รบกวนถามเรื่องการคืนภาษีสำหรับเงินปันผลครับ ส่วนจะได้มากน้อยนี้ ขึ้นกับรายได้อื่นๆ ของคุณ เพราะต้องเอามาคิดรวมกันหมด ส่วนใหญ่ กิจการจะเสียภาษีนิติบุคคล 30% และ เงินปันผลจะโดนหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% - ถ้ารายได้ก่อนที่จะรวมเงินปันผลทำให้คุณเสียภาษีที่ขั้นสูงสุด คือ 37% คุณจะไม่ได้ประโยชน์จากรวมเอาเงินปันผลมาคิดภาษี เพราะมันจะเท่ากันเลย - ถ้าขั้นสูงสุดของภาษีที่เสียเป็น 30% การเอาเงินปันผลมารวมจะทำให้คุณได้เงินคืนในส่วน 10% ที่โดนหัก ณ ที่จ่าย - ถ้าขั้นสูงสุดของภาษีที่เสียน้อยกว่า 30% เงินจะได้เงินคืนมากกว่าที่โดนหัก ณ ที่จ่าย คิดง่ายๆ ว่าการหักภาษี ณ ที่จ่ายนั้น เค้าสมมุติว่าเงินได้ส่วนนั้นของคุณต้องเสียภาษี 37% ซึ่งถ้าปกติคุณไม่ได้มีเงินได้พึงประเมิน 4 ล้านบาท คุณจะเสียภาษีไม่ถึงขั้น 37% ซึ่งการเครดิตภาษีจะทำให้คุณได้เงินที่จ่ายไปเกินคืนมา โดย index อาทิตย์ ม.ค. 25, 2004 10:46 am

รบกวนถามเรื่องการคืนภาษีสำหรับเงินปันผลครับ ดูง่ายๆได้จาก หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ที่มากับเช็คปันผลครับ ตรงประเภทเงินได้ที่จ่าย ข้อ 1-ข-1 กิจการที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราดังนี้ ซึ่งก็จะมี 30%, 25%, 20% และ อื่นๆ (ระบุ) ให้ดูว่าช่องที่ลงจำนวนเงินที่จ่ายให้เรา ตรงกับ กิจการที่ต้องเสียภาษีอัตราเท่าไร ก็นำไปเครดิตภาษีได้เท่านั้น โดย index อาทิตย์ ม.ค. 25, 2004 10:31 am

ขอคำวิจารณ์หุ้นห้าดาวดังต่อไปนี้ PTTEP ยอดขายจะเพิ่มจากแหล่ง S1 จาก 25% เป็น 100% ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องดูราคาน้ำมันในตลาดด้วยว่าเป็นไง BV น่าจะเพิ่มขึ้นจากการเจาะสำรวจเพิ่ม แต่กว่าจะขึ้นมาขายได้ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้แน่ โดย index อาทิตย์ ม.ค. 25, 2004 9:55 am

ปรับฐาน ตลาดปรับฐาน ผมไม่ให้ความสำคัญเท่าไร แต่ถ้าหุ้นที่ผมถืออยู่ปรับฐาน ผมก็ขายนะ แล้วค่อยไปซื้อเอาใหม่ ซึ่งก็มีโอกาสขายหมูได้เหมือนกัน ผมจึงขายทีละครึ่ง ที่เมื่อหุ้นตกประมาณ -3% ถึง -5% ขายครึ่งหนึ่ง ถ้าตกไปถึง -8 ถึง -10% ก็ขายอีกครึ่งที่เหลือ ความเสี่ยงที่จะได้หุ้นราคาสูงกว่าเดิม มันก็มี แต่... ถ้าเป็นรายย่อย จำนวนหุ้นไม่เยอะ สามารถทำได้โดยที่ความเสี่ยงไม่มากนัก เพราะสามารถขายหุ้น/เก็บหุ้นได้โดยที่ราคาเพิ่มแค่ 1-2 ระดับ โดยส่วนตัว ผมว่ารายย่อยคือผู้ที่ซื้อ/ขายแล้วไม่มีผลให้ราคาหุ้นเปลี่ยนระดับ ต้องดูกราฟราคาที่ผ่านมาประกอบการตัดสินใจ ถ้าหุ้นตัวนั้นมีแนวโน้มที่คาดเดาได้ง่ายๆ 'ขึ้นจริงลงจริง' เป็นช่วงๆ ก็ลุยได้ แต่ถ้าหุ้นแบบเดาใจไม่ออก 'ขึ้นวัน ลงสองวัน ขึ้นสามวัน ลงติดฟอร์' แบบนี้ก็มีความเสี่ยงมากหน่อย หุ้นตัวแรกในชีวิตก็คือ PTT ได้มาตอน IPO จำนวน 2000 หุ้นที่ราคา 35 บาท ปัจจุบันก็ยังถืออยู่ เนื่องจากราคามันไกลจากทุนมากก็เลยไม่ได้สนใจมากนัก จะขึ้นจะลงก็ปล่อยมัน แต่พอมองย้อนดูตอนปรับฐานที่ 96.5 บาท กับตอนที่ขึ้นไปแตะ 200 บาท น่าจะทำจำนวนหุ้นให้เพิ่มได้นี่น่า... โดย index เสาร์ ม.ค. 24, 2004 8:20 pm