หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
rising_sun
Joined: อาทิตย์ ม.ค. 11, 2004 8:44 pm
17
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - rising_sun
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
centel ขึ้นแรงจัง
ลงแรงก็ยังคงถืออยู่ครับ ไม่ได้คิดอะไรมากมาย หุ้นมันก็ขึ้นๆลงๆของมันทุกวันอยู่แล้ว ผมเองเห็นเหมือนเพื่อนอีกหลายๆท่านครับ คือเห็นว่าหุ้นตัวนี้สามารถถือยาวได้เรื่อยๆ ตราบใดที่ราคามันไม่ over มาก (pe เกิน 20 เท่า) ตราบใดที่พื้นฐานไม่เปลี่ยน ก็คงถือไปเรื่อยๆครับ
โดย
rising_sun
พฤหัสฯ. พ.ค. 11, 2006 1:07 pm
0
0
ใครที่จะไปเรียนกับพี่เจ๋งต้องมีการบ้านการไปล่ะ
ถ้านั่งริมสระจริงๆ ระหว่างดูสาวกับดูหุ้น ผมคงดูสาวแหงมๆ เพราะหุ้นนั้น ถ้าพื้นฐานไม่เปลี่ยน ก็ไม่ต้องไปดูมันบ่อยๆหรอก :)
โดย
rising_sun
พุธ พ.ค. 03, 2006 6:23 pm
0
0
centel ขึ้นแรงจัง
กลับไปพลิกราคาที่ซื้อมา พบว่าตัวเองจำผิดไปจริงๆ เพราะนึกว่าหากซื้อครั้งแรก 17 บาทจริงๆ ตอนนี้น่าจะนั่งนับเงินปันผลสบาย ไม่ต้องทำงานไปแล้ว ซื้อครั้งแรก 24 บาท (ก่อนแตกพาร์) ครับ
โดย
rising_sun
พุธ พ.ค. 03, 2006 6:20 pm
0
0
centel ขึ้นแรงจัง
ผมชอบหุ้นตัวนี้มากๆ ถือมานานตั้งแต่มัน 17 บาท (ก่อนแตกพาร์) มันก็ขึ้นมาเรื่อยๆ ผมก็เก็บสะสมมาเรื่อยๆ ไม่รู้เป็นไง ช่วงนี้รู้สึกกระชากๆ เลยสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น หากหุ้นไม่ขึ้นตามพื้นฐานที่ควรจะเป็น ราคาที่เปลี่ยนไปก็อยู่ได้ไม่นาน ก็เลยเข้ามาเช็คข่าวดู ก็ไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้นขนาดนั้น นอกจากอุ่นใจว่า ดร. แกดูแลหุ้นให้อยู่ เพื่อนๆ vi คิดมูลค่าหุ้นนี้ไว้อย่างไรครับ market cap สักหมื่นล้านนี่มากไปไหมครับ
โดย
rising_sun
พุธ พ.ค. 03, 2006 6:10 pm
0
0
ท่านแม่ทัพสุมาอี้ดังแล้ว
ได้อ่านหลักการลงทุนของคุณสุมาอี้แล้วครับรู้สึกชอบใจมากครับ ที่ชอบใจมากที่สุดเห็นจะเป็นข้อ 10 เพราะนักลงทุนควรจะมี EQ สูงมากๆ ไม่อย่างนั้นจะถูกความโลภอยากได้กำไร ความกลัวขาดทุน และความหลงไม่วิเคราะห์ข้อมูลเอาไปกินซะหมด แต่ก็มีบางข้อเหมือนกันที่อ่านแล้วติดใจนิดๆ เหมือนกับว่าถ้าจะให้เห็นด้วยก็ต้องเห็นด้วยอย่างมีเงื่อนไข ข้อแรกเลยคือข้อ 3 ผมเห็นด้วยเรื่องการวิเคราะห์บริษัทและอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งและต้องทำอย่างสม่ำเสมอ แต่สำหรับผมแล้วความสำคัญกับเศรษฐกิจมหภาคนั้นเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะเป็นพื้นฐานของบริษัทที่เรากำลังวิเคราะห์ล้วน เหมือนว่าบ้านที่เราอยู่นั้นต้องอยู่บนแผ่นดิน ดังนั้นแม้บ้านจะแข็งแรงขนาดไหนก็ตามแต่ หากเจอแผ่นดินไหวระดับโหดร้ายที่สุด บ้านก็มีสิทธิพังได้ และเหตุการณ์วิกฤติต้มยำกุ้งก็คือการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ที่ทำให้บ้านแข็งแรงหลายหลังต้องพังลงมา (อย่างน้อยก็ช่วงเวลาหนึ่ง) ดังนั้นเราจึงควรให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจมหภาคบ้างในระดับหนึ่ง อย่าลืมนะครับว่าบริษัทจะแข็งแกร่งขนาดไหน ก็ต้องค้าขายกับหลายๆบริษัทที่เป็นร้อยพ่อพันแม่ ใครจะประกันได้ครับว่าแผ่นดินไหวครั้งหน้า ถึงบ้านที่เราเลือกจะทนแผ่นดินไหวได้ บ้านข้างๆจะไม่ล้มมาทับเรา สำหรับข้อ 5 นั้นผมเห็นว่าหุ้นที่เติบโตเร็วคือหุ้นบลูชิพ ข้อนี้จึงเป็นเรื่องนิยามของนักลงทุนครับว่าภาษาของแต่ละคนเป็นอย่างไร โดยส่วนตัวเชื่อว่าช้างก็เต้นระบำได้ ในขณะเดียวกันก็ล้มได้เหมือนกัน ข้อ 7 นั้นเป็นหลักคิดที่เหมาะกับคนหนุ่มสาวมากกว่าครับ แต่หากเป็นคนอายุมาก ผมเห็นว่าควรมีทรัพย์สินที่เป็นสัดส่วนอย่างเหมาะสม เผื่อว่าเกิด market มัน crash ตอนอายุ 75 อย่างน้อยจะได้มีเงินค่ารักษาพยาบาลหรือค่าทำศพได้ เพราะ market crash ในแต่ละครั้งนั้น กว่าจะฟื้นตัวกลับมาได้มักจะใช้เวลาเป็นปีๆเสมอๆ อย่างไรก็ตามขอชื่นชมแนวคิดที่เป็นประโยชน์ของคุณสุมาอี้ และยินดีด้วยนะครับที่ได้นำไปลงใน settrade
โดย
rising_sun
พุธ ม.ค. 11, 2006 4:11 pm
0
0
การวัดผลงานการลงทุน
ตอนที่เรียนในห้องเขาบอกว่าการวัดผลตอบแทนจากการลงทุนที่แท้จริงนั้น เราต้องวัดผลตอบแทนของเราต่อความเสี่ยงครับ โดยตลาดทั้งตลาดจะมีความเสี่ยงเป็น 1 ส่วนหุ้นที่เราเลือกแต่ละตัวนั้นจะมีความเสี่ยงต่างๆกัน บ้างมากกว่าตลาด บ้างก็น้อยกว่า แน่นอนว่าหุ้นที่มีความเสี่ยงมากก็จะมีผลตอบแทนมาก หุ้นที่ความเสี่ยงน้อยผลตอบแทนจะน้อย คราวนี้ลองยกตัวอย่างง่ายๆนะครับ มีนาย ก. เชื่อว่าตลาดในปีหน้าจะโตขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ และสมมติว่าตลาดโตตามนั้นจริงๆ เขาจึงเกลี่ยเงินลงทุนของเขาลงในตลาดทั้งหมด นั่นคือผลตอบแทนของนาย ก. จะเท่ากับ SET พูดง่ายคือเขาจะได้รับ return 15 เปอร์เซ็นต์โดยความเสี่ยงที่เขารับคือความเสี่ยงตลาด ในขณะที่นาย ข. ซึ่งทำการบ้านมาทราบว่าตลาดจะเป็นขาขึ้น เขาจึงเลือกหุ้นที่มีค่าเบต้ามากกว่า 1 คือเท่ากับ 2 ปรากฎว่าปลายปี เขาได้รับ return เท่ากับ 28 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งได้เงินมากกว่านาย ก. ดูเผินๆนาย ข. เก่งกว่านาย ก. แต่ในความเป็นจริงแล้วนาย ก. เก่งกว่า เนื่องจากผลตอบแทนต่อความเสี่ยงของนาย ก. เท่ากับ 15 แต่ผลตอบแทนต่อความเสี่ยงของนาย ข. เท่ากับ 14 นาย ค. เข้ามาลงทุนในหุ้นที่เขาคิดว่าดี แต่มีค่าเบต้าเป็น 0.5 ปรากฎว่าปลายปีเขาได้รับผลตอบแทน 10 เปอร์เซ็นต์ ดูเผินๆ นาย ค. แพ้สองคนข้างต้นแต่จริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะผลตอบแทนต่อความเสี่ยงของนาย ค. จะเป็น 20 ซึ่งชนะตลาดหลักทรัพย์และชนะสองคนข้างต้นด้วยครับ
โดย
rising_sun
อาทิตย์ ม.ค. 11, 2004 9:03 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
rising_sun
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
งานอดิเรก:
การลงทุน, ศาสนา ,วิทยาศาสตร์, เศรษฐศาสตร์, การเมือง
ความถนัด:
ทำธุรกิจส่วนตัว
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อาทิตย์ ม.ค. 11, 2004 8:44 pm
ใช้งานล่าสุด:
อังคาร ส.ค. 22, 2006 3:11 pm
โพสต์ทั้งหมด:
17 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.00 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว