หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
@bangkok
Joined: จันทร์ ธ.ค. 31, 2007 1:42 am
67
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - @bangkok
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
WOW! ขอบคุณมากจริงๆครับ ที่ถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจอันยอดเยี่ยมครับ ยิ่งได้อ่านยิ่งรู้สึกได้ครับ
โดย
@bangkok
อาทิตย์ ม.ค. 03, 2016 4:25 pm
0
0
Re: **จองได้เลยค่า..สัมมนา Money Talk@SET 9 ม.ค.59 - 200 ที่
1 ที่นั่งครับ ขอบคุณครับ
โดย
@bangkok
พฤหัสฯ. ธ.ค. 24, 2015 10:22 am
0
0
Re: การปรับดอกเบี้ยนโยบายมีผลย้งไงกับตลาดหุ้นครับ
ขอตอบ แบบคนไม่ได้เรียนการเงิน (คือ ตอบ แบบความเข้าใจของตนเอง ถ้าผิดหรือมั่ว ก็ขออภัยจากใจจริงครับ) ลดดอกเบี้ยนโยบาย ****ถ้า กรณีดอกเบี้ยทั้งฝากและกู้ของธนาคารเอกชน ลดตาม ด้วย ทำให้เกิด Cost of Fund ในประเทศ ต่ำลง ครับ 1) ภาคธุรกิจที่กู้ในประเทศดอกของหนี้ลด>กำไรเพิ่มเองออโต้เมื่อเทียบกับภาวะดอกของหนี้สูง>EPSสูงขึ้นเอง(ปล ขอไม่พูดถึงอัตราภาษีที่เกี่ยวข้อง)>หุ้น?ขึ้นลงไม่ทราบเพราะมีปัจจัยSentimentตลาดด้วย 2) นักลงทุนในประเทศที่คิดว่าเงินฝากได้ดอกน้อย ก็จะแสวงหาความเสี่ยงที่มีผลตอบแทนที่สูงกว่า Risk Appetite สูงขึ้น>การกระจายความเสี่ยงก็จะแบ่งมาในตลาดหุ้นด้วย>เพิ่มขา>หุ้น?ขึ้นลงไม่ทราบเพราะมีปัจจัยSentimentตลาดด้วย 3) อื่นๆกระทบชิ่งกันไปมาพวกปัจจัย เช่น กองทุนในประเทศ ต่างประเทศ ค่าเงินบาท นำเข้า ส่งออก ภาครัฐ ภาคเอกชน การบริโภคภายใน เงินสำรอง การแข่งขันธุรกิจ หนี้NPL บลาๆครับ อีกมากมายครับ ปล พวกสายการเงิน น่ามีคำตอบที่มีรายละเอียดดีกว่าผมครับ
โดย
@bangkok
จันทร์ พ.ค. 11, 2015 10:46 pm
0
1
Re: ข่าวดังข้ามเวลา : ที่สุด…ตลาดหุ้นไทย
ขอบคุณครับ
โดย
@bangkok
พุธ เม.ย. 29, 2015 10:01 am
0
2
Re: ศ.ก. ของประเทศไทยที่ตกต่ำทุกวันนี้ เนื่องมาจากการผูกขาด
ขออภัยล่วงหน้ากับความเห็นส่วนตัวของผม มองแบบกว้างเอาความจริงเลยครับ ปัญหาการผูกขาดเป็นเพียง 1 ใน ปัญหาหลายร้อยปัญหา ที่สร้างสมมานานหลายชั่วอายุคนของประเทศไทย ส่วนที่มาไม่ขอกล่าวเดี๋ยวจะมั่วไปใหญ่ ซึ่งไม่Criticalเท่าไร ส่วนปัญหาใหญ่แท้จริง 1 ใน 3 ปัญหาที่critical กับประเทศไทยนั้น ผมมองว่า 1) ส่วนใหญ่ Corruption คนไทยกินคนไทยครับ = คุณเก่งแค่ไหน ทำงานไปแต่กระเป๋าเก็บเงินรั่วตลอด ไม่เจริญ หรือ เจริญได้ไม่นานครับ 2) ส่วนใหญ่ ความไร้ประสิทธิภาพในผลงานของคนไทยเอง ในโลกของระบบทุนนิยมที่ประเทศอื่นจ้องจะกินประเทศไทย = คิดจะทำงานเช้าชามเย็นชาม แข่งขันคนอื่นไม่ได้ครับ 10-50ปีที่แล้วมีสินค้าหรือแรงงานอะไร10-50ปีนี้หรือข้างหน้าก็ยังคงเดิมอันนี้แข่งขันไม่ได้ครับ 3) บลาๆครับ เข้าใจและพบเห็น ส่วนน้อยที่มีประสิทธิภาพและไม่Corruption แต่มันน้อยเกินไปครับ ประเทศไทยเลยโดยส่วนมากกลืน ต่อให้ไม่มีธุรกิจคนไทยที่ผูกขาดคนไทยกันเอง เดี๋ยวคุณๆก็เจอธุรกิจนอกมากินตลาดอยู่ดี เช่น Window Apple Honda Toyota บลาๆ นี้มันโลกแข่งขันระบบทุนนิยมครับ ปล ผมโทษตนเองก่อนเสมอ เพื่อปรับตนเอง ให้พรุ่งนี้ดีกว่าวันนี้ เท่าที่ตนเองทำได้ครับ ขออภัยอีกครั้งไม่ได้ดูถูกแต่ชี้ปัญหาเพื่อแก้ไขปัญหาครับ
โดย
@bangkok
พฤหัสฯ. เม.ย. 16, 2015 1:17 pm
0
11
Re: คิวอีของสหรัฐเมื่อเปรียบเทียบกับคิวอีของอีซีบีและญี่ปุ่น
ก่อนหน้าที่ธนาคารกลางของกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโรหรืออีซีบีจะประกาศทำคิวอี (การพิมพ์เงินใหม่ออกมาซื้อพันธบัตรคุณภาพดีทั้งของภาครัฐและเอกชน) มักจะมีการเปรียบเทียบว่าคิวอีของอีซีบีบวกกับคิวอีของญี่ปุ่นนั้นคิดเป็นมูลค่ารวมกันกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ดังนั้น จึงทดแทนคิวอีของธนาคารกลางสหรัฐที่ได้หยุดไปแล้วได้ ดังนั้น จึงมีการคาดหวังกันอย่างกว้างขวางว่าราคาหุ้นและราคาสินทรัพย์จะปรับขึ้นต่อไปอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะค่อนข้างมีความเป็นไปได้สูงว่าธนาคารกลางสหรัฐจะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนกันยายน (หรือเร็วกว่านั้น) แต่ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาตลาดหุ้นมิได้ปรับตัวขึ้น แต่ความผันผวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนั้นอัตราแลกเปลี่ยนก็ปรับตัวอย่างรุนแรงอย่างไม่คาดการณ์มาก่อนและเป็นไปได้ว่าความผันผวนดังกล่าวจะดำเนินต่อไปตลอดปีนี้และปีหน้า (ซึ่งอีซีบีให้คำมั่นสัญญาว่าจะดำเนินคิวอีไปจนถึงเดือนกันยายนปีหน้า โดยอาจขยายเวลาออกไปอีกหากเงินเฟ้อยังต่ำกว่าเป้าหมาย) ประเด็นที่น่าสนใจคือคิวอีของสหรัฐมีความเหมือนและแตกต่างอย่างไรกับคิวอีของอีซีบีและญี่ปุ่นทั้งในเชิงของสาระและหลักการ ตลอดจนผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก หากจะเริ่มต้นจากคิวอีของสหรัฐก็จะเห็นว่าคิวอีรอบแรกนั้นเกิดขึ้นหลังวิกฤติซับไพร์มซึ่งเศรษฐกิจสหรัฐขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรงและฉับพลัน แม้ธนาคารกลางจะลดดอกเบี้ยลงเหลือใกล้ศูนย์แล้ว บริษัทต่างๆ ก็ยังไม่สามารถออกพันธบัตรเพื่อกู้เงินมาใช้ในการทำธุรกิจได้ตามปกติ ธนาคารกลางสหรัฐจึงต้องพิมพ์เงินใหม่ออกมาซื้อพันธบัตรในตลาด กล่าวคือทำหน้าที่พยุงระบบการเงินเอาไว้ไม่ให้ล่มสลาย แต่การทำคิวอีรอบต่อมานั้นผมมองว่าเป็นความต้องการที่จะหลีกเลี่ยงการปรับลงของราคาสินทรัพย์ทั้งระบบ ซึ่งปกติแล้วจะต้องเกิดขึ้นหลังฟองสบู่แตก กล่าวคือธนาคารพาณิชย์สหรัฐปล่อยกู้ให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างไม่ยั้งคิด เพราะมีกลไกทางการเงินที่สามารถแปลงสินเชื่อที่ปล่อยออกไปให้เป็นพันธบัตรที่ธนาคารสามารถขายออกจากงบดุลของตัวเองได้หรือที่เรียกกันว่าซีดีโอ (collateralized debt obligation) เมื่อราคาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลงแรงหลังฟองสบู่แตก ราคาสินทรัพย์อื่นรวมทั้งสินทรัพย์ของสถาบันการเงินของสหรัฐก็ย่อมจะต้องปรับลดลงเช่นเดียวกัน หากปล่อยให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ผู้ถือหุ้นของสถาบันการเงินของสหรัฐ (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนอเมริกัน) ก็จะต้องสูญเสียความเป็นเจ้าของและต้องมีการเพิ่มทุนจากต่างประเทศ กล่าวคือหากไม่มีคิวอีเพื่ออุ้มราคาสินทรัพย์เพื่ออุ้มราคาหุ้น ธนาคารซิตี้แบงก์ก็คงจะกลายเป็นธนาคารซิตี้แบงก์ออฟสิงคโปร์และแบงก์ออฟอเมริกาก็คงจะกลายเป็นแบงก์ออฟซาอุดีอาระเบีย แอนด์อเมริกา เป็นต้น แต่การอุ้มราคาสินทรัพย์ (ซึ่งช่วยให้คนรวยฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วกว่าคนจนในสหรัฐ) นั้น แปลว่าหนี้สินในระบบมิได้ลดลงมากนัก อันที่จริงแล้วเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำตามการประเมินของบีไอเอส ดังที่ผมเคยเขียนถึงก่อนหน้านี้ การที่ระบบยังมีหนี้สินอย่างมาก (หมายความว่าหนี้สินทั้งโลกไม่เฉพาะที่อเมริกาเพิ่มขึ้นจากปี 2009 ถึงปัจจุบันมิได้ลดลงเลย) ทำให้เศรษฐกิจโลกโดยรวมฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าและเปราะบาง แม้แต่สหรัฐเองซึ่ง “อัด” คิวอีถึง 3 ครั้งแล้ว จีดีพีในไตรมาส 1 นี้ก็คาดการณ์กันว่าจะขยายตัวเพียง 2% เท่านั้น ทำให้เป็นการฟื้นตัวที่กระท่อนกระแท่นมากที่สุดเพราะเศรษฐกิจถึงจุดต่ำสุดเมื่อปี 2009 ดังนั้น จึงใช้เวลาฟื้นตัวมานานเกือบ 6 ปีแล้วเมื่อเทียบกับในอดีตซึ่งเศรษฐกิจจะใช้เวลาในการฟื้นตัวเพียง 1 ปีหรือ 18 เดือนเป็นอย่างช้า คิวอีของสหรัฐโดยเฉพาะในรอบหลังนั้นมีหลักการคือธนาคารกลางต้องการไล่ซื้อพันธบัตรที่มีคุณภาพดีและความเสี่ยงต่ำ (เช่นพันธบัตรรัฐบาล) ออกมาจากมือของเอกชนให้มากที่สุด ทำให้เอกชนมีเงินสดอยู่ในมือและต้องนำเงินดังกล่าวออกไปซื้อพันธบัตรหรือสินทรัพย์อื่นๆ ที่มีความเสี่ยงมากๆ เพื่อเป็นเครื่องมือในการฟื้นเศรษฐกิจนั่นเองและก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะการทำให้นักลงทุนในตลาดหุ้นกำไรถ้วนหน้าเพราะหุ้นเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากที่สุด ซึ่งการทำคิวอีนั้นทำให้นักลงทุนเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐปิดความเสี่ยงขาลงและเปิดกำไรขาขึ้นให้กับนักลงทุน ทั้งนี้ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกเพราะเงินสหรัฐถูกยกให้เป็นเงินสกุลหลักของโลก เห็นได้จากการที่ธนาคารกลางทุกแห่งในโลกยึดถือเอาเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศและหวงแหนอยากมีทุนสำรองเพิ่มขึ้น ดังนั้น สหรัฐจึงสามารถพิมพ์เงินออกมาได้ตามอำเภอใจอีก 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาและส่งผล “ดี” ทั้งกับสหรัฐและเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดันราคาหุ้นให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงจนเป็นประวัติการณ์ ดังที่เห็นอยู่ในปีที่แล้วที่สหรัฐและปีนี้ที่ญี่ปุ่น ในขณะเดียวกันราคาหุ้นของยุโรปก็กำลังปรับตัวขึ้นอย่างถ้วนหน้า แม้ว่าปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจญี่ปุ่นและยุโรปจะยังไม่ดีมากนัก ผมเห็นว่าคิวอีของญี่ปุ่นกับของยุโรปนั้นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญเพราะเงินเยนและเงินยูโรมิใช่เงินสกุลหลักของโลก ดังนั้นเมื่อทั้งสองทำคิวอีผลที่เกิดขึ้นตามมาคือการอ่อนค่าอย่างรุนแรงของเงินเยนและเงินยูโรในกรณีแรกจาก 80 เยนต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐมาเป็น 120 เยนและในกรณีหลังจาก 1.4 ดอลลาร์ต่อ 1 ยูโร มาเป็น 1.06 ดอลลาร์ต่อ 1 ยูโร กล่าวคือ คิวอีทำให้ญี่ปุ่นและประเทศในกลุ่มยูโร “ดีขึ้น” เพราะเงินของตนอ่อนค่าลง ทำให้ส่งออกได้มากขึ้น แต่เป็นการ “แย่ง” เอาการขยายตัวของประเทศอื่นๆ มาไว้กับตัวเองหรืออีกนัยหนึ่งคือการ “ส่งออกภาวะเงินฝืด” จากประเทศของตนไปสู่ตลาดโลกนั่นเอง เมื่อเป็นเช่นนั้นก็จะเห็นประเทศเล็กๆ ในทวีปยุโรป เช่น สวิตเซอร์แลนด์และเดนมาร์กรีบปรับลดดอกเบี้ยจนติดลบ (แต่ก็ยังมีคนพูดว่าดอกเบี้ยติดลบแล้วเงินก็ยังแข็งค่า แปลว่าดอกเบี้ยไม่สำคัญต่อการปรับตัวของค่าเงินซึ่งต้องเข้าใจว่าหากไม่ได้ปรับลดดอกเบี้ยจนติดลบ เงินของประเทศดังกล่าวคงจะแข็งค่าขึ้นอีกอย่างมากจนเศรษฐกิจตกเหวอย่างแน่นอน) ในกรณีของประเทศต่างๆ ในเอเชียนั้นจึงได้รับผลกระทบกันอย่างถ้วนหน้าเมื่อทั้งยุโรปและญี่ปุ่นทำคิวอี เราจึงได้เห็นธนาคารกลางรวมทั้งสิ้น 24 ประเทศปรับลดดอกเบี้ยลงในปีนี้ ซึ่งธนาคารกลางที่ปรับดอกเบี้ยลงล่าสุดคือไทยและเกาหลีใต้ ผมเห็นว่าความเข้าใจถึงสภาวการณ์ดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้น แม้ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินจะได้ปรับลดดอกเบี้ยลงไปแล้ว แต่เมื่ออ่านแถลงการณ์ดูก็จะเห็นว่าได้ให้เหตุผลที่สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ภายในประเทศเป็นหลักและได้มีการย้ำว่าการดำเนินการของธนาคารกลางอื่นๆ นั้นมิได้เป็นปัจจัยนำมาพิจารณาในการตัดสินใจ ซึ่งผมเกรงว่าการไม่คำนึงถึงภัยรอบด้านดังที่กล่าวข้างต้นจะนำไปสู่ความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยรวมถึงการฟื้นตัวของการส่งออกครับ [/size] ขอบคุณครับ (ความเห็นส่วนตัวชนิดเดาล้วนๆต่อจากข้อมูลข้างต้น ไทยตกอยู่ในเกมค่าเงินโลกครับ อย่างอดีตที่ผ่านมา และอนาคตต่อไป คงต้องลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก พร้อมทั้ง ค่าเงินบาทคงต้องลดลงอีกเมื่อเทียบดอลล่าร์สหรัฐ ทั้งนี้เพราะไทยเองครับที่ศักยภาพน้อยกว่าภาพลักษณ์ ส่วนยูโรกับเยนต้องการอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐอันนี้แน่นอน เพื่อลดเงินฝืดเพิ่มเงินเฟ้อ ส่วนสหรัฐก็ต้องการแข็งค่าเงินตนเองเพื่อประโยชน์ของตนเองเพียงแต่ตอนนี้ยังไม่แข็งแรงพอก็เลยแบ่งรับแบ่งสู้ เกมนี้ยาวครับ ความผันผวนตามอารมณ์ย่อมมี) ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็อยากให้ค่าเงินบาทแข็งค่าและที่เดากล่าวมานั้นผิด
โดย
@bangkok
อังคาร เม.ย. 07, 2015 8:20 pm
0
0
Re: ค่าครองชีพปี 58 พุ่ง ชงปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 360 บาท
ความจริงแล้ว อุตสาหกรรมเหล็ก (โลหะการ ดีกว่า เพราะไม่ใช่เหล็กอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจ) มีความสำคัญอันดับแรกๆ ของอุตสาหกรรรมแทบทุกชนิด ญี่ปุนและเกาหลีใต้ มองการณ์ไกล พัฒนาอุตสาหกรรมเหล็ก ชนิดไม่แพ้ชาติใดในโลก อย่าคิดว่าง่ายๆ นะครับ ยากมากๆๆๆๆ ยกตัวอย่าง ผมเคยไปดูโรงงานทำ Roller ที่ใช้ กับเครื่องจักรกลหนัก ของเมืองไทย เจ้าของบอกว่าทำอย่างไรก็ไม่สามารถพัฒนาสูตร และกรรมวิธีที่ได้ Roller ที่ดีเท่ากับที่มาจากญี่ปุ่น เทคโนโลยี่ด้านนี้ของเราไม่มีเลย (ไม่ต้องมาบอกว่าที่ไหนหน่วยงานไหนนักวิจัยคนไทยไหนเก่งในเรื่องนี้...) ของญี่ปุ่นคงมีมานานมากๆ เป็นร้อยปีแล้ว เพราะสงครามโลกยังสามารถสร้างเครื่องบิน และเรือรบ ที่ดีที่สุดสู้กับอเมริกาและเยอรมันได้สบายๆ ส่วนเกาหลีใต้ ตอนประธานาธิบดีปักจุงฮี ได้เริ่มพัฒนาประเทศไปสู่ประเทศอุตสาหกรรม เมื่อไม่กี่สิบปีก่อน (นักศึกษาประท้วงกันทุกวันในสมัยนั้น) ท่านได้ส่งนายทหารคนสนิท ไปสร้าง บริษัทเหล็ก POSCO เพราะเล็งเห็นความสำคัญของอุตสาหกรรมนี้ในการ พัฒนาไปสู่ประเทศอุตสาหกรรมที่พัฒนาแล้ว (ใครไม่มี ไม่มีวันเป็นประเทศอุตสาหกรรม ที่ยืนด้วยขาตัวเองได้ ขอโทษด้วยที่จำรายละเอียดมากกว่านี้ไม่ได้ อ่านจาก BusinessWeek นาน แล้ว) ต่อมานานจนท่านปักจุงฮีถึงแก่อนิจกรรมไปแล้ว ประเทศเกาหลีใต้ได้เป็น ประเทศพัฒนาแล้วระดับแรกเริ่ม มีอุตสาหกรรมเหล็กที่พัฒนาเทียบเท่าชาติอื่นๆ มี อู่ต่อเรือที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก มีอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ในระดับ Top10 ของโลก (ปัจจุบันอยู่ในระดับ Top4) นายทหารท่านนี้ได้ไปคำนับศพท่านปักจุงฮี เรียนท่านว่า ภาระกิจที่ท่านมอบหมายให้ทำ ได้ทำเสร็จสิ้นลุล่วงไปแล้ว นี่คือสิ่งที่ ผู้นำของประเทศเกาหลีใต้ ผู้แพ้ตลอดกาลในประวัติศาสตร์ ได้ทำให้ประเทศชาติกลาย เป็นผู้ชนะได้ในเวลาเพียง 40-50 ปีเท่านั้น ประเทศชาติในเอเชียที่เจริญได้ ต้องมีผู้นำที่เก่ง มองการณ์ไกล และเสียสละ เท่านั้น ขอบคุณครับ สำหรับ บทความดีๆ
โดย
@bangkok
เสาร์ เม.ย. 04, 2015 8:23 pm
0
0
Re: หลุดจากอิสระภาพทางการเงิน... แต่ติดกับดักอย่างอื่นแทน !
คำถามปลายเปิด ต่างคนก็มีคำตอบต่างกันไป จริงๆไม่แยก ต่างจังหวัด ในเมือง คนเมือง ชาวบ้าน ไทยเทศ เพราะ ปลายทางความต้องการก็เดียวกัน อยู่ที่เวลาเท่านั้น ความสุขคืออะไร อันนี้ผมตอบยาก ผมรู้แต่พยายามทำทุกวันให้ทุกข์น้อยที่สุด โดยมองความเป็นจริง และสร้างเป้าหมายใน 3 ส่วนนี้ตามลำดับ ซึ่งถ้าทำได้ ความทุกข์คงน้อยสุดขีด(หวังว่าความสุขคงบังเกิดขึ้นเอง) 1) พอตามจริง = เช่น มีกิน มีใช้ บลาๆ คือ ต้องมีพวกปัจจัย4 อาจมี5 มี6 ตามสมัยปัจจุบัน เป็นเบื้องต้นก่อน ถ้าคุณยังดิ้นรนทุกๆวัน เพื่อสิ่งเบื้องต้นพวกนี้ ครั้นจะคิดถึงสิ่งอื่น โดยให้ความสำคัญมากกว่าคงยาก 2) พอตามใจ = เมื่อไม่ต้องคิดถึง(1) ใจคงมั่นคง สงบ ก็จะแสวงหาความหมายของชีวิต? เกิดมาเพื่อ? สนองความต้องการส่วนบุคคล? เช่น ชอบเที่ยว ชอบทำบุญ ชอบนั้นชอบนี้ ตามศรัทธา ตามหานิยามชีวิต บลาๆ 3) เกินพอ = 2อันบน ในโลกความจริง เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการเพื่อสนองตนเอง รวมผมด้วย แต่ถ้าเราหลุดจาก2อันบน แล้วสามรถเผื่อแผ่ผู้อื่นได้ สิ่งที่ผมพบเจอจริงคือ สังคมที่เกิดมา ขาดโอกาส ขาดการศึกษา ขาดอาหาร ขาดปัจจัย4พื้นฐาน ถ้าสามารถยกระดับและเติมเต็มส่วนนี้ได้ คงเป็น การให้อย่างแท้จริง ที่ยิ่งใหญ่ต่อโลกใบนี้ที่เรากำเนิดมา จริงๆ 1/2/3 ก็ปนๆกันไปในแต่ละจังหวะช่วงชีวิต ส่วนจะเน้นตรงไหนก่อนหลัง ก็แล้วแต่ความสามารถ และวาสนา แต่ละคน หากเป้าหมายที่(1)อิสรภาพเค้าก็ตรง(1) หากเป้าหมายที่(2)อิสรภาพเค้าก็ตรง(2) หากเป้าหมายที่(3)อิสรภาพเค้าก็ตรง(3) ต่างคนก็ต่างเป้าหมาย สู้ๆครับ ชีวิตต้องสู้ ขออภัยหากสาระบ้างไร้สาระบ้าง พิมพ์ไปเรื่อยครับ
โดย
@bangkok
อาทิตย์ มี.ค. 29, 2015 12:30 am
0
6
Re: เคล็ดลับความกล้า
ปัจจัย ที่ผมมองว่ามีผลกระทบกับความกล้าของตัวเราเอง 1. รวยเร็ว รวยช้า ถ้าเลือกได้ เลือกวิธีที่ทำให้ รวยเร็ว ไม่เลือกรวยช้า เช่น ซื้อปั๊บหุ้นขึ้นเลย ถ้าฟังคนอื่นมา เออหนอ คนนั้นเป็นเซียนแน่ๆ หากตัดสินใจเอง เออหนอ วิธีการของเรานี่มันสุดยอดคัมภีร์ เหนือคนอื่น 2. น่าเบื่อ ตื่นเต้น ถ้าเลือกได้ เลือกวิธีการลงทุนที่ทำให้ตื่นเต้น (ราคา) เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา Bid-Offer เต้นยึกยัก ๆ ราวไส้เดือน เปิดจออยู่ตลอดเวลา หุ้นน่าเบื่อยังไงก็เป้นหุ้นน่าเบื่ออยุ่วันยังค่ำ เรา "กล้า" ที่จะรวยเร็ว เรา "กล้า" ที่จะตื่นเต้น --> ผมเรียกว่าหุ้นกลุ่มที่หนึ่ง จนบางครั้งเราไม่กล้าที่จะรวยช้าและเราไม่กล้าอยู่กับความสงบ ๆ จนบางครั้งเป็นความกลัว --> ผมเรียกว่าหุ้นกลุ่มที่สอง และส่วนใหญ่เราจะมีแนวโน้มที่จะขายหุ้นกลุ่มที่สองไปซื้อหุ้นกลุ่มที่หนึ่ง ฟิ้ววววววววววววว โดนใจ สุดๆ ครับ ขอบคุณครับ
โดย
@bangkok
อังคาร ต.ค. 21, 2014 2:37 pm
0
1
Re: กลยุทธ์การลงทุน กรณีเริ่มต้นเงินทุนน้อยๆ
ขอบคุณครับ อ่านกี่ครั้งก็ยังรู้สึกดีเสมอ
โดย
@bangkok
อังคาร ต.ค. 21, 2014 2:34 pm
0
1
Re: 10 ล้านบาทแรกในชีวิต (ลอกจาก Post คุณ Skyforever)
ขออธิบายเพิ่มเติมคำว่า เทรนด์ตลาด นะครับ เดี๋ยวเพื่อนๆจะเข้าใจผิดว่าผมให้หาวิธีคาดเดาตลาดว่าจะขึ้นลงกี่จุด สำหรับผมแล้วนั่นเสียเวลาและได้รับประโยชน์น้อย คำนี้ผมหมายถึงตลาดเป็นหุ้นตัวนึงให้รับรู้ถึง “มูลค่าตลาด” ดุจเดียวกับนักลงทุนแนววีไอใช้ระลึกถึงมูลค่าหุ้นครับ คำว่า “มูลค่า” จากการที่ผมได้ “สัมผัส” กับหนังสือของท่านอาจารย์ ผมสรุปรับรู้เฉพาะตนว่า เป็นประโยคเดียวสั้นๆ แฝงนัยยะจุดแข็งจุดอ่อนของกิจการนั้นๆพร้อมกันทีเดียว ผมขอยุติแต่เพียงนี้นะครับ เพราะผมตระหนักได้ว่าอาจเป็นการรบกวนแนวทางของเว็บ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทาง เฉพาะตนของเพื่อนนักลงทุนด้วยกัน วลีที่ผมระลึกถึงบ่อยๆคือ “กระบี่อยู่ที่ใจ วิกฤติเป็นคมด้านนึงของกระบี่ หากระบี่ของเราให้พบแล้วจะเจอโอกาสไปพร้อมกัน ในด้านตรงข้ามก็เป็นเช่นเดียวกัน ซึ่งที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นโอกาสหรือวิกฤติล้วนเป็นสิ่งที่ใจเราระบุค่ามันเอง ถ้าเราวางกระบี่มันจะไม่มีทั้งโอกาสและวิกฤติ” “เมื่อมีใครคนนึงกำหนดเกมอยู่แล้วเกมดำเนินไปเช่นนั้น ถ้าอยากให้เกมเปลี่ยนไปซักเล็กน้อย ก็เพียงแต่โยนกรวดเล็กๆ ลงไปในบ่อน้ำ” “หุ้นไม่มีหัวใจ มันจึงรักใครไม่เป็น” ของท่าน โกศล ไกรฤกษ์ สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นแนวทางใดในการลงทุนก็ตาม ต้องมุ่งสู่ผลของคำว่า “จำกัดความเสี่ยง” ตรงกับวลีของท่าน ทพ. ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม ปรมาจารย์คนนึงวงการหุ้น ที่ว่า “ไม่รู้คือเสี่ยง รู้คือไม่เสี่ยง” แล้วถ้า “จำกัดความเสี่ยง” คือเหตุ ผลคือ “อย่ายอมขาดทุน” วลีอมตะของท่านปรมาจารย์วอเรน บัฟเฟต์ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
โดย
@bangkok
ศุกร์ ส.ค. 29, 2014 9:30 pm
0
1
Re: อะไรจะเกิดขึ้นในอีก10ปี
10ปี ธุรกิจเฉลี่ยๆไปเน้นต่างจังหวัด เพราะในกทม กับ หัวเมือง ยังต่างกันพอควร สำหรับคนส่วนมาก (ถ้าไม่เจอปัญหาทรุด จากขึ้นดอกเบี้ย กับ หนี้ครัวเรือน ไปก่อน) สินค้า บริการต่างๆที่เกี่ยวกับร่างกาย เพราะ คนกลัวตายมากขึ้น กลัวไม่หล่อ ไม่ล่ำ ไม่สวย ไม่ขาว กลัวแก่ สำหรับ วัยทำงาน (ที่เตรียมแก่เป็นวัยผู้ใหญ่) สินค้า บริการต่างๆที่ส่งเสริม ความสบาย โก้ ตามกระแสเยอะ แค่เห็นรูปแชร์กันในเนต ก็อยากมีอยากได้ พวกกินพวกเที่ยวเราต้องมีบ้าง สำหรับวัยเรียน (ที่เตรียมโตเป็นวัยทำงาน)
โดย
@bangkok
อาทิตย์ ส.ค. 24, 2014 1:51 am
0
1
Re: อะไรจะเกิดขึ้นในอีก10ปี
ธุรกิจคุกเอกชน บวก พัฒนาอาชีพจำหน่ายออนไลน์ และ อาชีพแรงงานสกิล ไม่สกิล ถ้าทำได้น่าจะเวิคดี ครับ
โดย
@bangkok
อาทิตย์ ส.ค. 24, 2014 1:29 am
0
1
Re: อะไรจะเกิดขึ้นในอีก10ปี
ลอกท่อ อาจเป็นพวกที่ทำผิดสถานะเบา พวกทัณฑ์บน และ สถานะหนัก พวกในคุก แรงงานเน้นเด็กพาร์ทไทม์ เช่น ต่างประเทศ ที่พัฒนาก่อนเรา น่าจะเป็นไปได้ชัดเจนครับ
โดย
@bangkok
อาทิตย์ ส.ค. 24, 2014 1:27 am
0
1
Re: (9.00 น.) เปิดจองสัมมนา Money Talk@mai FORUM 2014"
จอง 1 ที่นั่งครับ
โดย
@bangkok
พุธ มิ.ย. 18, 2014 9:01 am
0
0
Re: ...ของฝากจาก Berkshire Hathaway annual meeting 2014...
ขอบคุณมากครับ สำหรับที่ของฝากนำมาแชร์ อ่านแล้วเกิดแรงกระตุ้นขึ้นอีกมาก (ปล อีกทั้งอยากวางแผนไปบ้าง คือ ขอรบกวนขยายความส่วนการเตรียมตัว ระยะเวลาเดินทาง ที่พัก การเดินทาง วีซ่า ค่าใช้จ่ายโดยรวม ตั๋วเข้างาน เกร็ดอื่นๆ ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ ถ้าสะดวกอะนะครับ)
โดย
@bangkok
พุธ มิ.ย. 11, 2014 11:18 am
0
1
สรุปสัมมนาเรื่องลงทุนแบบวอร์เรนและ วิถีVIไทย 17/4/10
ขอบคุณครับ
โดย
@bangkok
จันทร์ เม.ย. 19, 2010 11:14 am
0
0
สัมมนาดีๆ ฟรีๆ ที่ชั้น 3 หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียนฯ ตลท.
ขอบคุณครับ :D
โดย
@bangkok
พฤหัสฯ. เม.ย. 08, 2010 10:11 pm
0
0
ธุรกิจอพาร์ทเม้นต์
ขอโทษครับ พานอกเรื่องเลย
โดย
@bangkok
พฤหัสฯ. เม.ย. 08, 2010 11:17 am
0
0
ธุรกิจอพาร์ทเม้นต์
P=project M=Manager,Management "PM= Project Manager,Management" A project manager is a professional in the field of project management. Project managers can have the responsibility of the planning, execution, and closing of any project, typically relating to construction industry, architecture, computer networking, telecommunications or software development. Project Management Professional (PMP) Certified Associate in Project Management (CAPM), Program Management Professional (PgMP) PMI Risk Management Professional (PMI-RMP), and PMI Scheduling Professional (PMI-SP) พอเห็นภาพกันไหมครับ
โดย
@bangkok
พฤหัสฯ. เม.ย. 08, 2010 12:50 am
0
0
ธุรกิจอพาร์ทเม้นต์
อีกนิด อันนี้ส่วนตัวจริงๆ ในทางเทคนิค หากต้องการทำอาคารชั้นเดียว อันนี้50/50ว่าจะคุ้มทุนง่ายมาก เพราะก่อสร้างประหยัดง่ายเร็ว แต่เสียดายที่ดิน ด้วยเหตุนี้ที่ดินจะคุ้มค่ากับค่าก่อสร้างเมื่อสร้างหลายชั้น แต่ก็นั้นอีกในความคิดผมล้วนๆ เมื่อเทียบ 2,3,4 ชั้น คิดเองว่า 3 ชั้นคุ้มค่ากับการก่อสร้างและกฎหมายการก่อสร้าง (อันนี้ผมมีเหตุผลแต่ยังขาดข้อมูลสนับสนุนอาศัยประสบการณ์ตัวเอง) ลองศึกษาจากผู้รู้ดู
โดย
@bangkok
เสาร์ เม.ย. 03, 2010 8:57 pm
0
0
Re: กลัวไม่ได้รับเลยโพสต์มาอีกครั้งค่ะ
กลัวไม่ได้รับเลยโพสต์มาอีกครั้งค่ะรบกวนคุณpreedaหรือท่านอื่นที่ตอบได้รบกวนด้วยนะคะ คือว่ามีที่ดินอยู่ 200 ตร.วาใกล้มหาวิทยาลัย ที่นี่หากสร้างเป็นห้องแถวชั้นเดียวห้องเต็มหมดแน่นอน แต่หากสร้างเป็นสองชั้นตอนนี้ก็ยังดีอยู่แต่อนาคตเมื่อที่ดินว่างๆ ถูกสร้างหอพักมากขึ้น อาจจะมีผลกระทบ แต่ตัวเองก็ตั้งใจว่าจะสร้างเป็นห้องแถวสไตส์รีสอร์ท 2 ชั้น ได้ประมาณ 32 ห้อง ค่าเช่า 2500++ (อาจจะเก็บสูงกว่านี้อีกนิดหน่อย) จึงขอรบกวนสอบถามดังนี้ค่ะ 1. ชื่อในโฉนดที่ดิน ชื่อ "A" 2. ต้องการกู้ร่วมกับ "B" ซึ่งทั้ง A และ B มีรายได้ประจำ 3. ต้องจดทะเบียนคณะบุคคลหรือไม่ 4. หากจดทะเบียนคณะบุคคลควรจดระหว่าง A กับ B หรือ บุคคลอื่นเช่นพ่อ แม่ (ซึ่งไม่มีรายได้ประจำ) ดีกว่ากัน 5. ค่าก่อสร้างประมาณ 5 ล้าน เก็บค่าใช้(ถ้าห้องเต็มประมาณ 960,000 ต่อปี) คิดว่าคุ้มค่าลงทุนหรือไม่ 6.จะต้องเสียภาษีอะไรบ้าง จำนวนเงินภาษีประมาณเท่าไหร่ต่อปี ขอบคุณมากค่ะ ***** ตอนนี้กำลังร่างแบบอยู่ค่ะ หากได้คำตอบเร็วจะดีมากๆ เลยค่ะ***** สวัสดีครับ เผอิญ มีห้องเช่าพอดี เลยขอตอบเท่าที่เจอนะครับ ไม่รวยไม่เซียนครับ ถือว่าอีกความเห็นละกันครับ 1) 5ปี คืนทุน ถึงว่าทั่วไปที่ทำกัน (ไม่รวมค่าที่) 2) ภาษีโรงเรือนหนักมาก 12.5%จากค่าเช่า ภาษีอื่นๆตรงนี้ดูดีๆ ไม่งั้นเสร็จรัฐ 3)ปัญหาช่างซ่อมเยอะ ท่าทำไม่ดี 4) อย่ากู้ ท่าไม่แน่ใจว่ากำไร หวังดีมากๆครับ 5) ระวังไม่มีลูกค้ามา ท่าคู่แข่งเยอะจัด 6) ระบบนิดนึง เพราะคนเข้าออกพอควร 7) อื่นๆ ขอผู้รู้ต่อเลยครับ หวังดีครับ สู้ๆ
โดย
@bangkok
เสาร์ เม.ย. 03, 2010 8:52 pm
0
0
คำถามจากมือใหม่ครับ
"ตีแตก" ครับ อีก4เล่ม ขอผู้รู้ต่อครับ
โดย
@bangkok
จันทร์ มี.ค. 29, 2010 11:43 pm
0
0
แหล่งหนังสือถูกๆที่ไหนบ้างครับ
[ความ] = คำ
โดย
@bangkok
ศุกร์ มี.ค. 19, 2010 9:36 pm
0
0
แหล่งหนังสือถูกๆที่ไหนบ้างครับ
[quote="genedemonvi"]ผมว่าสำคัญที่คุณค่าของมันนะครับ จะเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าทั้งทีอย่าไปเสียดายครับ ถ้าเงินไม่มาก แทนที่จะหาซื้อหนังสือมือสอง (ที่วัดดวงพอสมควรว่า จะได้หนังสือดีหรือเปล่า หรือไอ้ที่ถูกนั้น เนื้อหาอาจห่วยกว่าราคา หนำซ้ำยังพาออกทะเลอีก) ผมว่า เอาเวลาที่จะไปเดินหาหนังสือมือสอง เดินเข้าไปร้านหนังสือใหม่ SE-ED เลยครับ จากนั้นก็เดินไปที่โซนบริหารธุรกิจหรือการลงทุน แล้วก็อ่านครับ อ่านจนกว่าจะพอใจ เพราะร้านเหล่านี้ ไม่มีการไล่ลูกค้า
โดย
@bangkok
ศุกร์ มี.ค. 19, 2010 9:35 pm
0
0
ใครมีชีวิตที่คล้ายเหมือนผมบ้าง
สู้ครับ เจ้าของกระทู้...ผมว่าคุณโชคดีแล้ว เริ่มศึกษาเร็วเท่าไรยิ่งดี แต่ลงทุนเมื่อพร้อมจะดีกว่า สำหรับน้องที่ยังไม่เกิน18 โชคดีมาก ผมว่า โตมาพร้อมกับข้อมูลอินเทอเนต ผมกว่าจะมีอินเทอเนต อายุก็21-22 แล้ว [สว่นผม] ตอนเด็กประมาณ ป.6 ผมมีโอกาสไปตลาดหุ้นกับคนที่บ้าน ช่วงต้มยำกุ้ง และ[ด้วเหตุจากที่บ้าน]ไม่มีความรู้พอ จึงพ่ายแพ้ไป ประมาณ ม.3 คนที่บ้านเล่นแบบDaytrade ก็โอเคได้มากกว่าเสียนิดๆ ประมาณ ม.6 อยากได้คอม ที่บ้านไม่ให้บอกไม่มีประโยชน์(เซ็งจนทุกวันนี้ แต่ไงได้ ก็มันชีวิต) ประมาณซัพไพร์ม มีเงินหลักแสนในบัญชีตัวเอง บอกคนที่บ้านว่า จะลงทุนแบบ VI (ไม่Daytrade ไม่แบบพนัน) ที่บ้านบอก ถ้าเอาไปเล่นหุ้น จะยึดคืน เซ็งตามระเบียบ เพราะเงินช่วงนั้น เอาไปหมุนธุรกิจกับอสังหาอยู๋ มาตอนนี้ถึงได้มีกับเค้าบ้าง (มีระดับหนึ่ง ที่บ้านมายึดไปก็ยังเหลือ) ถึงได้ลงทุนกับเค้าบ้าง รู้ว่าช้าแต่ก็ศึกษามาตลอด ลงทุนเมื่อพร้อมสุดๆ สรุป คือ ถ้ามีโอกาส มีความรู้ และพร้อม ลงเร็วเท่าไรยิ่งดี มาช้า[อย่าผม] รอเหนื่อยเลย แย่ๆ [ส่วนผม]/[ด้วยเหตุจากคนที่บ้าน]/[อย่างผม]
โดย
@bangkok
ศุกร์ ก.พ. 12, 2010 6:47 pm
0
0
ใครมีชีวิตที่คล้ายเหมือนผมบ้าง
สู้ครับ เจ้าของกระทู้...ผมว่าคุณโชคดีแล้ว เริ่มศึกษาเร็วเท่าไรยิ่งดี แต่ลงทุนเมื่อพร้อมจะดีกว่า สำหรับน้องที่ยังไม่เกิน18 โชคดีมาก ผมว่า โตมาพร้อมกับข้อมูลอินเทอเนต ผมกว่าจะมีอินเทอเนต อายุก็21-22 แล้ว สว่นผม ตอนเด็กประมาณ ป.6 ผมมีโอกาสไปตลาดหุ้นกับคนที่บ้าน ช่วงต้มยำกุ้ง และด้วเหตุจากที่บ้านไม่มีความรู้พอ จึงพ่ายแพ้ไป ประมาณ ม.3 คนที่บ้านเล่นแบบDaytrade ก็โอเคได้มากกว่าเสียนิดๆ ประมาณ ม.6 อยากได้คอม ที่บ้านไม่ให้บอกไม่มีประโยชน์(เซ็งจนทุกวันนี้ แต่ไงได้ ก็มันชีวิต) ประมาณซัพไพร์ม มีเงินหลักแสนในบัญชีตัวเอง บอกคนที่บ้านว่า จะลงทุนแบบ VI (ไม่Daytrade ไม่แบบพนัน) ที่บ้านบอก ถ้าเอาไปเล่นหุ้น จะยึดคืน เซ็งตามระเบียบ เพราะเงินช่วงนั้น เอาไปหมุนธุรกิจกับอสังหาอยู๋ มาตอนนี้ถึงได้มีกับเค้าบ้าง (มีระดับหนึ่ง ที่บ้านมายึดไปก็ยังเหลือ) ถึงได้ลงทุนกับเค้าบ้าง รู้ว่าช้าแต่ก็ศึกษามาตลอด ลงทุนเมื่อพร้อมสุดๆ สรุป คือ ถ้ามีโอกาส มีความรู้ และพร้อม ลงเร็วเท่าไรยิ่งดี มาช้าอย่าผม รอเหนื่อยเลย แย่ๆ
โดย
@bangkok
ศุกร์ ก.พ. 12, 2010 6:26 pm
0
0
การศึกษาจะทำให้เราประสบความสำเร็จไหมได้ครับ
ฉลาดแล้วรวย....เยอะแยะ โง่แล้วรวย....เยอะแยะ ฉลาดแล้วจน....เยอะแยะ โง่แล้วจน....เยอะแยะ ความเห็นส่วนตัว ได้โปรด อย่าสร้างความสัมพันธ์ระหว่างการศึกษา กับสถานภาพเงิน เพราะ การศึกษามันก็แค่การรวบรวมข้อมูลเก่าๆ มาอยู่ในจุดๆหนึ่งแล้วศึกษา ปริญญาตรี โท เอก ในหลากหลายมุม เชิงลึก กว้าง แคบ ....ก็คือ ความรู้ ซึ่ง ความรู้ถ้าไม่ได้เอามาต่อยอดด้านธุรกิจ ก็คงไม่งอกเงยเงินออกมา แต่ถ้าเรายึดแต่ผลเงินเป็นหลัก ความรู้ก็จะมีแต่ถดถอย สุดท้ายคงกลับไปยุคถ้ำ(ในเชิงเปรียบเทียบ) อย่าง Capitalism ใจหวังว่ายุค หน้าคงเป็น Brainism ดังนั้น ฉลาดด้านความรู้ กับฉลาดด้านการเงิน คนละเรื่องกัน
โดย
@bangkok
พฤหัสฯ. ก.พ. 11, 2010 8:02 pm
0
0
เข้าดีหรือไม่เข้าดี....
เสียดายดีกว่าเสียตังค์ครับ ข้อคิดของลุงโกศลไงครับ :wink:[/quote] ชอบประโยคนี้จังครับ
โดย
@bangkok
พฤหัสฯ. ก.พ. 04, 2010 11:57 pm
0
0
แนวทาง VI ทำให้ได้อิสระภาพทางการเงินจริงหรือ
ตอนเรียนจบ ทำงานใหม่ ตัวผมเองก็อยากมีอิสรภาพทางการเงิน เพียงเพราะ เพื่อไม่อยากทำงาน วันๆมีกินมีใช้ให้พอกับปัจจัยพื้นฐาน .... มาตอนนี้ ก็ยังไม่ถึงจุดอิสรภาพทางการเงิน(อิงจากพ่อรวยสอนลูก) แต่พอมีระดับหนึ่งที่สามารถหยุดทำงานได้หลายปีอยู่ .... แต่ตอนนี้ พอหยุดยาวๆไม่ทำงานเลย กลับอยากทำงานมากๆ เพราะผมว่า หากเราทำในสิ่งที่รักและชอบ มันจะสนุกมาก และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต .... เมื่อวันหนึ่งถึงจุดอิสรภาพทางการเงิน ผมก็ยังเลือกที่จะตื่นมาทำงานอยู่ดี นอกเรื่องอีกละ เข้าเรื่องที่ถาม แนวทาง VI นะทำได้แน่ เพียงแต่ช้า หรือ เร็ว คุณ รอและอดทนไหวไหมอะ ถ้ารีบร้อนโอกาสพลาดมากขึ้นกว่าคนที่อดใจได้มากกว่า
โดย
@bangkok
พฤหัสฯ. ก.พ. 04, 2010 11:28 pm
0
0
ชาวVI ล้างพอร์ตหรือเปล่าครับเวลาหุ้นขาลงแบบนี้
อันนี้ความเห็นส่วนตัวครับ การปรับหรือล้างพอร์ต ถ้าที่ซื้อไว้ตอนที่ราคาถูกอยู่แล้ว อีกทั้งบริษัทที่ซื้อมีปัจจัยดี ไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพโดยรอบ ก็คงถือยาว แต่หากซื้อไว้ถูกบ้าง แพงบ้าง คงปรับตัวแพงออกเป็นเงินสด รอซื้อในราคาต่ำลง ผมว่าก็เวิคนะ แต่ต้องแม่นจังหวะนิด นอกเรื่องนิด เรื่องเช็คหุ้นตัวเองทุกวันก็คงเกินไป ถ้าหุ้นดี แล้วมั่นใจ ซื้อแล้วลืมได้เลยครับ เว้นแต่ช่วงเก็บราคาถูก ใครที่บอกไม่ดูหุ้นทุกวัน ทำได้จริงหรือ
โดย
@bangkok
จันทร์ ก.พ. 01, 2010 10:21 am
0
0
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก
คุณ อะไรดีละ ไปไหนละ เสียดายสาระอีกมุมมอง กำลังอ่านเรื่อง เศรษฐศาสตร์ไทเก๊ก น่าสนใจอยู่ ปล. ไม่ใช่หน้าม้า ครับ แค่อยากศึกษาหลากหลายมุมมอง เพราะโลกคงน่าเบื่อ ถ้ามีคนแบบเดียวกันหมด
โดย
@bangkok
ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 11:16 pm
0
0
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก
ไม่รู้ซิครับ ผมว่าเราอยู่ในสังคมที่ผิดปกติด้วยทำให้ อะไรๆมันพัฒนาช้าและยาก คนไม่พยายามจะเข้าใจ และแก้ไขสิ่งที่มันผิดๆ ตอนแรกผมก็สงสัยทำไหมทำอะไรก็ผิดไปจากคนอื่น หลังๆท่องโลกกว้าง(เปิดกะลา)ถึงสังเกตสังคมรอบๆมันผิดปกติหรือปล่าว อย่างแนวคิดกระทู้นี้ผมว่า ดีมาก เลยครับ ค่อยใช้ไปทีละอย่างก็ได้ กลัวสังคม รับไม่ไหว (อันนี้คิดเห็นส่วนตัว) จริงๆ อยากให้คนเกษียณกันสัก70+ปี ถ้าจะเป็นพวกคนมีทักษะนะ พวกเก่งที่ความเชี่ยวชาญ ไม่ใช่พวกท่องตำรากับ แก่เพราะเกิดก่อน อันนี้เพื่อ ลดภาระเลี้ยงดูคนมีอายุ ที่คิดว่าตัวเองหมดสภาพเพราะ เงื่อนไขที่รอบข้างกำหนด แล้วก็เพิ่มเวลาส่วนตัว Life Style ของคน ซึ่งจะเพิ่มสภาพคล่องใน ในแต่ละวัน อาจลดเวลาทำงานต่อวันลง แต่อยากให้ลด วันหยุดประจำปี (อะไรๆก็จะหยุดกัน ลูกเดียว) เพิ่มการศึกษา เพื่อลดการสูญเสียแบบผิดอันเกิดจะความไม่รู้ ผิดซ้ำซาก แล้วไม่แก้ไข อุดหนุนคนอยากเก่งจริงๆ ไม่ใช่พวกอยากรวยจริงๆ อื่นๆ คิดต่อกันนะครับ เพราะเดี๋ยวจะยาวเกิน ไม่มีคนอยากอ่าน
โดย
@bangkok
ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 11:11 pm
0
0
++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++
ขอบคุณสำหรับกระทู้นี้ เป็นอีกหนึ่งสาระ อีกหนึ่งมุมมอง คงจะน่าเสียดายเสียอีกถ้าทุกๆคนมีมุมมองเดียวกัน มันคงเป็นเรื่องแปลกประหลาด ถ้านักลงทุนคิดเหมือนกัน ซื้อสิ่งเดียวกัน และขายสิ่งเดียวกัน ในเวลาเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามเรื่องเศรษฐกิจ W ก็เริ่มเป็นกังวลกันอยู่ อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ของกระทู้ คงอยากให้ทุกๆคน ระวังตัว ส่วนจะเกิด จะไม่เกิดเป็น เรื่องอนาคต
โดย
@bangkok
จันทร์ ม.ค. 25, 2010 5:31 pm
0
0
สงสัยอธิบายที
เรียนฟรี เป็นพื้นฐานที่ necessory มากๆครับ อันแรกเลย ผมเป็นคนกรุงเทพ ที่สัมผัสชนบท ของประเทศเรา กับ ประเทศที่เจริญมากแล้ว เห็นเลยว่า มาตรฐานการศึกษา การเรียนรู้ ความคิดอ่าน ต่างกันอย่างมากมาย หลายเรื่อง ส่วนเรื่อง white collar หรือ blue collar ทรัพยากรขาดแคลนต่างกัน อันนี้ เพราะ สังคมเรา ให้คุณค่า และผลตอบแทนที่ไม่ยุติธรรม ทำให้เกิดปัญหาเรื้อรัง อยากให้โทษที่ระบบแย่ๆ และสนับสนุนการศึกษาที่มีมาตรฐานแก่ผู้ด้อยโอกาส
โดย
@bangkok
ศุกร์ ต.ค. 17, 2008 10:49 am
0
0
ฤา โลกกำลังจะแตก :Value Way 13 ตค.51
Miracle Happens Everyday ! "ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว" ชอบประโยคนี้ ครับ
โดย
@bangkok
ศุกร์ ต.ค. 17, 2008 10:43 am
0
0
!!! เรา....เตือนคุณแล้ว !!!
[quote="AuI_a VI"]กระทู้ของน้อง tanapol ผมว่ายอดเยี่ยมนะครับ แต่ประเด็นคือ อย่าใส่อารมณ์กับ เนื้อหามากไปจะดีที่สุดครับ มีข้อมูลหรือความเห็นอะไรก็ยกๆๆกันมาเลย อย่าเคืองหรือว่ากันเลยย
โดย
@bangkok
ศุกร์ มิ.ย. 13, 2008 3:11 pm
0
0
!!! เรา....เตือนคุณแล้ว !!!
เหรียญสองด้าน กระบี่สองคม ..... ดี ชั่ว ขาว ดำ แน่นอน ไม่แน่นอน ..... อยากให้บอกข้อเสียของหุ้นเยอะๆๆ เป็นข้อมูล จะได้มองรอบด้าน เจ้าของกะทู้ โดนใจจริงๆ เพราะเจตนา คือ มาแลกเปลี่ยนความเห็น และข้อมูล อะครับ มาแสดงความคิดเห็นที่ไตร่ตรองแล้ว หาก ผู้ใด เป็นการชวนผู้ใด ทะเลาะก็ขออภัย ครับ ไม่ได้เจตนา ขอบคุณครับ
โดย
@bangkok
ศุกร์ มิ.ย. 13, 2008 2:18 pm
0
0
!!! เรา....เตือนคุณแล้ว !!!
[quote="newbie_12"][quote="@bangkok"]"เห็นพูดแต่ค่าการตลาดกัน ไม่ค่อยพูดถึงค่าการกลั่น ค่าการตลาดติดลบ แต่ค่าการกลั่นกำไรบานเบอะ โรงกลั่น 5 ใน 7 โรงเป็นของ ปตท แล้วรู้มั๊ยว่าถ้าเทียบราคาน้ำมันกับค่าแรงขั้นต่ำของแต่ละประเทศ
โดย
@bangkok
ศุกร์ มิ.ย. 13, 2008 2:09 pm
0
0
!!! เรา....เตือนคุณแล้ว !!!
"เห็นพูดแต่ค่าการตลาดกัน ไม่ค่อยพูดถึงค่าการกลั่น ค่าการตลาดติดลบ แต่ค่าการกลั่นกำไรบานเบอะ โรงกลั่น 5 ใน 7 โรงเป็นของ ปตท แล้วรู้มั๊ยว่าถ้าเทียบราคาน้ำมันกับค่าแรงขั้นต่ำของแต่ละประเทศ ไทยเราแพงสุด และแพงมากด้วย" พี่ ที่ออส บอกลิตรละ 1.50+ aus dollar ค่าแรงขั้นต่ำๆมากๆ 10 เหรียญ ต่อ ชั่วโมง พี่ ไทย เรา รวยอะ(ประชดนะครับ) ใช้ น้ำมันแพงมาก ในความคิดส่วนตัว แพงติดอันดับโลก ห้าอันดับแรกๆ พวกที่บอก ขาดทุน มันขาดทุนกำไรอะดิ หน้าด้านสุดๆ หลอกคนทั้งประเทศ ผมไม่มี เขา บนหัวนะครับ
โดย
@bangkok
พฤหัสฯ. มิ.ย. 12, 2008 2:28 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
@bangkok
ระดับ:
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
จันทร์ ธ.ค. 31, 2007 1:42 am
ใช้งานล่าสุด:
พุธ ก.ค. 26, 2023 8:15 am
โพสต์ทั้งหมด:
67 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.01 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว