุณชุมพลก็ไปในชุดเก่งชุดเก่า ยังดีที่ไม่ถึงกับสะพายย่าม

"ยิ่งกว่านั้น" ลูกน้องนินทาไม่อยากเชื่อ "วันนั้นมีคณะผู้บริหารของธนาคารมาเยี่ยมบริษัท เราจัดต้อนรับที่เรือนรับรอง พอถึงเวลาคุณชุมพลก็เดินลงไป ดิฉันท้วงว่าควรจะใส่สูทจะเหมาะสมกว่า กจญ.บอก งั้นคุณเอาสูทผมลงไปทานข้าวแทน แล้วกัน"

เหตุผลที่คุณชุมพลชอบกางเกงยีน รองเท้าแตะ คือ "ใส่ง่าย ถอดง่าย สบายดี"

ยิ่งกว่านั้น ตัวอย่างที่ลือลั่นที่สุด คุณชุมพลใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง กับกล่องกระดาษลูกฟูก 5 ใบ และคนขับรถอีก 1 คน เพื่อย้ายบ้าน

ย้ายบ้าน !!

ผู้บริหารสูงสุดของเครือซิเมนต์ไทยมีมหาสมบัติแค่นั้นในการย้าย บ้าน

ง่ายๆ สบายๆ

แต่คุณชุมพลเป็นคนที่ง่ายไปทุกเรื่องจริงหรือ ?

ข้างใน ข้างนอก

คุณชุมพลเป็นคนที่ "ง่ายๆ" ทุกเรื่องจริงหรือ ?

ถ้าถามพนักงานโรงแรมโฟร์ซีซันส์ ก็อาจได้รับคำตอบเลี่ยงๆ ว่า "น่าจะจริงนะครับ"

โฟร์ซีซันส์เป็นโรงแรมแสนหรูของสิงคโปร์ แต่เสื้อยืดและรองเท้าแตะคู่เก่งก็ติดตามคุณชุมพลลงไปประชุมกับ ทีมงานที่ล็อบบี้มาแล้ว ครั้งหนึ่งเพื่อนรักอย่าง คุณยศ เอื้อชูเกียรติ ถึงกับต้องพูดลอยลมว่า "ช่วยดูแลเสื้อผ้าคุณชุมพลหน่อยเฮอะ"

เรื่องนี้เกิดที่ดูไบ

เพราะเป็นการไปดูโครงการปิโตรเคมีที่อยู่ระหว่างการร่วมทุน คุณชุมพลจึงเลือกจัดกระเป๋าเดินทางแบบสบายๆ มีรองเท้าคู่เดียว เป็นผ้าใบ ซึ่งสะดวกอย่างมากในการลุยสถานที่ก่อสร้างโรงงาน แต่ครั้นถึงนาทีเซ็นสัญญาซึ่งจัดเป็นพิธีการเต็มรูปแบบ รองเท้าผ้าใบกับสูทคงเป็นเรื่องไม่ให้เกียรติกันอย่างรุนแรง

การตระเวนซื้อหารองเท้ายากกว่าที่คิด เพราะคุณชุมพลตัวเล็ก ไซซ์เท้าก็เล็ก หลังจากจ้าละหวั่นและเหน็ดเหนื่อยทั้งวัน จึงได้คัสชูล์มาคู่หนึ่ง ไม่ยากที่จะบอกว่าคุณชุมพลชอบรองเท้าคู่นี้แค่ไหน เพราะทันทีที่เสร็จพิธีก็ยื่นยกให้กับคุณศักดิ์ชัย ผู้จัดการ โครงการปิโตรเคมีที่โอมาน หลังจากคิดอยู่ครึ่งวินาทีคุณศักดิ์ชัยก็ปฏิเสธไม่รับ ว่ากันว่าคุณชุมพลจำใจหอบมันไปสนามบินด้วย แต่ใครจะรู้ชะตากรรมรองเท้าประวัติศาสตร์ ว่าได้มาถึงเมืองไทยหรือไม่

แต่กับกรณีที่อินโดนีเซีย กับคุณขจรเดช เหตุการณ์ต่างออกไป

ครั้งนั้นเป็นการเดินทางเยี่ยมผู้ร่วมทุน คุณขจรเดชเตรียมซิการ์กล่องหนึ่งเป็นของฝากทันทีที่รู้เข้า คนง่ายๆ อย่างคุณชุมพลก็ยื่นขอกล่องซิการ์ แล้วฉีกกระดาษที่หุ้มห่อสวยงามออกทันที

แกะกล่องเปิดดูแต่ละมวนอย่างละเอียด

ใครก็รู้ว่าคุณชุมพลไม่สูบบุหรี่ อย่าว่าแต่ซิการ์

คุณขจรเดชที่กำลังพะวงใจว่าจะห่อของขวัญกลับทันไหม กลับกลายความกังวลเป็นประทับใจ เมื่อได้ยินเจ้านายพูดว่า

"โอเค ไม่มีรา ไม่มีตัวแมลงกิน มอบให้แขกได้"

คนง่ายๆ ไม่มีพิธีรีตองกับตัวเองไม่ได้หมายความว่าละเลยกับการใส่ใจผู้อ ื่น

คุณชุมพลง่ายกับเปลือกนอก แต่ "ยาก" และตระหนักในสาระ

 

Back to Top View kaEw's Profile Search for other posts by kaEw
 
Pywnth
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 07-Feb-06 at 00:13 | IP Logged Quote Pywnth

ขอรับ/ซื้อหนังสือคุณชุมพล"คน ทำ มะ ดา"ได้ที่ไหนคะ

อยากเก็บไว้อ่านบ่อย ๆ อ่านจากหนังสือพิมพ์แล้วรู้สึกดีมากๆค่ะ

 

Back to Top View Pywnth's Profile Search for other posts by Pywnth
 
kaEw
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 07-Feb-06 at 07:42 | IP Logged Quote kaEw

ลองสอบถามที่ปูนซิเมนต์ไทย ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ดูครับ 02 586 4444

 

Back to Top View kaEw's Profile Search for other posts by kaEw
 
jokie
Senior Member
Senior Member
Avatar

Joined: 28-Feb-04
Location: Thailand
Online Status: Offline
Posts: 166
Posted: 07-Feb-06 at 12:50 | IP Logged Quote jokie

เจ๋งดีครับ

 

Back to Top View jokie's Profile Search for other posts by jokie
 
pywnth
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 08-Feb-06 at 01:41 | IP Logged Quote pywnth

ขอบคุณค่ะ

Back to Top View pywnth's Profile Search for other posts by pywnth
 
kaEw
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 09-Feb-06 at 05:44 | IP Logged Quote kaEw

http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02edi07090249&day=2006/02/09

ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"

คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย

นักเรียน

"หลังเกษียณผมอาจจะไปทำอะไรก็ได้ ไปเจอเพื่อนเก่าๆ สมัยที่ยังเป็นนักเรียน"

วันหนึ่งในวาระที่กำลังจะลงจากเก้าอี้ คุณชุมพลให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ น่าสนใจที่เขาพูดถึงชีวิตเมื่อครั้งเป็น "นักเรียน"

คุณชุมพลเริ่มเรียนชั้นประถมจากโรงเรียนสอนศาสนา Seventh-Day Adventists พร้อมกับนักเรียนภาษาจีนจากโรงเรียนจีนย่านสวนมะลิ จากนั้นก็ไปเรียนมัธยมที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะเข้า University of Washington ปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล แถมพ่วงด้วยบัญชีอีกหนึ่งสาขาวิชา และตบท้ายคว้า MBA จาก Harvard

การเรียนควบสองสาขาวิชาไม่ใช่เรื่องเล่นๆ กลางวันต้องวิ่งไปวิ่งมาหลายตึกเรียน กลางคืนต้องท่องหนังสือ คุณชุมพลใช้วิธีนอนตอนหัวค่ำ ตื่นกลางดึกเพื่ออ่านหนังสือ

หลายครั้งเพื่อนๆ พึ่งพาขอให้ช่วยติวให้ คุณชุมพลก็ช่วย แต่บางครั้งก็ไม่เข้าใจในคำขอ

เขาถามเพื่อนว่า "ไม่เข้าใจตรงไหน"

เมื่อเพื่อนบอกตรงนั้นตรงนี้ คุณชุมพลก็ดู แล้วหันบอกว่า

"เราไม่เข้าใจ ว่าทำไมไม่เข้าใจ"

เขาไม่รู้จะอธิบายเพื่อนอย่างไร เพราะเห็นว่าโจทย์ก็บอกตรงไปตรงมาอยู่แล้ว ได้แต่สรุปในเวลาต่อมาว่า คนบางคนชอบทำเรื่องง่ายให้ยาก

อย่างไรก็ตาม คำว่า "เราไม่เข้าใจ" นี้ ก็กลายเป็นประโยคเด็ดของคุณชุมพลในกาลต่อมา โดยเฉพาะสมัยที่เขาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ เวลาใครนำเสนอโครงการแล้วได้ยินเขาย้อนด้วยประโยคนี้ เสมือนบอกใบ้ลึกๆ ว่า โครงการของคุณยังไม่เข้าท่า ขอเชิญกลับไปคิดใหม่ แก้ไขใหม่ ถ้ายังดันทุรังพยายามให้คุณชุมพล "เข้าใจ" ให้ได้ โอกาสได้ไป "เกิดใหม่" ก็มีสูง

ปริญญาสองสามใบของบางคนอาจไม่ใช่เครื่องการันตีว่าคนคนนั้นเป็น "นักเรียน" เสมอไป แต่ความสนใจใคร่รู้อย่างจริงจังต่างหากที่ตัดสินว่าเขารักเรียน หรือไม่ ผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการบริษัท เล่าว่า ในยามที่ว่างจากงาน คุณชุมพลจะนั่งหันหน้าเข้าหากำแพง เปิดอินเทอร์เน็ต หาความรู้ใหม่ไปเรื่อย จึงไม่แปลกที่ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีซึ่งมาแก้ระบบคอมพิวเตอร์ให้ คุณชุมพล พบว่าตัวเองมีความรู้เรื่องปาล์ม หรือกล้อง น้อยกว่าเจ้าของเครื่อง ความเป็นนักเรียนของคุณชุมพลถึงที่สุดด้วยปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิต ติมศักดิ์จากหลาย มหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศ ทั้งหมดที่เสนอให้นั้น เขาปฏิเสธด้วยความอ่อนน้อมและถ่อมตน ในความเห็นของคุณชุมพล การเรียนรู้อาจเป็นคนละเรื่องกับใบปริญญา

เชี่ยวชาญภาษาไทย ?

"หลังเกษียณ ผมอาจจะไปสอนหนังสือดีไหม ?"

คุณชุมพลเปรยกับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ แต่เมื่อเห็นคนตรงหน้าขมวดคิ้วเหมือนไม่อยากเชื่อ เขาก็อธิบายเพิ่มเติมว่า

"คงสอนภาคภาษาอังกฤษ"

ใช่ ใครก็ต่างรู้ว่าภาษาอังกฤษของคุณชุมพลอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม ภาษาจีนทั้งแมนดารินและแต้จิ๋วก็คล่องแคล่ว ความสามารถนี้ช่วยให้ความสัมพันธ์ ความคุ้นเคยกับคู่ค้าชาวฮ่องกงและเหล่าเถ้าแก่ทั้งหลายเป็นไปอย ่างเป็นธรรมชาติ คือผลพวงของการปลูกฝังตั้งแต่วัยเยาว์

แต่กับภาษาไทย กลับกลายตรงกันข้าม

คุณชุมพลโดนข้อหา "พูดไทยม่ายชัก"

เขียงก็ม่ายถูก

คุณบุญมา วงศ์สวรรค์ อดีตผู้จัดการใหญ่ผู้ดึงคุณชุมพลมาทำงานที่นี่ แม้ประทับใจในความสามารถของ "ว่าที่" กจญ.คนนี้มากเพียงไร ก็กระซิบด้วยความห่วงใยว่า "ช่วยไปเรียนภาษาไทยเพิ่มเติมด้วย"

มีอย่างที่ไหน คำว่า "ธรรมดา" คุณชุมพลเคยเขียน "ทำมะดา"

ยิ่งกว่านั้น ความเห็นแนบท้ายหนังสือที่ตั้งใจจะเขียนว่า "เห็นควรด้วย" คุณชุมพลยังสลับตัวอักษรผิดที่ผิดทาง จนกลายเป็นคำผวนแสนหวาดเสียว ให้ลูกน้องอย่างคุณอภิพร ภาษวัธน์ จดจำเป็นโจ๊กเล่าต่อชั่วลูกชั่วหลาน

กับความ "ไม่เก่ง" เรื่องนี้ คุณชุมพลไม่คิดว่าเป็นปมด้อย ไม่มีอะไรต้องปิดบัง

"ภาษาไทย ยิ่งคำศัพท์ใหม่ๆ ผมไม่ค่อยรู้เรื่อง ต้องไปถามแล้วถามอีก เกินครึ่งก็ไม่รู้" เขาบอกกับนักข่าวตรงๆ

ถ้าจะมีสักคนที่ยกมือค้าน คนนั้นก็ต้องเป็น ผอ.สำนักงานเลขานุการบริษัท ซึ่งบอกว่า แม้ กจญ.จะไม่เคยเขียนหนังสือด้วยตัวเองตั้งแต่คำขึ้นต้นถึงคำลงท้า ย แต่เมื่อรับจดหมายยกร่างมาจะแก้ไขอย่างรวดเร็ว ได้ความที่สละสลวยและกระชับ

"ถ้าไม่นับคำเชื่อมอะไรเหล่านี้ คุณชุมพลแม่นประเด็นมาก" คุณวรพลยืนยัน

คุณบดินทร์ อัศวาณิชย์ ก็ช่วยยันอีกคน การเข้าพบคุณชุมพลแต่ละครั้งเป็นงานหนัก โดยเฉพาะเวลาต้องตีความข้อกฎหมายแต่ละคำ คุณชุมพลจะซักจนมึน ใครก็รู้ว่าภาษาที่คุณบดินทร์ใช้ต้องชัดเจนขนาดไหน ก็เขาเป็นมือกฎหมายซิเมนต์ไทย

ขืนเขียงไทยม่ายชัก ก็ถูกฟ้องเละนะซี

 

Back to Top View kaEw's Profile Search for other posts by kaEw
 
kaEw
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 16-Feb-06 at 05:37 | IP Logged Quote kaEw

http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02edi06160249&day=2006/02/16

ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"

คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย

ผู้มีศักยภาพสูงบนทางด่วน

คุณชุมพลอุตส่าห์ทำงานหนักมากว่า 30 ปี แต่ได้เลื่อนตำแหน่งแค่ 3 ครั้ง ฟังเผินๆ น่าน้อยใจแทนจริงๆ

เมื่อแรกเข้า คุณชุมพลอายุ 25 ปี รับเก้าอี้ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน

อายุ 30 ต้นๆ ขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ นับเป็นการเลื่อนครั้งแรก

อายุ 45 เป็นรองผู้จัดการใหญ่ เป็นการเลื่อนครั้งที่ 2

แล้วก็ได้เลื่อนอีกครั้งเดียวเท่านั้นเมื่ออายุ 46 ปี เป็นการเลื่อนครั้งสุดท้าย ใครที่ได้เห็นเส้นทางเลื่อนน้อยครั้งแบบนี้แล้ว คงหวังให้เกิดกับชีวิตตัวเองบ้าง บางคนเรียกเส้นทางแบบนี้ว่า "ทางด่วน" หรือ "fast lane"

ถ้าเกิดในวงราชการคงไม่แคล้วถูกหมายหัวเป็น "เด็กเส้น" "เด็กนาย" ไปโน่น แต่ในบรรษัทภิบาลไม่มีคำแปลอื่นนอกจากว่าเป็นผู้มีศักยภาพสูง (high potential)

"ผู้มีศักยภาพสูง" คำนี้ถ้าอธิบายก็คงยาวเหยียด ลองดูตัวอย่างง่ายๆ สักตัวอย่างแล้วกัน

หลายปีที่แล้วที่โรงเหล็กท่าหลวง ซึ่งมีสหภาพแรงงานเข้มแข็งมาก ข้อเรียกร้องจึงถูกรุกใส่ฝ่ายบริหารไม่หยุดหย่อน ควบคู่ไปกับเสียงฮึ่มๆ หยุดงานประท้วง

วันหนึ่ง ขณะที่ฝ่ายบุคคลกำลังมึนกับการหาทางลดข้อเรียกร้อง คุณชุมพลซึ่งเดินผ่านมาได้ยินเรื่องเข้า ก็พูดว่า

"ในเมื่อสหภาพยื่นข้อเรียกร้องกับเราได้ ทำไมเราไม่ยื่นข้อเรียกร้องจากสหภาพบ้าง"

เปลี่ยนจากบทรับเป็นบทรุกอย่างฉับพลัน

เสียงดีดนิ้วเป๊าะ เสียงปิ๊งปั๊งในหัวหลายๆ คนปะทุพอๆ กับข้าวโพดคั่ว นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการยื่นข้อเรียกร้องสวนทาง (counter demand) เมื่อเกิดปัญหาแรงงานขึ้นในเครือซิเมนต์ไทย

เป็นผลจากความคิดของคุณชุมพลผู้มีศักยภาพสูงบนทางด่วน

และเมื่อเป็นผู้บริหารสูงสุดแล้ว คุณชุมพลก็ยังคงยึดในแนวทางนี้ ผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพสูงล้วนถูกจับตาขัดเกลาและส่งเสร ิมให้ใช้ทางด่วนโดยไม่ต้องซื้อคูปอง

คนหวงเก้าอี้

ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549 คุณกานต์ ตระกูลฮุน จะนั่งเก้าอี้กรรมการผู้จัดการใหญ่เครือซิเมนต์ไทยแทนที่คุณชุม พล แต่จะได้นั่งเก้าอี้ของคุณชุมพลหรือไม่นั้น ยังสงสัยอยู่ เก้าอี้ของคุณชุมพลเป็นคนละตัวกับเก้าอี้ในความหมายของตำแหน่ง

สำหรับบางคน ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าเก้าอี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เก้าอี้ก็แค่ม้านั่ง จึงนั่งอย่างกระแทก นั่งอย่างไม่ถนอม นั่งโดยไม่รู้จักหรือรักเก้าอี้

ในขณะที่บางคนเก้าอี้ถูกนับหน้าเป็นเครื่องบ่งชี้สถานะ เช่นเดียวกับรถยนต์หรูหรา เช่นเดียวกับคฤหาสน์มหึมา พนักพิงขลิบทองลายหลุยส์มีไว้เพื่อบอกว่าคุณคือใคร ตราบที่ยังนั่งบนเก้าอี้คุณได้รับความนับถือว่าคือผู้ยิ่งใหญ่ วันใดที่ก้นหลุดพ้นจากเก้าอี้ วันนั้นคุณไร้ความหมายและไม่มีใครมองเห็นหัว

สำหรับคุณชุมพลเก้าอี้ก็คือเก้าอี้

เก้าอี้ตัวนี้มาพร้อมกันกับเขาเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว เป็นของรักของหวง เปลี่ยนตำแหน่งแต่ไม่เปลี่ยนเก้าอี้ ย้ายห้องทำงานเมื่อใดสิ่งที่ไปห้องใหม่พร้อมกันคือเก้าอี้

แน่นอนว่า 30 ปีเป็นเวลาที่ยาวนานสำหรับเก้าอี้ตัวหนึ่ง มันถูกส่งเข้าโรงพยาบาลแล้ว 3 ครั้ง ครั้งหนึ่งเข้าห้องผ่าตัดซ่อมสปริง ครั้งหนึ่งทำเบบี้เฟซหุ้มหนังใหม่ และล่าสุดเข้าโปรแกรมกายภาพ บำบัด ปรับแกนกระดูกสันหลังที่อ่อนล้าลงไปมาก เคยมีผู้ปรารถนาดีส่งเก้าอี้ที่ว่ากันว่าเวิรลด์คลาสทั้งจากสวิ ตเซอร์แลนด์ และสหรัฐ อเมริกา มาให้คุณชุมพลลองใช้ ผลคือมาทางไหนพวกมันก็ถูกส่งกลับไปทางนั้น

"ก็เราตัวเล็ก เก้าอี้ต้องไม่สูงมาก" คุณชุมพลอธิบาย

ฟังดูค้านกับความรู้สึกว่า ยิ่งตัวเล็ก ยิ่งควรใช้เก้าอี้สูงใหญ่จะได้ดูเด่น มีพลัง "ถ้าสูงมากจะทำให้เท้าลอย เวลาเอื้อมมือไปหยิบของบนโต๊ะ ถ้าพยายามเอื้อมทั้งที่เท้าไม่ถึงพื้น ตัวเราจะหลุดตกเก้าอี้" การตกจาก "เก้าอี้" ของผู้ยิ่งใหญ่หลายต่อหลายรายอาจเกิดจากสาเหตุนี้ก็เป็นได้

นอกจากนั้น ความสูงของพนักเก้าอี้ก็เป็นเรื่องต้องพิจารณา ต้องพิงถนัดไม่เมื่อยคอ มีที่พักแขน เหมาะเจาะกับสรีระ ข้อศอกวางพักได้ไม่เกร็ง เบาะนั่งกว้างสมกับขนาดสะโพกและช่วงขา ให้วางน้ำหนักลงได้เต็มที่ ทั้งตัวของเก้าอี้ก็มีน้ำหนักได้ดุลกับน้ำหนักผู้นั่ง

คุณชุมพลไม่เพียงแต่หวงเก้าอี้ ทั้งยังรู้จักเก้าอี้

อะไรก็ไม่สำคัญเท่าประโยคที่ว่า "ถ้าสูงมากจะทำให้เท้าลอย" สัจธรรมนี้ใช้เตือนตนได้ดีไม่ว่ากำลังนั่งเก้าอี้อยู่หรือไม่ก็ ตาม

 

Back to Top View kaEw's Profile Search for other posts by kaEw
 
kaEw
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 23-Feb-06 at 09:40 | IP Logged Quote kaEw

http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02edi06230249&day=2006/02/23

ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"

คอลัมน์ ชีวิตหนึงซึ่งเรียบง่าย

รสนิยม-"รถ" นิยม

ไม่ใช่เพราะความเป็นคนร่างสันทัด คุณชุมพลถึงได้เลือกรถรุ่นที่ชื่อถูกโฉลกกับรูปร่างเล็ก-เลกซัส โดยตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปูนซิเมนต์ไทย อย่างน้อยก็ต้องเบนซ์ 500 จึงจะสมหน้าสมตาบริษัทที่มีสินทรัพย์กว่า 200,000 ล้าน การมาลงที่เลกซัสก็ด้วยเหตุผลง่ายๆ (แต่ยากที่ผู้บริหารคนไหนจะพูดออกมา) "เบนซ์ซ่อมแพง เลกซัสซ่อมง่าย ปัญหาจุกจิกน้อย"

ต่อให้เป็นรถซีดานธรรมดาๆ คุณชุมพลก็ไม่ยี่หระ ลูกน้องเล่าว่าครั้งหนึ่งมีประชุมที่หัวหิน ทางโรงแรมเอารถตู้มารับคนอื่นๆ คุณชุมพลก็นั่งไปด้วย ครั้นขากลับทางโรงแรมเตรียมลิมูซีนคันหรูไว้ให้ แต่คุณชุมพลบอกไม่ต้อง เดินขึ้นรถตู้ นั่งที่เดิมเหมือน ขามา

อีกครั้งไปหาดใหญ่ คุณชุมพลแจ้งไว้ก่อนแล้วว่าขอรถใช้คันหนึ่ง ทันทีที่ลงเครื่องรถคันนั้นก็รออยู่ ไม่ได้ใหม่ ไม่ได้ยี่ห้อหรูหรา "แค่พอขับได้" ลูกน้องย้ำ "ท่านก็ถามว่ารถของผมใช่ไหม แล้วก็หิ้วกระเป๋าใบเดียวจะขึ้นรถ มีเจ้าหน้าที่มารอบริการ ท่านก็บอกว่าคุณกลับไปทำงานอย่างอื่นเถอะ เดี๋ยวถึงเวลาแล้วผมไปเอง หลังจากนั้นท่านก็หายไปไหนก็ไม่รู้ ถึงเวลาประชุมก็มาเอง"

ฟังว่าใช้รถอะไรก็ได้ อย่านึกว่าคุณชุมพลไม่ประสีประสากับเรื่องรถ จำโฟล์กเต่าสมัย "ตี๋เล็ก" ได้ใช่ไหม เท่สมสมัยอย่าบอกใคร

ความจริงคุณชุมพลมีรสนิยมเรื่องรถสูงมาก เพียงแต่ไม่หลงใหลไปกับยี่ห้อหรืออุปาทานที่คนอื่นยัดเยียดให้ ใครจะรู้ว่าครั้งหนึ่งผู้ชายคนนี้เคยซิ่งรถช็อปเปอร์คันใหม่พอๆ กับม้าฝรั่งฮอนด้า สตีด 600 นึกภาพคุณชุมพลนั่งบนอาน ปลายเท้าจะแตะถึงพื้นได้อย่างไร ?

"ทำไมจะไม่ได้" ลูกน้องเฉลย "ท่านตัดโช้กอัพ (ช็อกแอบเซิร์บ) ให้สั้นลง" เวลารถไถลล้มไม่ต้องห่วง คันหนักขนาดนั้นยกไม่ขึ้นต้องมีคนช่วย

MR 2-รถสปอร์ตหุ่นเฉี่ยวของโตโยต้าก็เคยเป็นคู่ใจ ดึกคืนหนึ่งคุณชุมพลจี้ไปจิ้มรถคนอื่นมาแล้วต้องรีบเจรจายกใหญ่ บังเอิญว่าคู่กรณีเป็น ดีเจ.อรรณพ นักจัดรายการวิทยุคนดังซึ่งเคยเห็นหน้าคนไม่ดังอย่างคุณชุมพลอย ู่บ้าง เรื่องจึงลงเอยอย่างยิ้มแย้ม

"ท่านใช้รถตามวัยและไลฟ์สไตล์ของชีวิต" ลูกน้องสรุปตรงประเด็น ทุกวันนี้ใช้แต่รถเล็ก-เลกซัสเท่านั้น รถคันที่ใหญ่กว่าคุณชุมพลก็ไม่รังเกียจและใช้อยู่ก็รถไฟฟ้าสายห มอชิต-อ่อนนุชนั่นไง ผ่านหน้าคอนโดฯชิดลมพอดี ไปไหนสบายๆ ไม่ยุ่งยากเพียงแต่ไม่เคยขับเองเท่านั้น

หนุ่มสังคม

ถ้าใครสักคนพูดขึ้นว่า "คุณชุมพลเป็นหนุ่มสังคม" ต้องมีคนย้อนถามเป็นแน่ว่า "ชุมพลไหนหรือ ?" ต้องไม่ใช่ชุมพล ณ ลำเลียง เด็ดขาด

คุณชุมพลก็เหมือนกับผู้บริหารที่ร่ำรวยรสนิยมคนอื่นๆ ชมโอเปร่า ฟังคอนเสิร์ต ดูละคร แวะลิ้มชิมอาหารในร้านอร่อยๆ แต่คุณชุมพลไม่ใช่หนุ่มสังคมที่ไปเพื่อแสดงตน (หรือรสนิยมของตน) ในสถานที่นั้นๆ แค่คุณชุมพลและกลุ่มที่คบหากัน จะลงถึง "เนื้อใน" มากกว่าชื่อเสียงที่ร่ำลือกล่าวอ้างตัวอย่างเช่นร้านอาหารร้านห นึ่งในลอนดอน

ไม่ใช่ร้านธรรมดาแต่อร่อยขนาดนิวสวีก

(2005) ยกให้เป็นภัตตาคารแสนอร่อย ดร.วิชิต

สุรพงษ์ชัย เพื่อนรักแวะไปตามคำการันตีแล้วกลับมาบอกว่า "ไม่อร่อยเลย"

คุณชุมพลเชื่อ ดร.วิชิตมากกว่านิวสวีก สั่งลูกน้องว่าร้านนี้ไม่เวิร์กนะ ไม่ต้องจองแล้วคราวหน้า ทำเอาลูกน้องทั้งสองคนงง ยิ่งเขาบอกว่าร้านนี้เป็นอาหารประเภท fusion food ก็ยิ่งงงใหญ่ เพราะเท่าที่เคยเห็น fusion food ในเมืองไทยก็ไม่ถึงขนาดแย่จนทานไม่ได้ แล้วที่นี่มัน fusion ขนาดไหน คุณชุมพลเลยยกตัวอย่างว่า "ก็แบบเนื้อนกกระจอกเทศผัดกับทุเรียน ประมาณเนี้ย" ไหวมั้ย ?

ลูกน้องเห็นภาพทันควัน

นอกจากกับกลุ่มเพื่อนสนิทแล้ว ยากจะเห็นคุณชุมพลในงานสังคมที่ไหน การขึ้นเวทีครวญเพลงแบบที่เขาฮิตกันยิ่งไม่ต้องฝันถึง คุณชุมพลจะตีกรรเชียงหนีอย่างรวดเร็ว ลูกน้องและผองเพื่อนสรรเสริญเจ้านายไว้ ณ ที่นี้ว่า คุณชุมพลทำอะไรได้ทุกอย่าง ยกเว้นร้องเพลง

แต่ถึงจะทำตัวแพ้ไมค์อย่างไร คุณชุมพลก็เคยจนมุมแล้วครั้งหนึ่งในงานสังสรรค์ผู้บริหารระดับส ูง (SMC) เมื่อ 5-6 ปีที่แล้วคุณชุมพลขึ้นไปครวญเพลง Unchained Melody ซึ่งนัยว่าเป็นเพลงประจำตัวให้ได้ยินเป็นบุญหู นับแต่นั้นก็ไม่ยอมขึ้นเวทีอีกเลย แม้ขาเชียร์จะปรบมืออังกอร์เท่าไรก็ตาม

แต่ใครจะรู้...ว่า Unchained Melody จะรีเทิร์นมาอีกครั้งเมื่อไร

สำหรับผู้พร้อมเป็นลูกคู่ประสานเสียง อย่าพลาดหน้าถัดไป

 

Back to Top View kaEw's Profile Search for other posts by kaEw
 
kaEw
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 02-Mar-06 at 10:17 | IP Logged Quote kaEw

http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02edi06020349&day=2006/03/02

ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"

คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย

เพลงประจำตัว

Unchained Melody

Whoa ! My Love, my darling,

I hunger for your touch,

Alone. Lonely time.

And time goes by, so slowly,

And time can do so much,

Are you still mine ?

I need your love.

I need your love.

God speeds your love to me.

Lonely rivers flow to the sea, to the sea,

To the open arms of the sea.

Lonely rivers sigh, wait for me, wait for me,

I"ll be coming home, wait for me.

Whoa ! My love, my darling,

I hunger, hunger, for your love,

For love. Lonely time.

And time goes by, so slowly,

And time can do so much,

Are you still mine ?

I need your love.

I need your love.

God speeds your love to me.

นักเจรจา

นักเจรจาไม่ได้แปลว่าช่างเจรจา หรือช่างพูด

คุณชุมพลพูดน้อย ชอบฟังมากกว่าพูด แต่ในความเห็นของ คุณรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ผู้ช่วย ผู้จัดการใหญ่ ปูนซิเมนต์ไทย ใหม่หมาดๆ เห็นว่านี่แหละคือนักเจรจา

"คุณชุมพลเป็นคนที่แฟร์มาก เวลาเจรจาจะคิดถึงคู่ค้าด้วย คือนึกถึงความต้องการของเขาว่าเขาจะได้อะไรบ้าง คุณชุมพลจะกล้าเจรจา กล้าตัดสินใจเหมือนเป็นเจ้าของกิจการ และเอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่คิดเล็กคิดน้อย ฝรั่งจะค่อนข้างเกรงใจและให้เกียรติคุณชุมพล เพราะรู้ว่าไม่เอาเปรียบเขา"

แต่การไม่เอาเปรียบเขาก็ใช่ว่าจะยอมให้ใครเอาเปรียบเรา คุณสบสันติ์ เกตุสุวรรณ ที่ปรึกษาบริษัท เสริมรายละเอียดเรื่องนี้ว่า ครั้งหนึ่งเมื่อคราวเริ่มต้นร่วมทุนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ แห่งหนึ่ง การเจรจาซึ่งคืบหน้าไปเรื่อยๆ กลับไร้ความคืบหน้าเสียเฉยๆ

ที่ว่าคืบหน้านั้น คือสัดส่วนการถือหุ้น การจัดการ แนวทางการตลาด ตลอดจนแบรนด์ สถานที่ตั้ง ฯลฯ ทั้งหมดนี้ตกลงกันได้ จนมาเรื่องสุดท้าย คือค่าหัวคิว (royalty fee) ซึ่งทางบริษัทร่วมทุนขอ 5% ของยอดขาย อ้างว่าที่ตกลงกับบริษัทในประเทศอื่นก็เท่านี้

"ฝ่ายเราเห็นว่าสูงเกินไป"

เวลานั้นคุณชุมพลยังเป็นผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการเงิน เมื่อปัญหามาตรงหน้า คุณชุมพลก็แนะให้ทางเครือซิเมนต์ไทยมีค่าธรรมเนียมใหม่ล่าสุด คือ ค่าธรรมเนียมการจัดการ (management fee) จากบริษัทร่วมทุน ซึ่งเมื่อหักลบจากค่าหัวคิวนั้นแล้วสามารถรับได้

ถ้าหัวหน้าสหภาพแรงงานปูนที่ท่าหลวงเมื่อ ครั้งกระโน้นมาได้ยินเข้าคงหัวเราะร่า ตบเข่า ฉาดพูดว่า เป็นไงล่ะ โดนอย่างที่ผมเคยโดนแล้วมั้ยล่ะ บูเมอแรง counter demand กลับมาทำงาน อีกครั้ง

ตัวแทนบริษัทร่วมทุนรับข้อเสนออย่างไม่มีทางเลือก ในเมื่อบริษัทเขาก็ได้ดังที่เรียกร้อง ขณะที่เครือซิเมนต์ไทยก็แฮปปี้กับการหักลบดังปรารถนา นับเป็นวิน วิน เกม ที่มาก่อนคำนี้จะฮิตแพร่หลายเสียอีก

นี่แหละ นักเจรจา

 

Back to Top View kaEw's Profile Search for other posts by kaEw
 
kaEw
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 09-Mar-06 at 09:34 | IP Logged Quote kaEw

http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02edi07090349&day=2006/03/09

ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"

คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย

เผชิญหน้าล็อบบี้ยิสต์

วิธีการเจรจาอย่างหนึ่งของคุณชุมพล ที่ลูกน้องคนหนึ่งเห็นว่าแปลก คือ การถามอย่าง-ตอบอย่าง

ประเภทถามว่าไปไหนมา

แล้วตอบ 3 วา 2 ศอก

"ผมเคยสงสัยว่าท่านฟังคำถามไม่ชัดเจน" ลูกน้องพูด อย่างนักลงทุนต่างประเทศถามว่าราคาขายของปูนเท่าไร กจญ.ก็ตอบเขาไป เขาถามอีก แล้วตอนนี้ขายเป็นอัตราส่วนปูนผงเท่าไร ปูนถุงเท่าไร กจญ.ตอบว่ามาร์จิ้นเท่าๆ กัน ผมสงสัยว่าทำไมตอบอย่างนั้น

กจญ.อธิบายว่า "ต้องเข้าใจว่า ที่เขาอ้อมไปอ้อมมานี่ แท้แล้วต้องการคำตอบเรื่องอะไรก็ข้ามไปตอบเลย"

จริงอย่างที่คุณชุมพลอธิบาย นักลงทุนรายนั้นพยักหน้า มาร์จิ้นคือคำตอบที่เขาอยากได้ การเลเพลาดพาด หูอื้อหูตึง อย่าง "ไปไหนมาสามวาสองศอก" จึงเป็นเรื่องหนึ่ง ขณะที่การเน้นย้ำความยาวไม้ที่แบกมา ตอบว่า "3 วา 2 ศอก" ก็เป็นอีกเรื่อง ด้วยอ่านใจอีกฝ่ายทะลุชัดว่าที่ทักทายสารทุกข์สุกดิบในคำแรกนั้ น ต้องการจะถามต่อว่าอย่างไร

แล้วก็มาถึงวันที่นักเจรจา เผชิญหน้านักเจรจา

ปี พ.ศ.นั้น ชั่วโมงนั้น นายกรัฐมนตรีของไทย คือน้าชาติ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ

ฟองสบู่กำลังสวยประกายรุ้ง ปูนใหญ่เหมือนสาวสะพรั่งที่นักลงทุนต่างประเทศรุมตอมจนหัวกระได ลื่น วันหนึ่งก็มีซีอีโอบริษัทใหญ่จากเบลเยียมมาขอพบคุณชุมพล เพื่อเสนอร่วมทุนธุรกิจปิโตรเคมี

ผู้ติดต่อนัดหมายและนำหน้ามาก็ไม่ใช่ใคร

คุณจิ้งหรีด "ระพีพรรณ เหลืองอร่ามรัตน์"

สาวสวยนักล็อบบี้ นักเจรจา

ใครหรือจะปฏิเสธ

แหล่งข่าวบอกว่า คุณชุมพลเข้าห้องเจรจาราว 15 นาที ก็กลับออกไปทำงานต่อ

หากสิ่งที่คุณหรีดขยายความให้คนใกล้ชิดฟังในภายหลังก็คือ 15 นาทีนั้น ประกอบด้วย คุณชุมพลเดินเข้าไปในห้อง จับมือ แล้วก็นั่งฟังซีอีโอพูดฝ่ายเดียวจนจบ แล้วก็ลุกยืน จับมือเดินออกจากห้อง

"โดยไม่พูดอะไรซักคำ" คุณจิ้งหรีดกรีดปีก เอ๊ย ยืนยัน

ใครจะนึกว่าล็อบบี้ยิสต์ระดับนี้ ผู้เข้าถึงบุคคลตั้งแต่ทำเนียบไทยคู่ฟ้ายันมหาเศรษฐีเมกะโปรเจ็ กต์ทั่วโลก ล็อบบี้ยิสต์ผู้อ่อนหวาน เพียบพร้อมทั้งข้อมูล ปฏิภาณไหวพริบ และลูกล่อลูกชน จะเจอคู่เจรจาที่ไม่เปิดปากเจรจา

หรือว่านี่ แท้แล้ว คือการเจรจา ?

