หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
Palm
Joined: พุธ ก.พ. 18, 2004 10:53 pm
64
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - Palm
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
ราคาทองจะไปถึงไหน:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ
แถมให้ครับ อันนี้เป็นมุมมองของ hedge fund อีกคน ชื่อjohn paulson ทำกำไรมหาศาลจาก วิกฤตเมื่อปีที่แล้ว http://online.wsj.com/article/SB10001424052748703574604574499740849179448.html?mod=WSJ_hpp_RIGHTTopCarousel ส่วนหนึ่งของบทความที่เกียวกับทองครับ As Mr. Paulson and others at his office discussed how much was being spent by the United States and other nations to rescue areas of the economy crippled by the financial collapse, he discovered his next targets, certain they were as doomed to collapse as subprime mortgages once had been: the U.S. dollar and other major currencies. Mr. Paulson made a calculation: The supply of dollars had expanded by 120% over several months. That surely would lead to a drop in its value, and an eventual surge in inflation. "What's the only asset that will hold value? It's got to be gold," Mr. Paulson argued. Paulson & Co. had never dabbled in gold, and had no currency experts. He was also one of many warming to gold investments, worrying some investors. Some investors withdrew money from the fund, pushing his assets down to $28 billion or so. Mr. Paulson acknowledged that his was a straightforward argument, but he paid the critics little heed. "Three or four years from now, people will ask why they didn't buy gold earlier," Mr. Paulson said. He purchased billions of dollars of gold investments. Betting against the dollar would be his new trade.
โดย
Palm
อาทิตย์ พ.ย. 01, 2009 8:49 pm
0
0
เงิน 9 ล้านเพื่อการเกษียณ ความร่ำรวยหรือความจำเป็น?
ถ้าอยู่ไปวันๆ โดยหาความสุขให้ตัวเอง แล้วไม่ทำให้ใครเดือดร้อนนี่มันผิดไหมครับ ผมเห็นคนหลายคนทีมุ่งหาความสำเร็จ เบียดเบียนคนรอบข้าง เจ้านายที่ด่าลูกน้อง เพื่อนร่วมงานที่หักหลังกัน investment firms ที่ใช้เงินของลูกค้ามาหาผลประโยชน์เข้าตัว หรือพวกที่เบาลงมาหน่อยก็ ทำงานจนเครียด ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง และคนรอบข้าง สูบบุหรี่ ไม่มีเวลาออกกำลังกาย มีลูกก็ต้องจ้างคนเลี้ยง ญาติป่วยก็ไม่มีเวลาไปเยี่ยม ทั้งหมดก็เพื่อความเก้าหน้าทางการงาน ผมไม่รู้จริงว่าคนที่อยู่ไปวันๆ นั้นแย่ะกว่าหรือไม่ ด้วยเหตุผลอะไร
โดย
Palm
เสาร์ ต.ค. 31, 2009 4:57 am
0
0
ขอความรู้ว่าด้วยเรื่องหุ้นตกกี่ % กองทุนต้องตั้งโปรแกรมขาย
ไม่มีกฎระเบียบชัดเจนหรอกครับ แต่หน้าที่ของfund managersคือเกาะindex ถ้ากองไหนที่มีต้นทุนสูง ช่วงที่หุ้นตกเยอะๆ เขาก็ต้องขายเพื่อไม่ให้มูลค่าหน่วยต่างจาก index มากเกินไป ยกตัวอย่างเช่นเหตุการหุ้นตกวันที่15Oct09 หนึ่งเดือนที่ผ่านมา set50วิ่งอยู่ที่ 510-540 ซึงเป็นต้นทุนของใครก็ตามที่ซื้อเข้าไปในช่วงนี้ พอตลาดวิ่งลงมาหลุด510ในวันที่10Oct ก็มีแต่orderขายลงมา จนลงไปต่ำสุดถึง 475จุด ถ้าให้ผมเดา ก็ประมาณ 5-10%cutloss pointนะ ขึ้นอยู่กับความกล้าหาญของfund manager ผมเดาสุ่มนะ อย่าเอาไปหาจังหวะทำเงินหล่ะ
โดย
Palm
เสาร์ ต.ค. 31, 2009 4:33 am
0
0
ขอแนะนำหนึ่งเล่มครับ
Fortune's Formula: The Untold Story of the Scientific Betting System That Beat the Casinos and Wall Street เป็นหนังสือเกี่ยวกับศาสตร์การพนัน (ลงทุน) สำหรับท่านที่มองว่าการเล่นหุ้นก็เป็นการพนันประเภทหนึ่ง หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงหลักการ พร้อมทั้งสูตรทางคณิตศาสตร์ที่จะทำให้portfoiloของคุณโตด้วยอัตราที่เร็วที่สุด นอกจากนี้ยังพูดถึงเรื่อง เล่นอย่างไรไม่ให้เจ๊ง และที่สำคัญที่สุด คุณควรเล่นหุ้นหรือไม่ หนังสืออ่านสนุก เต็มไปด้วย เรื่องราวประวัติศาสตร์ โยงเรื่อง information technology, Las Vegas, มหาลัยชั้นนำของโลก, มาเฟีย และการลงทุน เข้าด้วยกัน ลองหามาอ่านกันนะครับ
โดย
Palm
เสาร์ ต.ค. 31, 2009 3:54 am
0
0
ซื้อกองทุน FIF 2เด้ง เห็นๆ?
แก้ข่าวครับ จ่ายค่า management fee ต่อเดียวครับ ประมาณไม่เกิน2%ต่อปี แต่front end fee สูงตั้ง 2%
โดย
Palm
ศุกร์ เม.ย. 18, 2008 2:54 am
0
0
ถ้าต้องซื้อวันนี้ แล้วขายไม่ได้ไปอีก20ปี คุณจะซื้อหุ้นอะไร
สำหรับท่านที่ตอบว่าที่ดิน ผมมีคำถามต่อครับ ทำไมถึงแนะนำให้เป็นที่ตจว ไม่ใช่ใน กทม ส่วนอพาทเมนต์ ผมได้ยินว่าความเก่าและทรุดโทรม จะทำให้ราคาหมดไป อันนี้จริงเหรอเปล่าครับ ส่วนท่านอื่นๆ ขอบคุณสำหรับidea มากๆครับ สุดท้าย คุณส. สลึง ไอ้สอนหน่ะ ผมสอนเค้าแน่ แต่ถ้ากองทุนของเค้าไม่งอกเงย หรือติดลบ เค้าคงไม่ฟังผมแหงๆเลย
โดย
Palm
จันทร์ มี.ค. 31, 2008 2:14 am
0
0
ถ้าต้องซื้อวันนี้ แล้วขายไม่ได้ไปอีก20ปี คุณจะซื้อหุ้นอะไร
การฝึก บฝ. ประเภทนี้เป็นการ ฝึกให้มองยาวๆ และกล้าที่จะcommit กับสิ่งที่ตัวเองคิดและพูด ผมว่ามันสนุกดีนะ อย่างเช่นถ้าเรามองว่า สัดส่นประชากรไทยที่สูงอายุ จะมีมากขึ้นใน อีก15-20ปี ข้างหน้า ธุรกิจอะไรจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด ความจริงแล้ว Buffet ก็มีวิธีการมองธุรกิจที่เขาซื้อในลักษณะเช่นนี้นะ เขาชอบช็อกแลตHershey เหตุเพราะ มันอยู่กับสังคมอเมริกันมานานเป็น100ปี และเขาก็คิดว่ามันจะยังอยู่ไปอีกเรื่อยๆ เขาไม่betบนธุรกิจhigh techเหตุก้เพราะว่่า นึกไม่ออกว่าอีก10ปีข้างหน้า มันจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร jimmy Roger (เจ้าพ่อCommodity) ก็มีการมอง แนวโน้มใหญ่ (major supply/demand imbalance) ไปในอนาคตข้างหน้าเป็น 10ปีเช่นกัน การมองว่าคำถามนี้เป็นสิ่งที่ไม่practical หรือไม่สามารถเอามาปฏิบัติได้จริง ก็เหมือนกับ....การที่คุณไปเจอโจทย์เลขข้อหนึ่ง ที่ถามว่า โจทย์: ถ้าผู้ชายคนหนึ่งพายเรือด้วยความเร็ว x และกระแสน้ำมีแรงเท่ากับY จะใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะไปจากจุด a ถึง b ได้ แล้วคุณตอบว่า: โอย เดี๋ยวนี้มีใครเค้าพายเรือกันกันบ้างเล่า! สรุปง่ายๆคือมันผิดประเด็นหน่ะครับ ผิดเจตนาของโจทย์ที่ต้องการให้เราฝึกคิด ไม่ใช่วิจารญ์โจทย์ ถ้าคุณไม่มั่นใจในความคิดตัวเองจริงๆ ก็อาจตอบไปเป็นอุตสาหกรรมแทนก็ได้ ไม่ต้องลงลึกถึงตัวหุ้นหรอก หรือถ้ามั่นใจในตลาดทุน แต่ไม่กล้าเสี่ยง ก็เลือกindex fundก็ได้ แต่ถ้าไม่มีidea จริงๆ ก็ตอบว่าไม่รู้ก็ไม่ผิดกติกานะครับ แต่อย่าเลี่ยงไปตอบว่าเป็นไปไม่ได้
โดย
Palm
จันทร์ มี.ค. 31, 2008 1:44 am
0
0
ขอบคุณทุกๆcommentครับ
น่าสงสัย ทำไม SAUCE ถึงถูกพูดถึงบ่อยจัง
โดย
Palm
อาทิตย์ มี.ค. 30, 2008 12:21 am
0
0
เล่นด้วยครับ
การลงทุนต่างกับการพนันตรงที่...วิธีออกเสียง
โดย
Palm
ศุกร์ มี.ค. 28, 2008 11:43 pm
0
0
thank you khub
[email protected]
โดย
Palm
อาทิตย์ ธ.ค. 02, 2007 7:59 pm
0
0
ด้วยคนครับ
[email protected]
แท้งกิ้ว
โดย
Palm
พฤหัสฯ. พ.ค. 31, 2007 12:53 am
0
0
เรื่องของ ค่าคอมมิสชั่นใหม่ ?
เกือบซื้อBLSไปแล้ว โชคดีเงินหมด (มีไม่กี่ครั้งที่จะมีโอกาศได้พูดประโยคนี้) ผมเคยทำmodelโบรคอยู่ แล้วก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อเปิดเสรี (ต้นปีนี้) ค่าคอมจะเป็นเท่าไหร่ ผมก็เลยถามนักวิเคราะห์ท่านนึงที่coverบริษัทหลักทรัพย์อยู่ เธอบอกว่าค่าคอมยังไม่เปลี่ยนหรอก เพราะบริษัทส่วนใหญ่ยังไม่พร้อม ผมก็เชื่อเธอ เพราะเห็นว่าอยู่ในวงการ ที่ไหนได้....
โดย
Palm
จันทร์ ม.ค. 01, 2007 3:27 pm
0
0
jan effect07
วันนี้ดูที่วีฝรั่ง เห็นเขาบอกว่ามี Santa Clause Effect (ช่วงหลังchristmas จนถึงวันที่2 ของเดือน January) ผมไปลองcheckดู ตลาดบ้านเราก็มีด้วยครับ นึกว่าจะมีแต่ สิงหไตรภพeffect ซะอีก
โดย
Palm
ศุกร์ ธ.ค. 22, 2006 4:21 pm
0
0
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ สอนอะไรเราได้บ้าง
สอนให้รู้ว่าราคาfloorของหุ้นตัวที่ผมเล็งอยู่เป็นเท่าไหร่ครับ ผมว่าวันอังคารเป้นโอกาศพิเศษที่โชว์กึ๋นของหุ้นหลายๆตัวเลยครับ
โดย
Palm
พฤหัสฯ. ธ.ค. 21, 2006 2:35 pm
0
0
คำถามนี้น่าสนใจ
ไม่แน่นอนหรอกครับ ว่าจะโต 10% ผมดูจากแนวโน้มการเติบโตของแต่ละส่วนธุรกิจในอดีตหน่ะครับ Growth Rate 2,004 2,005 LTM 2006 Exhibition 1% -11% 13% Event Mkt 96% 18% 24% Museum 64% 73% 96% Printing 48% -14% 66% Other 2527% 60% 29% Core Revenue 43% 12% 33% แล้วก็อย่างที่บอก ธุรกิจอีเวน มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เป็นทีเป็นที่นิยมก็เพราะเป็นเครื่องมือการตลาดที่ได้ผลแบบจับต้องได้จริงๆ บริษัทหลายๆแห่งจึงเลือกใช้ ส่วนที่โต5%นั้น ผมแค่ให้โตตามเศรฐกิจของประเทศไทยเท่านั้นเอง ทีนี้ถ้าจะตอบคำถามให้ชัดๆ ก็ขอตอบด้วยวิธีนี้ละกัน ผมอยากให้ดูRangeของมูลค่าแท้จริง ที่แปรผกผันไปกับอัตราการเติบโต แล้วอยากให้พวกเรามาFocusกันที่ความความสามารถในการเติบโตของบริษัทกัน ถ้าธุรกิจไม่โตเลยตลอดไป มูลค่าแท้จริงจะอยู่ที่ 2.87บาท จะมองราคานี้ว่าเป็นfloorก็ได้ ส่วนราคาปัจจุบัน ที่3.4บาท ถ้าคำนวนย้อนกลับ จะแปลว่าตลาดคาดว่าหุ้นตัวนี้จะโต 3%:2% (ระยะสั้น:ระยะยาว) ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำมาก ผมว่านะ ถ้าโต 5%:2% มูลค่าแท้จริงอยู่ที่ 3.86บาท ถ้าโต 10%:5% (ที่คำนวนตอนแรก) จะอยู่ที่ 5.46บาท ทีนี้ก้ขึ้นอยู่กับjudgementของเราว่า ความสามารถในการเติบโตของธุรกิจนี้จะเป็นเท่าไหร่ ใครมีinputเพิ่มเติมก็บอกกันเข้ามานะครับ ผมจะได้เอาเข้าไปประกอบในmodel แล้วเอามา update ให้ดูกัน
โดย
Palm
พุธ ก.ย. 27, 2006 2:11 am
0
0
ออกตัว
ขอออกตัวไว้ก่อนว่าผมถือตัวนี้อยู่ด้วย ผมมีอยู่มากกว่า20% ในPort และมีต้นทุนอยู่ที่ 2.08 บาทครับ
โดย
Palm
อังคาร ก.ย. 26, 2006 11:06 am
0
0
Pico Valuation
ผมให้ ยอดขายของ Picoโต10% ไปอีก 5ปี จากนั้นอัตราการเติบโตก็ตกลงมาอยู่ที่5% (เท่าๆกับประเทศไทย) 10%ดูแล้วไม่ใช่เรื่องยากดูจากผลงานในอดีต (picoโต 19%ต่อปี ใน4 ปีที่ผ่านมา) และกระแสการใช้event marketing ในปัจจุบัน ส่วนอัตรากำไร ผมให้ Gross margin 25%, Net margin 6% ส่วน Discount Rate ผมให้ 15.5% เป็นอย่างต่ำ มูลค่าแท้จริงอยู่ที่ 5.30บาทครับ ใครมีความรู้เพิ่มเติมของ pico ก็มาเล่าให้ฟังกันนะครับ
โดย
Palm
อังคาร ก.ย. 26, 2006 11:03 am
0
0
Pico ต่อ
3 Operating Cashflow เป็นบวก ถึงแม้จะโตอย่างรวดเร็ว Year 2003 2004 2005 2006 Net Income 30 41 41 53 Operatign Cash Flow 36 2 70 52 Free Cashflow 30 -4.7 59 22 4 Investments หลักของธูรกิจอยู่ใน working capital (mostly customer financing) ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่หมุนเร็ว แถมยังดีลกับลค. รายใหญ่ โอกาศที่ลค.จะเจ๊ง แล้วปิดหนีต่ำ 5 ไม่มีหนี้ (ตามสไตล์value investor) Cash เพียบ เงินสด/ต่อหุ้น0.78บาท ต่อราคา 3.30 บาท
โดย
Palm
อังคาร ก.ย. 26, 2006 10:49 am
0
0
ช่วยด้วย
ใครพอจะทราบวิธี update FILE eps 12 ปีมั่งครับ ผมอยากจะ update ข้อมูล financial data นะครับ ไม่ใช่ price data ขอบคุณล่วงหน้าครับ
โดย
Palm
ศุกร์ เม.ย. 14, 2006 2:27 am
0
0
Value Index ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่
ถูกต้องเลยครับ คุณRoger คือการปั่นแปะโดยการถ่วงเหรียญหน่ะครับ และผมเห็นด้วยว่าต้องระวัง เพราะว่าถึงแม้จะถ่วงด้านหัวก็ตาม โอกาศออกเป็นก้อยก็ยังมี สิ่งที่ผมแสดงให้ดูใน Simulation คือการโยนเหรียญ 1,000 ครั้ง แล้วสรุปว่า เหรียญที่ถ่วงด้วยวิธีของผมนั้น(low p/b) ให้ abnormal return (เหนือตลาด) ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ก็คือการศึกษาความน่าจะเป็น ซึ่งถ้าเปรียบทียบกันแล้ว ก็ไม่ต่างจากขติของ VI เช่น VIมักมองหาหุ้นที่มีกระแสเงินสดเป็นบวก นี่ก็เป็นการพนันบนความน่าจะเป็นเช่นกัน ถ้าผมเข้าใจเจตนาของคุณRogerไม่ผิด คุณคงกลัวว่าสิ่งที่ผมเอามาบอกนั้นเป็นอันตราย โดยเฉพาะกับน้องๆ ที่ยังไม่มีประสพการณ์การลงทุน แล้วเข้าใจผิด คิดว่านี่เป็นวิธีหาเงินง่ายๆ ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ของบอกไว้ตรงนี้เลยว่าให้เชื่อ คุณRoger ที่ว่าต้องระวัง เวลามีใครมา claim วิธีเอาชนะตลาด (แบบผม) ขอให้อย่ารีบเชื่อ โดยไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้เสียก่อน ทีนี้ผมขอวิจารญ์การศึกษาของผมเลยนะครับ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกัน 1.) ไม่เป็น Academic: นี่ไม่ใช่ thesis ของ นักศึกษาป. เอก เพราะฉนั้น เนื้อหาจึงไม่ได้รับการverify จากexpert 2.) ไม่ scientific: เนื่องจากข้อมูลของผมได้มาจาก source ของที่นี่ (12 year EPS) ข้อมูลเลยไม่ถูก verify 3.) ข้อมูลย้อนหลังไม่มากพอ: ถ้าจะให้ถูกต้อง ผมควรมีข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ SET เปิดตลาด 4.) ผลการศึกษาอาจเป็นอันตราย: สิ่งที่ผม Claimนั้น ค่อนข้างน่ากลัว ลองมาคิดกัน "ผมสามารถเอาชนะตลาดได้ ถึง 5%, ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า และ สามารถให้ผลตอบแทนได้ถึง 20% ต่อปี โดยไม่ต้องรู้จักแม้กระทั่งหุ้นที่ผมซื้อเลยซักตัว" นี่เป็นการ claim ที่อันตรายนะ ในความคิดของผม ถ้าคิดถึง เหล่า Money Manager, นักวิเคราะห์, รวมถึงพวกเราที่นี่ที่ทุ่มเวลา ความรู้ ความสามารถ ในการพยายามทำความเข้าใจกับหุ้นแต่ละตัว ผมว่าวิธีของผมนั้น "ฟังเหมือนโฆษณาชวนเชื่อ" มากกว่า เป็นการยากที่จะทำใจรับได้ว่าว่าวิธีง่ายจะเอาชนะตลาดได้ สุดท้ายนี้อยากจะฝากให้คิดเล่น แต่ถ้าการศึกษาของผมสามารถverifyได้ขึ้นมาหล่ะ?
โดย
Palm
ศุกร์ เม.ย. 14, 2006 2:20 am
0
0
EFFECT ของปี
ผมนั่งเถียงกับเพื่อนอยู่พักใหญ่ เรื่องการศึกษา "effect ของปีต่อinvestment strategy" (เช่น ถ้าตลาดกำลังจะ Bull ให้ใช้วิธีนี้ ถ้าตลาดจะ bear ให้ใช้อีกวิธี) ตามความเห็นของผม ปีไม่ควรนำมาเป็นfactorเพราะว่าเราไม่สามารถบอกได้ว่าปีหน้าตลาดจะ Bull หรือ Bear Trading rule ที่ดีคือคุณสามารถทำตามได้โดยไม่ต้องใช้ความสามารถในการคาดการณ์ตลาดเลย การศึกษาของผมที่รวมdataของ10ปี ก็เพื่อที่จะครอบคลุม market behavior ทั้ง Economic Cycle อย่างไรก็ดี มีคนจำนวนมากพอที่ผมคุยด้วยที่เห็นว่าควรดู effect ของปีด้วย เพราะฉนั้น ผมเลยทำมาให้ดู ท่านที่มีประสพการณ์การลงทุนในช่วงปีเหล่านี้ ช่วยมาshare ด้วยนะครับว่า ในช่วงปีไหน เกิดอะไรขึ้นกับตลาด เพื่อให้การอ่าน chart นี้มี insight มากขึ้น SET Low P/B (50percentile) 1995 -13% -15% 1996 -23% -15% 1997 -45% -48% 1998 20% 36% 1999 59% 75% 2000 -2% 7% 2001 37% 46% 2002 37% 52% 2003 98% 94% 2004 -8% 3% 2005 -1% 2% Average 14% 22% ช่วง11ปีที่ผ่านมา low p/b port แพ้set index ในปี 1995, 1997, และ 2003 ท่านไหนมี insight ดีๆว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงปีเหล่านั้นก็ช่วย share ด้วยนะครับ ทีนี้เรามา focus ที่ ค่าเฉลี่ยกัน ผมจะแยก effect ของปีให้ดูนะครับ ว่า ค่าเฉลี่ยของตลาดที่พวกเราเห็นว่าเป็น 14% นั้น ปีไหนมีส่วนรับผิดชอบ (contribution) กี่ % ของตลาด (14%) ContributionToVariance 2003 23.20% 1998 18.80% 1999 16.40% 2002 10.10% 2000 7.80% 2001 7.50% 1996 3.70% 2005 3.40% 1997 3.30% 2004 3.20% 1995 2.40% ของ low p/b stocks (22%) 1998 low 23% 2003 low 22% 1999 low 18% 2002 low 9% 2001 low 7% 2000 low 7% 2004 low 6% 2005 low 5% 1996 low 1% 1997 low 1% 1995 low 0% อย่างที่เห็นครับ ปีที่ส่งผมบวก(influence)ให้ set index มากที่สุด คือ 2003 แต่ ปีที่ส่งผลบวก(influence)ให้ low p/b มากที่สุด กลับเป็นปี 1998 เพราะฉนั้นถ้าจะตอบคำถามแบบขวานผ่าซากเลย ก็จะตอบว่า ไม่ low p/b ไม่สามารถเอาชนะ set ได้ในทุกๆปีครับ ดูเหมือนว่า Set จะได้ประโยชน์มากที่สุดในปี 2003 ในขณะที่ low p/b จะได้ประโยชน์มากที่สุดในช่วงปี 1998 ตอบเรื่อง holding period ของคุณHVI น่าเสียดายครับที่Dataของผมมีจำกัด ไม่เช่นนั้นการ ใช้holding period เป็น variable นั้นน่าทำมากๆครับ ตอบเรื่องกำจัด survivor bias ผมพูดผิดไปหน่ะครับ ควรจะกลับกันมากกว่า เนื่องจากเราสร้าง Equally-Weighted Index ผมเลยต้อง หาทางกำจัด Survivor Bias มากกว่า ขออภัยที่ทำให้เกิดความสับสนครับ (SET indexปรกตินั้นได้หักลบบริษัทที่ถูก delisted ไปแล้ว แต่ equally-weighted SET ของผมมีsurvivor biasอยู่)
โดย
Palm
พฤหัสฯ. เม.ย. 13, 2006 11:39 pm
0
0
ตอบคำถาม
เมื่อกี้ได้บ่นแล้วที่นี้ขอตอบคำถามบ้างนะครับ ก่อนอีนเลย ต้องขอติดค้างท่านที่อยากได้fileนะครับ ขอผม clean up และจัดการมัน ให้คนอื่นทำความเข้าใจได้ก่อน เสร็จแล้วจะส่งให้แน่นอนครับ ตอบคุณROGER ผมว่ากระทู้แรกของผมตอบคำถามนี้แล้วนะครับ กระทู้แรกไม่ได้เกิดจาก simulation แต่เป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง ในช่วง 11ปีที่ผ่านมา เพราะฉนั้น low p/b portของผมซึ่งเริ่มในปี 1994 ก็ซื้อตอน all time high เหมือนกัน ถ้าลองไปดูตอนปีที่set bottom down ในปี1997 low P/B port ก็ hit bottom เหมือนกัน แต่ไม่หนักเท่าset ผมว่าการเทียบแบบนี้ fairนะครับ ตอบคุณoffshore-engineer ถ้าใครหาข้อมูล 30ปีให้ผมได้ ผมจะทำการศึกษานี้ให้ใหม่ ตอบคุณสุมาอี้ P/E ในช่วง crisis (1997-1999) ปิดเบือนมาก ประมาณว่าครึ่งหนึ่งของ บ.จด ทะเบียนมีผมขาดทุน ถ้าจะทำให้ดูก็ได้ครับ แต่ผลจะออกมาบิดเบือน ผมเลยไม่ได้ทำ หน่ะครับ ตอบคุณHVI ที่ต้องใช้ equally-weighted เพราะ 1.) นี่เป็นการดูความสามารถในการแยกหุ้นที่perform โดยใช้ค่าP/B ค่าเดียว ถ้าเราใช้ weighted index แสดงว่ามีปัจจัย size เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย ซึ่งเราอยากจะกำจัดมันออกไปหน่ะครับ 2.) เหตุผลทางด้านเปรียบเทียบกับดัชนีsetครับ ผมต้องสร้าง ดัชนีset ใหม่เพื่อกำจัด survivor bias 3.) แล้วอีกอย่างหนึ่ง ถามองว่านี่เป็นเทคนิคการลงทุน equal-weighted portfolio จัดการง่ายดีด้วยครับ ใช้ percentile เป็นvariable นั้นน่าสนใจครับ จริงๆแล้วผมทำไว้แล้วแต่ติดปัญหาเรื่องการassumeว่าบริษัทที่มีp/b ระดับไหนที่เจ๊ง กล่าวคือ ผมมีข้อมูลรวมว่าแต่ละปีมีบ. ที่เจ๊งกี่เจ้า แต่ไม่มีข้อมูลว่าตอนที่เจ๊งหน่ะ trade อยู่ที่ P/B เท่าไหร่ ผมเลยnarrow down p/b range ไปไม่ได้มาก เท่าที่ลองดูบอกได้แต่เพียงว่า ที่ 25 percentile ผลออกมาได้ abnormal return สูงกว่า ที่ 50 percentile ครับ
โดย
Palm
อังคาร เม.ย. 11, 2006 9:09 pm
0
0
บ่น
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับกำลังใจและความสนใจครับ พูดถึงเรื่องการทำวิจัยกับตลาดบ้านเราแล้วขอระบายความในใจหน่อยนะครับ ผมขอออกตัวก่อนว่าเนี่เป้นประสพการณ์ส่วนตัว ถ้าท่านใดมีความเห็นเป็นอย่างอื่นก็ชี้แจงได้นะครับ ผมเริ่มทำการศีกษานี้มาซักพักนึงแล้ว ส่วนที่ยากที่สุดคือการหาข้อมูลย้อนหลัง ผมเคยพูดคุยกับเพื่อนที่เป็นนักวิจัย ป.เอกท่านหนึ่ง เค้าก็เจอปัญหาแบบเดียวกัน ผมมีbroker อยู่สองที่ ไม่มีที่ไหนเลยที่สามารถให้ข้อมูลนี้ได้ ไม่ใช่ให้ไม่ได้เพราะว่าเป็นข้อมูลลับนะครับ แต่เขาเองก็ไม่มีจะให้ ผมเคยมีโอกาศได้ทำงานใกล้ชิดกับBroker ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ในแผนกวิจัยของเขาเองก็ไม่มีข้อมูลพื้นๆเหล่านี้ ผมไม่เข้าใจว่าพวกเรา(รายย่อย)ซื้อขายกันวันละเป็นหมื่นล้านได้อย่างไรโดยมีข้อมูลที่จำกัดขนาดนี้ (สงสัยจะเป็น insider trade ซักครึ่งนึง) ที่น่าเคร้ากว่านั้นก็คือตลท.เอง มีข้อมูลเหล่านี้อยู่ในมือ แต่ไม่ยอมเผิยแพร่ให้เรา ผมมึนมากๆเลยกับบริการsetsmart เขา ขาย ข้อมูลให้เราครับ คุณว่าการที่ตลท.ขายข้อมูลให้เรา ไม่เหมือนกับการที่เต้นท์รถยนต์ขายข้อมูลรถในเต้นท์ให้ลูกค้าตัวเองเหรอ ยังไม่พอครับ เขาแบ่งระดับข้อมูลออกเป็นสามระดับ ถ้าจะเข้าไปdownloadข้อมูลปัจจุบัน เสีย500บาท แต่ถ้าจะเอาข้อมูลย้อนหลังไปมากๆ เขาคิด20,000บาท ผมถามเขาว่าราคานี้ไม่มีรายย่อยคนไหนซื้อได้หรอก เขาบอกว่า ถูกเผงเลย เราตั้งราคานี้เพื่อให้นักลงทุนสถาบัน! แปลว่าอะไรครับ สร้างความได้เปรียบให้สถาบันเหรอ ถ้าเจตนารมณ์ของตลท. คือการพัฒนาตลาดทุนของเรา ไม่ต้องไปจัดหรอกครับ ไอ้วัน"ลูกหมูออมทรัพย์"นั่นหน่ะ แล้วก็จูงมือBrokers เข้าไปเปิดบูทธ์หาลูกค้า เอาข้อมูลที่เป็นของสาธารณะมาให้นักลงทุนรายย่อยดีกว่า ปากก็บอกว่าอย่าเป็นแมงเม่านะ ให้ศึกษาข้อมูลก่อน แต่มือกับไขว้ไว้ข้างหลัง ที่น่ายินดีคือ (หรือน่าเศร้าก็ไม่รู้) ผมได้ข้อมุลที่มีค่าเหล่านี้จากที่นี่ครับ ที่กระทู้ของพี่ครรชิต (ขอขอบคุณพี่ กับทีมงาน ThaiVI อีกครั้ง) สุดท้ายนี้ ผมอยากให้ความเห็นของผมเป็นการวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ นะครับ
โดย
Palm
อังคาร เม.ย. 11, 2006 8:17 pm
0
0
ตอบคำถาม
คุณhongvalue Low P/B ใช้กฎ percentile ครับ (ให้หุ้นยีนแถวเรียงหนึ่งตามลำดับไหล่ แล้วเอาคนที่เตี้ยที่สุด 50% แรกออกมาครับ) แล้วก็ใช้ P/B ปลายปีเพราะไม่มีข้อมูลP/B เฉลี่ย Small/big cap ก็ใช้ percentile เหมือนกัน Sharpe ratio = (Rm-Rf)/SD Rm = return of the portfolio Rf = risk free rate (here i used 1 year return from BOT) SD = standard deviation of the portfolio's return เรื่องFILE ขอผมclean up ซักหน่อย เพราะตอนนี้ดูไม่รู้เรื่องครับ คุณสุมาอี้ เข้าใจถูกแล้วครับ เป็นวิธีการให้computer สุ่มเหตุการณ์หลายพันครั้งเพื่อศึกษาความน่าจะเป็นและความเสี่ยง คุณสามัญชน น่าลองครับ ขอขอบคุณทุกคนสำหรับคำแนะนำ และความสนใจครับ Palm
โดย
Palm
จันทร์ เม.ย. 10, 2006 6:25 pm
0
0
Value Index ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่
ชอบคนที่นี่ครับ ประทับใจในความรู้และความเข้าใจในเรื่องลงทุน ที่นี้สำหรับคำถาม 4 ชั่วโมง (ใช้เวลา 4 ชั่วโมงในการแก้) ต้องขอคาราวะคุณ CK ว่าสายตาแหลมคมจริงๆ แน่นอนครับ ความโลภและความกลัวส่งผลลบต่อportแน่นอน ถ้าโลภมากก็ยอมซื้อแพง ถ้าใจแข็งพอ ก็ได้ราคาดี (ทำได้โดย ทุกๆ 7โมงเช้าของวันทำการ ก็ตื่นขึ้นมาตั้งราคารอไว้) ที่นี้เรามาดูกันว่าค่าความโลภควรเป็นเท่าไหร่ดี คุณ JayChou ให้ไว้ 3-5% ซึ่งก็สมเหตุสมผลทีเดียว ผมลองให้ 7% เลย แถม10%ให้ด้วย วิธี:ผมนำคำแนะนำของคุณ CK and JayChou มาผสมกัน กฎเกณฑ์คือดังนี้ 10 percentile ของport จะต้องfactorค่าความโลภเข้าไป (Greed factor) G factor ที่ X% คือจะต้องซื้อที่ราคาสูงกว่าตลาด X% และขายต่ำกว่าตลาดX% ที่นี้ผลละ G Factor Average Return 0% 22.7% 3% 21.6% 5% 20.8% 7% 20.3% 10% 19.2% อย่างที่เห็นครับ liquidity มีผลต่อportของผมจริงๆ ถ้าหุ้นมีLiquidityต่ำ แล้วผมใจร้อน ยอมbidขึ้นไป แน่นอน returnย่อมลดลง แต่ถ้าถามว่า liquidityจะลบล้างกำไรเหนือตลาด (abnormal return) ของportหรือเปล่า ตัวเลขข้างบนบอกว่าไม่ครับ ต่อให้ผมยอม bid up 10% และ ask ต่ำกว่าราคาตลาด 10% สำหรับหุ้นที่ไม่มีvolume (ในที่นี้ คือหุ้น low p/b 10 percentile) กำไรก็ยังอยู่ที่แถวๆ 19% เพราะฉนั้น ผมยังยืนยันว่าstrategyนี้ให้ abnormal return เหนือตลาดครับ ทีนี้เรื่อง technical บ้าง 1.) ค่าreturnข้างบนเป็น ค่าmeanของlow p/b universe ไม่ใช่ผลจากsimulation เพราะฉนั้น ค่าอาจคลาดเคลื่อนไปได้ ประมาณคร่าว +/- 1-1.5%. ที่ผมไม่สามารถrun simulation ได้เพราะมันกินเวลามาก แล้วอีกอย่าง mean return ก็ให้ค่าประมาณการที่ดีแล้ว ไม่ค่อย off เท่าไหร่ 2.) สมมุตติฐานว่าหุ้นที่ percentileเท่าไหร่ ถึงจะต้อง factor in G ratio นั้นเป็นการสุ่มอย่างมีสติ แต่ไม่ได้อิงจากข้อมูลตลาดจริง อาจจะแค่ 5 หรือ อาจ จะ 12 percentile หรืออาจจะ ไม่มีความสำพันระหว่าง P/B and Liquidity ก็ได้ เอาเป็นว่า 10 percentile จะไม่มี Liquidityเลย จึงต้องยอมเสียราคาเพื่อซื้อหุ้นนั้น เป็นสมมุติฐานที่conservative แล้วครับ ตามความคิดของผม
โดย
Palm
จันทร์ เม.ย. 10, 2006 6:06 pm
0
0
Value Index ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่
ทีนี้มาดูlow P/B strategyกัน สำหรับคนที่ไม่รู้จัก Monte Carloนะครับ ( ใครเปรี้ยวเรื่องนี้ ช่วยผมอธิบายด้วยนะ ) ถ้ารู้เรื่องอยู่แล้ว หรือไม่สนให้ข้ามไปอ่านผลการศึกษาเลย นี่คือวิธีการสุ่มซื้อหุ้นที่มีลักษณะที่เราต้องการศึกษา (ในที่นี้ low P/B) โดยการสร้าง port ขี้น 1,000port แล้วเราก็หาค่าเฉลี่ยจาก 1,000 ตัวอย่างนั้น ให้นึกภาพนี้นะครับ ผมมีกล่องอยู่หนึ่งกล่อง ข้างในมีลูกปิงปองอยู่ จำนวนเท่าไหร่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามีอยู่สองสี ผมถามคุณว่า มีสัดส่วนของสีขาวต่อดำเป็นเท่าไหร่ โดยห้ามคุณเปิดกล่องดู คุณสามารถล้วงเข้าไปหยิบได้ทีละลูก แต่ต้องหย่อนคืนทุกครั้ง ถามว่าคุณจะรู้ได้ไหมว่าสัดส่วนของขาวกับดำเป็นเท่าไหร่ คุณตอบได้ถ้าคุณหยิบลูกบอลบ่อยๆ ยิ่งบ่อยมากคุณก็ยิ่ง 'เห็น'สัดส่วนของสีของลูกบอลในกล่อง สิ่งที่ผมทำก็เหมือนกันครับ ผมสุ่มสร้างport หลายๆ เพื่อให้เรา'เห็น'ความน่าจะเป็นของ trading strategy นี้ ผลการศึกษา Simulation Result ระยะเวลา 1 ปี(ซื้อต้นปี ขายยก portปลายปี) Statistic Total Market Low P/B (equally weighted) (50 Percentile) Trials 1,000 1,000 Mean 11% 21% Median 11% 22% Standard Deviation 11% 12% Sharpe Ratio 0.45 1.25 Chance of loss 18% 4% 1.)returnชนะตลาด: สรุปว่าstrategyนี้ให้ผลลัพท์การลงทุนที่มีค่าเฉลี่ย 21%ต่อปี (หมายเหตุ ข้อมูลของผมที่กระทู้แรก อยู่ที่ 19% นี่หมายความว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจริงใน 10ปีที่ผ่านมานี้confirmตัวเลข 21%นะครับ) 2.)ความเสี่ยงน้อยกว่าตลาด: 2.1) Standard Deviation(ความผันผวน) ของport ของผมน้อยกว่าของตลาดอีก 2.2) โอกาศที่จะขาดทุนต่อปี ของตลาด 18% ของผม 4% 2.3) อัตตรากำไรต่อความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น (Sharpe Ratio)สูงกว่า (เพราะกำไรสูงกว่าแต่ความเสี่ยงตำกว่า) 3.) ข้อนี้ค่อนข้างtechnicalหน่อย port ผม เบี้ยวไปทางซ้าย(ขอย้ำว่าport) หมายความว่า จะมีหุ้นบางตัวที่ขาดทุนมาก (เช่นเข้าrehabco หรือโดนถอดออกจากตลาด) ในขณะที่หุ้นจำนวนมากกว่าจะกำไร สรุปการศึกษานี้ (ไม่ใช่ผมนะ) บอกว่าไม่ต้องเหนื่อยวิเคราะห์งบ ลุ้นผลประกอบการ อ่านนสพ ต่อว่าBroker ก็ได้ผลการลงทุนที่Money managers ทั้งหลายอิจฉา "dumb strategy doesn't mean dumb money" PS: ผมเองก็ยังไม่อยากเชื่อเลย เพราะมันฟังดูดีเกินไป แต่ผมค้านตัวเองไม่ออกถ้าใครอยากค้านการศีกษานี้ ผมยินดีนะครับ จะขอfileไปดูก็ได้ เราจะได้เรียนรู้ตลาดของเราเพิ่มขึ้น
โดย
Palm
จันทร์ เม.ย. 10, 2006 12:51 pm
0
0
Value Index ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่
ขอบคุณที่แสดงความสนใจครับ ก่อนที่จะเข้าเรื่องsimulation ผมมีการศึกษาอีกสองตัว คือP/S and Small/Mid/Large Cap stock returns ใช้วิธีการเดียวกับP/B ผลออกมาน่าสนใจเช่นกันครับ (ผมยังไม่ได้ดูปันผลเพราะยังไม่เห็นว่าจะเพิ่มมูลค่าให้ port ได้อย่างไร ถ้ามีเหตุผลดีๆมาsupport ผมจะทำให้ครับ-คุณวัวแดง) Price/sales index Low PS High PS 1994 100.00 100.00 1995 85.87 87.05 1996 75.58 58.59 1997 52.11 31.66 1998 72.15 29.13 1999 136.50 40.91 2000 170.05 30.99 2001 243.35 38.67 2002 348.29 46.99 2003 595.23 81.38 2004 565.69 65.03 2005 545.60 60.65 Size index Year Small Mid Large Cap 1994 100 100 100 1995 88 82 91 1996 72 67 63 1997 48 43 33 1998 50 46 34 1999 89 69 50 2000 95 71 36 2001 140 94 42 2002 203 119 51 2003 331 208 90 2004 331 170 72 2005 336 145 57 อย่างที่เห็นครับ การใช้screeningตัวอื่นก็ให้ผลลัพท์ที่outperformตลาดได้เหมือนกัน แต่ว่าไม่ดีเท่าP/B ที่น่าสังเกตุคือ Large Cap รั้งท้ายเลย ทั้งๆที่เราได้ยินนักวิเคราะห์บางท่านเชียร์กันอยู่ทุกๆเช้า!
โดย
Palm
จันทร์ เม.ย. 10, 2006 11:48 am
0
0
50% นี่หมายถึง P/B=0.5 เหรอ
50% นี่หมายถึง P/B=0.5 เหรอ 50 percentile ครับ นี่คือ P/B ที่50 percentile ในแต่ละปี PB 94 1.57 PB 95 1.20 PB 96 0.89 PB 97 0.53 PB 98 0.53 PB 99 0.63 PB 00 0.57 PB 01 0.73 PB 02 0.91 PB 03 1.63 PB 04 1.29 PB 05 1.05
โดย
Palm
จันทร์ เม.ย. 10, 2006 11:09 am
0
0
Potential Asset Play List
จริงของคุณChatchai แฮะ และผมเห็นด้วยว่าเราต้องดูลงไปเป็นรายบริษัท อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่า Listนี่น่าจะช่วยให้การควานหา แคบลงได้ครับ
โดย
Palm
พฤหัสฯ. มิ.ย. 24, 2004 4:46 pm
0
0
Potential Asset Play List
Postยังไงดี อ่านไม่รู้เรื่องเลย
โดย
Palm
พฤหัสฯ. มิ.ย. 24, 2004 3:31 pm
0
0
พี่ครรชิตหาข้อมูล10ปีของ บจ. มาจากไหน
หมายความว่าพี่ค่อยๆสะสมข้อมูลเพื่อสร้าง Databaseของตัวเองหรือครับ? ถ้าอย่างนั้น พี่ก็ไม่ได้มีข้อมูลของทุกตัวใช่หรือเปล่าครับ? (เหตุที่ผมสนใจข้อมูลของทุกบริษัท เพราะผมจะศึกษา Industry ด้วยหน่ะครับ) ปล. ผมเป็นน้อง SET 2ปีครับ
โดย
Palm
พฤหัสฯ. มิ.ย. 24, 2004 3:16 pm
0
0
ไม่มีใครพูดถึง singer กันเลยนะครับ...
ใครทราบประวัตศาสตร์ของ Singerบ้างครับ ผมเห็นตัวเลขของพี่ครรชิตแล้ว เห็นว่าช่วงปี96บริษัทลดขนาดลงมาตั้งครึ่งนึง (ยอดขาย) แล้วก็ลดทุนอีก ใครรู้backgroundก็เล่าให้ฟังด้วยนะครับ
โดย
Palm
พฤหัสฯ. มิ.ย. 24, 2004 1:00 am
0
0
หุ้น pico น่าสนหรือเปล่า เห็นโบกเชียร์
ปล. Inkjet เป็นชื่อบริษัทย่อยนะครับ
โดย
Palm
ศุกร์ มิ.ย. 18, 2004 12:53 am
0
0
หุ้น pico น่าสนหรือเปล่า เห็นโบกเชียร์
ออ๋ ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมว่าความเห็นส่วนใหญ่ในหลายๆกระทู่ของคุณเข้าท่าดี และคุณก็ยังเปรียบเทียบกับ case ของ Royอีก ก็เลยอยากให้ตอบนะครับ
โดย
Palm
ศุกร์ มิ.ย. 18, 2004 12:40 am
0
0
หุ้น pico น่าสนหรือเปล่า เห็นโบกเชียร์
ผมซื้อตอน 3.68 ก็เพราะเหตุผลทางตัวเลขที่ดูกันอยู่นี่แหละครับ พอกำลังจะเพิ่ม position ที่ 4 บาท แล้วจะถือซัก2-3ปี ดู ก็เลยทำการบ้านเพิ่ม แล้วไปเจอข้อมูลอยู่นิดหน่อย แต่ยอบรับว่าไม่รู้ว่าควรจะแปลว่าอย่างไรดี 1) 10วันก่อน IPO มีการเพิ่มทุนอีก 30 ลบ. (จากเดิม 15ลบ. รวมเป็น 45ลบ.) ของผู้ถือหุ้นเดิมที่ราคา 1 บาท หลังจากนั้นก็เป็นที่รู้ๆ กัน บริษัทขาย IPO ที่ 6.25 บาท 20ล้านหุ้น 2.) บริษัทได้ซื้อ บริษัทInkjet ที่ราคาBook มาจาก ผู้บริหารคนนึง ซื่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ด้วย (25%) 3.) ผู้บริหารท่านนี้ยังได้ใช้เงินส่วนตัวให้บริษัทกู้ (ดอก3%) อย่างที่บอกครับ ผมไม่สามารถบอกได้ว่านี่เป็นสัญญาณไม่ดีหรือเปล่า หรือtransactionข้างบนนี้เป็นเรื่องปรกติ ใครๆก็ทำกัน ใหรมีความเห็นก็เอามาแชร์นะครับ โดยเฉพาะคุณ CK.
โดย
Palm
พฤหัสฯ. มิ.ย. 17, 2004 11:58 pm
0
0
Staไตรมาส2และ3จะเปลี่ยนไปจากทุกปีหรือไม่
แนะนำด้วยครับ ถือตั้งแต่ปีที่แล้วๆ ตอนนี้กำไรอยู่นิดหน่อย ควรทำอย่างไรดีครับ ถือต่อหรือขายเลย คุณ LGS มีมุมมองอะไรของSTAมาแชร์หรือครับ
โดย
Palm
พฤหัสฯ. มิ.ย. 17, 2004 11:41 pm
0
0
Asset Play?
ขอบคุณครับ
โดย
Palm
ศุกร์ มี.ค. 12, 2004 10:56 pm
0
0
Asset Play?
ผมได้เจอหุ้นตัวนึงเข้า ขายถูกมาก แค่ราคาที่ดินอย่างเดียวก็เกือบจะเท่ากับ Market Cap อยู่แล้ว เลยอยากทราบว่าจะทำกำไรจากหุ้นตัวนี้ได้อย่างไร?
โดย
Palm
ศุกร์ มี.ค. 12, 2004 10:12 pm
0
0
วันนี้ TUF ลดกระหน่ำ ?!?
เห็นด้วยกับ CK ครับ ใจเย็นหน่อยกับ TUF ถ้าราคาไม่ลงมาเราก็ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อ อย่าลืมว่า return ขึ้นอยู่กับ price ที่เราจ่ายไป
โดย
Palm
ศุกร์ มี.ค. 12, 2004 5:49 pm
0
0
มีใครถือ pl บ้างครับ
ผมครับ มีอะไรจะบอกหรือครับ?
โดย
Palm
ศุกร์ มี.ค. 12, 2004 5:44 pm
0
0
การท่าอากาศยาน พอจะป็น value stock ได้ไหมครับ
ชอบมุมมองของคุณ Jeng ผมเองก็ไม่อยากจองครับ พอคิดสารตะแล้ว น่าชื้อที่ 24 บาท
โดย
Palm
อังคาร ก.พ. 24, 2004 4:30 pm
0
0
ข้อมูลย้อนหลัง บจ 10ปี
คุณjengครับ รบกวนอีกที ข้อมูลที่ว่าอยู่บน เวบของเขา หรือที่ ออฟฟิตของ Kim Eng ครับ? และคนที่ไม่ใช่ลูกค้าจะขอดูได้หรือเปล่าครับ?
โดย
Palm
อาทิตย์ ก.พ. 22, 2004 1:49 am
0
0
เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ายิ่งกว่า METCO ที่240 บาทอีก!
ขอ Vote ด้วยครับ อยากให้มีมากเลย ถ้าไม่มีคนทำ จ้างผมก้ได้ (ซีเรียดนะครับ) โดยส่วนตัวแล้ว ผมกำลังรวบรวมข้อมูลเหล่านี้เองอยู่ ซึ่งยากเอาการ ปัญหาคือไม่รู้จะไปหาข้อมูลที่ไหน ที่ห้องสมุด SET ไม่ได้รับความสะดวกเลย ถ้าพวกเราพร้อมที่จะจ่ายเงินคนละนิด เพื่อการสร้างฐานข้อมูลประวัตศาสตร์ ของตลาดหุ้นไทย คนที่ได้ประโยชน์ก็คงเป็นพวกเรา หน้าประจำของ TVI นี้แหละครับ ปล. เชื่อไหมว่า โบร์คเกอร์บางสำนักยังไม่มีข้อมูลพื้นฐานย้อนหลังยาวถึง10ปีเลย
โดย
Palm
ศุกร์ ก.พ. 20, 2004 10:29 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
Palm
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พุธ ก.พ. 18, 2004 10:53 pm
ใช้งานล่าสุด:
เสาร์ มี.ค. 20, 2010 3:21 pm
โพสต์ทั้งหมด:
64 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.01 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว