คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย
โดย บินหลา สันกาลาคีรี
"ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย" เป็นบันทึก "คนทำมะดาที่ไม่ทำมะดา" อย่าง ชุมพล ณ ลำเลียง กจญ.ปูนซิเมนต์ไทย หนังสือเล่มนี้ที่ได้ถูกลิขิตขึ้นเพื่อแจกวันอำลาอาลัยกจญ.คนทำมะดาคนนี้ ซึ่ง เรียบเรียงโดย บินหลา สันกาลาคีรี นักเขียนซีไรต์ 2548 "ประชาชาติธุรกิจ" เห็นว่ารายละเอียดในเล่มมีแง่มุมที่ซ่อนเคล็ดลับที่ไม่ลับชวนให้อยากสื่อถึงผู้ที่ไม่ได้รับหนังสือเล่มนี้มีโอกาสได้รู้จักคนทำมะดาคนนี้ โดยได้รับอนุญาตจากทีมงานประชาสัมพันธ์ปูนซิเมนต์ไทยเพื่อเผยแพร่เนื้อหา ทั้งนี้เริ่มตั้งแต่ฉบับประจำวันที่ 5 มกราคม 2549 เป็นต้นไป
ที่ซึ่งมีแต่คนไม่ธรรมดา
ตำนานกว่า 90 ปีของปูนใหญ่ ว่ากันว่าคนที่ก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งหรือ "นายห้าง" ของที่นี่จะต้องมีคุณสมบัติพิเศษ มีความโดดเด่นด้านใดด้านหนึ่ง
เรียกง่ายๆ ว่าต้องเป็นคน "ไม่ธรรมดา"
คุณจุฬา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา อดีตกรรมการ ผู้จัดการบริษัทกระเบื้องกระดาษไทย ผู้ผ่านการร่วมงานกับ "นายห้าง" รุ่นแรกๆ หลายคนเคยเล่าไว้ว่า
นายห้างสูง (มิสเตอร์คาร์สเตน ฟรีส เยสเปอร์เซ่น ชาวเดนมาร์ก) โดดเด่นที่ความเข้มงวด
นายห้างเหม หรือ มิสเตอร์เฮมมิงเซ่น เป็นยอดประนีประนอม
คุณบุญมา วงษ์สวรรค์ นายห้างชาวไทยคนแรก คือผู้ที่ถือกฎอย่างเคร่งครัด
คุณสมหมาย ฮุนตระกูล ผู้ต่อมาเป็น รมว. คลังที่ดีและเก่งที่สุดของประเทศไทยคนหนึ่ง ไม่ธรรมดาที่ความเป็นนักธุรกิจการค้า
คุณจรัส ชูโต คือนักบริหารที่สวมวิญญาณสมัยใหม่
คุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ผู้ใส่ใจในเรื่อง "คน" และสร้างตำนานการเพิ่มผลผลิตที่ต่อเนื่องและยาวนาน
แต่ละท่านล้วนไม่ธรรมดา
จำเนียรกาลจวบถึงชุมพล ณ ลำเลียง...นายของเรา
ไม่ยากที่จะพูดว่าคุณชุมพลก็ไม่ใช่คนธรรมดา
กรรมการผู้จัดการใหญ่ที่ใช้เวลาไม่ถึงสิบปี ฝ่าฟันนำพาเครือบริษัทซึ่งมีหนี้เกือบ 5,000 ล้าน เหรียญสหรัฐ กลับมามีกำไร มีปันผลให้ผู้ถือหุ้น ย่อมไม่ธรรมดาแน่ๆ แต่ขณะเดียวกัน คำคำนี้กลับขัดแย้งอย่างหนักกับความเป็นคุณชุมพลในแต่ละวัน แต่ละนาที
พูดได้ว่าคนภายนอก "รู้จัก" นายของเราน้อยมาก คนภายในอย่างเราก็ไม่แน่ว่าจะ "รู้ใจ"
เมื่อหนังสือเล่มนี้ถึงมือของท่าน บรรณาธิการและคณะผู้จัดทำอาจตกงานไปแล้ว เพราะคุณชุมพลไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับท่าน ไม่ชอบการยกยอปอปั้น ไม่ชอบเป็นข่าว ไม่ชอบ ฯลฯ รวมทั้งหวงความเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ แต่หลังจากได้ร่วมระดมสมอง (ที่พวกเรายังพอมีอยู่) แล้วก็ได้ตกลงกันว่าจะต้องเดินหน้าตามแผน ด้วยข้อสรุปว่า บุคคลท่านนี้สมควรเป็นอีกท่านหนึ่งที่ได้รับการยกย่องของเครือซิเมนต์ไทย
| โดย: เจ้าบ้าน [19 ม.ค. 49 1:41] ( IP A:202.133.189.84 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่
1 ไม่เพียงแต่ในฐานะของคนที่ไม่ธรรมดา
ที่มากกว่านั้นคือ ในฐานะของคนที่แสนจะ "ทำมะดา"
กัปตันไททานิก
ต้นเดือนธันวาคม พุทธศักราช 2540
เป็นธรรมดาและบ่อยครั้ง ที่ คุณอวิรุทธิ์ วงศ์พุทธพิทักษ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการเงิน จะเข้าพบเพื่อหารือผู้บริหารสูงสุดของเขา ที่ห้องทำงานชั้น 3 เพียงแต่ครั้งนี้ไม่น่าจะธรรมดานัก ด้วยหน้าตาของคุณอวิรุทธิ์เป็นเช่นนี้
ทั้งเครียดและกังวลใจ
เจ้าของห้องเงยหน้าขึ้น
"กอจอญอครับ" ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ เสียงเครือเจือวิตก
เป็นธรรมเนียมที่นี่ที่จะเรียกกรรมการผู้จัดการใหญ่ว่ากอจอญอ หรือในภาษาเขียนก็เป็น "กจญ." ไม่นิยมเรียก "boss" อย่างที่อื่นเขา
"สิ้นเดือนนี้เราไม่มีเงินพอจ่ายเงินเดือนให้พนักงานครับ"
ถ้าอีก 80,000 หูของคนเครือซิเมนต์ไทยมาได้ยินประโยคนี้พร้อมกัน ทุกหู ทุกหัวใจคงหล่นวูบโดยมิได้นัดหมาย นอกจากพนักงานกว่า 40,000 ชีวิตแล้ว เครือซิเมนต์ไทยหรือปูนใหญ่ยังพ่วงแบกบริษัทในเครือไว้อีกกว่า 200 บริษัท มิพักต้องพูดว่าผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มิพักต้องพูดถึงหนี้สินและตัวเลขสีแดงที่ กำลังจะบ่าเข้ามาไม่ขาดสาย เฉพาะปัญหาเงินเดือนพนักงานซึ่งเป็นเพียงส่วนยอดของภูเขาน้ำ แข็ง ก็มหึมาพอจะล่มนาวาลำนี้ได้แล้ว
เงินเดือนพนักงาน...
ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่เหลือบตาดูเจ้านายของเขา จำได้ว่า กจญ.ไม่เคยเป็น "พนักงาน" เครือซิเมนต์ไทยด้วยซ้ำ เมื่อ 25 ปีที่แล้ว ตำแหน่งแรกที่ชายร่างเล็กผู้นี้ได้รับทันทีที่เข้าสู่ชายคาบริษัทคือหนึ่งในทีมบริหาร เขามาในฐานะได้รับความคาดหวังว่า วันหนึ่งจะขึ้นเป็นกัปตันใหญ่
เมื่อ 25 ปีที่แล้ว กจญ.เคยนึกไหมว่า วันนี้นาวาจะจมสู่ก้นสมุทรพร้อมกับธงชื่อของเขาบนโต๊ะทำงาน กจญ.ที่ชื่อ "ชุมพล ณ ลำเลียง" สะอาดและเปล่าโล่งเช่นทุกวัน ไม่มีกระดาษแม้สักแผ่น
ถ้าเช่นนั้นใบลาออกก็คงยังไม่ได้เขียน
ไม่ใช่ไททานิก
ต้นเดือนธันวาคม พุทธศักราช 2545
เสียงปรบมือกระหึ่มและยาวนาน
ปรบมือให้กับเครือซิเมนต์ไทย
นาทีนั้น ไม่มีใครรู้ว่าในใจของชุมพล ณ ลำเลียง คิดอย่างไร
ใช่คิดถึงเสียงหวั่นวิตก ในวันเดียวกันนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้วหรือไม่ ?
สิ่งที่ผ่านมาไม่ง่ายกับการฝ่าฟันแน่ๆ หากตั้งแต่เมื่อเส้นกราฟราคาหุ้นและผลกำไรของปูนใหญ่ค่อยๆ โงองศาขึ้นมั่นคงอีกครั้ง สปอตไลต์ทุกดวงก็ฉายจับร่างของเขา ทั้งสื่อนานาชาติหลายสาขา โดยเฉพาะใน พ.ศ.2547 ที่มีรายงานด้วยความภาคภูมิใจว่า "เป็นปีที่มีผลประกอบการสูงสุดนับแต่ ก่อตั้งมา"
มิพักพูดถึงในฐานะบรรษัทภิบาล ผู้บริหารแห่งปี และเจ้าของรางวัล Deming Prize จากประเทศญี่ปุ่นถึง 3 ปีซ้อน
ถ้าจะถามถึงเหตุผลที่ทำให้ผลลัพธ์ของเครือ ซิเมนต์ไทยไม่เป็นเช่นไททานิก รายละเอียดคงนับเนื่องเป็นพันหน้า และจะเป็นตำราบริหารธุรกิจเล่มสำคัญ ถ้าถามกับคุณชุมพลโดยตรง คำตอบก็คงเป็นอย่างที่เขาเคยตอบแล้วหลายครั้ง
| โดย: เจ้าบ้าน [19 ม.ค. 49 1:42] ( IP A:202.133.189.84 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่
3 ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"
คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย
เพื่อน
เป็นความจริงที่ว่า บรรดานายธนาคารขี้ผวาเพิ่มปัญหาโถมทับเครือซิเมนต์ไทย...แต่ขณะนี้ที่กำลังอยู่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์ ก็เป็นนายธนาคาร คุณบรรยงค์ ล่ำซำ รุ่นใหญ่แห่งกสิกรไทย
โดยปกติทั้งคุณชุมพลและคุณบรรยงค์ก็ต่างเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว ทว่าคำพูดน้อยๆ นั้นมีความหมายยิ่ง
"ได้" เสียงจากปลายสายหนักแน่น
ฟังดูเหมือนง่ายดายยิ่ง
ฟังดูเหมือนช่างโชคดีเหลือเกินที่มีเพื่อนเป็นนายแบงก์ แต่ในความเป็นจริง คำพูดสั้นๆ นั้นมีที่มายาวไกล
ย้อนกลับไปใน พ.ศ.2512 เมื่อธนาคารกสิกรไทยกับธนาคารไดอิชิร่วมตั้งบริษัททิสโก้ขึ้นมา คุณชุมพลวัย 22 เป็นหนึ่งในทีมบริษัทใหม่
"ครั้งแรกที่ได้รับคำแนะนำให้รู้จัก ผมนึกในใจว่าทำไมทิสโก้ถึงจ้างเด็กมาทำงาน" คุณบรรยงค์เปิดใจเล่าความหลัง "เพราะตอนนั้นหน้าตาคุณชุมพลดูเด็กเหลือเกิน นึกว่าเพิ่งจบมัธยมมาใหม่ๆ"
"หลังจากได้รู้จักและพูดคุยคบค้าด้วย ผมประทับใจในบุคลิกและลักษณะของคุณชุมพล ตลอดจนความรู้ความสามารถ ผมเห็นมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ"
ในความเป็นจริงของ 30 ปีให้หลังที่มาพร้อมกับคำพูดสั้นๆ "ได้" ของคุณบรรยงค์ นั้นเหยียดยาวยิ่งนัก คือความนับถือห่วงใยซึ่งกันและกัน คือความมั่นใจ เชื่อมั่น
บางทีสิ่งที่ดีที่สุดของการมีเพื่อน อาจไม่ได้อยู่ที่เพื่อน หากแต่อยู่ที่คุณ อยู่ที่ความสม่ำเสมอของคุณ อยู่ที่คำถามว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณได้ทำอย่างไรกับเพื่อนและมิตรภาพ
รับ : รับความจริง
ภายในห้องกรรมการผู้จัดการใหญ่บนชั้น 3 การถอนใจเฮือกของคุณอวิรุทธิ์อาจเปรียบได้กับโอกาสหายใจอีกเฮือกหนึ่งของเครือซิเมนต์ไทย
แต่เจ้าของห้องรู้ดีว่า ลูกโซ่หายนะที่เกี่ยวร้อยต่อเนื่องเป็นเส้นยาว ขณะนี้ยังไม่เห็นสุดปลายสาย โทรศัพท์ครั้งเดียวนั้นแม้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ แต่ไม่ใช่ปาฏิหาริย์
โดยปกติการประชุมผู้บริหารระดับสูงของเครือซิเมนต์ไทย (ที่เรียกกันว่าคณะจัดการนั้น) จะมีขึ้นเมื่อตรวจสอบแล้วว่าอยู่เมืองไทยกันพร้อมหน้า แต่วาระนี้ไม่รอครบองค์ประชุม ทุกเซลล์สมองที่มีตราช้างประทับ ถูก กจญ.เรียกหาเพื่อจะบีบ จะคั้น จะกลั่น "ช้างเผือก" ออกมาให้ได้
คุณชุมพลใช้คำว่า "นาทีนั้นเราเหมือนเรือกลางทะเลที่ถูกคลื่นลมมรสุมกระหน่ำ มองไม่เห็นฝั่งเลย" ทั้งปัจจัยภายนอกคือค่าเงินที่ผันผวนไม่นิ่ง ยิ่งทำให้ยากจะประเมิน
| โดย: เจ้าบ้าน [19 ม.ค. 49 1:43] ( IP A:202.133.189.84 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่
5 ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"
คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย
รุก : one way ticket
การเอ่ยคำว่า "รุก" ในสถานการณ์ต้มยำกุ้งเป็นพิษ ล่อแหลมต่อการถูกกล่าวหาว่าเพ้อฝัน องค์กรธุรกิจของไทยตระหนักกับคำว่า "ถูกรุก" และ "จนกลางกระดาน" มากกว่า
หลายรายที่พกความหวังและหัวใจวิงวอน บินไปเจรจาหนี้เมืองนอก กลับถูกปล่อยให้นั่งรอหน้า ห้องอย่างไร้ศักดิ์ศรี ไม่มีโอกาสได้พบแม้แต่โอเวอร์ โค้ตของเจ้าหนี้ อย่าว่าถึงความเห็นใจ แม้เพียงความเข้าใจ นายธนาคารต่างชาติก็ไม่เปิดโอกาสให้
หากแต่สำหรับธุรกิจแล้ว ในบางครั้งถ้าไม่เลือกเป็นฝ่ายรุก ท่านจะถูกรุก
ถ้าไม่รุก ไฉนจะชดเชยรายได้ที่วูบหาย
ยิ่งกว่านั้น การรุกยังก่อเกิดกลิ่นอายพิเศษชนิดหนึ่ง เป็นสัมผัสที่ทำให้ผู้คนรู้สึกยำเกรงยิ่ง โดยสำหรับองค์กรมีแต่ผู้นำที่ถือธงเดินหน้าเท่านั้นที่รักษาน้ำใจไพร่พลในยามระส่ำระสายได้
การรุกจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะรุกเจ้าหนี้ จัดเป็นศิลปะที่ต้องฝึกปรือ
ลูกหนี้อย่างเครือซิเมนต์ไทยก็บินไปเมืองนอกอย่างลูกหนี้รายอื่น ต่างกันคือไม่ได้ไปมือเปล่า แต่พกเงินไปใช้หนี้จำนวนหนึ่ง เมื่อมีเงินไป ประตูห้องก็เปิด เมื่อนั้นปาก หัวใจ และความจริงก็ได้มีโอกาสทำงาน
การรุกอีกด้านคือ ข้อมูลข่าวสาร ตรงข้ามกับลูกหนี้หลายรายที่ปกปิด โยกย้าย ขุดหลุมฝังบัญชีสีแดงกันอุตลุด คุณชุมพลสั่งให้ธุรกิจในเครือซิเมนต์ไทยปฏิบัติตรงกันข้าม เปิดเผยข้อมูลและสถานะของบริษัทโปร่งใส วิธีนี้ไม่เพียงสร้างความมั่นใจให้เจ้าหนี้ได้เท่านั้น ยังสร้างพลังฮึดให้พนักงาน
มาถึงการรุกขั้นสำคัญ รุกอย่างพลรบพลราบดาบสองมือ คือฝ่ายขายลงถึงพื้นที่ ปัญหาการขายภายในประเทศคือต้นทุนเพิ่มทำให้ต้องขึ้นราคา แต่เครือซิเมนต์ไทยก็ใช่ว่าไม่มีคู่แข่งที่กำลังรบอุตลุดเพื่อหนีตายเช่นกัน หากผลีผลามพลั้งพลาด โอกาสจะเสียลูกค้าก็มีสูง
"ผมคิดว่าเราควรพิจารณาปรับราคาสินค้าเป็น 2 ครั้ง ห่างกัน 1-2 เดือน แทนที่จะปรับครั้งเดียวเพื่อเช็กสถานการณ์ตลาด" คือกลยุทธ์ในแฟ้มประชุมของเครือซิเมนต์ไทย
สำหรับการขายในต่างประเทศซึ่งจะได้เงินตราสกุลแข็ง สำคัญอย่างยิ่งในภาวะที่เงินบาทโอนเอน พนักงานที่พอจะพูดภาษาอังกฤษได้ถูกส่งไปต่างประเทศทันที แต่การเดินทางย่อมมีค่าใช้จ่าย คาถาที่กำกับติดตัว ท่องสามเวลาหลังอาหารก็คือ "จำไว้ หน้าที่ของคุณ ไปแล้วต้องขายให้ได้"
จดจำเด็ดขาดและมีอารมณ์ขันยิ่งกว่าคาถามัดใจ คือมอบตั๋วเดินทางขาไปเที่ยวเดียวเมื่อทำยอดขายได้ มีเงินสดติดกระเป๋า ตั๋วเดินทางเที่ยวกลับจึงถูกส่งตามไปถึงมือวีรชนตราช้าง
| โดย: เจ้าบ้าน [19 ม.ค. 49 1:44] ( IP A:202.133.189.84 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่
7 คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย
คนไม่มีมาด
หลายคนยังจำได้ วันแรกๆ ที่รถโฟล์กเต่าคันนั้นวิ่งเข้าในอาณาบริเวณปูนใหญ่เมื่อ 33 ปีที่แล้ว นายช่างอาวุโสบางคน "เหล่" คนขับรถอย่างไม่ค่อยพอใจ
และทักทายไปในตัว
นั่นเพราะยังไม่มีใครรู้ว่าเด็กหนุ่มวัยเบญจเพส รูปร่างสันทัด หน้าตาเด๋อด๋าคนนี้มีดีอย่างไรถึงได้ "เหาะ" ข้ามหัว เข้ามาเป็นหนึ่งในทีมบริหารของบริษัท
แว่วเสียงเรียกบางฉายาลอยลมมาแต่ไกล
"ตี๋เล็ก"
ใครก็ใครเถอะ ถูกเรียกเช่นนี้คงโกรธ แต่คนในรถโฟล์กเต่ายังยิ้มได้ ไม่ยักโกรธ
อย่างน้อยนายช่างพวกนี้ก็ไม่ใช่คนแรกที่เรียกเขาว่าตี๋เล็ก
และเชื่อได้ว่าไม่ใช่คนสุดท้าย
ในกาลต่อมา หลังจากขึ้นเป็นนัมเบอร์วันของปูนซิเมนต์ไทยแล้ว วันหนึ่ง คุณชุมพลต๊อกๆ ไปที่บ้านถนนชิดลมของ คุณสุนิสา แฮนค็อก น้องสาวคุณหญิงภรณี ล่ำซำ
เขาสวมเสื้อยืดตัวโปรด รองเท้าแตะคู่โปรด ในมือมีเทปวิดีโอ
พนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าประตูมองหน้า
"มาหาใคร"
"มาหาคุณสุนิสา"
"มีธุระอะไร"
"เอาวิดีโอเทปมาคืน"
คราวนี้ รปภ.หนุ่มมองจดเท้า
"อ้อ เอาวิดีโอมาส่งหรือ โน่น ไปเข้าทางประตูหลัง"
เขาชี้ให้คุณชุมพลรู้ว่าเด็กส่งม้วนวิดีโอควรจะใช้ประตูไหน กว่า รปภ.จะรู้ว่าอาตี๋คนนี้เป็นใคร เจ้าของบ้านก็ได้หัวเราะไปหลายรอบ
วิธีอธิบาย
"อาตี๋"-"ตี๋เล็ก"
กับพนักงานรักษาความปลอดภัยบ้านคุณสุนิสาคนนั้น เรื่องเล็กๆ แค่นี้ คุณชุมพลไม่จำเป็นต้องอธิบาย
แต่กับเหล่าผู้อาวุโสของเครือซิเมนต์ไทย ที่จะต้องร่วมแรงร่วมใจกันอีกนาน คุณชุมพลอธิบายใช่แค่ฉายาตี๋เล็ก ความแตกต่างหลากหลายทำให้ทุกเรื่องถูกจับไปปรามาสไปเขม่นได้เสมอ ด้วยสำเนียงพูดไทยที่แปร่งๆ ภาษาเขียนยิ่งใช้ไม่ค่อยถูก จะพูดจะเจรจาอะไรใช้ภาษาอังกฤษตลอด มิหนำซ้ำชื่อย่อของชุมพล ณ ลำเลียง ในภาคภาษาอังกฤษ ยังเป็น ซี-เอ็น (CN) ซึ่งเมื่อพูดเร็วๆ ก็คือ "เซียน" นั่นเอง
"พวกเราคงได้ดีแหละคราวนี้ มีเซียนมาอยู่แล้วนี่"
ถ้อยถาก ที่ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ
รถโฟล์กเต่าใช้เสียงหัวเราะเยาะเป็นเชื้อเพลิงขับเคลื่อน มาถึงที่ทำงานแต่เช้า ด้วยหน้าที่ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน สิ่งจัดการลำดับแรกคือ ระบบบัญชี คุณชุมพลส่องสายตาเล็ง "ฉายศักดิ์ แสง-ชูโต" หัวหน้าศูนย์คอมพิวเตอร์ บริษัทน้ำมันเอสโซ่ คนนี้คือมือหนึ่ง จบจากญี่ปุ่นโดยตรง
คุณฉายศักดิ์เล่าให้ฟังภายหลัง
"เป็นเรื่องยากที่ผมจะลาออกจากเอสโซ่ไปอยู่ที่ใหม่ที่เงินเดือนน้อยกว่า แต่คุณชุมพลตามตื๊อทุกรูปแบบ นัดคุยที่สปอร์ตคลับ นัดคุยที่ห้องอาหารเทียร่า" มือหนึ่งพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
"โก้มาก"
| โดย: เจ้าบ้าน [26 ม.ค. 49 5:52] ( IP A:202.133.189.5 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่
9 ชุมพล "คน ทำ มะ ดา"
คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย
ง่ายๆ
การไม่สนใจภาพลักษณ์ภายนอกของคุณชุมพล ทำให้หลายคนเผลอคิดว่านี่คือเจ้านายที่ "ง่ายๆ"
วันหนึ่งคุณชุมพลกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ ด้วยความไม่อยากกลับเข้าบริษัทจึงให้พนักงานเอาหนังสือเดินทางตามไปให้ที่ดอนเมือง คนของปูนซิเมนต์ไทยดิ่งตรงไปห้องพักรับรองพิเศษ งานง่ายกลายเป็นงานยาก เพราะไม่เจอตัว เขาเดินหาด้วยความรีบร้อนกังวลใจ แน่นอนว่ารูปลักษณ์ของคนที่ถูกมองหาคือ นักบริหารชายมาดดี สวมสูท ผู้น่าจะพลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแล้วดูอีก และหงุดหงิดกระวนกระวายใจอยู่กับสัมภาระเดินทางใบโต
ภายในโถงของอาคารผู้โดยสาร ไม่ไกลจากคนที่กำลังมองหา คุณชุมพลเตร็ดเตร่อยู่ตรงนั้น สวมเสื้อเชิ้ต สะพายกระเป๋าไว้กับตัว ไม่มีสูท ไม่มีแซมโซไนท์ใบท่วมศีรษะ ไม่มีรูปลักษณ์แบบฉบับซีอีโอใหญ่ ที่สำคัญคือไม่กระวนกระวาย แต่สบาย สบาย
เฮ้อ เชื่อเลย...แบบนี้ใครจะมองเห็น
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ข่าวซุบซิบ "ซิเมนต์ไทยรายวัน" จะรายงานว่า วันนี้หรือวันไหนพบคุณชุมพลใส่เสื้อยืดแจกของบริษัท เดินตักไอศกรีม หรือนั่งทานก๋วยเตี๋ยวเหมือนพนักงานทั่วไปแถวใต้สะพานสูง บางคนเล่าว่าเห็น กจญ.เดินเคี้ยวข้าวโพดคั่วแถวถนนเพลินจิต บางวันก็หิ้วถุงกล้วยแขกฝรั่งดองไปฝากลูกน้องบนที่ทำงาน แม้ยามไปงานบวชหรือไปเยี่ยมผู้ใหญ่ คุณชุมพลก็ไปในชุดเก่งชุดเก่า ยังดีที่ไม่ถึงกับสะพายย่าม
"ยิ่งกว่านั้น" ลูกน้องนินทาไม่อยากเชื่อ "วันนั้นมีคณะผู้บริหารของธนาคารมาเยี่ยมบริษัท เราจัดต้อนรับที่เรือนรับรอง พอถึงเวลาคุณชุมพลก็เดินลงไป ดิฉันท้วงว่าควรจะใส่สูทจะเหมาะสมกว่า กจญ.บอก งั้นคุณเอาสูทผมลงไปทานข้าวแทน แล้วกัน"
เหตุผลที่คุณชุมพลชอบกางเกงยีน รองเท้าแตะ คือ "ใส่ง่าย ถอดง่าย สบายดี"
ยิ่งกว่านั้น ตัวอย่างที่ลือลั่นที่สุด คุณชุมพลใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง กับกล่องกระดาษลูกฟูก 5 ใบ และคนขับรถอีก 1 คน เพื่อย้ายบ้าน
ย้ายบ้าน !!
ผู้บริหารสูงสุดของเครือซิเมนต์ไทยมีมหาสมบัติแค่นั้นในการย้ายบ้าน
ง่ายๆ สบายๆ
แต่คุณชุมพลเป็นคนที่ง่ายไปทุกเรื่องจริงหรือ ?
ข้างใน ข้างนอก
คุณชุมพลเป็นคนที่ "ง่ายๆ" ทุกเรื่องจริงหรือ ?
ถ้าถามพนักงานโรงแรมโฟร์ซีซันส์ ก็อาจได้รับคำตอบเลี่ยงๆ ว่า "น่าจะจริงนะครับ"
โฟร์ซีซันส์เป็นโรงแรมแสนหรูของสิงคโปร์ แต่เสื้อยืดและรองเท้าแตะคู่เก่งก็ติดตามคุณชุมพลลงไปประชุมกับทีมงานที่ล็อบบี้มาแล้ว ครั้งหนึ่งเพื่อนรักอย่าง คุณยศ เอื้อชูเกียรติ ถึงกับต้องพูดลอยลมว่า "ช่วยดูแลเสื้อผ้าคุณชุมพลหน่อยเฮอะ"
| โดย: เจ้าบ้าน [2 ก.พ. 49 22:36] ( IP A:202.133.189.109 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่
11 ชุมพล \\"คน ทำ มะ ดา\\"
คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย
นักเรียน
\\"หลังเกษียณผมอาจจะไปทำอะไรก็ได้ ไปเจอเพื่อนเก่าๆ สมัยที่ยังเป็นนักเรียน\\"
วันหนึ่งในวาระที่กำลังจะลงจากเก้าอี้ คุณชุมพลให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ น่าสนใจที่เขาพูดถึงชีวิตเมื่อครั้งเป็น \\"นักเรียน\\"
คุณชุมพลเริ่มเรียนชั้นประถมจากโรงเรียนสอนศาสนา Seventh-Day Adventists พร้อมกับนักเรียนภาษาจีนจากโรงเรียนจีนย่านสวนมะลิ จากนั้นก็ไปเรียนมัธยมที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะเข้า University of Washington ปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล แถมพ่วงด้วยบัญชีอีกหนึ่งสาขาวิชา และตบท้ายคว้า MBA จาก Harvard
การเรียนควบสองสาขาวิชาไม่ใช่เรื่องเล่นๆ กลางวันต้องวิ่งไปวิ่งมาหลายตึกเรียน กลางคืนต้องท่องหนังสือ คุณชุมพลใช้วิธีนอนตอนหัวค่ำ ตื่นกลางดึกเพื่ออ่านหนังสือ
หลายครั้งเพื่อนๆ พึ่งพาขอให้ช่วยติวให้ คุณชุมพลก็ช่วย แต่บางครั้งก็ไม่เข้าใจในคำขอ
เขาถามเพื่อนว่า \\"ไม่เข้าใจตรงไหน\\"
เมื่อเพื่อนบอกตรงนั้นตรงนี้ คุณชุมพลก็ดู แล้วหันบอกว่า
\\"เราไม่เข้าใจ ว่าทำไมไม่เข้าใจ\\"
เขาไม่รู้จะอธิบายเพื่อนอย่างไร เพราะเห็นว่าโจทย์ก็บอกตรงไปตรงมาอยู่แล้ว ได้แต่สรุปในเวลาต่อมาว่า คนบางคนชอบทำเรื่องง่ายให้ยาก
อย่างไรก็ตาม คำว่า \\"เราไม่เข้าใจ\\" นี้ ก็กลายเป็นประโยคเด็ดของคุณชุมพลในกาลต่อมา โดยเฉพาะสมัยที่เขาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ เวลาใครนำเสนอโครงการแล้วได้ยินเขาย้อนด้วยประโยคนี้ เสมือนบอกใบ้ลึกๆ ว่า โครงการของคุณยังไม่เข้าท่า ขอเชิญกลับไปคิดใหม่ แก้ไขใหม่ ถ้ายังดันทุรังพยายามให้คุณชุมพล \\"เข้าใจ\\" ให้ได้ โอกาสได้ไป \\"เกิดใหม่\\" ก็มีสูง
ปริญญาสองสามใบของบางคนอาจไม่ใช่เครื่องการันตีว่าคนคนนั้นเป็น \\"นักเรียน\\" เสมอไป แต่ความสนใจใคร่รู้อย่างจริงจังต่างหากที่ตัดสินว่าเขารักเรียนหรือไม่ ผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการบริษัท เล่าว่า ในยามที่ว่างจากงาน คุณชุมพลจะนั่งหันหน้าเข้าหากำแพง เปิดอินเทอร์เน็ต หาความรู้ใหม่ไปเรื่อย จึงไม่แปลกที่ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีซึ่งมาแก้ระบบคอมพิวเตอร์ให้คุณชุมพล พบว่าตัวเองมีความรู้เรื่องปาล์ม หรือกล้อง น้อยกว่าเจ้าของเครื่อง ความเป็นนักเรียนของคุณชุมพลถึงที่สุดด้วยปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากหลาย มหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศ ทั้งหมดที่เสนอให้นั้น เขาปฏิเสธด้วยความอ่อนน้อมและถ่อมตน ในความเห็นของคุณชุมพล การเรียนรู้อาจเป็นคนละเรื่องกับใบปริญญา
เชี่ยวชาญภาษาไทย ?
\\"หลังเกษียณ ผมอาจจะไปสอนหนังสือดีไหม ?\\"
คุณชุมพลเปรยกับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ แต่เมื่อเห็นคนตรงหน้าขมวดคิ้วเหมือนไม่อยากเชื่อ เขาก็อธิบายเพิ่มเติมว่า
\\"คงสอนภาคภาษาอังกฤษ\\"
ใช่ ใครก็ต่างรู้ว่าภาษาอังกฤษของคุณชุมพลอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม ภาษาจีนทั้งแมนดารินและแต้จิ๋วก็คล่องแคล่ว ความสามารถนี้ช่วยให้ความสัมพันธ์ ความคุ้นเคยกับคู่ค้าชาวฮ่องกงและเหล่าเถ้าแก่ทั้งหลายเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ คือผลพวงของการปลูกฝังตั้งแต่วัยเยาว์
| โดย: เจ้าบ้าน [11 ก.พ. 49 9:15] ( IP A:202.133.189.17 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่
13 วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 3767 (2967)
ชุมพล \\"คน ทำ มะ ดา\\"
คอลัมน์ ชีวิตหนึ่งซึ่งเรียบง่าย
ผู้มีศักยภาพสูงบนทางด่วน
คุณชุมพลอุตส่าห์ทำงานหนักมากว่า 30 ปี แต่ได้เลื่อนตำแหน่งแค่ 3 ครั้ง ฟังเผินๆ น่าน้อยใจแทนจริงๆ
เมื่อแรกเข้า คุณชุมพลอายุ 25 ปี รับเก้าอี้ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน
อายุ 30 ต้นๆ ขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ นับเป็นการเลื่อนครั้งแรก
อายุ 45 เป็นรองผู้จัดการใหญ่ เป็นการเลื่อนครั้งที่ 2
แล้วก็ได้เลื่อนอีกครั้งเดียวเท่านั้นเมื่ออายุ 46 ปี เป็นการเลื่อนครั้งสุดท้าย ใครที่ได้เห็นเส้นทางเลื่อนน้อยครั้งแบบนี้แล้ว คงหวังให้เกิดกับชีวิตตัวเองบ้าง บางคนเรียกเส้นทางแบบนี้ว่า \\"ทางด่วน\\" หรือ \\"fast lane\\"
ถ้าเกิดในวงราชการคงไม่แคล้วถูกหมายหัวเป็น \\"เด็กเส้น\\" \\"เด็กนาย\\" ไปโน่น แต่ในบรรษัทภิบาลไม่มีคำแปลอื่นนอกจากว่าเป็นผู้มีศักยภาพสูง (high potential)
\\"ผู้มีศักยภาพสูง\\" คำนี้ถ้าอธิบายก็คงยาวเหยียด ลองดูตัวอย่างง่ายๆ สักตัวอย่างแล้วกัน
หลายปีที่แล้วที่โรงเหล็กท่าหลวง ซึ่งมีสหภาพแรงงานเข้มแข็งมาก ข้อเรียกร้องจึงถูกรุกใส่ฝ่ายบริหารไม่หยุดหย่อน ควบคู่ไปกับเสียงฮึ่มๆ หยุดงานประท้วง
วันหนึ่ง ขณะที่ฝ่ายบุคคลกำลังมึนกับการหาทางลดข้อเรียกร้อง คุณชุมพลซึ่งเดินผ่านมาได้ยินเรื่องเข้า ก็พูดว่า
\\"ในเมื่อสหภาพยื่นข้อเรียกร้องกับเราได้ ทำไมเราไม่ยื่นข้อเรียกร้องจากสหภาพบ้าง\\"
เปลี่ยนจากบทรับเป็นบทรุกอย่างฉับพลัน
เสียงดีดนิ้วเป๊าะ เสียงปิ๊งปั๊งในหัวหลายๆ คนปะทุพอๆ กับข้าวโพดคั่ว นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการยื่นข้อเรียกร้องสวนทาง (counter demand) เมื่อเกิดปัญหาแรงงานขึ้นในเครือซิเมนต์ไทย
เป็นผลจากความคิดของคุณชุมพลผู้มีศักยภาพสูงบนทางด่วน
และเมื่อเป็นผู้บริหารสูงสุดแล้ว คุณชุมพลก็ยังคงยึดในแนวทางนี้ ผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพสูงล้วนถูกจับตาขัดเกลาและส่งเสริมให้ใช้ทางด่วนโดยไม่ต้องซื้อคูปอง
คนหวงเก้าอี้
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549 คุณกานต์ ตระกูลฮุน จะนั่งเก้าอี้กรรมการผู้จัดการใหญ่เครือซิเมนต์ไทยแทนที่คุณชุมพล แต่จะได้นั่งเก้าอี้ของคุณชุมพลหรือไม่นั้น ยังสงสัยอยู่ เก้าอี้ของคุณชุมพลเป็นคนละตัวกับเก้าอี้ในความหมายของตำแหน่ง
สำหรับบางคน ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าเก้าอี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เก้าอี้ก็แค่ม้านั่ง จึงนั่งอย่างกระแทก นั่งอย่างไม่ถนอม นั่งโดยไม่รู้จักหรือรักเก้าอี้
ในขณะที่บางคนเก้าอี้ถูกนับหน้าเป็นเครื่องบ่งชี้สถานะ เช่นเดียวกับรถยนต์หรูหรา เช่นเดียวกับคฤหาสน์มหึมา พนักพิงขลิบทองลายหลุยส์มีไว้เพื่อบอกว่าคุณคือใคร ตราบที่ยังนั่งบนเก้าอี้คุณได้รับความนับถือว่าคือผู้ยิ่งใหญ่ วันใดที่ก้นหลุดพ้นจากเก้าอี้ วันนั้นคุณไร้ความหมายและไม่มีใครมองเห็นหัว
สำหรับคุณชุมพลเก้าอี้ก็คือเก้าอี้
| โดย: เจ้าบ้าน [17 ก.พ. 49 23:03] ( IP A:202.133.189.57 X: ) |  |
|