หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
WannaBeVI
Joined: พฤหัสฯ. ส.ค. 02, 2007 4:34 pm
775
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - WannaBeVI
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: นาทีทองสำหรับ vi พันธุ์แท้
ผมว่า นี่แค่น้ำจิ้มเองนะ ถึงจะไม่ใช่แต่ก็อยากที่จะขึ้นแรงแล้ว เพราะการฟื้นตัวรอบนี้น่าจะเป็นแบบ L shape แล้ว เพราะการขึ้นแบบ V shape ที่ผ่านมามันเป็นแค่ผลของ QE ซึ่งไม่ได้ช่วยด้าน real sector ซักเท่าไร มาคราวนี้โอบาม่าเริ่มฉลาดแล้วที่จะเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน เงินเข้าถึงมือประชาชนโดยตรงแล้ว น่าจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่จะเป็นไปแบบช้า ไม่ใช่พรวดๆแบบ 2-3 ปี 700-800 จุดเหมือนที่ผ่านมาแล้วละ
โดย
WannaBeVI
จันทร์ ก.ย. 19, 2011 3:46 pm
0
0
Re: ถ้าอเมริกา สู้ค่าแรงจากจีนไม่ได้ ทำไมยังไม่มีการลดค่าแรง
ค่าครองชีพมันต่างกันครับ
โดย
WannaBeVI
พุธ ส.ค. 31, 2011 11:12 pm
0
0
Re: Dow Jones หลุดหมื่น ลบวันละ 500 จุดจะเป็นเรื่องชินชา
จีนก็พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะจีนก็เป็นเจ้าหนี้ของสรอ.อยู่มากทีเดียว งานนี้ทั่วโลกเค้าน้ำท่วมปากกันหมด ธ.กลางของแต่ละประเทศก็เร่งเก็บทอง เก็บโลหะมีค่าแทนเงินเหรียญสรอ.กันใหญ่ เร็วๆนี้คงมีการพูดถึงระบบการเงินแบบใหม่แทนที่จะใช้เงินเหรียญสรอ.เป็นสากลแล้วมั้งครับ
โดย
WannaBeVI
จันทร์ ส.ค. 08, 2011 10:17 pm
0
0
Re: เราจะรู้ได้อย่างไรว่าวิกฤติกำลังจะเกิด ???
เมื่อคนเริ่มพูดว่า จะเกิดวิกฤติ แล้วมีคนตอบว่า จะบ้าเหรอ สรุป วิกฤติจะเกิดเมื่อคนส่วนใหญ่คาดไม่ถึงครับ ซึ่งเมื่อเป็นอย่างนั้น เราก็ทำได้แค่ระวัง และตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ไม่ยึดมั่นถือมั่นกับหุ้นมากเกินไปครับ
โดย
WannaBeVI
อังคาร มิ.ย. 14, 2011 5:21 pm
0
0
Re: อืมไม่น่าเชื่อว่าช่องว่างระหว่างรายได้ของไทย เป็นอันดับ2
ขอมาเล่าเพิ่ม ผมมีเพื่อนคนนึงเป็นเจ้าของโรงงานทอผ้าใหญ่มาก คุยกันเรื่องพวกนี้แหละ ก็ถามมันว่า ค่าแรงขึ้นนี่จะเป็นไง มันก็บอก ก็ลำบากนะ ต้นทุนขึ้นแน่ๆ คู่แข่งในประเทศ มันไม่กลัว เพราะโดนกันทั่ว แต่กังวลเรื่องส่งออกมากกว่า กลัวจะสู้ต้นทุนเค้าไม่ได้ พอคุยกันซักพัก มันก็บอกจะซื้อรถใหม่(อีกแล้ว) ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มันซื้อ 520d cooper S TTs มันบอกอยากได้เอาไว้ลุยๆอีกคัน จะเอายกสูงเผื่อไปต่างจังหวัด (รถของมันคนเดียวนะ) นาฬิกาก็ซื้อสะสมเรือนละหลายแสน แต่มันไม่เอาโรเล็กซ์นะ มันบอกแก่ มันชอบแพมมากกว่า เลยบอกมัน ไอ้ห่าน ค่าแรงขึ้นให้ลูกจ้างนิดหน่อยทำมาบ่น แต่ซื้อรถคันละหลายล้าน เสียค่าประกันเยอะแยะ ดันไม่บ่น เนื่ยแหละครับ ความแตกต่างของชีวิต คนๆนึงจน จนไม่มีข้าวจะกิน ไม่มีเงินรักษาเวลาเจ็บป่วย อีกคนตังค์เหลือ ซื้อของหลายล้าน ทุกอย่างอยู่ที่วาสนาจริงๆครับ
โดย
WannaBeVI
พฤหัสฯ. พ.ค. 12, 2011 12:09 am
0
0
Re: ดูกันจะจะ !! "รายได้"ผู้บริหาร บริษัทยักษ์ใหญ่ในเมืองไทย
ที่น่าแปลกคือ true ขาดทุนสะสมบานแต่เงินเดือนผู้บริหารดันมากกว่า advanc กับ dtac ซะอีก สงสารผู้ถือหุ้นที่ต้องจ่ายเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนจริงๆ
โดย
WannaBeVI
จันทร์ พ.ค. 09, 2011 10:09 pm
0
0
Re: อืมไม่น่าเชื่อว่าช่องว่างระหว่างรายได้ของไทย เป็นอันดับ2
ไม่อยากบอกว่า สิ่งที่เจ้าสัวทำอยู่ทั้ง 7-11 cp fresh mart ทำให้คนรายได้หายไปขนาดไหน ร้านโชว์ห่วยที่อยู่ใกล้ๆ ก็เจ๊ง หลายคนบอกว่าเพราะร้านโชว์ห่วยไม่พัฒนา แต่ผมมองว่ามันเป็นเรื่องของกำลังเงินมากกว่า ใครสายป่านยาวกว่าคนนั้นก็รอดในตลาดทุนนิยม ตอนนี้ cp fresh mart ก็มารุกคืบเข้าทุกที ต่อไปร้านอาหารตามสั่งก็เตรียมเจ๊งตามโชว์ห่วยไป สิ่งทึ่รัฐควรทำ คือ ช่วยเหลือร้านเล็กๆพวกนี้ แต่รัฐไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้รอวันเจ๊ง เจ้าสัวก็พูดเรื่อย 2 สูงๆ เยี่ยมครับ กะกินคนเดียวทั้งประเทศ อาหาร การสื่อสาร สื่อ กินรวบๆ ผมว่า ต่อไปน่ากลัวนะ ปล.โพสท์อย่างนี้ ผิดกฏหรือเปล่าเนี่ย ผิดก็ลบได้นะครับ mod.
โดย
WannaBeVI
จันทร์ พ.ค. 09, 2011 9:55 pm
0
0
Re: อืมไม่น่าเชื่อว่าช่องว่างระหว่างรายได้ของไทย เป็นอันดับ2
ช่องว่างรายได้ขนาดนี้เกิดจากอะไรครับ ? ปัญหาเงินเฟ้อรอบนี้เกิดจากของขึ้นราคา แต่ไม่ได้เกิดจากคนส่วนใหญ่มีรายได้เพิ่มขึ้น คนที่รวยขึ้น คือ คนที่เป็นเจ้าของกิจการ หรือมีเงินลงทุนมาก โตกันหลายเท่าทีเดียว สรุปคนรวยก็รวยขึ้น แตกต่างกับคนจน เงินเดือน ค่าจ้างก็ขึ้นไม่เยอะ ไม่มีเงินทุน ก็ได้เพียงหาเช้ากินค่ำ พอเจอของขึ้นราคาจากเดิมที่แทบไม่มีเงินเก็บก็กลายเป็นไม่มีเก็บเลย สรุปก็เลยจนลงเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้ผมเลยเกลียดคำว่า 2 สูงมาก แนวคิดนี้ไม่ได้ช่วยให้คนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์เลย มันแปลกก็ตรงที่ทำมไรัฐบาลถึงยังพยายามใช้นโยบายแบบนี้ ประมาณว่า ของขึ้นค่อยขึ้นเงินเดือนให้พอกิน ที่ถูกควรเป็น ขึ้นเงินเดือน ค่อยขึ้นราคาของมากกว่า โครงสร้างแบบนี้ ยากมากที่คนพึ่งสร้างเนื้อสร้างตัวจะลืมตาอ้าปากได้ครับ
โดย
WannaBeVI
จันทร์ พ.ค. 09, 2011 12:28 pm
0
0
Re: อืมไม่น่าเชื่อว่าช่องว่างระหว่างรายได้ของไทย เป็นอันดับ2
http://www.economist.com/node/18587127 จริงหรือนี่ ช่องว่างระหว่างรายได้ของไทยได้อันดับ 2 ของโลก อันดับสูงกว่า จีนอีก งง นั่นซิ ผมนึกว่า จะเป็นที่ 1 ซะอีก คนรวยรวยขึ้น คนจนจนลง เงินเฟ้อรอบนี้ คนกินเงินเดือน คนหาเช้ากินค่ำตายอย่างเดียว ผิดกับเจ้าของบ.รวยเอาๆ ไม่น่าแปลกใจเลยครับ
โดย
WannaBeVI
ศุกร์ พ.ค. 06, 2011 5:30 pm
0
0
Re: The Financial Crisis of 2015
เรื่องธนาคารนี่ มันเริ่มเห็นสัญญาณว่า ธ.เริ่มเปิดความเสี่ยงมากขึ้นเกินไป ตั้งแต่รัฐบาลเริ่มนโยบายจำกัดเพดานค้ำประกันเงินฝากแล้ว จำนวนเงินที่รัฐจะค้ำให้จะอยู่ที่ 1 ล้านบาทเท่านั้น รัฐคงรู้แหละว่า ความเสี่ยงของธ.เริ่มมากขึ้น ผมกำลังคิดว่า ธ.เหมือนกำลังเล่นพนันอยู่ อยากได้กำไรเยอะขึ้น ก็ต้องเสี่ยงมากขึ้น ปล่อยกู้ง่ายขึ้น คุ้นมั้ยว่า เราเริ่มทำตัวเหมือนสรอ.มากขึ้นทุกที แต่เรามีอย่างนึงที่เราไม่เหมือนสรอ. คือ สรอ.สามารถพิมพ์เงินได้โดยที่ไม่กระทบกับค่าเงิน$มาก แต่ที่เราจะเหมือนคือ เราจะเหมือน ซิมบับเวย์ต่างหาก แล้วเมื่อคิดทั้งหมดแล้ว ก็จะเข้าใจได้ว่า ทำไมหลวงตาบัวถึงให้นำเงินเปลี่ยนเป็นทองแทน ว่าแต่วันนี้พวกคุณมีทองกันบ้างแล้วหรือยัง
โดย
WannaBeVI
เสาร์ เม.ย. 16, 2011 10:42 pm
0
0
Re: The Financial Crisis of 2015
เท่าที่ผมสังเกตุ ตอนนี้รอบของวิกฤติเกิดขึ้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ มันเหมือนยิ่งแก้ปัญหา มันก็จะเจออีกปัญหา คล้ายๆแก้ปมเชือกที่มันพันกันจนเละ พอแก้ปมนึงได้ก็เจออีกปม ทางเดียวที่ทำได้ไม่ใช่การแก้ปม แต่มันต้องตัดปมนั้นทิ้งไปเลย ผมยังมองเหมือนเดิมว่า ภายใน 2 ปี เราจะเจอวิกฤติที่หนักกว่า sub prime เพราะรอบนี้ไม่ได้เกิดแค่เงินเฟ้อ แต่มันมีเงินฝืดด้วย ปัญหากำลังก่อตัวอย่างช้าๆ คนดูเหมือนมีเงินมากขึ้น แต่กลับไม่สามารถซื้อของได้มากขึ้น แต่ที่หนักคือความต้องการของคนเพิ่มขึ้น จากการส่งเสริมการใช้จ่าย ผ่านบัตรเครดิต ผ่านสินเชื่อต่างๆ ตอนนี้ก็เริ่มพยายามเอาบัตรเครดิต เอาสินเชื่อไปปล่อยให้กลุ่มผู้มีรายได้ต่ำมากขึ้นแล้ว แล้วคิดดูว่า กลุ่มผู้มีรายได้ต่ำมีรายได้ที่มั่นคงหรือไม่ มีระเบียบวินัยในการใช้จ่ายหรือไม่ มีความสามารถในการชำระหนี้หรือไม่ ปัญหาตรงนี้ยังไม่เกิดตอนนี้หรอก เพราะในระยะสั้นช่วงนี้เราอาจจะเห็นแค่เงินเฟ้อ แต่เรายังไม่เห็นเงินฝืด เพราะเรายังเอาเงินในอนาคตมาใช้ได้ แต่เมื่อไรที่เราเอาเงินในอนาคตมาใช้หมดเมื่อไร คนจะเริ่มรู้ตัวว่า เงินไม่พอใช้จ่าย ไม่พอจะผ่อนสินเชื่อ ไม่พอจ่ายหนี้ เพราะปัญหาเงินเฟ้อจะค่อยๆเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด ความสามารถในการชำระหนี้ของคนจะลดลง การปล่อยสินเชื่อจะเริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดจะเกิดภาวะเงินฝืดตามมา Stagflation จะมาแน่ๆในวิกฤติรอบหน้า และจะต้องใช้เวลาแก้ไขนานมาก เพราะแก้เงินเฟ้อ ก็เกิดเงินฝืด แก้เงินฝืดก็เกิดเงินเฟ้อ เจอปัญหากลืนไม่เข้าคายไม่ออก พอดีมานด์เริ่มลด ซัพพลายเริ่มล้น ก็จะเริ่มลดการผลิต ลดการผลิตก็ลดจำนวนแรงงาน แรงงานไม่มีรายได้ ก็ไม่มีเงินจ่ายหนี้ ไม่เงินจ่ายหนี้ ก็เกิดหนี้เสีย ที่นี้ก็จบเลย ปัญหามันพันกันเป็นปมจนเละ ในอนาคตเราอาจได้เห็นการตัดปมปัญหาทิ้ง ไม่แน่ว่า ต่อไป เราอาจจะไม่ได้ใช้ "เงิน"กันเลยก็ได้ แต่จะมีอย่างอื่นมาทดแทน
โดย
WannaBeVI
เสาร์ เม.ย. 16, 2011 10:33 pm
0
0
Re: สงสัยเรื่องกองทุนผ้าป่า "ทองคำช่วยชาติ" ครับ
ค่าเงินแต่ละประเทศ จะมีค่ามากน้อยขึ้นส่วนนึงขึ้นอยู่กับทองครับ ที่เหลือส่วนใหญ่ก็เป็นเครดิต ความน่าเชื่อถือของแต่ละประเทศ อย่างสรอ.ก็ยังมองกันว่าเครดิตดี ก็จะสำรองทองไว้ค้ำค่าเงินตัวเองน้อยกว่าเราครับ อย่างเงินบาทเราก็ต้องมีทองมาค้ำมากหน่อย อีกส่วน คือ ทองเป็นสินทรัพย์ที่ใช้ป้องกันปัญหาเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดีครับ ดูได้จากมูลค่าของเงินที่นับวันก็ยิ่งเสื่อมลง ผิดกับทองที่มีแต่เพิ่มมูลค่า เพราะทอง 1 บาทเมื่อ 30 ปีที่แล้วก็ยังเป็น 1 บาท แต่เงิน 1 บาทเมื่อ 30 ปีที่แล้วต่างหาก ที่มีค่าลดลง เห็นมั้ยครับ หลายคนมองว่า ทองแพง แต่ทองไม่เคยแพงครับ มีแต่เงินครับที่ถูกลง เพราะจำนวนเงินในตลาดมันเพิ่มขึ้นจากการพิมพ์ครับ เราแค่เสกกระดาษให้มีมูลค่า แต่กลับทอง มนุษย์ไม่ได้เป็นผู้ผลิตนะครับ แต่ธรรมชาติเป็นผู้ผลิต ดังนั้นจำนวนย่อมมีจำกัด ตามหลักเศรษฐศาสตร์ได้เลย Supply จำกัด แต่Demand ไม่จำกัด มูลค่าเลยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผิดกับเงิน Supply ไม่จำกัด (พิมพ์ได้เรื่อยๆ บางคนเถียง ไหนบอกขึ้นกับทอง แต่ให้ดูสรอ.นะครับ) Demand ก็ไม่จำกัด พูดง่ายๆ ยิ่งพิมพ์ยิ่งโหล ของมันมีมากขึ้น มูลค่ามันก็ลดลงเป็นธรรมดา มีทางเดียวครับที่เราจะเห็นทองแพงได้ คือ เมื่อมนุษย์เห็นทองไม่มีค่า การจะเป็นอย่างนั้นก็คือ เราต้องหาตัวกลางที่เป็นมาตรฐานแทนทองได้ใหม่ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มี และคงยังไม่มีไปอีกนานครับ อีกทางก็คือ มนุษย์สามารถผลิตทองออกมาได้เอง กลับมาเรื่องทองคำช่วยชาติ ถือเป็นเรื่องดี เพราะง่ายต่อการตรวจสอบ ง่ายต่อการเก็บรักษา มีมูลค่าเพิ่มขึ้นด้วยตัวมันเอง หลายๆคนบอกว่า เดี๋ยวทองก็ลง ผมบอกได้เลยครับว่า ปีนี้ 24,000 บาท/ ทอง 1 บาทเป็นไปได้ค่อนข้างสูงครับ 30,000 ใน 2 ปี ก็คาดว่าน่าจะได้ครับ ผมอาจจะผิด แต่ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วกันครับ :D :D
โดย
WannaBeVI
อังคาร มี.ค. 08, 2011 7:41 pm
0
0
Re: หม่อมอุ๋ย สัมภาษณ์สด ออกทีวีช่อง 11 ใครดูอยุ่บ้าง
อะโห กระทู้ถูกขุด เราก็งง นึกว่าหม่อมมาพูดอะไรอีก
โดย
WannaBeVI
จันทร์ ก.พ. 21, 2011 8:51 pm
0
0
เล่าเรื่องสัมปทานมือถือ
รบกวนถามนิดนึงครับ อยากรู้กี่ยวกับเรื่องของเพจเจอร์ครับ มายังไง ไปยังไง หายไปไหนแล้ว พอดีคิดถึงอดีต สมัยที่โทรส่งข้อความหวานๆกับอดีตหวานใจอยู่บ่อยๆ (สมัยนั้น นั่งคิดย้อนไป กล้าพูดผ่านจนท.ไปได้ยังไงหว่า) ไม่ว่าจะเป็น ตื่นนอนหรือยัง รีบตื่นได้แล้ว เดี๋ยวมารร.สายนะ คิดถึงนะ ไม่ก็ นอนได้แล้ว อย่าลืมฝันถึงนะ และอีกสารพัดหวานที่ไม่กล้าเปิดเผยต่อสาธารณะ ปล.กลับมาเรื่องมือถือ ถ้าอย่างนั้นมูลค่าของบ.ในอีก 5 ปีข้างหน้า ก็ยังไม่สามารถประเมินได้เลยใช่มั้ยครับ
โดย
WannaBeVI
พุธ ม.ค. 14, 2009 2:54 pm
0
0
ขอถามอาจารย์หมอ mprandy เรื่อง usa หน่อยครับ
ผมกลัวปัญหา CDS ที่จะครบกำหนดในกลางปีหน้ามากกว่า ที่ได้ยินมาความเสียหายที่จะต้องเกิดอยู่ในระดับหลักล้านล้านเลย ผมกำลังกลัวว่าสหรัฐจะเอาเงินที่ไหนมาอุดโดมินโนตรงนี้มากกว่า เพราะยังไงปัญหา BIG 3 สหรัฐก็ต้องเข้ามาช่วยอยู่ดี เพราะถ้าปล่อยให้ล้ม มันไม่ได้จบแค่บริษัทล้มแล้งจบ ผลกระทบมันกระจายไปทั่วโลก ที่จะดูอย่างเดียวคือ สหรัฐจะช่วยยังไง ไม่ให้ประชาชนรุมด่า ฐานที่ใช้เงินภาษีประชาชนอย่างไม่ยุติธรรม แต่ไอ้ CDS มันเป็นเฟมือนที่ปู่บัฟเฟตบอก คือ Mass Destructive weapon ระดับนิวเคลียร์ลูกย่อมๆเลยทีเดียว อีกอย่างที่ผมอยากทราบ คือ เมื่อไรสหรัฐจะเงินหมดคลังซะที เห็นพี่แกใช้เงินอุ้มนู่นอุ้มนี่ ตอนนี้เงินเหรียญสหรัฐน่าจะไม่มีค่าอะไรแล้วนะครับ(อันนี้นั่งเทียน) ล่าสุดเนี่ยเห็นผู้ว่าคนเหล็ก เริ่มพูดถึงเงินในรัฐเริ่มขาดสภาพคล่อง มีการคาดการณ์ว่าจะปลดข้าราชการออกด้วยนะ ปล.อยากรบกวนคุณPrandy วิเคราะห์ผลกระทบจาก CDSให้หน่อยครับ ขอบคุณครับ
โดย
WannaBeVI
พุธ ธ.ค. 03, 2008 3:57 pm
0
0
ทนกันนิดนึง จุดต่ำสุดใกล้มาแล้ว
เคยมีคนพูดให้ผมฟัง ซึ่งใช้เป็นประโยคเตือนสติได้ คือ ในสถานการณ์ที่เลวร้าย แล้วยังจะมีร้ายกว่า และถ้ายังคงคิดว่ามีหวัง มันก็จะยังมีร้ายกว่าไปเรื่อยๆ แต่เมื่อใดที่หมดหวัง สถานการณ์ร้ายๆ มันกำลังจะคลี่คลาย สิ่งที่จะใช้เป็นตัวชี้วัดได้ เช่น เริ่มมีคนเครียดจัดจากพิษเศรฐกิจ ฆ่าตัวตายลงข่าวหน้าหนึ่งเป็นประจำ อันนี้แสดงให้เห็นว่า ทุกอย่างมันกำลังจะจบ การที่จะบอกว่า เรื่องกำลังจะจบ ผมว่าไม่ ตอนนี้ภายในครึ่งปี ผมว่าน่าจะได้เห็นอะไรที่หนักกว่านี้ เพราะเมื่อภาคการเงินล้ม ก็เท่ากับแหล่งเงินทุนของบ.ต่างๆหายไป บ.ต่างๆเริ่มขาดสภาพคล่อง ผลที่ตามมา คือ บ.ก็จะล้มตามเหมือนภาคการเงินด้วยเหตุผลเดียวกัน และถึงแม้ว่าบ้านเราจะมีภาคการเงินที่ลงทุนได้อย่างปลอดภัย ด้วยเพราะมีบทเรียนจากตอนต้มยำกุ้งก็ตามที อย่าลืม ตอนนั้นบ้านเรานิดนึง ยังเล่นทำเอาเพื่อนบ้านพังกันไปเป็นแถบ อันนี้เป็นถึงพี่เบิ้มอันดับหนึ่งในโลก มันจะไม่เละไปทั่วโลกเหรอครับ แต่ด้วยที่ว่าบ้านเราเป็นประเทศที่มีการส่งออกเป็นตัวจักรสำคัญใน GDP ถ้าประเทศที่นำเข้า หรือพูดอีกแง่ คือ ลูกค้า ไม่ซื้อของจากเรา เราจะทำอย่างไร GDP อีกตัวที่สำคัญ คือการท่องเที่ยว คาดว่า เงินจากการท่องเที่ยวของต่างชาติที่เข้ามาในไทยน่าจะลดลงเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้น 350 จุด ผมไม่มั่นใจเท่าไรครับ เพราะส่วนตัว ผมว่าตอนนี้ มันยังแค่เพิ่งเริ่มเองนะครับ ปล.ผมเป็นพวกโคตะระconservative นะครับ แต่ผมคิดงี้จริงๆ
โดย
WannaBeVI
จันทร์ ต.ค. 13, 2008 12:43 am
0
0
การลงทุนในกองทุนทหารไทย China Equity Index ระยะยาวเป็น...
อย่างนี้น่ะครับ เท่าที่ผมทราบ (เนื่องจากเพื่อนของเพื่อนซี้ผมซื้อไว้เยอะมาก ผมเคยคิดจะซื้อตามเพราะเห็นราคา NAV มันต่ำลงมาจากพาร์ 10 บาท --------> 5-6 บาทในปัจจุบัน) อาจจะผิดก็ได้น่ะครับ เพราะผมไม่ได้ซื้อ แต่กองนี้เป็นกองที่ไปซื้อปลีกมาจากกองที่เขาขายส่งมาคือกอง HK2328 ( ตัวเลขอาจจะผิดน่ะครับ เพราะผมไม่ได้ไปเปิดเช๊คให้แน่ใจอีกที ต้องขอโทษด้วย) หลักๆ fund mng ของ tmb ไม่มีหน้าที่ใดๆในการตัดสินใจเลือกถือหุ้น เพียงแต่ตัว NAV จะขึ้นลงตามกับกองของ HK 2328 ซึ่งไปลงทุนในหุ้นกระดาน H ( หุ้นจีนที่ dual listed ใน Hang Seng) ต่างจากในกระดาน A ซึ่งก็จะคล้ายกันกับที่ Microsoft หรือ Toyota ที่ก็ไป list ระหว่างกันอยู่ทั้งตลาด JP&US ครับ เท่าที่ผมเคยถามๆดู (ประมาณ 2 เดือนที่แล้ว) ผมเข้าใจว่ากอง HK 2328 เลือกถือหุ้น Finance ประเภท Life Insurance เยอะ หุ้นที่เค้าถือเป็นสัดส่วนมากสุดที่ผมจำได้แน่ๆคือ Ping An (แปลว่าปลอดภัย/มั่นคงทำนองนั้นน่ะครับ)Insurance ซึ่งจริงๆทำทั้ง Life&None Life ซึ่งราคาหุ้นตกลงมามากเหลือเกิน (ไม่มากได้ยังไงหละครับ ปี 2007 ขึ้นไปแบบไม่มี ground ใดๆทั้งสิ้นเลย โดยเฉพาะที่ตลาด SH, ถ้าไปซื้อ Ping An ในกระดาน A ตอนนั้น กองนี้จะเจ็บหนักกว่านี้อีก) ส่วนตัวน่ะครับ ผมว่าข้อดีก็มีเพราะหุ้นจีน หรือโดยเฉพาะ Ping An ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก China Life เนี่ยะหุ้นมันมีการ correction มาเยอะมากแล้วครับ มีอยู่ช่วงนึง China Life ลงมา P/E ต่ำกว่า 15 อีกทั้งๆที่เป็นหุ้น High Growth มาก อัตรา%ของผู้ถือประกันในจีนมีอยู่แค่ 4% เท่านั้นเองครับ เทียบกับบ้านเราก็ยังห่างหลายเท่าตัว ไม่ต้องไปเทียบกับประเทศที่เจริญแล้ว ส่วนเรื่องหิมะหนักๆที่ต้นปี รวมถึงน้ำท่วมและ Quake ที่เสฉวนเนี่ย อาจจะสร้าง awareness เรื่องนี้ให้กับชาวจีนมากน่ะครับ รวมถึง Premium ที่อาจจะเพิ่มได้มากขึ้น ในขณะที่ยอด claim จากภัยพิบัติในปีนี้ ถ้าเทียบก็ไม่ได้มากมายอะไรครับ มีตัวเลขอยู่ใน Bloomberg พอดีผมจำไม่ได้ แต่ผมเคยเห็น รับรองว่ายอด claim จากทั้ง life&non life เนี่ยไม่มาก ข้อดีอีกอย่างของการซื้อ TMB กองนี้ก็คือ f/x ที่จะถูกเปลี่ยนเป็น HK Dollar ซึ่ง undervalue มากๆ(อาจจะเป็นรอง Yaun Rimembi แต่ไม่แพ้ JPY แน่ๆครับ)เนื่องจาก Pegged ไว้กับ US dollar มานาน, ถ้า unpegged เมื่อไหร่ ก็อาจจะมีกำไรในตรงนี้ด้วย ถ้าสมมติฐานของเราคือเงินบาทไทยจะอ่อนในอนาคตน่ะครับ ผมไม่ได้มีส่วนได้เสียน่ะครับ อย่าเข้าใจผมผิด แล้วผมก็ไม่ได้ทำงานอยู่กับ TMB ด้วย เพียงแต่ผมอาศัยอ่านข้อมูลในบอร์ดนี้เยอะ ผมอยากจะช่วยแชร์ comment ในสิ่งซึ่งผมอาจจะพอทราบหนะฮ่ะ ส่วนตัวผมมอง China Life อยู่ครับ, ตอนนี้แพงไปแล้ว เนื่องจากบริษัทเพิ่งออกมาประกาศว่าไม่ได้ถือหนี้ของ Freedie Mac&Fannie Mae อย่างที่หลายๆคนกังวลหนะครับ ถ้า P/E เหลือซัก 13 ผมว่าก็น่าสนใจน่ะครับ ตัวนี้เคยมีข่าวว่า Buffett เองก็สนใจจะลงทุน ออกในรายการของ CNBC สัมภาษณ์โดย Ms. Quick ลองไปโหลดกันมาดูได้ครับ แต่แกปฏิเสธไปแล้วครับว่าสน Auto Insurance แบบ Geico มากกว่า..................... ข้อมูลแน่นมากครับ ผมไปฟังสัมนาที่ TMBAM จัด ยังไม่ได้รายละเอียดลงไปในตัวหุ้นขนาดนี้ สุดยอดครับ ผมไม่เข้าใจ TMBAM อย่างนึง ทำไมชอบที่จะขายกองทุนที่ลงทุนในสิ่งที่มันกำลังจะดับ อย่างตอนนี้ออกกองทุน Energy ETF เอาจริงๆตอนนี้ ผมมองน้ำมันกับถ่านหินน่าจะช่วงขาลงแล้ว จำได้ตอนไปฟังสัมมนามีคนนึงพูดถูกใจมาก คือ แนะนำให้ทาง TMBAM พิจารณาการออก Vietnam Equity บ้าง เพราะตอนนี้เวียดนามลงมาหนักมาก แต่ดันมาออก Energy ETF แทน แต่ตอนนี้สนใจ China Equity พอสมควร ส่วนนึงหุ้นหลายๆตัวในไทยก็ถูกมาก แต่ปัจจัยทางการเมือง ทำให้ต้องเบือนหน้านี้
โดย
WannaBeVI
อังคาร ก.ค. 29, 2008 12:24 am
0
0
อิอิ ใครช่วยคำนวณ ptt pttep ให้หน่อยซิ ว่าน่าซื้อที่เท่าไร
ถ้าในกรณีที่น้ำมันลงไปอยู่ที่ $100 ครับ ราคา pttep จะควรอยู่ที่เท่าไร ผมเคยอ่านเจอบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ pttep ว่า ถ้าราคาน้ำมันเปลี่ยนแปลงไป $1 จะทำให้กำไรของ pttepเปลี่ยนแปลงไปกี่ % ผมจำไม่ได้นะครับ ใครจำได้ช่วยบอกที แนวโน้มราคาน้ำมันน่าจะอยู่ช่วงขาลงแล้ว แต่ลงยังไงผมว่าก็คงไม่ต่ำกว่า $100 แล้วต่อไปกลุ่มวัสดุก่อสร้างจะกลับมาหรือเปล่า ดู SCC แล้วราคานี้ก็เริ่มน่าสนใจสำหรับคนเก็บยาวๆนะ ส่วนตอนนี้ปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้ที่เหลือ คือ ซับไพร์ม แล้วก็การเมืองไทย
โดย
WannaBeVI
ศุกร์ ก.ค. 18, 2008 12:35 pm
0
0
ลงทุนในจีน : การลงทุนที่ย้าว...ยาว
ผมก็ไปฟังมาครับ ไปฟังกับแม่(จริงๆ) แม่ฟังไปซักพักก็หลับ ส่วนผมเริ่มคล้อยเล็กน้อย มีผงกหัวบ้าง นี่ขนาดไม่ค่อยได้กินของว่างที่เค้าจัดให้นะเนี่ย ผมนั่งอยู่ตรงแถวกลางๆใกล้กับคนแรกที่ถามออกไมค์ เด็กหนุ่มคนนั้นก็ดูเก่งดีนะครับ หาข้อมูล ทำการบ้านมาดีเหมือนกัน แต่ที่ผมชอบจริงๆ คือ คนสุดท้ายที่แนะนำให้ทำกองทุน Veitnam Equity ที่ไม่ชอบ คือ FM ที่เป็นผู้ชาย เวลาเด็กคนแรกพูดผิด แล้วอ.ตามแก้ พี่แกหัวเราะคิกคัก เหมือนจะบอกว่า เด็กที่ถามกำลังหน้าแตกอยู่ โดยส่วนตัวจากที่ฟังอ.บรรยาย ผมมองว่า จีนจะยังไม่ฟื้นตัวในเร็วๆนี้ หลังโอลิมปิกก็ไม่น่าจะมีอะไรตื่นเต้น อาจจะได้เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้นจากการขึ้นราคาน้ำมันด้วย มีคนถาม FM ว่า ทำไมถึงขายกองทุนในตอนที่ ตลาดหุ้นจีนวิ่งขึ้นมาไกลขนาดนี้ FM ผู้หญิง ตอบว่า ที่จริงเราจะขายตั้งนานแล้ว แต่เราก็ลังเลเหมือนกัน ด้วยเหตุผลว่า ตลาดมันขึ้นมาแรงมาก แต่ด้วยความคาดหวังจากการเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิปปิค อาจจะส่งผลให้ตลาดหุ้นในจีนปรับตัวไปได้อีก เป็นคำตอบที่ผมฟังแล้วขัดแย้งอยู่ในใจ เพราะในตอนแรก FMหญิงคนนี้ พูดว่า การลงทุนในหุ้น เงินทุนที่ใช้ควรเป็นเงินเย็น และเป็นการลงทุนระยะยาว ถึงจะได้ผลตอบแทนที่น่าพึ่งพอใจ และไม่เสี่ยงต่อการขาดทุน แต่กองทุนตัวนี้จัดขึ้นตอนประมาณ ช่วงปลายปี งานโอลิมปิคจัดขึ้นช่วงประมาณเร็วๆนี้ ร่วมแล้วก็ครึ่งปีกว่า ผมก็มองไม่เห็นเลยว่า มันจะเป็นการลงทุนระยะยาวตรงใหน เพราะสิ่งที่คุณคาดหวังมันเป็นแค่การเก็งกำไรในระยะสั้น เท่านี้ละครับ ปล.ผมยังไม่ได้ลงทุนตัวนี้นะครับ แต่ตอนนี้นใจมากๆ มากกว่าตลาดบ้านเราตอนนี้แน่ๆ
โดย
WannaBeVI
อาทิตย์ มิ.ย. 22, 2008 12:40 pm
0
0
หุ้นเริ่มถูกกันรึยัง
อยากได้ CPALL แต่ไม่ลงเลย แข็งมาก
โดย
WannaBeVI
พฤหัสฯ. มิ.ย. 19, 2008 1:59 am
0
0
SCC ยังพอเป็นหุ้นคุณค่าได้ไหมครับ หากเน้นลงทุนระยะยาว 3 ปี
หลุดแล้วนะครับ เหอๆ เขื่อนพังซะแล้ว แล้วกระแสน้ำจะใหลลงไปถึงใหนเนี่ย
โดย
WannaBeVI
พุธ มิ.ย. 18, 2008 11:36 am
0
0
SCC ยังพอเป็นหุ้นคุณค่าได้ไหมครับ หากเน้นลงทุนระยะยาว 3 ปี
ตัวนี้ก็ดูอยู่เหมือนกันครับ แปลกมากที่ราคาไม่หลุด 200 ผมมองว่า มีคนคอยคุมราคาไม่ให้หลุดอยู่ตลอด SET ลงหนักขนาดนี้ แถมเจอราคาน้ำมัน ทำต้นทุนเพิ่ม ดูแล้วธุรกิจมีแนวโน้มจะเป็นขาลงไปอีก จนกว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลง
โดย
WannaBeVI
พุธ มิ.ย. 18, 2008 10:25 am
0
0
เราอาจจะคิดว่าเราแย่ แต่มีคนแย่กว่าเรา !!!!!
ผมว่า ที่ร่วงมาเป็นเพราะผลของวิกฤตซับไพร์ม ตลาดหุ้นที่พึ่งเกิดใหม่ก่อนหน้านี้ เติบโตขึ้นมามาก มากจนเกินไปด้วยซ้ำ แต่ที่เติบโต จะเกิดจากเงินของต่างชาติที่เข้าไปลงทุน ซึ่งเค้าเรียกตัวเองว่า กองทุน แต่ผมอยากเรียกว่าพวกสร้างความวิบัติมากกว่า กลุ่มพวกนี้จะเข้าไปปั่นราคาทุกอย่าง ไม่เว้นแต่ราคาหุ้น commodities ต่างๆก็เข้าไปปั่น อย่างตลาดหุ้นเกิดใหม่ เค้าก็จะใช้วิธีการโปรโมท โฆษณาต่างๆ เพื่อสร้างภาพให้ดูว่าน่าสนใจ เช่น ที่ทำกับจีน (ทั้งๆที่ ฟองสบู่ใกล้จะแตกเต็มทน) สร้างความคาดหวังสารพัด เช่น โอลิมปิก หรือศักยภาพและความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจอันล้นเหลือของจีน (เอาจริงๆ ก็ไม่เถียงนะว่า จีนจะเติบโตได้อีกไกลมาก แต่ช่วงก่อนหน้าที่จะลงหนักๆตลาดหุ้นของจีน มันโตเกินพื้นฐานไปเยอะ) ที่นี้กลับมามองบ้านเรา SET ตัวน้อยๆของเรา ที่ผ่านมาเราได้แต่มองตาปริบๆ ที่ตลาดเพื่อนบ้านเราโตแล้วโตอีก ในขณะที่บ้านเรามีข่าวร้ายเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการเมืองมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผลทำให้ SET 1000 จุด เป็นได้แค่ฝันลมๆแล้งๆ แต่สิ่งนี้ทำให้ตลาดบ้านเรามีแต่ของถูกเต็มไปหมด เมื่อเทียบประเทศต่างๆทั่วโลก ผมคิดว่า กองทุนต่างชาติก็มองตลาดบ้านเราตาเป็นมันเหมือนกัน แต่ทำไงได้ปัญหาการเมืองที่ดูไม่ดี ขุนยังไงก็ขุนไม่ขึ้น โดยส่วนตัวผมมองว่า ดีนะที่บ้านเรามีปัญหาการเมือง เพราะผมมองว่าปัญหาการเมือง คือภูมิคุ้มกัน ที่ทำให้กองทุนต่างชาติเข้ามาปั่นราคาตลาดหุ้นบ้านเราไม่ได้มากนัก สังเกตุได้จากปัญหาซับไพร์มที่เกิดขึ้น SET บ้านเราได้รับผลกระทบน้อยกว่าหลายประเทศที่เจอ จึงต้องบอกว่า เรานะโชคดีในความโชคร้ายจริงๆ แต่ตอนนี้ ผมมองว่า หลายๆประเทศหลังจากโดนวิกฤติซับไพร์มกันถ้วนหน้า มันก็เหมือนการล้มกระดานแล้วกลับมาเล่นกันใหม่ ทำให้แต่ละประเทศมีจุดสตาร์ทที่ใกล้เคียงกัน ผมเลยมองว่า ตลาดต่างประเทศ เช่น จีน เวียดนาม มีความน่าสนใจมากกว่าเราในสายตาของกองทุนต่างชาติ ด้วยเพราะปัจจัยเดิมๆของเราที่ยังไม่จบ และดูท่าจะยืดเยื้อไปอีกพอสมควร ที่พูดไม่ใช่อะไร คือตอนนี้กำลังสนใจตลาดหุ้นของจีนอยู่ กำลังคิดจะเข้าไปลงทุนผ่านกองทุน Chia Equity ของ TMBAM เลยอยากทราบความเห็นจากท่านอื่นๆว่า เห็นตรงกันอย่างผมหรือเปล่า เพราะจีนก่อนหน้านี้เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ จากความคาดหวังจากการเชิดหน้าชูตาในฐานะเจ้าภาพโอลิมปิก กลับกลายเป็นดาบสองคมจากการประท้วงโด่งดังไปทั่วโลก จากนั้นไม่นาน โดนเรื่องแผ่นดินไหวเข้าไปอีก น่าสงสารจริงๆ
โดย
WannaBeVI
จันทร์ มิ.ย. 02, 2008 2:58 am
0
0
แจก work sheet excel สำหรับ คำนวณเครดิตภาษีปันผล
ส่งถึง บรรทัดนี้แล้วครับ เรียน คุณ wannabevi ไฟล์ของผม จะคำนวณ เงินเครดิตภาษี และ ปันผล ณ ที่จ่าย ที่ถูกหักออกไปแล้ว มารวมกันเป็นเลขเดียว ถ้า ดู ในหน้าตัวอย่าง นะครับ เซลล์ที่ แสดงผลรวม ของภาษีหัก ณ ที่จ่าย และ เครดิตภาษีทั้งหมด จะมารวมกันที่ M29 (มาจาก M26 กับ L28 ครับ) กรณีปันผลที่มี เครดิตภาษี หลายๆ ระดับ แสดง ในตัวอย่าง ในหน้าตัวอย่าง "เมืองหลวงเก่าประกันภัย" ที่ได้เครดิตทั้งระดับ 25% และ 35% ครับ เอาตัวเลข ในเอกสารแสดงปันผล กรอกใส่ ลงไป เซลล์ ที่เกี่ยวข้อง จะแยกคิด ภาษีปันผล ตามจำนวนให้ แล้วดึงไปรวมด้านล่าง สำหรับกรณี มีทั้งได้เครดิต และไม่ได้เครดิต นั้น ก็ใส่ช่อง สีชมพู เป็น 0% ไว้เสียช่องหนึ่ง แล้ว กรอก 25% ,30% ,0% ในบันทัดเดียวกัน ตามจำนวนเงิน เหมือนตัวอย่าง เมืองหลวงเก่าประกันภัย ในตัวอย่างของผม ถ้า กรอกดังกล่าวแล้ว เงินที่กรอกลงไปใต้ แถวตั้ง 0% ก็จะไม่มีเงินปันผลเด้งออกมาครับ จะมีแต่เงิน ส่วนใต้ แถวตั้ง 25% กับ 30 % ครับ ไอ้ 10% ที่เห็นนั้น มันเป็น ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ที่ แม้ว่า จะได้หรือไม่ได้เครดิตภาษีปันผล ก็ต้องถูกหักไว้ 10 % ครับ มันเป็นคนละส่วนกัน สุดท้าย ช่อง M29 จะรวมจำนวน ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% และ เครดิตภาษีที่คิดได้ ออกมาก เพื่อ เอาไปกรอก เป็นรายได้ ไปรวมกับ รายได้อื่นๆ และคิดภาษีใหม่ ถ้าบางท่าน เสีย ภาษี ใน rate 37% แล้ว ยื่นขอเครดิตภาษี ในตัวที่เคย เสีย 0 10 20 25 35 ก็จะเจอ 37% ครับ ขอบคุณมากนะครับคุณ teetotal ทำได้แล้วครับ
โดย
WannaBeVI
จันทร์ พ.ค. 26, 2008 7:53 am
0
0
BBL ดีกว่า SCB กะ KBANK ตรงไหน?
มาร์ชอบเชียร์ซื้อ BBL กะ SCB แต่ไม่เชียร์ KBANK ส่วนตัวผมคิดว่า สงสัยจะพิมพ์ชื่อหุ้นยากกว่า เพราะเพื่อนผมที่เป็นมาร์บอกว่า ไม่ค่อยอยากเทรดหุ้น CP7-11 (เมื่อก่อน) เหตุผลเพราะว่าพิมพ์ยาก :lol: ขำๆนะครับ แต่เอาจริงผมใช้อยู่แต่ SCB เท่านั้นเอง สาขาเยอะดี ชอบๆ แต่ไม่ชอบตอนหลังๆที่ตื้อให้ซื้อประกันนู่นนี่อยู่เรื่อย
โดย
WannaBeVI
ศุกร์ พ.ค. 23, 2008 3:01 pm
0
0
แจก work sheet excel สำหรับ คำนวณเครดิตภาษีปันผล
ถามคุณ Teetotal หน่อยครับ เรื่องแรก คือในกรณีที่เราจะเครดิตเงินปันผล บางบ.ที่ได้รับประโยชน์ BOI ก็จะไม่เสียภาษี บ.พวกนี้ก็จะเครดิตเงินปันผลคืนไม่ได้ ซึ่งถ้าเราไม่แจ้งตัวเลขเงินปันผลรับบ.ดังกล่าว จะมีปัญหากับกรมสรรพากรหรือเปล่าครับ เพราะตามหลักในเรื่องของเงินปันผล ถ้าจะเครดิตเงินปันผลคืน ก็ต้องแจ้งทั้งหมด ไม่ใช่แจ้งเฉพาะบ.ที่เครดิตได้หรือเปล่าครับ คำถามอีกข้อ คือ เนื่องจากExcel ที่คุณ Teetotal ส่งมา จะไม่มีสูตรการคำนวณสำหรับบ.แบบข้างบนที่เครดิตปันผลไม่ได้ ผมก็เลยลองอ่านกระทู้ไล่มาเรื่อยๆตั้งแต่หน้าแรก จนหน้าที่4 เห็นคุณ Teetotal ตอบเกี่ยวกับกรณีของ NPC คือให้เติม 0% ไปในช่องสีชมพู ผมก็เลยลองทำตาม แต่ที่นี้ว่า ช่องหักภาษี ณ ที่จ่ายมันยังคำนวณหัก 10%อยู่ ผมก็โอเคไม่เป็นไร แก้ด้วยมือก็ได้ โดยใส่ 0ในช่องนั้นแทน แต่ที่นี้มันมีปัญหาที่แก้ไม่ตกอยู่กรณีนึงครับ อย่าง PTTAR มันมีทั้งแบบเครดิตเงินปันผล 25% และ 30% แล้วก็ยังมีแบบไม่สามารถเครดิตเงินปันผลได้ด้วย ทางเดียวที่ทำได้ ตอนนี้ คือ เคาะตัวเลขด้วยมือก่อน เพราะบอกตรงๆ ผมแกะสูตร EXCEL ของคุณ Teetotal ไม่เป็น เลยอยากถามว่า ทางคุณ Teetotal พอจะมีวิธีแก้สูตรตรงส่วนนี้ได้หรือเปล่าครับ ขอบคุณมากๆครับ
โดย
WannaBeVI
พุธ พ.ค. 21, 2008 9:22 pm
0
0
ผมว่า
ที่ปู่แกมีเงินเหลือได้จากเงินปันผลหรือเปล่าครับ ถึงจะดูเหมือนว่า หุ้นในUSจะปันผลต่ำ แต่ปู่แกถือหุ้นมานาน บางตัวเป็นหลายสิบปี ดังนั้น ผมว่าปันผลที่ปู่แกได้น่าจะอยู่ในอัตราที่สูงมากพอสมควรเลยนะ
โดย
WannaBeVI
พุธ พ.ค. 14, 2008 11:11 am
0
0
แจก work sheet excel สำหรับ คำนวณเครดิตภาษีปันผล
ขอด้วยคนครับ
[email protected]
โดย
WannaBeVI
อังคาร พ.ค. 13, 2008 11:27 pm
0
0
ผลประกอบการ Q1 51 ทดสอบจิตใจ VI
สำหรับผม หุ้นที่ทดสอบจิตใจผมมากที่สุด คือ snc ครับ ถือมาตั้งนาน ตอนเพิ่มทุน ก็เพิ่มไปกับเค้าด้วย แต่ผมก็พร้อมนะที่จะฝ่าฟันไปพร้อมกับผู้บริหารชุดนี้ของบริษัทนี้ ก็หวังว่าสักวัน เราจะโต เราจะโต เพื่อที่จะเป็น OEM เต็มตัว เพื่อที่จะมีการผลิตที่ถึงจุดคุ้มทุน หลังจากนั้นละพี่น้อง จะได้หายใจได้เต็มปอดซะที
โดย
WannaBeVI
อังคาร พ.ค. 13, 2008 8:59 pm
0
0
ผลประกอบการ Q1 51 ทดสอบจิตใจ VI
วันนี้มันแปลกนะครับ หุ้นหลายตัวที่มีผลประกอบการดี แต่ราคาหุ้นกลับไม่ตอบรับ หนำซ้ำบางตัวยังลงอีกต่างหาก เช่น bcp ไปๆมาๆ mcs กลับขึ้นมา หลังจากงบออกไปแล้ว สงสัยเป็นหุ้นที่ความรู้สึกช้า ส่วนผลประกอบการที่ออกมาแย่อย่าง team ราคาหุ้นล่วงอย่างแรง แต่ก็ดีครับจะได้ซื้อเก็บซะที ปล. คนที่ทการบ้านของ team ช่วยบอกหน่อยครับอะไรคือสิ่งที่ต้องกังวลในช่วงครึ่งปีหลังบ้างครับ จะขอลอกการบ้าน
โดย
WannaBeVI
อังคาร พ.ค. 13, 2008 6:20 pm
0
0
รบกวนขอความเห็นของ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ซัวรี่
ตอนที่ไปฟังสัมนาโปรโมทกองทุน ทางฝ่ายTMB บอกว่า จะนำที่ดินทั้งหมด ให้อยู่ในรูปของโฉนดทั้งหมดครับ เพื่อที่จะให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสบายใจครับ
โดย
WannaBeVI
อังคาร พ.ค. 13, 2008 2:08 am
0
0
หุ้นเด็ด ( ? ) จากสมาคมนักวิเคราะห์
คนเชียร์ไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้เชียร์ :twisted:
โดย
WannaBeVI
พุธ พ.ค. 07, 2008 12:56 pm
0
0
ทองคำ
พี่ๆน้องๆ เอาไงดีครับ ส่วนตัวจะทยอยซื้อแล้วนะครับ ถ้าพรุ่งนี้ราคาดี ไม่โดนกั๊กมาก จะเข้าสัก 30-50% ของพอร์ตทองละครับ ส่วนกระทู้ที่ถามเรื่องกองทุน คิดว่าไม่เอาดีกว่า เทียบผลตอบแทน ความเสี่ยงและสภาพคล่อง ทองน่าลงทุนกว่าครับ คิดไปคิดมา ความรู้สึกที่อยากได้ มันแค่ความรู้สึกของคนอยากมีที่ดินงามๆเก็บไว้เท่านั้น แต่พอมาคิดดีๆ ยังไงมันก็ไม่ใช่ที่เราโดยตรงอยู่ดี สู้ไปหาซื้อที่เองดีกว่า
โดย
WannaBeVI
พฤหัสฯ. พ.ค. 01, 2008 8:13 pm
0
0
ลงทุนเพชร
ถ้าซื้อเพชร ผมซื้อทองดีกว่าครับ มีมาตรฐานกว่า เพราะราคาเพชรมันไม่มีมาตรฐาน เวลาจะขาย โดนร้านกดราคาอยู่เรื่อย เพชรแต่ละเม็ดราคาไม่เท่ากันครับ แม้นน.จะเหมือนกัน เพราะมันแบ่งเป็นสี ตำหนิ การเจียระไน มุมตกระทบของแสงอีก ซื้อเพชร ก็เหมือนซื้องานศิลปะ แต่ละคนก็มองไม่เท่ากัน ไม่เหมือนซื้อทอง 96.5% นน. 1 บาทยังไงก็ขายเท่ากัน ไม่ปวดหัวดี :P :lol:
โดย
WannaBeVI
พุธ เม.ย. 30, 2008 11:20 pm
0
0
ขอความฃ่วยเหลือหน่อยครับ ผมจะสร้างอพาทเม้นท์แต่ไม่มีความรู้
ถ้าจะสร้างอพาร์ทเมนท์ จะกู้ 100% ผมว่าธ.อาจจะไม่ให้กู้นะครับ เพื่อนที่อยู่ฝ่ายสินเชื่อบอกว่า ตอนนี้ปล่อยกู้กันยากมากๆ ยิ่งเป็นอพาร์ทเมนท์ ถ้าทำเลไม่ดีจริง ลำบากครับ อีกอย่าง ผมมองว่า จะทำอพาร์เมนท์ควรจะเป็นเงินตัวเองมากกว่า 50% เมื่องั้นโดนดอกเบี้ยบานแน่ ลองประเมินดูก่อนครับ ว่าแถวนั้นค่าเช่าเท่าไร ลูกค้าเป็นแบบใหน คู่แข่งเยอะหรือเปล่า คิดแล้ว เมื่อไรคุ้มทุน ส่วนมาก ถ้าคุ้มทุนภายใน 7-8 ปีก็ใช้ได้ครับ เพราะหลังจากนั้น คนเช่าจะเริ่มลดลง รายได้ก็จะลดลง แถมอพาร์ทเมนท์จะโทรม ต้องมีค่าบำรุงรักษาอีก
โดย
WannaBeVI
พุธ เม.ย. 30, 2008 11:16 pm
0
0
ทองคำ
สงสัยพรุ่งนี้ ไดเห็นทอง 13,200- 12,900 (ถ้าสมาคมไม่กั๊กนะ) ได้จังหวะซื้อยังเนี่ย :lol:
โดย
WannaBeVI
อังคาร เม.ย. 29, 2008 11:59 pm
0
0
ถ้าหุ้นราคา 0.01 บ. คุณจะกล้าซื้อหรือไม่
ขอให้มองว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้หุ้นของกิจการนั้นมีค่า 1 สตางค์ต่อหุ้น แล้วเหตุผลนั้น ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นตามบัญชี (book value) มีค่าอยู่เท่าไหร่ จริงอยู่ที่ 'downside risk ของราคา' มันอาจจะไม่มากเพราะเหลือแค่ขั้นเดียว แต่ก่อนจะถึงจุดนั้น ขอให้มอง 'downside risk ของกิจการ' ที่ย่ำแย่ขนาดนั้นด้วย ตัวอย่างมีให้เห็นดาษดื่น ก่อนหน้าเคยอู้ฟู่มูลค่าตลาดหลายพัน หลายหมื่นล้าน ลงท้าย ค่ากระดาษทำใบหุ้นยังสูงกว่ามูลค่าหุ้นจริง ๆ ด้วยซ้ำ ในความเป็นจริงแล้ว downside risk ของราคาที่แม้จะไม่มาก แต่ downside risk ของกิจการนั้นสูงกว่ามาก ๆ ที่จะกลายเป็น 100% loss แสดงว่า คุณ prandy ให้ความสำคัญของปัจจัยพื้นฐานมากกว่า แต่ถ้าตัดปัจจัยเรื่องการล้มละลายออกไปละครับ??
โดย
WannaBeVI
อังคาร เม.ย. 08, 2008 6:00 pm
0
0
Re: ถ้าหุ้นราคา 0.01 บ. คุณจะกล้าซื้อหรือไม่
[quote="beammy"][quote="WannaBeVI"]ว่า ตามแนวคิด VI จะให้ความสำคัญกับ MOS หรือ Fundamental มากกว่ากัน :roll:
โดย
WannaBeVI
อังคาร เม.ย. 08, 2008 5:41 pm
0
0
ถ้าหุ้นราคา 0.01 บ. คุณจะกล้าซื้อหรือไม่
ลืมบอกครับ ถ้าเป็นผม ผมจะซื้อนะ แม้จะขัดหลักการลงทุน VI แต่อย่างน้อยสิ่งที่ผมจะพลาด คือ ค่าเสียโอกาส แต่โอกาสที่จะทำกำไรได้มีสูง มองแล้วก็คุ้มที่จะเสี่ยง
โดย
WannaBeVI
อังคาร เม.ย. 08, 2008 5:24 pm
0
0
หุ้นโรง'บาล
อืม จริงๆด้วยนะครับ BH เพราะรายการพิเศษจากการขายสินทรัพย์ PE = 21.xx เกือบโดนรายการพิเศษหลอกแล้วสิ :oops: :shock: แต่ยังไงก็ยังถูกกว่า BGH อยู่ดีหรือเปล่าครับ
โดย
WannaBeVI
พฤหัสฯ. มี.ค. 27, 2008 11:26 am
0
0
หุ้นโรง'บาล
ผมพึ่งคิดได้อีกข้อนะครับ 7 BH น่าจะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทมากกว่า BGH นะครับ เพราะอย่างที่รู้กัน คือ คนไข้ของ BH ส่วนมากจะเป็นต่างชาติ ซึ่งก็ต้องมองตามคู่แข่งระดีบภูมิภาค คือ สิงคโปร์ ไม่รู้เหมือนกันว่า เมื่อเทียบเป็นUS$แล้ว สิงคโปร์กับเรา ที่ใหนจะมีค่ารักษาพยาบาลที่ถูกกว่า แต่ก็อาจจะมีแง่ดี คือ พวกยา เครื่องมือแพทย์ที่ต้องสั่งจากต่างประเทศ จะมีราคาถูกลง แต่ยังไง BGH คงได้รับผลกระทบจากค่าเงินน้อยกว่า BH แน่ๆ
โดย
WannaBeVI
พฤหัสฯ. มี.ค. 27, 2008 12:54 am
0
0
หุ้นโรง'บาล
TNH ดีสุดครับ เพราะผมถืออยู่ :lol: :lol: ตัวนี้ผมก็ดูอยู่เหมือนกันครับ แต่ผมไม่ได้ถือเลยสักกะตัว :lol:
โดย
WannaBeVI
พฤหัสฯ. มี.ค. 27, 2008 12:48 am
0
0
หุ้นโรง'บาล
ความหมายของ PE ในมุมมองผม คือ EPS เหมือนเป็นกำไรจากการลงทุน ซึ่งในที่นี้ คือ หุ้น ถ้าในราคาหุ้น (P) ที่เท่ากัน แต่มีหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง สามารถสร้าง EPS ได้มากกว่า หุ้นตัวนั้นๆ ก็จะมีราคา"ถูก"กว่าหุ้นอีกตัวหนึ่ง หรือในอีกมุมนึงก็คือ สามารถสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นได้มากกว่า ผมเข้าใจถูกมั้ยหว่า :oops:
โดย
WannaBeVI
พฤหัสฯ. มี.ค. 27, 2008 12:44 am
0
0
หุ้นโรง'บาล
[quote="Pn3um0n1a"][quote="WannaBeVI"][quote="Pn3um0n1a"]แหะๆ คนละความหมาสจริงๆด้วย
โดย
WannaBeVI
พฤหัสฯ. มี.ค. 27, 2008 12:39 am
0
0
หุ้นโรง'บาล
[quote="Pn3um0n1a"]แหะๆ คนละความหมาสจริงๆด้วย
โดย
WannaBeVI
พฤหัสฯ. มี.ค. 27, 2008 12:27 am
0
0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
ช่วงที่ผมเรียนจบใหม่ๆ ไฟแรงมาก รีบกลับมาช่วยงานตรวจสอบบัญชีที่บ้าน วาดผันว่า จะต้องเป็น CPA ให้ได้ใน 3 ปี เพื่อมาคุมงานที่บ้าน แต่ปรากฎว่า ผมทำได้เกือบปี ทำให้ผมรู้ว่า นี่ไม่ใช่งานที่ผมรัก ผมจึงขอออกมาเรียนโท-การเงิน ที่นี่ทำให้ผมรู้จักพี่คนนึงที่เก่งมากในการลงทุนในหุ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ ผมก็พอมีความรู้อยู่บ้าง แต่ก็เป็นแค่นักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มใหญ่ๆเท่านั้น แต่พอได้รู้จักพี่คนนี้ ทำให้รู้ว่านี้แหละ คือ "งาน"ที่ผมถนัด และสามารถที่จะเลี้ยงตัวเองได้อย่างไม่ขัดสน ด้วยเพราะผมมีเงินทุนอยู่ ซึ่งขอแค่เงินปันผลปีละไม่ถึง 10% ก็ทำให้ผมอยู่สบายแล้ว ช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ผมมีความสุขกับชีวิตมากๆ ไม่ต้องเครียดกับงานตรวจสอบที่น่าเบื่อ และจำเจ แต่มาถึงตอนนี้ ผมกำลังโดนแรงกดดันจากทางญาติๆ และพ่อ แม่แฟน ให้กลับมาทำงานที่เป็นหลักแหล่ง หรือพูดง่ายๆให้กลับไปทำตรวจสอบบัญชีเนี่ยแหละ ทางผู้ใหญ่ ท่านให้เหตุผลว่า สิ่งที่เราทำอยู่ จะทำเมื่อไรก็ได้ (ซึ่งผมไม่ได้ถียงท่าน แต่คิดในใจว่า ถ้าผมเสียเวลาไปกับการทำงาน มันก็ยิ่งทำให้ผมมีค่าเสียโอกาสในการลงทุนมากขึ้นเท่านั้น) อีกเหตุผล คือ ท่านบอกว่าการทำงานจะทำให้เรามีประสบการณ์ รู้จักสังคมที่กว้างขึ้น ซึ่งมันจะเป็นภูมิคุ้มกันให้เรา เวลาที่มีปัญหาได้ ข้อที่สำคัญเลย คือ ภาพลักษณ์ของการเป็นนักลงทุนในหุ้นของผู้ใหญ่ ไม่ต่างอะไรกับนักพนัน เป็นงานที่ไม่มีเกียรติ ทำให้ตัวเองไม่มีคุณค่า และมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะพ่อ แม่แฟนผมจะไม่ค่อยพอใจเท่าไร ที่จะให้ผมหาเงินเลี้ยงว่าที่ภรรยาในอนาคตด้วยผลตอบแทนจากลงทุนในหุ้น ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่คิดว่ายังไงก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้องกลับไปทำงานที่บ้าน คิดๆแล้ว ผมก็เซ็งจริงๆ ผมไม่เข้าใจว่า ตกลงเราทำงานเพื่อเป็นอิสระทางการเงิน หรือเพื่อที่จะได้ไม่อายใครว่ามีงานทำกันแน่ ผมเห็นทั้งพ่อผม พอ่แม่แฟนผมซึ่งทำงานบัญชีเหมือนกัน ไม่มีเวลาจะหยุดพักผ่อนเลย ทั้งที่จริงถ้าเป็นข้าราชการ ป่านี้เค้าเกษียณกินเงินบำนาญ ใช้ชีวิตตอนแก่อย่างมีความสุขกันหมดแล้ว คือ เห็นแล้วก็สะท้อนถึงตัวเอง ต่อไปเราก็คงต้องเป็นอย่างนี้แหละ เฮ้อ คิดแล้วเซ็ง ทั้งๆที่ตอนนี้ผมทำผลตอบแทนได้ไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี ในช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาแท้ๆ
โดย
WannaBeVI
พุธ ต.ค. 10, 2007 2:49 am
0
0
หุ้นนางฟ้า SNC UEC UMS
ผมอ่านแล้ว เหงื่อตกกับ SNC จริงๆเลย
โดย
WannaBeVI
จันทร์ ก.ย. 10, 2007 10:31 am
0
0
ช่วยแนะนำหนังสือการลงทุนแบบ VI ด้วยครับ
แหะๆ จำ Opp Dayผิดวัน เห็นวันอังคาร ก็นึกว่า วันอังคารนี้ซะอีก
โดย
WannaBeVI
อังคาร ส.ค. 07, 2007 12:41 am
0
0
ช่วยแนะนำหนังสือการลงทุนแบบ VI ด้วยครับ
วันนีไปที่ห้องสมุดมารวยมาครับ ไปตั้งแต่ 5โมงเย็น ออกมาตอน 3 ทุ่ม ไปนั่งอ่าน The Intelligent Investor อ่านไปเรื่อยๆ จนถึงบทที่กล่าวถึงอัตราเงินเฟ้อ หยุดเลยครับ สมองเริ่มไม่รับ ยอมรับว่า มีหลายส่วนในบทนี้ที่ไม่เข้าใจ ก็เลยหยุด แล้วค่อยซื้อไปอ่านอย่างละเอียดอีกรอบ จากนั้นก็ไปอ่านบทนำของ The New Buffetology เป็นอีกเล่มที่พลาดไม่ได้ ต่อจากนั้นก็คลายเครียดไปอ่านหนังสือการ์ตูน เกี่ยวกับ 4 นักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ อีกเล่มที่ยังไม่ได้อ่านก็ของดร.นิเวศน์ คือ รวยหุ้นอย่างพอเพียง ตอนแรกว่าจะซื้อทั้งหมดครับ แต่ด้วยความงก ไปถามพนง.ว่า มีบัตรอะไรลดได้หรือเปล่า พนง.ตอบว่า บัตรห้องสมุด ก็เลยไปทำซะ เป็นบัตรทอง มีค่ามัดจำ 1000 + ค่าธรรมเนียม 100 ต่อ2 ปี คำนวณแล้ว คุ้ม เพราะลดได้ 10% แล้วคาดว่า ยังไงได้ยืมหนังสือแน่ แต่ปรากฎว่า หนังสือที่จะซื้อ ไม่สามารถลดได้ครับ :cry: แต่ก็ไม่สิ้นหว้ง ยังใช้บัตร Central (ของแฟน) ได้ลด 5% ตอนนี้ก็เลยกลับมาคอนโดตรงอโศกก่อน รอแฟนเลิกงาน ค่อยขับรถไปซื้อ แล้วก็ไปส่งแฟนที่บ้านทีเดียว ขอบคุณพี่ๆทุกคนนะครับที่ช่วยแนะนำ ตอนนี้ขอตัวไปดู Blog ของพี่ IH ก่อน ไว้ต่อไป ติดปัญหาอะไรจะเข้ามารบกวนใหม่ครับ ปล. พรุ่งนี้ใครไป Opp Day บ้างครับ ไว้เจอกันนะครับ
โดย
WannaBeVI
จันทร์ ส.ค. 06, 2007 10:04 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
WannaBeVI
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พฤหัสฯ. ส.ค. 02, 2007 4:34 pm
ใช้งานล่าสุด:
ศุกร์ มี.ค. 17, 2023 5:19 pm
โพสต์ทั้งหมด:
775 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.04% จากโพสทั้งหมด / 0.12 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว