หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
teerasak.moo
Joined: พฤหัสฯ. ก.พ. 21, 2008 1:59 am
144
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - teerasak.moo
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: ฉีกกฏ!เล่าความสำเร็จในการลงทุน(ในวันที่ตัวเองก็ยังไม่สำเ
ชอบครับ
โดย
teerasak.moo
เสาร์ มี.ค. 04, 2017 11:04 pm
0
0
Re: โครงการ CSR_การวางท่อประปา หมู่บ้านสบแม่รวม
โอนแล้วครับ 300.00 /14-12-16/15:02
โดย
teerasak.moo
พุธ ธ.ค. 14, 2016 3:30 pm
0
2
Re: *จองงาน Money Talk@SET มี.ค.57 - 100ที่นั่ง
จอง 1 ที่ครับ
โดย
teerasak.moo
พุธ มี.ค. 05, 2014 9:51 am
0
0
Re: เปิดจอง Money Talk@SET ม.ค.57 สำหรับสมาชิกสมาคม 100 ที่
จอง 1 ที่ครับ
โดย
teerasak.moo
พุธ ม.ค. 08, 2014 11:05 am
0
0
Re: *เต็มแล้วค่ะ*จองงาน Money Talk@SET ธ.ค.56 - 100ที่นั่ง
ขอสละสิทธิ์ครับ
โดย
teerasak.moo
เสาร์ ธ.ค. 07, 2013 6:06 pm
0
0
Re: จองงาน Money Talk@SET ธ.ค.56 - 100ที่นั่ง
จอง 1 ที่ครับ
โดย
teerasak.moo
จันทร์ ธ.ค. 02, 2013 10:34 am
0
0
Re: สรุปความรู้จากงาน Meeting VI ภาคอีสานครั้งที่ 3 ขอนแก่น(
9.6)ผมยอมใช้ชีวิตที่คนทั่วไปไม่อยากใช้อยู่ไม่กี่ปี เพื่อที่ผมจะได้มีชีวิตอย่างที่คนทั่วไปไม่สามารถมีไปตลอดชีวิต ชอบข้อนี้ครับ ขอบคุณ
โดย
teerasak.moo
อังคาร ก.ย. 24, 2013 9:29 am
0
2
Re: เปิดบทเรียน 'ช้ำหนักเพราะรักวีไอ''จุ๊บ-ชลิตา' VS 'ตาร์-จ
ถ้ารักจริงคงช้ำหนักเหรอครับ.
โดย
teerasak.moo
อังคาร มิ.ย. 04, 2013 8:10 am
0
0
Re: ธรรมะกับการลงทุน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ชอบบทความนี้จริงๆครับ ขอบคุณครับ
โดย
teerasak.moo
อาทิตย์ เม.ย. 07, 2013 9:01 pm
0
0
Re: ถนนทุกสาย..มุ่งสู่ตลาดหุ้น/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
[quote="iruma"]อย่าหวังรวยลัดจากตลาดหุ้น - ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ปี 2546 คงจะต้องถูกจารึกว่าเป็นปีที่ตลาดหลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนดีที่สุดปีหนึ่งในประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้น เพราะดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นกว่า 100% จากดัชนีประมาณ 356 จุดเป็นประมาณ 772 จุดในวันสิ้นปี นักลงทุนทุกกลุ่มในตลาดต่างก็ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ บางคนกำไรหลายร้อยเปอร์เซ็นต์จากเงินที่นำมาลงทุนในหุ้น บางคนกำไรเพียงหลักสิบเปอร์เซ็นต์ ความดีใจและความภาคภูมิใจของนักลงทุนก็ลดหลั่นกันไปตามผลกำไรที่ได้รับเช่นเดียวกับความมั่นใจที่เกิดขึ้นจากการเล่นหุ้น หลายๆคนอาจจะเริ่มฝันว่า ได้พบหนทางสู่ความมั่งคั่งอย่างง่ายดายและรวดเร็ว บางคนเริ่มคิดถึงวันที่ตนเองจะมีอิสรภาพทางการเงินในไม่ช้า ทั้งๆที่เพิ่งจะเริ่มเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ สิ่งที่คนจำนวนมากในตลาดหุ้นคิดและเชื่อกันในขณะนี้ก็คือ หุ้นเป็นทรัพย์สินที่ให้ผลตอบแทนสูงมาก และถ้าทำโพลถามนักลงทุนว่า เขาคิดว่าตลาดหุ้นจะให้ผลตอบแทนเท่าไรในระยะยาว คำตอบคงเป็น 30 – 40% ต่อปีขึ้นไป โดยเฉพาะในปี 2547 นั้น หุ้นคงจะวิ่งกระฉูดไม่แพ้ปี 2546 เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เอื้ออำนวยต่อตลาดหุ้นก็ยังคงอยู่ และน่าจะดีขึ้นด้วยซ้ำไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะเศรษฐกิจที่เขาบอกกันว่าจะดียิ่งขึ้นไปอีก แต่ถ้าถามว่ามีนักลงทุนในตลาดหุ้นกี่คนที่ร่ำรวย หรือมีอิสระทางการเงินแล้วจากการลงทุนในตลาดหุ้น คำตอบก็คือ น้อยมาก แม้ว่าจะไม่มีใครทำการศึกษาเรื่องนี้ แต่ผมเชื่อว่าคนที่รวยจากการลงทุนหรือเล่นหุ้นจริงๆนั้น มีไม่เกิน 1 ใน 100 คนที่มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการลงทุน ผมคิดว่าคงมีพอสมควรหลังจากที่ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา ส่วนที่เหลือไม่ต่ำกว่า 70 – 80% ของนักลงทุนนั้น ผมเชื่อว่ายังไม่ได้กำไรจากหุ้นเป็นเรื่องเป็นราวจริงๆ ยกเว้นปี 2546 ที่ได้กำไรชดเชยมาบ้าง เพราะข้อเท็จของหุ้นก็คือ ในช่วงเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา การลงทุนในตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละประมาณ 10% เท่านั้น โดยเป็นผลตอบแทนที่เกิดจากการปรับตัวขึ้นของดัชนีประมาณ 7 – 8% และผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 2 – 3% ต่อปี และข้อมูลนี้ก็บังเอิญใกล้เคียงกับผลตอบแทนของตลาดหุ้นในสหรัฐที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 10 – 11% ต่อปี โดยเฉลี่ยเป็นระยะเวลา 50 – 60 ปีขึ้นไป ข้อเท็จจริงต่อมาของตลาดหุ้นก็คือ ผลตอบแทนจากการลงทุนมีการขึ้นลงผันผวนไปเรื่อยๆ แม้ว่าการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจะเดินหน้าต่อเนื่องมายาวนานหลายสิบปี โดยที่มีน้อยครั้งมากที่เศรษฐกิจจะติดลบและเกิดวิกฤติ นานๆครั้งดัชนีตลาดก็จะตกต่ำลงอย่างหนักเป็นเวลา 2 – 3 ปี เช่นเดียวกับที่บางครั้งดัชนีก็ปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงเป็นภาวะกระทิงเปลี่ยวอย่างเช่นที่เกิดขึ้นในปีที่แล้ว ข้อสรุปที่ชัดเจนก็คือ ในระยะยาวตลาดไม่สามารถเติบโตเกิน 10 – 15% ต่อปี โดยเฉลี่ยได้ ด้วยเหตุดังกล่าว นักลงทุนที่คิดว่าตนเองจะสามารถลงทุนทำกำไรจากตลาดหุ้นได้ปีละ 30 – 40% หรือ บางคนคิดว่าจะสามารถกำไรเป็นเท่าตัวในปีเดียว จึงเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีมากเกินไป หรือไม่ก็คงประมาณการฝีมือการลงทุนของตนเองสูงกว่าความเป็นจริง ซึ่งโอกาสที่จะไม่เป็นเช่นนั้นคงมีอยู่สูง ความผิดหวังจะตามมา และเมื่อถึงเวลานั้น ความคิดและภาพพจน์เกี่ยวกับตลาดหุ้นก็จะเปลี่ยนไป คนจะเลิกคิดว่าตลาดหลักทรัพย์เป็นแหล่งที่จะสามารถสร้างความมั่งคั่งที่รวดเร็วได้ และคนจำนวนมากก็จะออกจากตลาดหลักทรัพย์กลับไป “ทำมาหากิน” ตามเดิม นอกจากผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่ได้สูงลิ่วอย่างที่หลายคนคิดแล้ว การจัดสรรเงินมาลงทุนในหุ้นสำหรับคนส่วนมากก็มักจะเป็นจำนวนน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่ ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงลงทุนในหุ้นไม่เกิน 20 – 30% ของเม็ดเงินที่มี เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่ากำไรจากหุ้นจะเป็น 100% ในปีใดปีหนึ่ง แต่ถ้าเงินส่วนใหญ่อีก 70 – 80% กลับฝากอยู่ในธนาคารได้ดอกเบี้ยเพียง 1% ต่อปี ผลตอบแทนรวมก็จะได้เพียงประมาณ 21 – 31% เท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอที่จะทำให้ได้อย่างรวดเร็ว ข้อสรุปของผมก็คือ เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับคนทั่วไปที่จะร่ำรวยจากตลาดหุ้น แม้ว่าในช่วงนี้หลายๆคนจะคิดว่าเป็นไปได้ไม่ยาก คนมักจะเอาสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้มาเป็นฐานในการมองไปข้างหน้า สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเพียงปีหรือสองปีมักจะมีอิทธิพลมากกว่าประวัติศาสตร์เกือบ 30 ปีที่ผ่านมาของไทย และประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นนับเป็น 100 ปีของตลาดหุ้นที่เจริญที่สุดอย่างสหรัฐอเมริกา Value Investor ที่จะประสบความสำเร็จ ร่ำรวย และเป็นอิสระทางการเงินจากตลาดหุ้นได้นั้น ผมคิดว่าจะต้องมองตลาดหุ้นด้วยความเป็นจริง คาดหวังผลตอบแทนปีละไม่เกิน 15% โดยเฉลี่ยจากการลงทุนไม่ว่าภาวะแวดล้อมจะสดใสเพียงใด ไม่ควรลงทุนในหุ้นที่เก็งกำไรสูงแต่ควรซื้อหุ้นที่มีความปลอดภัยมากด้วยเม็ดเงินในสัดส่วนที่สูง อย่าฝากเงินในธนาคารซึ่งให้ดอกเบี้ยเพียง 1% ต่อปีมากนัก และสุดท้ายซึ่งหนีไม่พ้นก็คือจะต้องลงทุนในตลาดหุ้นยาวนานไม่ออกไปไหนถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ไม่ว่าภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร การลงทุนให้ประสบความสำเร็จจริงๆนั้น ไม่มีทางลัด และมันต้องการเวลา วอเร็น บัฟเฟตต์ เคยพูดว่า “คุณไม่สามารถผลิตเด็กภายใน 1 เดือนโดยใช้ผู้ชาย 9 คนได้ เช่นเดียวกัน การลงทุนนั้นอย่าหวังรวยเร็ว ควรหวังรวยช้าแต่แน่นอนจะดีกว่า” คอลัมน์ โลกในมุมมองของ Value Investor ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร[/quote] ผลตอบแทนของตลาดปี 2547 = -13.5%
โดย
teerasak.moo
อาทิตย์ ก.พ. 17, 2013 9:33 pm
0
1
Re: ถามผู้รู้ครับ บริษัทอะไรในตลาด ที่ผลิตทีวี และกล่องรับ ร
30 มกราคม 2556 (เกาะติดประมูลDigital TV) ผู้ผลิตเตรียมความพร้อม!! กสทช.ไฟเขียวขายset-top-boxมี.ค. ต่ำสุด 1000 บาท ประเด็นหลัก ด้านนายทวี อุดมกิจโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สามารถ วิศวกรรม จำกัด กล่าวว่า หาก กสทช.อนุญาตให้มีการนำเข้า set-top-box ทีวีดิจิทัล บริษัทก็พร้อมนำเข้ามาจำหน่ายทันที มี 2 รุ่น เป็นกล่องปกติ ราคา 1,000-1,500 บาท และกล่องแบบสมาร์ททีวี ราคาราว 2,000 บาท โดยทั้ง 2 รุ่นใช้เชื่อมต่อกับเครื่องรับโทรทัศน์ได้ทุกรุ่น ซึ่งตนมองว่าตลาด set-top-box จะเติบโตอย่างมาก เพราะมีคนอยากลองของใหม่เยอะ ยิ่งราคาไม่เกิน 2,000 บาท เชื่อว่าหลายแสนครัวเรือนยอมจ่ายเพื่อให้ได้ดู และเป็นไปได้สูงว่าบริษัทจะแบ่งสายการผลิตจานและเสารับสัญญาณธุรกิจดั้งเดิมมาผลิต set-top-box แทนการนำเข้า น.ส.ฬุริยา บรรจง ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ เอวี มาร์เก็ตติ้ง บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า พานาโซนิคเตรียมวางจำหน่ายเครื่องรับโทรทัศน์ระบบดิจิทัลใน เม.ย.นี้ และกำลังพิจารณาว่าจะเปิดตัวกี่รุ่น ซึ่งคงต้องรอผลชี้วัดทางเทคนิคจากการทดลองออกอากาศมาประกอบ เชื่อว่าตลาดจะตื่นตัวแน่นอน หากมีความชัดเจนจากรัฐบาล และ กสทช. เกี่ยวกับการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ซึ่งในเบื้องต้นทีวีที่บิวต์อินระบบดิจิทัลมาจะเป็นรุ่นสมาร์ทเวียร่า เป็นทั้งดิจิทัลทีวีและใช้อินเทอร์เน็ตได้ ราคาเริ่มต้น 18,000 บาท สำหรับจอแบน 32 นิ้ว ฟากบริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ จำกัด และบริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เห็นตรงกันว่าต้องรอความชัดเจนด้านเทคนิคจากการทดลองออกอากาศ และจากเงื่อนไข กสทช.ก่อน เพื่อนำมาปรับปรุงสเป็กให้เหมาะสม เนื่องจากมีฐานการผลิตอยู่ในประเทศไทย และปัจจุบันมีการผลิตทีวีดิจิทัลส่งออกไปต่างประเทศอยู่แล้ว คาดว่าราคาไม่ต่างไปจากที่ขายปัจจุบัน
โดย
teerasak.moo
พฤหัสฯ. ม.ค. 31, 2013 9:01 am
0
0
Re: ชีวิตที่เรียบง่าย/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ขอบคุณครับ ซักวันผมก็อยากจะมีชีวิตที่เรียบง่ายเหมื่อนอาจารย์ครับ
โดย
teerasak.moo
อาทิตย์ ม.ค. 27, 2013 8:12 pm
0
0
Re: จองงาน Money Talk@SET 3/2/56 สำหรับสมาชิกสมาคม 100 ที่
จอง 1 ที่ครับ
โดย
teerasak.moo
จันทร์ ม.ค. 21, 2013 8:59 am
0
0
Re: ถามผู้รู้ครับ บริษัทอะไรในตลาด ที่ผลิตทีวี และกล่องรับ ร
ผมไม่ใช่ผู้รู้นะครับ. แต่ด้วยความพร้อมคิดว่า. Svoa. ก็น่าจะทำได้ เพราะเป็นผู้ผลิต คอมพิวเตอร์รายหนึ่ง. ครับ ขอบคุณครับจะลองไปศึกษาดู
โดย
teerasak.moo
ศุกร์ ม.ค. 18, 2013 9:32 am
0
0
Re: ตลาดหุ้นไทยไม่เคยปกติเป็นปกติ และ นลท. ก็ลืม
กลั่นความคิดมาจากผู้มากด้วยประสบการณ์ นับถือ
โดย
teerasak.moo
ศุกร์ ม.ค. 11, 2013 9:21 am
0
0
Re: จองงาน Money Talk@SET ช่วงบ่าย สำหรับสมาชิกสมาคม 50 ที่
จองสัมนาครับ
โดย
teerasak.moo
พฤหัสฯ. ธ.ค. 27, 2012 9:05 am
0
0
Re: กิจการที่ ROE ต่ำไม่มีทางเป็นกิจการที่ดีแน่ๆ ใช่มั้ยครับ
ไม่ทราบ มีใครรวบรวมตัวเลข ROE และ ROA ของกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆไว้มั้ยครับ ว่า ควรจะอยู่ที่ประมาณเท่าไรถึง จะพอรับได้ หรือ ดี ของพี่ครรชิต น่าจะช่วยได้ครับ
โดย
teerasak.moo
พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2012 7:32 pm
0
0
Re: ..
ถูกใจ ครับ
โดย
teerasak.moo
เสาร์ พ.ย. 10, 2012 8:34 am
0
1
Re: แนะนำหนังสือ "บทเรียนจากสุดยอดนักลงทุนผู้กำชะตกกองทุนของ
ร้าน B2S ก็มีครับ
โดย
teerasak.moo
อาทิตย์ ต.ค. 21, 2012 2:07 pm
0
0
Re: เข้าไม่ได้
เหมือนกัน โอนเงินไปแล้ว ยังเข้าไม่ได้ :| ยังไม่ขึ้น status เป็นสมาชิกน่าจะยังเข้าร้อยคนร้อนหุ้นไม่ได้
โดย
teerasak.moo
เสาร์ ต.ค. 20, 2012 12:04 am
0
0
Re: ลุงโฉลก ออกรายการมือใหม่ เป็นใครครับ"ประเทศไทยไม่มีทางเล
:shock: ฟังแล้วอึ้ง แกเคยศึกษา fundamental หรือเปล่าครับถึงมั่นใจ พูดออกสื่อซะขนาดนั้น จับความคร่าวๆใกล้จบรายการแล้ว อึ้งกับหลายๆประโยคที่แกพูดออกรายการ "หุ้นมีเป็นพันตัว ใช้ fundamental ปีนึงๆ ดูหุ้นได้อย่างมากก็แค่ 1-2 ตัว แต่ technical 2-3วินาที ดูได้ครบทั้งหมดทุกบริษัท" "ประเทศไทยไม่มีทางเลือกต้องใช้ technical อย่่างเดียว" "Fundamental โดนหลอกกันได้หมด บริษัทเดี๋ยวนี้แต่งบัญชีกันทั้งนั้น" ยังมีอีกหลายๆอย่างที่แกพูดถึง fundamental แล้วเหมือนแกไม่เคยศึกษา นั่งเทียนพูดออกสื่อซะเต็มที่เลย :shock: ใครรู้จักแกช่วยแนะนำให้แกศึกษาหลายๆด้าน ค่อยออกสื่อดีกว่าครับ ด้วยความเคารพ :D ออกวันไหนครับจะตามไปดูครับ
โดย
teerasak.moo
เสาร์ ก.ย. 22, 2012 8:51 pm
0
0
Re: สรุป สัมมนากลยุทธ์เลือกหุ้นแบบวีไอ 9/9/12
ขอบคุณครับไปฟังมาเหมือนกัน ชอบแนวคิดพี่วิบูลย์มากครับ ของ ดร.นิเวศน์ฟังเข้าใจยากหน่อย เพราะแกเน้นแนวสนามรบ และการรบบนหลังม้าไปซะมาก ผมเลยแอบฮาตลอดงาน และจับใจความสรุปแกไม่ได้ซะที ส่วนพี่หมอพงศ์ศักดิ์ พี่ลูกอีสาน ก็ขอขอบคุณมากครับที่ช่วยประสบการณ์ และแนวคิดในการเลือกหุ้น ขอบคุณครับ ผมกับมองว่าที่ อ.นิเวศน์ พูดนั้นเป็นสุดยอดเคล็ดวิชา สามารถนำไปใช้ได้จริง
โดย
teerasak.moo
จันทร์ ก.ย. 10, 2012 8:15 pm
0
1
Re: ***เปิดจองงานสัมมนา กลยุทธ์เลือกหุ้นแบบวีไอ 9/9/2555***
จองสัมมนา
โดย
teerasak.moo
พฤหัสฯ. ส.ค. 30, 2012 9:15 am
0
0
Re: สมาชิกใหม่อยู่ต่างจังหวัดจะเริ่มต้นเลือกตัวไหนอย่างไรดี
แนะนำ บทความ อ.นิเวศน์ ผมมักจะอ่านทุกครั้งเวลาที่สับสน เข็มทิศลงทุน เข็มทิศช่วยให้นักเดินเรือในสมัยโบราณไม่หลงทางท่ามกลางทะเลที่เวิ้งว้าง การมีเข็มทิศจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและหมายถึงความเป็นความตาย เดินทางผิด ผู้เดินทางอาจหลงทางหรือในบางครั้งอาจต้องตายกลางทะเล เดินทางถูก เป้าหมายก็อยู่แค่เอื้อม ในการลงทุนในตลาดหุ้นเองนั้น เราจำเป็นต้องมี “เข็มทิศ” ที่จะช่วยชี้นำให้เรา “เดินทาง” สู่เป้าหมาย นั่นก็คือ สู่ความมั่งคั่ง มีอิสรภาพทางการเงิน “เข็มทิศลงทุน” ที่เราควรจะต้องใช้ในการนำเราไปสู่เป้าหมายมีหลายข้อดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ซื้อหุ้นให้ทำเหมือนกับว่าเรากำลังลงทุนทำธุรกิจหรือเข้าหุ้นทำธุรกิจกับเพื่อน นี่เป็น “เข็มทิศ” ที่สำคัญที่สุด หุ้นไม่ใช่กระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่ราคาขึ้น ๆ ลง ๆ เบื้องหลังของหุ้นนั้นมีโรงงาน มีสำนักงาน มีร้านค้า มีพนักงาน มียี่ห้อ มีระบบการบริหาร มีลูกค้า และมีสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นในการสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างกำไร และจ่ายปันผลให้เราซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น ถ้าเรายึดแนวทางนี้อย่างมั่นคง การลงทุนของเราก็จะ “ไม่หลง” โอกาสผิดพลาดมีน้อย ข้อ 2 ถ้าบริษัททำผลงานได้ดี หุ้นก็จะดีตามเสมอ แม้ว่าราคาหุ้นอาจจะไม่ตามผลการดำเนินงานในทันทีทันใด แต่ในที่สุดแล้วมันก็จะต้องปรับตัวตามผลงานของบริษัท ดังนั้น เมื่อซื้อหุ้นแล้ว สิ่งที่จะบอกว่าเราซื้อถูกต้องก็คือ ผลงานของบริษัทดีขึ้นเรื่อย ๆ และเราได้รับปันผลมากขึ้นเรื่อย ๆ และแน่นอน ราคาหุ้นก็จะปรับตัวขึ้นตามกันไป ข้อ 3 หาหุ้นของกิจการที่เข้าใจได้ง่ายและเราสามารถคาดการณ์ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอีก 5-10 ปี ข้างหน้า อย่าซื้อหุ้นที่เราไม่รู้จักว่าบริษัทผลิตและขายสินค้าอะไรและความสำเร็จหรือล้มเหลวขึ้นอยู่กับอะไร ด้วยเข็มทิศอันนี้ เราจึงไม่ควรซื้อหุ้นของกิจการจำนวนมากในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากเรามักจะไม่รู้จักธุรกิจจำนวนมากที่อาจจะสลับซับซ้อนเกินไปและเกินความสามารถของเราที่จะเข้าใจได้ ข้อ 4 การลงทุนที่จะทำให้เราได้ผลตอบแทนที่ดีและมีความเสี่ยงต่ำซึ่งในระยะยาวจะทำให้เรารวยได้ก็คือ การซื้อหุ้นของบริษัทที่ดีในราคาที่ต่ำหรือราคายุติธรรม การซื้อหุ้นของกิจการที่เลวในราคาถูกไม่ทำให้เรารวย เช่นเดียวกัน การซื้อหุ้นของกิจการที่ดีในราคาแพงก็ไม่ทำให้เราได้ผลตอบแทนที่ดี ข้อ 5 กระจายความเสี่ยงโดยการถือหุ้นจำนวนพอสมควร ประมาณ 5 - 10 ตัว แต่อย่ากระจายมากเกินไปเพราะมันจะทำให้ผลตอบแทนลดลงจนไม่สามารถจะทำผลงานที่ดีได้ เกณฑ์คร่าว ๆ ก็คือ อย่าซื้อหุ้นถ้าเราไม่พร้อมที่จะถือมันถึง 5% ของพอร์ต ในอีกด้านหนึ่ง อย่าซื้อหุ้นตัวใดตัวหนึ่งมากเกินกว่า 50% ของพอร์ต ข้อ 6 ถือพอร์ตของหุ้นตลอดเวลาแม้ในยามวิกฤติ เหตุก็เพราะว่าในยามนั้นราคาหุ้นมักจะตกต่ำลงมากมาก่อนแล้ว จงจำไว้ว่าดัชนีหุ้นนั้นเป็นดัชนี “ชี้นำ” ไม่ใช่ดัชนี “ตาม” ของภาวะเศรษฐกิจ นั่นหมายความว่า เราจะเอาภาวการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบันมาเป็นเครื่องชี้ว่าเราควรจะถือหุ้นหรือไม่ไม่ได้ แน่นอน ถ้าเรารู้ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรในอีกหนึ่งปีข้างหน้า เราก็สามารถนำมาใช้ในการลงทุนได้ แต่ข้อเท็จจริงก็คือ ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำพอ ดังนั้น อย่าสนใจเรื่องภาวะเศรษฐกิจ ถือพอร์ตของหุ้นที่จะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ข้อ 7 อย่าซื้อ ๆ ขาย ๆ หุ้นโดยอิงจากภาวะตลาดหรือราคาของหุ้นรายวันหรือรายเดือน พิจารณาปรับพอร์ตจากข้อมูลพื้นฐานของบริษัท เช่น ผลการดำเนินงาน ความแข็งแกร่งของกิจการ ปัจจัยภายนอกที่กระทบกับการดำเนินงานของบริษัท โดยเฉลี่ยแล้ว ระยะเวลาการถือหุ้นแต่ละตัวไม่ควรจะต่ำกว่า 2- 3 ปี ข้อ 8 ผลการดำเนินงานของบริษัทไม่จำเป็นต้องดีขึ้นทุกปี ในบางปีผลการดำเนินงานอาจจะถดถอยลงได้เนื่องจากปัจจัยภายนอกบางอย่างอย่างเช่นภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ แต่สิ่งสำคัญก็คือ ความแข็งแกร่งของบริษัทควรจะต้องรักษาไว้ได้ แต่ถ้าความแข็งแกร่งของบริษัทกลับเพิ่มขึ้นในยามที่ผลการดำเนินงานลดลง สถานการณ์แบบนี้เราควรจะยินดีและถือว่าเป็นความ “ก้าวหน้า” ไม่ใช่ความถดถอยของบริษัท เหตุผลก็เพราะว่า หลังจากความถดถอยของกำไรแล้ว กิจการจะเติบโตและทำกำไรดีขึ้นเป็นทวีคูณในอนาคต เนื่องจากคู่แข่งอาจจะล้มหายหรืออ่อนเปลี้ยลง ในขณะที่กิจการของบริษัทจะเติบโตและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ข้อ 9 ติดตามผลการดำเนินงานของบริษัททั้งจาก “ในสนาม” คือเรื่องของผลิตภัณฑ์ในท้องตลาด และจากสื่อสารมวลชนต่าง ๆ โดยเฉพาะในหน้าหนังสือพิมพ์ธุรกิจ อย่าตื่นเต้นกับประเด็นต่าง ๆ ที่ไม่ได้มีความสำคัญ “ในเชิงยุทธศาสตร์” นั่นก็คือ มันไม่ได้เป็นข้อมูลที่จะเปลี่ยนสาระสำคัญของความสามารถของกิจการ “ข่าวดี” และ “ข่าวร้าย” ที่ปรากฏในสื่อนั้นส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องที่ “เกิด” แล้วก็ “ดับ” ไป โดยที่ไม่ได้มีผลในระยะยาวกับบริษัทเลย แต่บางครั้งมันทำให้ราคาหุ้นขึ้นลง “ชั่วคราว” และมันอาจเป็นโอกาสที่เราจะฉกฉวยประโยชน์ได้ ข้อ 10 เป้าหมายสูงสุดจริง ๆ ของการลงทุนก็คือ ปันผลของพอร์ตหุ้นของเรา ความสำเร็จของการลงทุนอย่างจริงจังก็คือ การที่เราเห็นปันผลของเรามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ปีแล้วปีเล่า เพราะถ้ามันเป็นอย่างนั้น ในที่สุดเราก็จะพบว่า ปันผลที่เราได้รับแต่ละปีนั้น เพียงพอที่จะเลี้ยงชีวิตเราได้โดยไม่ต้องหารายได้จากแหล่งอื่น และนั่นก็คือ ความเป็นอิสระทางการเงินที่จะทำให้เราสามารถเลือกที่จะใช้ชีวิตได้ตามที่เราต้องการ ดังนั้น นักลงทุนที่มุ่งมั่นทุกคนควรจะต้องจดบันทึกเงินปันผลที่ได้รับในแต่ละปี ทุกปีที่เรารวบรวมรายรับจากปันผลเสร็จ ลองตรวจดูว่ามันเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าหรือไม่ ถ้ามันยังเพิ่มขึ้นก็อย่าได้กังวลแม้ว่ามูลค่าพอร์ตลงทุนจะลดลง เพราะ ปันผลนั้นเป็น “ของแท้” แต่ราคาหุ้นเป็นของ “ชั่วคราว” ถ้าปันผลยังดีอยู่ ในที่สุดราคาหุ้นก็จะตามมา ทั้งหมดนั้นก็คือ “เข็มทิศลงทุน” ซึ่งถ้าเราเดินตามอย่างมั่นคง มันจะพาเราไปที่ “ทิศเหนือ” สู่ความมั่งคั่งและความสำเร็จ
โดย
teerasak.moo
เสาร์ ส.ค. 25, 2012 7:50 pm
0
7
Re: ถาม Staff ครับ ทำไมเวลาที่ขึ้นตอน post ถึงเร็วกว่าปัจจุบ
ใช้ได้แล้วครับ เวลาตรงครับ ขอบคุณครับ
โดย
teerasak.moo
ศุกร์ ก.ค. 20, 2012 9:36 am
0
0
Re: ถาม Staff ครับ ทำไมเวลาที่ขึ้นตอน post ถึงเร็วกว่าปัจจุบ
ลองทำแล้วครับ ทดสอบก่อน
โดย
teerasak.moo
ศุกร์ ก.ค. 20, 2012 9:34 am
0
0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
สําหรับผมมันเป็นไปตามสถานการณ์บังคับ ตอนที่ยังไม่ค่อยเป็น อยากจะขุดหุ้นเอง ก็ไม่มีปัญญาจะขุด ก็เลยต้องลอก ก็ยังได้กําไรมาหลายบาท ตอนนี้คนที่เคยลอก เขาไม่ให้ลอกแล้ว ก็จําเป็นต้องขุดเอง ก็ได้ผลตามสมควร ปัญหาคือยังไม่รวยทั้งระยะสั้นและระยะยาว ไหนๆก็เป็นสมาคมแล้ว ขอห้อง"ลอกการบ้าน"เป็นเรื่องเป็นราวสักห้องก็ดีนะ แมงเม่าจะได้เข้าถูกห้อง ไม่เข้าไปก่อกวนห้องร้อยคนร้อยหุ้นให้คนอื่นรําคาญ :mrgreen: "ห้องลอกการบ้าน" สุอยอด
โดย
teerasak.moo
พุธ ก.ค. 18, 2012 7:15 pm
0
1
Re: สรุป company visit SINGER 12/7/55
สะดุดตากว่าด้วยเป้าหมาย ในปีนี้ครับ อีก 2,270 ล้านบาท ก็จะถึงเป้าหมายแล้วครับ ขอบคุณครับ
โดย
teerasak.moo
ศุกร์ ก.ค. 13, 2012 1:41 pm
0
1
Re: ถาม Staff ครับ ทำไมเวลาที่ขึ้นตอน post ถึงเร็วกว่าปัจจุบ
ตรงมุมขวาบนครับ ที่ขึ้นว่า Posted: Wed Jul 11, 2012 6:47 pm เฉพาะเวลาจะเร็วกว่าเวลาจริงประมาณ 1 ชั่วโมง
โดย
teerasak.moo
พุธ ก.ค. 11, 2012 6:48 pm
0
0
Re: เอาแบบซื่อๆเลยครับ รายได้หักค่าใช้จ่ายแล้ว เดือนละแสนห้า
ลองตอบดูครับ 1 มีความเสี่ยงอะไร ที่อยากเตือนไหมครับ ความไม่รู้ คือความเสี่ยง ต้องหาความรู้เพิ่ม 2 ภายใน 5 ปี ผมมีสิทธิทำให้พอต โต ซัก 8 ล้านไหมครับ( คือกะว่าแค่นี้คงพอแล้ว) ต้องการผลตอบแทนเท่าไรต่อปี ลอง 15% 100,000 x 12=1,200,000 x 1.15 = 1,380,000 ปีที่1 (1,380,000 + 1,200,000) x 1.15 = 2,967,000 ปีที่2 (2,967,000 + 1,200,000) x 1.15 = 4,792,050 ปีที่3 (4,792,050 + 1,200,000) x 1.15 = 6,890,857.5 ปีที่4 (6,890,857.5 + 1,200,000) x1.15 = 9,304,4860125 ปีที่5 3ในระยะเวลา 5 ปีนี้ คิดว่า ควรเข้าไปถือหุ้นกลุ่มใดดีครับ ไม่ต้องบอกชื่อก็ได้ครับ กลุ่มไหนดี ต้องหาความรู้เพิ่มครับ ผมว่าหาหุ้นที่อยู่ใกล้ตัวและลองศึกษาเป็นตัวๆ จนกว่าจะแน่ใจ หรือลองลงทุนในกองทุนรวมก่อน ผลตอบแทน 10% ในระยะยาวน่าจะได้ 4 อันสุดท้ายคำว่า อิสรภาพทางการเงิน มันมีอยู่จริงไหมครับ มีจริงครับ
โดย
teerasak.moo
พุธ ก.ค. 11, 2012 2:00 pm
0
0
Re: ถ้ามองหาหุ้นที่จะลงทุนที่มั่นใจมากๆ ไม่ได้ จะทำยังไง
ถ้าหาหุ้นที่เราเข้าใจและมั่นใจในคุณภาพได้แล้ว แต่ราคามันแบบว่าไม่ได้ถูกแบบสุดๆและราคาก็ปรับเพิ่มมามากพอควร แต่ก็ยังต่ำกว่ามูลค่าที่คำนวณได้อยู่ เพื่อนๆพี่ๆแต่ละท่านจะทำยังไงกับเงินสดอีกเกือบ 50% ของพอร์ตในกรณีแบบนี้ครับ แชร์แนวทางกันหน่อยนะครับ ส่วนตัวผมยึดหลักว่า "ตีเฉพาะลูกที่เข้าทางไม้แบบจังๆเท่านั้น" คือผมจำกัดตัวเองว่าปีนึง ห้ามซื้อหุ้นเกิน 5 ครั้ง ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะดีแค่ไหนที่ทำแบบนี้ แต่ที่ผ่านมาก็พอใจ แต่ในใจลึกๆก็คิดว่า เงินสดเหลืออีกตั้ง 50% มันนอนนิ่งอยู่ จะไม่ซื้ออะไรเลยหรือ แต่ก็ยังไม่ได้ซื้อซักที ไม่อยากละเมิดหลักการตัวเอง ไม่รู้ผิดถูกยังไงที่ทำแบบนี้ เพื่อนๆพี่ๆแต่ละท่านละครับ ผมอยากมีเงินเหลือแบบคุณมั่ง ในความคิดผมถ้าคำนวณแล้วยังต่ำกว่ามูลค่า และเป็นกิจการที่ดี มีโอกาสเติบโตในอนาคต ผมคงซื้อเลย เพราะในระยะยาวมูลค่าก็จะเพิ่มขึ้นตามผลประกอบการ
โดย
teerasak.moo
พุธ ก.ค. 11, 2012 1:02 pm
0
0
Re: ด่วน การรับสมัครสมาชิกของสมาคมอย่างเป็นทางการ
เก็บไปเถอะครับ ปีละ 500 บาท ไม่ได้มากมายอะไร ผมคิดว่าเงินส่วนนี้สามารถใช้แทนค่าใช้จ่ายที่ก่อนหน้านี้กรรมการสมาคมและวิทยากรต้องเสียสละออกเงินเอง เช่น ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหาร ลำพังการเสียเวลาเพื่อส่วนรวม ก็เป็นการเสียสละมากพออยู่แล้ว ไหนจะค่าใช้จ่ายในการบริหารสมาคมและ web site นอกจากนี้ยังใช้เพื่อกิจกรรมสาธารณประโยชน์ได้อีก จ่ายมากกว่านี้ก็ยินยอมครับ เห็นด้วยครับ 500 บาท แค่ค่าโดเมนเวปปีนึง ค่าจิปาถะ เงินที่เหลือ จะนำไปก่อสร้างวัด สร้างพระ หรือทำบุญ เราก้ล้วนแต่จะได้บุญด้วยครับ เห็นด้วยอีกคนครับ
โดย
teerasak.moo
พุธ มิ.ย. 27, 2012 2:42 pm
0
5
Re: แจ้งข่าว มารดา ของ ดร.นิเวศน์ เสียชีวิต ครับ
ขอแสดงความเสียใจ กับดร.นิเวศน์และครอบครัว ครับ
โดย
teerasak.moo
เสาร์ มี.ค. 24, 2012 6:50 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
teerasak.moo
ระดับ:
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กลุ่ม:
สมาชิก
งานอดิเรก:
VI
ความถนัด:
ลูกจ้าง
ที่อยู่:
Bkk
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พฤหัสฯ. ก.พ. 21, 2008 1:59 am
ใช้งานล่าสุด:
-
โพสต์ทั้งหมด:
144 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.01% จากโพสทั้งหมด / 0.02 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว