หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
nz
มีเหตุผล, พอประมาณ, มีภูมิคุ้มกัน
Joined: จันทร์ มิ.ย. 11, 2007 7:12 pm
152
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - nz
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: Internet of things (IoT)
แล้วมีหุ้นตัวไหนบ้างที่อยู่ในกลุ่ม ICT ได้ประโยชน์จากตัวนี้ครับ :D :D :D สำหรับประเทศไทย ไม่คิดว่าจะมีตัวไหนโดดเด่นที่จะได้ประโยชน์จาก IoT นี้นะครับ คือ เราเป็นผู้บริโภค มากกว่าจะเป็นผู้สร้างนวัตกรรมน่ะครับ และที่สำคัญ เคยไปเดินงาน สัปดาห์วิทย์ฯ โครงงานต่างๆ มักจะหยุดอยู่แค่งานแสดง ไม่ค่อยมีการนำมาต่อยอด ผลิตเป็นสินค้า สู่ท้องตลาด เป็นของใช้จริงๆ จังๆ สักเท่าไหร่ หรือถ้าจะว่าไป งานสัปดาห์วิทย์ฯ คนเดินน้อยกว่า งานมอเตอร์โชว์ เป็นไหนๆ
โดย
nz
พฤหัสฯ. ก.พ. 25, 2016 3:11 pm
0
1
Re: Internet of things (IoT)
ต่อไปเราสามารถทราบสถานะของสิ่งต่างๆ ได้จากทาง Smartphone, Computer ของเราและสามารถสั่งการทางไกลได้มากขึ้น อาทิเช่น เราสามารถรู้ว่า ห้างที่เรากำลังจะไป มีที่จอดรถว่างอยู่ชั้นไหนบ้าง, รถเมล์ที่เรากำลังรอตอนนี้คันไหนอยู่ใกล้เราที่สุดและคาดเดาได้ว่าอีกนานไหมที่จะมาถึงป้าย, ของบางอย่างในตู้เย็นเหลืออยู่เท่าไหร่, สั่งเพิ่มลดอุณหภูมิห้องได้) การทราบสถานะของสิ่งต่างๆ และสั่งการได้มากขึ้น ย่อมหมายถึงความสามารถในการวางแผนต่างๆ ได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้ารู้ว่ารถเมล์ที่รออยู่ อีกนานกว่าจะเข้าป้าย แทนที่จะมารออย่างไม่รู้ชะตากรรม ก็สามารถไปทำอย่างอื่นไปพลางๆ ก่อน หรือ ในระหว่างการแวะเดินห้าง เราสามารถดูว่าของอะไรในตู้เย็นกำลังจะหมด ก็สามารถซื้อไปเติมในปริมาณที่เหมาะสม และ ยิ่งถ้าข้อมูลเหล่านี้เราอนุญาตให้ผู้ขายรู้ข้อมูลได้ด้วย ก็จะเกิดบริการแปลกๆ ใหม่ๆ มาช่วงชิงกำลังซื้อของเรา ส่วนข้อเสียก็คงจะเป็นเรื่องความเป็นส่วนตัวที่อาจจะถูกละเมิด แต่ถ้าคิดตามหลัก วิวัฒนาการแล้ว สิ่งไหนที่ได้รับความนิยมและยังมีช่องโหว่ ก็จะเกิดความพยายามมีการคิดค้นหาเครื่องไม้เครื่องมือมาลดช่องโหว่ของระบบ เราก็จะอยู่ในโลกของเทพมากขึ้น (อะไรๆ ก็ดูจะสะดวกสบาย และ เป็นอัตโนมัติ มากขึ้น) แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความสุขของเราจะไม่ได้มีมากขึ้น (ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไปไกลขนาดไหน เดี๋ยวสักพักเราก็ชิน แล้วก็รู้สึกเหมือนเดิม)
โดย
nz
พฤหัสฯ. ก.พ. 25, 2016 2:50 pm
0
5
Re: ถ้าผมจะเลือกลงทุนหุ้นในกลุ่มนี้เข้าพอร์ท ท่านมีความเห็นอ
มีความเห็นว่าควรจะสมัครเป็นสมาชิกสมาคมครับ สิ่งที่คุณต้องการทราบมีอยู่แล้วในห้องร้อยคนร้อยหุ้น
โดย
nz
จันทร์ ม.ค. 25, 2016 3:25 pm
0
1
Re: เวลานี้หุ้นกลุ่มไหนที่เรียกว่า Defensive ในความคิดของทุก
กลุ่ม โรงพยาบาล ครับ
โดย
nz
จันทร์ ม.ค. 18, 2016 2:08 pm
0
1
Re: โลกหมุนเร็วขึ้น อะไรกำลังจะตกเทรนด์บ้างครับ
- Youtube แทนที่ทีวีทุกประเภท แต่อาจจะอีกสักพักใหญ่ - โฆษณาที่แบ่งจากสื่ออื่นมาอยู่บนอินเตอร์เน็ต น่าจะกำลังลำบากขึ้น เพราะมี adblock และเริ่มลามมาถึงอุปกรณ์พกพาของ apple แล้วใน ios 9 ที่สามารถติดตั้งตัว block โฆษณาได้ ถ้าเจอโฆณาแฝง แบบในละครซิทคอม หรือไม่ก็เอามาเป็น Theme แบบในตลก 6 ฉาก แบบนี้ Ad Block ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมันปนมาในฉากเลย
โดย
nz
พฤหัสฯ. ม.ค. 14, 2016 12:15 am
0
2
Re: โลกหมุนเร็วขึ้น อะไรกำลังจะตกเทรนด์บ้างครับ
- บริษัททัวร์ ในขณะที่คนเข้าถึงข้อมูล มีรีวิวมากมายให้ดู หาตั๋วได้ในราคาถูก เมื่อรวมกันอาจจะถูกกว่าทัวรืเกือบครึ่ง ไม่จำเป็นต้องพึ่งทัวร์อีกต่อไป อันนี้คงต้องแบ่งเป็นทัวร์ ในประเทศ หรือ ต่างประเทศนะ สำหรับทัวร์ในประเทศ คนเที่ยวส่วนใหญ่ก็มีหลายระดับอยู่แล้ว ก็ขึ้นกับว่าต้องการความสะดวก หรือ ต้องการประหยัด แต่สำหรับทัวร์ต่างประเทศ คนจะไปเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นคนมีเงิน และ คนมีเงินยอมจ่ายเพื่อซื้อความสะดวกนะ ประเภทต้องไปเดินวีซ่าเอง, จองตั๋วเครื่องบินเอง, จองโรงแรมเอง, ไปหาเช่ารถเอง และต้องจองทุกอย่างให้สอดคล้องลงตัวกัน ไหนจะเรื่องการเจอกับปัญหาการหลอกลวงนักท่องเที่ยวต่างชาติ คงเหมาะกับ Backpacker ที่มีเวลาว่างน่ะ และอีกอย่างหนึ่ง บริษัททัวร์ก็มีอำนาจต่อรองกับโรงแรม, สายการบิน, รถทัวร์ เนื่องจากมีโวลุ่มและความถี่ในการใช้บริการที่ชัดเจน การใช้บริการทัวร์ น่าจะสะดวกกว่าไปเองนะ
โดย
nz
พุธ ม.ค. 13, 2016 2:19 pm
0
2
Re: ขวัญหนีดีฝ่อ เพราะ Technology / คนขายของ
ดู Video ที่บ้าน กับดูหนังในโรง มันได้ความรู้สึกเหมือนกันไหม? นั่งซื้อของ Online หน้าคอมฯ กับการได้ไปเดินเล่น เถลไถล ในห้าง มันได้ความรู้สึกเหมือนกันไหม? อ่าน E-Book บน Tablet กับ อ่านหนังสือที่เป็นเล่ม มันได้ความรู้สึกเหมือนกันไหม? บางทีความสะดวกสบายในเทคโนโลยีใหม่ๆ อาจจะไม่ใช่คำตอบทั้งหมดนะ เพราะอย่างน้อย ก็มีคำว่า Slow Life เป็นคำฮิตติดปากในยุคนี้ เสน่ห์ในการใช้ชีวิตมันอยู่ตรงไหน?
โดย
nz
จันทร์ ธ.ค. 14, 2015 12:08 pm
0
1
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
จะขายก็เสียดายข้อดีของธุรกิจ จะถือต่อก็กลัวข้อไม่ดีของผู้บริหาร กลืนไม่เข้า คายไม่ออก เลยมีหลากหลายความคิดเห็น
โดย
nz
ศุกร์ ธ.ค. 11, 2015 3:20 pm
0
4
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
มาตามอ่านครับ
โดย
nz
พฤหัสฯ. ธ.ค. 10, 2015 11:21 am
0
1
Re: สุดเจ๋ง!
ถ้าเป็นจริงป่านนี้นายทุนต่างชาติมาซื้อผลงานไปแล้วล่ะ
โดย
nz
พฤหัสฯ. ธ.ค. 10, 2015 11:01 am
0
2
Re: สมุดเยี่ยมชมห้องบทความ
ตั้ง RSS เอาไว้ เวลามีบทความใหม่ๆ ก็เข้ามาอ่าน ได้ความรู้หลากหลายดีครับ ได้เห็นมุมมองของนักลงทุน ที่บางครั้งก็คาดไม่ถึงว่า เขาคิดเรื่องแบบนี้กันด้วยหรือ ขอบคุณ ผู้เขียนบทความทุกท่านที่ได้สละเวลาเขียนบทความเป็นวิทยาทานนะครับ
โดย
nz
ศุกร์ ม.ค. 23, 2015 11:33 am
0
0
Re: แชร์เรทค่าเช่าคอนโด
พี่หนุ่มโค้ชการเงินของผมบอกไว้ว่า "การลงทุนคือแผนการ" ไม่ใช่แค่เอาเงินไปซื้อคอนโด แล้วบอกว่านั่นคือการลงทุน!!!....^^) คำพูดโดนใจครับ
โดย
nz
พุธ ธ.ค. 11, 2013 1:58 pm
0
0
Re: สรุปความรู้หลักสูตรVI รุ่น4 (Part1 แนวคิดการลงทุน อ.นิเว
ขอบคุณครับ
โดย
nz
ศุกร์ พ.ย. 22, 2013 10:03 am
0
0
Re: “วอร์เร็น บัฟเฟตต์” ชี้ไม่เคยเห็นใครรวยเพราะทองคำ ยกเว้น
ความคิดเห็นของผมจากการได้อ่านหนังสือมา คือมันมีทรัพย์สินหลายอย่างให้เราเลือกที่จะเปลี่ยนเงินสดเป็นทรัพย์สินนั้นๆ เช่น หุ้น, ตราสารหนี้, ทองคำ, อสังหาริมทรัพย์, พระเครื่อง, ของสะสม (แม้แต่หุ้นเองเราก็ต้องตามไปดูว่าเขาไปลงทุนในกิจการอะไร) ทรัพย์สินบางอย่างก็จะเพิ่มมูลค่าในบางช่วงเวลาหรือบางสถานการณ์หรือพูดง่ายๆ ว่าจะต้องจับจังหวะในการเข้าถือครองให้ถูก การเลือกถือทองคำแทนเงินสดในบางโอกาสก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีในบางสถานการณ์ (เช่นในยามที่เกิดภาวะเงินเฟ้อ และหุ้นมี PE สูงอยู่) แต่อย่างไรก็ตามการถือแต่ทองคำแต่เพียงอย่างเดียวเป็นระยะเวลานานๆ คงจะให้ผลตอบแทนสู้หุ้นดีๆไม่ได้ แม้กระทั่งการเลือกหุ้นเอง หากเลือกไม่ถูกตัวซื้อขายไม่ถูกจังหวะ ก็ไม่รวยจริงไหมครับ ถึงตรงนี้อยากจะบอกว่าการทำความรู้จักในสิ่งที่เรากำลังจะ จ่ายเงินเพื่อหวังว่าในอนาคตมันจะให้ผลตอบแทนมากกว่าที่เราได้จ่ายไป เป็นเรื่องที่สำคัญครับ
โดย
nz
ศุกร์ ส.ค. 02, 2013 5:04 pm
0
1
Re: “วอร์เร็น บัฟเฟตต์” ชี้ไม่เคยเห็นใครรวยเพราะทองคำ ยกเว้น
ถ้ามองในแง่การลงทุนแบบ value investment ทองคำก็เหมือนหุ้นที่มี PER = อนันต์ !! เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ไม่มีแม้กระทั่งปันผล เปรียบเปรยได้เห็นภาพเลยครับ :bow:
โดย
nz
ศุกร์ ส.ค. 02, 2013 4:11 pm
0
0
Re: คำถามเก่า ๆ
ต้นปี ตลาดขึ้นแรง ใคร ๆ ก็อยากซื้อหุ้น ไล่ซื้อแพงเพราะโลภ หวังขายราคาแพงกว่า ไล่ซื้อกันจนลืมพื้นฐานกิจการ กลางปี ตลาดลงแรง ใคร ๆ ก็เกลียดหุ้น ขายทิ้งทุกราคาเพราะกลัวมีราคาต่ำกว่า ขายกันจนลืมพื้นฐานกิจการ(อีกแล้ว) ซื้อก็ "ราคา" ขายก็ "ราคา" ขึ้นก็"ราคา" ลงก็"ราคา" ทุกสายตาเห็นแต่"ราคา" ในเมื่อ ใคร ๆ ก็ลืมพื้นฐานกิจการ นักลงทุนในกิจการควรทำอย่างไร? หรือว่าสมควรต้องลืมบ้าง???? ผมว่าคุณสมบัติของ VI ข้อหนึ่งก็คือการรู้จักอดทนรอ ครับ
โดย
nz
ศุกร์ ส.ค. 02, 2013 4:06 pm
0
0
Re: คำถามเก่า ๆ
ถ้ามองหุ้นเป็นสินค้าก็คงจะมีแต่เรื่องซื้อมาขายไปไม่ค่อยมีความผูกพัน ถ้ามองหุ้นเป็นการลงทุนก็ต้องทำความเข้าใจในตัวธุรกิจต้องเข้าไปทำความเข้าใจในฐานะเจ้าของกิจการ
โดย
nz
ศุกร์ ส.ค. 02, 2013 3:56 pm
0
0
Re: หุ้นสุกี้mk ราคาจองประมาณเท่าไรคับ
เค้าใช้ชื่ออะไรครับ mk ใช้ไม่ได้แล้วนี่ mkg krub ไม่ใช่ M เฉยๆ เหรอครับ
โดย
nz
ศุกร์ ส.ค. 02, 2013 3:13 pm
0
1
Re: ดีทรอยต์แห่งรัฐมิชิแกนล้มละลาย บทเรียนของดีทรอยต์แห่งเอเ
คิดว่าที่อเมริกาสาเหตุหลักน่าจะเป็นเรื่อง Unions ครับ เห็นด้วยครับ สหภาพแรงงานของเมืองนอกแข็งแกร่งมาก ยิ่งเป็นแรงงานที่ต้องอาศัย skill หรือ professional แล้ว ผู้ประกอบการยากที่จะต่อรองได้ โรงงานประกอบรถยนต์ในออสเตรเลีย ทยอยปิดเรื่อยๆ สู้เรื่องค่าแรงไม่ได้ เริ่มจาก มิตซุบิชิ เมื่อสองสามปีก่อน ล่าสุดฟอร์ด ประกาดปิดโรงงานที่ Geelong NWS ครับ ภาพเมืองไทย สหภาพแรงงานบางแห่ง ที่แข็งแรงๆ มักเป็นปัจจัยหนึ่ง ที่มีผลต่อความอ่อนแอ ในการทำกำไรของกิจการ เช่นการบินไทยเป็นต้น แต่ในอุตสหกรรมรถยนต์ ยังไม่เห็นครับ พอบริษัทล้มละลาย สหภาพแรงงานเขาจะอยู่ต่อได้อย่างไรครับ
โดย
nz
อังคาร ก.ค. 30, 2013 10:17 am
0
1
Re: ถ้า PE ของหุ้นส่วนใหญ่ในตลาด เกิน 60 เท่า VI จะเลือกถือเ
ถ้าธุรกิจยังคงเติบโต ก็ถือต่อ (กลัวว่าขายไปแล้วจะไม่มีโอกาสซื้อคืน) แต่ถ้ามีเงินสดในมือ แล้วเจอแต่หุ้น PE 60 เท่าเต็มตลาด ก็ยินดี ถือเงินสด และ อดทนรอครับ
โดย
nz
จันทร์ ก.ค. 29, 2013 3:30 pm
0
0
Re: ถ้า PE ของหุ้นส่วนใหญ่ในตลาด เกิน 60 เท่า VI จะเลือกถือเ
ถ้าธุรกิจยังคงเติบโต ก็ถือต่อ (กลัวว่าขายไปแล้วจะไม่มีโอกาสซื้อคืน) แต่ถ้าประเมินแล้วเป็นธุรกิจเริ่มจะอิ่มตัวไม่โตต่อไปแล้ว ก็ขายครับ หรือว่าเจอตัวอื่นที่มั่นใจมากๆ ว่าเป็นธุรกิจที่ดีกว่า ก็สลับตัวเล่นครับ
โดย
nz
จันทร์ ก.ค. 29, 2013 3:23 pm
0
0
Re: ขอถามเรื่อง PE ในแต่ละสภาพตลาดที่แตกต่างกันครับ
จริงๆ มีอัตราส่วนอีกตัวหนึ่งที่เขาใช้ประเมินมูลค่าหุ้นคือ PEG Ratio ครับ คืออนุญาตให้ซื้อหุ้นใน PE ที่สูงสักหน่อยได้ หากคาดการณ์ว่า Growth ในอนาคตมันแซง PE ว่าแต่จะคาดการณ์ Growth ได้แม่นขนาดไหน อันนี้ต้องทำการบ้านเยอะๆ ครับ
โดย
nz
จันทร์ ก.ค. 29, 2013 2:49 pm
0
0
Re: ขอถามเรื่อง PE ในแต่ละสภาพตลาดที่แตกต่างกันครับ
ก็รอไปซื้อหุ้นตอนตลาดหมีสิครับ สบายใจดี มีเวลาทำการบ้านเยอะ ไม่ต้องรีบส่ง (ราคาหุ้นไม่รีบขึ้นให้เราวุ่นวายใจ มีเวลาเลือกกิจการดีๆ เยอะ) ผมว่าคุณสมบัติที่จำเป็นข้อหนึ่งของการเป็น VI คือการ อดทนรอ นะ :mrgreen:
โดย
nz
จันทร์ ก.ค. 29, 2013 2:43 pm
0
2
Re: ดีทรอยต์แห่งรัฐมิชิแกนล้มละลาย บทเรียนของดีทรอยต์แห่งเอเ
อืมม อ่านแล้วชวนให้นึกถึงเศรษฐกิจพอเพียง เตรียมตังค์หาซื้อที่เอาไว้ ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ เอาไว้กินเองดีกว่า..
โดย
nz
จันทร์ ก.ค. 29, 2013 2:14 pm
0
2
Re: เตรียมตัวสู่งาน 10 ปี Thaivi รวบรวมวีดีโอ Thai VI คลาสสิ
มารอดูครับ
โดย
nz
จันทร์ ก.ค. 29, 2013 1:49 pm
0
0
Re: Just Kidding! วลีแหม่งๆจากบทวิเคราะห์หุ้น
เคยไหมคับที่อ่านบทวิเคราะห์หุ้นไปแล้วมานั่ง "งง" เช่น ...ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยลบไปพอสมควรแล้ว เราจึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น "ถือ" จาก "ขาย"... แนะนำขายไปแล้วจะ "ถือ" ได้ไงเนี๊ย 555 :shock: เค้าคงหมายความว่า ถ้าตอนนั้นยังไม่ตกใจขาย ตอนนี้ก็อย่าเพิ่งขาย ถือเอาไว้ก่อน :P
โดย
nz
ศุกร์ ก.ค. 26, 2013 5:27 pm
0
0
Re: Thailand Stand Up !!!
กราฟอะไรหรือครับ
โดย
nz
พุธ ก.ค. 24, 2013 11:21 am
0
0
Re: ซ้ืำเติมตลาดด้วย Short sale
short sale ลดราคาระยะสั้นๆหรอครับ ขายระยะสั้นครับ คือขายตอนราคาสูงแล้วก็รีบซื้อคืนตอนราคาต่ำกว่า เป็นกลยุทธทำกำไรตอนที่หุ้นเป็นขาลง
โดย
nz
อังคาร ก.ค. 23, 2013 10:07 am
0
0
Re: นักลงทุนสายตาสั้น (ผมไม่ได้สั้นนะครับ)
มาติดตามอ่านด้วยคนครับ
โดย
nz
พฤหัสฯ. ก.ค. 18, 2013 5:09 pm
0
0
Re: ซ้ืำเติมตลาดด้วย Short sale
ถ้ามีคนรุมชอร์ตแล้ว ทำให้ราคามันตกกว่าที่ควรจะเป็น มันก็เป็นข่าวดีสำหรับนักล่าของถูกอย่างพวกเราสิครับ หลักการลงทุนมันไม่ซับซ้อนหรอกครับ เมื่อใดลูกตุ้มราคามันเหวี่ยงห่างแกนมูลค่าไปมาก เดี๋ยวมันก็ต้องเหวี่ยงกลับเสมอ มากไปเดื๋ยวก็ลงมาต่ำ ต่ำไปเดี๋ยวก็กลับมาสูง เราควรจับจ้องที่มูลค่า ไม่ใช่ราคา มูลค่าเองก็เคลื่อนที่ได้ของให้จับตาดูให้ดี เพียงแต่มันอุ้ยอ้ายใช้เวลามากกว่าราคานัก มันอาจมีบ้างที่ ราคาร่วง ทำให้มูลค่าร่วง ถ้าเรารู้ว่ามีตรงนี้ ก็ขอให้เลือกลงทุนในธุรกิจที่ มูลค่ามันได้รับผลกระทบจากการเปลีย่นแปลงของราคาได้ยาก เราก็สบายใจกว่าครับ ถามเป็นความรู้หน่อยครับว่าหุ้นแบบไหนครับที่ราคาร่วงแล้วทำให้มูลค่าร่วงไปด้วยครับ
โดย
nz
พุธ ก.ค. 17, 2013 9:16 am
0
0
Re: ซ้ืำเติมตลาดด้วย Short sale
ถ้าผมตั้งใจจะถือหุ้นตัวหนึ่งแบบนานๆ (ตราบใดที่พื้นฐานกิจการไม่เปลี่ยนก็จะไม่ขาย) การเอาหุ้นให้คนอื่นยืมไป Short นี่จะทำให้ผมมีรายได้เสริมอีกทางใช่ไหมครับ (เห็นบอกว่ามีค่าธรรมเนียมให้กับเจ้าของ) ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมจะต้องทำอย่างไรบ้าง จึงจะมีคนมายืมหุ้นในมือไป Short ครับ (ลงไปลงทะเบียนหรือเอาหุ้นไปฝากกับใครที่ไหนครับ) และการทำเช่นนี้มีความเสี่ยงอะไรบ้างครับ
โดย
nz
พฤหัสฯ. ก.ค. 11, 2013 11:31 am
0
1
Re: การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง
แล้ว Growth เฉลี่ยระยะยาว ควรจะมองล่วงหน้าสักกี่ปีดีครับ
โดย
nz
พุธ มิ.ย. 26, 2013 3:24 pm
0
1
Re: การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง
หา Growth นี่แหละยากที่สุดแล้ว อีกประเด็นคือ พวก Growth ต่ำ P/E ก็ต่ำ เช่น Growth 10% P/E 10 ได้ 1 ส่วนอีกตัว Growth 20, P/E 20 PEG ได้ 1 เหมือนกันแต่ Break Even ตัวที่สองจะเร็วกว่า ดังนั้น ผมจึงคิดว่าสูตร Break Even น่าจะเหมาะสมกว่า และได้ทำสูตร Plug-In สำหรับ Excel ไว้แล้ว ใครต้องการไว้ศึกษาก็แจ้งมาได้ครับ =BreakEven(Price,EPS,Growth) ค่าที่ได้คือจำนวนปีที่จะคืนทุน (แต่ไม่ได้คำนวณมูลค่าปัจจุบัน) สนใจครับ แนวคิดเป็นยังไงเหรอครับ
โดย
nz
พุธ มิ.ย. 26, 2013 10:30 am
0
0
Re: จาก 1640 ท่านถือหุ้นกี่เปอร์เซนต์ครับ
่่ของผม portติดลบนะตอนนี้ -25%มือใหม่ครับไม่รู้จะทำยังไงขอคำแนะนำด้วยครับ มือใหม่เหมือนกันครับ เข้าใจความรู้สึก แต่อาจช่วยไม่ได้มากนะครับ ถ้าถามอาจารย์ vi หลายท่านของผม ทุกคนคงบอกว่าอย่าไปสนใจกับราคาที่ตลาดให้ในตอนนี้ครับ สนใจที่กิจการของบริษัทที่เราลงทุนอยู่ดีกว่าเรารู้จักกิจการดีพอหรือไม่ บริษัทที่เราถือเป็นบริษัทที่ดีหรือไม่ เราได้มีการคำนวณมูลค่าที่แท้จริง หรือประเมินอนาคตของกิจการหรือไม่ ทัศนคติของผู้บริหารเป็นอย่างไร ถ้าเราตอบคำถามทุกข้อได้หมดแล้ว ก็ปิดหน้าจอคอมแล้วไปหาอะไรทำที่มันจรรโลง รอคอยจนกว่าสถานการณ์ตลาดหุ้นตกต่ำในช่วงนี้จะผ่านไป แล้วตลาดจะกลับมาให้ค่า premium กับกิจการที่เราถือไว้เองครับ ไม่รู้ว่ากำลังเตือนคุณ Percen อยู่หรือเตือนตัวเองอยู่เหมือนกันนะครับ 555 สิ่งหนึ่งที่เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าที่ผมเคยได้ทดสอบมาก็คือ การได้ถือหุ้นแบบยาวๆ ตั้งแต่ราคาเป็นบวกและเริ่มติดลบไปเรื่อยๆ แบบน่าใจหาย จนกระทั่งเวลาผ่านไปจนมันก็กลับมาเป็นบวกอีก (ตอนราคามันร่วง ไม่เคยจินตนาการออกเลยว่าราคามันจะกลับมาอยู่ที่เดิมได้ ตอนนั้นมีแต่ข่าวร้ายๆ) ถึงวันนี้เข้าใจแล้วว่า ราคาเป็นแค่ภาพลวงตา คุณค่าเป็นของจริง
โดย
nz
อังคาร มิ.ย. 25, 2013 5:27 pm
0
3
Re: VI เอ๋ย ความสุขเจ้าอยู่หนใด
เมื่อวานนี้มีคนเอาหุ้นมาขายแบบลดราคาให้ :D
โดย
nz
ศุกร์ มิ.ย. 21, 2013 10:30 am
0
1
Re: หนังสือวัดมูลค่าหุ้น ด้วยตัวคุณเอง ของสุมาอี้ซื้อที่ไหนค
อ้อ! อย่าเพิ่งเชื่อทั้งหมดตามที่ผมบอกนะครับ แนะนำว่า ลองศึกษา DCF และลงมือทำจริงๆ จังๆ ดูก่อน ได้ผลลัพธ์อย่างไร มาแชร์ให้ฟังด้วยก็ดีครับ DCF อ่านเอาไว้ก็ดีครับ ลงมือทำด้วยก็ยิ่งดีครับ (ผมเองก็ลงมือทำไฟล์ Excel ทำเอาไว้เพื่อประเมินมูลค่าหุ้นโดยวิธี DCF แล้ว) แต่... อย่าไปติดยึดว่า DCF จะเป็นคำตอบเดียวในการประเมินมูลค่าหุ้นนะครับ จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมว่าวิธี DCF มีความยุ่งยาก แถมผลลัพธ์ที่ได้จะแม่นยำหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ การเติบโต และปัจจัยอื่นๆ ที่เราเอามาคำนวณ WACC (ซึ่งการบ้านที่ผมทำโดยใช้วิธีนี้ ผมพบว่า มันไม่แม่นยำเอาเสียเลย เพียงแค่เปลี่ยนตัวแปรบางตัวตามสมมุติฐานที่เปลี่ยนไป มูลค่าหุ้นก็กระโดดไปมาอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ) ยิ่งได้อ่านความคิดเห็นของคุณ IH ที่เคย Post เอาไว้ด้านล่าง http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=7&t=16119 ส่วนการใช้ DCF นั้น ผมคิดว่าไม่จำเป็นเท่าไหร่สำหรับนักลงทุนทั่วไปครับ เพราะจริงๆ แล้ว p/e คือผลสุดท้ายของ DCF นั่นแหละครับ เพราะ DCF เป็น model ที่คำนึงถึง growth ความเสี่ยง เงินสดและหนี้สิน ซึ่งหากเราใช้ p/e เป็น ใช้ p/bv ได้ถูกวิธี มันจะเป็นสุดยอดวิชาขั้นสูงกว่าการใช้ DCF อีกครับ เพราะมันเป็นการนำหลักแนวคิดของ DCF มาใช้ได้โดยไม่ต้องเหนื่อยมานั่งทำ model อย่างท่านอาจารย์ ดร. นิเวศน์เอง ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ DCF ในการคำนวณนะครับ มันเหมือนกับอะไรที่ back to basic ครับ บางครั้งอะไรที่ซับซ้อนมากๆ กลับไม่ใช่สุดยอดวิชา แต่สิ่งที่เป็นสุดยอดวิชา มักจะไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด ยิ่งยืนยันครับว่า DCF เป็นเพียงแค่เครื่องมือตัวหนึ่ง แต่ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายครับ ขอให้โชคดี กับเส้นทางการลงทุนครับ
โดย
nz
พุธ ม.ค. 30, 2013 1:38 pm
0
0
Re: หนังสือวัดมูลค่าหุ้น ด้วยตัวคุณเอง ของสุมาอี้ซื้อที่ไหนค
DCF อ่านเอาไว้ก็ดีครับ ลงมือทำด้วยก็ยิ่งดีครับ (ผมเองก็ลงมือทำไฟล์ Excel ทำเอาไว้เพื่อประเมินมูลค่าหุ้นโดยวิธี DCF แล้ว) แต่... อย่าไปติดยึดว่า DCF จะเป็นคำตอบเดียวในการประเมินมูลค่าหุ้นนะครับ จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมว่าวิธี DCF มีความยุ่งยาก แถมผลลัพธ์ที่ได้จะแม่นยำหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ การเติบโต และปัจจัยอื่นๆ ที่เราเอามาคำนวณ WACC (ซึ่งการบ้านที่ผมทำโดยใช้วิธีนี้ ผมพบว่า มันไม่แม่นยำเอาเสียเลย เพียงแค่เปลี่ยนตัวแปรบางตัวตามสมมุติฐานที่เปลี่ยนไป มูลค่าหุ้นก็กระโดดไปมาอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ) ยิ่งได้อ่านความคิดเห็นของคุณ IH ที่เคย Post เอาไว้ด้านล่าง http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=7&t=16119 ส่วนการใช้ DCF นั้น ผมคิดว่าไม่จำเป็นเท่าไหร่สำหรับนักลงทุนทั่วไปครับ เพราะจริงๆ แล้ว p/e คือผลสุดท้ายของ DCF นั่นแหละครับ เพราะ DCF เป็น model ที่คำนึงถึง growth ความเสี่ยง เงินสดและหนี้สิน ซึ่งหากเราใช้ p/e เป็น ใช้ p/bv ได้ถูกวิธี มันจะเป็นสุดยอดวิชาขั้นสูงกว่าการใช้ DCF อีกครับ เพราะมันเป็นการนำหลักแนวคิดของ DCF มาใช้ได้โดยไม่ต้องเหนื่อยมานั่งทำ model อย่างท่านอาจารย์ ดร. นิเวศน์เอง ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ DCF ในการคำนวณนะครับ มันเหมือนกับอะไรที่ back to basic ครับ บางครั้งอะไรที่ซับซ้อนมากๆ กลับไม่ใช่สุดยอดวิชา แต่สิ่งที่เป็นสุดยอดวิชา มักจะไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด ยิ่งยืนยันครับว่า DCF เป็นเพียงแค่เครื่องมือตัวหนึ่ง แต่ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายครับ ขอให้โชคดี กับเส้นทางการลงทุนครับ
โดย
nz
พุธ ม.ค. 30, 2013 1:23 pm
0
1
Re: วินัยการลงทุน
ขอบคุณมากครับ กับข้อคิดดีๆ ที่มาเตือนสติตอนนี้ ผมเองก็ยอมรับว่า โดนอารมณ์ตลาดเล่นงานอยู่ คือคิดว่า มันขึ้นมาเยอะแล้ว เดี๋ยวมันก็คงลง เลยคิดที่จะขายก่อนเพื่อรอรับใหม่ดีมั๊ย เป็นอย่างงี้หลายครั้งหลายคราว ขอบคุณครับ จำได้คลับคล้ายคลับคลา เหมือนผู้ที่เขาประสบความสำเร็จในการลงทุนจะเคยบอกเอาไว้ว่า จะขายหุ้นเฉพาะตอนที่พื้นฐานเปลี่ยน ถ้าหุ้นที่เราถืออยู่ยังเป็นหุ้นที่ดี ก็ไม่น่าจะขายเพราะว่าราคามันขึ้นมาสูง เพราะเกิดว่าขายไปแล้ว เกิดราคามันขึ้นไปอีกแล้วซื้อคืนกลับมาไม่ได้ คงจะน่าเสียใจแย่ ดร. ท่านก็เคยกล่าวเอาไว้ในรายการ Money ที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยาการลงทุนตอนหนึ่งว่า คนเราชอบขายหุ้นดีๆ ออกไป (เพราะว่ามันได้ราคาดี) ในขณะเดียวกันก็ชอบเก็บหุ้นแย่ๆ เอาไว้เต็มพอร์ต
โดย
nz
พุธ ม.ค. 30, 2013 11:50 am
0
1
Re: วินัยการลงทุน
จากความคิดเห็นข้างบน ทำให้ผมคิดอะไรได้อย่างนึงครับ เวลาที่เราได้ยินข่าวอะไร เรามักจะเคลิบเคลิ้มไปกับข่าวเหล่านั้น แต่สิ่งที่เรามักจะไม่ได้ทำก็คือ ไปสอบทานข้อเท็จจริง และตีคุณค่าของเรื่องนั้นๆ ออกมาเป็น ตัวเลขที่วัดผลได้จริง ตัวอย่างเช่น เรากำลังจะซื้อหุ้นกิจการหนึ่งที่เราคิดว่ามันดี แล้วก็มีข่าวออกมาว่า มีคู่แข่งเกิดใหม่จะมาแย่งรายได้ของกิจการที่เราเล็งว่าจะซื้อหุ้นเอาไว้ ทำให้เราเกิดลังเลใจ สิ่งที่เราทำก็คือ เกิดความหวั่นไหวต่อข่าว แต่สิ่งที่เรามักจะไม่ค่อยได้ทำต่อไปก็คือ ไม่ได้ไปสืบค้นต่อไปว่า ข่าวนั้นมีความจริงในแง่มุมอื่นอีกรือเปล่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นมากน้อยขนาดไหน (คำว่ามากน้อยขนาดไหนนี่คงต้องเป็นการลงมือประเมินจากข้อมูลที่ต้องไปหาจริงๆ ไม่ใช่นั่งเดา) ผมว่ามี Webboard ก็ดีอยู่อย่างหนึ่ง คือ การได้เอาข้อมูลมาแบ่งปันกันครับ ได้เห็นมุมมองของนักลงทุนหลายๆ คน เวลาตัดสินใจจะได้มีข้อมูลรอบด้าน
โดย
nz
พุธ ม.ค. 30, 2013 11:37 am
0
0
Re: การดูเงินสดในงบการเงิน
ตามที่ผมเข้าใจมาจากการอ่าน เวลาดูเงินสด ก็จะเริ่มจากในงบกระแสเงินสด ตรงบรรทัด เงินสดที่ได้มาจากการดำเนินงาน อันนี้จะบอกว่า บริษัทนี้ได้เงินสด (หมายถึงเงินสดจริงๆ ไม่ใช่ในทางบัญชี) จากการทำมาค้าขายมาเท่าไหร่ บริษัทที่ดีควรจะมีค่าตรงนี้เป็นบวก ถ้าค่าตรงนี้ติดลบต่อกันหลายๆ ปี ก็เลิกดูเพราะบริษัทนี้ทำมาค้าขายไม่ขึ้น เมื่อได้เงินมาแล้ว ก็มาดูต่อว่าผู้บริหาร ตัดสินใจเอาเงินไปทำอะไรต่อ เช่น เอาไปลงทุนขยายกิจการต่อ ก็จะสะท้อนออกมาในบรรทัดถัดๆ มาในงบกระแสเงินสดคือ เงินสดที่ได้มา (ใช้ไป) ในกิจกรรมการลงทุน ซึ่งจะมีค่าติดลบ (ที่มันติดลบเป็นเพราะเป็นเงินสดที่บริษัทจ่ายออกไป ซึ่งการติดลบแบบนี้เป็นเรื่องดีครับ หากขยายกิจการอย่างถูกที่ถูกทาง จะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มในอนาคต) หรือ เอาเงินไปจ่ายเงินปันผลคืนให้กับผู้ถือหุ้น, เอาไปใช้หนี้คืน, เอาไปซื้อหุ้นคืน ซึ่งก็จะสะท้อนออกมาในบรรทัดถัดๆ มาในงบกระแสเงินสดคือ เงินสดที่ได้มา (ใช้ไป) ในกิจกรรมการจัดหาเงิน ซึ่งจะมีค่าติดลบ (ที่มันติดลบเป็นเพราะเป็นเงินสดที่บริษัทจ่ายออกไป อีกเช่นเคย ซึ่งการติดลบแบบนี้เป็นเรื่องดีครับ บริษัทมีหนี้น้อยลงก็ทำให้มีภาระจ่ายดอกเบี้ยน้อยลง, บริษัทซื้อหุ้นคืนก็ทำให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น) หรืออาจจะไม่ทำอะไรเลยใน 2 เรื่องที่กล่าวมา เมื่อหักกลบกันแล้วก็เป็นเงินสดที่เหลืออยู่ในบริษัท ปกติหากมีเงินสดจากการดำเนินงานเหลือ ผู้บริหารไม่ควรเก็บเอาไว้เฉยๆ ไว้นานๆ โดยไม่ทำอะไร มันจะทำให้เสียโอกาสน่ะครับ เหมือนเรามีเงินสดอยู่มากแต่เก็บเอาไว้ในธนาคาร ย่อมเสียโอกาสที่เงินมันจะก่อให้เกิดดอกผลน่ะครับ สรุปแล้ว เวลาดูงบกระแสเงินสด รูปแบบที่ดีควรจะเป็น 1.กระแสเงินสดที่ได้มา (ใช้ไป) ในกิจกรรมการดำเนินงาน เป็น + 2.กระแสเงินสดที่ได้มา (ใช้ไป) ในกิจกรรมการลงทุน เป็น - 3.กระแสเงินสดที่ได้มา (ใช้ไป) ในกิจกรรมการจัดหาเงิน เป็น - โดยที่ เงินสดในข้อ 1. สามารถครอบคลุมสิ่งที่จ่ายไปในข้อ 2., 3. ได้ จะดีมาก จะได้ไม่ต้องไป กู้เงิน หรือ ระดมทุนจากนักลงทุนเพิ่มครับ
โดย
nz
อังคาร ม.ค. 29, 2013 6:16 pm
0
0
Re: การดูเงินสดในงบการเงิน
อ้อ! เพิ่มเติมอีกนิดนึงครับ ปกติ เวลาดูกำไรของบริษัทในงบกำไรขาดทุน ควรจะดูเงินสดในงบกระแสเงินสด เปรียบเทียบกันไปด้วย ว่ากำไรที่แสดงในงบกำไรขาดทุนนั้น แท้จริงแล้ว เป็นเงินสดจริงๆ เท่าไหร่ หรือว่าเป็นตัวเลขทางด้านบัญชีเท่านั้น บางบริษัท อาจจะมีกำไรเยอะ แต่เป็นกำไรทางบัญชีเฉยๆ ไม่ค่อยมีเงินสดอยู่กับบริษัท เนื่องจาก รับรู้รายได้เป็น เจ้าหนี้ ที่ยังเก็บหนี้ไม่ได้ เป็นต้น (ซึ่งในอนาคต เจ้าหนี้ ดังกล่าวอาจจะเป็นหนี้สูญก็ได้) โทษทีครับ พิมพ์ผิด จริงๆ ต้องเป็นคำว่าลูกหนี้แทนเจ้าหนี้นะครับ :oops:
โดย
nz
อังคาร ม.ค. 29, 2013 5:47 pm
0
0
Re: การดูเงินสดในงบการเงิน
อ้อ! เพิ่มเติมอีกนิดนึงครับ ปกติ เวลาดูกำไรของบริษัทในงบกำไรขาดทุน ควรจะดูเงินสดในงบกระแสเงินสด เปรียบเทียบกันไปด้วย ว่ากำไรที่แสดงในงบกำไรขาดทุนนั้น แท้จริงแล้ว เป็นเงินสดจริงๆ เท่าไหร่ หรือว่าเป็นตัวเลขทางด้านบัญชีเท่านั้น บางบริษัท อาจจะมีกำไรเยอะ แต่เป็นกำไรทางบัญชีเฉยๆ ไม่ค่อยมีเงินสดอยู่กับบริษัท เนื่องจาก รับรู้รายได้เป็นเจ้าหนี้ที่ยังเก็บหนี้ไม่ได้ เป็นต้น (ซึ่งในอนาคตเจ้าหนี้ดังกล่าวอาจจะเป็นหนี้สูญก็ได้)
โดย
nz
อังคาร ม.ค. 29, 2013 5:45 pm
0
0
Re: การดูเงินสดในงบการเงิน
ดูได้จาก 2 ที่ครับคือ 1.ในงบดุล ในส่วนของทรัพย์สิน จะมีบรรทัดของเงินสดอยู่ 2.ในงบกระแสเงินสด ก็จะมีบรรทัด เงินสดสุทธิปลายงวด ซึ่งมีค่าเท่ากับข้อ 1 คือในงบดุล มันจะขมวดข้อมูลเป็นบรรทัดเดียว ไม่มีที่มาที่ไปว่าเงินสดมาจากไหนบ้าง แต่ในงบกระแสเงินสด ตัวเลขเงินสดสุทธิปลายงวด จะมีที่มาที่ไป จากบรรทัด ก่อนๆ หน้า อาทิ เช่น ยอดยกมาต้นงวดเท่าไหร่ มีกระแสเงินสดที่เกิดจากการดำเนินงาน มาเพิ่มเติม หรือ หักออก เท่าไหร่ มีกระแสเงินสดที่เอาไปลงทุนเพิ่มเติมเท่าไหร่ มีกระแสเงินสดที่เอาไปจ่ายปันผลผู้ถือหุ้นเท่าไหร่ เป็นต้น อันนี้ผมเอาความรู้จากหนังสือ มาสรุปให้ฟังคร่าวๆ อาจจะงูๆปลาๆ ไปบ้าง แต่ก็มาตอบเพื่อจะได้ทบทวนความรู้ของตัวเองไปด้วย หาก ถูกผิดอย่างไร รบกวนผู้รู้ช่วยชี้แนะเพิ่มเติมด้วยนะครับ
โดย
nz
อังคาร ม.ค. 29, 2013 5:38 pm
0
0
Re: เรียนคุณภาววิทย์ครับ รบกวนแกะหุ้นที่ทำเกี่ยวกับหมอนรองรา
บอกใบ้ให้หน่อยสิครับ บริษัทที่ว่านี้ชื่ออะไร อืมคุณ o-bo-ja-ma เขาบอกใบ้ เป็นนัยๆ แล้วนะ
โดย
nz
พุธ ม.ค. 23, 2013 9:29 am
0
0
Re: ทำไมหุ้นเมื่อขึ้น XD ราคาต้องลด
การที่หุ้นราคาตกเพราะ XD มันไม่เกี่ยวกับ Value อะไรของหุ้นตัวนั้นเลยครับ ตราบใดที่หุ้นที่เราถือยังมีกิจการที่ดี เราจะขายออกไปเพื่ออะไรล่ะครับ เปรียบเหมือน เรามีห่านที่ออกไข่เป็นทองคำ เมื่อห่านออกไข่แล้ว ผอมลงตามสภาพ (แต่เดี๋ยวก็กลับมาอ้วนและออกไข่ทองคำให้เราอีก) เราจะขายห่านตัวนั้นออกไปดีไหมครับ ถ้าขายไปแล้วพอมันอ้วนและไปออกไข่ให้คนอื่น แล้วเราจะซื้อมันกลับมาได้ในราคาที่แพงมากๆ แล้วเราจะเสียดายไหมครับ
โดย
nz
อังคาร ม.ค. 22, 2013 1:52 pm
0
0
Re: ทำไมหุ้นเมื่อขึ้น XD ราคาต้องลด
ถ้าคุณเป็นคนซื้อหุ้น มีเหตุผลอะไรที่คุณจะซื้อหุ้นในราคาเดียวกันกับราคาก่อน XD ในเมื่อคุณซื้อต่อเขามาคุณก็ไม่ได้เงินปันผล (คนที่เขาได้รับเงินปันผลคือผู้ถือหุ้นเดิมที่เขากำลังจะขายหุ้นให้คุณ ซึ่งเขาได้ปันผลไปแล้ว) เมื่อคนซื้อเขาคิดได้อย่างนี้ก็ไม่มีใครเสนอซื้อด้วยราคาเดิมก่อนการปันผล ส่วนคนขาย จะขายในราคาก่อนปันผลก็ได้ แต่ใครล่ะเขาจะมาซื้อ ราคาซื้อขายก็เลยสะท้อนด้วยการหักเงินปันผลออกไป (เว้นเสียแต่ว่าหุ้นตัวนั้นเป็นหุ้นดีจริงๆ มีมูลค่าเกินปันผลที่จ่าย และคนซื้อเห็นว่าต่อให้ซื้อในราคาก่อนปันผลก็ยังคุ้ม เพราะอนาคตยังไงก็ราคาขึ้น ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า ราคาหลัง XD ไม่ตกลงไป)
โดย
nz
อังคาร ม.ค. 22, 2013 1:44 pm
0
0
Re: เรียนคุณภาววิทย์ครับ รบกวนแกะหุ้นที่ทำเกี่ยวกับหมอนรองรา
ตอนแรกฟัง จขกท. ก็สนใจในมุมมอง Business Model ที่จั่วเอาไว้ เลยไปดูงบ ก็พบว่า กำไรไม่เสถียร อันนี้เป็นเรื่องนึงที่ติดใจ พอมาอ่านความคิดเห็นของท่าน CONNICHIWA เพิ่มเติม ก็ทำให้หูตาสว่างเลยครับ ได้บทเรียนว่า การมอง Business Model ต้องมองให้ทะลุลงไปจริงๆ อย่ามองแต่ผิวเผิน ถ้าจะบอกว่าเรื่องนี้เป็นจุดแข็ง ก็ต้องมีข้อมูลรอบด้านจริงๆ มารองรับ อย่าทึกทักไปเองโดยการค้นคว้าข้อมูลต่อ
โดย
nz
อังคาร ม.ค. 22, 2013 12:05 pm
0
4
Re: เรียนคุณภาววิทย์ครับ รบกวนแกะหุ้นที่ทำเกี่ยวกับหมอนรองรา
ใช่ตัวที่ PE 62 เท่า ผลประกอบการย้อนหลัง มี กำไร และ ขาดทุน สลับกันไปใช่หรือเปล่าครับ ดู ROE และ ROA ก็ไม่ค่อยสูง หุ้นตัวนี้ Value อยู่ที่ไหนเหรอครับ
โดย
nz
จันทร์ ม.ค. 21, 2013 3:26 pm
0
2
Re: VI อดทนกับความยั่วยวนตอนนี้กันยังไงครับ
แทนที่จะมานั่งลุ้นว่า ราคาจะไปอีกเท่าไหร่ สู้เอาเวลาไปศึกษาวิธีหามูลค่า (คุณค่า) ที่แท้จริง ของหุ้นตัวนั้นๆ จะดีกว่า ถ้าเรามองว่าหุ้นคือของซื้อของขาย เราก็จะวุ่นวายกับราคาที่ขึ้นๆ ลงๆ ตามข่าว แต่ถ้าเรามองว่าหุ้นคือการเป็นเจ้าของกิจการ เราก็จะมาดูว่ากิจการที่เราอยากจะลงทุน มีดี มีเสีย อย่างไร มันก็จะเริ่มพาเราไปสู่การวิเคราะห์คุณค่าของหุ้นตัวนั้นๆ จริงๆ จังๆ และ อดทนรอเวลาที่ Mr.Market จะมาลดราคาให้ ถ้าเราสามารถแยกแยะออกระหว่างคำว่า คุณค่า (Value) กับคำว่า ราคา (Price) ว่าไม่ใช่คำๆ เดียวกัน เราก็จะไม่วุ่นวายกับความยั่วยวน ถ้าอดทนต่อความยั่วยวนได้ก็เป็น VI :idea: ถ้าอดทนต่อความยั่วยวนไม่ได้เขาเรียกว่าแมงเม่าครับ :twisted:
โดย
nz
พฤหัสฯ. ม.ค. 17, 2013 3:48 pm
0
1
Re: ฟรี ! แบ่งปันสรุปหุ้นรายตัว ย้อนหลัง 15 ปี ง่าย
รบกวนขอข้อมูลด้วยอีกคนครับ
[email protected]
ขอบคุณครับ
โดย
nz
พุธ ม.ค. 09, 2013 1:27 pm
0
0
83 โพสต์
of 2
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
nz
ระดับ:
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
จันทร์ มิ.ย. 11, 2007 7:12 pm
ใช้งานล่าสุด:
-
โพสต์ทั้งหมด:
152 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.01% จากโพสทั้งหมด / 0.02 ข้อความต่อวัน)
ลายเซ็นต์
มีเหตุผล, พอประมาณ, มีภูมิคุ้มกัน
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว