 กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 9
อย่ารีบซื้อความสุข
วิชัย วชิรพงศ์ คนเราต้องตั้งเป้าหมายให้สูงๆ เข้าไว้
และในระหว่างที่ต้นไม้กำลังโต คุณอย่ารีบไปเด็ดยอดทิ้ง
อย่าด่วนเอาเงินมาซื้อความสุข ใจเย็นๆ ไว้ก่อน
"คนฟุ่มเฟือย แม้จะรวยก็มักขัดสน คนประหยัด
แม้จะจนก็มักมีเหลือเก็บ"
วิชัย วชิรพงศ์ ฝากถึงนักลงทุนรุ่นใหม่ว่า
ช่วงที่พอร์ตหุ้นของเรายังไม่โตมาก อย่าด่วนเอากำไรไปซื้อความสุข
เพราะนั่นคุณยังไม่ประสบความสำเร็จเลย คุณต้องใจเย็นๆ
พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ เก็บเอากำไรไปลงทุนต่อ
ซึ่งภาษาการลงทุนเรียกว่า.."Reinvestment"
"ผมเห็นมาเยอะ พอได้กำไรหุ้นมา 5-6 ล้านบาท
บางคนซื้อนาฬิกาเรือนละ 7-8 แสนมาใส่
มองดูแล้วคนอย่างนี้โอกาสที่จะชนะในระยะยาว "ยาก"
แค่เริ่มต้นก็เห็นจุดอ่อนแล้ว"
วิชัยบอกว่า วันที่ตัวเองมีเงินถึง 100 ล้านบาท
ถึงได้ให้รางวัลชีวิต ไปซื้อรถยนต์ Mercedes-Benz รุ่น S 280
มาขับ สมัยนั้นรถรุ่นนี้ราคาคันละกว่า 4 ล้านบาท
"ชีวิตผมแม้จะสำเร็จ..ได้กำไรหุ้นมาตลอด
แต่ก็ยังทนใช้รถยนต์คันเก่าไม่ยอมเปลี่ยน
บ้านที่อยู่ก็ไม่ใช่บ้านของตัวเอง อาศัยบ้านพ่อตา-แม่ยายอยู่
จำได้ว่าช่วงก่อนหน้าที่ดัชนี SET จะขึ้นมา 1,700 จุด
ก่อนหน้านั้น ผมไปขออนุญาตภรรยาว่า..ถ้าวันไหนผมมีเงินถึง 100
ล้านบาทนะ..ขอซื้อรถ Benz มาขับสักคัน"
...แฟนก็บอกว่าเอาเลย ถ้าเธอแน่จริงก็ทำให้ได้ซิ!
แล้ววันที่ผมมีเงินถึง 100 ล้านบาท (ช่วงดัชนี 1,700 จุด)
ก็ไปซื้อ S 280 มาขับ แต่ก่อนจะซื้อ
ช่วงนั้นก็ยังอยู่บ้านพ่อตา-แม่ยาย อยู่ตึกแถวย่านประตูน้ำ
ก็ให้แฟนไปบอกพ่อแม่เขาว่า ผมขออนุญาตซื้อรถ Benz นะ
เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราเป็นคน "โอเวอร์"
กลัวเขาจะมองว่าเป็นพวกอวดร่ำอวดรวย"
เมื่อพอร์ตโตขึ้น..มีเงินระดับ 300-400 ล้านบาท
วิชัยถึงได้เปลี่ยนมาใช้รถเบนซ์สปอร์ต และเมื่อมีเงินถึงระดับ
"พันล้าน" ถึงได้สัมผัสรถยนต์ในฝัน "เฟอร์รารี่" ราคาคันละ 22
ล้านบาท ซึ่งเหมาะสมกับฐานะที่พึงมี
ชีวิตคนเราจะก้าวหน้าต่อไปได้ วิชัยให้แง่คิดว่า
คนเราต้องตั้งเป้าหมายให้สูงๆ เข้าไว้ ในระหว่างที่ต้นไม้กำลังโต
คุณอย่ารีบไปเด็ดยอดทิ้ง คุณกำไรมา 10-20 ล้านบาท
อย่ารีบเอามาใช้จ่าย ใจเย็นๆ ไว้ก่อน
"ผมอยากให้คนเล่นหุ้น
ไม่ใช่ว่าได้กำไรมาแล้วคุณเอาเงินไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย
ผมทนใช้รถคันเก่า โดยตั้งเป้าหมายให้กับตัวเอง
เราต้องรู้จักอดทนเพื่อรอวันที่ประสบความสำเร็จก่อน"
ประสบการณ์ตลอด 20 ปีในตลาดหุ้น..ย้ำสอนกูรูหุ้นท่านนี้ว่า
ความสำเร็จในตลาดหุ้นเพียงชั่วขณะใดขณะหนึ่ง เราต้องไม่หลงระเริง
เพราะนั่นยังไม่ใช่ความสำเร็จที่แท้จริง..คุณต้องพิสูจน์เป้าหมายที่ตั้งใจไว้
ต้องทำให้ได้เสียก่อน
"...เพราะ "เงิน" จะเติบโตก็เฉพาะกับคนที่รู้จักใช้มัน
ในเวลาที่เหมาะสม" เขาเชื่อเช่นนั้น
วิชัยเล่าว่า
การตัดสินใจหันเหชีวิตมาเอาดีด้านการเล่นหุ้นเป็นอาชีพ
ช่วงแรกโดนดูถูกมาก สุดท้ายถึงได้ล้มล้างภาพให้เห็นว่าคนเล่นหุ้น
ก็สำเร็จได้
"ภรรยาผมเป็นหลานอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์
ครอบครัวเขามีหน้ามีตา มีฐานะ คุณพ่อ-คุณแม่ภรรยาก็เป็นหมอ
(อยู่โรงพยาบาลราชวิถี และโรงพยาบาลเด็ก) เขามีพี่น้อง 4 คน
อนาคตดีๆ กันทั้งนั้นเลย มีแต่ผมเป็นคนจีนต่างด้าว ไม่มีอะไรเลย
ห่วยที่สุด ไม่น่าไว้วางใจที่สุด
แล้วไปอาศัยอยู่บ้านเขาอีกต่างหาก"
ก่อนจะมาเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้
วิชัยบอกว่า ก่อนหน้านั้นสิ่งที่รู้สึกมากก็คือ
ไม่รู้ว่าคนรอบข้างจะมองตัวเองอย่างไร ซึ่งก็คิดไปในแง่ร้ายว่า
เขาคงมองเราว่าไอ้คนนี้ท่าทางมันจะแย่ที่สุด
ปัจจัยที่จะทำให้เรามีเครดิตจากสังคมรอบข้าง
ดีที่สุดเราต้องพิสูจน์ตัวเอง วิชัยมีคติประจำใจว่า
หนึ่ง..เราต้องเป็นคนดี สอง..ถ้าเราทำอะไรไว้ต้องได้สิ่งนั้น
และสาม..เครดิตสำคัญที่สุด ต้องรักษาไว้
นอกจากนี้เขายังชักจูงคนใกล้ชิด
นำเงินมาฝากเพื่อบริหารพอร์ตให้
ถ้าไม่มั่นใจก็รับประกันการขาดทุนให้ด้วย
เล่นไม่นานก็ได้กำไรเป็นเท่าตัว
วิชัยบอกว่า บางคนอยากจะเข้ามาเล่นหุ้นเอง
แต่ต้องบอกกลับไปว่า.."อย่าเล่นเลย ให้ผมบริหารพอร์ตให้ดีกว่า"
ตามปกติการบริหารพอร์ตให้คนอื่น สมมติเอาเงินมาฝาก 100 บาท
ถ้าเล่นหุ้นได้กำไรจะต้องได้ส่วนแบ่ง 30%
ถ้าขาดทุนต้องช่วยออกด้วย 20% ในวงการทำกันอย่างนี้
แต่สำหรับวิชัย ถ้ากำไรให้คืนไปหมดเลย ถ้าพอร์ตเล็กๆ 1-2
ล้านบาท ก็จะรับประกันการขาดทุนให้ด้วย
"ผมมีความเชื่อว่า
การช่วยเหลือคนอื่นมันเป็นตัวส่งเสริมให้เราเล่นหุ้นได้กำไรมาตลอด...คือเราไม่ได้ไปเอาเล็กๆ
น้อยๆ จากเขา มันเป็นบุญคุณที่ส่งเสริมให้เราสำเร็จ
เพราะใครรู้ข่าวอะไรก็มาบอกเรา มีคนฝากผมตอนนี้ไม่ต่ำกว่า 50-60
ล้านบาท" เขากล่าว
วิชัยสรุปตอนท้ายว่า คนเรานั้น การรักษาเครดิตสำคัญมากๆ
อย่าให้เสีย อีกอย่าง เราอย่าไปเอาเปรียบคนอื่น
อยู่ในวงการนี้ถึงจะมีพรรคพวก มีคนนับถือ 2 ข้อนี้
จะส่งเสริมให้เราประสบความสำเร็จ..จำไว้!
ตอนต่อไป..โปรดติดตาม "หุ้น The Winner ปตท."
|