ตอนนี้มีเงินสด 100 % ของพอร์ต คิดว่าควรเริ่มซื้อหุ้นได้รึยัง ผมว่าเกือบๆ แล้วครับ รอปัจจัยภายในสุกงอม แตกหัก วันนั้น วันที่ panic ก็สอยเลยครับ โดย *John* อังคาร ต.ค. 21, 2008 6:38 pm

ประโยคเด็ดของ จอร์จ ตัน ราคาเป็นผลลัพธ์ ผลลัพท์จากผลรวมของแรงกระทำของเหตุปัจจัยต่างๆ ต่อหุ้น psychology ก็เป็นแรงๆ หนึ่งที่กระทำต่อหุ้น เช่นเดียวปัจจัยอื่นๆ เช่นภาวะตลาด fund flow ผลประกอบการ ฯลฯ ในบางช่วงเวลา ปัจจัยบางด้านก็มีผลต่อหุ้นแรงกว่าปกติ และ/หรือ แรงกว่าปัจจัยอื่นๆ ในขณะที่อีกขณะหนึ่งปัจจัยอื่นก็อาจมีผลมากกว่า สมดุลตรงนี้เป็น dynamic คือสมดุลไม่นิ่ง เปลี่ยนแปลงตลอด มองในแง่ capital gain แนวทาง VI เชื่อว่า ผลประกอบการ เป็นปัจจัยหลักทีี่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น (โดยคล้่ายๆ จะกำหนดให้ปัจจัยอื่นๆ คงที่) ในขณะที่ก็มีคนกลุ่มอื่นๆ ที่เชื่อว่า มีปัจจัยอื่นๆ มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นมากกว่าผลประกอบการ บางคนมองแค่ fund flow บางคนมองเฉพาะภาพตลาด ฯลฯ คนกลุ่มนี้ก็มีคนทีสามารถทำกำไรได้มากๆ หรือคนที่ขาดทุน เช่นเดียวกับคนที่ยึดแนวทาง VI (อย่างไรก็ตามเชื่อว่า สุึดท้่ายแล้วแนวทาง VI น่าจะได้ผลตอบแทนสูงกว่า 555) คนแต่ละกลุ่ม ก็มีเครื่องมือในการล่าส่วนต่าง ที่แตกต่างกันไป จขกท. ถามว่ามีความเห็นกับประโยคของเอกยุทธ อย่างไร ผมตอบว่า ในบางช่วงเวลาของตลาด (ในช่วงเวลาที่ตลาดให้น้ำหนักกับ ปัจจัยด้านpsychology มากผิดปกติ ในช่วงที่ตลาดผิดปกติ) คำพูดของเขาไม่ผิด แต่คำพูดของเขาคงไม่ถูกต้องเสมอไปครับ โดย *John* พุธ ส.ค. 20, 2008 4:49 pm

รบกวนพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ช่วยตอบคำถามนิดนึงนะครับ เรียนโท วิทย์ คอม มช ภาคพิเศษครับ  ต้องการพัฒนาซอฟท์แวร์เพื่อช่วยในการตัดสินใจลงทุนในแนวทางเน้นคุณค่าครับ น่าสนใจครับ โดย *John* ศุกร์ ส.ค. 08, 2008 1:16 pm

รบกวนพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ช่วยตอบคำถามนิดนึงนะครับ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่ามูลค่าที่เราหาได้นั้นถูกต้อง เราสามารถที่จะยืนยันได้ไหม ถูกต้อง :?:  :?:  อะไรถูกต้องครับ มูลค่าถูกต้องมีด้วยเหรอครับ มันไม่เคยมีอยู่จริงครับ ไม่ได้ตั้งใจกวนนะครับ เพราะถ้าจะบอกว่าราคาที่ถูกต้อง ก็ต้องเป็นราคาตลาด ณ ขณะนั้นๆ เพราะเป็นราคาที่ซื้อขายได้จริง การคำนวนมีตั้งหลายวิธี เอาเฉพาะวิธี DCF ให้ 1000 คนมาคำนวนยังไม่ได้ค่าเท่ากันเลย แล้วจะบอกว่าใครถูกใครผิดได้อย่างไรครับ เพียงแต่ถ้าหลักวิเคราะห์อ้างอิงอยู่บนสมมติฐานที่ถูกต้องเหมาะสม ก็เป็นที่ยอมรับได้ เวลาบริษัทใหญ่ๆ เขาจะ take over กิจการ เขายังต้องใช้ที่ปรึกษาทางการเงินหลายแห่ง แต่ละแห่งทำราคาออกมายังไม่เท่ากันเลย ผมว่าคุณต้องขอให้ อ. อธิบายหน่อยครับ ว่าคำว่ามูลค่าที่ถูกต้องในความหมายของอาจารย์หมายถึงอะไร ของที่มันไม่เคยมีอยู่ คุณจะไปหาเจอได้อย่างไรครับ โดย *John* ศุกร์ ส.ค. 08, 2008 9:23 am

Company Visit - Polyplex โพสท์ไม่ถึงชั่วโมง เกือบเต็มแล้ว :bow:  :bow:  :cool: ถ้่าผมอยู่กรุงเทพไปร่วมแน่นอนครับ :oops:  :oops: มีข้อมูลอะไรดีๆ เอามาเผื่อด้วยนะครับ  :pray:  :pray: โดย *John* พุธ ส.ค. 06, 2008 11:04 am

VI ส่วนใหญ่ศึกษากราฟแท่งเทียนรึเปล่าครับ สำหรับผมไม่เชี่ยวชาญทั้งสองอย่าง และศึกษาทั้งสองแนวทาง ก็เห็นข้อดี ข้อเสียของแต่ละแนวทางต่างกัน ผมกำลังหาทางผสมผสานให้เป็นแนวทางของตัวเองอยู่ ส่วนตัวเห็นว่าถ้าผสมผสานได้จะมีประโยชน์มาก แต่ทั้งสองแนวทางก็เหมือนน้ำกับน้ำมัน ที่ผ่านมาความไม่เข้ากันของทั้งสองแนวทาง ทำให้หลายครั้งการ stuck in the middle (ไม่ยึดจุดยืนในแนวทางใดทางหนึ่ง) มีผลต่อการตัดสินใจที่ผิดพลาด / เสียโอกาส ได้เหมือนกัน จุดที่ผมได้เรียนรู้ (แต่จะจำและปฏิบัติหรือไม่ ยังไม่แน่ใจ) ก็คือเรื่อง ศรัทธา และวินัย ทั้งสองแนวทางมีจุดเหมือนกันตรง ศรัทธา และวินัย นี่แหละครับ การควบคุมจิตใจ อารมณ์ เพื่อดำรงตนให้อยู่ในสติที่มี ศรัทธาและวินัย ต่อแนวทางที่ใช้ในการลงทุน และหุ้นที่เลือกลงทุน น่าจะสำคัญมากกว่า โดย *John* ศุกร์ มิ.ย. 20, 2008 10:28 am

ใครไปประชุม STPI มาเล่าให้ฟังหน่อยซิครับ แหม คุณแก้วจดละเอียดดีจังครับ สรุปเรื่อง backlog ที่ตั้งคำถามก็คือ มูลค่าโครงการในมือทั้งหมด 1296 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม รับรู้รายได้ไปแล้วในปีที่แล้ว และ Q1 บางส่วน คงเหลือ ณ. วันที่ 20 เมษายน  950 ล้านบาท (ให้เดาก็คาดว่า  Q1 น่าจะมีรายได้ประมาณ 300 ล้านบาท รวมทั้งปี ปีนี้ถึงเวลานี้น่าจะทำรายได้เกิน 1000 ล้านบาทแน่นอน ** งาน 950 ล้านที่เหลือบางส่วนส่งมอบรับรู้รายได้เกิน 1 ปี เช่นงานสะพานในอบูดาบี เห็นว่าล่าช้ากว่ากำหนด) จากคำตอบของผู้บริหาร หากบริษัทไม่มีการรับงานประเภท module บริษัทจะทำกำไรสูงสุดที่ประมาณ 50-60 ล้านบาทต่อปี (ถ้าจำไม่ผิด) ใกล้เคียงตามการประมาณการของผมข้างต้น ประเด็นที่จะมีผลสำคัญต่อผลประกอบการแต่ละปีของบริษัท คือการรับงานประเภท module  (เช่นแทนขุดเจาะน้ำมันในทะเล เป็นต้น) ตอนนี้ศักยภาพของบริษัทพร้อมแล้วที่จะรับงานเหล่านี้ด้วยตนเอง (ไม่ต้องง้อ partner) ซึ่งผมมองว่าปีนี้บริษัทมีสิทธิได้งานครับ (ไม่งั้นบริษัทคงไม่กล้าลงทุนมั้งครับ) เรื่องคดีความเท่าที่ฟังแล้ว มีความเห็นเช่นเดียวกับคุณเพื่อนครับ คล้ายๆ กับว่าเราเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เรื่องที่เราจะชนะคดีตอนนี้ผมไม่คิดเลย ตอนนี้ที่ผมลุ้นอยู่ก็คือตกลงกันนอกศาลให้เร็วครับ ซึ่งผู้บริหารของเราคงไม่ยอมตกลงหากเขาเรียกร้องเกินเงินที่ตั้งไว้แน่ครับ โดย *John* พฤหัสฯ. เม.ย. 26, 2007 11:04 am

ใครไปประชุม STPI มาเล่าให้ฟังหน่อยซิครับ ขออภัยครับ สับสนไปหน่อย จากการประมาณการข้างต้นจะทำให้ ณ. backlog ปัจจุบัน บริษัทจะสามารถทำกำไรได้ประมาณ 100 ล้านบาทครับ (หรือ 0.40 บาทต่อหุ้น) ในขณะที่ปี 2549 บริษัททำกำไรได้ 244 ล้าน อย่างไรก็ตาม ต้องดูความคืบหน้าของการรับงานใน Q2-Q4 ปีนี้อีกทีครับ ว่าโครงการใหญ่ที่รอและหวังจะเป็นอย่างไร โดย *John* พุธ เม.ย. 25, 2007 11:22 am

ใครไปประชุม STPI มาเล่าให้ฟังหน่อยซิครับ ไปมากับเขาด้วยครับ ตั้งคำถามไปหลายข้อเหมือนกัน โดยรวมก็พอใจกับคำตอบที่ได้รับครับ และก็มั่นใจในการถือหุ้นตัวนี้ยาวๆ มากขึ้น และเชื่อว่าถ้าสามารถถือได้นานพอ น่าจะเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่สูงมากๆ ได้ตัวหนึ่ง เหตุผลที่เชื่อเช่นนั้น 1. ความเชื่อมั่นในคณะกรรมการบริหาร เท่าที่สังเกตจากการตอบคำถามต่างๆ เชื่อว่าฝ่ายบริหารมีความเชี่ยวชาญ และวิสัยทัศน์ในการพัฒนากิจการในระดับดีมาก และค่อนข้างเชื่อได้ว่าฝ่ายบริหารไม่ได้เป็นฝ่าย tricky ในเรื่องการสร้างราคาหุ้น เช่นการใช้ inside trader 2. ฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง บริษัทกำลังจะกลายเป็นบริษัทปลอดหนี้ภายในสิ้นปีนี้ อ้างอิง presentation ของฝ่ายบริหาร เหลือหนี้ระยะยาว+ระยะสั้น ที่จะชำระปีนี้ประมาณ 70 กว่าล้านบาท ซึ่งฝ่ายบริหารกันเงินสดไว้ชำระแล้ว 3. ความเชื่อถือได้ของงบการเงิน จากการตอบคำถามของกรรมการหลายท่าน ผมค่อนข้างเชื่อว่างบการเงินที่ออกมา ได้สะท้อนถึงผลประกอบการจริงของกิจการ ปราศจากการปรุงแต่ง เช่นการรับรู้รายได้/รายจ่าย ก่อนหรือหลังความเป็นจริง ซึ่งคุณชำนิ (กรรมการ) ได้ยืนยันจุดยืนตรงนี้ ทำให้ค่อนข้างมั่นใจมาก 4. ความเชี่ยวชาญพิเศษ จากความร่วมมือกับ clough engineering นอกเหนือจากกำไรจำนวนมากแล้ว บริษัทยังได้ knowhow ที่ประมาณค่าไม่ได้ จากคำตอบของฝ่ายบริหาร ปัจจุบัน บริษัทมีศักยภาพที่จะประมูลและรับงาน process module ขนาดใหญ่ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องผ่านบริษัทร่วมลงทุนเช่นในอดีต 5. ความต่อเนื่องของงาน บริษัทกำลังเปลี่ยนถ่ายตัวเองจากบริษัท Subcontractor ที่รับช่วงงานต่อจากบริษัทอื่นๆ และต้องวิ่งหา partner (และมักถูกกดราคาเพราะลูกค้า + คู่แข่งเดากำลังการผลิตได้) และพึ่งพิงลูกค้าน้อยราย เป็นบริษัทที่รับงานโดยตรงมากขึ้น การพึ่งพิง partner น้อยลง 6. Backlog จนถึงวันนี้โครงการที่เหลืออยู่ในมือมีมูลค่าประมาณ 1200 ล้านบาท ส่วนหนึ่งรับรู้รายได้แล้ว จากคำตอบของฝ่ายบริหาร margin เฉลี่ยก่อนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารน่าจะได้ประมาณ 15 % จากมูลค่างาน (ประมาณว่าที่รับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 1000 ล้านบาท) จะทำให้มีกำไรขั้นต้นประมาณ 150 ล้านบาท หักค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 42 ล้านบาท (ใช้เกณฑ์ปี 49) หักขาดทุน(กำไร) จากอัตราแลกเปลี่ยน xxx บาท ก็น่าจะประมาณได้ว่าบริษัทจะสามารถทำกำไรในปีนี้ได้ไม่ต่ำกว่าปีที่แล้ว นอกจากนี้มีงานที่อยู่ในช่วงเจรจากับคู่ค้า (รับงานตรงไม่ผ่านบริษัทร่วม) ในลักษณะ process module มูลค่ากว่า 6000 ล้าน อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหารไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้เนื่องจากติดสัญญาเรื่อง confidentiallity agreement 7. ปลอดความกังวลเรื่องเพิ่มทุน ผู้บริหารให้ความมั่นใจว่าภายในปีนี้จะไม่มีการเพิ่มทุน และจะเน้นการขยายกิจการจากกำไรของกิจการ ความเสี่ยง 1. จากคดีความ จากการตอบคำถามของฝ่ายบริหาร มั่นใจได้ว่าอย่างน้อย ภายในปีนี้จะไม่มีการตั้งสำรองฯจากคดีความเพิมเติมอีก เนื่องด้วยการพิจารณาคดีความ ล่าช้าเป็นปีหน้า ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะมีการเจรจาจากคู่ความในการยุติการเป็นคดีความกันนอกศาล โดย STPI อาจยอมชำระค่าเสียหายบางส่วน ในวงเงินไม่เกิน 120 ล้านที่ได้กันไว้ (จะเหลือเงินบางส่วนบวกกลับเป็นกำไร) 2. financing ดูเหมือนว่าบริษัทจะให้ความสำคัญต่อการใช้เงินสดจากส่วนของทุน มากกว่าการ finance จากแหล่งเงินกู้ หรือแหล่งอื่นๆ ซึ่งอาจกดดันความสามารถในการจ่ายปันผลในปีต่อๆ ไปด้วย หากบริษัทมีการขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง โดย *John* พุธ เม.ย. 25, 2007 10:37 am

ใครขาย STPI ????? ขอบคุณคุณหมอสามัญชนที่แปะรูปให้ครับ และขอบคุณคุณ trillionaire และคุณเพื่อน ที่เติมเต็มข้อมูล ลองเอาสีขาวและสีส้มรวมกัน (ตัวแทนของกลุ่มรายย่อย) จะได้ 26.67 % และเอาสีฟ้าและเหลืองรวมกัน (ตัวแทนของกลุ่มบริหาร) จะได้ 28.7 % ต่างกันประมาณ 2% หรือ 5 ล้านหุ้นแค่นั้นครับ หากคำชี้แจงของกรรมการบริหารไม่สมเหตุสมผล ก็คงต้องขอมติกันหละครับ ส่วนผมเอง ต้องการคำตอบครับ ว่าเหตุใดจึงจ่ายปันผลได้น้อยกว่านโยบายที่ประกาศไว้ บอกว่าต้องกันไว้เพื่อรองรับงานปีนี้ แล้วจนป่านนี้ยังไม่มีข่าวการรับงานใหญ่ๆ ให้เห็นเลย (อาจมีแต่ยังไม่บอกเราก็ได้ เลยต้องไปซักให้รู้กันวันอังคารนี้ครับ) ถ้าไม่ได้งานก็ต้องขอให้ปันผลตามนโยบายครับ แต่ถ้าได้งานใหญ่ 4000 + 2000 ล้านที่ประกาศในรายงาน ก็จะยอมรับกับปันผลอันน้อยนิดนี้ครับ ปล. เมื่อกี้ออกตั๋วเครื่องบินแล้วครับ เจอกันวันอังคารครับ โดย *John* อาทิตย์ เม.ย. 22, 2007 2:18 am

ใครขาย STPI ????? โพสรูปไม่ได้ครับ ใครโพสเป็นช่วยด้วยครับ แปะรูปไว้ที่นี่ครับ http://www.bcoms.net/upload/images.asp?id=4945&images=2007421184151.gif โดย *John* เสาร์ เม.ย. 21, 2007 6:11 pm

ใครขาย STPI ????? ผมลองค้นหาความเกี่ยวข้องของรายชื่อที่แสดงในรายการผู้ถือหุ้นใหญ่จาก yahoo และ google ครับ ลองดูกันนะครับ สีเหลือง = มีความเกี่ยวพันกับผู้บริหาร สีฟ้า  = ผู้บริหาร / กรรมการ สีขาว  = ไม่มีข้อมูล สีส้ม = ไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับผู้บริหาร น่าจะเป็นนักลงทุนทั่วไป http://www.bcoms.net/upload/images.asp?id=4945&images=2007421184151.gif โดย *John* เสาร์ เม.ย. 21, 2007 6:10 pm

ใครขาย STPI ????? สวัสดีทุกท่านครับ สมาชิกใหม่รายงานตัว ปกติ post แต่ที่ห้องสินธร พันทิปครับ อ่านข้อมูลหุ้นตัวนี้จากที่นี่มานานแล้วครับ ต้องขอบคุณทุกท่านครับ ถือหุ้นอยู่ด้วยครับ กำลังตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมประชุมหรือไม่ ตามความเห็นของคุณหมอสามัญชนข้างบน รบกวนตรวจสอบรายการของ หมายเลข 3. นายสุวัฒน์ เหรียญศิริวรรณ  ครับ ตามรายชื่อผู้ถือหุ้น # 17 เป็น นายสุวัฒน์ นิยมเสถียร เข้าใจว่าเป็นคนละคนกันครับ (หมายเลข 27 มีคุณ วัลยา นิยมเสถียร ถือหุ้นใหญ่อีกท่านครับ) ดังนั้นในส่วนของกรรมการน่าจะมีแต่ คุณชวรัตน์ เท่านั้นหรือเปล่าครับที่ถือหุ้นเพิ่มขึ้น โดย *John* เสาร์ เม.ย. 21, 2007 2:26 pm