หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
atsu
Joined: ศุกร์ ก.พ. 06, 2004 9:55 pm
1221
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - atsu
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: **รับเพิ่ม 13 ที่นั่ง CV@THRE & THREL ผ่าน Online**
ลงทะเบียนครับ
โดย
atsu
อังคาร ส.ค. 17, 2021 2:46 pm
0
0
Re: **เปิดรับเพิ่ม** - CV@COL - บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน
จอง 1 ที่ครับ
โดย
atsu
จันทร์ พ.ย. 19, 2018 6:14 am
0
0
Re: แนวคิดการลงทุนหุ้นปันผล
ข้อควรระวังทั้งหมดรวมถึงเรื่องที่ควรศึกษาข้อมูลทุกด้านของหุ้น เพื่อนๆพี่ๆก็ช่วยกันเตือนแล้วผมคงไม่พูดซ้ำ แต่ผมอยากพูดถึงจุดอ่อนของวิธีนี้อีกด้านคือการจะขายไปซื้อตัวอื่นแทนเมื่อปันผลไม่ถึง 5%แล้วอ่ะครับ จากประสบการณ์ของผมหุ้นที่ปันผลมากอยู่แล้วถ้าไม่ได้มีการประกาศปันผลพิเศษอะไรแล้วอยู่ดีๆราคาหุ้นดันขยับวิ่งขึ้นไปมากจนทำให้ %ปันผลน้อยลง ส่วนใหญ่มีแนวโน้มจะกำไรเพิ่มขึ้นมากหรือมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในบริษัทนะครับ ทำให้คนที่ติดตามหุ้นตัวนี้อย่างใกล้ชิดเข้ามาซื้อจนราคาพุ่งไปมาก ซึ่งถ้าเราไม่ได้ศึกษาบริษัทให้ดีแล้วเรารีบขายไปตั้งแต่ปันผลเริ่มไม่ถึง 5%แล้วก็มีโอกาสสูงมากครับที่เราจะขายหมูตัวเบ้อเริ่ม
โดย
atsu
อังคาร มี.ค. 21, 2017 7:01 pm
0
8
Re: ขออนุญาตโพสต์ มีตติ้ง Thai VI เชียงใหม่ ครั้งที่ 23 ครับ
เสียดายจังครับ :( ปกติผมก็ไปเชียงใหม่บ่อยนะครับ แต่ดันไม่เคยตรงวันมีตติ้งซักครั้งเลย อยากเจอเพื่อนๆที่เชียงใหม่บ้าง เผื่อจะได้มุมมองใหม่ๆ หุ้น(ให้ลอก)ใหม่ๆ :oops: ครั้งนี้ผมก็ดันซื้อตั๋วกลับวัน ศ ที่ 31 มี.ค. พอดี ปล. วันที่ 1 เม.ย.60 วันเสาร์นะครับ รบกวนคอนเฟิร์มอีกทีกันเพื่อนๆงง
โดย
atsu
อังคาร มี.ค. 07, 2017 10:05 pm
0
2
Re: โอกาสทองครั้งที่สอง/วีระพงษ์ ธัม
ผมติดตามงานเขียนของพี่วีระพงษ์มาตลอด ชอบมุมมองและแนวคิดของพี่มากครับ หลายบทความโดนใจ ตรงกับจิตใต้สำนึกและการกระทำของผมมาก แต่ผมไม่สามารถบรรยายออกมาให้เป็นภาพแบบพี่ได้... สุดยอดมากครับ :bow: เหมือนผมเลยครับ อ่านหลายๆบทความของลินแล้วชอบแนวคิดและตรงกับจริตเราจริงๆ หลังๆนี่ยิ่งได้รับมีด(เขียนลง นสพ.)บ่อยๆแต่ละบทความยิ่งคมมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่องโอกาสที่สองนี่ยิ่งย้อนนึกยิ่งใช่เลยครับ หุ้นที่ทำกำไรให้มากๆหลายๆตัวมาจากโอกาสที่สองทั้งนั้น เพราะเราไม่ได้เก่งขนาดมองขาดตั้งแต่โอกาสครั้งแรก อาศัยความกล้าและมั่นใจในการวิเคราะห์ว่าเป็นโอกาสซื้อจริงๆ(ว่าหุ้นไม่ได้ลงเพราะพื้นฐานเปลี่ยน)ถึงกล้าสวน แต่ก็มีหลายครั้งที่พลาดไม่กล้าซื้อนะครับเพราะอ่านไม่ขาดว่าปัญหาชั่วคราวหรือถาวร ยิ่งตอนราคาหุ้นลงมากๆยิ่งมีผลต่อความมั่นใจในการวิเคราะห์ของเรามากๆเพราะเรายังไม่แกร่งพอ แต่จากสถิติส่วนตัวถ้าเมื่อไหร่กล้าซื้อสวนเมื่อโอกาสที่สองมาถึง แทบไม่เคยพลาดเลยครับ
โดย
atsu
ศุกร์ ส.ค. 28, 2015 5:49 pm
0
3
Re: Same store sale growth มีวิธีคำนวณยังไงบ้างครับ
เข้าใจว่าคำถามคุณ iamtherang หมายถึงการคำนวณเองจากงบการเงินใช่รึเปล่าครับ? ถ้าหมายถึงอันนั้นคงหาไม่ได้ครับเพราะยอดขายมันไม่ได้แยกระหว่างสาขาเก่ากับสาขาเปิดใหม่ คงต้องดูจากตัวเลข sss ที่บริษัทบอกในจดหมายอธิบายงบอีกฉบับครับ(ซึ่งบางบริษัทก็ไม่มี)
โดย
atsu
ศุกร์ เม.ย. 10, 2015 7:23 am
0
7
Re: Synthetic Growth/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ขออนุญาตถามเป็นความรู้ครับ อ่านบทความของอาจารย์แล้วรู้สึกเหมือนว่ายิ่งหุ้นที่มี PE สูงๆ สามารถไปทำ M&A บริษัทอื่นๆได้ง่ายกว่าหุ้น PE ต่ำๆ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะครับ หมายถึงการทำ m&a โดยไม่ใช้เงินสดซื้อแต่ใช้หุ้นบริษัทไปแลกแทนไงครับ ยิ่งพีอีสูงราคาหุ้นก็ยิ่งแพง ก็ยิ่งได้เปรียบในการแลก
โดย
atsu
อังคาร มี.ค. 17, 2015 10:57 am
0
4
Re: ผมขอพื้นที่ตรงนี้....ประกาศเป้าหมายการลงทุนให้ได้ 10 ล้า
เอาใจช่วยให้ทำสำเร็จครับ แต่ช่วง 10ปีหลังน่าจะตั้งเป้ามากกว่านี้นะครับ คือช่วง 7ปีแรกตั้งเป้าเฉลี่ยประมาณ11% ทบต้นผมว่ากำลังดีแล้ว แต่ช่วง 10ปีหลังตั้งเป้าแค่ประมาณ 7%ทบต้นผมว่าน้อยไปหน่อย น่าจะตั้งเป้าเท่าช่วง7ปีแรกคือ 11% ทบต้น ดังนั้นปี 2032 พอร์ทน่าจะประมาณ 30ล้านนะครับ :B
โดย
atsu
อังคาร ม.ค. 27, 2015 10:37 am
0
7
Re: จดบันทึกช่วงถามตอบ งานจิตวิทยาการลงทุน และการลงทุนต่างปร
ขอบคุณมากครับหมอนุ่น และยินดีที่กำลังจะมีเจ้าตัวเล็กด้วยนะครับ :D
โดย
atsu
อังคาร ต.ค. 07, 2014 2:55 pm
0
1
Re: งบการเงินรวมเสมือน
งบการเงินรวมเสมือนคืออะไรครับ คือเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างขึ้นในบริษัทอ่ะครับ สมมุติเช่นมีการไปเทกโอเวอร์บริษัทอื่นมาเพิ่ม ดังนั้นงบการเงินงวดนี้ก็จะรวมงบทั้ง2บริษัทเข้าด้วยกัน ทีนี้ถ้าเราเอางบแบบเป็นทางการของปีที่แล้ว(ซึ่งเป็นของบริษัทเดียว)มาเทียบกับงบงวดล่าสุด(ที่รวมสองบริษัท) มันก็จะไม่เห็นภาพการเปลี่ยงแปลง ว่าดีขึ้นหรือแย่ลง ก็เลยเกิดการทำงบเสมือนของปีที่แล้วขึ้นมาครับ คือทำงบปีก่อนแบบรวมงบทั้งสองบริษัทเข้าด้วยกันเพื่อจะได้เปรียบเทียบกับงบงวดล่าสุดได้ง่ายๆอ่ะครับ สรุปงบเสมือนคือการกลับไปทำงบการเงินงวดก่อนหน้าที่เคยส่งไปแล้ว ให้มีข้อแม้เดียวกันกับงบงวดปัจจุบันเพื่อการเปรียบเทียบครับ
โดย
atsu
อังคาร ส.ค. 06, 2013 1:04 pm
0
6
Re: จำนวนหุ้นที่ถือของ VI
จำได้ว่าเรื่องจำนวนหุ้นที่ถือนี่น่าจะมีการถกกันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วครับ :mrgreen: ก็มีทั้งฝ่ายที่บอกว่าถ้าเราเจอหุ้นที่อัพไซด์เป็น 100%แล้ว ทำไมต้องไปซื้อตัวอื่นที่อัพไซด์แค่ 50%อีก แถมถือตัวเดียวตามง่ายอีก รู้จริงในหุ้นตัวนั้นอีก อีกฝ่ายก็บอกว่าถือตัวเดียวหรือ2ตัวเสี่ยงไป จะรู้ได้ไงว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้วิเคราะห์อย่างดีทุกด้านแล้ว ถ้าเกิดเหตุการณ์ black swan ขึ้นมาถึงกับหมดตัวเลยนะ สุดท้ายแล้วผมว่าคงขึ้นอยู่กับจริตของเราอ่ะครับว่าชอบแบบไหน ทำแบบไหนแล้วสบายใจ ถ้าพี่ขี้กลัว(แบบผม)แล้วดันอยากเร่งผลตอบแทนเร็วๆด้วยการถือตัวเดียว พี่คงนอนไม่ค่อยหลับ ตอนหุ้นราคาตกก็จะหลอนไปต่างๆนานาว่าเกิดอะไรขึ้นกับหุ้นเรารึเปล่า ถ้าพี่ไม่ค่อยกลัวอะไรมากชอบความตื่นเต้นเร้าใจ แต่ดันไปกระจายหุ้นไว้ซัก 6-8 ตัว พอหุ้นบางตัวในพอร์ทที่พี่คิดว่าอัพไซด์เยอะสุดวิ่ง แล้วตัวอื่นดันนิ่งๆ พี่ก็คงอึดอัดหาวเรออีกว่า กรูไม่น่ากระจายพอร์ทเลย กำไรน้อยเลย ส่วนผมปกติจะขี้กลัวครับ เลยชอบกระจายการถือโดยบางช่วงมีหุ้นที่ชอบน้อยก็ถือ3-5ตัว ถ้าช่วงไหนเจอหุ้นน่าถือเต็มไปหมดก็จะถือประมาณ 6-8 ตัวครับ
โดย
atsu
อังคาร ส.ค. 06, 2013 12:38 pm
0
3
Re: คุ้มมั้ย กับการเสี่ยงซื้อหุ้นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมถดถ
หุ้นที่กำไรกำลังจะก้าวกระโดดมากๆเราก็มีโอกาสขาดทุนได้ครับถ้าเข้าซื้อในราคาที่แพงมากๆ ตรงกันข้าม การเข้าซื้อหุ้นที่กำไรกำลังจะลดลงมากก็อาจทำกำไรได้ถ้าเราซื้อในราคาที่ถูกพอ สมมุติเช่น หุ้นตัวนึงกำไรปีที่แล้ว 1บาท/หุ้น แต่ปีนี้ตลาดคาดว่ากำไรจะลดลงมากจนเหลือ 0.3 บาท /หุ้นทำให้ราคาหุ้นร่วงจนเหลือแค่ 3 บาท แต่เรากลับคาดว่ากำไรน่าจะตกลงเหลือประมาณ 0.5 บาท/หุ้น ดังนั้นจึงเข้าซื้อที่ราคา 3 บาท ถ้ากำไรลดลงแค่ตามที่เราคาด การเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ก็น่าจะทำกำไรได้ครับ แต่ที่ผมว่ามาทั้งหมดยืนอยู่บนพื้นฐานในการเข้าไปเก็งกำไรโดยใช้วิธีประเมินกำไรที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆวันนะครับ ถ้าพูดถึงการลงทุนในระยะยาวแล้วผมเชื่อว่าการซื้อหุ้นในอุตสาหกรรมที่กำลังถดถอย ไม่น่าจะให้ผลตอบแทนในการลงทุนที่ดีได้ครับ
โดย
atsu
อังคาร มิ.ย. 04, 2013 11:17 pm
0
1
Re: 59-2
" รายงานเฉพาะครั้งที่ซื้อหรือขายแล้วทำให้หุ้นรวมในมือข้ามเส้น 5%,10%, 15%..." สมมุติ 1. เดิมถืออยู่ 5.1 % ซื้อเพิ่ม 2 % ผลรวมเป็น 7.1 % ===> อย่างนี้ไม่ต้องรายงาน 246-2 ... ไปรอดูเอาเอง Update รายชื่อผู้ถือหุ้นปีหน้า 2. เดิมถืออยู่ 5.1 % ซื้อเพิ่ม 5 % ผลรวมเป็น 10.1 % ===> อย่างนี้ต้องรายงาน 246-2 แน่นอน ผลรวมข้ามเส้น 10 % ... ไม่ต้องรอ Update รายชื่อผู้ถือหุ้นปีหน้า ก้อได้ เพราะมาดูที่ 246-2 ก็จะทราบก่อน ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ ใช่แล้วครับ เช่นเดียวกับการขายถ้าถืออยู่ 5.1% แล้วขายไป 0.2% ก็ต้องรายงานครับ
โดย
atsu
ศุกร์ พ.ค. 03, 2013 5:03 pm
0
0
Re: 59-2
แต่ถ้าสมมุติ พี่หมอถือ PF ตอนนั้นเกินซัก 5.1 % (เข้าเกณฑ์รายงานแล้ว) ทุกครั้งที่แกขาย PF ออก หรือ ซื้อ PF เพิ่มเข้า ต้องรายงาน 246-2 ทุกรายการ ใช่ไหมครับ ถ้าใช่ กลต. บังคับให้ต้องรายงานภายในกี่วันครับ ไม่ใช่ครับ รายงานเฉพาะครั้งที่ซื้อหรือขายแล้วทำให้หุ้นรวมในมือข้ามเส้น 5%,10%, 15%...... ฯลฯ ครับ
โดย
atsu
ศุกร์ พ.ค. 03, 2013 4:33 pm
0
0
Re: 59-2
"ส่วนที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องรายงานคือแบบ 246-2 ในกรณีที่ "การซื้อขายนั้นทำให้สัดส่วนการถือหุ้นข้ามทุกๆ 5%" ดังนั้นถ้าผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีชื่อโชว์เพราะถือเกิน 0.5% แต่ไม่ถึง 5% จะขายหุ้นไปก็ไม่ต้องรายงานครับ" สงสัยใน 246-2 ย้อนหลัง มานานแล้ว ครับ กรณีพี่หมอบำรุง ซื้อ PF ติดผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ 3 ปี 2012 จำนวน 220 ล้านหุ้น หลาย % อยู่ มาปัจจุบัน 2013 ขายไปหมดแล้ว ทำไมดู รายงาน 246-2 ย้อนหลัง ไม่พบรายงาน การขาย PF เลยทั้งที่ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ 3 http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fin2/find246.php รบกวนขอความรู้หน่อยครับ เพื่อนๆ ที่รู็ช่วยอธิบายด้วยครับ ขอบคุณครับ ผมลองไปหาย้อนดูใน settrade พี่หมอแกถือแค่ 4.78%เองหนิครับ ก็ไม่ต้องรายงานก็ถูกต้องแล้ว
โดย
atsu
ศุกร์ พ.ค. 03, 2013 4:19 pm
0
0
Re: 59-2
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะซื้อขายหุ้น ต้องรายงานใน 59-2 ทำไมไม่เห็นบางคนต้องรายงานเลย อย่างเช่น หมอบำรุง ขาย lvt ไป หรือคุณนริศ ขาย htech เป็นต้น ไม่เห็นมีใครรู้ มีหลักเกณฑ์ยกเว้นหรือเปล่า จะรู้อีกทีก็ตอนที่บริษัทรายงานประจำปีเรียกประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว แบบที่เขาว่าตอนซื้อทุกคนรู้ แต่ตอนพื้นฐานเปลี่ยน รายใหญ่ขายก่อน รายย่อยกลายเป็นเม่าทุกที ผมว่าพี่จอหงวนเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว แบบ 59-2 ใช้สำหรับ "ผู้บริหารบริษัท" รายงานการซื้อขายหุ้นครับ ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เกิน 0.5% ที่เป็นนักลงทุนทั่วไป ไม่ได้เป็นผู้บริหาร ไม่มีหน้าที่ต้องรายงานการซื้อขายครับ ส่วนที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องรายงานคือแบบ 246-2 ในกรณีที่ "การซื้อขายนั้นทำให้สัดส่วนการถือหุ้นข้ามทุกๆ 5%" ดังนั้นถ้าผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีชื่อโชว์เพราะถือเกิน 0.5% แต่ไม่ถึง 5% จะขายหุ้นไปก็ไม่ต้องรายงานครับ
โดย
atsu
พฤหัสฯ. พ.ค. 02, 2013 8:55 pm
0
10
Re: คิดยังไงครับ คนที่มี100ล้าน
ถ้ามีจะถอนเป็นเงินสด ดูว่า 100 ล้านมันขนาดใหน :mrgreen: ก็ตัดกระดาษให้เท่าแบงค์พัน หนึ่งแสนใบ รกบ้านแย่ >< ผมเคยฟังผู้เชี่ยวชาญด้าน "ถุงขนม" เล่ามาว่าถ้าเป็นแบงค์พันล้วนๆ 1 ล้านจะหนักประมาณ 1 กิโลกรัม 100 ล้านก็คงประมาณ 100 กิโลกรัมอ่ะครับ จริงเท็จอย่างไรไม่รู้เพราะไม่เคยทดสอบครับ :mrgreen:
โดย
atsu
ศุกร์ มี.ค. 08, 2013 9:13 am
0
4
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
จากการตามอ่านบทความของ ดร.นิเวศน์ มาเกือบทุกอาทิตย์ ผมพบว่าหลายๆครั้งบทความของอาจารย์ก็ได้แรงบรรดาลใจจากกระทู้ฮอทๆในเวปเรานี่แหละ ประมาณว่าอาจารย์แกจะแสดงความเห็นตอบกระทู้โดยผ่านทางบทความ หลังจากอ่านบทความอาทิตย์นี้ทำให้ผมนึกถึงกระทู้นี้ขึ้นมาอ่ะครับ :D ก้าวเล็กๆ ในตลาดหุ้น-ก้าวที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต โดย : ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ในช่วงปี 2539-2540 ซึ่งเป็นปีวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในไทย ผมเป็นหนึ่งในผู้บริหารสถาบันการเงินที่ตกอยู่ในท่ามกลาง "มรสุม" ที่พัดกระหน่ำ สถาบันการเงินและกิจการธุรกิจ เกือบจะทุกแห่งของประเทศไม่เว้นแม้แต่บริษัทที่ใหญ่และแข็งแรงที่สุด แต่ละวันเราต้องหาทาง "เอาตัวรอด" นั่นคือ หาเงินจากทุกแหล่งที่ทำได้ เพื่อนำมาคืนผู้ฝากเงินที่กำลังขาดความมั่นใจ และทยอยถอนเงินออกเมื่อตั๋วเงินครบกำหนดอายุการฝาก ทุกวันพนักงานที่ดูแลการฝากเงินจะรายงานว่าวันนั้นมีคนมาถอนออก "สุทธิ" เป็นจำนวนเท่าไร ตัวเลขสามสี่ร้อยล้านบาท ดูเหมือนจะเป็นตัวเลข "ปกติ" เราเรียกว่า Bleeding หรือเลือดไหลไม่หยุด และในไม่ช้าเราอาจต้อง "ตาย" เราพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะหยุดมัน วิธีหนึ่งคือ การรวมกิจการสถาบันการเงินหลายๆ แห่งแล้วอาจหาทุนมาเพิ่ม แต่ในยามนั้น ไม่มีใครต้องการถือหุ้นบริษัทที่ทำธุรกิจ โดยเฉพาะสถาบันการเงิน ดูเหมือนว่าธุรกิจกำลังล้มละลายทั้งประเทศ และแล้วเมื่อประกาศลอยค่าเงินบาทกลางปี 2540 บริษัทจำนวนมาก และเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันการเงินเกือบทั้งหมดก็ "ล้ม" กันจริงๆ ผมต้องถูกให้ออกจากงาน ด้วยวัย 44 ปี และวุฒิการศึกษาปริญญาเอกด้านการเงิน โอกาสจะหางานใหม่ในธุรกิจการเงินไม่มีเพราะสถาบันต่างๆ ถูกปิด หรือลดขนาดลง มีลูกเล็กที่ยังเรียนอยู่ในโรงเรียนอินเตอร์ที่มีค่าเล่าเรียนแพงลิ่วปีละหลายแสนบาท และภรรยาทำงานพาร์ทไทม์ในฐานะครูเปียโนผมย่อมต้องกังวลว่าจะ "ทำอย่างไรกับชีวิต" หรือถ้าจะพูดกันให้ตรงที่สุดคือ จะจัดการเรื่องการเงินอย่างไร จึงจะอยู่รอดได้ในภาวะที่ธุรกิจต่างๆ กำลัง "ล่มสลาย" โชคยังดีที่ผมพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง ตัวเลขน่าจะอยู่ที่ 10 ล้านบาทบวกลบ เงินจำนวนนี้ผมคิดดูแล้ว ไม่เพียงพอที่จะส่งลูกเรียนตลอดจนจบปริญญาตรีในสายอินเตอร์ได้ ถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่างนอกจากการฝากเงินกินดอกเบี้ย การบริหารการเงินส่วนบุคคล "มาตรฐาน" ที่บอกว่า ถ้าอายุมากและโอกาสทำงานหาเงินในอนาคตมีน้อยเราก็ไม่ควรลงทุนในอะไรที่ "เสี่ยง" เช่น หุ้น เพราะถ้าเรา "พลาด" เราจะไม่สามารถหาเงินมาใช้จ่ายได้อีก แต่ถ้าไม่ลงทุนในหุ้นเพราะ "เสี่ยงเกินไป" และการฝากเงินก็ไม่ใช่ทางออก การ "ทำธุรกิจ" ก็ยิ่งเสี่ยง โดยเฉพาะยามที่ความต้องการของประชาชนลดลงมากมาย แล้วผมจะต้องทำอย่างไรที่จะรักษามาตรฐานการดำรงชีวิตแบบเดิมได้? ทางออกที่ผมค้นพบคือ Value Investment! ลงทุนในหุ้นเหมือนกับการทำธุรกิจ ว่าที่จริงจุดเริ่มต้นจริงๆ ควรจะเป็นว่าผม "ทำธุรกิจ" โดยการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์! ด้วยเงิน 10 ล้านบาท ผมสามารถเริ่มทำธุรกิจได้ ไม่ใช่ธุรกิจเดียว แต่หลายๆ ธุรกิจ ธุรกิจที่ผมเลือกต้อง "ปลอดภัย" ในภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำอย่างแรง เช่น อาหารราคาถูก หรือกิจการส่งออกที่ไทยกำลังได้เปรียบในเรื่องค่าเงินบาทที่ลดลงมาก ผมวิเคราะห์แล้วพบว่า มีบริษัทจดทะเบียนที่ยังมีผลประกอบการที่ดี มีฐานะการเงินยอดเยี่ยมแทบจะ "ปลอดหนี้" และบริษัทนั้นปลอดภัยในแง่การดำเนินการ ที่สำคัญคือ ราคาหุ้นบริษัทเหล่านั้น "ถูกเหลือเชื่อ" ค่า PE มักไม่เกิน 10 เท่า หลายบริษัทเพียง 6-7 เท่า เฉพาะปันผลที่ผมจะได้ เมื่อเทียบกับราคาหุ้นประมาณปีละ 10% ซึ่งแปลว่า ด้วยเงิน 10 ล้านบาท ผมจะได้รับปันผลถึงปีละ 1 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอที่ผมจะใช้จ่ายได้โดยไม่กินเงินต้น อาจมีประเด็นว่า หุ้นเหล่านั้นแทบไม่มีสภาพคล่องซื้อขาย คือซื้อได้ แต่อย่าหวังจะขายได้ราคา ตลาดหุ้นโดยรวมก็มีการซื้อขายน้อยมาก วันละ 2-3 พันล้านบาท แต่ผมไม่แคร์เลย เพราะผมลงทุนโดยมีสมมุติฐานว่าผม "ทำธุรกิจ" ผมพร้อมที่จะถือไปตลอดชีวิต ผมไม่ได้เพิ่งเริ่มเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นช่วงปี 2540 หลังวิกฤติเศรษฐกิจ ผม "เล่นหุ้น" มานานเป็นสิบปี การเล่นหุ้นของผม เป็นเรื่องของการ "เสี่ยงโชค" โดยอาศัยฝีมือวิเคราะห์ผลประกอบการระยะสั้นๆ ของกิจการกับภาวะตลาดหุ้น ผมเล่นหุ้นเพราะต้องการได้กำไรเร็วๆ เงินที่ได้กำไร ผมก็จะเก็บเข้ามาในบัญชีเงินฝากรวมเข้ากับเงินเดือนและรายได้อื่นๆ ที่ผมได้รับ สำหรับผม คล้ายๆ กับเงินโบนัสที่จะทำให้ผมมีเงินเก็บเพิ่มเร็วขึ้นและมากขึ้น แต่ไม่เคยเป็น "ชีวิต" ของผม ผมไม่ต้องการ "เสี่ยง" เงินจำนวนมากในตลาดหุ้น ผมไม่เคยคิดที่จะ "รวย" จากหุ้น หรือตลาดหุ้น ผมคิดว่าถ้าจะรวยก็ต้องมาจากการทำงาน ว่าที่จริงผมไม่เคยคิดที่จะรวยอย่างจริงๆ จังๆ ด้วยซ้ำ เพราะผมรู้สึกว่าเวลาการร่ำรวยของผมผ่านไปแล้ว หลังจากที่ผมไปเรียนปริญญาเอกที่อเมริกา จบปริญญาเอก ผมคิดว่า เป็นปัจจัยที่ลดโอกาสการเป็นคนรวยไปมาก เพราะข้อแรก เสียเวลากับการเรียนมาก และข้อสอง ทำให้เราไม่กล้าเสี่ยง ผมเป็น Value Investor โดยความจำเป็น การเปลี่ยนแปลงจากคนเล่นหุ้นเป็น VI ในช่วงปี 2539-2540 นั้นเพื่อความอยู่รอด ไม่ได้หวังรวยเร็วและก็ไม่คิดว่าจะรวย แม้ต่อมาเมื่อเริ่มเห็นผลว่า สามารถทำผลตอบแทนได้ดี โดยมีความเสี่ยงต่ำผมจะเริ่มตั้ง "ความฝัน" ว่าจะรวย แต่ทั้งหมดก็อิงอยู่กับผลตอบแทน 10% ต่อปี ความรวยที่ผมหวัง มาจากระยะเวลาของการลงทุนที่ยาวมาก คือผมคิดที่จะลงทุนไปจนตายที่ 80 ปี ซึ่งวิธีแบบนี้ ทุกคนรวยได้ถ้ามีความตั้งใจพอ และรักษาหลักการลงทุนแบบปลอดภัยสไตล์ VI อย่างมั่นคง "ก้าวเล็กๆ" ที่ผมเริ่มเดินเข้าไปในตลาดหุ้นโดยเปลี่ยนวิธีการลงทุนเป็นแบบ VI ในปี 2540 นั้น ได้ส่งผลที่ยิ่งใหญ่กับชีวิตของผม ผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนนั้นสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ผมคิดว่าโชคคงมีส่วนอยู่ไม่น้อย ผมบรรลุเป้าหมายความมั่งคั่งในชีวิตที่เคยตั้งไว้ก่อนเวลา 20 ปี ที่จริงมากกว่าที่ตั้งไว้หลายเท่า นอกจากเงินแล้ว แนวความคิดเรื่อง Value Investment ที่ผมเผยแพร่มาตลอดกว่า 15 ปีได้กลายเป็นแนวความคิดหลักอย่างหนึ่งในตลาดหุ้นไทย คนที่ใช้แนวทางนี้ในการลงทุนต่างก็ทำกำไรได้มากมาย หลายๆ คน รวยเป็นเศรษฐีตั้งแต่อายุไม่ถึง 40 ปีจากการลงทุนแบบ VI และนั่นทำให้คนจำนวนมากต่างก็มุ่งหน้าสู่ตลาดหุ้น ประเด็นก็คือ คนที่เพิ่งเริ่มเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้ต่างก้าวเข้ามาด้วย "ก้าวที่ยิ่งใหญ่" เพียงไม่กี่เดือน หรืออาจเพียงปีหรือสองปี เขาก็คิดไปถึงวันที่ตนเองจะรวยเป็นเศรษฐีที่คนทำงาน หรือผู้ประกอบการอาจจะต้องใช้เวลาเป็นหลายสิบปี พวกเขาคงคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเร็วๆ นี้ และผลตอบแทนที่เขาทำได้ช่วงสั้นๆ ที่ผ่านมาจะดำเนินต่อไปอีกนานเท่านาน ซึ่งทำให้เขารวยได้ แม้จะเริ่มด้วยเงินลงทุนที่ไม่มาก แต่นี่จะเป็นจริงหรือ? ส่วนตัวผมเองคิดว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา อาจจะซัก 10 ปีที่ผ่านมานี้เป็นช่วงเวลา "พิเศษ" นักลงทุนโดยเฉพาะที่เป็น VI ไทยที่สร้างผลตอบแทนในระดับที่นักลงทุนทั้งโลก "อิจฉา" แต่สิ่งนี้คงไม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ และต่อเนื่องยาวนาน ผมเชื่อว่าช่วงเวลาพิเศษนี้น่าจะใกล้จบลงและตลาดหุ้นไทยและ VI จะกลับมาสู่ภาวะปกติ ผมคิดว่าคนที่กำลังเข้ามาในตลาดหุ้นควรที่จะรักษา "ก้าว" ที่จะเข้ามาในตลาดให้เป็น "ก้าวเล็กๆ" คืออย่าหวังผลเลิศเกินไป และถ้าทำได้แบบนี้ จะกลายเป็น "ก้าวที่ยิ่งใหญ่" ในชีวิตในอนาคต
โดย
atsu
ศุกร์ มี.ค. 08, 2013 9:05 am
0
7
Re: จอง BIGC Company Visit ได้ในกระทู้นี้
เคสของผมที่จองได้แล้วขอยกเลิกเพราะดันติดธุระตอนบ่าย แต่ตอนนี้เปลี่ยนเวลาเป็นเช้าซึ่งผมดันว่าง ถ้าผมจะขอติดสอยห้อยตามไปด้วยได้มั๊ยครับ :oops: ถามดูเฉยๆไม่ซีเรียสนะครับ ถ้าได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะครับ เข้าใจดีว่าผมดันสละสิทธิ์ไปแล้ว :wall:
โดย
atsu
อังคาร ก.พ. 19, 2013 10:01 am
0
1
Re: จอง BIGC Company Visit ได้ในกระทู้นี้
ขอยกเลิกการจองครับ ขอโทษด้วยครับ :(
โดย
atsu
ศุกร์ ก.พ. 15, 2013 3:31 pm
0
0
Re: จอง BIGC Company Visit ได้ในกระทู้นี้
จอง 1 ที่ครับ
โดย
atsu
อังคาร ก.พ. 12, 2013 10:00 am
0
0
Re: ทำไมหุ้นเมื่อขึ้น XD ราคาต้องลด
ถ้าเอาแนวคิดแบบหลักการจริงๆเลยนะครับ การที่บริษัทปันผลออกมา แปลว่าเงินสดไหลออกจากบริษัททำให้มูลค่าบริษัทลดลง ดังนั้นมูลค่าบริษัทหลังขึ้น xd ต้องลดลงเท่ากับเงินที่ปันผลออกไปครับ
โดย
atsu
อังคาร ม.ค. 22, 2013 3:01 pm
0
10
Re: ยื่นภาษีปี 2555
มีใครเจอแบบผมมั่งครับ ในแบบคำนวน ไม่มีรายการหักค่าใช้จ่ายผู้มีเงินได้ 40% มีแค่หักค่าลดหย่อน 30,000 บาท อย่างเดียวเลยครับ เท่ากับหายไป 60,000 บาทเลยครับ หรือผมพลาดอะไรไปรึเปล่าครับ ลด 60,000 จะอยู่ตรง40(1) คือรายได้จากเงินเดือนครับ พอกรอกเงินเดือนเสร็จ เค้าจะคำนวณหักค่าใช้จ่ายในหน้านั้นให้เลยครับ ล่าสุดเมื่อวันศุกร์เย็นผมยื่นผ่านฉลุยแล้วนะครับ คิดว่าสรรพากรแก้ไขโปรแกรมเรียบร้อยแล้ว :D
โดย
atsu
เสาร์ ม.ค. 05, 2013 8:22 am
0
0
Re: ชาว ThaiVI มีค่าใช้จ่ายในครอบครัวเดือนละเท่าไหร่
ตั้งแต่มีลูกค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 5 เท่าครับ ซื้อบ้านให้ลูกอยู่แทนคอนโด ผ่อน 30 ปี อาหารทำเอง แพงมาก ค่าใช้จ่ายลูกเพียบ บ้านก็ต้องจ้างคนมาทำความสะอาด ตัดสวนต่างหาก แฟนก็ออกมาดูลูก ผมว่าแต่งงานยังไม่หนัก มีลูกนี่ของจริง เห็นด้วยครับพี่กบ .. projection อะไรผิดเพี้ยนหมด ส่วนตัวผมกินข้าวมื้อละ 35 อยู่บ้านกินกับข้าวบ้านยิ่งถูก แต่ลูกผมกินอะโวคาโดลูกละ 69 เป็นของว่างยามบ่าย ต้องใช้อุปกรณ์จากญี่ปุ่นแสนแพงเตรียมอาหารให้อีก แปรงสีฟันผม 20 บาท ของลูก 200 ผมอาบน้ำล้างหน้าสบู่นกแก้ว ลูกผมอาบโฟมอะไรก็ไม่รู้ขวดละเป็นร้อย ๆ ของเล่นเสริมพัฒนาการเพียบชิ้นนึงเป็นพัน หลายพัน ผมถ้าจะคลายเครียดก็เล่นเกมส์โหลดมาตอน sales บน ipad 0.99$ โรงเรียนสมัยก่อนผมเรียนไม่กี่พันเองเทอมนึง มหาลัยค่าเทอมปีละหมื่นกว่าบาท ของลูกเท่าที่ดู ๆ มา แค่อนุบาลก็จะแสนอยู่แล้วปีนึง แต่จ่ายแล้วมีความสุขครับ และสุดท้ายผมว่าถ้าลูกผมโตขึ้นมาหน่อย ผมจะสอนให้เค้าอาบสบู่นกแก้วเหมือนผม ยินดีกับลินและกบด้วยนะครับเรื่องลูก เจอกันหนสุดท้ายกำลังจะแต่งงานทั้งคู่ เผลอแป๊บเดียวเข้ามาอยู่ชมรมคุณพ่อทั้งคู่ซะแล้ว :B ยืนยันด้วยคนครับว่ามีลูกทำให้ค่าใช้จ่ายที่เคยประมาณไว้ของผมเพี้ยนไปเยอะเลย เดี๋ยวนี้รายจ่ายแต่ละเดือนสูงจนน่าตกใจจริงๆ ช่วงนี้พอลูกเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆใกล้จะเข้าวัยรุ่นชักเริ่มหลอน นึกไปถึงตอนที่เค้าหันไปติดเพื่อนแทนเราก็ใจหายนะครับ
โดย
atsu
ศุกร์ ม.ค. 04, 2013 10:10 am
0
1
Re: ยื่นภาษีปี 2555
เพิ่งลองเมื่อกี้ยื่นไม่ได้เหมือนกันครับ :( เหมือนพี่ๆเพื่อนๆคือ กรอกไปจนจบเสร็จหน้าสุดท้าย พอกดยืนยันการยื่นแบบก็ขึ้นว่า "พบข้อผิดพลาดระหว่างการบันทึก กรุณาทำการยื่นแบบฯใหม่อีกครั้ง หากมีข้อสงสัยติดต่อศูนย์บริการข้อมูลสรรพากรโทร.1161" แต่ดูรูปแบบปีนี้แล้วเหมือนจะเตรียมโปรแกรมมาดีนะครับ กรอกง่ายไม่มีปัญหาเลย แต่มาตกม้าตายตอนจบ :wall:
โดย
atsu
พุธ ม.ค. 02, 2013 8:21 am
0
0
Re: การคิดเงินได้ จากการเครดิตภาษีเงินปันผล
แล้วในกรณีหุ้น C ที่เสียภาษี แบบ 2.2 ปันผลที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล เวลากรอก ต้องกรอกในช่อง ยกเว้นภาษี หรือ ไม่ได้รับเครดิตภาษี ครับ ไม่ได้รับเครดิตภาษีครับ = เครดิตภาษีเท่ากับ 0/100 และต้องเอาเงินปันผลไปรวมเป็นรายได้ครับ เพราะคำว่า "ปันผลที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมเป็นรายได้เพื่อเสีย ภาษีเงินได้นิติบุคคล " หมายถึงบริษัทไม่ต้องเอาปันผลจากบริษัทย่อยส่วนนี้ไปรวมเสียภาษีประจำปีครับ แต่ผู้ถือหุ้นต้องนำรายได้ปันผลจากเงินส่วนนี้มารวมเพื่อเสียภาษีส่วนบุคคล ซึ่งเครดิต = 0 ก็เพราะบริษัทไม่ได้จ่ายภาษีจากได้ก้อนนี้ไงครับ งงป่าวครับ :?: ผมอ่านๆที่เขียนเองก็ไม่แน่ใจว่าเขียนรู้เรื่องรึเปล่า :oops:
โดย
atsu
จันทร์ ธ.ค. 17, 2012 3:45 pm
0
2
Re: การคิดเงินได้ จากการเครดิตภาษีเงินปันผล
คือผมอยากทราบว่า รายได้ก่อนหักภาษี ถ้าเลือกทำเครดิตภาษีเงินปันผล จะเป็น 500,000 + 100,000 + 100,000*(0.25/0.75) + 60,000 ใช่หรือป่าวครับ ถูกต้องครับ ส่วนภาษีที่จ่ายไปแล้วก็จะเป็น ภาษีหัก ณ ที่จ่ายของเงินเดือน + 10,000 + 100,000*(0.25/0.75) + 6,000
โดย
atsu
จันทร์ ธ.ค. 17, 2012 12:52 pm
0
1
Re: การคิดเงินได้ จากการเครดิตภาษีเงินปันผล
ผมว่าข้อมูลไม่น่าจะถูกต้องนะครับเพราะปกติปันผลส่วน BOI จะไม่โดนหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ปกติก็คิดง่ายๆครับว่าส่วนของ BOI จะไม่ต้องนำมารวมเป็นรายได้ ซึ่งถ้ายื่นทางเนทในตารางที่ให้กรอกเงินปันผลจะมีช่องให้กรอกปันผลที่ไม่นำมารวมเป็นรายได้ พอเรากรอกช่องนี้แล้วโปรแกรมก็จะคำนวณให้เองครับ โดยไม่เอาเงินปันผลช่องนี้มารวมเป็นรายได้
โดย
atsu
จันทร์ ธ.ค. 17, 2012 8:12 am
0
3
Re: In Search of Great Stocks
ขอบคุณมากครับคุณ yoyo สำหรับบทความดีๆ :bow: :bow: :bow: ภาษาอังกฤษผมไม่ค่อยเก่ง ได้แค่งูๆปลาๆ แต่ลองพยายามอ่านดูก็พออ่านจับใจความได้เกือบทั้งหมด เชียร์ให้เพื่อนๆที่ไม่ค่อยมั่นใจในทักษะภาษาอังกฤษของตัวเองเท่าไหร่ลองพยายามอ่านดูครับ อย่าเพิ่งถอดใจเพราะเห็นเป็นบทความภาษาอังกฤษยาวๆ(ผมเคยเป็นแบบนี้ :oops: ) ลองค่อยๆอ่านดูน่าจะเกิดประโยชน์มากครับ
โดย
atsu
อังคาร พ.ย. 27, 2012 11:37 am
0
2
Re: อยากสอบถามเรื่อง หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ
อย่างงี้จะบ่งบอกถึง "ธรรมาภิบาล" ของบริษัทด้วยรึเปล่าครับ คงต้องดูเป็นเคสๆไปครับ ตัวอย่างข้างบนคงไม่มีปัญหาเรื่องธรรมาภิบาลหรอกครับ เพราะหนี้สูญเป็นของ คูลฯ บริษัทย่อยที่ sis ถือหุ้นอยู่ 99.99% แต่ถ้ากรณีหนี้สูญอย่างนี้เกิดกับบริษัทร่วมหรือบริษัทย่อยที่แม่ถืออยู่แค่ 60-70% ที่เหลือเป็นของคนอื่น ก็คงต้องระวังตัวกันนิดนึงครับ
โดย
atsu
จันทร์ พ.ย. 19, 2012 9:29 am
0
2
Re: คิดว่า EST จะสู้กับ PEPSI ได้ดีขนาดไหน
อ่านดูแล้วผมว่าหลายๆคนประเมินพลังของระบบ logistic น้อยไปนะครับ ตย.ของ pizza hut กับ the pizza ก็เคยแสดงให้เห็นแล้วว่าแบรนด์ไม่ใช่คำตอบทุกอย่าง และแบรนด์ใหม่ที่มี logistic พร้อมรบอยู่แล้ว ก็ชนะแบรนด์เก่าที่ไม่พร้อมในเรื่อง logistic ได้ จากยอดขายเดิมของ pepsi ที่เป็นของขวดแก้วตั้ง 60% ดังนั้นผมกล้าฟันธงเลยว่ายอดขายปีหน้า pepsi แพ้ est แน่นอน แต่งานนี้ถ้า coke วางแผนดีๆคงขยับมาร์เก็ตแชร์ได้พอสมควรทีเดียวครับ
โดย
atsu
จันทร์ พ.ย. 05, 2012 1:10 pm
0
3
Re: กรรมการขายหุ้นหลังช่วงที่ปิดงบ
รุ้สึกจะมีกฏห้ามผบห.หรือผู้เกี่ยวข้องซื้อขายหลักทรัพย์ก่อน/หลังปิดงบ1เดือนนี่ครับ ลองโทรถามมาร์ดูสิครับ ผมเข้าใจว่าไม่มีการห้ามอย่างเป็นทางการจากตลาดครับ มีแค่ระเบียบของแต่ละบริษัทเท่านั้นที่จะห้ามกันเอง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท ถ้าบริษัทไหนมีการห้าม จะมีบอกไว้ใน 56-1 เรื่องการควบคุมภายในครับ
โดย
atsu
พุธ ต.ค. 10, 2012 10:42 am
0
1
Re: งานนี้อากู๋ คิดผิด หรือ คิดถูก
ผมว่าอากู๋แกพลาดมากเลยที่พยายาม "เป็นศัตรูกับเทคโนโลยีและของฟรีในเนท" วิ่งไล่จับละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หยุดไม่หย่อน วิธีของแกคือการพยายามแก้พฤติกรรมของคน ซึ่งผมไม่คิดว่าจะสำเร็จ ในขณะที่รูปแบบของเฮียแกจะออกแนว "ต่อต้านไม่ได้ก็เข้าร่วมซะเลย" คือพยายามใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์กับการขายที่สุด ส่วนวิธีแก้การละเมิดก็แค่ทำให้ราคาของแกถูกลง จนอยู่ในระดับที่ "ไม่คุ้มในการละเมิด" พยายามปรับรูปแบบการขายเข้าหาพฤติกรรมของคนให้มากที่สุด
โดย
atsu
ศุกร์ ส.ค. 10, 2012 3:06 pm
0
26
Re: ด่วน การรับสมัครสมาชิกของสมาคมอย่างเป็นทางการ
ผมอ่านหลายๆความเห็นเพลียใจแทนกรรมการและคนที่เสียสละมาทำงานให้เวปเราจริงๆครับ หลายๆความเห็นนี่ไม่ใช่การติเพื่อก่อเลยนะครับ แต่เป็นการ ด่า ใส่ร้ายและกล่าวหา โดยใช้จินตนาการของตนเป็นที่ตั้ง เรียกง่ายๆว่า "ใช้จิตใจคนโฉดชั่ววัดจิตใจวิญญูชน" กันเลยทีเดียว ถ้าเราไม่มัวแต่คิดว่า"จ่ายเงินแล้วต้องได้อะไรกลับมา(ขอเยอะๆด้วย)" แต่มองว่าการจ่ายค่าสมาชิกคือการร่วมกันสนับสนุนให้เวปเดินไปข้างหน้า ปัญหาที่ว่ากันมาก็คงไม่เกิด ขอเป็นกำลังใจให้คณะทำงานทุกๆคนนะครับ สู้ต่อไป คนที่มองเห็นถึงความเสียสละตรงนี้ยังมีอยู่มากครับ ผมเชื่อว่ามากกว่าคนที่มากล่าวหาเยอะด้วยครับ
โดย
atsu
เสาร์ มิ.ย. 30, 2012 8:33 am
0
29
Re: อิตาลีจะตามสเปนไปด้วยหรือเปล่า จากข่าวนี้
น่าจะต้องลุ้นโครเอเชียด้วย อิตาลีถึงจะได้ตามสเปนและกรีซไปได้ กำลังจะเข้ามาเล่นมุขนี้พอดี โดนตัดหน้าก่อน :mrgreen: เชื่อว่ามีไม่ต่ำกว่าร้อยคนในเวปที่พออ่านหัวข้อกระทู้เสร็จ แล้วอยากเข้ามาเล่นมุขนี้ครับ :mrgreen:
โดย
atsu
จันทร์ มิ.ย. 18, 2012 1:07 pm
0
3
Re: ถ้าหุ้นที่ถือไว้ขึ้นมาจนเกินมูลค่าที่เราคิดไว้ จะทำยังไง
ปกติผมจะคิดจุดที่จะเริ่มขายไม้แรกกับไม้สุดท้ายไว้ในใจก่อน แล้วใช้วิธีทะยอยขายครับ เช่น ผมกะๆ eps ปีนี้ไว้ที่ 1-1.2 บาท และประมาณ pe หุ้นตัวนี้จาก business model ไว้ที่ 12-15เท่า ดังนั้นไม้แรกที่ผมจะเริ่มขายคือที่ราคา 12 บาท และไม้สุดท้ายที่ผมจะขายคือที่ราคา 18 บาทครับ ส่วนจะแบ่งเป็นกี่ไม้ก็คงขึ้นกับปริมาณที่เราถือและสภาพคล่องในหุ้นตัวนั้น ที่ว่ามานี่ไม่รวมกรณีที่เราเจอหุ้นตัวใหม่ที่คิดว่าดีกว่าตัวเก่านะครับ และจากการที่ผมใช้วิธีนี้มาเรื่อยๆ ก็ทำให้ผมค้นพบข้อเท็จจริงบางอย่างคล้ายข้อสรุปของพี่ saichon เลยครับ คือการใช้วีธีนี้กับหุ้นทั่วๆไปส่วนใหญ่จะเป็นการขายที่ดีครับ แต่ทุกครั้งที่ทำกับหุ้น super stock มันคือการขายหมูดีๆนี่เองครับ :wall:
โดย
atsu
พฤหัสฯ. มิ.ย. 14, 2012 8:47 pm
0
3
Re: ผมผู้ซึ่งประเมินผิดตลอดการ
หวังว่าสักวันนึงคงได้เจอกันใน Meeting TVI ครับ ปีนี้ผมไม่ได้ไปครับ ผบ.ทบ. ให้เลี้ยงลูกอยู่บ้าน :cry: อ้าว ผมนึกว่าพี่เข้าแคมป์ซ้อมเตรียมไปยูโร 2012 ซะอีก.......ฮ่า
โดย
atsu
จันทร์ มิ.ย. 04, 2012 9:35 am
0
1
Re: มีใครยื่นภงด.90 แล้วบ้างครับ ผมว่ามันเพี้ยนๆ อยู่นา
ขอบคุณ คุณ atsu ครับ รบกวนถามเพิ่มนะครับ 1) ถ้าจะเอาปันผลมารวมยื่นภาษี ต้องเอาทั้งหมดใช่มั๊ยครับ (แบบว่าเลือกเฉพาะบริษัทที่จ่ายภาษี 25-30% อย่างเดียวไม่ได้) แต่ถ้าหนังสือรับรองบางฉบับหายไป แล้วแจ้งขาดจะเป็นอะไรมั๊ยครับ หรือว่ากรมสรรพากรก็มีข้อมูลครบอยู่แล้ว 2) ปันผลที่ได้มาจากกองทุนหุ้น LTF จะเอาไปรวมอย่างไรครับ ขอบคุณอีกครั้ง 1) ใช่ครับ ถ้ายื่นต้องยื่นทุกบริษัท เลือกไม่ได้ ถ้าหนังสือรับรองบางฉบับหายก็เป็นหน้าที่เราที่ต้องไปหามาครับ(หาจากเวป tsd) เพราะถ้าสรรพากรตรวจพบ มันก็เป็นความผิดเราอยู่ดี แต่จากประสบการณ์ที่คุยๆกับเพื่อนมาพบว่า สรรพากรจะโทรถามในกรณีที่เรายื่นไม่ครบแล้วสรรพากรเสียประโยชน์ครับ ส่วนถ้าแผ่นที่หายแล้วไม่ได้กรอกไปเป็นบริษัทที่เครดิตได้ 30% สรรพากรก็ไม่ถามหา แล้วหมกเลยเหมือนกันครับ :mrgreen: 2) ไม่ทราบเหมือนกันครับเพราะผมไม่เคยซื้อกองทุนเลย
โดย
atsu
พุธ ก.พ. 08, 2012 9:00 am
0
0
Re: มีใครยื่นภงด.90 แล้วบ้างครับ ผมว่ามันเพี้ยนๆ อยู่นา
ถ้าฐานภาษีสูงสุดอยู่ที่ 30% ไม่คุ้มที่จะเอาเงินปันผลมาเครดิตภาษีใช่มั๊ยครับ ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทนั้นเครดิตภาษีได้กี่ % ครับ ถ้า 30% กับ 25% ก็ยังคุ้มอยู่ เพราะถ้าบริษัทจ่ายไป 30%แล้ว แปลว่าส่วนที่ปันผลให้เราคือส่วน 70%ที่เหลือ ซึ่งโดนหัก ณ ที่จ่ายไปอีก 10%ของ70% = 7% ดังนั้นแปลว่าเราจ่ายภาษีไปแล้ว 30+7=37% ถ้าเราเสียเรทสูงสุดอยู่ที่ 30% ก็แปลว่าจะขอคืนได้ 37-30= 7% ครับ ในทำนองเดียวกันถ้าบริษัทจ่ายภาษี 25% แปลว่าเราจ่ายภาษีไปแล้ว 25+7.5(มาจากหัก 10%ณ ที่จ่ายของ 75%) = 32.5% ดังนั้นจะขอคืนได้ 2.5%ครับ ถ้านอกเหนือจากนี้ก็ไม่คุ้มที่จะขอแล้วครับเพราะต้องจ่ายเพิ่ม ดังนั้นถ้ามีปันผลหลายๆบริษัทหลายๆเรท คงต้องลองคิดดูเองว่าคุ้มรึเปล่า
โดย
atsu
อังคาร ก.พ. 07, 2012 9:24 am
0
0
Re: รายได้เพิ่มไม่ใช่จะดีเสมอไป
ปล. เอ... นี่มันเกี่ยวอะไรกับกระทู้หว่า... เกี่ยวตรง "รายได้(ของเรา)เพิ่มไม่ใช่จะดีเสมอไป ถ้าใจยังทุกข์อยู่" ช่วยมั่วให้มันเกี่ยว.... :mrgreen:
โดย
atsu
ศุกร์ ม.ค. 20, 2012 2:41 pm
0
0
Re: มีใครยื่นภงด.90 แล้วบ้างครับ ผมว่ามันเพี้ยนๆ อยู่นา
ล่าสุดเมื่อกี้เอง ลองเข้าไปกรอกใหม่ ปรากฎว่าโปรแกรมคำนวณถูกแล้วครับ แต่พอถึงขั้นตอนสุดท้ายกดยืนยันเสร็จ ดันขึ้น "พบข้อผิดพลาดในการทำรายการกรุณาลองใหม่" :vm: :vm: :vm: :vm: :vm:
โดย
atsu
อังคาร ม.ค. 03, 2012 10:36 am
0
2
Re: มีใครยื่นภงด.90 แล้วบ้างครับ ผมว่ามันเพี้ยนๆ อยู่นา
เพื่อนๆที่ยื่นผ่าน ได้ลองเช็คยอดเงินคืนรึยังครับว่าถูกต้องรึเปล่า :?: ของผมตอนแรกก็เจอเหมือนหลายๆคน คือตรงหน้าสุดท้ายไม่ยอมเอารายได้จากปันผลและเครดิตภาษีมารวม แสดงเฉพาะเงินเดือนเท่านั้น แต่พอลองกดเปลี่ยนหน้าไปมา สักพักก็ขึ้นยอดรวมถูกต้อง แต่พอดูยอดเงินที่ได้คืนแล้วปรากฎว่าโปรแกรมคิดผิด พอลองหาดูว่าผิดตรงไหน เลยเจอตรง"เงินภาษีที่เราได้จ่ายไปแล้ว" ปรกติยอดนี้จะรวมจาก "เครดิตภาษี+หัก ณ ที่จ่าย 10%" แต่โปรแกรมคิดเฉพาะ เครดิตภาษี โดยไม่รวมยอด 10% ที่หักไปแล้ว ทำให้คำนวณเงินได้คืนผิดครับ ผมเลยไม่กล้า submit ว่าจะรอโทรถามวันพรุ่งนี้ดู
โดย
atsu
อังคาร ม.ค. 03, 2012 9:07 am
0
1
Re: ตอนปี 2008 บริหาร port ยังไงกันบ้าง
ตอนปี 2008 ช่วงเดือนตุลาคมนี่จำได้เลยครับ ว่ากลัวขี้แตกขี้แตนเลย :mrgreen: แต่ปกติผมมีความเชื่ออย่างหนึ่งคือ ไม่มีใครรู้จริงว่าตลาดจะขึ้นหรือลงเท่าไหนเมื่อไหร่ ก็เลยพยายามไม่เดาตลาด มองหุ้นเป็นตัวๆแล้วถือหุ้นเต็มพอร์ทตลอด (ตอนนั้นนะครับ เพราะตอนนี้ผมก็มีมุมมองบางอย่างที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา) ช่วงนั้นก็พยายามตั้งสติ คิดด้วยเหตุผล ว่าที่มาของวิกฤตครั้งนั้ันคืออะไร จะมีหุ้นตัวไหนกำไรไม่ลดบ้าง สุดท้ายก็ได้คำตอบว่า หุ้นที่น่าจะไม่กระทบหรือได้รับผลกระทบน้อยคือหุ้นที่อาศัยการบริโภคในประเทศเช่นกลุ่มค้าปลีก หลังจากนั้นก็เลือกหุ้นกลุ่มนี้ได้มาประมาณ 3-4 ตัวครับ แล้วก็ปรับพอร์ท วนไปมาในหุ้นกลุ่มนี้ คือถ้าตัวไหนลงมากก็จะขายตัวลงน้อยหรือไม่ลง ไปซื้อตัวลงมาก ช่วงเดือนตุลาคม 2008 นั้นปรากฎว่า ผมซื้อขายหุ้นเกือบทุกวันเลย เพราะแต่ละวันมันจะมีตัวลงหนักๆสลับกันไปมาตลอด ก็พอรอดมาได้คงเพราะดวงดีด้วยครับ จากช่วงเดือนตุลาคมลบเยอะสุดประมาณเกือบ 30% พอสิ้นปี 2008 ก็เหลือลบแค่ 15% ปีนั้นก็เลยไม่เจ็บปวดมากครับ
โดย
atsu
จันทร์ ส.ค. 08, 2011 1:26 pm
0
1
Re: ชวนคุยค่ะ ^^
แต่ก่อนผมเองเคยมองว่าถ้าเราซื้อหุ้นแล้วหุ้นขึ้นคือเราวิเคราะห์ถูก แต่หลังจากมีประสบการณ์มากขึ้น ถึงได้รู้ว่า "ราคาหุ้น" บางครั้งเป็นเพียงภาพลวงตาที่ "หลอกลวง" เรา ยิ่งตลาดกระทิงในช่วง 2-3 ปีนี้ ผมเองชักเริ่มสับสนว่าผมเก่งหรือเพราะตลาดดีกันแน่ หลังจากถอยออกจาก ความหลงงมงาย เพราะหลายครั้งผมเคยรู้สึกว่าหุ้นที่เราคิดว่าดีขึ้นไป แต่กลับมีหุ้นปัจจัยพื้นฐานไม่ดีบางตัวขึ้นไปมากกว่า ท่ามกลางสภาพของตลาดที่ใครซื้อหุ้นคนได้กำไรมีมากกว่าขาดทุน เราเก่งหรือเฮง??? ผมเคยสับสนมาก่อนครับ ระยะหลังผมเลือกที่จะประเมินการวิเคราะห์ของเราว่าถูกต้องมากกว่ามองที่ราคาครับ เช่นถ้าเราวิเคราะห์แล้วรายได้ควรจะได้เท่าไหร่ แล้วตัวเลขออกมาใกล้เคียงตรงนี้ก็ต้องถือว่าเราแม่นยำ ยิ่งถ้าผิดพลาดน้อยครั้งก็ถือว่าฝีมือเราใช้ได้ ผมจะไม่ค่อยสนใจตัดสินตัวเองจากการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเท่าไหร่ และผมก็เชื่อว่า "กระบี่" เล่มนี้ สามารถที่จะต่อสู้กับสภาพตลาดที่เลวร้ายได้อย่างแท้จริงครับ เรื่องราคาหุ้นนี่ถ้าระยะสั้นๆผมก็เห็นด้วยนะครับว่าไม่ควรใส่ใจ แต่ถ้าวัดในระยะยาวแล้ว ผมกลับคิดว่า"ราคาหุ้น"นี่แหละ"ของจริง"ที่สุดแล้วในการวัดว่าเราคิดถูกหรือผิด สมมุติเราคาดว่ากำไรบริษัทจะโตมากมายในอีก 1-2 ปีข้างหน้า เราก็เข้าซื้อหุ้นไว้ หลังจากนั้นผลออกมาว่า กำไรบริษัทดีขึ้นจริงตามคาด แต่ราคาหุ้นกลับไม่ไปไหนเลย ถ้าจะบอกว่าเราคิดถูกเนื่องจากผลประกอบการโตจริงแต่ตลาดไม่เห็นเอง ผมว่าก็ไม่น่าจะใช่ เพราะจริงๆแล้ว ราคาที่เราซื้ออาจเป็นราคาที่ ตลาดได้บวกความคาดหวังในผลประกอบการที่จะโตเข้าไปแล้วก็ได้ ดังนั้นมันจะไม่มีประโยชน์ถ้า การคาดการที่เราคาดถูก เป็นสิ่งที่ตลาดก็คาดไว้แล้ว ซึ่งสุดท้ายราคาหุ้นก็จะเป็นผู้เฉลยเองว่าเราถูกหรือผิด สมมุติต่อไปจากบริษัทข้างบน ผ่านไป 2 ปีกำไรเริ่มไม่โตแถมลดลงอีกเพราะกำไรก่อนหน้าไม่ใช่กำไรที่ยั่งยืน มีคนเข้ามาแข่งขันในธุกิจมากจนตัดราคากัน หรือกิจการเริ่มวนไปสู่วงจรขาลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทีนี้ราคาหุ้นก็ลดลงไปตาม ถ้าเป็นแบบนี้นี้เราจะพูดได้อย่างไรว่าเราคิดถูกในช่วง 2 ปีก่อนเพราะผลประกอบการโตตามคาด จริงๆแล้วคนที่คิดถูกกลับเป็นนายตลาดที่มองเห็นแล้วว่าผลกำไรในอนาคตจะลดลงเลยไม่ให้ราคาหุ้นต่างหาก
โดย
atsu
ศุกร์ ก.ค. 29, 2011 11:09 am
0
0
Re: ขอบคุณทีมงาน tvi สำหรับงาน เฮฮามากๆเลยครับ
ได้เจอ maoinvestor. นักเขียนการ์ตูนตัวจริงแล้วล่ะ น่ารักมากมาย เขียนการ์ตูนก็น่ารักตัวจริงก็น่ารักนะจ๊ะ ตัวเอง ใช่น้องที่นั่งข้างอาจารย์นิเวศน์รึเปล่าครับ ถ้าใช่นี่ผมสารภาพเลยว่าผิดจากที่ผมคาดไว้มาก คืออ่านจากความคิดไอเดียในการเขียนแล้วเก่งมากๆ จนตอนแรกผมเข้าใจว่าคุณเม่าอินเวสเตอร์น่าจะมีวัยวุฒิพอสมควรอ่ะครับ :oops:
โดย
atsu
อาทิตย์ มิ.ย. 19, 2011 10:01 am
0
0
Re: จะดีกว่าหรือปล่าถ้าปฏิเสธข่าวแล้วห้าม ......
ผมก็ยังยืนยันนะครับว่าไม่เคยเห็นข่าวโกหกแบบ"เป็นทางการ"จากบริษัทจริงๆ :mrgreen: ไม่เชื่อลองกลับไปอ่านเคสที่ว่าๆกันมาดีๆซิครับ ถ้าเจอข่าวโกหกแบบเป็นทางการช่วยแปะให้ผมดูเป็นบุญตาที อย่าเหมาพวกข่าวเต้าข่าวปล่อยโดยเฉพาะข่าวจากหนังสือพิมพ์ที่อ้าง"แหล่งข่าว"นะครับ ที่ว่ามาทั้งหมดไม่ใช่ผมจะบอกว่าเค้าไม่โกหกกันนะครับ :B
โดย
atsu
อังคาร มิ.ย. 07, 2011 8:06 pm
0
0
Re: จะดีกว่าหรือปล่าถ้าปฏิเสธข่าวแล้วห้าม ......
สาบานได้ว่าผมกลับไม่เคยเห็นเลยนะครับที่ข่าวเป็นทางการปฏิเสธแล้วอีกพักกลับเป็นจริง ไม่เชื่อลองไปหาอ่านดูอีกทีดิครับ ผมเห็นแต่ตอบแบบเลี่ยงๆกันทั้งนั้น เช่น "ตอนนี้"ยังไม่มีรายงานการขายหุ้นของ... "ปัจจุบัน"ยังไม่ได้รับการติดต่ออย่างเป็นทางการเรื่องควบรวม ทางบริษัทไม่เคยให้ข่าว...กับทางหนังสือพิมพ์ ลองอ่านแล้วตีความดีๆนะครับ ส่วนอันที่ปฏิเสธจริงๆแบบชัดเจน ที่ผมเคยเห็นก็เป็นตามนั้นจริงๆนะครับ
โดย
atsu
จันทร์ มิ.ย. 06, 2011 8:25 pm
0
0
Re: THAIVI มอบหนังสือให้กระทรวงศึกษาธิการ 14 ธันวาคม 53
ขอบคุณทีมงานทุกคนด้วยครับที่ช่วยกันทำสิ่งดีๆให้สังคม ผมเชื่อว่าหนังสือทั้ง 3 เล่มที่บริจาคจะช่วนจุดประกายความคิดดีๆให้น้องๆหลายคนที่ได้มีโอกาสอ่าน เพราะผมเองก็มาลงทุนในหุ้นหลังจากอ่านหนังสือ 2 ใน 3 เล่มที่บริจาค :bow: :bow: :bow: ว่าแต่พี่ป้อมแกง่วงหรือครับ หลับตาจังตอนถ่ายรูป :mrgreen:
โดย
atsu
ศุกร์ เม.ย. 22, 2011 9:16 pm
0
0
Re: วอแรนต์ กับ หุ้นปั่น ความเสี่ยงต่างกันไหมครับ
หุ้นปั่นผมคงไม่พูดถึง แต่สำหรับวอร์แรนท์ ผมว่าขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการซื้อครับ ถ้าซื้อวอร์เพื่อเก็งกำไร ความเสี่ยงก็คงไม่ต่างกับหุ้นปั่น แต่สำหรับผม ถ้าเรา"ตั้งใจจะซื้อหุ้นแม่"อยู่แล้ว วอร์แรนท์ก็ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่เราควรเทียบดูราคา ก่อนที่จะตัดสินใจเคาะซื้อตัวแม่ เพราะบ่อยครั้งที่ราคาวอร์ก่อนหมดอายุจะมี discount จากราคาแม่ ล่าสุดที่ผมเพิ่งเจอก็คือ rs-w1 เมื่อปลายปีก่อน ตอนนั้นผมตั้งใจซื้อ rs แต่พอดูราคาวอร์แล้ว ปรากฎว่าถ้าซื้อวอร์แล้วไปแปลง ผมจะซื้อได้ถูกกว่าซื้อแม่ทันทีถึง 5% ไม่น้อยเลยนะครับ อีกกรณีที่วอร์จะช่วยให้เราได้เปรียบก็คือการ "จ่ายเงินน้อยๆซื้อวอร์ไว้ก่อนแล้วเอาเงินที่เหลือไปซื้อตัวอื่น" เช่นกรณี svi เมื่อประมาณปลายปี 52 ราคาหลังปันผลพิเศษเหลือประมาณ 2 บาท svi-w2 ตอนนั้นราคาแปลง 1 บาท ราคาวอร์ก็ 1 บาท คือราคาแม่ลูกเท่าๆกัน ตอนนั้นผมเลยขายแม่แล้วไปซื้อลูก "ด้วยจำนวนหุ้นที่เท่าเดิม" ทำให้ผมมีเงินเหลือไปซื้อหุ้นตัวอื่นที่อยากซื้อทันทีเลย โดยที่ผมยัง"ได้สิทธิ์ในการถือ svi" อยู่ผ่านทางวอร์ หลังจากนั้นผมมีเวลาอีกประมาณปีนึงครับ ก่อนที่ svi-w2 จะหมดอายุ แล้วผมค่อยขายหุ้นตัวอื่นเอาเงินมาแปลงเป็น svi จากกรณีที่ผมยกตัวอย่างมา ผมเชื่อว่าวอร์แรนท์มีประโยชน์มากกว่าที่หลายๆคนคิดครับ "ถ้าเราใช้มันให้เป็น" :mrgreen:
โดย
atsu
ศุกร์ เม.ย. 22, 2011 9:03 pm
0
0
Re: ส่วนลดจากระแสเงินสด หรือ discounted cash flow คืออะไรครั
ผมเคยเขียนบลอกเกี่ยวกับ DCF ไว้ สนใจไปอ่านได้ครับ http://reitertvi.wordpress.com/2011/02/28/dcf-made-easy-1/ :bow: :bow: :bow: บล็อกพี่ reiter สุดยอดเลยครับ ผมนั่งอ่านย้อนไปเรื่อยๆ เพลินเลยแป๊บเดียวหมดไปชั่วโมงแล้ว ขอบคุณมากๆครับสำหรับความรู้และแนวคิดที่แบ่งปัน
โดย
atsu
จันทร์ เม.ย. 04, 2011 1:23 pm
0
0
642 โพสต์
of 13
ต่อไป
ต่อไป
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
ชื่อล็อกอิน:
atsu
กลุ่ม:
สมาชิก
งานอดิเรก:
อ่านหนังสือ ดูหนัง
ความถนัด:
วิศวกร
ที่อยู่:
กรุงเทพฯ-เชียงใหม่(ไปๆมาๆ)
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
ศุกร์ ก.พ. 06, 2004 9:55 pm
ใช้งานล่าสุด:
จันทร์ ก.ค. 24, 2023 2:50 pm
โพสต์ทั้งหมด:
1220 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.06% จากโพสทั้งหมด / 0.16 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว