หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
Rockriverarms
Joined: อังคาร เม.ย. 06, 2004 10:14 am
50
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - Rockriverarms
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
...ค่าเงินบาทแข็งโป๊ก...
วันนี้ได้คุยกับเพื่อนที่ import ทองคำเค้าโทรไปที่สิงค์โปร์ถามเรื่องค่าเงินบาท ได้ข่าวว่ามีเงินทุนเข้ามาฝากตราสารในไทยเยอะมาก ทั้งๆที่เจอมาตรการ30% ก็ไม่ได้สนใจ ดูเหมือนว่าเงินเหล่านี้มองว่าแนวโน้มดอกเบี้ยในต่างประเทศจะลดลง ซึ่งเรื่องดอกเบี้ยอาจจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งแต่แนวโน้มของค่าเงินบาทจริงๆเค้าอจจะมองว่าน่าจะแข็งกว่านี้ ซึ่งสัดส่วนของค่าเงินมันมากพอๆกับอัตราดอกเบี้ย ผมก็ฟังมาอีกทีนะ เรื่องพวกนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก
โดย
Rockriverarms
พฤหัสฯ. ม.ค. 25, 2007 7:15 pm
0
0
Bill Miller,จอมยุทธทางการเงิน ตอน 1-5
อยากบอกลุงทีมว่า ตลาดหุ้นไทยระดับ 35 เท่าหรือ 3500% มีคนทำได้นะ ผมอาจจะไม่ถึงขั้นนั้นแต่คนที่ผมรู้จักหลายๆคนทำได้ระดับตัวเลขแถวๆนี้ หลายๆคนอาจจะเป็นเพียงฟังเค้าเล่ามาอีกทีว่าคนนั้นคนนี้กำไรมากน้อยเท่านั้นเท่านี้ แต่ก็มี 2 คนที่ผมรู้จักที่ทำได้แบบนี้ และไม่ใช่แต่ในตลาดหุ้นไทย ในตลาด Dowjones ก็มีคนไทยทำได้เช่นกัน แต่ตัวเลขแบบนี้ไม่ใช่ตัวเลขกำไรในพอร์ตนะ เราจะแทบไม่มีโอกาสเปิดพอร์ตมาแล้วเห็นตัวเลขในพอร์ตโชว์ว่ากำไรบวก 3500% แต่หากไปเปิดในสมุดบัญชีธนาคารอาจจะเห็นตัวเลขแบบนั้น คนแรกที่ผมได้มีโอกาสเจอ ได้มีโอกาสได้คุย เพราะนัดเจอแลกประสบการณ์การลงทุนเพราะมีรูปแบบการมองตลาดคล้ายๆกัน เค้าเริ่มลงทุนจากการเก็บสะสมเงินเดือนเล็กๆน้อยๆจน 4-5 ปีที่แล้วมีเงินอยู่ 5 แสนบาท เริ่มลงทุนช่วงที่ SET อยู่ 300 เศษๆ และคงเป็นจังหวะพอดีที่เข้ามาในช่วงตลาดหุ้นไทยกำลังเป็นขาขึ้นรุนแรง ณ.เวลานี้เปิดดูในพอร์ตเค้ายังเป็นตัวเลขสีแดงเพราะเห็นว่าขาดทุนจากเจ้า TPI พอสมควร ซึ่งเราก็ไปสรุปไม่ได้ว่านักลงทุนคนนี้ "ขาดทุน" แต่หากดูสรุปการลงทุนของเค้าในเวลา 4-5 ปี หรือดูในสมุดบัญชีธนาคารยังคงมีเงินสดสุทธิเกิน 40 ล้านอยู่ แต่เวลานี้ลดหายไป 10 กว่าล้านจากการไปซื้อบ้าน รถ ปัจจุบันเค้าก็ยังนั่งทำงานประจำกินเงินเดือน 2 หมื่นกว่าบาท และมีความสุขกับการลงทุน แต่สไตล์การลงทุนของเค้ากับของผมคนละเรื่องคนละทางกันเลยนะ เพียงแต่มีมุมมองรูปแบบการลงทุนแบบเดียวกันเท่านั้น ส่วนขั้นตอนของเค้ามันนักเก็งกำไรระยะสั้นๆมากเกินไป ผมไม่ถนัดแบบนั้นนัก เพราะบางวันเค้าโทรมาถามเรื่องหุ้น ผมถามว่ากำไรหรือขาดทุน บางวันเค้าบอกว่าวันนี้เค้าขาดทุนจากการเล่น Net ล้านกว่าบาท บางวันก็กำไรล้านกว่าบาท คนอะไรโคตรบ้าบิ่นเลย แต่ที่แน่ๆตอนนี้โดน TPI เงินในบัญชีหายไป 7 หลักแล้ว ก็หวังว่าเพื่อนผมคนนี้คนไม่มือเติบไปมากกว่านี้ ส่วนเพื่อนอีกคน คนนี้เป็นคนไทยที่ไปทำงานที่อเมริกา วันแรกที่ลงทุนในตลาดหุ้นคือวันที่ตึก Worls Trade ถล่ม แฟนเค้าเล่าให้ฟังว่า พอมีข่าวว่าตึก WorldTrade ถล่ม สามีเค้าก็เดินมาบอกว่าเราไปลงทุนในตลาดหุ้นกันเถอะ แต่ในครอบครัวมีเงินไม่เยอะ เค้าบ้าบิ่นขนาดว่าใช้เงินจากบัตรเครดิตทุกใบที่มี ผมไม่ได้คุยรายละเอียดว่าเค้าซื้อหุ้นกลุ่มไหนยังไง รู้แต่ว่าเวลานี้เค้ากลับมาอยู่เมืองไทยพร้อมกับเงินสดในบัญชีเฉียดๆ 200 ล้านซึ่งเค้าบอกว่ามันได้มาจากตลาดหุ้นอเมริกาทั้งหมดเลย เวลานี้เค้ากำลังสร้างบ้านที่เมืองไทย และก็ลองมาเล่นหุ้นไทย ผมถามเค้าว่าเค้าเลือกหุ้นจากอะไร เค้าบอกว่าเค้าจะนั่งเปิดดูผลประกอบการต่างๆ ลืมบอกไปว่าคนๆนี้จบบัญชีมา เค้ามองงบดุลในแบบฉบับของตัวเอง ตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่เคยสนใจอ่านบทวิเคราะห์ของโบรกฯต่างๆ อย่าว่าแต่อ่านเลย ชื่อโบรกฯเค้ายังไม่รู้จักเลย ตัวแรกในชีวิตกับการกลับมาลงทุนครั้งแรกในตลาดหุ้นไทยเค้าเลือกหุ้น BAY ลงทุนไว้ที่ราคา 10 กว่าบาท นี่ผ่านมาร่วมๆ 8 เดือนแล้ว บ้านเค้ายังสร้างไม่เสร็จ BAY ยังไม่ได้ขาย แถมซื้อหุ้นอื่นๆเพิ่มเข้ามาแต่โดยรวมเค้าบอกว่าในพอร์ตมี BAY ตัวเดียวที่กำไรนอกนั้นขาดทุนทั้งหมด แถมบ่นว่าตลาดหุ้นไทยเล่นยากกว่าของอเมริกา ผมกระว่าหากลงไป กทม จะแวะไปคุยกับเพื่อน 2 คนนี้อีกครั้ง ถึงแม้นรูปแบบการเล่นเก็งกำไรของทั้งสองคนอาจจะแตกต่างกัน เพราะคนนึงเก็งกำไรสั้นมากๆ อีกคนเก็งกำไรยาวหน่อย เพราะเรื่องแบบนี้มันต้องใช้ปัจจัยการตัดสินใจเยอะมาก แต่ผมอยากให้มองว่าตลาดหุ้นไทยมันเป็น Open Market ที่เปิดอิสระให้ทุกๆคน ทุกๆคนมีสิทธิ์จะคิดได้อิสระแต่ผลของมันไม่ควรใช้การเปรียบเทียบแต่น่าจะใช้ความพอใจมากกว่า เพื่อน 2 คนนี้ประสบความสำเร็จทางตัวเลขกำไรในบัญชีธนาคาร แต่ไม่สำเร็จหากไปดูตัวเลขการลงทุนในพอร์ต และผมก็เพิ่งจะมีเพื่อนลักษณะนี้เพียง 2 คน ส่วนอีกมากมายที่ได้คุยล้วนขาดทุนทั้งตัวเลขในพอร์ตและตัวเลขในบัญชี ทั้งๆที่มุมมองการลงทุนก็ไม่ได้มองแตกต่างกันมากเลยแต่ที่เห็นชัดๆคือเรื่องการตัดสินใจ ความกลัวและความดีใจที่ทำให้การตัดสินใจพลาด ก็เอามาเล่าให้ฟังสนุกๆครับ ไว้มีโอกาสลงไป กทม อีกอาจจะขอไปบันทึกเทปให้เค้าเล่ารายละเอียดเยอะๆมาเล่าให้ฟัง ก็หวังว่าน่าจะจุดประกายให้เพื่อนๆได้ลองคิดกันดูว่าตลาดหุ้นมันเป็นดาบสองคมที่หากใช้ถูกด้าน ถูกจังหวะ ถูกเวลา ประโยชน์มันก็มหาศาลเหมือนกัน ส่วนจะใช้ยังไง ตอนไหน แบบไหน ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ถามและหายากจริงๆสำหรับคำว่าสูตรสำเร็จอยู่ตรงไหน เพราะสิ่งเดียวที่เราโยนคำตอบไปรอตอบคือเรื่องของเวลา คำถามของเรามักจะไปอยู่ที่เวลาในอนาคต !!!!
โดย
Rockriverarms
อาทิตย์ ส.ค. 06, 2006 11:34 am
0
0
เชฟ ดี จัง
2 ปีที่แล้วที่ผู้บริหารเข้ามาเก็บหุ้นยาวนานเป็นปี เก็บจนสภาพคล่องหายไปจากตลาด เก็บช่วงราคา 18-22 บาทและจากนั้น SAFE ก็หยุดอยู่กับที่เป็นเวลานานเป็นปีเหมือนกัน สมชื่อ SAFE(TY) จริงๆ ปั่นหุ้นยังเข้าไปมั่วปั่นกับเค้า แล้วเลยเฮียปรัชญาปั่นกระทู้ผมจะละเลยไม่เข้ามาร่วมปั่นได้อย่างไร 5555 ช่วงนี้หุ้นกลุ่มประกันเริ่มมีการกระตุ้นกันบ่อยขึ้นแบบผิดหูผิดตาเหมือนกัน :-)
โดย
Rockriverarms
ศุกร์ ก.พ. 10, 2006 9:27 am
0
0
ปีใหม่เริ่มต้นใหม่ >>>> 2549
ขอให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกๆท่านมีความสุขตลอดปีใหม่ มีสุขภาพพอร์ต สุขภาพกายและใจเปี่ยมเต็มจนล้นไปด้วยความสุข ผมเองไม่ค่อยได้มา post ในนี้แต่อ่านทุกวัน บ้านหลังนี้ยังคงเป็นที่พักพิงที่ดีให้นักลงทุนมิเสื่อมคลาย ขอให้มีความสุขกันมากๆทุกๆคนครับ Happy New Year ครับ
โดย
Rockriverarms
ศุกร์ ธ.ค. 30, 2005 5:51 pm
0
0
หาหุ้นกับหาแฟนอันไหนยากกว่ากันครับ
หาแฟนแบบถาวรต้องหาแบบ VI ครับ แต่หากหาแบบ VS บ่อยๆ ระวังต่อๆไปจะหาไม่ได้เลยทั้ง Vi และ VS :B
โดย
Rockriverarms
พฤหัสฯ. ก.ย. 08, 2005 8:30 am
0
0
วันนี้ซื้อมอนิเตอร์มือสองขนาด15 นิ้วราคา1350 บาท
ผมเคยไปดูจอ LCD ที่เป็นจอกระจก ยอมรับว่ามันชัดมากกกกกกกกก ดูแล้วเป็นธรรมชาติมากกว่าจอ LCD ธรรมดา เห็นครั้งแรกยังชอบเลย สีสดใส แสงก็เป็นธรรมชาติมาก แต่ผมยังห่วงเรื่องแสงสะท้อนนะ ยังไม่มีโอกาสได้ไปลองใช้แบบเน้นๆเลย อีกอย่างจอผมเองก็เพิ่งซื้อมาไม่ถึงปี จะเปลี่ยนก็เสียดาย แต่ยอมรับว่ายังติดใจอยู่นะเจ้าจอกระจกเนี่ย
โดย
Rockriverarms
ศุกร์ ก.ย. 02, 2005 9:14 am
0
0
วันนี้ซื้อมอนิเตอร์มือสองขนาด15 นิ้วราคา1350 บาท
ผมว่าหากต้องนั่งทำงานกับ computer นานๆน่าจะใช้จอ LCD นะ เดี๋ยวนี้ไม่แพงด้วย ก่อนนี้ผมใช้จอแบนของ Sony นั่งทำงานนานๆแล้วแสบตา รู้ตัวเองเลยว่าสายตาล้า เพราะพอลุกออกจากจอ computer มันเป็นคนละเรื่องเลย เหมือนสายตาได้พัก แต่พอเปลี่ยนมาใช้จอ LCD นั่งทำงานครึ่งวันยังไม่รู้สึกอะไรเลย สบายตาขึ้นเยอะเลย สมัยก่อนจอแบน 17 นิ้วราคาหมื่นกว่า ค่อยๆลดลงมาเรื่อยๆจนอยู่ระดับ 3,000.-5,000 พัน จอ LCD ก่อนนี้เฉียด 2 หมื่นตอนนี้ก็ลดลงมา 8000-15,000 แล้ว
โดย
Rockriverarms
ศุกร์ ก.ย. 02, 2005 9:03 am
0
0
วันนี้ซื้อมอนิเตอร์มือสองขนาด15 นิ้วราคา1350 บาท
หากคุณ HOT ชอบของเก่าๆสนใจ Apple ][ ของผมไหม ขายให้ถูกๆ จอโมโนโครม สีเขียวสดใสเลยนะ มีการ์ดภาษาไทย Dyna, Z-80 ให้ด้วย น่าสะสมนะ อิอิ
โดย
Rockriverarms
พฤหัสฯ. ก.ย. 01, 2005 11:30 pm
0
0
วันนี้ซื้อมอนิเตอร์มือสองขนาด15 นิ้วราคา1350 บาท
ผมว่าซื้อแพงไปนะ ตอนนี้ของใหม่แกะกล่อง จอแบน 17 นิ้ว แค่ 3200 เองนะ ผมจำยี่ห้อไม่ได้ อะไรตรอนๆนี่แหละ แซมตรอนหรือเปล่าไม่รู้ และรับประกัน 1 ปีด้วย
โดย
Rockriverarms
พฤหัสฯ. ก.ย. 01, 2005 11:14 pm
0
0
เห็นด๊อกเต้อร์บอกว่าชาวVI ต้องมีสุขภาพที่ดี
เรื่องอาหารรักษาโรคผมเจอกับตัวเองจากเพื่อน 2 คน คนแรกเป็นมะเร็งปอด อีกคนเป็นผู้หญิงเป็นมะเร็งที่เต้านม พอรู้ว่าเป็นก็ยอมแพ้ชีวิต การงานที่ทำปล่อยทิ้ง ธุรกิจที่ทำก็ไม่ยอมเปิดร้านขาย วันๆเอาแต่เก็บตัวในห้อง ไปหาหมอมาหลายที่ ทุกที่บอกว่าต้องฉายแสงรักษา ต้องตัดหน้าอกทิ้ง แต่มีคนแนะนำให้ไปลองรักษาด้วยอาหาร ระยะแรกๆเพื่อนผม 2 คนนี้มันอายมากที่จะเอาอาหารแบบนั้นมากินทุกๆวัน จากเคยกินอาหารดีๆแพงๆ แต่ต้องมากินพวกอาหารพื้นๆเป็นพวกฟักทอง ผักบุ้งนึ่ง น้ำ RC เผือก มัน แต่คนที่แนะนำเค้าเป็นแล้วหาย เป็นตัวอย่างให้เพื่อนผมสู้กับกำลังใจตัวเอง เพื่อนๆผมเลยลองตาม แล้วจากนั้น 3 เดือนไปตรวจใหม่ปรากฏว่าเนื้อร้ายเล็กลงเรื่อยๆ ตอนนี้ผ่านมาจะ 2 ปีแล้ว จุดดำเนื้อร้ายเหล่านั้นหายไปหมดเลย ทุกวันนี้เพื่อนผมมันเลยพาคนทั้งบ้านกินอาหารรักษาโรคกันหมด แต่ก็ไม่ได้ว่าจะมีแต่อาหารแบบนั้นตลอดนะ มันก็มีบ้างที่จะกินแบบทั่วๆไป มันยังไม่มีผลสรุปว่าอาหารรักษาโรคได้เด็ดขาดไหม แต่ก็เป็นตัวอย่างนึงที่ผมเห็นว่ามันน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งของชีวิต จากการเลือกอาหารที่เหมาะสมเพื่อชีวิตที่มีคุณภาพขึ้น
โดย
Rockriverarms
พฤหัสฯ. ก.ย. 01, 2005 9:14 am
0
0
งานสัมมนา เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก..ทิศทางไปทางไหน ?
วันอาทิตย์คนเมล์มาจองที่นั่งเกิน 100 คนไปแล้ว พอดีผู้จัดฯใจดีให้มาอีก 100 ที่นั่งรวมเป็น 200 ที่นั่ง หากยังลังเลว่าจะไปดีไหม มีเวลาให้คิดอีก 1-2 วันครับ เต็มคราวนี้ผมคงไม่กล้า(หน้าด้าน)ไปขออีกแล้วนะ หมดแล้วหมดเลย
โดย
Rockriverarms
จันทร์ ส.ค. 08, 2005 7:33 pm
0
0
มีใครลองใช้ Google Earth หรือยังครับ
เข้าท่าแฮะ ขอบคุณที่มีดีๆมาแนะนำ ผมลองใช้แล้ว ตื่นเต้นดี ผมมองเห็นที่ดินแปลงของผมเลยนะ สุดยอดจริงๆ โปรแกรมมันหาได้หมดเลย เยี่ยมๆๆๆๆๆๆ
โดย
Rockriverarms
เสาร์ ส.ค. 06, 2005 7:25 pm
0
0
ผมว่าชาเขียวใส่ขวดต่างต่าง
ผมเคยกินชาเขียวของญี่ปุ่น ซื้อตามตู้หยอดเหรียญนี่แหละ แต่ทำไมของเค้าอร่อยเหลือเกิน ผ่านมาหลายปียังจำรสชาดได้เลย ชาเขียวบ้านเราผมลองมาแทบจะทุกยี่ห้อแล้ว ของออกมาใหม่ของค่าย Coke ก็ลองมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถลบล้างรสชาดนั้นได้เลย ทุกวันนี้ยังฝันถึงเจ้าชาเขียวขวดนั้นอยู่เลย เลยพลอยให้คิดถึงสาวญี่ปุ่นไปด้วย อิอิ :B
โดย
Rockriverarms
อาทิตย์ ก.ค. 17, 2005 11:12 pm
0
0
มือถือต้องใช้hd ด้วยหรือคับ
จุดสลบแบบนี้หากเกิดผมว่าคงหลบทันมังครับ :D MPT ผมไม่ได้สนใจขนาดจะทุ่มอะไรกับมันมากนักหรอกครับ แต่ผมชอบคุ้ยแคะแกะเกาเรื่องของพวกบริษัทต่างๆ มันตื่นเต้นดีหนะ :B
โดย
Rockriverarms
เสาร์ ก.ค. 16, 2005 10:45 pm
0
0
มือถือต้องใช้hd ด้วยหรือคับ
หากคิดแบบนั้นผมว่าเราคงห่วงทุกบริษัทนะ ห่วงบริษัทขายบ้านที่คนจะสร้างเองไม่พึ่งบริษัทรับสร้างบ้าน ห่วงบริษัททำโฆษณาที่บริษัทต่างๆอาจจะตั้งแผนกขึ้นมาทำเอง ผมว่าบางอย่างคนที่ทำธุรกิจใหญ่ๆเค้าคงไม่คิดอยากจะทำทุกอย่างหมดทุกขั้นตอน การเริ่มต้นสร้าง Technology ใหม่ไม่เหมือนการซื้อมาหรือขายไป ผมว่าการไปซื้อกิจการมันง่ายกว่า เครื่อง Computer เครื่องนึงมีชิ้นส่วนที่เกิดจากโรงงานมากมาย คนทำ mainboard ทำไมไม่ทำ Hdd เอง ทำไมไม่ทำ DisK Drive เอง ทำไมไม่ทำ Case เอง ทำไมไม่ทำ Power Supply เอง ทำไมไม่ทำ CPU เอง หรือแม้นกระทั่งของง่ายๆอย่าง RAM ทำไมไม่ตั้งโรงงานผลิตเองเลย หรือทำไม IBM ไม่ทำเองทั้งหมด ทำไมต้องไปสั่งชิ้นส่วนต่างๆจากโรงงานมากมายมารวมกันประกอบเครื่อง ผมว่าการลงทุนใหม่ในเรื่อง Technology ไม่ใช่เรื่องที่จะคุ้มทุน กรณีของ CEI เป็นเรื่องของการซื้อขายไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของการผลิตเลย น่าจะไม่น่าวิตกมากขนาดนั้นเร็วนักมังครับ
โดย
Rockriverarms
เสาร์ ก.ค. 16, 2005 10:30 pm
0
0
มือถือต้องใช้hd ด้วยหรือคับ
นิเด็ก เป็นผู้ผลิต motor ส่ง Seagate ทุกวันนี้มันยิ่งใหญ่มาก ทำเท่าไหร่ส่งไม่ทัน เห็นแล้วอิจฉาว่าทำไม ตลท ไม่มีหุ้นบริษัทพวกนี้เข้ามาบ้าง :cry:
โดย
Rockriverarms
เสาร์ ก.ค. 16, 2005 10:15 pm
0
0
มือถือต้องใช้hd ด้วยหรือคับ
ผมเคยถามวิศวกรที่ Seagate ว่าหากจะทำเองแบบ MPT ทำได้ไหม เค้าบอกว่า Technology ของ MPT หาก Seagate จะทำเองอย่างน้อยๆต้อง R&D หลายปี คงไม่ง่ายหรือหากจะง่ายก็คือไปซื้อ MPT ที่สิงค์โปร์ซ๊ะเลยง่ายกว่า
โดย
Rockriverarms
เสาร์ ก.ค. 16, 2005 10:12 pm
0
0
มือถือต้องใช้hd ด้วยหรือคับ
MPT เป็นหุ้นที่น่าสนใจ แต่ราคานี้ยังไม่น่าซื้อ ผมทำ Paper หุ้น MPT ใกล้จะเสร็จแล้ว แต่กระว่าขอรองบ Q2 ออกมาก่อนถึงจะเอาลงเวป โดยส่วนตัวให้ MPT เป็นหุ้น Turn Around ตัวหนึ่งเลย ของดีๆต้องรอจังหวะดีๆใจเย็นๆหน่อยครับ มี Story ของ MPT ที่เราอาจจะหาไม่ได้โดยตรง เหมือนเราไม่สามารถเข้าไปในโรงงานได้แต่เราสามารถรู้สิ่งที่ผ่านเข้าไปและออกมาจากโรงงาน MPT และนำมาซึ่งหาความน่าจะเป็นของการเข้าไปซื้อลงทุน จริงๆผมว่าการไป Visit Company บางครั้งเราเข้าใกล้ไป และอาจจะไม่ได้อะไรที่แม่นยำมากนัก แต่สู้เราเฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆผ่านอีกด้านของตัว MPT ก็เป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้เหมือนกัน สมัยก่อน Seagate ไม่เคยสั่งของจาก MPT หรือ KRP เลยนะ เพราะเกือบ 100% ก่อนนั้น Seagate สั่งซื้อจาก MPT สิงค์โปร์-จีนเป็นส่วนใหญ่ แล้วตอนนี้ KRP ถูก Take Over เป็น MPT ไปแล้ว ไม่แปลกที่ Q1-Q2 ของ MPT จึงพลิกกำไรออกมาแบบหน้ามือเป็นหลังมือ มีรายจ่ายของ KRP ในสมัยก่อนที่ต้องจ่ายให้กับบริษัทที่ไปซื้อแบบมาผลิตขาย ซึ่งเป็น % ที่เยอะมาก แต่ปัจจุบัน MPT ไม่ได้จ่ายส่วนนี้แล้ว เรียกว่าชิ้นงาน 1 ชิ้นที่ผลิตออกมารับกำไรคนเดียว 100% Q3 และ Qต่อๆไป น่าจับตาการก้าวกระโดของกำไรของ MPT ใครจะหาตัวเลขราคาหุ้นและจะหาจากตรงไหน ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมันเหมือนบริษัทที่เริ่มจากเลข 0 ไม่มีสถิติงบดุลมาให้เราดูและคนที่ดูปัจจุบันก็คาดหวังไปในอนาคตจากสิ่งที่ผ่านมาไม่ได้ชัดเจนด้วย MPT ของผมจึงไม่มองที่ MPT แต่ไปมองที่ 2 บริษัทคู่ค้าแทน ก็น่าจะจัดเป็นหุ้น VI ได้มังครับ อิอิ
โดย
Rockriverarms
เสาร์ ก.ค. 16, 2005 9:30 pm
0
0
มือถือต้องใช้hd ด้วยหรือคับ
Seagate ตั้งให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต HDD ใหญ่ที่สุดในโลกไปแล้วนะ เดือนก่อนโน้นประกาศรับสมัคร Engineer พันกว่าตำแหน่ง นอกจากนั้น WDC ก็ไม่น้อยหน้า ขยายกำลังผลิตแข่งกับ Seagate แบบตามกันไปติดๆ Hdd ของ 2 โรงงานนี้เน้นผลิต HDD ที่ไม่เกี่ยวกับ Computer แต่กลับเป็น Hdd ขนาดเล็กเป็นส่วนใหญ่ เสียดายที่ 2 บริษัทนี้ไม่อยู่ใน ตลท ไม่งั้นคงน่าสนใจมาก แต่ก็มีหุ้นบางตัวที่เกี่ยวข้องโดยตรงเหมือนกันนะ โรงงานพวกนี้ไม่ได้สนใจค่าเงินบาทเลย ซื้อเป็นดอลล่าร์ ขายเป็นดอลล่าร์ ขนาดซัปพลายเออร์ในเมืองไทย เวลาขายของให้โรงงานพวกนี้ยังต้องว่ากันเป็นดอลล่าร์เลย หากได้ไปแถววังน้อย หรือเขตอุตสาหกรรมโรจนะ จะเห็นว่ามีโรงงานเพียงไม่กี่แห่งที่ทำ OT กันทั้งวันทั้งคืน อุตสาหกรรม Computer มันไม่ค่อยโต บริษัทที่ทำส่วนที่เชื่อมโยงกับเครื่อง Computer จึงไม่ค่อยเห็นการทำกำไรแบบก้าวกระโดด ซึ่งใน ตลท ก็มีหุ้นพวกนี้อยู่เยอะและราคาก็ New Low ลงมาเรื่อยๆ แต่บริษัทที่หนี Computer ไปสู่นวกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่กลับโตวันโตคืน ตรงนี้น่าสนใจที่จะต้องติดตามดูเหมือนกันนะ
โดย
Rockriverarms
เสาร์ ก.ค. 16, 2005 9:12 pm
0
0
มือถือต้องใช้hd ด้วยหรือคับ
เครื่องถ่ายเอกสาร รถยนต์ เครื่องเล่น DVD โทรทัศน์ที่เป็นจอ LCD รุ่นใหม่ เครื่องเล่นดนตรี โทรศัพท์ เครื่องเล่น MP3 ตู้เย็น เตาไมโครเวฟ ฯลฯ เดี๋ยวนี้มี HDD ขนาด 1-1.8 นิ้วบรรจุไว้ภายในมีให้เห็นหลายรุ่นแล้วครับ HDD 1-1.8 เดี๋ยวนี้ทำได้ถึง 3-40 GB แล้วและมีความหนากว่า Chip เพียงนิดเดียว เมืองไทยถือว่าเป็นเจ้าผลิต HDD 1-1.8 นิ้วรายใหญ่ สังเกตุว่าเดี๋ยวนี้อะไรที่เป็น High Technology ที่เป็น Mobile Online มักจะใช้ HDD มากกว่าจะใช้ Chip คงด้วยขนาดความจุที่มากกว่ามังครับ
โดย
Rockriverarms
เสาร์ ก.ค. 16, 2005 7:52 pm
0
0
ซื้อหุ้นของวันพรุ่งนี้
ขอแจมหัวข้อนี้ด้วยคน แนวโน้มธุรกิจในวันข้างหน้า Baby Boomer http://www.hsdent.com/download/whotwttr2000s.pdf
โดย
Rockriverarms
อาทิตย์ มิ.ย. 05, 2005 2:24 pm
0
0
ยอดโอนเงินสัมนาเต็ม 150 ที่แล้วครับ ขอบคุณมากครับ
สุดยอดเลย เห็นจำนวนคนแล้วน่าปลื้มใจแทนเวปนี้จัง ฝากบางอย่างหน่อยครับ ผมเชื่อว่ามีคน ตจว ที่ไม่สามารถไปงานได้ แต่อยากฟังวิชาการครั้งนี้มาก หากจัดทำเป็น DVD ผมว่าจะดีมากเลยครับ ฝากคณะกรรมการช่วยพิจารณาด้วยครับ
โดย
Rockriverarms
พฤหัสฯ. พ.ค. 26, 2005 11:13 pm
0
0
คุณมน ผมไปแล้วนะ
เรื่องหนังสือ ผมรอได้ครับ ไม่ต้องลำบากส่งมาหรอกครับ ก็ต้องขอขอบคุณมากๆครับ ยังไงจะหยิบแล้วรีบจ่ายตังส์ก่อนแล้วกลับไปลุ้นอ่านที่บ้านครับ เพราะดูท่าจะเล่มหนามาก ไปยืนอ่านที่ร้านคงนานเดี๋ยวเจ้าของร้านจะเขม่นเอา
โดย
Rockriverarms
อังคาร มี.ค. 22, 2005 1:30 am
0
0
คุณมน ผมไปแล้วนะ
เฮียปรัชญาบรรยายมาได้ละเอียดยิบเลย แต่คงไม่ถึงขั้นนั้นนะ ที่บอกว่ากองทุนส่วนตัวอะไรนั่นหนะ ไม่ได้ใหญ่โตอะไรเลยนะ ทำกันเล็กๆสนุกๆเท่านั้นแต่ทำมาแค่ 3 เดือนแล้วเลิกนะ แบบว่าตั้งแต่ตั้งมาผมซื้อไปครั้งเดียวเมื่อตอน set ขึ้นไปจาก 380 ไป 800 พอขายไปก็ไม่ได้ซื้อหุ้นอีกเลย นานหลายเดือนจนเพื่อนๆถอนเงินเลิกกองทุนไปซื้อเองกันหมด 5555 20ปีเลยเหรอ งั้นแสดงว่าคงเห็นผมตั้งแต่เป็นเด็กๆแก้ผ้าวิ่งเล่นแถวบ้านเฮียแน่ๆ ไว้ผมจะเดินไปจิบน้ำชาที่บ้านเฮียนะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้าไปดูหุ้น เบื่อๆ พอร์ตว่างๆไม่รู้จะทำอะไรดีเหมือนกัน เดินไปโบรกก็ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลยช่วงนี้ สงสัยต้องกลับไปชาร์ตแบตที่วัดซ๊ะแล้ว คุณหมอที่บอกว่าเฮียเคยไปนั่งเรียนกราฟผมก็รู้จักนะ สนิทกันมากด้วยแต่ไม่ได้เจอมาหลายปีแล้ว ตอนหลังทราบว่าภรรยาท่านเสียไปนานแล้ว ก็ยังไม่มีโอกาสได้เจอเลย แต่ก็ได้ข่าวว่ายังเข้าๆออกๆห้องค้านานๆครั้ง คนเก่าๆหายไปเยอะเลยนะ สมัยก่อนบรรยากาศห้องค้าที่ขอนแก่นสนุกมาก เฮฮาอย่างกะเข้ามาหาเงินสนุกๆง่ายๆงั้นแหละ (แต่เมื่อก่อนมันก็หาง่ายจริงๆนะ) ยังไงก็ขอบคุณเฮีบปรัชญามากครับที่เก็บความลับให้ผม แต่เล่นบรรยายมาละเอียดแบบนี้ จะมีใครแกะรหัสลับออกไหมเนี่ยว่าผมคือใคร 5555 ฝากถึงคุณมน ที่ผมบอกว่าผมหล่อกว่านี่ผมไม่ได้พูดเองนะ คนในงานมีตติ้งเค้าบอกผมมาอีกที ผมจะไปเถียงเค้าก็ยังไงอยู่ ก็ฟังๆไว้เท่านั้น แต่ผมว่าผมดูยังไงๆผมก็หล่อกว่านะ 55555 ว่าแต่หนังสือ วันนี้ผมไปเดินหาทั้งร้านยังไม่เจอเลย ตกลงมันชื่อหนังสืออะไรครับ
โดย
Rockriverarms
อังคาร มี.ค. 22, 2005 12:59 am
0
0
คุณมน ผมไปแล้วนะ
ผมรู้จักเฮียปรัชญามานานแล้ว อ.ลุคก็คุยกันมาหลายปีแล้วเหมือนกัน แต่ผมยังอยากใช้ชีวิตเงียบๆแบบนี้อยู่ครับ ทุกวันนี้มาร์ที่โบรกฯหลายๆที่พอผมไปถึงห้องค้าเค้าก็จะ print เวปของผมมาให้ผมอ่าน จากนั้นก็จะมีรายการวิพากษ์วิจารณ์มุมมองของแต่ละวัน ผมเองก็พยายามติคนเขียน พยายามมองสวนทาง ด่าคนเขียนยังมีเลย 5555 แบบว่าชอบมองสวนทางกับคุณ Rockriverarms แต่ก็ได้น้องมาร์เหล่านี้คอยปกป้อง เถียงกับผมประจำ เรียกว่าด่าคนเขียนยังไงหล่อนก็เถียงกลับทุกที 5555 วันไหนหากมีคนรู้จัก ชีวิตผมคงขาดสีสรรไปเยอะ แต่ดีใจครับที่ได้แนะนำตัวกับพี่ปรัญญา กับ อ.ลุค จริงๆคนลงทุนหุ้นในขอนแก่น วงแคบมากนะ รู้จักกันทุกคนจนจะเหมือนญาติกันทุกคนเลย ไว้ผมจะเดินเล่น(ไม่ถึง 3นาที)จะแวะไปคุยด้วยครับ ผมเองบางทีกลับดึกๆก็แวะไปกินข้าวต้มหน้าบ้านเฮียนะ แต่ลึกเข้าไปกว่านั้นยังไม่ได้เข้าไปเที่ยว แบบว่าเลิกเที่ยวแบบนั้นมานานแล้ว แต่หากเห็นผมขอให้เข้าใจว่าผมไปส่งเพื่อนนะ 55555 ตอนนี้รอว่าเมื่อไหร่จะมีเพื่อนๆ TVI จัดวิชาการบ้าง พูดถึงคุณมนตรี ก็เป็นคนบ้านเดียวกัน มีคนในงานมีตติ้งบอกว่าผมกับคุณมนตรีหน้าตาอย่างกะพี่น้องกัน แต่ผมดูยังไงผมก็ว่าผมหล่อกว่าน๊า :-) เพียงประโยคคำพูดเดียวของคุณมนตรีก็ให้ความคิดดีๆผมเยอะเลย เสียดายว่าวันนั้นไม่มีเวลาไปคุยด้วยแบบจริงๆจังๆ
โดย
Rockriverarms
จันทร์ มี.ค. 21, 2005 9:51 am
0
0
ถามทุกท่าน : ตอนนี้คนทั่วไปรู้สึกยังไงกับตลาดหลักทรัพย์ครับ
ผมกลับมองว่าตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงไปตามแนวโน้มความสนใจของกระแสเงิน รายย่อยที่ยังวนเวียนเล่นแบบเดิมๆก็จะเวียนว่ายอยู่ในกระแสของการเก็งกำไร พอใจกับการทำกำไรเล้กๆน้อยๆ ตลอด 2 ปีมานี่คนหลงไปเล่นเก็งกำไรสั้นๆกันหมด และที่สำคัญคนเหล่านั้นก็เก่งมากขึ้น ทำให้การเล่นแบบเดิมๆยิ่งยากเพราะสิ่งที่เห็นเหมือนๆกัน เฝ้ามองแบบเดียวกัน ต่างชาติเคย comment ว่าหุ้นไทยจะไม่โตตราบใดที่มีคนเล่น Net สูงมากเกินไป เงินจริงๆไม่มี ความแข็งแกรงของหุ้นจึงไม่มี ผมเห็นว่าการที่ฝรั่งขายหุ้นหลายร้อยตัวแล้วกลับมาซื้อหุ้นเพียงไม่กี่ตัว แนวโน้มการลงทุนก็เลยเปลี่ยนไปหมดเลย การลงทุนเราจะไม่ถามเรื่องของกำไรเพียงอย่างเดียว เพราะตลาดจะลงมันก็หากำไรได้เหมือนกัน แต่ตลาดขาขึ้นบางคนกลับหากำไรไม่ได้ กองทุนไทยถือว่าเป็น Symbol ของการลงทุนแบบมืออาชีพ แต่ขายหุ้นไทยออกมาเกือบ 2 เดือนแบบไม่มีวันหยุด ทำให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้นมาแล้วว่าพื้นฐานหุ้นดีแต่เงินของเราที่จะทำให้ราคาหุ้นไปยืนตรงพื้นฐานของมัน มีน้อยเกินไป P/E หุ้นเป็นเพียงตัวเลขสมมุติ เหมือนอัตราดอกเบี้ยที่จะเป็นตัวเลขสมมุติเพียงชั่วระยะเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น เราไม่สามารถเอาอะไรไปเปรียบเทียบกับอะไรได้เลย พวกเราบอกว่า P/E 9 แต่ต่างชาติบอกว่าต้อง P/E 12 ถามว่าเพียงค่า P/E เรายังไม่รู้เลยว่ามันสมควรจะไปอยู่ที่ตรงไหน เราจะเอาอะไรมาบอกว่าความเหมาะสมอยู่ที่ไหน คนที่จะบอกได้ชัดที่สุดจึงเป็นคนที่มีความสามารถจะทำให้เกิดขึ้นได้ ทุกคนลงทุนล้วนเก็งกำไรทั้งนั้น บางคนเก็งกำไร 1 วัน 1เดือน 1ปี แต่ต่างชาติอาจจะเก็งกำไรหลายปีเท่านั้นเอง แต่สรุปแล้วทุกคนล้วนเก็งกำไรกันหมด ไม่มีบทสรุปเรื่องการลงทุนเลยนะ โอกาสตางหากที่เรามองหา ก็อยู่ว่าเราไปยืนหาโอกาสตรงส่วนไหนของตลาดเท่านั้น
โดย
Rockriverarms
พฤหัสฯ. ก.พ. 03, 2005 5:26 pm
0
0
การพนันหรือศาสตร์การลงทุน?
คุณคัดท้าย แสดงความเห็นได้เห็นภาพจริงๆ ผมชอบการเสนอแนะและโต้เถียงกันนะ เพราะผมเชื่อว่าบางอย่างจะมีมุมมองที่เรามองไม่เห็นและการเสวนาจะทำให้เราเห็นมุมมองอันนั้น เพียงแต่อย่าปฏิเสธสิ่งที่เราไม่รู้ทั้งๆที่เรายังไม่ได้พิสูจน์ เพียงความเชื่ออย่างเดียวมันอาจจะทำให้เราเสียโอกาสในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ผมเข้ามาในนี้ทุกวันแต่ไม่ค่อยกล้าเสนอความคิดอะไร สังคมจะน่าอยู่หากบ้านทุกหลังหันมาถามสารทุกข์กันบ้าง ชุมชนนักลงทุนต้องดีขึ้นแน่ๆครับ
โดย
Rockriverarms
อาทิตย์ ม.ค. 09, 2005 9:52 pm
0
0
ตลาดหุ้น(เล่นแบบ)ไทย
ผมไม่ได้มาชวนสร้างขวัญกำลังใจอะไรหรอกนะ แต่เห็นพวกเรารายย่อยกระจัดกระจายหลากหลายความคิด มีกระจายเป็นกลุ่มๆกัน ผมว่าพวกเราน่าจะต้องรวมตัวกันทางความคิด เปิดรับแนวคิดของทุกๆกลุ่มแล้วเอามาช่วยกันอุดช่องโหว่ของตลาดหุ้นไทย อาจจะเรียกว่ากลุ่มพลังรายย่อยเพื่อรายย่อยด้วยกัน เอาจุดเด่นทางความคิดมารวมเข้ากันให้ได้ เวลานี้ตลาดหุ้นบ้านเราเหมือนยังไร้รูปแบบทิศทาง หากมีรายย่อยที่เป็นตาสัปปะรดสอดส่องช่วยกันผมว่าพวกเราไปถึงจุดหมายด้วยกันหมดทุกๆคนแน่ๆ ไม่มีใครเก่งคนเดียวเอาชนะตลาดได้ แต่เป็นเพราะแต่ละคนพอใจในสิ่งที่ตัวเองคิดได้ เลยหยุดความพอใจไว้ตรงนั้นและปิดสิ่งอื่นๆที่จะเข้ามา ผมก็แค่เปิดประเด็นนี้เผื่อจะมีคนสนใจ ส่วนจะทำยังไง รูปแบบออกมาแบบไหน ผมก็ไม่รู้เพียงแต่เป็นสิ่งที่ผมอยากเห็น
โดย
Rockriverarms
ศุกร์ ส.ค. 13, 2004 9:08 am
0
0
คุณคัดท้ายครับ ขอมุมมองของคุณ ต่อ ดัชนีไทย และดัชนีทั่วโลก
ในมุมมองของผมเราจะได้เห็น 500 และ 1000 จุดในปีเดียวกัน มี indicator หลายๆตัวที่บอกถึงสภาวะกระทิงที่รออยู่ข้างหน้า การขายของต่างชาติยังจะยังคงมีให้เห็นต่อเนื่องพร้อมกับจะเห็นกองทุนไทยซื้อขายลดน้อยลงไปเรื่อยๆๆๆ ช่วงเวลานี้เป็นการปรับพอร์ตครั้งใหญ่ของตลาดหุ้นไทย ปีที่แล้วฝรั่งทำจาก 300 ไป 600 ปีนี้เราจะเห็นฝรั่งกลุ่มเดิมทำ 500 ไป 1000 ในรายละเอียดผมคงบอกอะไรไม่ได้มากนักในเวลานี้ หุ้นดีๆ P/E ต่ำๆอาจจะไม่ใช่จุดน่าสนใจของกลุ่มทุน แต่จะเป็นที่น่าสนใจของรายย่อย คำว่าพื้นฐานดี ล้วนเกิดจากคนที่บอกว่าตัวไหนพื้นฐานดี เพราะเราไม่ได้ตั้งกรอบของการลงทุนไว้ที่ตัวเลขทางบัญชีเพียงอย่างเดียว นั่นไม่ใช่สูตรสำเร็ขของการเลือกลงทุน การเล่นของฝรั่งกับการเล่นของคนไทยมองคนละแบบ มองคำว่าพื้นฐานหุ้นคนละทาง มีสิ่งที่เราไม่รู้คือคำว่า "อนาคตของธุรกิจ" ที่เรากับฝรั่งมองกันคนละอย่าง เรามักจะซื้อหุ้นและถือวิ่งไปหามูลค่าที่น่าจะเป็นของหุ้น แต่ฝรั่งจะซื้อหรือขายเพื่อกำหนดมูลค่าของหุ้นเอง จุดคิดมันต่างกันจุดเริ่มก็เลยไม่เหมือนกัน ตราบใดที่ตลาดหุ้นบ้านเรายังเล็กๆเม็ดเงินน้อยๆอยู่แบบนี้ พื้นฐานหุ้นอาจจะไม่สามารถสร้าง Market Cap ให้ใหญ่ๆได้ ตลาดเมกามันใหญ่จึงเล่นตามพื้นฐานหุ้นได้ เราเองถูกเม็ดเงินเป็นตัวกำหนดพื้นฐานของตลาด คงต้องใช้เวลาและความรู้ของนักลงทุนส่วนนึงแต่ส่วนที่สำคัญต้องใช้เงินครับ เงินทุนเราเท่านี้คงทำได้เท่าที่เห็น ไม่ไปไหนไกลหรอกครับ ตลาดเราแข็งแกร่งด้วยตัวของเราเองเมื่อไหร่ เวลานั้นเราจะสามารถยืนต้านทานกระแสเงินต่างชาติได้เองครับ แต่ไม่รู้ว่าอีกนานไหม ชีวิตการลงทุนของเราจะทันได้เห็นไหมเท่านั้น รอ P/E ต่ำๆน่าซื้อแต่ซื้อแล้วกว่าจะไปถึงมูลค่าของมัน "เวลา" เป็นสิ่งเดียวที่เราเฝ้ารอมันว่าเมื่อไหร่ มีสิ่งหนึ่งที่เราสามารถรู้ว่าเวาลานั้นคือเมื่อไหร่ อีกนานแค่ไหนคือไปดูว่าคนส่วนใหญ่คิดยังไง
โดย
Rockriverarms
จันทร์ พ.ค. 17, 2004 7:54 pm
0
0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
ผมว่าไม่ต้องรอให้อายุ 60 ปีหรอกนะ หากจะให้เงินทำหน้าที่แทนเรา หากเราเห้นโอกาสผมว่าเราคว้าไว้ก่อนเลย การลงทุนในหุ้นมันมีเรื่องของกำไร ขาดทุน และเรื่องของเวลาที่เรามักจะไม่ค่อยเอามาคิดกัน แต่ต้นทุนเรื่องเวลาผมว่ามันสำคัญพอๆกันเลยนะ ผมคิดว่าผมจะอยู่ในวงจรหุ้นไปอีกนาน แต่การลงทุนตอนนี้ผมพยายามลดเรื่องเวลาลงมาเท่านั้น กำไรมันพอหาได้แต่สัดส่วนกำไรต่อเวลา (ไม่ใช่กำไรต่อต้นทุนนะ) เป็นสิ่งที่ผมกำลังส่ายตาหาโอกาส เมื่อทำไปได้ถึงระดับหนึ่งซึ่งเวลาไม่มีผลกับผมแล้ว ตอนนั้นผมคงค่อยๆหนีห่างวงจรหุ้นปล่อยให้มันเดินไปตามทางของมันเอง
โดย
Rockriverarms
อังคาร เม.ย. 13, 2004 2:00 pm
0
0
หลายคนมองว่ามีบ้านให้เช่า แล้วเป็นเสือนอนกินคอยเก็บค่าเช่า..
N-Park ตัวที่ผมแพ้สยบราบคาบ หากมองพื้นฐานผมว่ามันดี แต่ทางด้าน Technical มันมีคนคอยทำลายอยุ่เรื่อยๆ ผมมองว่ามันเป็นเรื่องของเกมส์การเงินอย่างนึงนะ ธุรกิจเค้าดีและเชื่อว่ารูปแบบของธุรกิจเค้ามองไกลจริงๆ เหมือนมีคนต้องการซื้อและมีคนจงใจทุบๆๆๆๆ เป็นคนละคนกัน แต่เชื่อว่าไม่นานคงตกลงกันได้มั๊ง 5555 ผมยังคงแอบเล็งๆอยู่นะ รอให้เห็นภาพชัดๆกว่านี้อีกหน่อยครับ
โดย
Rockriverarms
อังคาร เม.ย. 13, 2004 12:23 pm
0
0
ความรู้สึก กับ ความเป็นจริง
ผมขาย CSL ในราคาเคาะเปิดวันแรกที่ 11 บาท เป็นหุ้นที่ผมไม่กล้าเล่น เป็นหุ้นกลุ่ม SHIN ที่ใครๆอาจจะมองว่าน่าสนใจ แต่ผมเองยอมรับว่ามองแนวโน้มธุรกิจนี้ไม่น่าจะเติบโตยั่งยืน หากยังคงทำแค่ ISP อยู่แบบนี้นะ จำได้ว่า SC หุ้นที่ดิน กำลังลากกันมันส์ๆสนุกกันอยู่เลย แล้วมาเจอนายกออกมาเบรคผ่านรายการวิทยุทีเดียวเท่านั้นว่า มีคนมาปั่นหุ้นบริษัทลูกสาวผม เท่านั้นแหละ หุ้นสงบเงียบนิ่งเลย จนทุกวันนี้ก็นิ่งไม่ไปไหน 5555 เลยคิดว่าหากจะปั่นหุ้นนายกต้องไปปั่นตัวหลักๆครับ ตัวเล็กๆอย่าไปยุ่งเลยเดี๋ยวโดนด่า 5555
โดย
Rockriverarms
อังคาร เม.ย. 13, 2004 12:16 pm
0
0
จริงหรือไม่ที่คนพูดว่า กิจการที่ดี ไม่เข้าตลาด กิจการที่เข้า
ไม่ได้มองแง่ร้ายหรอกครับ ของจริงๆมันก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว 5555 เราจะไปเอาอะไรเท่าเทียมกับคนพวกนั้นหละครับ ถือว่าให้โอกาสเค้าก็แล้วกันที่ทำบริษัทโตมาได้ขนาดนี้ มีหลงเหลือมาให้ผู้ถือหุ้นก็บุญแล้ว แต่ไอ้พวกบริษัทใหม่ๆนี่สิ ยังไงก็อย่าเพิ่งเอาเปรียบผู้ถือหุ้นเลยนะ ดูอย่างเจ้าหุ้น ROYNET สิ รวยเละไปแล้วมั๊ง 5555 ก็รอดูว่า กลต จะจัดการ ROYNET ให้เป็นตัวอย่างซักรายไหมนะ อยากเห็นจริงๆ สมัยนึงเพื่อนผมเคยขายที่ดินให้บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ตอนนี้หุ้นตัวนี้ออกไปไหนแล้วก้ไม่รู้ เค้าขายในราคา 30 ล้าน ขายให้คนๆหนึ่งแต่ต่อมาอีก 6 เดือน บริษัทที่ว่าก็มาขึ้นโครงการก็คงไปซื้อที่ดินต่อจากคนๆนี้มังครับ ถามว่ามีโอกาสที่จะเป็นคนๆเดียวกันซื้อขายต่อให้กันได้ไหม ผมอาจจะคิดมากนะแต่คุณมาจุดประกายความคิดผมเลยขอคิดมั่ง 5555
โดย
Rockriverarms
อังคาร เม.ย. 13, 2004 12:11 pm
0
0
ความรู้สึก กับ ความเป็นจริง
อินเตอร์เนตจะครอบครองโลก ผู้ให้บริการอินเตอร์เนตไม่ใช่ผู้ครอบครองแต่ผู้เอาอินเตอร์เนตต่อเข้าไปถึงในบ้านนี่คือตัวจริง AOL ผู้ให้บริการอินเตอร์เนตรายใหญ่ที่สุดในโลก กับ AT&T ผู้ให้บริการโทรศัพท์ในเมกา ราคาหุ้นผิดกับลิบ คนแรกเคยขึ้นไปสูงสุดสมัยช่วงบูมๆแล้วจากนั้นก็กลับถอยลงมาเพราะค่าบริการมันแทบจะให้ใช้กันฟรีๆแล้ว เหมือนเมืองไทยที่ค่าชั่วโมงเนตต่อไปผมว่าแจกฟรีแน่ๆ ตอนนี้ TOT ก้เริ่มจะทำให้บรรดาพวก ISP ก่ายหน้าผากกันแล้ว ก้พี่ TOT เราเล่นแจกฟรีแบบนี้ บริษัทไหนๆหละจะไปสู้ได้ ไอ้แค่เรื่องความเร็วผมว่าตอนนี้เป็นเพียงข้ออ้างที่เอามาเปรียบเทียบกันเท่านั้น แต่ต่อไปผมว่ามันเอาแน่ TOT มันเร่งความเร็วแน่ๆ TOT มันเหมือนคนขายส่งที่ลงมาขายปลีกในราคาขายส่ง ในที่สุดพ่อค้าขายปลีกก็ไปไม่รอดนะ รอซื้อ TOT ดีกั่ว
โดย
Rockriverarms
อังคาร เม.ย. 13, 2004 12:01 pm
0
0
ความรู้สึก กับ ความเป็นจริง
งั้นเราจะซื้อก้อนดินกันดูดีไหมครับ อิอิ แต่ผมไม่เอานะ กลัวมันจะมีแต่ดินหนะ หรืออย่างมากก็อาจจะเป็นโป่งขามเม้ดเล้กๆ ถอยดีกว่าๆๆๆๆๆๆๆ
โดย
Rockriverarms
อังคาร เม.ย. 13, 2004 11:52 am
0
0
ความรู้สึก กับ ความเป็นจริง
ผมว่ามันน่าจะเป็นก้อนดินกับแหวนเพ็ชรมากกว่านะ เผอิญในก้อนดิน มีคนบางคนคาดว่ามันจะมีโคตรเพ็ชรฝังอยู่ในนั้นมั๊ง อิอิ :D
โดย
Rockriverarms
อังคาร เม.ย. 13, 2004 11:47 am
0
0
ความรู้สึก กับ ความเป็นจริง
TA ราคาสูงสุดที่เคยเป็นคือ 166 ปัจจุบันไม่ถึง 10 บาท เรียกได้ว่าราคาได้ลงมาตอบรับการขาดทุนที่มีอยู่ไปแล้ว ธุรกิจสื่อสารเป็นการมองอนาคตของการผูกขาด ที่อยู่ที่การมองอนาคต อาจจะเพราะเป็นธุรกิจที่มีลูกเล่นทางธุรกิจที่มากมาย มีการพัฒนาที่จะเข้าไปสู่คนทุกระดับ เป็นธุรกิจจที่สามารถจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนได้เยอะกว่า ส่วน Makro เป็นธุรกิจแบบค่อยๆโต เป็นเรื่องการขายสินค้าที่คนใช้ประจำที่จะขยายตัวตามความต้องการของคน ของครอบครัวที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจแบบนี้จะโตขึ้นเรื่อยๆในสัดส่วนที่ไม่แตกต่างกันนักในแต่ละปี แต่จะเป็นธุรกิจที่ขยายตัวแบบมั่นคงต่อเนื่อง ดังนั้นการจะลงทุนหุ้นแต่ละตัวก็ต้องมองถึงเงินที่ลงทุนไปและได้ผลตอบแทนกลับมา ที่จะเป็นไปตามแบบของธุรกิจนั้นๆด้วยครับ หากจะเปรียบเทียบธุรกิจคงไม่ได้เอาเพียงกำไรของอีกธุรกิจนึงไปเปรียบเทียบกับอีกธุรกิจนึง มันมีค่าที่เราเรียกว่า "อนาคต" ที่เราไม่สามารถหาตัวเลขตัวนี้ออกมาได้ CP เป็นเจ้าของทั้ง TA และ Makro ในยามที่เจอพิษเศรษฐกิจยอมที่จะตัดแขนขาบางอย่างเพื่อรักษาชีวิต ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเค้าเลือกที่จะตัด makro!!!
โดย
Rockriverarms
อังคาร เม.ย. 13, 2004 11:25 am
0
0
คำถามเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค
ผมขอช่วงวันหยุดนะ จะเขียนลงเวปให้เลยเพราะมีหลายๆคนเคยถามผมมามากเรื่องดู indicator ยังไง เพราะในหุ้น 1 ตัวผมดูกราฟเป็น 10 อันกว่าจะสรุปเพื่อจะตัดสินใจลงทุนซื้อหรือขาย ดังนั้นขอเวลาซักวันครับ ผมจะตอบในมุมมองแบบฉบับของผมให้ครับ
โดย
Rockriverarms
อังคาร เม.ย. 13, 2004 12:04 am
0
0
คำถามเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค
ที่คุณ VIB007 ถามเรื่อง ..หุ้นที่เราถืออยู่ขึ้นไปมากแล้วในทางเทคนิค จะได้ขายออกไปบางส่วนเพื่อรับกลับเฉลี่ยต้นทุน... มันก็คงต้องใช้หลักความคิดที่มองผ่านเส้นสายต่างๆนะ หุ้นบางจำพวกจะเล่นขึ้นมารับผลประกอบการ ผลของการ XD หรือบางทีก็ลากขึ้นมาตามปัจจัยข่าวเรื่องแนวโน้มตลาดโลก ตามกระแสความต้องการที่เกิดขึ้นในตลาดในช่วงนั้นๆ ซึ่งพวกนี้จะขึ้นมาเป็นพักๆ หากพอร์ตใหญ่ๆเรื่องแบบนี้เค้าไม่สนใจนะ เพราะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่หากพอร์ตเล็กๆผมว่ามันมีผลมากนะ คงอธิบายยากนะเพราะมันเหมือนมาอธิบายการดู indicator ต่างๆว่าดูยังไง เอางี้ไหม ลองบอกหุ้นเป็นตัวๆมาซักตัว แล้วไงผมจะได้ยกตัวอย่างประกอบให้ในแบบมุมมองของผม
โดย
Rockriverarms
จันทร์ เม.ย. 12, 2004 10:04 pm
0
0
คำถามเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค
คำถามที่ผมมีในใจก็คือ ทำไงถึงจะสอนคนอีกคนที่ไม่เคยรู้เรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิคให้วิเคราะห์เป็นได้ครับ ..... ตอบ : ผมขอตอบในมุมมองของผมนะ ไม่รู้ว่าผิดหรือถูก แต่ผมคิดแบบนี้จริงๆ ผมเองสมัยนึงมีคนเก่งๆเรื่อง Pure Technical ที่ให้ถามอะไรเยอะแยะ ผมสงสัยอะไรคนๆนี้ตอบได้หมด แต่ตอนนี้เลิกเล่นหุ้นไปแล้ว เพราะขาดทุน!!! ขาดทุนกับหุ้นสมัย 1700 ถามว่าเวลานั้นหากเรามาย้อนดูกราฟจะเห็นว่า เราเพิ่งเริ่มใช้ Technical กัน ข้อมูลต่างๆเรามีไม่มาก เป็นเหมือนย่างก้าวแรกๆของเด็กที่เพิ่งโต ผมเองก็ขาดทุนกับการเล่น Technical ในสัมยนั้นนะเพราะเราเล่นบนความมั่นใจว่า"เรารู้" แต่จริงๆมันไม่ใช่ ผมเองเลิกใช้ Technical เลยนะ ไม่สนเลย และเลิกเล่นหุ้นมา 6-7 ปีแล้ว จนมาเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผมกลับมาเล่นหุ้นอีกครั้ง ผมกลับมาตอนที่ set อยู่ 300 มาคราวนี้ผมเปลี่ยนการมอง Technical ใหม่ จากการที่ผมไปศึกษาธรรมะ ไปบวชที่วัดป่า ใครฟังแล้วอาจจะขำ หัวเราะแต่ผมได้แบบนี้มาจริงๆ ผมกลับมองว่าคนเราทุกๆคนจะสุขหรือทุกข์ล้วนเกิดจากใจ มีความอยากได้แต่ไม่ได้ดังที่อยาก ผมเลยลองคิดเล่นๆกับกราฟ ปรากฏว่ามันกลับเห็นอะไรเยอะกว่าที่เคยเห็น ผมไม่สนใจ MACD ไม่สนใจ Sto ไม่สนใจ RSI เพราะคิดว่าทฤษฏีแบบนี้มันไม่ใช่สูตรสำเร็จ ผมกลับมอง indicator แบบนี้เป็นเรื่องของคนแทน โดยให้ RSI แทนความอยากของคน เวลาที่ RSI ลงมาต่ำๆคนเราจะเครียด หุ้นจะลงได้ลงดีทุกวัน คนกล้าที่จะ CUT หุ้นทิ้งแต่กลับเป็นช่วงเวลาที่น่าซื้อหุ้นมากที่สุด หรือในทางกลับกันเวลาที่ RSI ขึ้นไปสูงๆเป็นเวลาที่ใครซื้ออะไรได้ตังส์หมด เกิดความอยากได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเวลาแบบนั้นผมกลับอยากขายหุ้น เค้าต้องไปเรียนรู้เครื่องมือวัดต่างๆ เช่น MACD Moving average หรืออะไรก็ตาม และต้องรู้จักใช้ให้เป็นด้วยรึเปล่า??? ....... ตอบ : สำหรับผมๆไม่ได้เรียนเรื่องพวกนี้ และไม่ได้คิดอยากจะอ่านเรื่องเหล่านี้เลยนะ อาจจะเป็นเพราะสมัยก่อนผมเคยรู้เรื่องเหล่านี้มาแล้วก็ได้ แต่สิ่งที่เคยรู้กลับไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์อะไรเลย เค้าต้องฝึกยังไงบ้างเพื่อที่จะสามารถนำไปใช้ในการซื้อขายจริงๆ ได้???? ตอบ : ตอบยากนะ วิธีที่ผมคิดและใช้ๆอยู่ สอนกัน 3 ชม ก็หมดแล้ว แต่การเอาไปใช้มันแปรเปลี่ยนไปตามสถานะการณ์จนยากจะสรุปเป็นกฏตายตัวนะ ประสพการณ์จะหาได้จากที่ไหน??? ตอบ : จากในตลาด จากการลองของจริง จากการลองของจริงนี่คือลองของจริงๆที่ไม่ใช่การทดลองซื้อขายในกระดาษเพราะคุณจะรู้ตัวเองได้เลยว่า อารมณ์ของคุณจะเข้ามาเบี่ยงเบนความอยากได้เสมอ ดังนั้นต้องลองกับของจริงๆครับ ผมไม่เคยเปิดใจคุยอะไรแบบนี้เลยนะ เพราะคิดว่าวิธีคิดของผมมันพื้นๆง่ายๆไม่มีหลักอ้างอิงทางวิชาการอะไรเลย ผมก็คิดของผมลงทุนของผมแบบนี้หละ ใน 2 ปีที่ผ่านมาผมจับหุ้นถูกตัว ซื้อหุ้นแล้วซิลลิ่งมาก็หลายตัว มันไม่ใช่เรื่องง่ายและยากมันขึ้นกับโอกาสในแต่ละช่วงที่เราไปหาเจอ ผมยังหาสูตรสำเร็จการลงทุนไม่ได้แต่ตอนนี้อะไรที่ตัวเองใช้ได้ผลเราก็ต้องยึดสิ่งนี้ไปจนกว่าจะเห็นว่ามีวิธีที่ดีกว่านี้ หุ้นตัวเดียวกันถือ 1ปีได้กำไร 100% กับหุ้นตัวเดิมที่ซื้อๆขายๆผมทำกำไรเกิน 100% หลายเท่า ไม่ต้องเล่นหุ้นหลายตัว เล่นมันตัวเดิมๆนี่แหละ นอกจากมันจะไม่ไหวจริงๆก็เลิกเล่นย้ายไปตัวอื่น แต่ที่ขาดทุนก็มีนะ ส่วนมากที่ขาดทุนเพราะเชื่อข่าวมากกว่าเชื่อ Technical จนทุกวันนี้ก่อนจะซื้อหุ้นผมจะถอดเส้นสายต่างๆจากกราฟอ่านความคิดก่อนเสมอ
โดย
Rockriverarms
จันทร์ เม.ย. 12, 2004 8:14 pm
0
0
คุณฉุย ไซรัส ... VI คนใหม่
1. ทำไมการดูแพทเทิร์นในอดีตจึงสามารถคาดเดาอนาคตได้ ตอบ : เราคงไม่ได้ไปจำกัดความหมายของคำว่า Technical ที่รูปแบบ pattern นะ มันไม่มีรูปแบบที่ตายตัวหรอกครับ ในความเห็นส่วนตัวของผม ไม่เคยดูรูปแบบพวกนี้เลย วิธีที่ผมคิดยอมรับว่าไม่มีหลักวิชาการ ผมให้คำจำกัดความในเส้นสายกราฟว่ามันเกิดจากความคิดของคน หุ้นไม่มีราคาที่แท้จริง มันสามารถเปลี่ยนไปตามปัจจัยต่างๆมากมาย เราคงตามปัจจัยแบบนั้นไม่หมดและคงไม่สามารถรู้ได้หมดทุกอย่าง เราก็อาศัยอ่านจากความคิดของคนส่วนใหญ่ว่าเค้าซื้อหรือขายหุ้นตัวนี้ยังไง เพราะเชื่อว่าคนที่ซื้อหรือขายเค้าคงมีความคิดเกี่ยวกับหุ้นตัวนั้นๆอยู่บ้าง ผมมองเส้นสายกราฟเป็นเหมือนมองคนนะ ทำไมหุ้นขึ้นแล้วต้องปรับตัว ทำไมไม่ขึ้นไปเลย ทำไมหุ้นลงแล้วขึ้นทำไมไม่ลงไปเลย สิ่งเหล่านี้ในความคิดของผมๆมองว่ามันมีกรอบทางความคิดของคนครับ 2. การดูเทคนิคเป็นศาสตร์หรือศิลป์ อะไรมากกว่า ถ้าเป็นศาสตร์ ทำไมแต่ละคนดูกราฟเทคนิคเดียวกันแล้วได้คำตอบไม่เหมือนกัน ตอบ มันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ มันมีเรื่องของอารมณ์ของคนอยู่ในนั้น มันเป็นรูปแบบคณิตศาสตร์ที่ไม่สามารถอ่านด้วยวิธีทางคณิตศาสตร์ หากมันอ่านได้แบบนั้นผมว่าไม่ต้องรอให้คนคิดหรอกนะ เขียนโปรแกรมให้คอมพิวเตอร์มันคิดได้เองเลย เพราะมันมีเรื่องของคนเข้ามาเกี่ยวข้อง ตรงนี้เครื่องคอมฯมันอ่านใจคนไม่ได้หรอก มันมีความกลัว ตกใจ กล้า ในแต่ละวันไม่เหมือนกัน คอมพิวเตอร์มันคิดได้เพียงว่าเวลานี้หุ้นลงมาหรือขึ้นไปมีสัดส่วนกำไรขาดทุนของคนที่ซื้อมาก่อนหน้านี้แค่ไหน ใช้หลักความน่าจะเป็นคำนวนหาโอกาสที่หุ้นจะขึ้นหรือลงเท่านั้น 3. การดูกราฟของหุ้นตัวเดียวกับทั้งดัชนี อย่างไหนง่ายกว่าและแม่นยำกว่ากัน ตอบ ผมว่ามันคล้ายๆกันนะ คือมีโอกาสพลาดได้พอๆกัน สรุปยากนะ 4. ทำยังไงถึงจะคาดการณ์จากการดูกราฟได้อย่างแม่นยำ อะไรเป็นพื้นฐานครับ ตอบ ไม่ทราบครับ ไม่มีใครรับประกันความแม่นยำได้นะ เหมือนเราไม่สามารถรับประกันการกำไรได้ 5. จริงรึเปล่าที่คนที่เล่นเทคนิคจะต้องเฝ้าดูราคาหุ้นอย่างใกล้ชิด ประเภทต้องเฝ้าหน้าจอเป็นรายนาทีเลย ตอบ ไม่จำเป็นครับ เอามานั่งดูเมื่อไหร่ก็ได้ อย่างน้อยๆก็ก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้น แต่ผมเองเล่นหุ้นเป็นอาชีพจึงต้องติดตามดูทุกวัน เราทำอาชีพอะไรเราก็ต้องทำสิ่งนั้นให้สมกับที่เป็นอาชีพของเรา ผมยกตัวอย่างการใช้ Technical ในหุ้น VI ที่เราเรียกๆกันนะ เพื่อนผมมีหุ้นกลุ่มเกษตรอยู่ตัวนึง จำนวนหมื่นหุ้น เค้าไม่เคยสนใจจะขายคือปล่อยทิ้งไว้รับเงินปันผลอย่างเดียว ส่วนต่างของหุ้นเพิ่มขึ้นไปก็ไม่ขาย ลงมาก็ไม่ซื้อคือถือลงทุนจริงๆ แต่ในเวลาที่ตลาดขาลงหุ้นไหนๆก็ลงนะ อาจจะไม่ลงตามคนอื่นแต่มันจะมีบางอย่างบอกว่ามันจะลง เราก็ใช้ indicator จากกราฟนี่แหละมาคอยอ่านเพื่อหาโอกาสนั้น จากหุ้น10000 ตัวตอนนี้เพิ่มมาเป็น 14000 โดยผมให้เพื่อนขายและซื้อกลับ ทุกวันนี้เค้าก็ยังเหมือนเดิมคือถือหุ้นกินปันผลอย่างเดียวแต่ 4000 ที่เพิ่มขึ้นมาผมถามว่าโอกาสแบบนี้หากเป็นคุณๆจะทำไหม หรือปล่อยให้มันผ่านเลยไป หากพอร์ตเราใหญ่ๆผมว่าอาจจะทำลำบากแต่อย่างเราๆพอร์ตเล็กๆจะถือไว้นิ่งๆเหรอ แต่โอกาสแบบนี้ไม่ใช่จะหาง่ายๆนะ บอกกันยาก ศึกษาก็ยาก จนกว่าเราจะประจักษ์ได้ด้วยตัวเอง ผมเองก็ยังพลาดนะเรื่องลงทุน ไม่ใช่ว่าจะเก่งกำไรทุกตัว Rockriverarms ก็ติดดอยเป็นนะ ผมว่าเรามีอะไรนำมาแลกเปลี่ยนมุมมองทางความคิดแต่ไม่ได้หมายถึงให้ทำตามนะ แลกเปลี่ยนสิ่งที่คิดผมชื่อว่าไม่มีใครเก่งและถูกหมด แต่จะเก่งและถูกหมดหากเรามีความพอใจในความพอดีที่ตัวเอง ขอตอบคร่าวๆแค่นี้ก่อนครับ
โดย
Rockriverarms
จันทร์ เม.ย. 12, 2004 6:33 pm
0
0
คุณฉุย ไซรัส ... VI คนใหม่
การลงทุนหุ้นซักตัวนึงเราคงไม่ซื้อตามใจ ตามอารมณ์ หรือตามคำบอกเล่าที่ผ่านมากระทบประสาทหูเพียงอย่างเดียว เรามีงบดุลทางบัญชีของหุ้นทุกๆตัวให้เรา "วิเคราะห์" ได้เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นแต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจาะตัวเลขเหล่านั้น หากมองความเหมือนกันของการเล่นตามพื้นฐานทางด้านตัวเลขทางบัญชีกับตัวเลขทาง Technical มีหลายๆอย่างที่เป็นแนวทางเดียวกัน คือเราล้วนเอาอดีตมานั่งดู เราไม่มีงบบัญชีในอนาคต และเราก็ไม่มี Technical ในวันข้างหน้า เราล้วนต่างเฝ้ามองอนาคตเหมือนๆกัน คนนึงมองโอกาสความน่าจะเป็นของผลการดำเนินงานผ่านตัวเลขงบดุล อีกคนมองความน่าจะเป็นของความคิดคนที่ลงทุน ในทุกๆธุรกิจอาจจะง่ายที่จะมองพื้นฐานของธุรกิจเพราะเป็นสิ่งที่พอจะมองออกได้ง่ายกว่า โดยมองผ่านงบดุลทางบัญชี มองอนาคตจากโอกาสที่เห็นว่าธุรกิจนี้น่าจะเติบโตไปได้มากน้อยแค่ไหน มองโอกาสทางด้านต่างๆที่จะออกมาเสริมทิศทางของธุรกิจ เช่นการเพิ่มทุน การแตกพาร์ การเปลี่ยนโยบายของรัฐ การเปลี่ยนแปลงราคาวัตถุดิบของตลาดโลก แนวโน้มการใช้บริการ แนวโน้มตลาดโลก สภาพภูมิอากาศที่มีผลต่อผลผลิต ความต้องการของคน สภาวะสงคราม หรือแม้นแต่การเปลี่ยนแปลงความคิดตามสมัยนิยมที่มีผลต่อทิศทางของธุรกิจ ในปีที่ผ่านมาธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ขยายตัวตามที่เราเห็นๆกัน เป็นผลให้หุ้นในกลุ่มนี้ทะยานขึ้น หรือแม้นแต่กลุ่มสื่อสาร กลุ่มที่ดินที่มีการขยายตัวที่เราพอจะสัมผัสได้ง่ายๆ เช่นการเห็นโฆษณาขึ้นโครงการต่างๆ การปิดยอดขายที่เร็วมาก การขยายตัวของโทรศัพท์มือถือที่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนชนบทแทบจะทุกหลังคาเรือน ไปไหนๆชาวบ้านพกมือถือกันแทบทั้งนั้นเลย ภาพการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นสัมผัสง่ายๆที่เราจะสามารถเอามามองโอกาสของงบบัญชีที่จะออกมาว่ายอดขายน่าจะเป็นอย่างไร กำไรมากน้อยแค่ไหน สไตล์การลงทุนมีคนชอบแยกออกเป็น 2 อย่างคือแบบ Value และแบบ Technical ผมไม่ทราบว่าทำไมต้องแยกออกจากกัน จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องเดียวกัน มันต้องไปควบคู่กัน เพียงแต่เราปิดตัวเองหรือเปล่าเท่านั้น ยอมรับว่าการเรียนรู้แต่ละวิธีมันไม่ใช่เอามาสอนหรือบอกแนวทางง่ายๆแล้ว "บรรลุ" ได้ทุกคน เพราะการลงทุนแบบนึงเป็นเรื่องของศาสตร์ที่มากกว่าศิลป์ แต่อีกแบบของการลงทุนเป็นศิลป์ที่มากกว่าศาสตร์ ผมเองอาจจะเอาเปรียบเพื่อนๆที่เอาทั้งสองแบบมาเขย่ารวมกัน ฉกฉวยโอกาสระหว่างช่องว่างทางความคิดของคนสองคน ผมไม่ใช่นัก Technical ผมไม่ใช่นักแกะงบบัญชี แต่ผมชอบดูทุกอย่างที่ทุกคนดูที่ตลาดมีให้ดูที่บริษัทต่างๆเอามาให้ดู ไม่เคยเชื่อใครคนใดคนหนึ่ง ไม่เคยเชื่อภาพที่เห็น ไม่เคยเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปไม่ได้และเป็นไปได้ ไม่เคยยึดมั่นทางใดทางหนึ่งแล้วเดินหน้าอย่างเดียว ผมพอใจในสายตรงกลาง พอใจในสิ่งที่ตัวเองทำได้ มีความสุขกับการเอาชนะตัวเอง ผมเองเวลาไปนั่งที่ห้องค้าเหมือนตัวเองมี 2 คนๆนึงนั่งจ้องดูการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น เป็นคนว่องไว คล่องแคล่ว มีสมาธิกับการจับตาดูสิ่งต่างๆรอบด้าน แต่กลับเหมือนมีอีกคนที่นั่งดูเฉยๆมันจะไปไหนก็ช่างมัน อะไรจะเปลี่ยนแปลงก็ช่างมัน ไม่มีความตกใจกลัวหรือเปลี่ยนแปลงไปตามอารมณ์ในขณะนั้นเลย แต่เฝ้ามองอนาคตแบบมั่นคง นิ่ง และกลับมีสมาธิที่มากกว่าในการตัดสินใจ ผมเลยมานึกถึงการลงทุนที่คนชอบไปแยกออกเป็น 2 แบบเพราะผมมี 2 แบบอยู่ในตัว ตลาดตอนนี้เล่นแบบไหนก็ดึงเอาคนนั้นออกมา จะไม่ปล่อยให้โอกาสที่เหมาะกับคนใดคนหนึ่งผ่านไปต่อหน้าต่อตา แต่ต้องถามตัวเองก่อนว่า "ศึกษานิสัยคน 2 คนในตัวเองมากพอที่กล้าจะดึงออกมาใช้งานแล้วหรือยัง" ผมว่าการลงทุน 2 แบบที่เราไปจำกัดความหมายกันนั้นมันเหมือนตะเกียบนะที่ต้องมี 2 อันจึงจะกินอร่อย ถือว่านี่เป็นมุมมองการลงทุนในสายตาของผมนะ เอามาแลกเปลี่ยนกันครับ
โดย
Rockriverarms
จันทร์ เม.ย. 12, 2004 1:25 pm
0
0
กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่....
ไม่ได้ให้ซื้อตามนะ ผมเก็บดักหน้าฝรั่งมาก่อนแล้ว ซื้อตอนนี้ไม่รู้นะเพราะตั้งแต่ซื้อมาก็ไม่ได้ตามไปดูกราฟแบบละเอียดๆอีกเลย ไม่รู้ว่ามันจะพัก ปรับ หรือไปยังไงต่อ ผมมีหมดเลยนะ SCB SCB-F SCB-P SCB-Q ซื้อยกครอบครัวเลย แต่เจ้า SCB-W มันเล่นแรงเกินไป 75% ใน 5 วัน ผมไม่อยู่แล้ว ขายไปแล้ว เสียวเป็นเหมือนกันนะ
โดย
Rockriverarms
เสาร์ เม.ย. 10, 2004 6:13 pm
0
0
ตัวเร่งปฏิกิริยา ความน่าจะเป็น ความเสี่ยง ประสบการณ์
ความอยาก ความสับสน ความไม่รู้ ความคิดที่แตกต่าง ความกลัว อารมณ์ต่างๆเหล่านี้พาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของดัชนี ของราคาหุ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ปัจจัยพื้นฐานหุ้นไม่เคยเปลี่ยนแปลงตามอารมณ์แบบนี้ ดังนั้นเราก็ต้องแยกพื้นฐานของหุ้นกับอารมณ์ตลาดของหุ้นเด็ดขาดออกจากกัน หากเผลอเอามาเขย่ารวมกันจะกลายเป็นการลงทุนแบบไร้ทิศทาง ยอดดอย = เกิดจากความอยากได้ที่อยากได้อีก ก้นเหว = เกิดจากความกลัวที่กลัวแล้วกลัวอีก พื้นฐานหุ้นไม่มีอารมณ์แบบนี้จึงไม่ควรเอาพื้นฐานหุ้นไปเกาะติด จึงไม่มีคำว่าอารมณ์เข้ามาคิดหรือมาตัดสินใจในการเลือกลงทุนหุ้นพื้นฐานดีๆแต่เน้นไปที่มูลค่าในตัวของมัน เราจะเห็นว่าพอร์ตใหญ่ๆเค้าไม่สนใจเรื่องของอารมณ์จะถือไปเรื่อยๆ กำไรกันมหาศาล ที่สำคัญพอร์ตใหญ่ๆเอามาเล่นกับอารมณ์ตลาดไม่ได้ เพราะมันใหญ่ เคลื่อยย้ายทีลำบากและไม่คุ้มที่จะทำ หากวันนึงพอร์ตผมใหญ่ผมคงไม่มานั่งเฝ้าตลาดแบบนี้ แต่ตอนนี้ขอสะสมกำไรในเวลาที่คนตกใจ กลัว สะสมกำลังเงินไปก่อนนะ พอร์ตเล็กๆเอามาถือยาวๆมันไม่คุ้มซักเท่าไหร่ โอกาสหุ้นไทยจากนี้ไปผมมองว่าอาจจะไม่ได้เห็นง่ายๆในชีวิตของเราบ่อยนัก หากไม่ใช้โอกาสแบบนี้ให้คุ้มค่าก็น่าเสียดาย
โดย
Rockriverarms
เสาร์ เม.ย. 10, 2004 9:23 am
0
0
กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่....
ขอแจมด้วยคน....กลุ่มแบงค์ใหญ่ๆผมว่าน่าสนใจ ภายในสิ้นปีนี้คาดว่าทุกแบงค์จะพยายามทำให้เป็น Clean Bank โดยเฉพาะ BBL ที่เปิดเผยออกมาก่อนว่าจะยอมตัดเอาเงินสำรองจัดการปัญหาคาราคาซังที่มีอยู่ทั้งหมด เรียกว่าเป็นการเตรียมเก็บกวาดบ้านตัวเองครั้งใหญ่สุดของ BBL ปีหน้าเราจะเห็น SCB (แบงค์ที่มีกำไรพอร์ตหุ้นเยอะมากๆๆๆ) น่าจะจ่ายปันผลที่สูงกว่าปีนี้ ภายใน Q2 ผมว่าก็จะมากกว่า Q2ของปีที่แล้วๆ ดังนั้น SCB นอกจากจะเป็นแบงค์ที่เก็บกวาดบ้านก่อนใครๆจึงเป็นแบงค์ที่หากสังเกตุการ Lead ของแบงค์ใหญ่ SCB จึงเป็นตัวแรกที่มาก่อนใครๆ ผมเองเก็บ SCB ครบทุกตัว มีแต่เจ้า W ที่ทนแรงกำไรไม่ไหวเลยขายไปก่อน ตัว BBL เป็นหุ้นที่ฝรั่งไม่หนี "ข่าวการเพิ่มทุน" แตกต่างจาก NFS ที่พอมีข่าวเพิ่มทุน ฝรั่งทิ้งกันแหลกเลย BBL มีหนี้จาก TPI มหาศาล หากจำตัวเลขไม่ผิดก็เกือบๆ 10% ของหนี้เกือบทั้งหมด หากจัดการปัญหานี้แบบ Complete งบดุลของ BBL จะกลับมาสวยมากและที่สำคัญในอนาคต TPI นี่แหละจะเป็นตัวทำกำไรให้ BBL เหมือนเช่นกรณีของ ITD ที่มาแบบเดียวกันเลย ตัว ITD ทำกำไรหลังจากแปลงหนี้เป็นทุนให้ BBL มหาศาล (แปลงหนี้เป็นทุนราคาเท่าไหร่ผมจำไม่ได้ชัด ) ในเวลานี้ TPI อาจจะยังไม่น่าเข้าไปยุ่ง จนกว่าทุกอย่างจะสงบ อารมณ์คนนิ่งๆตอนนี้อยู่ในระหว่างการกระเพื่อมของความไม่รู้จริงๆดังนั้นควรหนีออกให้ห่างๆไว้ก่อน แต่อนาคตดีแน่นอน มันอาจจะไกลและนานเกินไปที่เราจะลงทุนในเวลานี้ สรุปโดยส่วนตัวชอบแบงค์(ใหญ่) หุ้นที่มีอนาคต มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้เห็น กลุ่มธุรกิจอื่นๆจะมีแต่การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจตามปกติ เช่นยอดซื้อขาย ราคาวัตถุดิบ มี%ของการขยายตัวเพิ่มตามหลักธุรกิจธรรมดา แต่แบงค์ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่เป็นพิเศษในทางที่ดีกว่าปกติ จึงเพิ่มน้ำหนักการลงทุนและเพิ่มระยะเวลาการถือครอง
โดย
Rockriverarms
เสาร์ เม.ย. 10, 2004 8:43 am
0
0
ผมอยากรู้จริงๆ ว่า PE ตลาดตอนนี้ ประมาณเท่าไร
ลืมบอกรายละเอียดว่าค่าเหล่านี้เป็นของ SET ยังไม่ได้เอาของ MAI มารวมด้วยนาครับ เพราะทางตลาดเค้าแยกออกจากกัน
โดย
Rockriverarms
อังคาร เม.ย. 06, 2004 8:04 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
Rockriverarms
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ที่อยู่:
Khonkaen
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
เว็บไซต์:
เข้าชมเว็บไซต์
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อังคาร เม.ย. 06, 2004 10:14 am
ใช้งานล่าสุด:
ศุกร์ ส.ค. 21, 2009 6:35 pm
โพสต์ทั้งหมด:
50 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.01 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว