หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
petercorp
Joined: จันทร์ พ.ค. 21, 2007 10:31 pm
110
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - petercorp
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
สาเหตุที่หุ้นขึ้น หรือลง
เป็น VI กันหรือเปล่า แต่ทำตัวยังกะ daytrade
โดย
petercorp
อาทิตย์ ม.ค. 20, 2008 3:06 pm
0
1
TOP ตอนนี้ดีหรือเปล่า
ใครซื้อ TOP โดยไม่มี margin of safety ก็ติดดอยไปก่อนนะครับ
โดย
petercorp
อาทิตย์ ม.ค. 20, 2008 3:05 pm
0
0
TOP ตอนนี้ดีหรือเปล่า
โหลดบทวิเคราะห์ฉบับเต็มได้ที่ http://sv2.gushare.com/file.php?file=d544535aae591ff4fd56233229d775db
โดย
petercorp
เสาร์ ม.ค. 19, 2008 7:48 pm
0
0
มั่วนิ่ม BANPU LANNA UMS
BANPU ฝรั่งดัน UMS กองทุนดัน LANNA ไม่มีคนดัน คงต้องไปออกดันดาราราคาจึงจะขึ้น
โดย
petercorp
เสาร์ ม.ค. 19, 2008 3:45 pm
0
0
PICNI ล้มละลาย?
มี N-PARK อีกตัว สนใจไหม คงโดนเร็วๆนี้
โดย
petercorp
เสาร์ ม.ค. 19, 2008 3:44 pm
0
0
PICNI ล้มละลาย?
ซื้อไปเยอะไหม PICNI จะถูกถอดออกจากตลาดอยู่แล้ว ยังซื้อไปได้ ไม่ลอง D1 อีกตัวเหรอ กำลังจะโดนเหมือนกัน
โดย
petercorp
เสาร์ ม.ค. 19, 2008 3:43 pm
0
0
TOP ตอนนี้ดีหรือเปล่า
จะเล่นตัวใหญ่ ต้องดู fund flow แล้วตอนนี้คุณคิดว่าฝรั่งมันซื้อหรือมันขายล่ะ ปัญหาขาดทุน subprime ฝรั่งมันต้องขายหุ้นที่มีกำไร เอาไปโป๊ะขาดทุน subprime แล้วคุณคิดว่า ฝรั่งมันถือตัวไหนอยู่เยอะล่ะ คงไม่ใช่ IEC EVER S2Y THL แน่ๆ ก็เป็นพวก big cap ทั้งหลาย ฝรั่งมันเคยขายหมดจนไปเหลือ 300 จุดยังมีมาแล้ว
โดย
petercorp
เสาร์ ม.ค. 19, 2008 3:34 pm
0
0
TOP ตอนนี้ดีหรือเปล่า
จะเล่นหุ้นตัวใหญ่ แต่อ่านภาษาอังกฤษไม่ออกนี่คงอยู่รอดยากครับ เอาให้อ่านทั้งอันเลย ถ้าแปลไม่ออกตัวไหนก็บอกมา เดี๋ยวช่วยแปลให้ http://www.pantown.com/data/8402/board1/50-20080119102649.jpg
โดย
petercorp
เสาร์ ม.ค. 19, 2008 11:53 am
0
0
top
ลองอ่านบทวิเคราะห์ฝรั่งแล้วจะหนาว มันทำ New low ทุกวันมีสาเหตุครับ ใครมีอยู่ก็ทำใจไว้เลย http://www.pantown.com/data/8402/board1/50-20080119102649.jpg
โดย
petercorp
เสาร์ ม.ค. 19, 2008 11:48 am
0
0
TRUE มีสิทธิ์ Turn around ไหม
กราฟเทคนิค ต้องขึ้นไปปิด Gap ที่ 6 บาทเร็วๆนี้ ถ้ายืน 6 บาทได้ จะเป็น uptrend แนวต้านต่อไป 7.5 บาท http://www.pantown.com/data/8402/board1/44-20080119103957.jpg
โดย
petercorp
เสาร์ ม.ค. 19, 2008 10:42 am
0
0
TRUE มีสิทธิ์ Turn around ไหม
ทรูออนไลน์ - รายได้จากการให้บริการ เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 0.2 จากไตรมาสก่อนหน้า เป็น 6.1 พันล้านบาท แต่ลดลงในอัตราร้อยละ 0.1 จากไตรมาสเดียวกัน ในปีที่ผ่านมา รายได้ที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจอินเทอร์เน็ต/บรอดแบนด์และบริการโครงข่ายข้อมูลยังคงสามารถชดเชยรายได้จากโทรศัพท์พื้นฐานที่ลดลง - EBITDA ลดลงเล็กน้อยในอัตราร้อยละ 4.7 เป็น 2.3 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานด้านโครงข่ายที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจาก การขยายงานในธุรกิจบรอดแบนด์ - EBITDA margin ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า เป็นอัตราร้อยละ 37.1 (จากอัตราร้อยละ 39.4 ในไตรมาส 2 ปี 2550 และร้อยละ 38.5 ในไตรมาส 3 ปี 2549) เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น - ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เป็น 1.2 พันล้านบาท แต่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาสเดียวกัน ในปีที่ผ่านมา จำนวน 959 ล้านบาท ส่วนใหญ่เนื่องจากผลกระทบจากการขยายประมาณการอายุการใช้งานของสินทรัพย์ ค่าเสื่อมราคาสำหรับไตรมาส 3 ได้ถูกปรับปรุงเพื่อไม่รวมผลกระทยที่เกิดจากการปรับเปลี่ยนประมาณการอายุการใช้งานของสินทรัพท์ สำหรับงวดอื่น - ขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า เป็น 67 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ธุรกิจนี้มีกำไรสุทธิ 1,082 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น เป็นอย่างมากจากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้เนื่องจากผลกระทบจากการขยายประมาณการอายุการใช้งานของสินทรัพย์ - บริการบรอดแบนด์ มีรายได้เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 9.0 จากไตรมาสก่อนหน้า และร้อยละ 35.0 จากไตรมาส 3 ปีก่อนหน้า เป็น 1.2 พันล้านบาท เนื่องจากมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น - ผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 จำนวน 22,000 ราย ซึ่งถือเป็นไตรมาสที่มีการเติบโตช้าลงเนื่องจาก ผลกระทบชั่วคราวจากการทำการ ตลาดของคู่แข่ง แต่จำนวนผู้ใช้บริการโดยรวมยังคงเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 27.4 จากไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา เป็น 526,000 ราย รายได้เฉลี่ย ต่อเลขหมายต่อเดือนเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3 เป็น 728 บาท - ผู้ใช้บริการ WiFi เพิ่มขึ้นเป็น 27,000 ราย โดยมีจุดกระจายสัญญาณ หรือ Hot spot มากกว่า 4,000 - โปรโมชั่น Super hi-speed package ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน มีผู้สมัครใช้บริการทั้งสิ้นประมาณ 282,000 ราย และคาดว่าจะ ยังคงสามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการในไตรมาส 4 ได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีการขยายโปรโมชั่นไปจนถึงสิ้นปี - ความสำเร็จจากโปรโมชั่น SUPER hi-speed package แสดงให้เห็นว่ายุทธศาสตร์ผู้นำชีวิต Convergence Lifestyle สามารถส่งผลเป็นรูปธรรม นอกจากจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่ๆ ให้กับกลุ่มทรู ในไตรมาส 3 นี้ ยังมีส่วนทำให้ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตและ Wifi ของทรูสามารถรับชมการ แข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและช่องรายการที่เกี่ยวข้องได้ในราคา 199 บาทต่อเดือน (ราคาปกติ 399 บาท) - รายได้จากบริการโดยรวมของธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐาน ลดลงในอัตราร้อยละ 1.4 จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแข่งขัน ในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ลดลง รายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายต่อเดือนลดลงในอัตราร้อยละ 1.8 จากไตรมาสที่ผ่านมา เป็น 2.5 พันล้านบาท โดยส่วนใหญ่ เนื่องจาก การปรับปรุงรายได้ที่มีการตั้งค้างจ่ายสูงเกินไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายได้ จากบริการรับซ่อมเหตุเสียและบริการเดินสายกระจาย - เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา รายได้จากบริการโดยรวมของธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐานลดลงในอัตราร้อยละ 16.3 ส่วนใหญ่เนื่องจากการที่ รายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายต่อเดือนลดลงในอัตราร้อยละ 8.7 รวมทั้งรายได้จากบริการเสริมลดลง ส่วนหนึ่งจากการปรับปรุงดังที่กล่าวแล้ว - ในไตรมาส 3 ผู้ใช้บริการโทรศัพท์พื้นฐานลดลง 9,132 ราย เป็น 1.97 ล้านราย โดยส่วนใหญ่เป็นลูกค้ากลุ่มบ้าน/ที่พักอาศัย) ส่วนใหญ่เนื่องจาก โปรโมชั่นฟรีค่าติดตั้งสิ้นสุดลง - WE PCT มีรายได้จากบริการเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 10.5 จากไตรมาสก่อนหน้า เป็น 197 ล้านบาท ในไตรมาสนี้มีผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิเพิ่มขึ้น เกือบ 6,500 ราย โดยรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการต่อเดือนเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เนื่องจากพีซีทีได้ปรับราคาแพคเกจบุฟเฟต์ (จาก 300 บาทต่อเดือน มา เป็น 400 บาทต่อเดือน) - บริการด้านโครงข่ายข้อมูล มีรายได้จากบริการลดลงในอัตราร้อยละ 12 จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากการปรับปรุงบัญชีในไตรมาส 2 อีกทั้ง ไตรมาส 3 ยังเป็นไตรมาสที่เติบโตช้าตามฤดูกาล แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา รายได้จากบริการเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 16.9 เป็น 693 ล้านบาท - วงจรที่ให้บริการใหม่เพิ่มขึ้น 450 วงจรในไตรมาสนี้ (จาก 1,153 วงจรในไตรมาส 2 ปี 2550) รายได้เฉลี่ยต่อวงจรต่อเดือนเพิ่มขึ้นเป็น 11,361 บาท (จาก 10,669 บาท ในไตรมาสก่อนหน้า) ทรูมันนี่และทรูไลฟ์ - ทรูมันนี่ มีจำนวนผู้ใช้บริการ 2.6 ล้านราย หลังจากเปิดให้บริการในต้นปี 2549 - ทรูไลฟ์ มีลูกค้าที่จดทะเบียนสำหรับเกมส์ Special Force จำนวน 6.6 ล้านราย
โดย
petercorp
เสาร์ ม.ค. 19, 2008 10:33 am
0
0
TRUE มีสิทธิ์ Turn around ไหม
ผลการดำเนินงานแยกตามกลุ่มธุรกิจ สำหรับไตรมาส 3 ปี 2550 ทรูมูฟ - ในไตรมาส 3 ทรูมูฟได้ปรับวิธีการนับจำนวนผู้ใช้บริการแบบเติมเงิน โดยเพิ่มจำนวนวันของเลขหมายที่ไม่มีการใช้งาน จาก 18 วัน เป็น 45 วัน โดยในระหว่างนั้น ผู้ใช้บริการยังคงสามารถรับสายเรียกเข้า แต่ไม่สามารถโทรออก ในขณะที่วิธีการนับจำนวนผู้ใช้บริการ แบบรายเดือนไม่การเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด การเปลี่ยนนี้จะช่วยทำให้บริษัทสามารถดำเนินกิจกรรมการตลาดเพื่อรักษาฐานลูกค้าได้อย่างมี ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และสามารถเปรียบเทียบจำนวนผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการรายอื่นๆ ได้ดีขึ้น จากการเปลี่ยนวิธีการดังกล่าวทำให้ทรูมูฟมี จำนวนผู้ใช้บริการแบบเติมเงินเพิ่มขึ้น 797,000 ราย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่ในไตรมาส 3 โดยส่งผลต่อรายได้เฉลี่ย ต่อเลขหมายต่อเดือน (ARPU) เล็กน้อย โดย ARPU แบบเติมเงินเป็น 159 บาท (วิธีเดิม) และ 157 บาท (วิธีใหม่) และ รายได้เฉลี่ยต่อ เลขหมายต่อเดือนรวม (Blended ARPU) เป็น 190 บาท (วิธีเดิม) และ 188 บาท (วิธีใหม่) - ทรูมูฟมีจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิเพิ่มขึ้น 2,145,654 ราย ในไตรมาส 3 ทั้งนี้รวมผู้ใช้บริการประมาณ 797,000 รายจากการปรับวิธี การนับจำนวนผู้ใช้บริการแบบเติมเงิน โดยส่วนใหญ่เนื่องจากโปรโมชั่นใหม่ๆ ที่เปิดตัวในระหว่างไตรมาส ซึ่งรวมทั้งการนำเสนอแพคเกจ ร่วมกับทรูวิชั่นส์ (รายการอะคาเดมี่ แฟนเทเชียและฟุตบอลพรีเมียร์ลีก) นอกจากนี้ยังนำเสนอโปรโมชั่นใหญ่เพื่อเจาะตลาดต่างจังหวัด ภายใต้ แคมเปญ "ทรูมูฟ แจ๋วจริง ลองดิ" โดยมีดาราตลกยอดนิยมเป็นพรีเซนเตอร์ - ใน 9 เดือนแรกของปี 2550 ทรูมูฟมีผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิ 2.9 ล้านราย และ 3.7 ล้านราย ก่อนและหลังการเปลี่ยนวิธีนับจำนวน ผู้ใช้บริการแบบเติมเงิน โดยเติบโตในอัตราร้อยละ 24.3 และ 58.9 จากยอดผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิ 2.3 ล้านรายใน 9เดือนแรกของ ปี 2549 ทั้งนี้คาดว่าส่วนแบ่งตลาดในผู้ใช้บริการรายใหม่ของทรูมูฟในไตรมาส 3 ปี 2550 จะเพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 70 หลังการเปลี่ยนวิธีนับ (หรือร้อยละ 59 ก่อนการเปลี่ยนวิธีนับ) ทำให้มีส่วนแบ่งตลาดในผู้ใช้บริการรายใหม่ ใน 9 เดือนแรกของปี 2550 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 35 (หรือร้อยละ 29 ก่อนเปลี่ยนการนับ) - ทรูมูฟมีจำนวนผู้ใช้บริการรวมประมาณ 11.2 ล้านราย (หรือ 10.4 ล้านรายก่อนการเปลี่ยนวิธีการนับผู้ใช้บริการแบบเติมเงิน) โดยคาดว่า จะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดโดยรวมได้ในอัตราร้อยละ 22.7 (หรือในอัตราร้อยละ 21.4 ก่อนการเปลี่ยนวิธีการนับผู้ใช้บริการแบบเติมเงิน) จากอัตราร้อยละ 19.6 ในไตรมาสที่ผ่านมา - ในไตรมาสนี้ รายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายต่อเดือนรวม ลดลงในอัตราร้อยละ 13 จากไตรมาสก่อนหน้าเป็น 188 บาท (หรือ 190 บาทก่อนการ เปลี่ยนวิธีการนับผู้ใช้บริการแบบเติมเงิน) ส่วนใหญ่เป็นผลจากปริมาณการใช้เฉลี่ยที่ลดลง อันเนื่องจากอัตราค่าโทรสูงขึ้นและสภาพเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังได้รับผลกระทบจากการที่ ลูกค้ารายใหม่ที่มักจะมีปริมาณการใช้น้อยในช่วงเดือนแรกๆ ที่เริ่มใช้บริการ - รายได้จากการให้บริการโดยรวม ในไตรมาส 3 ปี 2550 ลดลงในอัตราร้อยละ 13.4 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (เป็น 8.4 พันล้านบาท) เนื่องจากรายได้จากค่า IC ลดลง แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อไม่รวม IC (ที่ 6.0 พันล้านบาท) เนื่องจากผลจากการเพิ่มอัตราค่าโทรและจำนวน ผู้ใช้บริการที่เพิ่มสูงขึ้น สามารถชดเชยยอดการใช้ที่ลดลง ทำให้รายได้จากบริการเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 2.4 (เมื่อไม่รวม IC) โดยใน 9 เดือนแรกของปี 2550 รายได้จากบริการเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 8.5 เมื่อเทียบกับ 9 เดือนแรกของปี 2549 หากไม่รวม IC เนื่องจาก ฐานลูกค้าเติบโตสูงขึ้น - รายได้จากบริการ Non-voice เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 1.2 จากไตรมาสก่อนหน้าเป็น 641 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10.2 ในไตรมาส 2 เป็นร้อยละ 10.8 ของรายได้จากบริการเมื่อไม่รวม IC ใน 9 เดือนแรกของปี 2550 รายได้จากบริการ Non-voice เพิ่มขึ้น ในอัตราร้อยละ 22 ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา - EBITDA ลดลงในอัตราร้อยละ 8.1 จากไตรมาสก่อนหน้า เป็น 1.7 พันล้านบาทส่วนใหญ่เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานด้านโครงข่าย เช่น คอนเทนท์ รวมทั้งค่าโฆษณาเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เกี่ยวเนื่องกับการรณรงค์ส่งเสริมการขายต่างๆ ในระหว่างไตรมาส อย่างไรก็ตาม ทรูมูฟยังคงมี รายได้จาก IC (77 ล้านบาทในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับ 34 ล้านบาทในไตรมาส 2) - EBITDA margin ลดลงเป็นอัตราร้อยละ 28.2 (จากรายได้ไม่รวม IC) จากอัตราร้อยละ 30.9 ในไตรมาส 2 ปี 2550 แต่เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากร้อยละ 20.2 ในไตรมาส 3 ปี 2549 แต่หากคิดแบบ Gross IC EBITDA margin ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมาเป็นอัตราร้อยละ 20.2 (จากอัตราร้อยละ 21.2 ในไตรมาส 2 ปี 2550) ทั้งนี้เนื่องจากฐานรายได้ขยายตัว - ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา เป็น 1.1 พันล้านบาท เนื่องจาก ในไตรมาสที่แล้ว ทรูมูฟบันทึก สินทรัพย์เพิ่มและบันทึกค่าเสื่อมราคาย้อนหลังนับตั้งแต่สินทรัพย์ดังกล่าวได้มีการใช้งานจริง ค่าเสื่อราคาและค่าตัดจำหน่ายในไตรมาส 3 ได้มี การปรับปรุงโดยไม่รวมผลกระทบที่เกิดจากการปรับเปลี่ยนประมาณการอายุการใช้ทรัพย์สิน สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2550 จำนวน 760 ล้านบาท (ดูรายละเอียดที่หมายเหตุงบการเงิน ข้อ 4) - ขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานปกติ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าเล็กน้อย เป็น 164 ล้านบาท ส่วนใหญ่เนื่องจากค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่ สูงขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งถูกชดเชยโดยค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง โดยทรูมูฟมีกำไรสุทธิ 213 ล้านบาท ในไตรมาสนี้ รวมผลกระทบจากการ เปลี่ยนอายุการใช้งานของสินทรัพย์ ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับขาดทุนสุทธิ 122 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2550 ทรูวิชั่นส์ - รายได้จากบริการ ในไตรมาส 3 ปี 2550 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าในอัตราร้อยละ 7.7 (เป็น 2.3 พันล้านบาท) ส่วนใหญ่เนื่องจากมี จำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีรายได้จาก Sponsorship รายการอะคาเดมี่ แฟนเทเชีย (AF4) ทั้งนี้รายได้ต่าบริการของทรูวิชั่นส์ เพิ่มขึ้น ในอัตราร้อยละ 5 จากไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา - EBITDA เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 15 จากไตรมาสก่อนหน้า เป็น 82 ล้านบาท ส่วนใหญ่เนื่องจากรายได้จากการให้บริการเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งช่วย ชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรายการ AF4 และค่าใช้จ่ายรายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่เพิ่มขึ้น - EBITDA margin เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าเป็นอัตราร้อยละ 25.6 (จากร้อยละ 24.1 ในไตรมาส 2 ปี 2550 แต่ลดลงเมื่อเทียบกับ ไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า (อัตราร้อยละ 28.7 ในไตรมาส 3 ปี 2549) ทั้งนี้เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มสูงขึ้น - ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย เพิ่มขึ้นล็กน้อยจากไตรมาสที่ผ่านมา เป็น 216 ล้านบาท ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายในไตรมาส 3 ได้มีการ ปรับปรุง โดยไม่รวมผลกระทบที่เกืดจากการปรับเปลี่ยนประมาณการอายุการใช้งานของสินทรัพย์สำหรับงวดครึ่งปีแรก จำนวน 53 ล้านบาท - ขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานปกติ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า เป็น 284 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เป็น 348 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 272 ล้านบาทในไตรมาส 2 - ผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิ เพิ่มขึ้นเป็น 27,868 ราย ในไตรมาส 3 ปี 2550 (จาก 1,176 ราย ในไตรมาส 2 ปี 2550 ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้บริการ รายใหม่สุทธิต่ำ เนื่องจากเป็นช่วงสิ้นสุดโปรโมชั่นใหญ่) เนื่องจากรายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ช่องรายการกีฬาใหม่ๆ และผลกระทบตามฤดูกาล โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ใช้บริการรายใหม่ในไตรมาส 3 เป็นผู้ใช้บริการพรีเมียม ทรูวิชั่นส์มีจำนวนผู้ใช้บริการทั้งสิ้น 596,790 ราย แต่รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการต่อเดือนลดลงเล็กน้อย ในอัตราร้อยละ 0.9 เป็น 1,103 บาท (จาก 1,113 บาทในไตรมาส 2 ปี 2550) - แคมเปญสำหรับตลาดระดับล่าง ซึ่งเป็นโปรโมชั่นร่วมกับทรูมูฟ ยังคงได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้ใช้บริการรายใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 90,000 รายในไตรมาส 3 และทำให้มีผู้ใช้บริการภายใต้แคมเปญนี้ทั้งสิ้น 317,796 ราย โดยมีผู้ใช้บริการสนใจเปลี่ยนมาใช้บริการแพ็คเกจที่ ราคาสูงขึ้นสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 50,572 าย (จาก 42,252 ราย ในไตรมาส 2 ปี 2550) และหากนับรวมจำนวนผู้ใช้บริการแคมเปญนี้ ทรูวิชั่นส์ จะมีจำนวนผู้ใช้บริการ รวมทั้งสิ้นเกือบ 900,000 ราย - ในไตรมาส 3 ทรูวิชั่นส์ได้เปิดตัว ทรูสปอร์ต ซึ่งประกอบด้วยช่องรายการกีฬาชั้นนำ 9 ช่อง มีช่องรายการที่ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทั้งหมด 380 นัดในแต่ละฤดูกาล จำนวน 5 ช่อง (ช่องทรูสปอร์ต 1, 3, 5 และทรูสปอร์ตเอ็กตร้า 1 และ 2) นอกจากนี้ยังมีช่องรายการสำหรับ EPSN และ STAR Sports อีกด้วย ทรูวิชั่นส์ยังมีการเปิดตัวช่องตามสั่ง (A-la-carte channel) สำหรับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเพื่อเพิ่มรายได้และมี ผู้สนใจใช้บริการประมาณ 32,000 ราย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2550 - รายการอะคาเดมี่ แฟนเทเชีย หรือ AF4 รายการเรียลลิตี้โชว์ยอดนิยมของไทย ยังคงประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งในฤดูกาลที่ 4 นี้ โดยยอดโหวต ผ่าน SMS เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 50 จากฤดูกาลที่ 3 AF4 เป็นคอนเทนต์สำคัญที่ช่วยรักษาฐานลูกค้าให้กับทรูวิชั่น และยังเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ ยอดผู้ใช้บริการทรูมูฟเพิ่มขึ้น - AF4 เน้นให้เห็นถึงความสามารถในการนำเสนอบริการคอนเทนต์คุณภาพ จากการผสมผสานบริการต่างๆ ภายในกลุ่มทรู (ในลักษณะของบริการแบบ Convergence) ถือเป็นความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยคอนเทนต์ของ AF4 สามารถนำเสนอผ่านทุกช่องทางต่างๆ ของกลุ่ม รวมทั้งอินเทอร์เน็ต โทรทัศน์ระบบบอกรับเป็นสมาชิก และโทรศัพท์เคลื่อนที่ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่ให้กับทรูมูฟอีกด้วย
โดย
petercorp
เสาร์ ม.ค. 19, 2008 10:32 am
0
0
TRUE มีสิทธิ์ Turn around ไหม
ผลการดำเนินงานด้านการเงิน ประจำไตรมาส 3 ปี 2550 - ทรูมีการขยายประมาณการอายุการใช้งานของสินทรัพย์และเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีเกี่ยวกับการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อใช้กับบริการโทรทัศน์ระบบบอก รับเป็นสมาชิก เพื่อให้สอดคล้องกับหลักปฏิบัติสากล (ดูรายละเอียดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงวิธีการทางบัญชี) บริษัทได้ปรับประมาณการอายุการใช้ งานของสินทรัพย์ โดยให้มีผลย้อนหลังถึงต้นปี 2550 ทั้งนี้ได้สะท้อนผลกระทบสำหรับงวด 9 เดือนทั้งหมดในงบการเงินสำนโยบายบัญชีเกี่ยวกับการ ติดตั้งอุปกรณ์เพื่อใช้กับบริการโทรทัศน์ระบบบอกรับเป็นสมาชิก เพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ในการวิเคราะห์ต่อไปนี้ บริษัทได้ปรับปรุงงบงวดก่อน เพื่อสะท้อนถึงผลกระทบจากการขยายประมาณการอายุการใช้งานของสินทรัพย์ ด้วย ทั้งนี้เพื่อการเปรียบเทียบที่ดีกว่า - รายได้จากการให้บริการโดยรวมของทรู ลดลงในอัตราร้อยละ 3.5 จากไตรมาสก่อนหน้า (เป็น 15.2 พันล้านบาท) โดยส่วนใหญ่เนื่องจากรายได้ จากค่าเชื่อมโยงโครงข่าย หรือ IC ลดลง) แต่เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 20.3 จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า - หากไม่รวม IC รายได้จากบริการโดยรวมของทรูในไตรมาสนี้ลดลงในอัตราร้อยละ 1.4 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (เป็น 12.8 พันล้านบาท) ส่วนใหญ่เนื่องจากการปรับปรุงรายได้ที่มีการตั้งค้างรับสูงไปในงวดก่อน จำนวน 217 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายได้จากบริการรับแจ้งเหตุเสีย และบริการเดินสายกระจาย เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปี 2549 รายได้จากบริการ (ที่ไม่ใช่รายได้จาก IC) เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 1.1 ทั้งนี้เนื่องจากรายได้จากทรูมูฟและทรูวิชั่นส์เพิ่มขึ้น (ทรูมูฟที่เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 2.4 ทรูวิชั่นส์เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 5.0) - EBITDA ลดลงในอัตราร้อยละ 4.0 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (เป็น 4.7 พันล้านบาท) เนื่องจากการปรับปรุงรายได้ดังกล่าว ในขณะที่ทรูมูฟมี รายรับสุทธิจาก IC เพิ่มขึ้น (เป็น 77 ล้านบาทในไตรมาส 3 จาก 34 ล้านบาทในไตรมาส 2) - อัตราการทำกำไร ณ ระดับ EBITDA เมื่อคิดจากรายได้ไม่รวม IC ลดลงเล้กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า (อัตราร้อยละ 35.7 ในไตรมาส 3 และ อัตราร้อยละ 36.8 ในไตรมาส 2) แต่เพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา (ซึ่งมีอัตราร้อยละ 30.9) เนื่องจากยกเลิกค่า Access Charge หากคิดจากรายได้รวม IC อัตราการทำกำไร ณ ระดับ EBITDA เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา (เป็นอัตราร้อยละ 30.1 ในไตรมาส 3 จากอัตรา ร้อยละ 30.4 ในไตรมาส 2) และคงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า - ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโดยรวม ลดลงในอัตราร้อยละ 2.7 จากไตรมาสก่อนหน้า (เป็น 13.7 พันล้านบาท) ส่วนใหญ่เนื่องจากค่า IC ลดลง 418 ล้านบาท อันเป็นผลเนื่องจากยอดการใช้ลดลง เนื่องจากอัตราค่าโทรสูงขึ้นและเป็นช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว นอกจากนี้ ค่าเสื่อมราคาและ ค่าตัดจำหน่าย ลดลง 66 ล้านบาท ส่วนใหญ่เนื่องจาก ในไตรมาสที่แล้ว ทรูมูฟบันทึกสินทรัพย์เพิ่มและบันทึกค่าเสื่อมราคาย้อนหลังนับตั้งแต่ สินทรัพย์ดังกล่าวได้มีการใช้งานจริง ซึ่งชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานด้านโครงข่ายอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็น ค่าใช้จ่ายในการผลิตรายการ อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย (AF4) ค่าลิขสิทธิ์รายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และค่าใช้จ่ายด้านโฆษณาและคอนเทนต์ของทรูมูฟ - เปรียบเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2549 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ไม่รวมค่า IC ลดลงในอัตราร้อยละ 13 เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับค่าเสื่อมราคา ลดลง ซึ่งส่วนใหญ่จากทรูออนไลน์ และการยกเลิกค่า Access Charge - ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (ปรับปรุง) หากไม่รวมค่าตัดจำหน่ายค่าสิทธิสำหรับรายการและภาพยนตร์รอตัดบัญชีของทรูวิชั่นส์ลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (เป็น 2.9 พันล้านบาท) ตามเหตุผลที่กล่าวในข้างต้น - ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย สำหรับไตรมาสนี้ ได้ถูกปรับปรุง เพื่อไม่รวมผลกระทบจากการขยายประมาณการอายุการใช้งานของสินทรัพย์ สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2550 จำนวน 2.6 พันล้าน แต่คงไว้ซึ่งผลกระทบสำหรับไตรมาส 3 จำนวน 1,353 ล้านบาท (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ การเปลี่ยนแปลงทางบัญชี และ หมายเหตุประกอบงบการเงิน ข้อ 4 นอกจากนั้นได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติม เนื่องจากการบันทึกค่าเสื่อราคาต่ำเกินไป (50 ล้านบาท) ตามที่ได้มีการปรับปรุงบัญชีในผลการดำเนินการไตรมาส 4 ปี 2549 - เปรียบเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2549 ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายลดลงในอัตราร้อยละ 30 (หรือคิดเป็น 1.2 พันล้านบาท) ส่วนใหญ่ที่ทรูออนไลน์ - ดอกเบี้ยจ่าย ลดลงในอัตราร้อยละ 8.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (เป็น 1.6 พันล้านบาท) ส่วนหนึ่งเนื่องจากภาษีหัก ณ ที่จ่ายในไตรมาส 2 ปี 2550 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า ดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 9.7 ส่วนใหญ่เนื่องจากหุ้นกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐของทรูมฟ และ อัตราดอกเบี้ยสำหรับเงินกู้สกุลบาทของทรูออนไลน์ที่เพิ่มสูงขึ้น (มีการปรับอัตราดอกเบี้ยเป็นดอกเบี้ยลอยตัวหลังครบกำหนด 3 ปี) - ภาษี (ปรับปรุง) ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าเป็น 483 ล้านบาท ส่วนใหญ่เนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านภาษีลดลง แต่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกัน ในปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เนื่องจากภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีเพิ่มขึ้น อันเป็นผลเนื่องมาจากค่าเสื่อราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ลดลง - ขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานปกติ จำนวน 340 ล้านบาท ค่อนข้างคงที่ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 1.4 พันล้านบาทเมื่อเทียบกับ ขาดทุนในไตรมาสเดียวกัน ในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เนื่องจากค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายลดลง และจากการยกเลิก Access Charge - ทรูรายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาสนี้จำนวนทั้งสิ้น 1.2 พันล้านบาท รวมผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนอายุการใช้งานของสินทรัพย์ จำนวนรวม 3.9 พันล้านบาท สำหรัยงวด 9 เดือน ซึ่งได้ถูกบันทึกทั้งจำนวนในไตรมาสนี้ (ทรูมูฟ จำนวน 1.2 พันล้านบาท, ทรูออนไลน์ จำนวน 2.6 พันล้านบาท และทรูวิชั่นส์ 48 ล้านบาท) โดยผลกระทบสุทธิมีจำนวน รวม 2.8 พันล้านบาท (ภายหลังหักค่าภาษีรายได้รอการตัดจ่ายที่เพิ่มขึ้นจำนวน 1.1 พันล้านบาท ทั้งนี้นับว่าผลประกอบการในไตรมาส 3 ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากจากขาดทุนสุทธิจำนวน 1.2 พันล้านบาทในไตรมาสเดียวกันปี 2549 และขาดทุนสุทธิจำนวน 595 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานด้านการเงิน ประจำ 9 เดือนแรก ปี 2550 - รายได้จากการให้บริการโดยรวมของบริษัท เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 19.2 (เป็น 44.9 พันล้านบาท) เมื่อรวมค่า IC และเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 2.5 (เป็น 38.6 พันล้านบาท) เมื่อไม่รวม IC โดยส่วนใหญ่มาจากทรูมูฟ ทั้งนี้ ทรูมูฟมีรายได้จากบริการเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 8.6 ในขณะที่ทรูออนไลน์ เพิ่มขึ้นอัตราร้อยละ 0.6 และทรูวิชั่นส์เพิ่มขึ้น ในอัตราร้อยละ 2.6 - EBITDA เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 13.9 (เป็น 14.7 พันล้านบาท) ส่วนใหญ่เนื่องจากรายได้จากบริการเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งจากการยกเลิกค่า Access Charge และโดยส่วนใหญ่มาจากทรูมูฟ EBITDA margin เพิ่มขึ้นเป็นอัตราร้อยละ 37.2 (จากอัตราร้อยละ 33.4) หากคิดแบบ Net IC อย่างไรก็ตาม อัตราการทำกำไร ณ ระดับ EBITDA ลดลงเป็นอัตราร้อยละ 32.1 หากรวม IC เป็นรายได้ ทั้งนี้เนื่องจากฐานรายได้ที่เพิ่มขึ้น - ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ลดลง 4.0 พันล้านบาท เป็น 8.6 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เนื่องจากการขยายประมาณการอายุการใช้งานของ สินทรัพย์ ซึ่งทำให้ค่าเสื่อมราคาลดลง จำนวน 3.9 พันล้านบาท - ดอกเบี้ยจ่าย เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 12.3 เป็น 5.1 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เนื่องจาก หุ้นกู้ของทรูมูฟมีอัตราดอกเบี้ยสูง รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ของทรูออนไลน์ จากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ ได้ปรับเปลี่ยนจากอัตราดอกเบี้ยคงที่ มาเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (ในเดือนตุลาคม 2549) - ขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานปกติ ก่อนรายการพิเศษต่างๆ ลดลง 3.4 พันล้านบาท ทำให้มีผลขาดทุนทั้งสิ้น 549 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายลดลง รวมทั้งเป็นผลจากการยกเลิก Access Charge - รายจ่ายลงทุนโดยรวมของกลุ่มทรู ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 มีจำนวนทั้งสิ้น 6.5 พันล้านบาท โดยเป็น รายจ่ายลงทุนของทรูมูฟ 3.9 พันล้านบาท ทรูออนไลน์ 2.2 พันล้านบาท และทรูวิชั่นส์ 380 ล้านบาท ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับรายจ่ายลงทุนจำนวน 8.4 พันล้านบาท ในช่วง 9 เดือน แรกของปี 2549 - ใน 9 เดือนแรกของปี 2550 ทรูชำระคืนเงินกู้ระยะยาวจำนวน 4.7 พันล้านบาท ซึ่งรวมทั้งการชำระคืนเงินกู้ 3.7 พันล้านบาทของทรูออนไลน์ ทำให้ หนี้สินโดยรวมของทรูลดลงอย่างต่อเนื่องเป็น 79.5 พันล้านบาท สัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA โดยรวมลดลงเป็น 3.7 เท่า จาก 4.6 เท่า ณ สิ้นปี 2549 สัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ของธุรกิจออนไลน์ลดลงเป็น 3.7 เท่า จาก 3.9 เท่า ในปี 2549 - กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ภายหลังรายจ่ายลงทุน เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 65 เป็น 3.8 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เนื่องจากรายจ่ายลงทุนลดลง
โดย
petercorp
เสาร์ ม.ค. 19, 2008 10:31 am
0
0
TRUE มีสิทธิ์ Turn around ไหม
หลักทรัพย์ TRUE แหล่งข่าว TRUE หัวข้อข่าว คำอธิบายและวิเคราะห์ฐานะทางการเงิน ประจำไตรมาส 3 ปี 2550 (1) วันที่/เวลา 15 พ.ย. 2550 09:11:00 คำอธิบายและวิเคราะห์ฐานะทางการเงิน ประจำไตรมาส 3 ปี 2550 ยอดผู้ใช้บริการทรูมูฟและทรูวิชั่นส์เติบโตต่อเนื่อง - รายได้จากบริการโดยรวมของกลุ่มทรูเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 20.5 EBITDA เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 15.9 จากไตรมาสก่อน - ทรูมูฟมีผู้ใช้บริการรายใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 2.1 ล้าน มีส่วนแบ่งตลาดผู้ใช้บริการรายใหม่ ในไตรมาสนี้เป็นร้อยละ 70 - ทรูวิชั่นส์มีผู้ใช้บริการรายใหม่เพิ่มขึ้น 28,000 ราย แคมเปญสำหรับตลาดระดับล่าง ยังคงได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่อง - บริการคอนเทนต์คุณภาพ จากการผสมผสานบริการต่างๆ ภายในกลุ่มทรู ช่วยเพิ่มยอดผู้ใช้ งบการเงิน - ทรูชำระคืนหนี้จำนวน 4.7 พันล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการชำระคืนหนี้ระยะยาว - อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ลดลงเป็น 3.7 เท่า ใน 9 เดือนแรกของปี 2550 ด้านการกำกับดูแล - พัฒนาในทิศทางที่ดีขึ้น บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2550 จำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ โทรทัศน์ระบบ บอกรับเป็นสมาชิกเติบโตน่าพอใจ ทรูมูฟสร้างสถิติใหม่เพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการได้ประมาณ 2.1 ล้านราย ในขณะที่รายได้จากบริการโดยรวมของ กลุ่มทรูและ EBITDA เพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา ในไตรมาส 3 ทรูมูฟได้ปรับวิธีการนับจำนวนผู้ใช้บริการแบบเติมเงิน โดยเพิ่มจำนวนวันของเลขหมายที่ไม่มีการใช้งาน จาก 18 วัน เป็น 45 วัน เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินกิจกรรมการตลาดเพื่อรักษาฐานลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยในระหว่างนั้น ผู้ใช้บริการยังคงสามารถ รับสายเรียกเข้า แต่ไม่สามารถโทรออก ในขณะที่วิธีการนับจำนวนผู้ใช้บริการแบบรายเดือนไม่การเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ในไตรมาสนี้ ทรูมูฟมียอดผู้ใช้บริการรวมทั้งสิ้น 11.2 ล้านราย โดยสามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่ได้ประมาณ 2.1 ล้านราย ทั้งนี้รายการ อะคาเดมี่แฟนเทเชีย (AF 4) เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ยอดผู้ใช้บริการทรูมูฟในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น ส่วนแบ่งตลาดผู้ใช้บริการรายใหม่ของทรูมูฟ ในไตรมาสนี้คิดเป็นร้อยละ 70 ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดโดยรวมใน 9 เดือนแรกของปี 2550 เพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 35 และคาดว่าจะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ในอัตราร้อยละ 33 ณ สิ้นปี 2550 ตามเป้าหมาย โดยในขณะนี้ ทรูมูฟมีส่วนแบ่งตลาดคิดเป็น ร้อยละ 22.7 นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กล่าวว่า "ยุทธศาสตร์ผู้นำชีวิต Convergence Lifestyle เป็นปัจจัยหลัก ที่ช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการของทรูมูฟ" "การที่เราสามารถนำเสนอบริการคอนเทนต์คุณภาพ จากการผสมผสานบริการต่างๆ ภายในกลุ่มทรู (ในลักษณะของบริการแบบ Convergence) ถือเป็น ความได้เปรียบในการแข่งขันสำหรับทรูมูฟและธุรกิจหลักอื่นๆ ภายในกลุ่ม ซึ่งช่วยเพิ่มยอดผู้ใช้และสร้างความผูกพันต่อแบรนด์ไปพร้อมๆ กัน ในไตรมาส 3 นี้ นอกเหนือจากรายการอะคาเดมี่ แฟนเทเชีย (AF4) แล้ว กลุ่มทรูยังให้บริการคอนเทนต์คุณภาพอื่นๆ อาทิ รายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และรายการกีฬาอื่นๆ เพลงและสาระบันเทิงอื่นๆ ซึ่งนำเสนอผ่านทุกช่องทางต่างๆ ของกลุ่ม รวมทั้งบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ บรอดแบนด์ และโทรทัศน์ ระบบบอกรับเป็นสมาชิก" ในไตรมาสนี้ รายได้จากการให้บริการโดยรวมของทรูมีจำนวน 15.2 พันล้านบาท (รวมรายได้จากค่าเชื่อมโยงโครงข่าย หรือ IC) ลดลงในอัตรา ร้อยละ 3.5 จากไตรมาสก่อนหน้า (โดยส่วนใหญ่เนื่องจากรายได้จาก IC ลดลง) แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.3 จากไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา หากไม่รวมรายได้จากค่าเชื่อมโยงโครงข่าย รายได้จากการให้บริการโดยรวมของทรูลดลงในอัตราร้อยละ 1.4 จากไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 จากไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา กำไรจากการดำเนินงาน ก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดจ่าย หรือ EBITDA มีจำนวนทั้งสิ้น 4.7 พันล้านบาท โดยลดลงในอัตราร้อยละ 4.0 จากไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 15.5 จากไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เนื่องจากผลประกอบการทรูมูฟซึ่งปรับตัวดีขึ้น ทรูรายงานผลกำไรสุทธิจำนวน 1.2 พันล้านบาท สำหรับไตรมาส 3 ปี 2550 เปรียบเทียบกับขาดทุนสุทธิจำนวน 595 ล้านบาทในไตรมาสที่ผ่านมา และ ขาดทุนสุทธิ 1.2 พันล้านบาทในไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากค่าเสื่อมราคาที่ลดลง จากการขยายประมาณการอายุการใช้งานของ สินทรัพย์ (Estimated Useful Life) ทั้งนี้เพื่อสะท้อนถึงอายุการใช้งานที่แท้จริง โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ทำให้ค่าเสื่อมราคา ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2550 ลดลงทั้งสิ้น 3.9 พันล้านบาท (ผลกระทบสุทธิประมาณ 2.8 พันล้านบาท ภายหลังจากการหักค่าภาษีรอการตัดจ่ายที่เพิ่มขึ้น) ซึ่งทั้งจำนวนได้ถูกสะท้อนในผลประกอบประจำไตรมาส 3 ปี 2550 ทั้งนี้ บริษัทมิได้ปรับปรุงค่าเสื่อมราคาย้อนหลังในปี 2549 บริการบรอดแบนด์สำหรับลูกค้าทั่วไปมีจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่เพิ่มขึ้น 22,000 ราย ทำให้มีจำนวนผู้ใช้บริการรวมเป็น 526,000 ราย ณ สิ้นไตรมาส 3 ซึ่งเป็นผลมาจากโปรโมชั่น Super hi-speed package ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน มีผู้สมัครใช้บริการทั้งสิ้นประมาณ 282,000 ราย ในไตรมาส 3 ปี 2550 ทรูวิชั่นส์มีผู้ใช้บริการรายใหม่เพิ่มขึ้น 28,000 ราย (เพิ่มขึ้นจาก 1,200 รายในไตรมาส 2) ทำให้มียอดผู้ใช้บริการโดยรวมทั้งสิ้น 597,000 ราย โดยเป็นผลจากคอนเทนต์สำคัญๆ ซึ่งประกอบด้วย อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก รวมทั้งการเปิดตัวช่องรายการใหม่ๆ นอกจากนี้ แคมเปญสำหรับตลาดระดับล่าง ซึ่งเป็นโปรโมชั่นที่ทำร่วมกับทรูมูฟ ยังคงได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้ใช้บริการรวมประมาณ 318,000 และ หากนับรวมจำนวนผู้ใช้บริการกลุ่มนี้ ทรูวิชั่นส์จะมีจำนวนผู้ใช้บริการรวมทั้งสิ้นเกือบ 900,000 ราย ใน 9 เดือนแรกของปี 2007 ทรูได้ชำระคืนหนี้สินเป็นจำนวนทั้งสิ้น 4.7 พันล้านบาท งบดุลของทรูปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อ EBITDA ลดลงเป็น 3.7 เท่า ในระยะเวลา 9 เดือนที่ผ่านมา และจาก 4.6 เท่าในปี 2549
โดย
petercorp
เสาร์ ม.ค. 19, 2008 10:31 am
0
0
TRUE มีสิทธิ์ Turn around ไหม
งบ Q3 กำไรแล้วนี่ครับ งบกำไรขาดทุน รายได้จากการขายและหรือการให้บริการ 45,747.79 รายได้จากการขายสินค้า 865.32 รายได้จากการให้บริการ 44,882.46 รายได้อื่น 2,194.00 ดอกเบี้ยและเงินปันผลรับ 60.62 กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,852.62 อื่นๆ 280.77 รวมรายได้ 47,941.79 ต้นทุนขายสินค้าและหรือต้นทุนการให้บริการ 30,102.44 ต้นทุนขายสินค้า 766.47 ต้นทุนการให้บริการ 29,335.96 ค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร 9,600.55 ค่าใช้จ่ายอื่น 460.89 อื่นๆ 460.89 ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย 12.38 รวมค่าใช้จ่าย 40,176.25 กำไร (ขาดทุน) ก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้ 7,765.54 ดอกเบี้ยจ่าย 5,106.68 ภาษีเงินได้ 1,545.47 กำไร (ขาดทุน) หลังภาษีเงินได้ 1,113.39 กำไร (ขาดทุน) สุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย -10.41 กำไร (ขาดทุน) จากกิจกรรมตามปกติ 1,123.80 กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 1,123.80 กำไร (ขาดทุน) ต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 0.16 กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 0.16 กำไร (ขาดทุน) ต่อหุ้นปรับลด 0.13 กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 0.13
โดย
petercorp
ศุกร์ ม.ค. 18, 2008 10:13 pm
0
0
VI ท่านใดยังสนใจเหมืองทองคำ thl อยู่บ้างครับ
ช่วงนี้เป็นขาขึ้นของ THL กราฟทำ uptrend พรอม volume มี bullish divergence ถ้าผ่านแนวต้าน 2 บาทได้ อาจได้เห็น 3 บาท
โดย
petercorp
พุธ ม.ค. 16, 2008 4:22 am
0
0
++ยิ่ง set ลง เราก็ยิ้ม++
เล็ง TVO,TR,BJC ไม่ลงซะที
โดย
petercorp
อังคาร ม.ค. 15, 2008 10:50 pm
0
0
tpipl 6.00 น่ารับหรือไม่
ผู้บรหารผิดหลักธรรมาภิบาล ผิดหลัก VI อย่างรุนแรง
โดย
petercorp
อังคาร ม.ค. 15, 2008 10:45 pm
0
0
จับตา DOW JONE และ แรงขายต่างชาติ ที่มีผลต่อ ตลาดหุ้นไทย
อย่าไปตาม market maker
โดย
petercorp
อังคาร ม.ค. 15, 2008 10:44 pm
0
0
อยากจะซื้อ PTTAR เพิ่มครับ แต่ไม่รู้ควรจะเข้าที่เท่าไหร่ดี
บทวิเคราะห์ของ broke เชื่อมากไม่ได้ ต้องหัดวิเคราะห์เอง
โดย
petercorp
อังคาร ม.ค. 15, 2008 10:43 pm
0
0
PICNI ล้มละลาย?
ซื้อ PICNIC นี่ไม่ใช่ VI เลย
โดย
petercorp
อังคาร ม.ค. 15, 2008 10:41 pm
0
0
มีหุ้นอะไร น่าซื้อมั้ง
อยากกินปลา ต้องหัดจับปลาเอง จะเล่นหุ้น ต้องดุหุ้นเอง
โดย
petercorp
อังคาร ม.ค. 15, 2008 10:40 pm
0
0
PICNI ล้มละลาย?
เล่นหุ้นปั่นก็เหมือนซื้อกระดาษใบนึงแพงๆ PINIC เจ้าทิ้งไปนานแล้ว
โดย
petercorp
อังคาร ม.ค. 15, 2008 8:01 pm
0
0
อยากจะซื้อ PTTAR เพิ่มครับ แต่ไม่รู้ควรจะเข้าที่เท่าไหร่ดี
CLSA ครับ
โดย
petercorp
อังคาร ม.ค. 15, 2008 7:58 pm
0
0
อยากจะซื้อ PTTAR เพิ่มครับ แต่ไม่รู้ควรจะเข้าที่เท่าไหร่ดี
แนวรับแรก 38 บาท เกือบหลุดมา 2 วันแล้ว ถ้าหลุด แนวรับต่อไปก็ 32 บาท
โดย
petercorp
อังคาร ม.ค. 15, 2008 7:23 pm
0
0
TOP ตอนนี้ดีหรือเปล่า
bad news January 14, 2008 Subject: Shutdown of Paraxylene Unit of TPX for Major Turnaround and Expansion Tie-in To : President of The Stock Exchange of Thailand Dear Sirs, Reference is made to the notification to the Stock Exchange of Thailand that Thai Paraxylene Co.,Ltd (TPX), 100% subsidiary of Thai Oil Public Co.,Ltd., is implementing the expansion project to increase aromatics production capacity. We would like to inform that on 14th January 2008, TPX will shutdown its PX Production Unit in order to complete the expansion project, undertake major turnaround as well as tie-in with new equipments with the existing production units. The shutdown is targeted to complete by March 2008 when the aromatics production capacity of TPX will increase from 420,000 tons per year to 900,000 tons per year (or 114%) During the shutdown of PX Production Unit, TPX will operate its MX Production Unit as usual to serve demand of domestic and export customers. Please be informed accordingly. Yours truly, Thai Oil Public Company Limited (Viroj Mavichak) Managing Director Investor Relations Section Tel.0 2299 0000 ext.7151 Fax.0 2299 0024 15/01/2008 08:47 AM
โดย
petercorp
อังคาร ม.ค. 15, 2008 5:18 pm
0
0
อยากจะซื้อ PTTAR เพิ่มครับ แต่ไม่รู้ควรจะเข้าที่เท่าไหร่ดี
ถ้าหลุด 38 บาท ลงยาวครับ
โดย
petercorp
อังคาร ม.ค. 15, 2008 5:16 pm
0
0
มีน้าๆ คนไหนสนใจเล่น Options บ้างมั้ยครับ
short ไว้ตั้งแต่ 900 จุดแล้วครับ ตอนนี้ยังไม่ปิด รอฟันกำไรต่อ ถ้าถึง 600 จุดจริง รวยครับ
โดย
petercorp
อาทิตย์ ม.ค. 13, 2008 2:18 pm
0
0
หุ้นอาการไม่ดี ฝรั่งไม่หยุดขาย หลุดถึง 600 จุด
ดีถ้าถึง 600 จุดจะได้เก็บหุ้นเข้าพอร์ทเพิ่ม พื้นฐานของบริษัทไม่เปลี่ยน ก็ไม่ต้องขาย
โดย
petercorp
อาทิตย์ ม.ค. 13, 2008 2:14 pm
0
0
ต้งแต่ต้นปีนี้ ไม่ทราบว่าพี่พี่ port ติดลบกันมากไหมครับ
ดีถ้าราคาลงได้ซื้อเพิ่ม อย่าเป็น VI พันธุ์ทาง แต่ TVO กับ TR ไม่ลงซะที รอเก็บนานแล้ว
โดย
petercorp
อาทิตย์ ม.ค. 13, 2008 12:52 pm
0
0
ผมผิดปกติหรือเปล่า?
ถ้าชอบเล่นแนวนี้ก็ซื้อ PTT ซะ ปีนึงน่าจะได้ 40 % up รวมปันผลนะครับ
โดย
petercorp
จันทร์ ม.ค. 07, 2008 8:06 pm
0
0
EGCO ราคานี้น่าเก็บหรือยัง นานๆครั้งจะเห็นราคา 108 บาท
EGCO ต่ำ 100 บาทแน่ๆ อิ อิ สะใจจริงๆ
โดย
petercorp
จันทร์ ม.ค. 07, 2008 6:07 pm
0
0
หุ้นตกต้องดีใจได้ซื้อเพิ่ม พื้นฐานหุ้นยังไม่เปลี่ยน
"ATC+RRC = PTTAR + TOP" PTT ควบรวมกิจการ ATC- RRC ใช้ 1 หุ้น ATC แลก 1.52 หุ้นบ.ใหม่ ส่วน 1 หุ้น RRC ได้ 0.51 หุ้น มาร์เก็ตแคปบริษัทใหม่แตะ 1 แสนลบ. กำลังการกลั่นเพิ่มเป็น 2.8 แสนบาร์เรล/วัน ส่วนกำลังการผลิตอะโรเมติกส์ 2.2 ล้านตัน/ปี ขึ้นแท่นปิโตรเคมีอันดับ 1 ใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดีดลูกคิดผูกสูตรหลากสมการมาเสียนาน และแล้วบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) ควบรวมกิจการระหว่าง บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) (ATC) และ บริษัท โรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด (มหาชน) (RRC) พร้อมสูตรการแลกหุ้นของบริษัทใหม่ ในอัตรา 1 หุ้น ATC จะแลกได้หุ้นของบริษัทใหม่ 1.524428135 หุ้น และ 1 หุ้น RRC จะแลกได้หุ้นของ 0.5167553 หุ้นบริษัทใหม่ สำหรับสูตรการแลกหุ้น ATC และ RRC เป็นบริษัทใหม่นั้น สัดส่วนการแลกหุ้นของ RRC เป็นบริษัทใหม่มีมูลค่าต่ำกว่าการแลกหุ้นของ ATC ที่สำคัญเวลานี้ซื้อหุ้น RRC แบบรอแลกหุ้นบริษัทใหม่ใช้เงินน้อยกว่า ส่วนต้นทุนในบริษัทใหม่นั้น PTTAR เปิดเทรดวันแรก 2 ม.ค. 51 ด้วยราคาเปิด 49.50 บาท หลังจากนั้นราคาก็ร่วงลงตามภาวะตลาดที่แดงหนัก แต่แผนการของ PTT ยังไม่ยุติเพียงเท่านี้ เพราะ step ต่อไปผู้บริหาร PTT จะนำบริษัทใหม่ PTTAR ที่เกิดขึ้นภายหลังการควบรวมกิจการระหว่าง ATC และ RRC มาควบกับ บมจ.ไทยออยส์ (TOP) ต้องยอมรับว่า PTT เก่งในการสร้าง Story ให้หุ้นจริงๆ แต่เรื่องฝีมือนั้น คนในวงการไอบียังกังขา เพราะหากแน่จริงคงจับ RRC ควบกับ ATC ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ ATC ยังไม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น ดังนั้น กระบวนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จึงเป็นวิธีการตีมูลค่า บริษัททั้งสองแห่ง เพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองมากกว่า สุดท้าย PTT ก็ได้ทั้งขึ้นทั้งร่อง และ Story เรื่องใหม่จึงน่าจะเป็น สิ่งที่จะผลักดันความน่าสนใจ ให้บริษัทแห่งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วย เพราะมูลค่าและขนาดของกิจการจะใหญ่โตมากทีเดียว อย่างไรก็ดี ถ้าจำกันได้วิธีการควบรวมครั้งนี้จะคล้ายกับเมื่อครั้งที่ TOC และ NPC รวมกิจการกันเป็นบริษัทใหม่ บมจ.ปตท.เคมิคอล (PTTCH) และหลังจากรวมกิจการกันเป็น PTTCH ราคาหุ้นของบริษัทใหม่กลับไม่ไปไหน ทั้งที่อนาคตสดใสแน่นอน ดังนั้น นักวิเคราะห์จึงได้ตั้งข้อสังเกตว่า PTTARที่เกิดหลัง ATC และ RRC ควบรวมกันนั้น ในระยะแรกราคาหุ้นอาจไม่หวือหวา แต่เมื่อเวลาผ่านไปมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นจะสะท้อนออกมาเอง หรือรอจนกว่าจะมีการควบรมกับ TOP ในปลายปี กลายเป็น PTTAT
โดย
petercorp
อาทิตย์ ม.ค. 06, 2008 12:32 pm
0
0
หุ้นตกต้องดีใจได้ซื้อเพิ่ม พื้นฐานหุ้นยังไม่เปลี่ยน
"เล่นหุ้น สไตล์ VI" วิกรม เกษมวุฒิ 31 ปี รวยหุ้น 'ปูนใหญ่' 140 เท่า แกะรอยเส้นทางรวยนักลงทุนสถิติ ..."วิกรม เกษมวุฒิ" ที่บอกเล่าประสบการณ์จริงกับการลงทุน "หุ้นปูนใหญ่" เป็นเวลา 31 ปีเพียงตัวเดียวกำไร 140 เท่า บวกเงินปันผลที่ได้รับอีก 4,333% จากเงินเริ่มต้นลงทุนเพียง 100 หุ้น หรือ 16,700 หุ้น เติบโตกว่า 3 ล้านบาทในวันนี้ ประวัติการลงทุนของ "วิกรม เกษมวุฒิ" เจ้าตำรับนักลงทุนที่ใช้สถิติเป็นแนวทางลงทุนในหุ้น เริ่มขึ้นครั้งแรกพร้อมกับตลาดหุ้น ที่จัดตั้งขึ้นในปี 2518 โดยหุ้นที่ซื้อตัวเดียวคือ หุ้นปูนใหญ่ (SCC) หรือ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำนวน 100 หุ้นในราคาหุ้นละ 167 บาท ด้วยทุน 16,700 บาท มาถึงวันนี้กินเวลา 31 ปีเต็ม... ผลจากการ "แตกพาร์" ของหุ้นปูนใหญ่สองครั้ง ทำให้หุ้นเดิมที่มีอยู่ 100 หุ้นที่ราคาพาร์ 100 บาท กลายเป็น 1,000 หุ้นเมื่อลดพาร์เป็น 10 บาท และเพิ่มเป็น 1 หมื่นหุ้นในราคาพาร์ 1 บาทในวันนี้ ผลตอบแทนจากการลงทุน หรือผลกำไรที่ได้ (ตามบัญชี) ตลอดระยะเวลา 31 ปีถึงวันนี้ยังไม่ได้ขายออกไป เพิ่มขึ้นถึง 140 เท่าตัว !! มูลค่าเงินลงทุน เพิ่มขึ้นเป็น 2.4 ล้านบาท ณ ราคาหุ้น 234 บาทเมื่อ 24 พฤษภาคม 2550 จากเดิมที่ราคาหุ้น 167 บาท ไม่เพียงเท่านั้น ผลจากจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น ทำให้ได้รับเงินปันผลเพิ่มตามด้วย ตลอดระยะเวลา 31 ปี วิกรมได้รับเงินปันผลสะสมเข้ากระเป๋าแล้ว 7.4 แสนบาท หรือคิดเป็นผลตอบแทน 4,333 เปอร์เซ็นต์ !! "เงินปันผลที่ผมได้เพียง 10 ปี รวม 22,300 บาท เท่ากับคุ้มต้นทุนที่ 16,700 แล้ว ส่วนในปัจจุบันเงินปันผลที่ได้หุ้นละ 15 บาท ถืออยู่ 1 หมื่นหุ้น คิดเป็นเงิน 1.5 แสนบาทต่อปี คิดเป็นรายได้ตกวันละ 410 บาท ตอนนี้จึงอยู่ได้อย่างสบายๆ" ถือหุ้นปูนใหญ่ จึงทำให้เขาได้กำไรเกินคุ้ม... วิกรม บอกว่า ถ้าเทียบกับหุ้นอื่นๆ ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น พร้อมกับปูนใหญ่ เมื่อเริ่มตั้งตลาดทั้งหมด 8 บริษัท ปัจจุบันเหลือเพียง 4 บริษัทที่ยังซื้อขายอยู่ คือ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC ) โรงแรมดุสิตธานี (DTC ) และปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ผลตอบแทนย้อนหลังนับตั้งแต่จัดตั้งหรือ 31 ปีที่ผ่านมา ธนาคารกรุงเทพ ให้ผลตอบแทนเพียง 20 เท่า ส่วนเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ และโรงแรมดุสิตธานี ให้ผลตอบแทนต่ำเพียง 10 เท่า เท่านั้น ขณะที่ปูนใหญ่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 140 เท่าตัวในเวลา 31 ปีเต็ม ในมุมมองของวิกรม เขาเห็นว่า เงินทอง (หุ้นอื่น) เป็นเพียงมายา แต่สำหรับหุ้นปูนใหญ่ มันคือข้าวปลาของจริง วิกรม ย้อนให้ฟังว่า เขาซื้อหุ้นปูนใหญ่ก่อนเปิดตลาดหุ้น 4 เดือน ตอนนั้นทำงานเป็นนายธนาคาร ได้ติดตามข่าว และค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับปูนมาตลอด ยิ่งมีสำนักงานทรัพย์สินถือหุ้น ยิ่งทำให้เขามั่นใจอย่างมาก จนถึงขณะนี้ เขาไม่เคยขายออกไปเลย แต่แช่แข็งอยู่ตลอดตั้งแต่ 100 หุ้น จนกลายเป็น 1 หมื่นหุ้นจนขณะนี้ บทพิสูจน์นี้ วิกรมชี้ให้เห็นว่า...ถือหุ้นปูนใหญ่แล้วปลอดภัย และได้กำไรคุ้มค่า ไม่มีคำว่า "สาย" หากใครคิดจะเข้าลงทุนตอนนี้... ทำไมวิกรมถึงคิดเช่นนั้น...?? เขาให้เหตุผลว่า เพราะความต้องการปูนในการก่อสร้างบ้าน ถนน และอื่นๆ เพิ่มขึ้นตลอด ตามจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ปูนซีเมนต์จึงขายได้ตลอด สิ่งสำคัญคือวัตถุดิบในการผลิตปูนที่มาจากหินปูนภูเขา ยังใช้ผลิตไปได้อีก 100 ปี เทียบกับก๊าชในอ่าวไทยของปตท.ใช้ได้อีก 40 ปีหมด ฉะนั้น จึงสามารถถือลงทุนในหุ้นตัวนี้ไปได้อีกยาวนาน "ปัจจุบันเครือซิเมนต์ไทย มีธุรกิจ 5 กลุ่มในหนึ่งธุรกิจเดียวคือ ธุรกิจซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กระดาษและบรรจุภัณฑ์ ปิโตรเคมีและธุรกิจจัดจำหน่าย มีความมั่นคงแข็งแกร่ง พร้อมเจริญเติบโตไปข้างหน้า ขณะที่มีผลประกอบการที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ทำให้มีความเสี่ยงในธุรกิจน้อย" แต่...หุ้นปูนใหญ่ ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน... โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งราคาและอัตรากำไรจะมีขึ้นลงเป็นวัฏจักร มีช่วงเวลาจุดสูงสุดและต่ำสุดห่างกัน ประมาณ 8-9 ปี และความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ จะมีความสัมพันธ์กับการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศ "สิ่งที่ต้องระวังในการลงทุนหุ้นปูนใหญ่ก็คือ ธุรกิจปิโตรจะมีวัฏจักรการขึ้นลง 8-9 ปี ซึ่งช่วงนี้กำลังเป็นวัฏจักรขาลง นักลงทุนต้องระวัง เพราะอาจทำให้กำไรปูนใหญ่ร่วงได้ในปีนี้ (2550) อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าบริษัทยังสามารถจ่ายปันผลได้ในอัตรา 15 บาท/หุ้นได้สม่ำเสมอเช่นช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่ากำไรบริษัทจะไม่ถึง 26 บาทต่อหุ้นก็ตาม" นอกจากจะใช้หลักสถิติมาประยุกต์เข้ากับการลงทุนแล้ว วิกรมยังใช้แนวทางลงทุนตาม "วอร์เรน บัฟเฟตต์" ในการคัดเลือกหุ้นอีกด้วย วิกรมบอกว่า ในการเลือกหุ้นจะยึดหลักใหญ่ๆ คล้ายกับแนวทางลงทุนของบัฟเฟตต์ ที่เน้นลงทุนในธุรกิจง่ายๆ เข้าใจได้ไม่ยาก มียอดขายและกำไรที่ดี ขณะที่ด้านการบริหาร จะเน้นตัวผู้บริหารต้องเปิดเผยและโปร่งใสต่อผู้ถือหุ้น และมุ่งเน้นหุ้นที่มี ROE (ผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น) มากกว่า 12% ซึ่งของไทยใกล้เคียงอยู่ที่ 11% โดยไม่ได้มองที่กำไรต่อหุ้น นอกจากนั้น จะซื้อหุ้นดีๆ ลงทุน "น้อยตัว" และถือยาว แต่ซื้อในจำนวนหุ้นมากๆ "อย่างบัฟเฟตต์ จะมีหุ้นเพียง 5 ตัว แต่เป็นสัดส่วน 73% ของพอร์ต" หุ้นที่บัฟเฟตต์ถือก็เช่น "หุ้นวอชิงตัน โพสต์" ที่ซื้อมาเพียง 11 ล้านเหรียญ แต่วันนี้มีมูลค่าพุ่งขึ้นเป็น 1,275 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นถึง 115 เท่าในระยะเวลา 35 ปี โดยบัฟเฟตต์ได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผล 9 ล้านเหรียญ (รอบปี 2549) เท่ากับว่า เฉพาะเงินปันผลของหุ้นตัวนี้ปีเดียว ก็คุ้มทุนแล้ว "ส่วนหุ้นปูนใหญ่ที่ผมถืออยู่ ปัจจุบันมีค่า ROE สูงถึง 42% ให้ผลตอบแทนเงินปันผลถึง 6.36% ต่อปี ถือว่าหุ้นตัวนี้ยอดเยี่ยมมากๆ สำหรับผม" ลงทุนหุ้นปูนใหญ่ในมุมมองของวิกรม จึงเป็นหุ้นดี ถือมา 31 ปี กำไรคุ้มค่า...
โดย
petercorp
อาทิตย์ ม.ค. 06, 2008 12:27 pm
0
0
หุ้นตกต้องดีใจได้ซื้อเพิ่ม พื้นฐานหุ้นยังไม่เปลี่ยน
#กลยุทธเล่นหุ้น# "สุดยอดวิชา" วิชัย วชิรพงศ์" ความเป็น "สุดยอด" ของนักเล่นหุ้นธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ลงทุนจากเงินทุน 2 ล้านบาท แล้วประสบความสำเร็จจนมีเงินนับ "พันล้านบาท" จาก "ต้นกล้า" ฝ่าแดด...ต้านฝน จนเป็น "ไม้ใหญ่" ขอคารวะด้วยจิตศรัทธาว่า "ไม่ธรรมดา" ก่อนจากลา "ถนนนักลงทุน" ขอรวบรวมคำพูด และวลีเด็ดๆ จากกูรูหุ้นระดับประเทศท่านนี้ ถ่ายทอดเป็น "ยอดวิชา" หวังให้ไป "ผลิบาน" ในความคิดของนักลงทุน เติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ สืบสานสร้างความมั่งคั่งเรื่อยไป ตั้งแต่ตอนที่ 1 ถึง ตอนที่ 27 มี วลีเด็ดๆ ที่น่าสนใจดังนี้ ตอนที่ 1 เงินนี่มันแปลก เงิน 1 ล้านบาท คุณจะเพิ่มให้เป็น 2 ล้านบาท ช่วงนี้จะยากมาก แต่จาก 2 เพิ่มเป็น 4 เริ่มง่าย จาก 4 เพิ่มเป็น 8 ยิ่งง่ายกว่า...นี่เรื่องจริง ตอนที่ 2 ถ้าในโลกนี้ ใครได้อะไรมาง่ายๆ ก็ยากที่จะรักษาให้มันอยู่กับเราได้อย่างยั่งยืน ตอนที่ 3 หุ้นจะเป็นขาขึ้น "ราคา" และ "ปริมาณ" จะต้องเคลื่อนไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน ตอนที่ 4 ถ้าเราเลือกหุ้นพี/อี ต่ำ พื้นฐานดี แต่ซื้อแล้วราคาไม่ขึ้น...มีแต่ลง แสดงว่าความคิดของเรา "ผิด" คุณต้องเปลี่ยน "อย่าดันทุรัง" ตอนที่ 5 สมัยที่ยังเล่นหุ้นไม่เก่ง วิธีที่ผมใช้...จะลอกข้อสอบคนเก่ง แต่ระหว่างที่เราลอกข้อสอบเขา เราก็ต้องพัฒนาตัวเองตามให้ทัน ตอนที่ 6 ในการเล่นหุ้นให้ชนะตลาด เราต้องพายเรือตามน้ำ อย่าพายเรือทวนน้ำ เพราะการ "ฝืนกระแส" จะทำให้เรา "เสี่ยงสูง" ที่จะขาดทุน ตอนที่ 7 จากประสบการณ์ 20 ปี จะซื้อหุ้นให้ได้กำไร เราต้องกล้าไปจ่ายตลาด "ตอนประมาณ ตี 5" หรือ อีก 1 ชั่วโมงฟ้าจะสว่าง...ผีไม่มี ตอนที่ 8 วิธีการเอาตัวรอด ในช่วงที่ต้องเผชิญกับ "วิกฤตการณ์" ทางเดียวที่จะทำให้เรา "รอด" คือ การตัดนิ้ว (Cut Loss) ยอมขาดทุนรักษาชีวิต ตอนที่ 9 ความลับของเงิน จะเติบโตก็เฉพาะกับคนที่รู้จักใช้มัน เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ตอนที่ 10 การเล่นหุ้นเพื่อหวังกำไร 3-5% เป็นการลงทุนที่มีโอกาส "ร่ำรวย" ได้ยาก!!! เพราะการตัดสินใจซื้อ-ขายบ่อย โอกาสผิดพลาดจะสูง ตอนที่ 11 คำศัพท์ของนักเล่นหุ้น เขาบอกว่า "ลูกยังเล็กอยู่" เราจะพลาดไม่ได้ หมายความว่าหุ้นตัวนี้ "อันตราย" เราต้อง Cut Loss ทิ้ง ตอนที่ 12 ในจังหวะที่หุ้นเป็นขาขึ้น เราต้อง Let the Profit Run ปล่อยให้กำไรวิ่งเต็มสตีม เมื่อไรที่ราคาเริ่มปรับฐานลงมา พร้อมวอลุ่ม เราต้องรีบล้างพอร์ตออกไป ตอนที่ 13 ท่องเอาไว้เลย "วอลุ่มพีค" คือ "ราคาพีค" และ ถ้าหุ้นปรับฐานแล้ว "รีบาวด์" แต่ไม่ทำ "นิวไฮ" ใหม่..."มันต้องลง" ตอนที่ 14 ถ้าหุ้นเป็น "ขาลง" แล้ว "วอลุ่มหาย" นี่เป็นตามธรรมชาติ แต่ถ้าหุ้นเป็น "ขาขึ้น" แล้ว "วอลุ่มหาย" นี่มันผิดกฎธรรมชาติ ให้สงสัยไว้ก่อนว่า "มันกำลังจะวิ่ง" ตอนที่ 15 นิสัยผมถ้าอะไรที่ไม่แน่ใจเต็มร้อย ผมจะเข้าไปลงทุนด้วยเงินก้อนน้อยๆ ก่อน ยิ่งถ้าเป็นหุ้นเก็งกำไร จะเล่นเป็นรอบ จะไม่ทุ่มสุดตัว และไม่ถือยาว ตอนที่ 16 คำว่า "ข่าวลือ" คุณต้องแอบพูดในที่ "ลับ" ถ้ามากระจายให้มหาชนรับรู้...มาบอกนักข่าว แสดงว่า "จบรอบ" แล้ว...คุณต้องทิ้ง ตอนที่ 17 ถ้าจะเล่น "หุ้นปั่น" เราต้องซื้อน้อยๆ เกาะตู้เย็น หาค่ากับข้าวได้ แต่อย่าไปเล่นแรง อย่าไปทุ่ม เดี๋ยวเจ้ามือมันจะโยนหุ้นใส่เรา ตอนที่ 18 กรณีที่หุ้นจะปรับตัว "ลงแรง" วอลุ่มมักจะทำ "พีค" ก่อน ให้สังเกตว่า รายย่อยจะแห่เข้าใส่ แบบไม่ลืมหูลืมตา เวลาที่หุ้นปรับตัว มันจะ "ลงลึก" ตอนที่ 19 ในช่วงของการสะสมหุ้น ถ้าเป็น "หุ้นดี" ให้สังเกตฝั่ง Bid จะน้อย แต่ฝั่ง Offer จะเยอะ ภาวะอย่างนี้ คือ ช่วงที่ดัชนี SET ประมาณ ตี 4 ตี 5 คนยังเล่นหุ้นไม่เต็มตัว เขาจะรอรับ แต่ไม่ไล่ราคา ตอนที่ 20 "เฮียประธาน" เขาเป็นเจ้าของคอร์ทแบดมินตัน อยู่แถวถนนบางรัก ฉายาเขา คือ "พญาอินทรี" ถ้าวันไหนที่พวกเรา "เละ" หรือ "เจ๊ง" กันหมด เขาจะบินมาเลย...เขาจะมาซื้อหุ้น ตอนที่ 21 การอ่านอารมณ์ตลาด ถ้า "รายย่อย" สงบเสงี่ยมเจียมตัว "ฝรั่ง" ไม่เข้า บอกได้เลยว่า เล่นหุ้นไม่ได้ตังค์ ถ้าจะเล่นหุ้นได้กำไร รายย่อยต้องมีจุดมั่นใจ นักเก็งกำไรแห่กันเข้ามาเล่นตามน้ำ ตลาดแบบนี้ "ได้ตังค์" ตอนที่ 22 ถ้าเราเทรดหุ้นทุกวัน สมองมันไม่มีจุดคิด การตัดสินใจบ่อยมันพลาดได้ง่าย คุณต้องรอจังหวะ รอให้เครื่องมือทางเทคนิคยืนยัน แล้วทุกคนเริ่มกลัวกันหมด ตรงนั้น คือ จุดที่ปลอดภัยที่สุด ซื้อเสร็จก็ใส่ปี๊บเอาไว้ ตอนที่ 23 ถ้าคิดจะ "สร้างราคาหุ้น" แล้วไม่ให้วงแตก มือทำหุ้นที่เป็นมืออาชีพ เขาจะบอกเจ้าของหุ้นว่า คุณต้องโอนหุ้นมาให้ก่อน แล้วต้องเอาเงินมาให้ด้วย...ล้านเปอร์เซ็นต์เลย ถึงจะสำเร็จ !!! ตอนที่ 24 พูดตรงๆ ผมเคยเล่นหุ้นปั่น วันที่ผมขายหมด บางคนไม่ได้ขาย ผมเสียเพื่อนไปก็หลายคน เสียน้องไปก็หลายคน สุดท้ายมันไม่ได้อะไรขึ้นมา มันไม่คุ้มหรอก...เชื่อผมสิ!!! ตอนที่ 25 วิธีการลงทุนแบบ "แวลู อินเวสเตอร์" ส่วนตัวมองว่า "มันเสี่ยง" บางทีหุ้นลงก็ต้องถือ เพราะคุณคิดว่าพื้นฐานมันไม่เปลี่ยน เดี๋ยวมันก็ต้องกลับมา แต่เมื่อไรล่ะ!! ถ้าคุณไม่ Cut Loss ตอนหุ้นลง มันเสียโอกาส ตอนที่ 26 ลักษณะตลาดหุ้นที่แกว่งตัวออกด้านข้าง และไม่มีข่าวดีอะไรใหม่ๆ เข้ามาในตลาด คนที่เล่นหุ้นแล้วได้ตังค์ ต้อง "เล่นรอบ" คือ เล่นหุ้นแบบ "ปิงปอง" จะได้เปรียบ แต่อย่าไปทุ่มเทอะไรกับมันมาก ตอนที่ 27 วอร์แรนท์ที่ราคาแปลงสภาพ "ต่ำกว่าหุ้นแม่" ยิ่งเหลืออายุน้อย เจ้ามือยิ่งกดรายย่อยให้ปล่อยหุ้นออกมา เพราะเขารู้ว่าไม่มีเงินไปแปลงสภาพแน่ เขาก็บีบซื้อราคาถูกเอาไปแปลงสภาพเอง นอกจากนี้ "เสี่ยยักษ์" ยังมีเคล็ดไม่ลับ ที่อยากฝากแฟนๆ "ถนนนักลงทุน" อีก 5 ข้อ "คำพูดที่ผมอยากจะฝากไว้ จำเอาไว้เลยนะ..." 1.อย่าตามหลังมวลชน 2.จุดที่มั่นใจที่สุด คือ จุดที่อันตรายที่สุด 3.จุดที่อันตรายที่สุด คือ จุดที่ปลอดภัยที่สุด นั่นคือ ประมาณ "ตี 5" ถึง "ตี 5 ครึ่ง" (ก่อนฟ้าสาง) 4.อย่าคิดคนเดียว อย่าตอบคำถามคนเดียว อย่าเล่นหุ้นคนเดียว และ 5.คนเล่นหุ้นให้ชนะ ต้องเลิกนิสัย "ถามเอง-ตอบเอง-เออเอง" สุดท้าย "เจ๊งลูกเดียว"
โดย
petercorp
อาทิตย์ ม.ค. 06, 2008 12:25 pm
0
0
หุ้นตกต้องดีใจได้ซื้อเพิ่ม พื้นฐานหุ้นยังไม่เปลี่ยน
# เล่นหุ้นสไตล์ "พญาอินทรี" "เฮียประธาน" เขาเป็นเจ้าของคอร์ตแบดมินตัน อยู่แถวถนนบางรัก ฉายาเขา คือ "พญาอินทรี" ถ้าวันไหนที่พวกเรา "เละ" หรือ "เจ๊ง" กันหมด เขาจะบินมาเลย..เขาจะมาซื้อหุ้น" การเล่นหุ้นให้ประสบความสำเร็จ "นิสัย" และ "พฤติกรรม" ของคนเล่นหุ้น ถือว่ามีส่วนสำคัญเช่นเดียวกัน "เสี่ยยักษ์" วิชัย วชิรพงศ์ นำประสบการณ์ที่พบมาจริงในตลาดหุ้น ในช่วง 20 ปี มาถ่ายทอดให้ฟัง โดยระบุถึง "นิสัยคน" ที่ประสบความสำเร็จ และล้มเหลว ดังนี้... คนแรก..คนนี้อายุมากแล้ว แต่ "ไม่ยอมปรับตัว" ประกอบอาชีพประสบความสำเร็จมีเงินหลายสิบล้านบาท สุดท้ายก็มาล้มเหลวในตลาดหุ้น คนที่สอง..เป็นคนที่มีระเบียบวินัยมาก ศึกษาข้อมูลตลอดเวลา มีความมั่นคง คนนี้เป็นอดีตนักแบดมินตันทีมชาติ เขาก็ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น คนที่สาม..ไม่เก่งอะไรเลย อ่อนน้อมถ่อมตน บริการคนอื่นตลอดเวลา ทุกคนรัก ไม่เคยเอาเปรียบเพื่อน คนนี้ก็ประสบความสำเร็จได้ เพราะทุกคนเอื้อเฟื้อ(บอกหุ้น)เขา ไม่มีใครไปหลอกเขา คนที่สี่..ไม่ประสบความสำเร็จ นิสัยตรงกันข้ามคนอื่นตลอดเวลา เพื่อนบอกแบบนี้มันก็เถียงว่าต้องเป็นแบบนั้น เป็นคนไม่คิดอะไรลึกๆ ชอบสวนชาวบ้าน คือ เหรียญมันมี 2 ด้าน พูดเข้าข้างตัวเองยังไงก็ได้ ไม่เคยโทษตัวเอง คนนี้เจ้าของฉายาว่า "รู้อย่างงี้..." มีเงินหลายสิบล้านบาทเข้ามาตลาดหุ้น ตอนนี้ก็เหลือไม่เยอะ คนที่ห้า..ทำการบ้านตลอดเวลา(แอบ)เช็คพอร์ตคนอื่นตลอดเวลา ชอบคุยกับมาร์เก็ตติ้งของรายใหญ่ เพื่อแอบดูพอร์ตคนอื่น คนนี้ก็ประสบความสำเร็จ แต่เขาตีกอล์ฟคนเดียวไม่มีเพื่อน ขนาดนั่งกินข้าวกับมาร์เก็ตติ้งยังหารค่าอาหารกันเลย นี่เขาก็ประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน คนที่หก..ย้ำคิดย้ำทำ เสียดายตลอดเวลา คิดแล้วคิดอีก เป็นคนละเอียด ไม่เอาเปรียบเพื่อนฝูง คนนี้ก็ประสบความสำเร็จได้ "นี่ผมเล่าให้ฟังถึงนิสัยของแต่ละคนเพื่อจะบอกว่า คนแต่ละคนนิสัยไม่เหมือนกัน และก็มีช่องทางประสบความสำเร็จของแต่ละคน แล้วแต่เราจะเลือกทางเดินแบบไหน ซึ่งผมเชื่อมั่นว่า ไม่เกินความสามารถของทุกคน" เสี่ยยักษ์ ยังเล่าถึง ความเหนือชั้นของอดีตเซียนหุ้นคนหนึ่ง ชื่อ "เฮียประธาน" เขาเป็นเจ้าของคอร์ตแบดมินตัน อยู่แถวถนนบางรัก ฉายาเขา คือ "พญาอินทรี" ถ้าวันไหนที่พวกเรา(เสี่ยยักษ์ และเพื่อนๆ ในกลุ่ม) "เละ" หรือ "เจ๊ง" กันหมด เฮียประธาน จะบินมาเลย "เขาจะมาซื้อหุ้น" "สมัยก่อน ผมยกย่องเขามากว่า นี่คือ สุดยอดของ "เสือ" ตัวจริง คือเขารวยอยู่แล้ว แต่เขาจะไม่มาเล่นหุ้นทุกวัน ถึงแม้จะไม่มาตลาดหุ้น แต่เขาจะติดตามหุ้นอยู่ที่บ้านเป็นประจำ เวลานี้เขาก็ยังเป็นอย่างงั้นจริงๆ เล่นหุ้นอย่างนี้ก็ประสบความสำเร็จได้" อีกคนหนึ่งที่ เสี่ยยักษ์ ยกตัวอย่างให้ฟังด้วยความชื่นชม เขาชื่อ "สุวิทย์" เป็นอดีตนักแบดมินตันทีมชาติ คนคนนี้ มีระเบียบวินัยมาก เวลาไม่ซื้อ คือไม่ซื้อ ถ้าเขามองเศรษฐกิจไม่ดี เขาจะไม่เล่นหุ้น(เลย) นี่คือ หลักการที่ถูกต้อง "อย่างสุวิทย์ เขาจะรอให้เกิดวิกฤติก่อน(หุ้นตกเยอะๆ) นานแค่ไหนเขาก็รอได้ วันที่เกิดวิกฤติ เขาจะมาซื้อหุ้น ตอนนี้ ก็น่าจะมีเงินเป็นร้อยล้าน" เมื่อถามถึงการลงทุนสไตล์ "หมอ ยง" ท.พ.ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม นักลงทุนรายใหญ่ระดับพันล้านบาท เสี่ยยักษ์ บอกว่า หมอ ยง จะมีจิตวิทยาการลงทุนสูง ถ้าตลาดหุ้นตกลงมาเยอะๆ เขาซาวด์เสียงว่า ถ้านักลงทุนรายใหญ่ทุกคน "กลัว" กันหมด แสดงว่า พวกคุณเพิ่ง "โดน" (ขาดทุน) มา คุณเพิ่ง Cut Loss มา เพราะฉะนั้น โอกาสที่จะขายอีกก็มีไม่มาก "เขาจะซื้อ" "แต่สไตล์การลงทุนของผม กับ หมอ ยง จะต่างกัน หมอ ยง จะเล่นหุ้นเป็นรอบ(เล็กเล่นเร็ว)แต่ของผมจะรอ "รอบใหญ่" ขอทีเดียวหนักๆ ลักษณะใส่เต็มๆ ไปเลย ถ้าทุกคนกลัวกันหมด เครื่องมือเครื่องไม้ทางเทคนิคส่งสัญญาณซื้อ ผมก็เข้า ถ้ายัง..ผมก็รอนิ่งๆ" เสี่ยยักษ์ บอกว่า อยู่ในวงการนี้มา 20 กว่าปี เห็นพฤติกรรมการเล่นหุ้นของคนเปลี่ยนไม่ค่อยได้ ใครนิสัยมายังไง บุคลิกยังไง วิธีการมันจะเป็นอย่างนั้น ซึ่งคนที่จะประสบความสำเร็จ มันแล้วแต่สไตล์คน แต่คนที่อยู่รอดได้ มีแค่ประเภทเดียว คือ "คนที่ปรับตัว" นอกจากนี้ คนที่จะ "อยู่รอด" บนเวทีนี้ได้อย่างตลอดรอดฝั่ง เสี่ยยักษ์ ย้ำนักย้ำหนาว่า ข้อสำคัญที่สุด คือ "ถึงเวลาขาดทุน..คุณต้องกล้าขาย" ถ้าคุณทำได้ "คุณจะรอด" พร้อมทั้งยังเล่าถึง "นักพนัน" ที่อยากมาเอาดีในตลาดหุ้นว่า คนที่ชอบเล่นการพนัน แล้วมาเล่นหุ้น ก็ "เจ๊ง" ได้ง่ายๆ "ผมเคยเห็นนักเล่นหุ้นที่เป็นนักพนัน เอาทุกอย่าง เห็นมาเยอะ "หมดตัวทุกคน" ไม่เหลือเลย มีคนหนึ่ง เมื่อก่อนเคยมีเงิน 30 กว่าล้านบาท เล่นทุกอย่าง ฟุตบอลก็เล่น หุ้นก็เล่น บ่อนการพนันก็เข้า สุดท้ายแม้แต่ชีวิตครอบครัวเขาก็ล้มเหลว ...ชีวิตเขาพนันทุกอย่าง มีเงิน 20-30 ล้านบาท เคยเป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้าในประตูน้ำ ตอนนี้ มาเช่าบ้านอยู่ราคา 2,000 บาท จุดเสีย..ของคนประเภทนี้ คือ เขาจะยืมเงินทุกคน แล้วเขาจะไม่มีโอกาสแก้ตัว ทุกอย่างกลับมาที่เครดิต ถ้าคุณไม่มีเครดิต ก็ไม่มีใครช่วยเหลือคุณ นี่คือ ความจริง" เสี่ยยักษ์ สรุปถึงนิสัยของคนเล่นหุ้นแต่ละประเภทให้ฟัง
โดย
petercorp
อาทิตย์ ม.ค. 06, 2008 12:22 pm
0
0
EGCO ราคานี้น่าเก็บหรือยัง นานๆครั้งจะเห็นราคา 108 บาท
ลองไปเปิดงบดู EGCO pe 5 p/bv 1.26-1.27 ถูกสุดแล้วนะครับเทียบกับตัวอื่นๆ
โดย
petercorp
เสาร์ ม.ค. 05, 2008 5:42 pm
0
0
วันจันทร์เตรียมช้อน DOW ร่วง 200 กว่าจุดได้ซื้อของถูกอีกแล้ว
VALUE STOCK UMS UEC TRC PTL TVO TR TOP BH
โดย
petercorp
เสาร์ ม.ค. 05, 2008 5:22 pm
0
0
EGCO ,RATCH ,GLOW, TOP ขายตัวไหนทิ้งดี
LIVE ขายไปแล้ว PTTAR ขายไปแล้วตอน trade วันแรก BROCK ขายขาดทุนไปแล้ว ตอนนี้เหลือแต่หุ้น VI หุ้นโณงไฟ้ที่เก็บอยู่ขาดทุนทุกตัว
โดย
petercorp
ศุกร์ ม.ค. 04, 2008 10:33 pm
0
0
EGCO ราคานี้น่าเก็บหรือยัง นานๆครั้งจะเห็นราคา 108 บาท
งั้นเก็บเลย 108 บาท ประมูลIPP รอบสองไม่ได้ก็ไม่สนแล้ว ส่วน BROCK เห็นว่ามีที่ดินในภูเก็ตมูลค่ามหาศาลอยู่ เดี๋ยวจะทยอยเก็บ ตอนนี้ราคาลงมาเท่าเดิมก่อนแตกพาร์แล้ว
โดย
petercorp
ศุกร์ ม.ค. 04, 2008 4:21 am
0
0
ผลตอบแทนปีนี้เป็นเท่าไหร่กันบ้างครับ
ปีนี้กำไร 900 % กับ LIVE ครับ เก็บมาแค่ 50 % ของพอร์ท แต่ขาดทุน BROCK ไป 3% มี25 % ของพอร์ท ส่วนอีก 25 % เป็น PTTAR รอลุ้นอยู่
โดย
petercorp
จันทร์ ธ.ค. 31, 2007 9:21 am
0
0
EPS ของ PTTAR กับบทวิเคราะห์ครับ
PTTAR มีจำนวนหุ้น 2,963,628,522 หุ้น ปันผล 4 บาท ในเดือนมกราคม คิดเป็น dividend yield สูงถึง 10 % อีก 1 ปี กำลังอะโรเมติกเพิ่ม 1 เท่า กำลังการกลั่นเพิ่มอีก 1 เท่า ส่วนข่าวจะรวมกับ TOPปลายปี ต้องคอยดูว่าจะเป็นจริงไหม
โดย
petercorp
เสาร์ ธ.ค. 29, 2007 10:39 am
0
0
EPS ของ PTTAR กับบทวิเคราะห์ครับ
ลักษณะธุรกิจหลังควบรวมกิจการ ธุรกิจของ PTTAR หลังควบรวมกิจการจะประกอบไปด้วย 4 หน่วยธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจโรงกลั่น จะเป็นมีสัดส่วนรายได้สูงที่สุด ซึ่งภายหลังจากการควบรวมกิจการกำลังการผลิตในส่วน ของธุรกิจโรงกลั่นจะเพิ่มขึ้นเป็น 280,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งมาจากกำลังการกลั่นน้ำมันดิบ 145,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นหน่วยกลั่นของ RRC เดิม และกำลังการกลั่น Condensate อีก 70,000 และ 65,000 บาร์เรลต่อวัน จากโรงงานอะโรเมติกส์ แห่งที่ 1 และ แห่งที่ 2 ตามลำดับ ซึ่งผลิตภัณฑ์หลักยังคงเป็น น้ำมันดีเซล น้ำมันอากาศยาน LPG Reformate Light Naphtha และ Propylene อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอีกหลักโครงการ Upgrading Unit เสร็จ ซึ่งกระบวนการจะเป็นการผลิตน้ำมันสำเร็จรูปจาก Condensate Residue ที่ได้มาจากการกลั่น Condensate โดยคาดว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถดำเนิน การผลิตเชิงพาณิชย์ได้ประมาณปี 2551 ธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจปิโตรเคมีจะมีการผลิตสารอะโรเมติกส์ในรูปของ สารเบนซีน โทลูอีน และ สารไซลีน ซึ่งประกอบไปด้วยสารพาราไซลีน สารออร์โทไซลีน และสารมิกซ์ไซลีน โดยกำลังการ ผลิตหลังควบรวมกิจการ + โครงการอะโรเมติกส์แห่งที่ 2 จะทำให้ PTTAR มีกำลังการผลิตสาร อะโรเมติกส์รวม 2.23 ล้านตันต่อปี ธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจปิโตรเคมีจะมีการผลิตสารอะโรเมติกส์ในรูปของ สารเบนซีน โทลูอีน และสาร ไซลีน ซึ่งประกอบไปด้วยสารพาราไซลีน สารออร์โทไซลีน และสารมิกซ์ไซลีน โดยกำลังการผลิต หลังควบรวมกิจการ + โครงการอะโรเมติกส์แห่งที่ 2 จะทำให้ PTTAR มีกำลังการผลิตสาร อะโรเมติกส์รวม 2.23 ล้านตันต่อปี ธุรกิจผลิตสารปิโตรเคมีขั้นกลาง ได้แก่โครงการ Phenol และโครงการ Cyclohexane ซึ่งการนำเอาสาร Benzene ที่ได้จากกระบวนการผลิตใน ATC 1 และ 2 มาเพิ่มมูลค่า ธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ธุรกิตผลิตไฟฟ้า และไอน้ำ และธุรกิจบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการ สื่อสาร ซึ่งเกิดจากการร่วมทุนของบริษัทในกลุ่ม PTT โดยเป็นการลงทุนใน PTTUT และ PTTICT ตามลำดับ PTTAR จะมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนแผนการผลิตให้สอดคล้องกับแนวโน้มอุตสาหกรรม ได้ดีขึ้น ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ทั้งปิโตรเลียม และอะโรเมติกส์ จะมีสัญญาขายกับทาง PTT ขณะ ที่ผลิตภัณฑ์บางส่วนสามารถนำกลับมาใช้ในการผลิต เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีก เช่น Reformate ที่ได้จากกระบวนการกลั่นของ RRC สามารถไปผลิตเป็นสารอะโรเมติกส์ได้ เพื่อ สร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นการลดความผันผวนของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ ทำให้บริษัทสามารถมี ความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนแผนการผลิตให้สอดคล้องกับแนวโน้มราคาผลิตภัณฑ์ได้ดีขึ้น ถือ เป็นประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของการควบรวมกิจการ แผนงานในอนาคตหลังควบรวมกิจการ โครงการ ATC แห่งที่ 2 เป็นการลงทุนขยายกำลังการผลิตของ ATC 2 ซึ่งเป็นการเพิ่มกำลังผลิตของโรงงาน ATC อีก 1.04 ล้านตันต่อปี ซึ่งจะเพิ่มความสามารถในการผลิตอะโรเมติกส์จาก Reformate ที่ จากกระบวนการกลั่นน้ำมันจากโรงกลั่น RRC มูลค่าโครงการประมาณ 551 ล้านเหรียญ ด้าน RRC จะลงทุนในส่วนของ Reformer Unit ช่วยในการแยก Condensate กับ Reformate และโครงการ Upgrading Unit ซึ่งผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมจาก Condensate Residue ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 522 ล้านเหรียญ โดยปัจจุบันทั้ง 3 โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการก่อ สร้าง และคาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ประมาณ Q3/51 โครงการ ATC Revamp 1 เป็นการเพิ่มกำลังการผลิตสารพาราไซลีนของ ATC 1 จาก 540,000 ตันต่อปี เป็น 570,000 ตันต่อปี ใช้เงินลงทุนประมาณ 27 ล้านเหรียญ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิง พาณิชย์ได้ประมาณ Q1/53 โครงการ Condensate Tank สำหรับโครงการ Reformer Unit เป็นการก่อสร้างถังบรรจุ Condensate ประมาณ 3 ถัง ขนาดบรรจุรวม 240,000 ตัน เพื่อรอง รับความต้องการใช้ในโครงการ Reformer Unit ซึ่งปัจจุบันต้องเช่าจากผู้ประกอบการรายอื่นอยู่ คาดใช้เงินลงทุนประมาณ 30 ล้านเหรียญ และคาดว่าจะสร้างเสร็จประมาณ Q3/51 และจะพร้อม กับโครงการ Reformer Unit ผลประกอบการที่มีความแน่นอนมากขึ้น ทำให้เราคาดว่า PTTAR จะปรับนโยบายการจ่ายเงิน ปัน เป็นปีละ 2 ครั้ง คาดว่านโยบายการจ่ายเงินปันผลของ PTTAR จะเปลี่ยนเป็นปีละ 2 ครั้ง เหมือน กับบริษัทในกลุ่ม PTT หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ATC และ RRC มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง เนื่องจากที่ผ่านมาผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจโรงกลั่น และธุรกิจปิโตรเคมี มีความ ผันผวนของผลประกอบการมาก ทำให้การพิจารณาจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลทำได้ยาก ซึ่งหลัง จากควบรวมกิจการแล้ว ผลประกอบการจะมีความผันผวนลดลง เนื่องจากมีความยืดหยุ่นในการ ผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มอุตสาหกรรมมากขึ้น ทำให้เราคาดว่าบริษัทจะมีการปรับ นโยบายการจ่ายเงินปันผลจากปีละ 1 ครั้ง เป็นปีละ 2 ครั้ง ประเมินราคาที่เหมาะสมของบริษัทใหม่ หลังจากควบรวมกิจการระหว่าง ATC และ RRC ไว้ ที่ 62 บาท แนะนำ ถือหุ้นเพื่อแปลงสภาพเป็นบริษัทใหม่ เราให้น้ำหนักการลงทุน รวมทั้งเรามองว่าบริษัทจะมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นหลังการควบรวม กิจการในปี 2551 รวมทั้งความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจที่ดีขึ้น จากความยืดหยุ่นของ บริษัทในการผลิตที่ดีขึ้น ลดความผันผวนของประกอบการลง
โดย
petercorp
เสาร์ ธ.ค. 29, 2007 10:32 am
0
0
PTTARจ่อขึ้นสังเวียนเทรด2ม.ค
ATC+RRC รวมกันเสร็จก็ปันผล 4 บาท ราคาเปิด 43 บาท ก็ได้ ปันผลเกือบ 10 % เลยครับ
โดย
petercorp
เสาร์ ธ.ค. 29, 2007 10:23 am
0
0
PTTAR จะปันผล 4 บาท กลางเดือนมกราคมครับ
กำไรสุทธิ ATC ปี 50 อยู่ที่ 9,134 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 9.47 บาท และกำไรสุทธิ RRC อยู่ที่ 8,750 ล้านบาทกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 3.05 บาท โดยเมื่อนำกำไรสุทธิทั้ง 2 บริษัทมารวมกันแล้วอยู่ที่ 17,884 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 12.50 บาท" ดังนั้น PTTAR มีจำนวนหุ้น 2,963,628,522 หุ้น ดังนั้น EPS ก็ 6 บาท น่าถือครับ เพราะอีก 1 ปี กำลังอะโรเมติกเพิ่ม 1 เท่า กำลังการกลั่นเพิ่มอีก 1 เท่า EPS ก็เพิ่มขึ้นอีก ถ้าราคาเปิด 40 บาท ปันผลครั้งแรก 4 บาท ก็ 10 % แล้ว
โดย
petercorp
เสาร์ ธ.ค. 29, 2007 10:21 am
0
0
PTTAR จะปันผล 4 บาท กลางเดือนมกราคมครับ
ปลายปีนี้มีข่าวจะไปรวมกับ TOP ด้วยครับ จะกลายเป็นโรงกลั่นและปิโตรเคมีที่มีกำลังผลิตใหญ่ที่สุดในเอเชีย เป็นหุ้น VI ได้นะครับเนี่ย
โดย
petercorp
ศุกร์ ธ.ค. 28, 2007 10:13 pm
0
0
ท่านมีหุ้นเทพแห่งปีตัวไหนบ้าง
มี RICH ต้นทุน 2 บาท
โดย
petercorp
อาทิตย์ พ.ย. 04, 2007 8:06 pm
0
0
ตอนนี้ในพอร์ทมีหุ้นตัวไหนกันบ้างครับ
จริงแล้ว ยังไม่เคยจับปลาเองเลย ซื้อตามในห้องนี้แหละ เดิมมี 5 ตัว PTT PTTEP BANPU SCC UMS PTTEP ทุน 87 บาท ขายหมูไป 130 บาทแล้ว SCC ก็ขายทิ้งไปแล้วอืดมาก ขายขาดทุนไปด้วย USM ขายหมูไปตอน 30 บาท (ทุน 10 บาทก่อนแตกพาร์) ตอนนี้เหลือ PTT กับ BANPU ยังเก็บไว้ กับเงินเหลืออีก 60 % จะซื้อตัวไหนต่อดี
โดย
petercorp
พุธ ต.ค. 10, 2007 11:37 pm
0
0
ถือหุ้นตัวไหนขาดทุนหนักที่สุด ขาดทุนเพราะอะไร
SVI-W2 ซื้อ 0.81 ไป Low ที่ 0.45 ก็ขายทิ้ง ตอนนี้กลับไป 0.81 ใหม่อีกแล้ว ไม่น่าเลยเรา
โดย
petercorp
ศุกร์ ส.ค. 31, 2007 5:02 pm
0
0
ตอนนี้ PTT ยังน่าซื้อไหม ขึ้นมาเยอะ จาก 35 บาท
อีก 3 ปี จะถึง 500 บาทไหม
โดย
petercorp
อังคาร ส.ค. 28, 2007 10:11 pm
0
0
56 โพสต์
of 2
ต่อไป
Verified User
ชื่อล็อกอิน:
petercorp
ผู้ใช้นี้ไม่มีการใช้งาน:
รายละเอียดข้อมูลโดยรวมเปลี่ยนแปลงแล้ว
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
จันทร์ พ.ค. 21, 2007 10:31 pm
ใช้งานล่าสุด:
อาทิตย์ ม.ค. 20, 2008 4:28 pm
โพสต์ทั้งหมด:
110 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.01% จากโพสทั้งหมด / 0.02 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว