ชุมพล "คน
ทำ มะ ดา" ตอนที่ 1
คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย
โดย บินหลา สันกาลาคีรี
"ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย" เป็นบันทึก
"คนทำมะดาที่ไม่ทำมะดา" อย่าง ชุมพล ณ ลำเลียง กจญ.ปูนซิเมนต์ไทย หนังสือเล่มนี้ที่ได้ถูกลิขิตขึ้นเพื่อแจกวันอำลาอาลัยกจญ.คนทำมะดาคนนี้
ซึ่ง เรียบเรียงโดย บินหลา สันกาลาคีรี นักเขียนซีไรต์ 2548 "ประชาชาติธุรกิจ"
เห็นว่ารายละเอียดในเล่มมีแง่มุมที่ซ่อนเคล็ดลับที่ไม่ลับชวนให้อยากสื่อถึงผู้ที่ไม่ได้รับหนังสือเล่มนี้มีโอกาสได้รู้จักคนทำมะดาคนนี้
โดยได้รับอนุญาตจากทีมงานประชาสัมพันธ์ปูนซิเมนต์ไทยเพื่อเผยแพร่เนื้อหา ทั้งนี้เริ่มตั้งแต่ฉบับประจำวันที่
5 มกราคม 2549 เป็นต้นไป
ที่ซึ่งมีแต่คนไม่ธรรมดา
ตำนานกว่า 90 ปีของปูนใหญ่ ว่ากันว่าคนที่ก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งหรือ
"นายห้าง" ของที่นี่จะต้องมีคุณสมบัติพิเศษ มีความโดดเด่นด้านใดด้านหนึ่ง
เรียกง่ายๆ ว่าต้องเป็นคน "ไม่ธรรมดา"
คุณจุฬา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา อดีตกรรมการ ผู้จัดการบริษัทกระเบื้องกระดาษไทย
ผู้ผ่านการร่วมงานกับ "นายห้าง" รุ่นแรกๆ หลายคนเคยเล่าไว้ว่า
นายห้างสูง (มิสเตอร์คาร์สเตน ฟรีส เยสเปอร์เซ่น
ชาวเดนมาร์ก) โดดเด่นที่ความเข้มงวด
นายห้างเหม หรือ มิสเตอร์เฮมมิงเซ่น เป็นยอดประนีประนอม
คุณบุญมา วงษ์สวรรค์ นายห้างชาวไทยคนแรก
คือผู้ที่ถือกฎอย่างเคร่งครัด
คุณสมหมาย ฮุนตระกูล ผู้ต่อมาเป็น รมว. คลังที่ดีและเก่งที่สุดของประเทศไทยคนหนึ่ง
ไม่ธรรมดาที่ความเป็นนักธุรกิจการค้า
คุณจรัส ชูโต คือนักบริหารที่สวมวิญญาณสมัยใหม่
คุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ผู้ใส่ใจในเรื่อง
"คน" และสร้างตำนานการเพิ่มผลผลิตที่ต่อเนื่องและยาวนาน
แต่ละท่านล้วนไม่ธรรมดา
จำเนียรกาลจวบถึงชุมพล ณ ลำเลียง…นายของเรา
ไม่ยากที่จะพูดว่าคุณชุมพลก็ไม่ใช่คนธรรมดา
กรรมการผู้จัดการใหญ่ที่ใช้เวลาไม่ถึงสิบปี
ฝ่าฟันนำพาเครือบริษัทซึ่งมีหนี้เกือบ 5,000 ล้าน เหรียญสหรัฐ กลับมามีกำไร มีปันผลให้ผู้ถือหุ้น
ย่อมไม่ธรรมดาแน่ๆ แต่ขณะเดียวกัน คำคำนี้กลับขัดแย้งอย่างหนักกับความเป็นคุณชุมพลในแต่ละวัน
แต่ละนาที
พูดได้ว่าคนภายนอก "รู้จัก" นายของเราน้อยมาก
คนภายในอย่างเราก็ไม่แน่ว่าจะ "รู้ใจ"
เมื่อหนังสือเล่มนี้ถึงมือของท่าน บรรณาธิการและคณะผู้จัดทำอาจตกงานไปแล้ว
เพราะคุณชุมพลไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับท่าน ไม่ชอบการยกยอปอปั้น ไม่ชอบเป็นข่าว
ไม่ชอบ ฯลฯ รวมทั้งหวงความเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ แต่หลังจากได้ร่วมระดมสมอง (ที่พวกเรายังพอมีอยู่)
แล้วก็ได้ตกลงกันว่าจะต้องเดินหน้าตามแผน ด้วยข้อสรุปว่า บุคคลท่านนี้สมควรเป็นอีกท่านหนึ่งที่ได้รับการยกย่องของเครือซิเมนต์ไทย
ไม่เพียงแต่ในฐานะของคนที่ไม่ธรรมดา
ที่มากกว่านั้นคือ ในฐานะของคนที่แสนจะ "ทำมะดา"
กัปตันไททานิก
ต้นเดือนธันวาคม พุทธศักราช 2540
เป็นธรรมดาและบ่อยครั้ง ที่ คุณอวิรุทธิ์
วงศ์พุทธพิทักษ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการเงิน จะเข้าพบเพื่อหารือผู้บริหารสูงสุดของเขา
ที่ห้องทำงานชั้น 3 เพียงแต่ครั้งนี้ไม่น่าจะธรรมดานัก ด้วยหน้าตาของคุณอวิรุทธิ์เป็นเช่นนี้
ทั้งเครียดและกังวลใจ
เจ้าของห้องเงยหน้าขึ้น
"กอจอญอครับ" ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่
เสียงเครือเจือวิตก
เป็นธรรมเนียมที่นี่ที่จะเรียกกรรมการผู้จัดการใหญ่ว่ากอจอญอ
หรือในภาษาเขียนก็เป็น "กจญ." ไม่นิยมเรียก "boss" อย่างที่อื่นเขา
"สิ้นเดือนนี้เราไม่มีเงินพอจ่ายเงินเดือนให้พนักงานครับ"
ถ้าอีก 80,000 หูของคนเครือซิเมนต์ไทยมาได้ยินประโยคนี้พร้อมกัน
ทุกหู ทุกหัวใจคงหล่นวูบโดยมิได้นัดหมาย นอกจากพนักงานกว่า 40,000 ชีวิตแล้ว เครือซิเมนต์ไทยหรือปูนใหญ่ยังพ่วงแบกบริษัทในเครือไว้อีกกว่า
200 บริษัท มิพักต้องพูดว่าผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มิพักต้องพูดถึงหนี้สินและตัวเลขสีแดงที่
กำลังจะบ่าเข้ามาไม่ขาดสาย เฉพาะปัญหาเงินเดือนพนักงานซึ่งเป็นเพียงส่วนยอดของภูเขาน้ำ
แข็ง ก็มหึมาพอจะล่มนาวาลำนี้ได้แล้ว
เงินเดือนพนักงาน…
ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่เหลือบตาดูเจ้านายของเขา
จำได้ว่า กจญ.ไม่เคยเป็น "พนักงาน" เครือซิเมนต์ไทยด้วยซ้ำ เมื่อ 25
ปีที่แล้ว ตำแหน่งแรกที่ชายร่างเล็กผู้นี้ได้รับทันทีที่เข้าสู่ชายคาบริษัทคือหนึ่งในทีมบริหาร
เขามาในฐานะได้รับความคาดหวังว่า วันหนึ่งจะขึ้นเป็นกัปตันใหญ่
เมื่อ 25 ปีที่แล้ว กจญ.เคยนึกไหมว่า วันนี้นาวาจะจมสู่ก้นสมุทรพร้อมกับธงชื่อของเขาบนโต๊ะทำงาน
กจญ.ที่ชื่อ "ชุมพล ณ ลำเลียง" สะอาดและเปล่าโล่งเช่นทุกวัน ไม่มีกระดาษแม้สักแผ่น
ถ้าเช่นนั้นใบลาออกก็คงยังไม่ได้เขียน
ไม่ใช่ไททานิก
ต้นเดือนธันวาคม พุทธศักราช 2545
เสียงปรบมือกระหึ่มและยาวนาน
ปรบมือให้กับเครือซิเมนต์ไทย
นาทีนั้น ไม่มีใครรู้ว่าในใจของชุมพล ณ ลำเลียง
คิดอย่างไร
ใช่คิดถึงเสียงหวั่นวิตก ในวันเดียวกันนี้เมื่อ
5 ปีที่แล้วหรือไม่ ?
สิ่งที่ผ่านมาไม่ง่ายกับการฝ่าฟันแน่ๆ หากตั้งแต่เมื่อเส้นกราฟราคาหุ้นและผลกำไรของปูนใหญ่ค่อยๆ
โงองศาขึ้นมั่นคงอีกครั้ง สปอตไลต์ทุกดวงก็ฉายจับร่างของเขา ทั้งสื่อนานาชาติหลายสาขา
โดยเฉพาะใน พ.ศ.2547 ที่มีรายงานด้วยความภาคภูมิใจว่า "เป็นปีที่มีผลประกอบการสูงสุดนับแต่
ก่อตั้งมา"
มิพักพูดถึงในฐานะบรรษัทภิบาล ผู้บริหารแห่งปี
และเจ้าของรางวัล Deming Prize จากประเทศญี่ปุ่นถึง 3 ปีซ้อน
ถ้าจะถามถึงเหตุผลที่ทำให้ผลลัพธ์ของเครือ
ซิเมนต์ไทยไม่เป็นเช่นไททานิก รายละเอียดคงนับเนื่องเป็นพันหน้า และจะเป็นตำราบริหารธุรกิจเล่มสำคัญ
ถ้าถามกับคุณชุมพลโดยตรง คำตอบก็คงเป็นอย่างที่เขาเคยตอบแล้วหลายครั้ง
"เราทำงานเป็นทีม เครือซิเมนต์ไทยเป็นองค์กรใหญ่เกินกว่าที่คนคนเดียวจะทำอะไรได้เองหมด"
หากสิ่งหนึ่งซึ่งเห็นได้ชัดที่สุด ความแตกต่างระหว่างเรือยักษ์ลำนั้นกับชุมพล
ไททานิกไม่มีเพื่อน
แต่ชุมพล ณ ลำเลียง มีเพื่อน
สงครามเฉพาะหน้า
บนโต๊ะไม่มีใบลาออก
ไม่มีกัปตันเรือคนไหนโจนเอาตัวรอด ในห้วงแห่งความเป็นตาย
นาทีที่ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่รายงานจบ คุณชุมพลถามโดยไม่เสียเวลาคิดทวนหรือลังเล
"เราต้องใช้เงินเท่าไหร่ ?"
พร้อมกับตัวเลขที่ได้รับ เขายกหูโทรศัพท์
การโทร.ครั้งนั้นเป็นจุดผกผันสำคัญห้วงหนึ่งของประวัติศาสตร์เครือซิเมนต์ไทย
นับแต่การก่อตั้งบริษัทเมื่อ 92 ปีที่แล้ว
(พ.ศ. 2456) วิกฤตหน่วงหนักของเครือซิเมนต์ไทยเกิดขึ้น 2 ครั้งด้วยกัน หนแรกคือช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่
2 เมื่อเครื่องบินของสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดถล่มโรงงานจนสถานีแปลงไฟและหม้อเผาปูนพังพินาศ
แม้จะมีการอธิบายว่า แท้จริงต้องการหย่อนใส่สถานีรถไฟบางซื่อแต่พลาดเป้า ก็ยากจะเชื่อเช่นนั้น
ด้วยเป็นที่รู้กันว่าทหารญี่ปุ่นใช้ปูนของเครือ ซิเมนต์ไทยเป็นยุทธภัณฑ์สำคัญ ผลพวงของระเบิดทำให้บริษัทเกือบต้องเลิกกิจการ
ราวๆ 50 ปีต่อมา วิกฤตการณ์ที่สองก็เกิดขึ้น
แม้ไม่ใช่สงครามโลก แต่ผลพวงของมันก็แผ่กระทบไปทั้งโลกในนามของ "Tom Yum Kung
Disease"
ในช่วงทศวรรษ 2530-39 เครือซิเมนต์ไทยสยายกิจการอย่างเริงร่า
กินพื้นที่ถึงธุรกิจประเภทที่ไม่เคยมีความชำนาญ ทรัพยากรทุกด้าน ทั้งเทคโนโลยี
เงิน และกำลังคน ขยายตัวเต็มที่ อาคารสำนักงานใหญ่หลังที่ 3 เตรียมผุดรองรับความใหญ่โตที่ไม่อาจหยุดยั้ง
แต่แล้วทุกอย่างก็หยุดยั้ง พร้อมกับประกาศลดค่าเงินบาทของรัฐบาลในปี 2540
จากหนี้สินต่างประเทศกว่าแสนล้านบาท วันรุ่งขึ้นปูนใหญ่แบกหนี้ทันทีกว่าสองแสนล้าน
บรรดานายธนาคารขี้ผวา ระงมเรียกหนี้คืนก่อนกำหนด
ราคาหุ้น (บลูชิป) ถล่มติดพื้น จากพันกว่าบาท
เหลือร้อยกว่าบาท
ตัวแทนจำหน่ายหลายร้อยรายทั่วประเทศต่างเดือดร้อนด้วยพิษเศรษฐกิจ
การยกหูโทรศัพท์เพียงครั้งเดียวสร้างปาฏิหาริย์ได้จริงหรือ
?
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2549
ปีที่ 29 ฉบับที่ 3755(2955)