 

Back to Top View kaEw's Profile Search for other posts by kaEw
 
kaEw
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 16-Mar-06 at 09:24 | IP Logged Quote kaEw

http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02edi09160349&day=2006/03/16

ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"

คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย

การขายที่แท้

ในหลายๆ หน่วยงาน ฝ่ายขายกับฝ่ายผลิต มักมีเรื่องกระทบขบเหลี่ยมกันเสมอ ฝ่ายผลิตมักมองว่าฝ่าขายเป็นเสือนอนกิน ขายได้น้อย ก็มีเหตุผลมากมายรองรับ ขายได้มาก ยังได้คอมมิสชั่นเปอร์เซ็นต์เพิ่มอีกต่างหาก

แต่ในความเป็นจริง ถ้าไม่มีฝ่ายขาย รายได้จะเข้าบริษัททางไหน

ปัญหาเช่นนี้ ในเครือซิเมนต์ไทยก็มี

ในการประชุมผู้บริหารครั้งหนึ่ง มีคนตั้งข้อสังเกตขึ้นมาว่า ในขณะที่บริษัทตั้งเป้าหมายให้ทำงานเป็นทีม แต่บริษัทเองก็เน้นตัวเลขรายได้จากฝ่ายขายแต่ละคน จึงทำให้เกิดการแข่งขันสูง ยากที่จะรวมตัวเป็นทีมเวิร์กได้

แน่นอนว่าคุณชุมพลไม่ได้เติบโตมาจากฝ่ายผลิต แต่งานนี้เขาเห็นด้วยกับข้อสังเกต พร้อมกับชี้จุดอ่อนของฝ่ายขายเพิ่มเติมว่า

"จะดูว่าฝ่ายขายเก่งจริงหรือไม่จริง ให้ดูที่การขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ข้างนอก ถ้าทำได้จึงควรถือเป็นผลงาน"

การจี้จุดฝ่ายขายเคยมีผลถึงการเปลี่ยนแนวคิดในบริษัทครั้งหนึ่ง เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ครั้งที่ "ตี๋เล็ก" แรกเข้าทำงาน ครั้งนั้นเครือซิเมนต์ไทยและคู่แข่งหลายบริษัทกำลังทำสงครามดุเ ดือด แย่งชิงลูกค้า โดยเฉพาะสินค้ากระเบื้องมุงหลังคา ที่เครือซิเมนต์ไทยเป็นขาใหญ่ แต่กำลังถูกไล่กวดติดๆ

ฝ่ายขายกับฝ่ายการตลาดประชุมหากลยุทธ์อย่างเคร่งเครียด ในที่สุดก็สรุปทุบโต๊ะว่าจะใช้วิธี "ตัดราคา" เพื่อให้คู่แข่งสู้ไม่ไหว ขายไม่ได้

คุณชุมพลถามทันที

"คิดจะลดแผ่นละเท่าไร"

"แผ่นละสามบาทห้าสิบครับ" ฝ่ายที่เตรียมมาแล้วโชว์ตัวเลขทันควัน

คุณชุมพลไม่พูดอะไร เอาราคา 3.50 บาท คูณกับจำนวนยอดขาย แล้วเงยหน้าขึ้น

"ผมดูยอดเงินที่หายไปแล้ว เราเอาเงินนี้ไปซื้อโรงงานเขาเลยจะดีกว่า ราคานี้รับรองว่าเขาเต็มใจขายด้วย"

ฝ่ายการตลาดแทบตกเก้าอี้

ผลคือต้องกลับไปคิดใหม่ ในที่สุดก็ใช้วิธีอื่นแทนการลดราคา แล้วเครือซิเมนต์ไทยก็ยังฉลุยในฐานะขาใหญ่ขายกระเบื้องต่อไป พร้อมกับบทสรุปที่ว่า "ถ้าคิดจะฆ่าคู่ต่อสู้ด้วยวิธีลดราคาดื้อๆ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องจ้างนักการตลาดไว้ทำไม"

"มุมมอง" เหนือ "มุมมอง"

เรื่องนี้ คุณไชย ณ ศีลวันต์ เป็นผู้เล่า

เหตุไม่ได้เกิดในเครือซิเมนต์ไทย แต่เกิดที่บริษัทปิโตรเคมีแห่งชาติ

วันนั้นเป็นการประชุมค่อนข้างเครียด เพราะเป็นการขอกู้เงิน

ผู้ขอกู้คือ บ.ปิโตรเคมีแห่งชาติ ซึ่งกำลังคิดขยายโครงการแยกก๊าซจากก๊าซธรรมชาติ ให้ได้ก๊าซโพรเพน (propane) และอีเทน (ethane) ซึ่งมีความต้องการอยู่ราวๆ 100,000 ตันต่อปี

ปัญหาคือบริษัทที่ปิโตรเคมีแห่งชาติอนุมัติให้ติดตั้งเครื่องจั กรสำหรับโครงการนี้เป็นบริษัทหน้าใหม่ ไม่เคยทำงานเชิงพาณิชย์ที่ใดเลยในโลก ซ้ำเครื่องจักรที่เคยติดใช้ในห้องทดลองก็แยกก๊าซได้ปีละแค่ 10,000 ตันเท่านั้น แค่ 1 ใน 10 ของที่ต้องการ

"เจ๊งแหงๆ" ตัวแทนนายธนาคารมองหน้ากัน งานนี้ไม่มีวันสำเร็จ

ฟันธงพรึ่บเหมือนๆ กัน ไม่ให้กู้

ยกเว้นรายเดียวคือคุณชุมพล

"ยิ่งคิดว่าไม่สำเร็จสิดี ผมว่าธนาคารยิ่งต้อง

ให้กู้เงิน"

ทุกคนในที่ประชุมเงียบกริบ คุณชุมพลมาไม้ไหน ?

สุดท้าย ภายหลังคำอธิบาย เหลือเชื่อ

ได้กู้ !!

คุณชุมพลไม่ได้ใช้กำปั้นเล็กๆ ของเขาทุบโต๊ะ ไม่ได้โอมคาถา เป่ามนตรามหาละลวย แต่ใช้มุมมองที่ใครก็คาดไม่ถึง

"มันน่าขำก็ขำ น่าโมโหก็โมโห" คุณไชยว่า "ก็ทุกคนกำลังมุ่งประเด็นว่าไอ้บริษัทนี่จะแยกก๊าซได้ไม่พอกับค วามต้องการ คุณชุมพลพลิกกลับแบบ 360 องศาเลย เพราะข้อเท็จจริงที่ทุกคนรู้อยู่ก็คือ ก๊าซธรรมชาติถ้าเอาไปขายเป็นก๊าซ LPG ใช้หุงต้ม จะขายได้ราคาแพงกว่า งานนี้ ถ้าแยกโพรเพน อีเทนไม่สำเร็จ ก็เอาไปขายเท่านั้นเอง รับรองได้เงินคืนเร็วกว่าด้วย"

"ข้อสรุปนี้นอกประเด็นจริงๆ ใครก็พูดไม่ออก เถียงไม่ได้" คุณไชยยกนิ้ว

พูดไม่ออก เถียงไม่ได้ ได้แต่มองหน้าว่าคิด

ได้ไง ?

คุณชุมพลไม่ได้บอกว่าคิดได้ไง แต่การคิดของเขาในวันนั้นส่งผลให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีของไทยเริ ่มต้นขึ้นได้ ไม่เช่นนั้น ประเทศที่ล้าหลังชาติอื่นอยู่ไม่น้อยก้าวอย่างเราก็คงยิ่งล้าหล ังกว่านี้ไปอีกหลายปี

แต่ก็... อืมม์... นั่นสิ... คิดได้ไง ?

 

Back to Top View kaEw's Profile Search for other posts by kaEw
 
kaEw
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 23-Mar-06 at 13:44 | IP Logged Quote kaEw

http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02edi06230349&day=2006/03/23

ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"

คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย

ยิ่งกว่า "โฮลอินวัน"

เมื่อครั้งหนุ่มๆ กีฬาโปรดของคุณชุมพลคือสควอช

สวอชต้องใช้พละกำลัง และอาศัยการคิดคำนวณตลอดเวลาคู่ต่อสู้เป็นคนอื่น แต่หลายครั้งกลับพบว่าเป็นตัวเอง

คุณชุมพลต้องละกีฬาโปรดไป ไม่ใช่เพราะเล่นไม่เก่ง แต่เพราะเอาจริงเอาจังหักโหม ลืมตัวไม่ยอมแพ้ กระทั่งเอ็นร้อยหวายขาซ้ายขาด ต้องแขวนแร็กเกต

เทนนิสกับสกีก็เป็น 2 ชนิดกีฬาที่คุณชุมพลเล่นและแม่นยำกติกาดี แต่สุดท้ายลานประลองฝีมือของเขาคือสนามกอล์ฟ

"ตอนนี้ผมเล่นกอล์ฟเป็นงานอดิเรก หลังจากเกษียณคงเป็นงานหลัก" คุณชุมพลให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวพร้อมกับขยายความฝันให้ฟังว่า

"ผมกะจะไปอยู่แถวเชียงใหม่ เชียงรายสักเดือน ไปอยู่คนเดียว ไม่รู้ได้หรือเปล่า สงสัยต้องโทร.เรียกเพื่อนให้ขึ้นไปตีกอล์ฟ ไปอยู่ด้วย"

ก๊วนกอล์ฟของคุณชุมพลแบ่งคร่าวๆ ได้ 3 กลุ่มด้วยกัน กลุ่มแรกคือเพื่อนสนิท ตัวยืนประกอบด้วย คุณยศ เอื้อชูเกียรติ ดร.วิชิต

สุรพงษ์ชัย คุณธารินทร์ นิมมานเหมินท์ ดร.สุเมธ ลิ่มอติบูลย์ ฯลฯ กลุ่ม 2 เป็นเพื่อนร่วมธุรกิจ คือ นายธนาคาร และผู้บริหารบริษัทร่วมทุน (joint venture) ทั้งหลาย สำหรับกลุ่มสุดท้ายเป็นเพื่อนร่วมงาน เพื่อสร้างสัมพันธ์ภายใน กลุ่มนี้จะมีคุณชลาลักษณ์ คุณดุสิต คุณอภิพร

แน่นอนว่าในสนามกอล์ฟของคุณชุมพลมีแต่เพื่อน ซึ่งต้องระวังตัวพิเศษในการเล่นกับเขาในช่วงวัยหนุ่ม แฮนดิแคปของชุมพล ณ ลำเลียง เป็นซิงเกิลแฮนดิแคป (8) ทุกวันนี้ไถลลงตามวัย แต่ใครจะกล้าประมาทคนที่ประกาศจะเล่นกอล์ฟเป็นงานหลัก

มีเรื่องเกี่ยวกับกอล์ฟเรื่องหนึ่งที่ คุณศิววงศ์ จังคศิริ อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม จดจำไม่ลืมเลือน

วันนั้นเป็นวันฟ้าใสแดดอุ่น ท่านปลัด, ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล และคุณชุมพล นัดดวลกันที่สนามปาล์มสปริงที่อเมริกา ขณะเกมกำลังออกรส เป็นทีที่คุณชุมพลจะพัต เขาก้มมองหาไลน์ เล็งแล้วเล็งอีก เปลี่ยนจุด เปลี่ยนตำแหน่งยืนเพื่อความมั่นใจ

"ตูม"

เสียงสนั่นตามด้วยเสียงโวยวายตกใจของคุณชุมพล ภาพที่ทุกคนเห็นก็คือ คุณชุมพลหงายหลังตกลงไปในสระน้ำข้างกรีน "สวยงาม หาดูได้ยาก และน่าจะเป็นสถิติของสนาม" คือบทสรุปของปลัดศิววงศ์ คุณชุมพลเองก็ทำอย่างนั้นเป็นครั้งที่ 2 ไม่ได้อีกเลย

"ฝีมือ" หรือ "ดวง"

แน่นอนว่าในสนามกอล์ฟ คุณชุมพลมีแต่เพื่อน

แต่เพื่อนบางคนอย่าง ดร.วิชิต ระบุอย่างไม่สงวนท่าทีว่า คุณชุมพลชอบทำนาบนหลังเพื่อนในสนามกอล์ฟ

วันหนึ่งมีข่าวว่าเพื่อนร่วมก๊วนบางท่านได้รับการทาบทามให้ไปเป ็นรัฐมนตรี คุณชุมพลรีบแสดงความยินดีด้วยทันที

ไม่ได้ยินดีกับเพื่อนที่เป็นใหญ่เป็นโต

แต่ยินดีกับตัวเอง เพราะต่อไปนี้เพื่อนคงยุ่งวุ่นวายจนไม่มีเวลาซ้อมกอล์ฟ ตัวเขาจะมีนาให้ทำเพิ่มอีก 1 ผืน

ลูกน้องเล่าว่า นาเอ๊ย เพื่อนทั้งหลายของคุณชุมพลคง "แค้น" ยิ่งขึ้นอีก เมื่อได้รู้ว่าหลายต่อหลายครั้งคุณชุมพลเอาเงินที่ได้มาไปแจกเป ็นรางวัลลูกน้องที่บริษัท โดยระบุชื่อผู้บริจาคจากแต่ละสนามเสียด้วย

งานนี้ไม่แค่ "เบอร์ดี้" แต่ต้องเรียก "อีเกิล" พัตเดียวได้เจ็บใจ 2 หน

เรื่องเล่าเรื่องนินทา "ฝีมือ" หรือ "ดวง" คุณชุม พลไม่หมดแค่นี้ ที่ยิ่งกว่านี้ ชนิดเด็ดหนวดเจ้าพ่อก็มี

คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม เล่าว่า ครั้งหนึ่งที่ลอนดอนคุณชุมพลเสี่ยงดวงด้วยการประลองฝีมือในสถาน กาสิโนที่โต๊ะแบล็กแจ็ก และบักคาราต์

แค่ครึ่งชั่วโมงก็เดินหมดเรี่ยวหมดแรงขึ้นห้องพัก

ไม่ได้หมดแรงเพราะหมดตัว แต่เดินเป๋เพราะหอบเงินหลายพันปอนด์ตุงกระเป๋าขึ้นไป

คนอะไรจะ "ดวงดี" ขนาดนั้น

วันรุ่งขึ้นคณะของคุณหญิงและคุณชุมพลลัดฟ้าต่อไปสหรัฐอเมริกาหล ายสิบชีวิต ผ่านด่าน ตม.ฉลุย มีผู้ต้องสงสัยคนเดียวที่ถูกรื้อกระเป๋า ถูกกักตัวไว้ พร้อมกับเงินหลายพันปอนด์

มีการเช็กประวัติอยู่หลายชั่วโมงกว่าที่คุณชุมพลจะผ่านด่านบอสต ัน

ทุกวันนี้คุณหญิงยังสงสัยอยู่ว่า เจ้าพ่อกาสิโนลอนดอนส่งใบสั่งข้ามฟ้าได้เชียวหรือ ?

แต่ถ้าถามคุณชุมพล คำตอบอาจจะเรียบๆ ง่ายๆ และไถลไปอีกทาง

วันนี้ "ดวง" ไม่ดี !!

 

Back to Top View kaEw's Profile Search for other posts by kaEw
 
kaEw
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 30-Mar-06 at 11:03 | IP Logged Quote kaEw

http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02edi06300349&day=2006/03/30

ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"

คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย

นินจาในวงล้อม

ในแวดวงเพื่อนฝูง คุณชุมพลเป็นที่ต้องการตัวเสมอ

เพราะเป็นคนพูดน้อย เพื่อนชอบที่ไม่ค่อยขัดคอ ใช่ไหม ?

คำตอบคือไม่ใช่

ดร.จิรายุกล่าวถึงคุณชุมพลว่า "มีไหวพริบ มีวิจารณญาณในการตอบโต้และแก้ปัญหา"

ความเห็นนี้คุณศิรินทร์ นิมมานเหมินท์ เห็นด้วยเต็มที่ พร้อมกับยกตัวอย่างว่า แรกที่คุณธารินทร์ พี่ชายเข้าเป็นบิ๊กแบงก์ไทยพาณิชย์นั้น คุณธารินทร์มักบ่นระบายด้วยความหนักอกว่า ทำไมปัญหาถึงได้ยุ่งเหยิงขนาดนี้ มีทั้งปล่อยเงินกู้ไม่มีคุณภาพ ปัญหาหนี้เสีย แก้ปมนี้ไปเจอปมนั้น แก้ปมนั้นไปพันปมโน้น

เสียงถอนใจของคุณธารินทร์เฮือกใหญ่พอที่เพื่อนๆ จะหันมอง

แล้วเสียงหนึ่งก็ดึงขึ้นเรียบๆ

"ก็เพราะปัญหานี่แหละ ลื้อถึงได้มาเป็นผู้จัดการใหญ่ไง" คุณชุมพลพูดด้วยรอยยิ้ม

เวลาที่นัดหมายสมาคมกันในหมู่เพื่อน เป็นไปได้มากที่สุดคือเวลาอาหารค่ำ คุณชุมพลเป็นคนตรงต่อเวลา มักไปถึงก่อนคนอื่นเสมอ เหตุผลอีกประการที่สำคัญคือ ต้องไปจองที่นั่ง คุณชุมพลพอจะดื่มบ้าง แต่ไม่สูบบุหรี่ พื้นที่จับจองคือเขตห่างไกลกลุ่มโรงสีพ่นควัน ไม่นานคนอื่นๆ ก็จะทยอยมา เสียงสนทนาดังขึ้น คุณชุมพลจะเป็นคนที่ฟังมากกว่าพูด ใครพูดมากก็ไม่ขัดคอ แต่เมื่อใครถามความเห็น คำตอบที่ได้รับมักจะเฉียบเสมอ หลังมื้ออาหารก็เป็นกาแฟ เข้ากันได้ดีเหลือหลายกับซิการ์ของเพื่อนฝูง จากนั้นการถกปัญหาก็ออกรสยิ่งขึ้น ขยายวงปัญหาจากที่นัดหมายกันมาสู่วงปัญหาของประเทศชาติ คุณชุมพลซึ่งเมื่อเริ่มมื้อยังสดชื่นดี บัดนี้มีปฏิกิริยาหน่อยๆ ขยับเก้าอี้ห่างซิการ์อีกนิด พลิกข้อมือดูนาฬิกาบ่อยขึ้น เมื่อคะเนว่าเพื่อนๆ มีทีท่าจะลากยาวแน่แล้ว เขาก็ลุกประกาศอย่างเด็ดเดี่ยว ขอกลับบ้านไปนอน

แน่นอนว่าทุกคนต้องร้องค้าน ประมาณว่ายังไม่จบเรื่องที่ต้องถกและขอความเห็นคุณชุมพล

ไม่ใช่คนขัดใจเพื่อน เขานั่งลงอย่างว่าง่าย แต่ก็

เงียบขรึมเช่นเดิม

สักพักหนึ่ง ใครบางคนในกลุ่มอาจเป็นคนแรกที่รู้สึกตัว เพื่อนช่วยๆ กันแหวกม่านควันซิการ์ออกเพื่อจะพบว่า คุณชุมพลหายตัวไปกับควันตั้งนานแล้ว

นี่แหละคนไม่ขัดใจเพื่อน

เครดิตของอัศวิน

การเข้าร่วมทุนกับมิชลิน ทำให้คุณชุมพลมีหนึ่งมื้ออาหารที่น่าจดจำ

หลังจากที่เจรจา จนเซ็นสัญญาร่วมทุนกันได้สำเร็จ กิจการของมิชลินในประเทศไทยก็เป็นไปอย่างดียิ่ง ทั้งผลิตยางรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ และยางรถถีบเสือภูเขา ทั้งเครือซิเมนต์ไทย ก็ได้สนับสนุนกิจกรรมศิลปะและวัฒนธรรมของฝรั่งเศส คุณชุมพลในฐานะผู้นำองค์กรจึงได้รับการยกย่องจากรัฐบาลฝรั่งเศส ได้บรรดาศักดิ์ชั้นอัศวิน

เครื่องยศเหรียญตราตำแหน่ง chevalier และ officier จากประธานาธิบดีถูกส่งผ่านทางเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศ ไทยถึงคุณชุมพล

ในงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการและทรงเกียรติ เป็นค่ำคืนที่มีความหมาย ทุกอย่างเป็นไปเรียบร้อยตามกำหนดการ ถ้าไม่นับข้อที่ว่า เหรียญตราซึ่งท่านทูตได้บรรจงกลัดบนอกเสื้อของอัศวินนั้น ได้ทิ้งตัวดิ่งลงสู่ถ้วยซุปที่คุณชุมพลกำลังรับประทานด้วยความเ อร็ดอร่อย

ท่ามกลางคณาสายตาที่จ้องมองมา ผู้มองโลกแง่ดีท่านหนึ่งเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นว่า "ซุปถ้วยนี้ ควรเรียกซุปอัศวิน ในฐานะที่ได้รับเหรียญด้วย"

อีกมื้อหนึ่งที่คุณชุมพลต้องรับบทอัศวิน

มื้อนี้ที่ลอนดอน

การนัดหมาย ณ มหานครนั้น ท่านผู้เป็นเจ้าภาพยืนยันว่าย่อมไม่มีร้านไหนดีไปกว่าภัตตาคารเ ป็ดย่างชื่อดังแห่งโซโห

ตรงตามเวลานัด เบนท์ลี่สีดำปลาบนำสุภาพบุรุษในสูทราคาระยับมาถึง อาหารมื้อนั้นเป็นไปอย่างอร่อย ธุรกิจราบรื่น และเปี่ยมมารยาทผู้ดีอังกฤษ สิ้นมื้อ เจ้าภาพเรียกบริกรมารับค่าบริการ ด้วยการยื่นยัตรเครดิตให้

35 ปอนด์เท่านั้น

แต่ปัญหาอยู่ที่บริกร เขานอบน้อมแต่จริงจัง

"ขออภัย ร้านเราไม่รับบัตรเครดิตขอรับกระผม"

เป็นใครก็คงนึกถึงหัวใจ (และใบหน้าที่แตกเพล้ง) ของท่านเจ้าภาพออก เพราะท่านผู้มากับเบนท์ลี่ไม่พกเงินสด ในท่ามกลางความกระอักกระ อ่วน อัศวินไทยเอ่ยของโทษอย่างสุภาพและขอรับเป็นเจ้าภาพเอง

อัศวินไทยผู้พกเงินสดและอยู่เมืองไทย "เฉยๆ" กับก๋วยเตี๋ยวเป็ด

 

Back to Top View kaEw's Profile Search for other posts by kaEw
 
kaEw
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 06-Apr-06 at 16:31 | IP Logged Quote kaEw

http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02edi08060449&day=2006/04/06

ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"

คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย

บทเรียนระหว่างมื้อ

คุณชุมพลชอบทานอาหารอร่อย แต่ไม่จำเป็นต้องร้านหรูหรา

อย่างที่เล่าไปแล้วว่า ต่อให้เป็น fusion food ระดับนิวสวีกแนะนำ กจญ.คนนี้ก็เมิน

คุณรุ่งโรจน์เล่าว่า สมัยเรียนฮาร์วาร์ด (คุณชุมพลไปเข้าคอร์ส 3 เดือนอยู่ตอนนั้น) นานครั้งจะได้กินอาหารไทย เว้นแต่คุณชุมพลจะชวนไป ครั้งแรกๆ คุณรุ่งโรจน์จะสั่งหลายๆ อย่างให้สมกับความอยาก

"กจญ.เปรยว่าสั่งเยอะจริง แต่ก็ไม่ว่าอะไร คงเข้าใจ"

มื้อหลังๆ จึงลดความหลากของอาหารลงมา แต่ไม่ว่ามื้อไหนก็ต้องมีไข่เจียว

ถามว่าคุณชุมพลโปรดปรานไข่เจียวเป็นพิเศษหรือ ?

คำถามคือเปล่า

หากแต่ไข่เจียวคือความหมายของรีเสิร์ฟ เป็นของตายสำหรับสำรอง เอาไว้รับประกันว่าบนโต๊ะอาหารมื้อนั้นจะลองสั่งไอ้ที่แปลกแปร่ ง ไม่เคยลองลิ้มบ้างก็ได้ ด้วยแม้จะพลาดพลั้งยังไงก็มีอยู่ 1 จาน ที่ลิ้นรับได้ ไม่ปฏิเสธ

มองให้ดี นี่จึงไม่ใช่แค่การกินอาหาร แต่เป็นการเรียนรู้

ลูกน้องหลายคนที่ร่วมโต๊ะกับคุณชุมพลบ่อยมื้อ โดยเฉพาะร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อราชวัตร เป็นร้านคูหาเดียว คนแน่นล้นถึงฟุตบาท ต้องกะเวลาไปให้ดีจึงจะมีที่นั่ง คุณชุมพลชอบ "ใหญ่-ชิ้น-สด-น้ำ" ของร้านนี้มาก บางครั้งจะสั่งใส่ถุงหิ้วไปคอนโดฯด้วย

บางวันที่กะเวลาพลาด ฟุ้งกลิ่นหอมของน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว แต่ไม่มีที่นั่ง ลูกน้องก็เกรงใจว่าระดับนายต้องยืนรอ ชวนเปลี่ยนร้าน แต่ไม่ทันแล้ว คุณชุมพลเดินไปซื้อกล้วยแขกถุงเล็กปักหลักรองท้องอย่างแน่วแน่ เด็ดเดี่ยว

อีกร้านโปรดของคุณชุมพล คือข้าวมันไก่ตรงสี่แยกพิชัย ติดปั๊มเชลล์

"ท่านชอบอยู่ร้านเดียว ร้านอื่นไม่กิน บอกว่าไก่แข็งไป เนื้อไม่นิ่ม น่าเสียดายที่ตอนนี้เลิกขายไปแล้ว เลยไม่รู้จะกินที่ไหน ชวนไปกินอย่างอื่นเช่นเย็นตาโฟหรือก๋วยเตี๋ยวเป็ด ท่านก็เฉยๆ ท่านชอบกินอาหารจานเดียว กินก๋วยเตี๋ยว แต่ไม่ชอบเย็นตาโฟ"

"ท่านเป็นคนกินเร็วมาก เราก็ต้องเร็ว ไม่งั้นจะอดจานที่สอง เพราะบางทีท่านกินจานสองเสร็จ เรายังไม่หมดจานแรกเลย พอท่านอิ่ม ท่านก็ไม่เร่ง แต่จะนั่งมอง แล้วอย่างนี้ใครจะกล้าเบิล"

ลูกน้องโอดอุทธรณ์อย่างน่าเห็นใจจนแทบได้ยินเสียงท้องร้อง

 

Back to Top View kaEw's Profile Search for other posts by kaEw
 
kaEw
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 13-Apr-06 at 14:33 | IP Logged Quote kaEw

http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02edi08130449&day=2006/04/13

ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"

คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย

บ่ม

คุณชุมพลก็เช่นเดียวกับนักธุรกิจหลายคนที่ชอบดื่มไวน์ ลึกซึ้งและเข้าถึงไวน์ แต่หลายคนนั้นคงไม่มีใครคิดบ่มไวน์โดยไม่ได้ตั้งโรงงานเป็นแน่

เหตุเกิดในงานชิมไวน์

คุณชุมพลไปตามคำเชิญ บนโต๊ะมีแก้วเรียงหลายใบ เวลาชิมก็พิถีพิถันแยกแก้วไวน์แต่ละชนิด ซึ่งมีทั้งรสเข้มบ้าง อ่อนบ้าง ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ตามอายุการบ่มและชนิดองุ่น แขกทุกคนก็เดินชิมแล้วมีความเห็นต่างๆ กันไป

ไปได้สักครู่ คุณชุมพลก็เอาไวน์จากแก้วหนึ่งผสมกับอีกแก้ว แกว่งไปมา แล้วส่งให้เพื่อน

"อืมม์ อร่อย" เพื่อนบอกเมื่อเมรัยแตะลิ้น "อร่อยกว่าเยอะเลย"

บาร์เทนเดอร์ช่างคิดยิ้มชอบใจ

เหตุผลง่ายๆ คือเอาไวน์ที่รสเข้มกินมาผสมกับที่รสอ่อนเกิน

"ไม่งั้นต้องนานหลาย 10 ปีกว่าจะได้ที่ เผลอๆ ตายไปก่อนก็ไม่ได้กิน" คุณชุมพลสำทับ

พูดถึงไวน์

คุณสบสันติ์ก็มีประสบการณ์ที่เก็บไว้นานแล้ว ถ้าเป็นไวน์ก็จัดว่าบ่มได้ที่

"ในช่วงปี 2530 เป็นต้นมา ผมเดินทางไปฝรั่งเศสกับ กจญ.บ่อยๆ ทุกครั้งที่ไปงานเลี้ยง ผมสังเกตว่า กจญ.จะสั่งไวน์แดงเบอร์กันดี ทั้งที่ปกติท่านดื่มไวน์แดงบอร์โดซ์ ในที่สุดผมอดใจไม่ได้เลยถามเหตุผลที่เปลี่ยน"

คำตอบคือ ไวน์บอร์โดซ์ที่เมืองไทยหาไม่ยาก

แต่เบอร์กันดีดีๆ หาไม่ค่อยได้นอกฝรั่งเศส เมื่อมาถึงถิ่นต้องดื่มที่หายาก

"ผมเลยนำความคิดนี้ไปประยุกต์ใช้กับเรื่องอาหารด้วย" คุณสบสันติ์สรุปอย่างผู้มีดวงตาเห็นธรรม

ฟังเรื่องไวน์แล้ว บางคนอดไม่ได้ที่จะคิดถึงการขึ้นสู่ตำแหน่ง กจญ.ของคุณชุมพลก็ดี ของคุณกานต์ที่กำลังจะเกิดขึ้นก็ดี ถ้าเป็นในองค์กรอนุรักษ์หัวโบราณ โดยอายุอานาม 2 ท่านคงไม่แคล้วถูกค่อนว่าเป็นไวน์รสอ่อน ยังบ่มไม่ได้ที่ หาคิดไม่ว่ามีหลายวิธีที่จะแต่งปรุงโดยย่นระยะเวลา

"ไม่งั้นต้องรอนานกว่าจะได้ที่ เผลอๆ ตายไปก่อนก็ไม่ได้กิน" ประโยคที่คุณชุมพลพูดไว้ ลองคิดอีกที ไม่ทราบว่าเป็นเรื่อง "ไวน์" หรือเรื่อง "วัย" ของคน

คนมีหน้าที่ปรุงไวน์บ่มไวน์ แต่ประสบการณ์ทางความคิดของคุณสบสันติ์ก็ทำให้เราเรียนรู้ว่า บางครั้งไวน์ก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยบ่มคน

คนกับบ้าน

ตัวอย่างที่เห็นภาพชัดสำหรับวิถีชีวิต"พอเพียง" ตามแนวทางพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือรูปแบบชีวิตของคุณชุมพล

ทั้งเพื่อนผองและลูกน้องรู้ว่า คนคนนี้ไม่เคยทำอะไรที่เกินตัว

จริงๆ แล้วต้องเรียกว่าน้อยกว่าตัวด้วยซ้ำ

เคยเกริ่นเล่าแล้ว เรื่องการย้ายบ้านด้วยรถกุดัง 5 คัน เอ๊ย ไม่ใช่ ด้วยกล่องกระดาษแค่ 5 ใบ

โดยฐานะการเงิน โดยตำแหน่ง "เถ้าแก่โรงปูน" คงไม่มีใครสงสัยว่าคุณชุมพลหาซื้อปูนไม่ได้จึงไม่ยอมสร้างบ้านอ ยู่ ความจริงคุณชุมพลมีบ้านหลังใหญ่ในซอยสายลม มีสนามหญ้า สระว่ายน้ำ แล้ววันหนึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้ว กล่องลูกฟูก 5 ใบก็เก็บสมบัติทั้งหมดในนั้นได้พอดิบพอดี

ทุกวันนี้คุณชุมพลอยู่คอนโดมิเนียมแถวเพลินจิต 1 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีแม่บ้านไปเช้าเย็นกลับ ไม่มีสนามหญ้า ไม่มีบริเวณ และไม่มีสระว่ายน้ำ

ครั้งหนึ่ง นักข่าวของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการเคยถามเขา

"คุณชุมพลมีอสังหาริมทรัพย์อะไรบ้าง หรือมีบ้านชายทะเล ?" เขาตอบ

"ความเห็นส่วนตัวของผม การมีบ้านอีกหลังเป็นภาระ ผมเห็นเพื่อนๆ ที่เขามี ต้องไปเช็ก ต้องไปดู เดี๋ยวเสีย เดี๋ยวคนสวน แม่บ้านลาออก ไม่มีใครดู ผมมีบ้าน แต่ผมไม่อยู่บ้าน ผมอยู่คอนโดมิเนียม"

"คือไม่นิยมที่จะมีทรัพย์สินแบบนี้" นักข่าวซัก

"ผมคิดว่าโดยทั่วไปของคน เป็นครั้งเป็นคราวก็คิดอยากมีบ้าง แต่เรามีเวลาไปดูแลหรือเปล่า แล้วปีหนึ่งจะไปได้กี่ครั้ง เพื่อนๆ ผมเยอะมาก มีบ้านที่ภูเก็ต เชียงใหม่ เขาใหญ่ เมืองกาญจน์ เต็มไปหมด ส่วนใหญ่ก็ต้องมาอ้อนวอนบอกชุมพลให้ไปอยู่หน่อยสิ ผมจะไปเสาร์นี้ไปด้วยได้ไหม นี่ก็เป็นนิสัยของคนไทยส่วนใหญ่ เวลาจะไปไม่ค่อยอยากไปคนเดียว ต้องเอาเพื่อนไปด้วย

"ฝรั่งเขาจะมีบ้านชายหาด เสาร์อาทิตย์ก็ไปกันแค่ผัวเมีย 2 คน แล้วอยู่ 3 วัน แต่คนไทยสามีก็เอาเพื่อนไปด้วย เดี๋ยวไม่สนุก เมียก็ต้องเอาเพื่อนไปด้วย เพราะไม่สนุก กลายเป็นไปแล้วไม่ได้พักผ่อน ใครเป็นเจ้าของบ้านเหนื่อยตายเลย"

นี่คือ "บ้าน" ในความเห็นของเขา

นี่คือ "บ้าน" - ความฝันของผู้คน

เพียงแต่บางคนไม่เคยเข้าใจว่าบ้านมีไว้อาศัย กลับแบกไว้เหนือหัว

 

Back to Top View kaEw's Profile Search for other posts by kaEw
 
kaEw
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 20-Apr-06 at 17:01 | IP Logged Quote kaEw

http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02edi04200449&day=2006/04/20

ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"

คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย

ของสะสม

ขนาดอสังหาริมทรัพย์มองเห็นกำไรเหนาะๆ ยังไม่ยอมสะสม ถ้าอย่างนั้นคุณชุมพลสะสมอะไร ?

แก้วแหวนเงินทอง, เพชรนิลจินดา, หุ้น ฯลฯ

เกือบทั้งหมดไม่เพียงของนอกกาย แต่ยังนอกความคิดด้วย สำหรับหุ้น คุณชุมพลซื้อเก็บไว้ในส่วนบลูชิพเพื่อเงินปันผล เป็นการลงทุนระยะยาว เขาไม่ชอบความร่ำรวยจากการ "เล่นหุ้น" แบบที่ผู้คนระเริงกัน

"เงินเล่นหุ้น เป็น nonproductive wealth ไม่สร้างสรรค์ ไม่ก่อให้เกิดผลผลิต ไม่ก่อให้เกิดการสร้างงาน ไม่สร้างความเจริญให้เศรษฐกิจ" คือความเห็นของเขา

โดยสถานะตำแหน่ง คุณชุมพลจำต้องติดตามราคาหุ้นบางตัวที่ข้องเกี่ยวกับเครือซิเมน ต์ไทย เพื่อใช้ประกอบกลยุทธ์ธุรกิจ วันหนึ่งเขาโทรศัพท์ถามคุณรุ่งโรจน์ว่า ทำไมวันนี้หุ้นขึ้นเยอะ

คุณรุ่งโรจน์ตอบ

"ไม่ทราบครับ เดี๋ยวจะหาข้อมูลมาให้"

คุณชุมพลสวนทันที

"ไม่ได้นะ เราทำงานตรงนี้ คนเขาจะถามเราได้ตลอดเวลา เราต้องพร้อม"

แต่นอกเหนือจากที่ต้องเกี่ยวข้องแล้ว ชะตาชีวิตหุ้นตัวอื่นๆ เป็นอย่างไร คุณชุมพลไม่เคยสน ทั้งที่สถานะของเขาเอื้อเหลือเกินกับการแสวงหาประโยชน์ในทางมิช อบ อย่างข้อมูล insider

ลูกน้องเล่าว่า เคยมีคนถามคุณชุมพล หุ้นตัวนั้นตัวนี้เป็นอย่างไร ดีไหม ?

"ผมไม่รู้" คือคำตอบ

"กจญ.ไม่รู้จริงๆ" เสียงยืนยัน "เพื่อนฝูงหลายคน" ตั้งข้อสังเกตว่า ท่านไม่อยากรู้ในเรื่องที่ "เมาท์" กระจายจากแหล่งข่าวระดับสูง ท่านมักตัดบทว่า ไม่ต้องเล่า ผมไม่อยากรู้ ก็เพราะจะได้พูดด้วยความสุจริตใจสุดๆ ว่าผมไม่รู้"

คุณวรพลเสริมว่า

"ถ้าคุณชุมพลคิดแสวงผลประโยชน์ ท่านก็คงรวยกว่านี้แล้ว แต่ท่านซื่อสัตย์ และเป็นตัวอย่างด้านบรรษัทภิบาลที่ดี เราโชคดีที่มีผู้บริหารเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เอาแล้วแสดงว่าโง่"

ความเห็นในประโยคต่อมา ควรแก่ความภูมิใจสำหรับบุคลากรทั้งเครือ

"ก็อาจจะมีบ้างบางพวกที่เอา แต่ถือว่าน้อย เครือมีการสั่งสม สั่งสอนจนเรื่องนี้ติดอยู่ในใจ ทำผิดจะรู้สึกไม่สบาย ใจเอง ที่นี่มีแต่ผู้บริหารมืออาชีพ ไม่มีนอกมีในไม่ฉกฉวยหาผลประโยชน์จากหน้าที่ของตัวเอง"

ถึงบรรทัดนี้อาจมีบางคนถามอีกครั้งว่า ตกลง แล้วคุณชุมพลสะสมอะไรกันแน่ คำตอบคือตอบไปแล้ว ของสะสมของเขาเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ด้วยมือ มือที่ไม่รู้จักพอ



ง่าย-ยาก

ทำงานด้วยกันมานานจนเกือบจะถึงวันอำลาแล้ว ลูกน้องบางคนยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่า ตกลงแล้วคุณชุมพลเป็นนายที่

"ง่าย" แต่ "ยาก" หรือว่า "ยาก" แต่ "ง่าย" กันแน่

"ง่าย" เพราะอย่างที่เห็นๆ อยู่ นายไม่มีฟอร์ม ไม่ชอบมีผู้ติดตาม ใส่เสื้อผ้าไม่สนยี่ห้อ นุ่งยีน รองเท้าแตะ อยากตัดผมก็เดินไปตัดใกล้ๆ คอนโดฯ หิวก็เข้าร้านก๋วยเตี๋ยว เวลาเดินทางไปต่างประเทศก็ดูแลตัวเอง แม้แต่กระเป๋าก็หิ้วเอง แถมตัวเล็กแค่นี้ยังเดินเร็ว แซงหน้าคนอื่นเขาเสียด้วย

แต่นั่นแหละ มองอีกมุมก็ "ยาก"

"เต้นระบำบนแผ่นสังกะสีร้อนๆ ยังเหนื่อยน้อยกว่าทำงานให้ กจญ." หลายคนรำพึง

"ทำงานกับท่านยากมากกว่าง่าย ท่านไม่พูดไม่แนะว่าควรทำอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะต้องการให้เราคิดเป็น บางทีเราหาทางออกไว้แล้วตั้ง 3-4 ทาง ท่านยังเห็นทางที่ 5-6-7 ไปอีก"

บทสรุปของการทำงานก็คือ คุณชุมพลชอบระบบเปิด-ปิดความคิด ชอบระดมสมอง

ซึ่งก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลทุกครั้ง

"ในที่ประชุม ส่วนใหญ่พวกเราจะไม่กล้าพูด เพราะกลัวจะปล่อยขี้เท่อ" พนักงานคนหนึ่งให้ข้อมูล และว่า "คุณชุมพลบางครั้งก็ว้าเหว่ ไม่มีใครกล้าโต้ กล้าเถียง"

ภายใต้บรรยากาศชวนอึดอัดที่มีคุณชุมพลเคร่งขรึมหัวโต๊ะ ลูกน้องแต่ละคนหนีการสบตาสุดชีวิต บางคนปลุกพระ เอ๊ย ปลุกใจสู้ ด้วยการคิดถึงบางเรื่อง

บางเรื่องที่คุณฉายศักดิ์ "ขาย" ให้ฟัง

งานนั้นคุณฉายศักดิ์เดินทางไปญี่ปุ่นพร้อมกับคุณชุมพล หลังจากเข้าห้องพัก เขาก็เดินมาเคาะห้องของนายหวังชวนลงไปรับประทานอาหาร

หากภาพที่เห็น คุณฉายศักดิ์ตะลึง...

คุณชุมพลคลาน 4 ขาอยู่กลางห้อง

"อย่าเพิ่งเข้ามานะ เสียงสั่งโดยไม่เงยหน้ามอง มือก็ควานพื้นอย่างจริงจัง ราวกำลังฝึกไสยศาสตร์ มิฉะนั้นก็กำลังโดนผีบากุอำ"

"กจญ.ทำอะไรหรือครับ" คุณฉายศักดิ์ชักกลัวตงิดๆ

"ผมกำลังหาคอนแท็กต์เลนส์"

คนเล่าไม่ได้ขยายความด้วยว่าตัวเองวิ่งกลับห้องไปหัวเราะหรือเป ล่า แต่คนที่ได้ยินเรื่องผีคอนแท็กต์เลนส์ อมยิ้มกันทั่วหน้า

ก็มีแต่นึกภาพคุณชุมพลคลานวนเวียนบนพื้นนั่นแหละ ที่ช่วยปลุกปลอบ ขจัดความกลัวไปได้ รู้สึกอุ่นใจขึ้นนิดว่า จริงแล้วการแสดงความคิดเห็นให้นายที่ "ง่ายๆ" คนนี้ฟังก็ไม่ใช่เรื่อง "ยาก" เกินความสามารถหรอกน่า

"ปัญหา" กับ "ปัญญา"

เมื่อทำใจกล้าได้แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเผชิญหน้า กจญ.เสียที

นอกเหนือจากในห้องประชุม การเผชิญหน้าอีกแบบหนึ่ง คือการขอเข้าพบที่ห้องทำงาน

การเข้าพบไม่ใช่เรื่องยาก ที่ยากกว่าคือการ

เตรียมตัวเข้าพบ

เยื้องหลังโต๊ะทำงานของคุณชุมพล บนตู้เก็บเอกสาร มีแผ่นป้ายทองเหลืองแผ่นหนึ่งจารตัวอักษรเป็นภาษาอังกฤษ ความว่า

"Don"t bring me problems, bring me solutions."

บางคนบอกว่า นี่คือคาถา

คาถาที่ชะงักปัญหาไว้แค่หน้าประตู

ในการทำงานล้วนแต่เจอปัญหา แต่ใครไม่พึ่งพาตัวเอง คิดด้วยตัวเองก่อน ไม่ใช่ลูกน้องที่ดีในสายตานายอย่างคุณชุมพล ทุกคนจึงต้องทำการบ้าน ตีปัญหาให้แตก รวบรวมข้อมูล และหาทางออกให้เจอ ก่อนจะนำไปเสนอ

แต่ก็ไม่มีหลักประกันว่า เมื่อ "solution" ไปถึงห้องชั้น 3 แล้ว มันจะไม่กลายเป็น "problem" อีกรอบ

บ่อยครั้งที่การซักถามทำให้เห็นมุมปัญหาใหม่ เมื่อนั้นก็จะต้องนำกลับออกไป ทางออกกับปัญหาแปลงร่างกลับไปกลับมาหลายรอบจนกว่าจะได้ทางออกที ่ดีกว่า ดีขึ้นเรื่อยๆ และดีที่สุด กว่าจะถึงขั้นนี้ ใครที่มีเจตนาแอบแฝงซ่อนเร้น agenda ทั้งหลายก็จะเปล่าเปลือย กระบวนท่าหลุดลุ่ยกระจุยกระจาย คงเหลือแต่เนื้อแท้

มองจากมุม "คนนอก" อย่างคุณหญิงชฎา ท่านเล่าว่า ครั้งหนึ่งในการร่วมเดินทางไปทำ road show ที่ต่างประเทศ (ซึ่งทำด้วยกันหลายเมือง) คุณชุมพลได้ขอบทพรีเซนเตชั่นจากลูกน้องมาดู ก่อนจะลงมือแก้ใหม่

"พอเวลาที่คนในทีมพูดซ้ำ พูดผิด ก็จะฟังและจดสถิติให้ตลอด ทำให้ลูกทีมเสียสมาธิเป็นอันมาก"

แต่ในอีกมุมหนึ่ง การทำเช่นนี้ทำให้โรดโชว์ในเมืองที่สองดีกว่าเมืองแรก และดีขึ้นเรื่อยๆ

คนที่ solution ไม่แน่น หวนนึกถึง "ห้องแห่งปัญญา" ที่บริษัททีไร ใจคอจะกล้าคง problem ไว้เหมือนเดิมก็ให้มันรู้ไป

 

Back to Top View kaEw's Profile Search for other posts by kaEw
 
kaEw
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 18-May-06 at 09:48 | IP Logged Quote kaEw

http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02edi07180549&day=2006/05/18

ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"

คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย

เพื่อนและความเป็นเพื่อน

ครั้งหนึ่ง คนไม่มีบ้านอย่างคุณชุมพลเซ็นเช็คส่วนตัว สั่งจ่ายค่ากระเบื้องมุงหลังคาบ้าน บ้านของนักการเมืองคนหนึ่ง

ค่ากระเบื้องนั่นไม่ใช่ถูกๆ ตั้งเกือบครึ่งล้าน

เห็นสีหน้างุนงงสงสัยของเลขาฯ คุณชุมพล อธิบายสั้นๆ

"ก็เขาช่วยเพื่อนเรา"

แน่นอนว่าเช็คใบนั้นถูกสั่งจ่ายไปโดยที่เพื่อนไม่รู้

เป็นที่ทราบดีในหมู่เพื่อน ว่าคุณชุมพลเป็นคนอย่างนี้ เกรงใจในสิ่งที่คนอื่นจะทำให้ตน แต่ยินดีและเต็มใจจะทำให้คนอื่น ไม่มีเงื่อนไข ไม่เสียดาย ไม่เคยทวงคืนทั้งเงินทองและบุญคุณ โดยมีข้อตกลงเด็ดขาดเพียงข้อเดียว ห้ามใครที่ได้รับความช่วยเหลือนั้นไปเล่าให้คนอื่นฟัง

เงินค่ากระเบื้องหลังคานับว่าเล็กน้อยถ้าเทียบกับตลอดชีวิตที่ค ุณชุมพลทยอยจ่ายไปช่วยลูกน้อง ช่วยคนใกล้ชิด ช่วยคนลำบากให้พ้นทุกข์ ช่วยนักเรียนให้ได้เรียนหนังสือ ไม่เคยมีการรวบรวมตัวเลขเป็นหลักฐาน ไม่เคยมีใบอนุโมทนาให้เอาไปลดหย่อนภาษี แต่ยืนยันได้ว่ากองทุนที่มีชื่อเล่นๆ ว่า Chumpol Scholarship นี้ หมดไปแล้วหลาย 10 ล้าน

โดยไม่มีเรื่องของหน้าตา คุณชุมพลไม่ยินดีแลกเงินกับหน้าตา หรือคำเยินยอ

ครั้งหนึ่ง เมื่อคุณพ่อของคุณชุมพลป่วย ต้องเข้าโรงพยาบาล เป็นนานกว่าที่คนใกล้ชิดจะรู้เรื่อง เพราะเขาไม่พึ่งพาขอให้ใครช่วย คุณชุมพลติดต่อเองหมดทุกอย่าง

โรงพยาบาลที่เลือก ไม่ใช่ ร.พ.เอกชนชื่อดังทั้งหลาย

แต่เป็น ร.พ.ตำรวจ

ลูกน้องเล่าว่า แรกนั้นคุณพ่อของท่านก็นอนห้องรวมเช่นเดียวกับคนไข้สามัญอื่นๆ

"แต่เมื่อทราบว่าต้องอยู่นาน พรรคพวกก็หาห้องเดี่ยวให้ เป็นห้องเล็กๆ ไม่หรู ถามว่าท่านดูแลเตี่ยดีไหม ต้องบอกว่าดี แต่ไม่ใช่แบบตีฆ้อง ร้องป่าว ระดับตัวท่าน จะหาห้องหรู จะหาโรงพยาบาลแพงแค่ไหนก็หาได้ แต่ท่านเลือกที่จะให้อยู่ใกล้คอนโดฯ มีเครื่องไม้เครื่องมือดูแลให้ครบมากกว่า"

สิ่งที่คุณชุมพลให้กับคุณพ่อของท่านบนเตียงผู้ป่วยมากกว่าสิ่งท ี่มหาเศรษฐีหลายคนให้กับบุพการีที่โรงพยาบาลเอกชนหรูหรา ไม่ใช่การลงข่าวสังคมในหน้าหนังสือพิมพ์ ไม่ใช่แจกันดอกไม้อวยพร ไม่ใช่คณะพยาบาลเฝ้าไข้ ไม่ใช่กระทั่งการให้คนไข้เอาอาหารไปส่ง

แต่เป็นการที่ลูกคนหนึ่งแวะไปเยี่ยมพ่อแทบทุกวัน

 

Back to Top View kaEw's Profile Search for other posts by kaEw
 
kaEw
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 25-May-06 at 21:51 | IP Logged Quote kaEw

http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02edi07250549&day=2006/05/25

ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"

คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย

บัญญัติ 7 ประการ

การประชุมเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ปีที่แล้ว นับเป็นวาระสำคัญและมีความหมายต่อการก้าวไปข้างหน้าของเครือซิเ มนต์ไทย งานที่มีชื่อว่าผู้บริหารพบ กจญ.

ระดับบริหารของที่นี่จะเริ่มตั้งแต่ผู้บริหารขั้นต้นคือ จ๑ (จัดการ ๑), สูงขึ้นคือ จ.๒ , จ.๓ และ จ.๔ โดยมีหัวหน้าคณะจัดการคือ กจญ.

ในวาระที่ ๖ ท่านในคณะจัดการเครือซิเมนต์ไทยประกอบด้วย คุณสมบูรณ์ ชัชวาลย์ จะเกษียณที่บริษัทเยื่อกระดาษสยาม กับอีก ๕ คือ คุณดุสิต นนทะนาคร (ค้าวัสดุซิเมนต์ไทย), คุณชลาลักษณ์ บุนนาค (ซิเมนต์ไทยโฮลดิ้ง), คุณอวิรุทธ์ วงศ์พุทธพิทักษ์ (ซิเมนต์ไทยพร็อพเพอร์ตี้), คุณอภิพร ภาษวัธน์ (เคมีภัณฑ์ซิเมนต์ไทย) และที่สำคัญ คุณชุมพล ก้าวลงจากตำแหน่งก่อนอายุเกษียณ ส่งต่องานให้ผู้บริหารรุ่นใหม่

"เราเตรียมรับวันนี้อย่างเป็นขั้นตอน การสรรหาคนเป็นเรื่องที่คิดกันมานาน เราเลือกฝ่ายจัดการชุดใหม่จากภายในทั้งหมด ใช้เวลาเลือกเกือบ 2 ปี แต่คนที่มีศักยภาพก็ใช่ว่าจะทำได้ ต้องพิสูจน์ตัวเองด้วย" คือคำกล่าวต่อที่ประชุมของคุณชุมพล

"การพิสูจน์ตัวเอง" ที่ว่า คือการถูกจับตามองจากคณะอดีตผู้จัดการใหญ่

ผู้บริหารรุ่นใหม่จะถูกจับตาเรื่องใดบ้าง

มี 7 ข้อด้วยกัน เรียกว่า "บัญญัติ 7 ประการ" ก็น่าจะได้แก่

1. การทำธุรกิจต้องอาศัยเหตุผล

2. การทำงานต้องทำโดยเสมอภาค ไม่เล่นพวก

3. การทำงานต้องไม่ลืมตัว

4. การทำงานต้องกล้าตัดสินใจ

5. การแก้ปัญหาควรแก้ด้วยวิธีง่ายๆ

6. การทำงานต้องเป็นทีม

7. การยอมรับข้อผิดพลาดของตน

"เราจะดูการเป็นผู้นำทีมและทีมเวิร์ก มากกว่าจะดูผลการดำเนินการ" คุณชุมพลกล่าวและย้ำให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน ไม่ว่าผู้กำลังจะขึ้นมาใหม่ และผู้ร่วมงานที่จะต้องเป็นลูกน้องนายใหม่ ให้ทำงานโดยปราศจากอคติ อย่าคิดเปรียบเทียบฝีมือคนใหม่กับคนเก่า

"ถ้าผู้บริหารใหม่คนหนึ่งคนใดไม่เป็นที่ยอมรับ ผมและที่ปรึกษาต่างๆ ก็ต้องคิดและดูว่ายังเหมาะสมอีกหรือไม่ ขณะเดียวกัน เราก็จะดูว่าพวกลูกน้องทำตัวเหมาะสมหรือเปล่า"

มองแง่หนึ่ง นี่คือการผลัดไม้

มองอีกแง่ ในปีแรกนี้ ไม้ที่ผลัดนั้นก็ไม้เรียวดีๆ นี่เอง

 

Back to Top View kaEw's Profile Search for other posts by kaEw
 
kaEw
Guest
Guest


Joined: 01-Oct-03
Online Status: Online
Posts: 2345
Posted: 08-Jun-06 at 11:36 | IP Logged Quote kaEw

http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02edi04080649&day=2006/06/08

ชุมพล คน ทำ มะ ดา (จบ)

คอลัมน์ ชีวิตหนึ่ง เรียบง่าย โดย ชุมพล ณ ลำเลียง

9% ของปัญหาเป็นเรื่องง่าย

เป็นยิ่งกว่าคัมภีร์แห่งยุทธภพ บัญญัติ 7 ประการคือหัวใจการบริหารงาน ยิ่งเมื่อได้ฟังการขยายความโดยละเอียด นักบริหารทั้งหลายยิ่งไม่ควรพลาด

บัญญัติที่ 1 การทำธุรกิจต้องอาศัยเหตุผล

"พวกเราต้องอาศัยทั้งเหตุผลและข้อมูล" คุณชุมพลอธิบาย "อย่าได้นำความเชื่อ อารมณ์ และความชอบส่วนตัวมาทำธุรกิจ ผมสังเกตว่า หลายครั้ง บางสิ่งบางอย่างเกิดจากเรื่องส่วนตัว หากเป็นบ้านส่วนตัวผมไม่ว่า แต่บริษัทต้องอาศัยเหตุและผล"

บัญญัติที่ 2 การทำงานต้องทำโดยเสมอภาค ไม่เล่นพวก

"ข้อนี้คือนิสัยไทยๆ ที่ชอบเล่นพวก ต้องมาจากสถาบันเดียวกัน รุ่นก็ต้องรุ่นนี้รุ่นโน้น เราต้องดูที่ผลงานและความสามารถของตัวบุคคลร่วมทีม ว่าทำได้ดีขนาดไหน โปรดจำไว้..." เขาย้ำ "เราทั้งเครือมีอยู่พวกเดียว"

บัญญัติที่ 3 การทำงานต้องไม่ลืมตัว

"บางคนใหญ่แล้วลืมตัว" คุณชุมพลกล่าวตรงๆ "เวลาไปไหนต้องมีลูกน้องเป็นขบวน ทำอะไรต้องเลิศต้องหรู เป็นการใช้สิทธิพิเศษ ใช้ตำแหน่งหน้าที่ในทางที่ผิด สังเกตได้ว่าหลายคนที่อื้อฉาวและตกม้าตายก็มาจากเรื่องใช้เงินบ ริษัทเหมือนเงินส่วนตัว ทำตัวเหมือนเจ้าของ ไม่ใช่ลูกจ้าง"

บัญญัติที่ 4 การทำงานต้องกล้าตัดสินใจ

"ผมคิดว่าธุรกิจยุคใหม่มีการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น ต้องกล้าตัดสินใจ การตัดสินใจมีสิทธิจะผิดได้ แต่การลังเล การเอาไปดอง ยิ่งจะทำให้ขวัญเสีย งานไม่เดิน" และย้ำว่า

"ตัดสินใจผิดยังแก้ได้ แต่การไม่ตัดสินใจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย"

บัญญัติที่ 5 การแก้ปัญหาควรแก้ด้วยวิธีง่ายๆ

"จริงๆ แล้วในการทำธุรกิจ ปัญหาที่เจอร้อยละ 99 เป็นปัญหาแก้ง่าย แต่ในองค์กรใหญ่มักทำปัญหาง่ายให้เป็นเรื่องยาก ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ทำรายงานร้อยหน้า แต่หาบทสรุป หาทางออกไม่เจอ ยุ่งยาก เสียเวลา อย่าทำ ไม่เป็นผลดีต่องานส่วนอื่นของเครือฯ" เขากล่าว

ผู้บริหารชนิดหลงตัวเองคงไม่คิดเช่นนี้ เคยได้ยินแต่ที่โม้ว่า เขาเกิดมาเพื่อพิชิตปัญหายากๆ เพื่อให้เห็นว่าเก่งและมีความจำเป็นต่อหน่วยงาน (รวมทั้งค่าตัว) แต่คนจริงผู้นำนาวาที่ฝ่ามหาภัยเศรษฐกิจมาแล้วคนนี้ กลับประกาศว่า ปัญหาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่เรื่องยาก

อย่าไปทำให้ยาก

จริงอยู่ว่านี่อาจเป็นคำปลุกใจผู้บริหารชุดใหม่ที่กำลังจะลงสนา มสู้

แต่ขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นความสมถะ ความไม่อวดโอ้ของผู้พูดไปในตัว

"บัญญัติ" กับ "วิบัติ"

บัญญัติที่ 6 การทำงานต้องเป็นทีม

"เรายังทำงานเป็นทีมอยู่หรือไม่ ?" คุณชุมพลกวาดสายตาถามบรรดาพนักงานจัดการ

"ถูกต้องแล้วที่เวลางานสำเร็จเราใช้คำว่า เราทำอย่างนี้ เราทำอย่างนั้น แทนที่จะพูดว่า ผมเป็นคนริเริ่ม ผมเป็นคนคิด ผมรับรองได้เลยว่าทุกอย่างที่คุณคิดได้ คุณไม่ใช่คนแรกที่คิดในโลกนี้ ไม่มีหรอกเรื่องใหม่ๆ มีคนอื่นคิดก่อนแล้ว เราเป็นหัวหน้าก็จริง แต่ความดีความชอบทั้งหมดต้องมองในแง่ส่วนรวม คนที่ฉลาดแม้เขาจะเป็นคนทำเอง เขาก็จะเอาผลงานนั้นแบ่งให้คนอื่นได้รับความชอบด้วย แล้วในที่สุดเขาก็จะได้ประโยชน์เอง"

บัญญัติที่ 7 การยอมรับข้อผิดพลาดของตน

"บ่อยครั้งที่การทำงานซึ่งเกิดบนพื้นฐานข้อมูลและเหตุผล ก็ประกอบไปด้วยความไม่แน่นอนด้วย จึงมีโอกาสตัดสินใจผิดได้ ถ้าเรายอมรับผิดได้ รับผิดก่อน ก็จะได้มีโอกาสลดขนาดของปัญหา และแก้ปัญหาได้

การซ่อนความผิดมักจะเป็นจุดเริ่มต้นของความเสียหายขนาดใหญ่

"เราต้องให้เครดิตกับคนที่รับผิด" เขากล่าวในที่สุด

ได้เห็นแล้วว่า บัญญัติ 7 ประการของชุมพล ณ ลำเลียง ไม่ได้เหมาะสำหรับเครือซิเมนต์ไทยเท่านั้น ผู้บริหารหน่วยงานใดก็ตามที่ยึดในแนวทางนี้ ย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จ แต่หากไม่ชอบ อยากเดินไปในทางตรงกันข้าม คุณชุมพลก็มีบัญญัติอีกชุด ซึ่งดูเหมือนว่า เขาใส่ใจเตือนตนด้วยการขยายขนาดตัวอักษรให้โตใหญ่กว่าบัญญัติชุ ดแรกเสียอีก

ใครก็ตามที่เดินเข้าห้องทำงานของคุณชุมพลจะเห็นสิ่งที่เรียกว่า "พฤติกรรมสู่ความวิบัติ" มี 7 ประการเช่นกัน เจ้าของห้องได้มาจากฮาวาร์ด และติดไว้หลังโต๊ะทำงาน ดังนี้

1. ล่าช้าในการตอบสนองความต้องการของตลาด

2. ไม่สนใจต่อความพึงพอใจของลูกค้า

3. ไม่รักษาคุณภาพให้สม่ำเสมอ

4. เสียเปรียบในโครงสร้างของต้นทุน

5. ขาดประสิทธิภาพในการบริหารสินทรัพย์

6. ไม่ส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมรับผิดชอบ

7. หยิ่งยโสและลำพองใจ

จะเลือก "บัญญัติ" หรือ "วิบัติ" จะเลือกทางสวรรค์หรือเหวนรก ทุกหน่วยงาน ทุกองค์กร มีสิทธิเท่าเทียมกัน

Work Life Balance

บางคำถามในที่ประชุมคณะจัดการ คุณชุมพลอาจไม่ได้คาดหมายมาก่อน แต่เมื่อได้รับแล้วเขาก็ย้อนคืนให้ผู้ถามด้วยความเร็วสูงกว่าขา มา

"ทุกวันนี้เราเสียภาษีคนละมากๆ" ผู้บริหารท่านหนึ่งเอ่ยขึ้น "มีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยให้ภาษีลดลง ?"

ภาษีที่ว่ามากนั้นคือ 37% ของรายได้

"มีทางเดียว" คุณชุมพลตอบทันที "คือคุณต้องลดรายได้ ลดเงินเดือนสักหน่อย"

ได้ผลไม่มีใครถามทำนองนี้อีกเลย

อีกประเด็นซึ่งเป็นที่น่าสนใจคือ การทำชีวิตให้สมดุลระหว่างที่บ้านและที่ทำงาน (work life balance) พอดีว่าในช่วงนั้นมีการทำแบบสำรวจเรื่องนี้ ทุกคนจึงอยากฟังคุณชุมพล สีหน้าของเขาดูจริงจัง ขณะตอบคำถามละเอียดอ่อน

"เรื่องชีวิตส่วนตัวและเรื่องบริษัท จุดสมดุลของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จริงๆ ผมยังคิดว่าคนที่บาลานซ์ชีวิตส่วนตัวได้ดีคงไม่ได้เป็นถึงฝ่ายจ ัดการแน่ เพราะฝ่ายจัดการต้องทำงานหนัก บริษัทจะใช้คุณให้คุ้ม ให้เงินเดือนที่น่าพอใจ แต่จะมีความสุขหรือไม่ในชีวิตต้องไปหาเอาเอง"

ในความเงียบภายในห้อง บางคนแอบคิดถึงบางประโยคที่ครั้งหนึ่ง กจญ.คนเดียวกันนี้เคยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่วกถามชีวิตส่วนต ัวของเขา

ครั้งนั้นคุณชุมพลตอบว่า

"ยอมรับว่าชีวิตผมให้กับบริษัทมากกว่าครอบครัว ดีหรือไม่ดีมันก็สายเกินไปแล้วที่จะไปแก้ไขอะไร"

แล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น เมื่อคุณชุมพลตวัดสายผ่านร่องตีนกาผู้บริหารแต่ละคน

"อันที่จริงพวกเราก็อายุมากแล้ว" เขาอารัมภบทเรียกเสียงหัวเราะ

"ไม่ใช่ว่าผู้บริหารทุกคนจะได้เกษียณอายุที่กรรมการผู้จัดการให ญ่กันหมด สิบปีจึงจะมีสักคนหนึ่ง แล้วก็ไม่ใช่ว่าพนักงานทุกคนจะได้เกษียณในตำแหน่งสูงอย่างพวกคุ ณด้วย เราต้องมองว่าจุดสูงสุดที่จะเป็นจริงได้ของเราอยู่ที่ไหน การที่มีรายได้ถึงระดับต้องเสียภาษี 37% เราต้องแฮปปี้ไม่ใช่พยายามลดให้เสียภาษี 25% นั่นมันหาทุกข์มาใส่ตัวแทนที่จะคิดถึงความสุข"

"ที่พูดนี้ผมอยากฝากเป็นข้อคิด เพื่อให้เรารีไทร์ด้วยความสุขและภูมิใจ ถ้าคุณเป็นถึงระดับนี้แล้วไม่แฮปปี้ ใครก็คงไม่สามารถช่วยคุณได้"

ในห้องประชุมวันนั้นยังมีคำถามอีกบางคำ แต่ไม่มีเลยที่ถามว่าคุณชุมพลเกษียณตัวเองด้วยความสุขแค่ไหน ?

ใช่ ไม่จำเป็นต้องถาม

เซียนจ๋า...ลาก่อน

กว่า 30 ปีนับจากวันที่รถโฟล์กเต่าคันนั้นขับเข้ามาบริษัท พนักงานบางคนหลอมตัวเองเป็นหนึ่งเดียวกับหน้าที่การงานจนคนนึกภ าพไม่ออกว่า หลังเกษียณเขาจะไปทำอะไร ถ้าไม่เผลอตัวขับรถมาที่บางซื่อ

คุณชุมพลหัวเราะ

"ความสุขของการเกษียณของผมคือ ชีวิตไม่ต้องมาวางแผนเหมือนในปัจจุบัน ตอนนี้เดือนหน้า วันนี้ กี่โมง ต้องเจอใคร ล็อกหมดเลย แต่ถ้าเกษียณแล้วตื่นขึ้นมาแล้วค่อยคิด"

ตื่นขึ้นมาแล้วค่อยคิด...

เป็นคำตอบที่สอดคล้องกับชีวิตจริง

หากขณะเดียวกันก็เป็นปรัชญา

คือความง่าย คือความปล่อยวาง คือความผ่อนคลาย

การลงจากยอดเขา เป็นของธรรมดา เป็นเรื่องหนีไม่พ้นสำหรับผู้ที่ขึ้นไปถึงบนนั้น ที่ต่างกันคือท่วงทีของการลง มีทั้งลงด้วยความเร็วสูงเพราะถลาร่วง ลงอย่างเชื่องช้าอิดออด ลงอย่างจำใจด้วยยังกอบโกยไม่พอ รวมทั้งที่ลงด้วยถูกจับโยนลงมา

การลงอย่างสง่า ฝากความดีงามและลือลั่น มีสักกี่คน

นับจาก "นายห้างเสือ" ผู้จัดการใหญ่คนแรก คนเครือซิเมนต์ไทยเขียนตำนานผู้จัดการใหญ่แต่ละคนด้วยจุดเด่นที ่สุดของท่าน สำหรับคุณชุมพล ณ ลำเลียง 33 ปีของเขาย่อมมีเรื่องราวมากมาย แต่ละคนจดจำแต่ละด้านที่ตนได้เห็นและข้องเกี่ยว

ในวันอำลา คุณกานต์ ตระกูลฮุน และพนักงานจัดการทุกคนอาจกล่าวว่า "ขอบคุณและแฟร์เวลครับอาจารย์"

พี่น้องพนักงานพูดเสียงเดียวกันว่า "แฟร์เวล กจญ."

แม้แต่ช่างอาวุโสผู้เคยค่อนว่า "เซียน" ในครั้งกระโน้นก็อาจเรียกด้วยคำเดิมอีกครั้ง ผิดเพี้ยนแต่ว่าครั้งนี้เรียกจากความรู้สึกแท้จริง "เซียนจ๋า...ลาก่อน"

แต่ไม่ว่าจะเรียกอย่างไร บทสรุปที่ได้กลับเป็นคำเดียวกัน

คือคำว่า "แบบอย่าง"

คือคนที่มาโดยไม่มีใครรู้จัก

ธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา เป็นอย่างยิ่ง

 

Back to Top View kaEw's Profile Search for other posts by kaEw
 

Post Reply
*Indicates required fields
Name*:
 
 
         
Message*:

Emoticons
Smile Tongue Wink
Cry Big smile LOL
Dead Embarrassed Confused
Clap Angry Ouch
more...
   Enable Forum Codes to format post
 

  Post New Topic
Printable version Printable version

Forum Jump
You can post new topics in this forum
You can reply to topics in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot create polls in this forum
You can vote in polls in this forum

Powered by Web Wiz Forums version 7.7a
Copyright ©2001-2004 Web Wiz Guide

This page was generated in 1.6094 seconds.