หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
wattae
Joined: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 12:41 pm
554
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - wattae
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
สาเหตุที่ 3bb สามารถเกิดได้ เพราะว่าใช้การยิงสายสัญญาณตรง ไม่ต้องพึ่งสายโทรศัพท์ทั้งของ TOT และ TRUE รวมทั้งเป็นเจ้าของ infrastructure ด้วย อันนี้ ผมเข้าใจถูกไหมครับ ขอร่วมแสดงความคิดเห็น ครับ ของ TRUE ถ้าเป็นต่างจังหวัด ไม่ต้องใช้เบอร์โทรศัพท์พื้นฐาน(โทรศัพท์บ้าน) ครับ ลากสายจากจุดเชื่อมสัญญานเหมือนกัน
โดย
wattae
อังคาร ม.ค. 12, 2010 11:17 am
0
0
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
[quote="ลูกอิสาน"][quote="wattae"]รบกวนพี่โจ ช่วยวิเคราะห์ VNT 1.การเทนเดอร์นี้ จะสำเร็จรึไม่ 2.จะมีโอกาส ปรับราคาจาก 6.15 ให้สูงกว่านี้รึปล่าว ขอบคุณครับ
โดย
wattae
จันทร์ ธ.ค. 28, 2009 9:43 am
0
0
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
รบกวนพี่โจ ช่วยวิเคราะห์ VNT 1.การเทนเดอร์นี้ จะสำเร็จรึไม่ 2.จะมีโอกาส ปรับราคาจาก 6.15 ให้สูงกว่านี้รึปล่าว ขอบคุณครับ :D
โดย
wattae
จันทร์ ธ.ค. 14, 2009 10:58 am
0
0
โอกาส arbritage มาอีกแล้วหุ้น SCAN
[quote="pavilion"]ดันออกข่าวมาอย่างนี้เซ็งเป็ดเลย
โดย
wattae
พฤหัสฯ. พ.ค. 28, 2009 3:23 pm
0
0
โอกาส arbritage มาอีกแล้วหุ้น SCAN
กรรมการตรวจสอบเห็นควรไม่อนุมัติการซื้อหุ้นเดวา28/05/2552 14:22 ถ้าเป็นแบบนี้ จะไม่มีการเทนเดอร์ SCAN ใช่หรือไม่ครับ
โดย
wattae
พฤหัสฯ. พ.ค. 28, 2009 2:45 pm
0
0
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
อยากทราบความคิดเห็นของ คุณลูกอีสาน เกี่ยวกับ TFI ครับ ตามข่าวนี้เลย :D ขอบคุณครับ TFI เผยผถห.ใหญ่เสนอซื้อหุ้นทั้งหมดโดยสมัครใจ ที่ราคา 1 บ./หุ้น IQ ข่าวหุ้น 30/04/2009 08:51:22 บมจ.ไทยฟิล์มอินดัสตรี่ (TFI) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับแจ้งจากบริษัท เลควูด แลนด์ จำกัดและ/หรือนางสาว อุษณา มหากิจศิริ ("ผู้ทำคำเสนอซื้อ") ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ว่าจะขอเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทโดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer) จำนวน 268,066,531 หุ้น หรือ คิดเป็นร้อยละ 25.17 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท ในราคาหุ้นละ 1.00 บาท นอกจากนี้ ผู้ทำคำเสนอซื้อได้แจ้งต่อบริษัทว่า มีแผนที่จะดำเนินการเพื่อขอเพิกถอนหุ้นของกิจการจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในกรณีหากการทำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทโดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer) ในครั้งนี้ ทำให้ผู้ทำคำเสนอซื้อและกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ถือหุ้นสามัญของบริษัทมากกว่าร้อยละ 90 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท
โดย
wattae
พฤหัสฯ. เม.ย. 30, 2009 9:11 am
0
0
ขอถามอาจารย์หมอ mprandy เรื่อง usa หน่อยครับ
เบิร์กเชียร์กับ CDS หรือเอา Big 3 bail out ดี ?? ขอเรื่อง Big 3 bail out ครับ ขอบคุณครับ :D
โดย
wattae
เสาร์ พ.ย. 22, 2008 12:21 pm
0
0
โหวตส่งท้ายปี กับ real VI fantasia ดีไหมครับ
โหวตให้ :D คุณ john , คุณ alastor ---> PTL ครับ
โดย
wattae
จันทร์ พ.ย. 10, 2008 9:41 am
0
0
ระดับอาจารย์ที่สอนผมลงทุน
ขอนอกเรื่องหน่อยครับ คือว่าช่วงนี้ผมอ่านเจอเรื่องๆบาปๆบุญเยอะ ผิดปกติ อยากจะถามความคิดเห็นว่า พี่พอใจว่าคนที่จะประสบความเร็จในหุ้นหรือรวยจากหุ้น ต้องทำบุญเยอะๆ พี่ว่ามันเกี่ยวกันมั้ยครับ แล้วพวกพระอาจารย์ของพี่ หรือเซียนๆทั้งหลายนี่ มีคนไหนรวย แต่ ไม่ชอบทำบุญ มีบ้างมั้ยครับ
โดย
wattae
ศุกร์ พ.ย. 07, 2008 4:12 pm
0
0
ขอถามอาจารย์หมอ mprandy เรื่อง usa หน่อยครับ
เอาข่าวมาฝากครับ :D ดอกเบี้ยอินเตอร์แบงค์ตลาดเอเชียร่วงลง ขานรับแบงค์ชาติทั่วโลกลดดบ. IQ ข่าวเศรษฐกิจ 05/11/2008 13:44:32 อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงค์ในตลาดเอเชียปรับตัวลดลงในวันนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางหลายแห่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง และรัฐบาลประเทศต่างๆได้อัดฉีดวงเงินฉุกเฉินสูงสุดถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อฟื้นคืนความเชื่อมั่นในตลาดสินเชื่อให้กลับคืนมา สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงค์สกุลเงินดอลลาร์ประเภท 3 เดือนในตลาดฮ่องกง (HIBOR) ร่วงลง 0.24% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ที่ 2.55% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงค์ตลาดสิงคโปร์ (SIBOR) ลดลงสู่ระดับ 2.57% แตะระดับต่ำนับตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค. "วิกฤตสภาพคล่องกำลังได้รับการแก้ไขอย่างค่อยเป็นค่อยไป" นักวิเคราะห์จาก Oversea-Chinese Banking Corp. ธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ของสิงคโปร์กล่าว "แต่ดูเหมือนว่าข่าวร้ายจะยังไม่จบสิ้นลง เนื่องจากภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจะเริ่มปรากฏให้เห็น เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น แม้ว่าสถานการณ์ด้านสภาพคล่องจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ" อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกร่วงลง เนื่องจากธนาคารกลางหลายประเทศปรับลดอัตราดอกเบี้ย และรัฐบาลได้ออกมาตการช่วยเหลือ รวมถึงใช้นโยบายรับประกันเงินฝาก เพื่อช่วยให้ธนาคารพาณิชย์ออกเงินกู้ระหว่างกันมากขึ้น โดยเมื่อวานนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง มากกว่าคาดการณ์ถึง 0.75% มาอยู่ที่ระดับ 2.25% เช่นเดียวกับธนาคารกลางจีน ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกาที่ประกาศลดดอกเบี้ยไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ก็พุ่งขึ้นสูงสุด ในรอบ 3 สัปดาห์โดยมีหุ้นในกลุ่มการเงินที่พุ่งขึ้น หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงค์สกุลเงินดอลลาร์ประเภท 3 เดือน ที่ตลาดลอนดอน (LIBOR) ปรับตัวลดลง 0.15% เมื่อวานนี้สู่ระดับ 2.71% ขณะเดียวกัน ในวันนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลียได้อัดฉีดเงิน 1.59 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (1.11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าสู่ระบบ พร้อมทั้งคาดว่าตลาดเงินอาจมีตัวเลขขาดทุน 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภท 3 เดือนที่ธนาคารพาณิชย์ออสเตรเลียเรียกเก็บระหว่างกัน ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 5.54%
โดย
wattae
พุธ พ.ย. 05, 2008 2:13 pm
0
0
IRP VS PTL
เห็นว่าปี 52 IRP จะเป็นผู้ผลิต PET polymer รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก
โดย
wattae
พุธ พ.ย. 05, 2008 2:06 pm
0
0
IRP VS PTL
ดูทั้งคู่ครับ ดูห่างๆแบบห่วงๆ :D
โดย
wattae
พุธ พ.ย. 05, 2008 12:13 pm
0
0
ระดับอาจารย์ที่สอนผมลงทุน
ที่ฮงเป็นผมก็เป็นครับ ไม่ใช่ไม่เป็น เห็นฝรั่งกลับมาซื้อ2พันมา2วัน เห็นมันlong tfexมา3วัน5พันกว่าสัญญา แฮ่...ถ้าไม่คิดสิครับแปลก มันเป็นเกมตามล่าหาส่วนต่างเหมือนที่ปรมาจารย์2คอว่าไว้ครับ เฮีย ฝรั่งกลับมาซื้อ 2 วันติดล่ะ แต่ไม่มาก 900 ก่ะ 300 เอาไงต่อดีครับ :D
โดย
wattae
อังคาร พ.ย. 04, 2008 5:31 pm
0
0
มานั่งคุยกัน
อีกคนพูดว่า จะมากลุ้มทำไม เอาเวลาไปศึกษาหาความรู้ หาข้อผิดพลาดของตัวเอง ไม่ดีกว่าเหรอ ถ้ายังจะเอาดีทางนี้อยู่ :D
โดย
wattae
อังคาร พ.ย. 04, 2008 12:40 pm
0
0
ระดับอาจารย์ที่สอนผมลงทุน
ถ้าถนัดขวาก็สลับมือตีได้ครับ การฝันถึงการกำไรในรอบรีบาวน์ โดยที่ไม่มีความรู้ทางเทคนิคอลและวอลุ่ม ก็ฝันกลางวันดีๆนี่เอง ยากที่จะเป็นจริงดังฝันได้ครับ พี่หมายถึงผมรึปล่าวเนี้ย :lol: :lol: ที่ฮงเป็นผมก็เป็นครับ ไม่ใช่ไม่เป็น เห็นฝรั่งกลับมาซื้อ2พันมา2วัน เห็นมันlong tfexมา3วัน5พันกว่าสัญญา แฮ่...ถ้าไม่คิดสิครับแปลก มันเป็นเกมตามล่าหาส่วนต่างเหมือนที่ปรมาจารย์2คอว่าไว้ครับ พี่พอใจจำแม่นจังเลยนะครับ เรื่องฝรั่งเนี้ย :P :P
โดย
wattae
อาทิตย์ พ.ย. 02, 2008 10:34 am
0
0
ผลประกอบการ Q3/2551
หลักทรัพย์ PTTEP แหล่งข่าว PTTEP หัวข้อข่าว สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่3(F45-3) วันที่/เวลา 28 ต.ค. 2551 13:25:49 การดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่3(F45-3) บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ก่อนสอบทาน (หน่วย : พันบาท) สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน งบการเงินรวม ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน ปี 2551 2550 2551 2550 กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 12,983,874 7,045,802 34,885,534 20,975,002 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 3.93 2.14 10.57 6.38 งบการเงินเฉพาะกิจการ ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน ปี 2551 2550 2551 2550 กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 14,258,334 4,915,568 28,548,500 13,860,591 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 4.32 1.49 8.65 4.22 หมายเหตุ : 1. โปรดดูรายละเอียดงบการเงินจากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ "ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ" ลงลายมือชื่อ ____ มารุต มฤคทัต___________________ ( นายมารุต มฤคทัต ) ตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ รักษาการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ
โดย
wattae
อังคาร ต.ค. 28, 2008 1:30 pm
0
0
+จะพักการซื้อขายหรือเปล่าครับ+
พักตอนนี้ แล้วจะได้กลับมาซื้อขายต่อ มั้ยครับ
โดย
wattae
จันทร์ ต.ค. 27, 2008 4:05 pm
0
0
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
ขอถาม คุณลูกอีสาน ครับ พี่ว่า BT ยังเหลือความเสี่ยงเรื่องอะไรอีกบ้างครับ ในการทำเทนเดอร์ แล้วทาง CIMB มีโอกาสที่จะยกเลิกหรือไม่ครับ ขอบคุณครับ
โดย
wattae
จันทร์ ต.ค. 27, 2008 12:59 pm
0
0
Re: Andrew Lahde แหม ทำไปได้...
จดหมายอำลานักลงทุนของ Andrew Lahde การนั่งรอคอยเป็นวิธีที่เรารวยจากวิกฤตซับไพรม :cool: :cool: :cool:
โดย
wattae
เสาร์ ต.ค. 25, 2008 11:02 am
0
0
ถ้า pttep ลงมา 90 อีกครั้ง จะซื้อหรือเป่า
โอเปคประกาศลดปริมาณการผลิตน้ำมันลง 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน กระแสหุ้นออนไลน์ - Finance 24/10/2008 16:54:03 สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สมาคมประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือโอเปคประกาศลดปริมาณการผลิตน้ำมันลง 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน โดยจะเริ่มมีผลในเดือนหน้า โดยการตัดสินใจลดปริมาณการผลิตดังกล่าวของโอเปคเป็นไปเพื่อกระตุ้นราคาน้ำมันดิบที่ลดลง โดยราคาน้ำมันดิบปรับลดลงมาแล้ว 50% จากที่เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกทำให้ความต้องการน้ำมันดิบลดลง ทั้งนี้ ในแถลงการณ์โอเปคระบุว่าราคาน้ำมันดิบที่ผ่านมาได้ลดลงรุนแรงและรวดเร็ว
โดย
wattae
ศุกร์ ต.ค. 24, 2008 4:58 pm
0
0
ฤา โลกกำลังจะแตก :Value Way 13 ตค.51
ออกมาอธิบายว่า กำหนดการเดิมที่ว่า อีก 50 ปีน้ำจะท่วมโลก ตอนนี้อัพเดทใหม่เหลือ 30 ปี เพราะน้ำแข็งก้อนที่คาดว่าอีกหลายปีกว่าจะละลาย ก้อนนั้น เริ่มหลุดออกมาก่อนกำหนด ตอนนี้ลอยเท้งเต้งอยู่ในมหาสมุทร กทม.เอง ก็เป็นหนึ่งในหลายจังหวัดของไทย ที่อยู่ในเป้าหมายคาดการว่า น่าจะมีปริมาณน้ำท่วมได้ถึงราว 7 เมตร ก็ประมาณตึกแถวชั้นที่สองมิด :shock: หาซื้อที่ดินเก็บไว้ดีมั้ยเนี้ย แต่อีกตั้ง 30 ปี :D แถวๆภาคเหนือ อีสาน น้ำไม่ท่วมง่ายๆ
โดย
wattae
ศุกร์ ต.ค. 17, 2008 12:40 pm
0
0
ขอถามอาจารย์หมอ mprandy เรื่อง usa หน่อยครับ
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนตัว หลังแผนฟื้นฟูสหรัฐฉุดดอกเบี้ยอินเตอร์แบงค์ร่วง IQ ข่าวเศรษฐกิจ 15/10/2008 07:13:00 ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) ซึ่งเป็นการร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการ เพราะได้รับแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงค์ที่ปรับตัวลดลงหลังจากมีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐประกาศแผนอัดฉีดเงินทุนให้กับธนาคารยักษ์ใหญ่ 9 แห่งผ่านทางการซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์ของธนาคารเหล่านี้ สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับเยนที่ 101.87 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 101.99 เยน/ดอลลาร์ และอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1340 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1373 ฟรังค์/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.3645 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3591 ดอลลาร์/ยูโร และเงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.7420 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.7395 ดอลลาร์/ปอนด์ ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียทรงตัวอยู่ที่ 0.6981 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 0.6204 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6158 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากการร่วงลงของอัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงค์ หลังจากรัฐบาลสหรัฐใช้มาตรการฟื้นฟูระบบการเงินเบื้องต้นมูลค่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการฟื้นฟูมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ โดยรัฐบาลจะใช้เม็ดเงิน 2.50 แสนล้านดอลลาร์เข้าซื้อหุ้นบุริมสิทธ์ของ 9 ธนาคารยักษ์ใหญ่ ได้แก่ ธนาคารซิตี้กรุ๊ป, ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, แบงค์ ออฟ อเมริกา, โกลด์แมน แซคส์, มอร์แกน สแตนลีย์, สเตทสตรีท คอร์ป,แบงค์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน คอร์ป และเมอร์ริล ลินช์ นอกจากนี้ บุชจะเสนอมาตรการฟื้นฟูระบบการเงินเฟสที่ 2 คิดเป็นมูลค่า 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อให้สภาคองเกรสได้พิจารณาลงมติต่อไป มาตรการดังกล่าวส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงค์สกุลเงินดอลลาร์ประเภท 3 เดือนที่ตลาดลอนดอน (LIBOR) ร่วงลงแตะระดับ 4.64% จากระดับ 4.75% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงค์ที่ตลาดสิงคโปร์ (Sibor) ลดลง 0.13% แตะ 4.66% ซึ่งลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 1 สัปดาห์ และอัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงค์ที่ตลาดฮ่องกง (Hibor) ร่วงลง 0.02% แตะ 4.42% ซึ่งอ่อนตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย. นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงค์ในตลาดญี่ปุ่นและออสเตรเลียอ่อนตัวลงด้วย เนื่องจากธนาคารกลางของทั้งสองประเทศได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน ความเคลื่อนไหวของสหรัฐมีขึ้นหลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ร่วมกับกลุ่มประเทศ G7 ประกาศใช้มาตรการต้านวิกฤตการเงินทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการปกป้องไม่ให้สถาบันการเงินเหล่านี้ล้มละลาย ส่วนในฝั่งยุโรปนั้น กลุ่มผู้นำยุโรปมีมติให้ใช้มาตรการรับมือกับปัญหาในระบบการเงิน ซึ่งครอบคลุมถึงการรับประกันเงินกู้ยืมระหว่างธนาคารพาณิชย์ และจะใช้งบประมาณในรูปสกุลเงินยูโรรับมือกับภาวะสินเชื่อตึงตัวในตลาดและยับยั้งความตื่นตระหนกของนักลงทุน
โดย
wattae
พุธ ต.ค. 15, 2008 10:03 am
0
0
ขอถามอาจารย์หมอ mprandy เรื่อง usa หน่อยครับ
ถ้า LIBOR เริ่มลง สัญญาณหุ้นเริ่มดีขึ้น โพสต์ทูเดย SECTION B 14/10/2008 06:19:15 หลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์นับจากธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ร่วมมือกันลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย นอกจากการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ ยิ่งทำให้สภาพคล่องระยะสั้นกลับตึงตัวสูงขึ้น เห็นได้จากอัตราดอกเบี้ย LIBOR ที่เพิ่มขึ้นอย่าง รวดเร็วจาก 4.15% ต้นเดือน ต.ค. เป็น 6.88% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ TED Spread พุ่งสูงขึ้นเป็น 4.26% จาก 3.87% ในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์ บ่งชี้ถึงสภาพคล่องระยะสั้นที่ตึงตัวอย่างหนัก TED Spread คือส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยตั๋วเงินคลังของสหรัฐ อายุ 3 เดือนกับดอกเบี้ย LIBOR 3 เดือน ในอดีตก่อนปี 2550 ถึง TED Spread ผันผวนอย่างไรก็ยังอยู่ในช่วง 0.1-0.5% ต่างจากปัจจุบันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และ มักจะเกิดขึ้นพร้อมกับหุ้นที่ตกต่ำเพราะสภาพคล่องที่หายไปจากตลาด แม้ว่าธนาคารกลางต่างๆ โดยเฉพาะสหรัฐ และยุโรปจะพยายามเรียกความ เชื่อมั่นกลับมา แต่ดัชนีดาวโจนส์ และตลาดหุ้นทั่วโลกยังดิ่งลงอย่างหนักแล้ว ความเสี่ยงและความกลัวยังทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง โดย CDS (Credit Default Swap) หรือค่าธรรมเนียมในการค้ำประกันสินเชื่อ เพิ่มขึ้นจากระดับปกติที่ 3% นอกจากนี้ ดัชนี VIX ซึ่งสามารถสะท้อนความกลัวของนักลงทุน (เป็นดัชนีวัดความผันผวนของราคาหุ้นที่อยู่ใน S&P500) ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 69.95 จุด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นถึง 172.6% นับจากวันที่เลห์แมนฯประกาศล้มละลาย และเพิ่มขึ้น 55% นับจากวันที่สภาคองเกรสอนุมัติแผนกู้วิกฤต 7 แสนล้านเหรียญ ซึ่งสูงกว่าช่วงเหตุการณ์ตึกเวิลด์เทรดถล่ม (VIX = 45 จุด) และช่วงฟองสบู่ดอตคอม (VIX = 34 จุด) สะท้อนถึงความผันผวนที่ยังมีอยู่สูงและยังไม่ใช่จังหวะที่เข้าลงทุนได้ ในระยะสั้นๆ สิ่งที่น่าเป็นกังวลมากกว่าตลาดหุ้นคือตลาดสินเชื่อ (ตลาดกู้ยืมระยะสั้น) ที่ขาดความไว้ใจระหว่างธนาคารด้วยกันเองซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างมาก เพราะจะส่งผลมายังภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลก แต่คาดการณ์จุดต่ำสุดไม่ได้ สิ่งที่ชี้นำทิศทางตลาดหุ้นได้ในระยะสั้น ต้องติดตาม LIBOR และ TED Spread ถ้าเริ่มนิ่งและปรับลง ตลาดหุ้นจะเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น ดัชนี Reuters/Jefferies CRB Index ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับลงอีก 11.2% และเมื่อเทียบกับจุด Peak เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2551 ที่ 473.518 จุด นับได้ว่า RJ/CRB Index ปรับลงแล้ว 38.8% เป็น 289.886 จุด เป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 1 ปี 10 เดือน ซึ่งสอดคล้องกับหุ้นในกลุ่มที่ปรับลงค่อนข้างมากนับตั้งแต่เลห์แมนฯ ประกาศล้มละลาย ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ ไม่ว่า จะเป็นกลุ่มเหมืองแร่ (-45.6%) กลุ่มปิโตรเคมี (-43.3%) กลุ่มขนส่ง (-40.9%) กลุ่มพลังงาน (-30.2%) ในขณะที่กลุ่มธนาคารและอสังหาริมทรัพย์ปรับลงแรง รายงานล่าสุดของ IMF ได้ปรับการคาดการณ์ GDP โลกปี 2551 ลงจากเดิมที่คาด 4.1% เป็น 3.9% และปี 2552 ลงจากเดิม 3.9% เหลือเพียง 3.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2545 สำหรับ GDP ของประเทศพัฒนาแล้ว IMF คาดการณ์ว่าน่าจะเข้าใกล้ภาวะถดถอยหรืออยู่ในภาวะถดถอยเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ครึ่งหลังปี 2551 หรือต้นปี 2552 รวมทั้งคาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังปี 2552 ส่วนอัตราเงินเฟ้อ IMF คาดว่าเงินเฟ้อในประเทศพัฒนาแล้วจะกลับมาลดลงเหลือ 2.0% ในปี 2552 ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาจะค่อยๆ ลดลงอย่างช้า
โดย
wattae
อังคาร ต.ค. 14, 2008 1:33 pm
0
0
ขอถามอาจารย์หมอ mprandy เรื่อง usa หน่อยครับ
ขอบคุณทุกๆท่านที่ช่วยให้ความรู้ คุณหมอ mprandy สุดยอดครับ :cool:
โดย
wattae
จันทร์ ต.ค. 13, 2008 1:55 pm
0
0
การยอมรับฟังความเห็นที่แตกต่างเป็นสิ่งที่ดีนะครับ
[quote="TIARA"]ตอนนี้เราเลิกใส่ใจ
โดย
wattae
อาทิตย์ ต.ค. 12, 2008 3:47 pm
0
0
พบพี่ alastor ยามหุ้นตก ทางมันนี่ทอล์คพฤหัสนี้ครับ
:cool: :cool: :cool:
โดย
wattae
อาทิตย์ ต.ค. 12, 2008 2:04 pm
0
0
ระดับอาจารย์ที่สอนผมลงทุน
อยากถามความคิดเห็น พี่พอใจ ฮง และเพื่อนๆครับ ช่วงนี้ในหลายๆเว็บบอร์ดและนักวิเคราะห์ แนะนำให้ถือเงินสด wait&see ให้ซื้อตอน set อยู่ต่ำสุด ปัญหาคือ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่า set มันใกล้จุดต่ำสุดแล้วรึยัง ไม่รู้ว่ามีเครื่องมือทางเทคนิคตัวไหนพอจะบอกได้หรือไม่ หรือว่าต้องมองภาพรวมของเศรษฐกิจทั่วโลก ในอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ รายย่อยยังเข้าซื้ออย่างต่อเนื่อง ถ้าเกิดมาวันนึงรายย่อยเทขายออกมา มันจะบอกอะไรเราได้บ้าง
โดย
wattae
อาทิตย์ ต.ค. 12, 2008 2:02 pm
0
0
ทฤษฎี "คนโง่กว่า" The Greater Fool Theory
งั้นช่วยสอนหน่อยว่า คุณ sabina เล่นหุ้นในช่วง 2-3 วันนี้อย่างไร http://www.bbznet.com/scripts3/view.php?user=greenbull&board=2&id=121803&c=1&order=numtopic http://www.bbznet.com/scripts3/view.php?user=greenbull&board=2&id=121809&c=1&order=numtopic
โดย
wattae
พฤหัสฯ. ต.ค. 09, 2008 2:50 pm
0
0
ทฤษฎี "คนโง่กว่า" The Greater Fool Theory
ขอบคุณนะครับสำหรับบทความดีๆและกระทูต่างๆที่คุณ sabina โพสไว้ ผมเห็นว่าคนที่ในที่นี้ต่างรู้จักวิธีการต่างๆที่คุณ sabina ว่าไว้ แต่เค้าจะเลือกใช้หรือไม่นั้น ไม่มีใครรู้ ผมเชื่อว่าทุกๆคนต้องเลือกวิธีที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองเสมอ การที่เค้าเลือกเป็น vi เพราะเค้าไม่มีเวลามานั่งเฝ้าหน้าจอได้ จะให้เล่นเก็งกำไร เป็นวันๆนั้นคงทำไม่ได้ ผมเคยเห็นคุณ sabina โพสไว้ในกระทิงเขียว ว่าการเล่นหุ้นของคุณนั้นต้องเล่นให้จบภายวันเดียว ถ้าจำไม่ผิด คุณเอาตารางการซื้อขาย bbl มาประกอบ ส่วนในพันทิพ ไม่แน่ใจว่าคุณ sabina มี 2 id รึปล่าว เห็นอีกคน(ผมจำชื่อไม่ได้) ออกมาชมกระทู้ที่คุณ sabina เขียน ว่าดียังงั้นดีอย่างนี้ ผมไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของคุณ ต้องการให้ความรู้หรือต้องการ การยอมรับ จากคนอื่น ว่าตัวคุณนั้นเก่ง สามารถทำกำไรจากการเล่นหุ้นได้ ในส่วนตัวแล้วผมไม่เห็นมีเซียนคนไหนออกมาโฆษณาตัวเองเลย ว่าเก่งเล่นหุ้นได้กำไรเท่าโน้นเท่านี้
โดย
wattae
พฤหัสฯ. ต.ค. 09, 2008 2:02 pm
0
0
+รออะไร ที่เท่าไหร่กันครับ+
stpi 4 บาท เข้ามาป่วนครับ เห็นว่าเป็นกิ๊กเก่า คุณ beammy :lol:
โดย
wattae
จันทร์ ต.ค. 06, 2008 6:21 pm
0
0
Warren Buffett invests $3 billion in GE
[quote="chatchai"]ราคาปิดเมื่อคืน 24.50 เหรียญ
โดย
wattae
พฤหัสฯ. ต.ค. 02, 2008 12:27 pm
0
0
Re: ผวาทิ้งหุ้น5หมื่นล้าน
[quote="naijan"] ผวาทิ้งหุ้น5หมื่นล้าน วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2551 โพสต์ทูเดย์ จับตาโกลด์แมน แซคส์-มอร์แกน สแตนเลย์ ขายหุ้นไทยเฉียด 5 หมื่นล้าน หลังยกฐานะเป็นธนาคาร บิ๊ก บจ.เชื่อรับมือไหว นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผยในงานสัมมนาเซ็ทคลิกทูวิน สะสมหุ้นเทคนิคการลงทุน ว่า หลังโกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนเลย์ เปลี่ยนสถานะจากวาณิชธนกิจเป็นธนาคารพาณิชย์ จะต้องทำตามกฎเกณฑ์ของธนาคารพาณิชย์อย่างเคร่งครัด ซึ่งอาจจะเห็นทั้ง 2 บริษัทขายสินทรัพย์ออกมา รวมถึงหุ้นไทยด้วย
โดย
wattae
พฤหัสฯ. ก.ย. 25, 2008 2:29 pm
0
0
เปรียบเทียบ Tom Yam Kung Crisis กับ Hamburger Crisis
ขอบคุณครับ หมอ mprandy ที่ช่วยอธิบาย ผลิตทองเอง เลยพิมพ์แบงค์ได้เอง นี่ขี้โกงชะมัด :lol:
โดย
wattae
อังคาร ก.ย. 23, 2008 3:53 pm
0
0
เปรียบเทียบ Tom Yam Kung Crisis กับ Hamburger Crisis
[quote="007-s"]บรรยากาศมาคุแล้ว เข้าใจว่า เมกาเริ่มมีแนวคิดเพิ่มเติม ว่าไอ่เจ็ดแสนล้านที่ว่านั่น เห็นทีจะไม่พอ อยากจะให้อุ้มหนี้สินพวกผ่อนรถ หนี้บัตร อะไรต่ออะไรไปด้วยเลย อะจ๊ากละงานนี้ ตะกี้ฟังผ่านๆจากคุณบัญชามันนี่ชาแน่นว่า ประมาณขอเป็น 1.8ล้าน จะพอมั้ย อะจ๊ากค่ะ
โดย
wattae
อังคาร ก.ย. 23, 2008 2:10 pm
0
0
ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วเชียว
ที่แข็งค่าอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะเงินไหลเข้ามารึปล่าวครับ
โดย
wattae
พุธ ก.ย. 17, 2008 9:33 am
0
0
สถาบันการเงินต่อไปที่จะสร้างปัญหา
แล้วถ้าล้มกันมากๆเนี้ย จะส่งผลต่อค่าเงินดอลล่าห์อ่อนลงเทียบกับยูโร รึปล่าวครับ และเศรษฐกิจของอเมริกาจะเหมือนของไทยปี40 รึปล่าวครับ
โดย
wattae
จันทร์ ก.ย. 15, 2008 12:56 pm
0
0
Lehman วันเดียวลงไปเกือบ 50%
เลห์แมน บราเธอร์ส"ยืนยันเตรียมยื่นขอความคุ้มครองตามกฎหมายล้มละลาย IQ ข่าวเศรษฐกิจ 15/09/2008 12:12:06 เลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐยืนยันในวันนี้ว่า บริษัทเตรียมยื่นขอความคุ้มครองทรัพย์สินตามกฎหมายล้มละลาย หลังจากแบงค์ ออฟ อเมริกา และธนาคารบาร์เคลย์ส ปฏิเสธที่จะเข้าซื้อกิจการเลห์แมน บราเธอร์ส แถลงการณ์ของเลห์แมน บราเธอร์สระบุว่า เลห์แมนวางแผนที่จะยื่นขอความคุ้มครองทรัพย์สินตามกฎหมายล้มละลายของสหรัฐ โดยจะมีการยื่นคำรองที่ศาลแขวงกรุงนิวยอร์ก ซึ่งธุรกิจที่ยื่นฟ้องขอพิทักษ์การล้มละลายครั้งนี้เป็นธุรกิจโฮลดิ้ง และไม่ครอบคลุมถึงบริษัทในเครือ ริชาร์ด ฟัลด์ ซีอีโอเลห์แมน บราเธอร์ส วัย 62 ปี กำลังหาลู่ทางที่จะขายธุรกิจโบรกเกอร์-ดีลเลอร์ และยังคงเจรจากับสถาบันการเงินรายอื่นๆเพื่อขายธุรกิจด้านการจัดการสินทรัพย์ ธนาคารบาร์เคลย์ส ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารพาณิชย์ที่มีข่าวว่าเป็นหัวหอกในการวางแผนเข้าซื้อเลห์แมน ได้ถอนตัวออกจากการเจรจาเมื่อวานนี้ โดยให้เหตุผลว่าบาร์เคลย์สไม่ได้รับการรับประกันจากรัฐบาลสหรัฐและสถาบันการเงินรายอื่นๆในตลาดวอลล์สตรีท ในการปกป้องตัวเองให้รอดพ้นจากการขาดทุนในสินทรัพย์ของเลห์แมน ขณะที่แบงค์ ออฟ อเมริกา ได้ถอนตัวออกจากการเจรจาเป็นรายถัดมา นอกจากนี้มีรายงานว่า แบงค์พาณิชย์และบริษัทโบรกเกอร์หลายแห่งอาจลงขันกันเข้าซื้อหุ้นเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเลห์แมนที่เตรียมจะยื่นขอพิทักษ์การล้มละลายในคืนนี้ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังและเจ้าหน้าที่เฟดได้จัดประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือถึงทางออกของเลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจเก่าแก่ของสหรัฐที่ก่อตั้งมานานถึง 158 ปี หลังจากเลห์แมนขาดทุนอย่างหนักถึง 3.9 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 โดยนายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐที่เพิ่มประกาศแผนเข้าอุ้มกิจการแฟนนี เม และเฟรดดี แมค เมื่อสัปดาหก่อน กล่าวว่า เขาไม่คิดที่จะนำงบประมาณของรัฐบาลมากู้วิกฤตของเลห์แมน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
โดย
wattae
จันทร์ ก.ย. 15, 2008 12:43 pm
0
0
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
อยากถามความคิดเห็นคุณ ลูกอีสาน ครับ คุณลูกอีสาน คิดว่า Bla จะทำได้ดีว่า Scnyl มั้ยครับ
โดย
wattae
จันทร์ ก.ย. 08, 2008 6:07 pm
0
0
หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ
เอามาฝากครับ :D Somers - Albouys Nominee เฉพาะกิจ โดย สุจินดา มหสุภาชัย สมเกียรติ บุญศิริ ธุรกิจนอมินี ไม่ใช่มีเฉพาะรายใหญ่ที่มีเงินลงทุนและชื่อคุ้นหูเท่านั้น ประเภทเล็กๆ ชื่อไม่ดังก็มีให้เห็นอยู่เป็นประจำ แต่นอมินีเล็กๆ พวกนี้มีบทบาทและความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเช่นกัน จากข้อมูลที่สำรวจพบว่า นอมินีที่พฤติกรรมน่าสนใจมี 2 รายคือ บริษัท Somers (U.K.) Limited และ Albouys Nominees ว่ากันว่าเป็นนอมินีที่ไม่มีการถือหุ้นในประเทศอื่นใด นอกจากหุ้นในเมืองไทยเพียงแห่งเดียว ทั้งสองบริษัทถือสัญชาติอังกฤษ แต่เป็นบริษัทย่อยของ Bank of Bermuda ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตปลอดภาษี ในพอร์ตของ Albouys ชัดเจนว่าเน้นที่หุ้นของกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ เช่น CPF และ ซีพี 7-11 โดยถือหุ้นซีพี 7-11 สูงสุดเป็นอันดับ 1 คือ 1,051 ล้านบาท ตามมาด้วยหุ้นที่ชื่อว่า TICON ในหมวดอสังหาริมทรัพย์ 919 ล้านบาท และหุ้น CPF 739 ล้านบาท ส่วนของ Somers เน้นลงทุนในหุ้นอสังหาริมทรัพย์ถึง 13 บริษัท แต่ที่มากเป็นพิเศษคือหุ้น TICON ซึ่งมีมูลค่า 330 ล้านบาท แต่มูลค่าหุ้นตัวที่ใหญ่สุดในพอร์ตคือหุ้น HANA ที่ถือไว้ถึง 1,004 ล้านบาท http://www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=56043
โดย
wattae
อังคาร ก.ย. 02, 2008 5:37 pm
0
0
ค่านิยม ติดลบ หมายความว่าอะไรครับ
ขอบคุณครับ คุณ พอใจ แต่ตัวที่สงสัยคือ IRP เพราะกำไรครึ่งปีจริงๆจะได้ 0.48 แต่เนื่องจากบริษัทซื้อโรงงานเพิ่ม จึงบันทึก eps เป็น 1.15 ก็เลยไม่เข้าใจว่ามันทำให้ eps เพิ่มขึ้นได้ยังไง
โดย
wattae
ศุกร์ ส.ค. 22, 2008 5:12 pm
0
0
กลุ่มชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคส์และเครื่องจักรกล
โซนี่มุ่งพรีเมียม รับสนเน็ตบุ๊ก ซุ่มศึกษาลูกค้า โพสต์ทูเดย SECTION B 22/08/2008 09:41:08 โพสต์ทูเดย์ โซนี่ ขอเวลาศึกษาผู้บริโภค ก่อนตัดสินใจร่วมสมรภูมิตลาดเน็ตบุ๊ก เผยเน้นตลาดพรีเมียม นายฮิเดยูกิ ฟูรูมิ ผู้จัดการอาวุโส กลุ่มธุรกิจไวโอ โซนี่ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ทิศทางการทำตลาดของไวโอนับจากนี้ จะยังเน้นสินค้าในกลุ่มพรีเมียมต่อไป ส่วนการที่เน็ตบุ๊กหรือคอมพิวเตอร์ราคาถูกเติบโตสูงในช่วงที่ผ่านมานั้น ยอมรับว่าสนใจจะทำตลาดดังกล่าวเช่นกัน แต่ต้องศึกษาหาความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคเสียก่อน ทั้งนี้ ในระยะสั้นยืนยันได้ว่า จะไม่มีสินค้าในกลุ่มดังกล่าวออกมาทำตลาดแน่นอน แต่หากลูกค้า ต้องการก็พร้อมที่จะพัฒนาออกมาจำหน่ายในระยะยาว แต่ต้องเป็นสินค้าระดับพรีเมียมของเซกเมนต์ ซึ่งเป็นแนวทางการดำเนินงาน ของโซนี่ สำหรับภาพรวมตลาดโน้ตบุ๊กในประเทศไทยปีนี้ เชื่อว่าจะยังเติบโตได้ 20-30% จากปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 7.9 แสนเครื่อง โดยคาดว่าทั้งปีจะมียอดจำหน่ายที่ 1.009 ล้านเครื่อง ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกพบว่า ขยายตัวไปแล้ว 30% ขณะที่โซนี่ก็เติบโตแล้วกว่า 30% และคาดว่าจะมีอัตราการขยายทั้งปีมากกว่า 50% ในปีนี้ ล่าสุด โซนี่ได้เปิดตัวคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กใหม่ 3 ตระกูล จำนวน 6 รุ่น ราคาตั้งแต่ 4.999.49 หมื่นบาท ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นสินค้าหลักในการผลักดันยอดจำหน่ายให้เติบโตในประเทศไทย รวมทั้งเปลี่ยนสโลแกนจาก No More Bounds เป็น Closer to you เพื่อเน้นให้เห็น ถึงภาพลักษณ์ของไวโอ และภาย ในปี 2553 โซนี่ตั้งเป้าการเติบโตของไวโอทั่วโลกไว้ที่ 1 หมื่นล้านเหรียญ สหรัฐ
โดย
wattae
ศุกร์ ส.ค. 22, 2008 9:45 am
0
0
ใครมี excel การคำนวน Free cash flow และ discount cash flow
ขอด้วยครับ ขอบคุณครับ
[email protected]
โดย
wattae
พุธ ส.ค. 13, 2008 3:24 pm
0
0
บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน
ASLซื้อหุ้นMFCหวังกินปันผลงาม โพสต์ทูเดย SECTION B 20/06/2008 09:12:41 โพสต์ทูเดย์ บล.แอ๊ดคินซัน ซื้อหุ้น MFC จากธนาคารทหารไทยยกล็อต 11.63% ขยับถือ 16.21% ระบุลงทุนยาว หวังรับปันผลงาม นายสดาวุธ เตชะอุบล ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แอ๊ดคินซัน (ASL) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2551 บริษัทได้ลงทุนซื้อหุ้นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี (MFC) จำนวน 13,954,900 หุ้น คิดเป็น 11.63% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว รวมมูลค่าเงินลงทุน 202,346,050 บาท บริษัทได้ซื้อหุ้นทั้งหมดจากธนาคารทหารไทย (TMB) ในราคาหุ้นละ 14.50 บาท และส่งผลให้บริษัทถือหุ้น MFC เพิ่มเป็น 19,453,600 หุ้น หรือ 16.21% นายสดาวุธ กล่าวว่า การซื้อหุ้น MFC เป็นการซื้อลงทุนเพื่อรับเงินปันผล ซึ่งที่ผ่านมาอัตราเฉลี่ยเงินปันผลประมาณ 5% สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และคาดว่าปีนี้การจ่ายเงินปันผลจะสูงขึ้น อีกทั้งราคาหุ้นที่ซื้อเหมาะสม โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้ซื้อลงทุน 4.58% หรือ 5.49 ล้านหุ้น ตั้งแต่สมัยผู้บริหารเดิมแล้ว ส่วนจะซื้อเพิ่มหรือไม่ เพื่อ สิทธิในการบริหาร นายสดาวุธ กล่าวว่า ไม่คิดที่จะเข้าร่วมบริหาร เนื่องจาก บล.แอ๊ดคินซัน มีแผน ทำธุรกิจกองทุนรวมอยู่แล้ว แต่ ไม่ใช่เวลานี้ นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ MFC กล่าวว่า ผู้ถือหุ้นภาครัฐยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ รวม 42% ซึ่งกระทรวงการคลังเคยให้นโยบายว่า กลุ่มภาครัฐจะไม่ถือหุ้น MFC เกิน 50% เพื่อไม่ทำให้ MFC กลายเป็นรัฐวิสาหกิจ ก่อนหน้านี้ธนาคารออมสินเจรจาขอซื้อหุ้น MFC จากธนาคารทหารไทย แต่ตกลงราคาไม่ได้ ขณะเดียวกัน TMB จะได้กำไรจากการขายหุ้นครั้งนี้ประมาณ 46.74 ล้านบาท เทียบกับมูลค่าหุ้นทางบัญชีหุ้นละ 11.15 บาท หุ้น MFC วานนี้ไม่มีการซื้อขาย ล่าสุดปิดที่ 14 บาท
โดย
wattae
ศุกร์ มิ.ย. 20, 2008 9:17 am
0
0
ขอหุ้นในดวงใจคนละหนึ่งตัวได้ปะครับ คนละตัวพอนะครับ
ptt :D
โดย
wattae
พฤหัสฯ. มิ.ย. 19, 2008 9:55 am
0
0
มีหุ้นตัวไหน ที่ผลิตถัง LPG NGV บ้างครับ
ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยมาบอก ผมลองหาแล้วก็ไม่เจอเลย
โดย
wattae
พุธ มิ.ย. 18, 2008 9:31 am
0
0
SABINA หุ้นน้ำปั่นหรือเปล่า
SABINA ทำ new high เหนือราคา IPO ถึง 70.31% คาดมีคนดูแลราคาหุ้น IQ ข่าวหุ้น 12/06/2008 16:28:18 หุ้น SABINA ราคาพุ่งขึ้น 9% มาอยู่ที่ 54.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 46.29 ล้านบาท เมื่อเวลา 16.20 น.โดยเปิดตลาดที่ 49.75 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 55 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 49 บาท แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์ เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ราคาหุ้น SABINA ขยับขึ้นเรื่อย ๆ แม้ในบางจังหวะจะมีการอ่อนตัวแต่ก็เป็นแค่พักฐานเล็กน้อย โดย SABINA เข้ามาเทรดในตลาดหลักทรัพย์วันแรกเมื่อวันที่ 15 พ.ค.51 โดยมีราคา IPO ที่ 32 บาท/หุ้น มาจนถึงขณะนี้ล่าสุดอยู่ที่ 54.50 บาท ราคาหุ้นได้เพิ่มขึ้นถึง 22.50 บาท หรือคิดเป็น 70.31% จากราคา IPO แหล่งข่าว กล่าวว่า สาเหตุที่ราคาหุ้น SABINA ปรับขึ้นในทิศทางที่ดีได้ คาดว่าจะเป็นผลจากที่หุ้นตัวนี้มีนักลงทุนรายใหญ่และเจ้าของเฝ้าดูแลราคาหุ้นอยู่ นายณาศิส ประเสริฐสกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ราคาหุ้น SABINA ได้ขึ้นทำ new high นับตั้งแต่เข้ามาเทรดในตลาดฯ ซึ่งในทางเทคนิคแสดงทิศทางที่ดีภายหลังจากที่ทะลุด่าน 50 บาทขึ้นไปได้ ทำให้มีโอกาสยืดตัวขึ้นไปได้อีก โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 56.50 บาทและหากทะลุได้อีกก็มีโอกาสจะไปต่อแถว 60 บาท ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 52, 50 บาท ทั้งนี้ แนะให้ราคาอ่อนตัวลงค่อยเข้าไปเล่นอย่างระวังด้วย เนื่องจากหุ้น SABINA เป็นหุ้นตัวใหญ่การจะขยับขึ้นไปแต่ละทีก็ยาก แต่ยังดีที่จำนวนหุ้นมีอยู่น้อย :shock: :shock:
โดย
wattae
ศุกร์ มิ.ย. 13, 2008 12:01 pm
0
0
วันนี้ SAFE ถึง Cilling ได้ถึง 100000 ขอถอนออกจาก SET
ผมก็สงสัยเหมือนกัน ตอนนี้ราคาอยู่ที่ 87 มีส่วนต่างอีก 3 บาท มันมีค่าใช้จ่ายอะไรมั้งครับ ในการทำเทนเดอร์เนี้ย
โดย
wattae
ศุกร์ มิ.ย. 06, 2008 3:36 pm
0
0
ขอเสียงชาว snc หน่อยคร้าบ
14.3 มีใครติดสูงกว่าผมมั้ง :twisted:
โดย
wattae
อังคาร พ.ค. 27, 2008 10:32 am
0
0
กลุ่มชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคส์และเครื่องจักรกล
ความท้าทายของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไทย: ปัญหาที่รอการแก้ไข บจ.ศูนย์วิจัยกสิกรไทย 15/05/2008 11:07:52 อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญยิ่งอุตสาหกรรมหนึ่งของไทย อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาการส่งออกเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวตั้งแต่ปี 2550 โดยการส่งออกเติบโตในอัตราร้อยละ 13.8 ต่ำกว่ามูลค่าการส่งออกรวมที่ขยายตัวได้ร้อยละ 17.5 ส่วนในช่วงไตรมาสแรกของปี 2551 การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไทยมีการขยายตัวเพียงร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 15.3 สถานการณ์การส่งออกที่มีการชะลอตัวลงเกิดขึ้นจากปัจจัยการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลกเป็นสำคัญ นอกจากนี้การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทยังทำให้รายรับของภาคธุรกิจลดลง ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไปยังสหรัฐฯมากที่สุด (ร้อยละ 15) รองลงมาคือ จีน (ร้อยละ 13.1) และญี่ปุ่น (ร้อยละ 13) การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลกอันเนื่องมาจากปัญหาซับไพร์มกระทบการนำเข้าสินค้าจากไทย โดยการส่งออกไปสหรัฐขยายตัวเพียงร้อยละ 0.1 ในปี 2550 และกระเตื้องขึ้นมาเล็กน้อยในไตรมาสแรกของปีนี้ ในขณะที่ผลกระทบในตลาดส่งออกหลักอื่นๆ ยกเว้นจีนและฮ่องกง การส่งออกมีแนวโน้มลดลงอย่างเห็นได้ชัดในปีนี้ นอกจากนี้เงินบาทที่มีการแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องก็มีผลต่อรายรับจากการส่งออกและกำไรของธุรกิจ โดยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทุกๆ 1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้รายรับของธุรกิจในรูปของเงินบาทลดลงประมาณร้อยละ 3 การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทย (หน่วย: ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มูลค่า สัดส่วน (%) การเติบโต (%) 2550 ม.ค.-มี.ค.2551 2543 2550 2550 ม.ค.-มี.ค 2551 2551 เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ 12,892.8 3,429.2 7.8 27.2 19.5 16.7 แผงวงจรไฟฟ้า 8,053.4 1,642.5 17.3 17.0 14.6 -18.2 ส่วนประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ 3,840.5 1,035.3 25.0 8.1 4.2 25.4 เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 3,191.6 1,046.2 4.2 6.7 39.5 19.7 เครื่องรับโทรทัศน์ 1,324.9 283.1 4.3 2.8 -32.7 -1.4 วงจรพิมพ์ 1,165.5 243.7 4.3 2.5 13.9 9.5 ตู้เย็น ตู้แช่แข็งและส่วนประกอบ 1,154.5 327.0 1.4 2.4 10.5 29.0 เครื่องคอมเพรสเซอร์ 644.7 213.5 0.9 1.4 12.3 30.5 รวมทั้งอุตสาหกรรม 47,342.2 11,940.0 100.0 100.0 13.8 8.0 ที่มา: กระทรวงพาณิชย์ จากการชะลอตัวลงของการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยในไตรมาสแรก เป็นที่สังเกตว่า สินค้าที่ค่อนข้างมีปัญหาคือ สินค้าหมวดวงจรไฟฟ้า โดยความต้องการในตลาดโลกต่อแผงวงจรไฟฟ้า ในปี 2551 มีแนวโน้มชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก การส่งออกแผงวงจรไฟฟ้าของไทยในช่วงไตรมาสแรกมีการปรับตัวลดลงร้อยละ 18.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการชะลอการนำเข้าของผู้นำเข้าหลัก อาทิ ญี่ปุ่น จีน มาเลเซีย ไต้หวัน เนเธอร์แลนด์ เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตามการชะลอตัวในการนำเข้าของผู้ซื้อทั่วโลกที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นปรากฏการณ์ชั่วคราวซึ่งเป็นไปตามทิศทางยอดขายเซมิคอนดัคเตอร์ของโลกในไตรมาสแรกที่มีการชะลอตัวลงเช่นเดียวกัน ปัจจัยที่จะมีผลต่อการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงที่เหลือของปี 2551 ที่สำคัญได้แก่ การขยายตัวของตลาดเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์และปัจจัยเรื่องค่าเงินบาท โดยปัจจัยบวกที่สำคัญ คือ การขยายตัวของตลาดเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ อาทิ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ อุปกรณ์โทรคมนาคม ในตลาดโลกและในตลาดเกิดใหม่ที่มีการเติบโตสูง เช่น จีน อินเดีย ในขณะที่การแข็งค่าของเงินบาท และราคาวัตถุดิบโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เช่น เหล็ก เป็นปัจจัยลบที่มีผลต่อการดำเนินงานของธุรกิจ ทั้งนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์การขยายตัวของการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยในปี 2551 ว่าจะสามารถขยายตัวได้ในช่วงร้อยละ 10-12 หรือคิดเป็นมูลค่า 52,000-53,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากที่ขยายตัวร้อยละ 13.8 ในปี 2550 แม้ว่าในระยะสั้น อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์หลายรายการยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แต่ในระยะยาวการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยยังเผชิญความท้าทายในการรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอุตสาหกรรมนี้โดยปัญหาที่อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันอาจสรุปได้ดังนี้ ปัญหาของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไทย อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไทยส่วนใหญ่เป็นเครือข่ายของบริษัทข้ามชาติ การผลิตและการส่งออกจึงขึ้นอยู่กับตัดสินใจลงทุนของบริษัทแม่เป็นหลัก ในขณะที่บทบาทและการพัฒนาของบริษัทของคนไทย (indigenous firms) มีจำกัด โครงสร้างอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยประกอบไปด้วยบริษัทลูกของบริษัทข้ามชาติ ที่ทำหน้าที่ผลิตชิ้นส่วนหรือสินค้าขั้นสุดท้าย เพื่อกระจายไปยังภูมิภาคที่ได้รับมอบหมาย ในขณะเดียวกันบริษัทเหล่านี้ก็มีเครือข่ายการผลิตภายในประเทศ ซึ่งมีทั้งซัพพลายเออร์ที่เป็นบริษัทลูกของบริษัทต่างชาติและบริษัทของคนไทย โดยบริษัทของคนไทยที่เป็นโออีเอ็มขนาดกลางและขนาดเล็ก จัดอยู่ในประเภทของซัพพลายเออร์ขั้นรอง (lower-tier) รับจ้างผลิตตามสัญญาว่าจ้าง และเนื่องจากไม่มีเทคโนโลยีและขาดแคลนเงินทุนในการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา จึงทำให้มีความไม่มั่นคงสูงเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการตลาดหรือเทคโนโลยี การขาดการพัฒนาอุตสาหกรรมต้นน้ำและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง การผลิตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในไทยกระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมกลางน้ำซึ่งเป็นขั้นตอนในการผลิตชิ้นส่วนและส่วนประกอบของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น แผงวงจร การประกอบวงจรพิมพ์ และอุตสาหกรรมปลายน้ำ คือ การประกอบผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นขั้นตอนในการผลิตสินค้าขั้นสุดท้ายของผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยไทยยังขาดการเชื่อมโยงของอุตสาหกรรมภายในประเทศทั้งในแง่ของอุตสาหกรรมต้นน้ำซึ่งได้แก่ การออกแบบผลิตภัณฑ์และการออกแบบระบบ การผลิตเวเฟอร์ เป็นต้น และอุตสาหกรรมสนับสนุน เช่น การผลิตพลาสติกหล่อและโลหะ ซึ่งทำให้การผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของไทยยังต้องพึ่งพาวัตถุดิบจากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูง และส่งผลให้อุตสาหกรรมของไทยมีมูลค่าเพิ่มค่อนข้างต่ำ โดยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ประมาณร้อยละ 25 ส่วนในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้ามูลค่าเพิ่มอยู่ที่ประมาณร้อยละ 40 ความเสี่ยงที่เกิดจากการกระจุกตัวของการผลิตและการส่งออกในผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์บางประเภท การผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไทยมีการกระจุกตัวอยู่ในผลิตภัณฑ์ อาทิ ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ซึ่งมีสัดส่วนในมูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมร้อยละ 27.2 ร้อยละ 17 และร้อยละ 6.7 ตามลำดับโดยในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไทยมีความสามารถในการแข่งขัน อย่างไรก็ตามเนื่องจากการผลิตของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่เป็นเครือข่ายการผลิตของบริษัทต่างชาติหรือบริษัทร่วมทุน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟซึ่งผู้ผลิตทั้งหมดเป็นบริษัทต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตตลอดจนการโยกย้ายฐานการผลิตจะมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศมาก ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่อุตสาหกรรมจะต้องมีการกระจายการผลิตและส่งออกไปในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมถึงการพัฒนาและขยายฐานการผลิตออกไปในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อลดความเสี่ยง และคงความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมภายในประเทศ การถูกแย่งส่วนแบ่งตลาดจากประเทศคู่แข่ง แนวโน้มการแข่งขันในตลาดโลกที่เข้มข้นขึ้นทำให้ไทยต้องพยายามรักษาและขยายส่วนแบ่งตลาดส่งออกหลักไว้ จากการเปลี่ยนแปลงของส่วนแบ่งตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยในญี่ปุ่นและสหรัฐ จะเห็นได้ว่าส่วนแบ่งตลาดของไทยในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.1 ในปี 2543 เป็นร้อยละ 6.6 ในปี 2549 แต่ในตลาดสหรัฐ ส่วนแบ่งตลาดของไทยปรับตัวลดลงจากร้อยละ 5.3 เป็นร้อยละ 2.1 ประเทศคู่แข่งในการส่งออกผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดโลกที่สำคัญ ที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว คือ จีน ส่วนแบ่งการตลาดของจีนในสหรัฐเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.1 เป็นร้อยละ 24.3 ภายในช่วงระยะเวลา 6 ปี ในตลาดญี่ปุ่นส่วนแบ่งการตลาดของจีนก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน คือ จากร้อยละ 10.7 เป็นร้อยละ 29.9 อาจกล่าวได้ว่า แม้ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของจีนจะทำให้จีนเป็นตลาดที่สำคัญ แต่ในขณะเดียวกันการเติบโตอย่างรวดเร็วของการส่งออกผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จากจีนในตลาดโลกอาจมีผลทำให้ส่วนแบ่งตลาดของไทยในตลาดโลกลดลงได้ การแข่งขันในตลาดภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น (กรณีการเข้ามาตีตลาดของสินค้าจีนในไทย) ในตลาดภายในประเทศสินค้าจีนที่เข้ามาทำตลาดเน้นใช้กลยุทธ์ราคา ผลกระทบในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนระดับกลาง-ล่างซึ่งมีแบรนด์ไทยเหลืออยู่น้อยและไม่แข็งแกร่ง ทำให้แบรนด์ไทยมีแนวโน้มที่จะถูกควบรวมหรือเลิกกิจการไปดังที่เริ่มเกิดขึ้นไปแล้ว ในขณะที่ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับกลาง-บนซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าต่างประเทศจะได้รับผลกระทบจากการแข่งขันด้านราคาจากสินค้าจีนทำให้ต้องลดกำไรลงไปเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดของตน ทั้งนี้การขยายตัวของสินค้าจีนที่เข้ามาตีตลาดไทยหากมีผลให้ผู้ผลิตภายในประเทศต้องปิดกิจการหรือยกเลิกไลน์การผลิตสินค้าบางอย่างที่ไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าจีนได้ จะทำให้อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ซัพพลายให้กับสินค้านั้นๆ ได้รับผลกระทบมาก นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ราคาถูกของจีนที่อาจเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดของผู้ผลิตชิ้นส่วนภายในประเทศ หากผู้ประกอบธุรกิจเลือกนำเข้าแทนการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ ความเสี่ยงที่เกิดจากการขยายหรือโยกย้ายการลงทุนของบริษัทต่างชาติในประเทศอื่นซึ่งจะกระทบต่อการผลิตและส่งออกของอุตสาหกรรมภายในประเทศ เนื่องจากการผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในไทยส่วนใหญ่เป็นบริษัทร่วมทุน และบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศซึ่งทำการผลิตตามแผนการผลิตของบริษัทแม่ การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติจึงเป็นตัวแปรที่สำคัญต่อทิศทางและโครงสร้างของอุตสาหกรรมไทยโดยการย้ายฐานการผลิตและการขยายการลงทุนของบริษัทต่างชาติในไทยจะส่งผลให้การผลิตและส่งออกสินค้านั้นๆ เติบโต ในขณะที่การย้ายฐานการผลิตออกไปยังต่างประเทศส่งผลในทางตรงกันข้าม ดังนั้นสำหรับประเทศไทยที่ต้องการจะเป็นฮับการผลิต0องภูมิภาค และยกระดับอุตสาหกรรมจากการเป็นผู้รับจ้างประกอบ การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศไปพร้อมๆกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของผู้ประกอบการในประเทศและอุตสาหกรรมสนับสนุนเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรม การปรับตัวในอนาคตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทย ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมีความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับทิศทางในการพัฒนาอุตสาหกรรม และการปรับตัวของภาครัฐและภาคธุรกิจ ดังต่อไปนี้ 1. การปรับปรุงผลิตภัณฑ์ทางด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี การปรับปรุงผลิตภัณฑ์ทางด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ ในตลาดอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่มีภาวะการแข่งขันสูง นวัตกรรมทำให้สินค้ามีความแตกต่างและเป็นจุดขาย เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะที่เทคโนโลยีก็เป็นปัจจัยที่จำเป็นต่อการอยู่รอดของอุตสาหกรรม ในขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ ที่เป็นบริษัทชั้นนำในต่างประเทศเป็นหัวหอกในการพัฒนาเทคโนโลยี ผู้ประกอบการในระดับรองๆลงมาและบริษัทโออีเอ็ม (Original Equipment Manufacturer) ที่รับช่วงผลิตสินค้า ก็ต้องมีการตามกระแสเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วที่สุด นอกจากนี้การปรับปรุงผลิตภัณฑ์ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยียังมีความจำเป็นในการรักษาและขยายตลาดส่งออกเนื่องจากประเทศคู่ค้า อาทิ ยุโรป ญี่ปุ่น จีน ต่างก็มีข้อกำหนดมาตรฐานสินค้าโดยสินค้าที่จะส่งออกไปขายยังตลาดเหล่านี้ได้จะต้องผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้ โดยประเทศในกลุ่มยุโรปมีแนวโน้มที่มีมาตรฐานสิ่งแวดล้อมและมาตรการประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นในอนาคต 2. การขยายฐานผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมีความเห็นว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพในการพัฒนาในประเทศไทยได้แก่ ไฟฟ้าพลังงาน (โซลาร์เซลล์) และการผลิตระบบการชี้เฉพาะด้วยคลื่นวิทยุ (Radio Frequency Identification: RFID) ซึ่งใช้ในการตรวจเช็คสินค้าและมีตลาดที่กว้างเนื่องจากสามารถนำไปใช้ได้หลากหลาย ทั้งในวงการการค้าปลีก การเกษตร และโลจิสติกส์ นอกจานี้การที่ไทยมีการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์จนก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในภูมิภาค ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์จึงเป็นกลุ่มสินค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่ควรสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาขึ้นในประเทศหรือมีการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาเพิ่มขึ้น 3. การสร้างความเชื่อมโยงของอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยยังขาดความเชื่อมโยงซึ่งเป็นตัวสร้างมูลค่าเพิ่ม (value creation) ให้กับอุตสาหกรรม ไทยขาดอุตสาหกรรมต้นน้ำซึ่งมีมูลค่าสูง เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์ การออกแบบวงจรรวม และยังไม่มีโรงงานผลิตวงจรรวม (wafer frabrication) นอกจากนี้ไทยยังขาดอุตสาหกรรมสนับสนุน เช่น metal stamping และ plastic molding การพัฒนาอุตสาหกรรมต้นน้ำและอุตสาหกรรมสนับสนุนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะทำให้อุตสาหกรรมเติบโตอย่างยั่งยืนและมีความสามารถในการแข่งขัน สรุป และข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและการปรับตัวของธุรกิจ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและการปรับตัวของธุรกิจที่จะเป็นการสนับสนุนทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรม ดังต่อไปนี้ ภาครัฐ ภาครัฐสามารถส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมโดยการ ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ของประเทศ ไทยยังมีต้นทุนโลจิสติกส์ที่สูง(ร้อยละ 19-24 ของรายได้ประชาชาติ) เมื่อเปรียบเทียบกับอีกหลายๆ ประเทศ เช่น สิงคโปร์(ร้อยละ 8) มาเลเซีย(ร้อยละ 13)1 และโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะเรื่องกระแสไฟฟ้าซึ่งมีความสำคัญต่อกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรม การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาโดยเฉพาะด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงของสายการผลิต และเพิ่มมูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรม และส่งเสริมการสร้างบุคลากรโดยร่วมมือกับทางภาคธุรกิจ ทั้งนี้ข้อจำกัดทางด้านบุคลากรของไทยคือ ขาดทักษะด้านภาษา ขาดแคลนบุคลากรที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน ผู้ที่มีความสามารถในการออกแบบผลิตภัณฑ์ และผู้ที่มีความรู้ในการผลิตที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง การส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อมุ่งให้เกิดการดึงคลัสเตอร์ของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องเข้ามาด้วย ทั้งนี้การตัดสินใจเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติไม่เพียงแต่พิจารณาในเรื่องของนโยบายส่งเสริมการลงทุน ยังพิจารณาในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ ความพร้อมของบุคลากรและระดับเทคโนโลยีที่รองรับในประเทศนั้นๆ ด้วย ดังนั้นยุทธศาสตร์ในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศจึงควรมีการคำนึงถึงเรื่องเหล่านี้ประกอบด้วย มาตรการอื่นๆ ในการสนับสนุนและคุ้มครองอุตสาหกรรม อาทิ การพัฒนามาตรฐานสินค้าไทยเพื่อกีดกันสินค้าจีนด้อยคุณภาพเข้ามาตีตลาด การให้เงินอุดหนุนผู้ประกอบการในการทดสอบผลิตภัณฑ์ การลดทอนขั้นตอนและเอกสารในการขอคืนภาษี เป็นต้น ภาคธุรกิจ การพัฒนาความสามารถในการบริหารจัดการทั้งในด้านการผลิตและการตลาด - ในยุควัตถุดิบและน้ำมันแพงมีราคาแพง ความสามารถในการควบคุมต้นทุนให้อยู่ในระดับที่ยังแข่งขันได้เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมจำเป็นต้องมีเพื่อความอยู่รอด ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของตนให้ได้ตามมาตรฐานสินค้าของประเทศที่ส่งออก จุดอ่อนของผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่จะเป็นในเรื่องของทำการตลาด ผู้ประกอบการควรแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ทางการตลาดควบคู่ไปกับการรักษาฐานลูกค้าเดิม ยกตัวอย่าง แทนที่จะลงแข่งขันในเรื่องราคากับสินค้าจีนซึ่งไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ผู้ประกอบการควรปรับขบวนการผลิตโดยหันไปผลิตสินค้าที่เป็นล็อตเล็กๆ และรักษาคุณภาพไว้ โดยใช้จุดแข็งของไทยที่การผลิตมีความยืดหยุ่นสูงให้เป็นประโยชน์ และเน้นในเรื่องคุณภาพ ซึ่งจะทำให้ขายได้ราคาดี นอกจากนี้การกระจายตลาดหรือการมีลูกค้าหลายๆ รายก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงของการขายสินค้า การสร้างความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยี ผู้ประกอบการไทยต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเองโดยการต่อยอดเทคโนโลยี ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมนี้ยังพัฒนาไปได้ไม่มากเท่าที่ควร แตกต่างจากผู้ผลิตต่างชาติที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอยู่เสมอ ในเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไทยอาจเสียเปรียบในขนาดของตลาดและการขาดแคลนบุคลากรในการพัฒนาเทคโนโลยี ดังนั้นทางเลือกหนึ่ง ก็คือ ผู้ประกอบการที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันมีการร่วมมือกันเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีหลัก (core technology) ขึ้นมาก่อน จากนั้นจึงให้บริษัทแต่ละบริษัทนำไปต่อยอด เช่น ในกรณีเทคโนโลยี RFID ที่จะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในอนาคตเนื่องจากมีตลาดที่กว้าง มีการนำไปใช้มากขึ้นในธุรกิจโลจิสติกส์และคาดว่าจะใช้แพร่หลายมากขึ้นในธุรกิจ เช่น ค้าปลีกและการเกษตรในอนาคต แนวทางการพัฒนาอาจเป็นโครงการร่วมมือระหว่างภาครัฐ เช่น ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) และสถาบันการศึกษา ร่วมกับเอกชนผู้ผลิต RFID และผู้ประกอบการในธุรกิจที่ใช้ RFID เพื่อพัฒนาสินค้าให้ตอบสนองความต้องการเฉพาะของอุตสาหกรรมที่นำไปใช้โดยมีราคาที่ต่ำลง ซึ่งความร่วมมือในลักษณะนี้ระหว่างบริษัทหากเกิดขึ้นได้ก็จะเป็นประโยชน์มากทั้งในระดับบริษัทและระดับอุตสาหกรรม โดยในขณะเดียวกันรัฐก็ต้องให้การส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของภาคธุรกิจ เช่น การตั้งศูนย์วิจัยเทคโนโลยีพื้นฐาน (basic R&D) ขึ้นมาก่อน และการให้เงินอุดหนุนการวิจัยและพัฒนาร่วมกันของภาคธุรกิจ เป็นต้น Disclaimer รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงข้อมูลได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯจะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็นหรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น
โดย
wattae
พฤหัสฯ. พ.ค. 15, 2008 1:31 pm
0
0
สรุปผลการดำเนินงานของบจ. ไตรมาสที่1 ปี 2551
หลักทรัพย์ PTTEP แหล่งข่าว PTTEP หัวข้อข่าว สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่1 วันที่/เวลา 25 เม.ย. 2551 13:28:28 การดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่1(F45-3) บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ก่อนสอบทาน (หน่วย : พันบาท) สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม งบการเงินรวม ไตรมาสที่ 1 ปี 2551 2550 กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 8,904,712 6,771,356 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 2.70 2.06 งบการเงินเฉพาะกิจการ ไตรมาสที่ 1 ปี 2551 2550 กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 5,648,896 4,513,411 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 1.71 1.37 หมายเหตุ : 1. โปรดดูรายละเอียดงบการเงินจากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ "ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ" ลงลายมือชื่อ ___อนนต์ สิริแสงทักษิณ ( นาย อนนต์ สิริแสงทักษิณ ) ตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ
โดย
wattae
ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 1:47 pm
0
0
78 โพสต์
of 2
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
wattae
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 12:41 pm
ใช้งานล่าสุด:
พฤหัสฯ. ก.ย. 09, 2010 7:30 pm
โพสต์ทั้งหมด:
554 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.03% จากโพสทั้งหมด / 0.09 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว