หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
pk8
Joined: พฤหัสฯ. ก.ค. 01, 2004 9:39 am
481
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - pk8
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: พม่า
ลองดู 2 รายการนี้ซิครับ [youtube]DZIwsQMADZ0[/youtube] [youtube]HRuOAbzeqtI[/youtube]
โดย
pk8
พุธ มิ.ย. 11, 2014 10:25 am
0
2
นริศสอนน้อง
หากพูดถีงเรื่องข่าว ผมว่าเนชั่นเป็นองค์กรที่ผลิตผู้สื่อข่าวที่นับได้ว่าน่าจะดีที่สุดแห่งหนึ่งของไทยเลยนะครับ ผู้สื่อข่าว ผู้ประกาศข่าวที่มีชื่อเสียงและมีคุณภาพที่เราเห็นๆกันอยู่ในปัจจุบันนี้ก็เกิดมาจากเนชั่นเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว และผมก็ยังเชื่อว่าในอนาคตเนชั่นก็ยังคงเป็นองค์กรที่มีความสามารถในการสร้างผู้สื่อข่าวที่มีคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง และไม่ได้อยู่ได้ที่ตัวบุคคลเพียงคนเดียวเท่านั้นแต่เป็นการยึดที่ตัวองค์กรอันนี้สำคัญมากครับ เพราะหากศักยภาพขององค์กรเกิดจากตัวบุคคลไม่กี่คนเนชั่นก็จะไม่มีความน่าสนใจเลย สำหรับ nbc ผมก็ยังมองว่ามีโอกาสโตได้อีกมากเหมือนกันครับ และหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นในอนาคต ขอบคุณสำหรับข้อคิดเห็นของคุณ naris ด้วยครับ
โดย
pk8
อาทิตย์ ธ.ค. 27, 2009 11:22 am
0
0
ขอเรียนถามหมอสามัญชนเรื่องหุ้นวัฏจักรครับ
ส่วนข่างล่างนี่เป็นมุมมองของ Goldman Sachs ครับ Goldman Sachs notes in the oil market a slower than expected recovery in developed market demand has left global stocks at higher levels than expected, though long-dated prices have received support from OECD spare capacity drawdown on the back of solid expectations for emerging market economic growth. To reflect this the broker leaves its 2010 average price forecast at US$90 per barrel, with prices likely to be lower early in the year but higher by the September quarter as demand returns to pre-recession levels. In 2011 the broker expects prices will average US$110 per barrel, driven by strong demand from emerging markets forcing prices higher to ration demand from developed markets once OPEC spare capacity is exhausted and non-OPEC output continues to decline. In the natural gas market it has been stronger than expected unconventional production that has maintained supply despite a collapse in investment. This trend suggests higher production in 2010 and to reflect this Goldman Sachs has cut its NYMEX price forecast to US$6/mmBtu, down from US$7.30 previously. If there was a similar decline in production in 2011 it would tighten the market however, meaning prices will need to move up the curve to encourage higher-cost unconventional and low-cost conventional investment. To reflect this the broker expects NYMEX prices will average US$6.50/mmBtu in 2011. Supply availability issues are most apparent in the base metals complex, as the demand outlook is nearly the same for most metals given the urbanisation and industrialisation of emerging markets. This makes a ranking system appropriate, with Goldman Sachs putting copper in the most preferred position given its tight supply picture, following by zinc, with nickel and aluminium as the least preferred albeit with limited downside in both cases. With the global economy expected to pick up strongly in the first half of next year base metal prices are tipped to hit new highs by the middle of 2010, with copper forecast to trade above US$8,100 per tonne and zinc at better than US$2,600 per tonne. By the end of next year prices should retreat somewhat however as growth momentum slows in the second half, while 2011 should again see prices move higher. Copper should again trade above US$8,100 per tonne that year, while zinc prices should exceed US$2,900 per tonne. For precious metals the fact the US Federal Reserve remains on hold with respect to interest rates gives prices some additional upside room, though this trend should reverse once the US economic recovery strengthens and interest rates begin to move higher. To reflect such a scenario, Goldman Sachs has lifted its 3, 6 and 12-month gold price forecasts to US$1,200, US$1,260 and US$1,350 per ounce respectively, which implies a 2010 average price forecast of US$1,265 per tonne and a 2011 average of US$1,425 per tonne. Near-term risk is to the upside in its view, with an earlier than expected tightening of US monetary policy the major downside risk through 2010 and 2011. In the agricultural commodities Goldman Sachs notes weather remains the primary driver of prices given its impact on the supply side, this despite significant investment in seed technology. If it is assumed there is a return to more normal growing conditions in the coming year that leaves corn best placed for upside in its view given low inventories and high energy prices. For soybeans, production in South America is expected to improve, so alleviating the threat of supply side issues. In wheat Goldman Sachs sees little upside given a combination of ample supply and a relatively lacklustre demand outlook. Having been the star performer over the past year or so, the broker now sees downside risk to sugar prices over the next year and beyond. http://www.stockhideout.com/market-news/6940-supply-side-drive-commodity-prices-higher.html ส่วนนี้เครดิตคุณ nanchan ครับ
โดย
pk8
อาทิตย์ ธ.ค. 13, 2009 12:01 pm
0
0
ขอเรียนถามหมอสามัญชนเรื่องหุ้นวัฏจักรครับ
มุมมองของ Jim Rogers เกี่ยวกับ commodity เมื่อ September 12, 2008 He said the bull run in crude oil prices is not over yet and expects prices of sugar, cotton and coffee to rise sharply. Zinc and silver prices may also witness some upside, Rogers said. He said despite the fall in gold, he is not selling the yellow metal and will buy more if it falls further." http://sufiy.blogspot.com/2008/09/jim-rogers-zinc-and-silver-will-shine.html ข้างล่างนี่เมื่อ Oct. 9, 2009 Commodity supplies will lag behind demand during the next 10 to 20 years, further fueling a rally in raw materials, according to investor The commodities boom is not over and the bull market has several years to go. Agricultural commodities are among his favorites, because demand for food, including grain and sugar, is rising in countries such as India and China. Rogers said cotton may gain as farmers produce less fiber in favor of growing biofuel crops such as corn. Oil could reach between $150 and $200 a barrel, because known reserves of crude are declining The supply of everything continues to decline, Rogers said. If the world economy recovers, commodities will do the best, because supply is being restricted. If the world economy does not recover, commodities will still be the best place to be, because governments are printing huge amounts of money. http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20601087&sid=a9KhQFXpJujY[/quote]
โดย
pk8
อาทิตย์ ธ.ค. 13, 2009 11:49 am
0
0
Berkshire Buys Burlington in Buffetts Biggest Deal
หากราคาน้ำมันเป็นขาขึ้นต่อไป สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือเงินเฟ้อครับ ดังนั้นนอกจากหุ้นที่รับประโยชน์จากราคาน้ำมันโดยตรงแล้ว ก็ยังต้องมีการพิจารณาการถือครองหุ้นให้ถี่ถ้วนยิ่งขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันเป็นต้นทุนหลักส่วนใหญ่ในภาคธุรกิจ ผมขออนุญาตนำบทความของคุณ IH มาโพสท์อีกครั้งซึ่งผมคิดว่ามีประโยชน์มากหากภาวะนั้นเกิดขึ้น เมื่อคราวก่อนผมได้พูดถึงเรื่องการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งมีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ หรือ ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากปัจจัยด้านต้นทุน ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากปัจจัยด้านต้นทุน หรือ cost push inflation จะทำให้หุ้นที่อยู่ในภาคบริการมีความน่าสนใจกว่าหุ้นที่อยู่ภาคการผลิตครับ หากเราพิจารณาถึงตัวเลขที่บ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของระดับราคาซึ่งมีตัวหลักๆ คือ Producer price index ( PPI ) , Wholesale price index ( WPI ) และ Consumer price index ( CPI ) อัตราเงินเฟ้อที่เราดูกันหลักๆ ในประเทศไทยจะมีตัวเดียวคือ CPI หรือ Consumer price index ซึ่งเป็นราคาที่ผู้บริโภคขั้นสุดท้ายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการ แต่ในสหรัฐอเมริกา นักลงทุนจะสนใจตัวเลขทั้ง 3 ตัวคือ PPI WPI และ CPI ตัวเลข PPI หรือ Producer price index เป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงต้นทุนของผู้ผลิตซึ่งจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่างเช่น ราคาวัตถุดิบ ค่าแรงขั้นต่ำ ประสิทธิภาพในการผลิต เป็นต้น การที่ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ เช่น เหล็ก พลาสติก ทองแดง ปรับเพิ่มขึ้นก็ได้ทำให้ต้นทุนของผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ เพิ่มขึ้นมาก จึงส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ เพิ่มขึ้นมากในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่ในขณะเดียวกัน การที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นได้ทำให้ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ได้มีความสามารถที่จะรับสภาพการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าได้ไม่มากนัก ดังนั้นแม้ว่าต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้น แต่ผู้ผลิตในภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่จึงไม่สามารถเพิ่มราคาขายได้ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ทั้งหมด เพราะหากเพิ่มราคาขายตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ก็จะส่งผลต่อปริมาณการขายที่ลดลง ผู้ผลิตหลายรายก็ได้พยายามปรับตัวด้วยมาตรการการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ด้วยเหตุผลที่การปรับขึ้นราคาสินค้าของผู้ผลิตทำได้น้อยกว่าการเพิ่มขึ้นของต้นทุน จึงทำให้ตัวเลขการเพิ่มขึ้นของ CPI ซึ่งสะท้อนถึงราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าตัวเลข PPI ซึ่งสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นของต้นทุนของผู้ผลิต หากเราให้ margin ของผู้จัดจำหน่ายคือ Wholesaler คงที่ เราจะได้ว่าการที่ CPI เพิ่มน้อยกว่า PPI จะทำให้อัตราการทำกำไรของผู้ผลิตแย่ลง ซึ่งสะท้อนถึงตัวเลขอัตราการทำกำไร คือ gross profit ของผู้ผลิตต่างๆ มีแนวโน้มที่จะลดลง อย่างไรก็ตาม ก็มีผู้ผลิตบางรายที่มี brand สินค้าที่แข็งแกร่ง และมีอำนาจต่อรองกับลูกค้าสูง จึงสามารถเพิ่มราคาขายได้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และยิ่งหากสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตก็จะทำให้ปริมาณการขายไม่ลดลง ผู้ผลิตเหล่านี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นมากนัก ผู้ผลิตที่มีลักษณะของการรับจ้างผลิต ซึ่งเป็นการผลิตในขั้นกลาง หรือผลิตสินค้าที่ผู้ผลิตแต่ละรายไม่มีความแตกต่างกันนัก จะเป็นผู้ผลิตที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากภาวะต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน ธุรกิจในภาคบริการ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล ร้านอาหาร จะมีแนวโน้มที่จะปรับราคาตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้มากกว่า โดยเฉพาะหากธุรกิจนั้นๆ ได้รับความนิยมสูง และจับลูกค้าที่มีกำลังซื้อ เนื่องจากลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่ไม่คำนึงถึงราคาที่เพิ่มขึ้นหากได้รับบริการที่น่าพึงพอใจ ผมเชื่อว่าคนไข้ส่วนใหญ่ที่ไปใช้บริการโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ หรือลูกค้าที่ไปรับประทานอาหารในภัตตาคารแพงๆ คงจะไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงกับการเปลี่ยนแปลงของราคามากนัก นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มประเภทสาธารณูปโภค เช่น โทรศัพท์ ไฟฟ้า ประปา ซึ่งมีอำนาจต่อรองกับลูกค้าสูงเนื่องจากเป็นบริการที่จำเป็น และสามารถขึ้นราคาตามต้นทุนวัตถุดิบได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ต้นทุนหลักๆ ของหุ้นกลุ่มนี้ส่วนหนึ่งคือต้นทุนการวางระบบสาธารณูปโภค เช่น ค่าก่อสร้างโรงไฟฟ้า ท่อก๊าซ ประปา ระบบสัญญาณโทรศัพท์ จะเป็นต้นทุนที่เกิดขึ้นไปนานแล้วและรับรู้เป็นต้นทุนในรูปแบบของค่าเสื่อมราคา หุ้นกลุ่มดังกล่าวก็ได้รับผลกระทบน้อยเช่นกัน ธุรกิจอีกประเภทหนึ่งที่สามารถตั้งราคาขายในลักษณะ cost plus คือ บวกกำไรเข้าไปกับต้นทุน ก็จะเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อค่อนข้างน้อย เนื่องจากจะยังสามารถรักษาอัตราการทำกำไรได้คงที่ในระดับหนึ่ง ธุรกิจดังกล่าวได้แก่ธุรกิจประเภทค้าปลีกและบริษัท trading บางบริษัท ดังนั้น เมื่อเรามาพิจารณาถึงตลาดหุ้นบ้านเรา และตัดหุ้นพลังงานตัวใหญ่ๆ ที่มีผลต่อดัชนีออกไป จะพบว่าหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและภาคการก่อสร้าง เช่น วัสดุก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ บรรจุภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเลคทรอนิกส์มีผลกำไรที่ลดลงค่อนข้างมาก ในขณะที่หุ้นในภาคบริการและสาธารณูปโภค รวมไปถึงหุ้นค้าปลีก ส่วนใหญ่ยังมีผลกำไรที่ดีขึ้นหรือไม่แย่ลงไปกว่าเดิมนัก ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มหลังนี้หลายตัวมีราคาปรับตัวสูงขึ้นมากเมื่อเปรียบเทียบกับต้นปี ในขณะที่หุ้นในภาคการผลิตหลายตัวมีราคาลดลงมาตลอด ผมเชื่อว่าภาวะดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นไปอีกหลายปีจากนี้ไป เพราะราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นอยู่ ดังนั้นหุ้นกลุ่มบริการ สาธารณูปโภคและค้าปลีก น่าจะเป็นกลุ่มที่น่าจะรักษาความสามารถในการทำกำไรและสร้างผลตอบแทนในรูปแบบของ capital gain และเงินปันผลได้ดีในระดับหนึ่ง ในขณะที่หุ้นในภาคการผลิตน่าจะให้ผลตอบแทนไม่ดีนัก นอกจากนี้ บริษัทที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 โดยส่วนใหญ่จะมีอำนาจต่อรองกับลูกค้ามากกว่าบริษัทที่มีส่วนแบ่งน้อยกว่า รวมไปถึงการมีส่วนแบ่งการตลาดอันดับสูงน่าจะหมายถึงว่าสินค้าและบริการดังกล่าวเป็นที่นิยมของลูกค้า ดังนั้นบริษัทที่จะได้เปรียบจึงเป็นบริษัทขนาดใหญ่ หรือแม้กระทั่งบริษัทขนาดเล็กหรือกลาง แต่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจนั้นๆ เวลานี้ผมเชื่อว่า profit margin สำคัญกว่ายอดขายแล้วครับ หากยอดขายเพิ่มแต่ขาดทุนก็ไม่มีประโยชน์ครับ P/E ratio อาจจะมีความสำคัญน้อยลงในการตัดสินใจครับ เพราะ P/E กำลังสะท้อนอดีตและปัจจุบัน แต่ไม่ได้สะท้อนถึงอนาคตที่มีความยากลำบากรออยู่ข้างหน้าครับ เราได้เห็นหุ้นหลายตัวที่มีกำไรดีๆ ในปี 2546-2547 มีกำไรลดลงมากหรือขาดทุนในปีนี้ ดังนั้น การลงทุนจากนี้ไป ผมเชื่อว่าคงจะต้อง focus ไปที่คุณภาพของสินค้าและบริการของบริษัทนั้นๆ และอำนาจการต่อรองกับลูกค้า เป็นสำคัญครับ รวมไปถึงความสามารถของผู้บริหารในการจัดการกับปัญหาเรื่องต้นทุนที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น brand value และ premium on management จึงสำคัญกว่า P/E ในภาวะเงินเฟ้อเช่นนี้ ผมได้อ่านข้อมูล ใน tvi ว่าเเงินเฟ้อในเดือน ก.ค. เพิ่มสูงถึง 5.3% แล้วครับ และผมคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนต่อๆ ไปของปีนี้ก็น่าจะคงอยู่ในระดับนี้หรือมากกว่านี้ไปอีก โดยเหตุผลหลักก็เป็นที่ทราบกันว่ามาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น หากมองอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในระดับปัจจุบันที่อยู่ประมาณ 1% ซึ่งก็หมายความว่า หากผู้ฝากเงินมีเงิน 1 ล้านบาท เมื่อครบ 1 ปีจะมีเงินเพิ่มขึ้น 1% แต่จะซื่อของได้น้อยลง 5% เพราะเงินเฟ้อทำให้อำนาจซื้อของเงินจำนวนเท่าเดิมลดลง เท่ากับว่าผู้ที่มีเงินออมและมีรายได้จากเงินฝากจนลง 4% ในแต่ละปี อย่าคิดว่าจะเอาดอกเบี้ยมาเป็นค่าใช้จ่ายในแต่ละปีเลยครับ แค่ทำให้เราไม่จนลงยังทำไม่ได้เลยครับ หากเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ไปอีก 3 ปี ก็เท่ากับว่าผู้ออมเงินจนลงไป 12% ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่น่ากลัวไม่น้อยทีเดียวครับ แต่คนส่วนใหญ่ของประเทศก็เลือกที่จะออมด้วยการฝากธนาคาร ! หรือไม่บางส่วนก็ออมผ่านกองทุนตราสารหนี้ ซึ่งปัจจุบันเราเห็นขนาดกองทุนตราสารหนี้ใหญ่กว่ากองทุนหุ้นค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นเพราะว่าหลายคนยังกลัวการลงทุนในหุ้นอยู่พอสมควร กองทุนตราสารหนี้ที่เป็นที่นิยมมากคือ กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น 9 เดือน 12 เดือน ซึ่งให้ผลตอบแทนประมาณ 2% กว่าๆ ดูเหมือนจะรับประกันผลตอบแทน ซึ่งก็คงจะเป็นเช่นนั้น หากกองทุนตราสารหนี้ดังกล่าวไม่ไปลงทุนใน B/E ของบริษัทเอกชนที่เสี่ยงเกินไปนัก เมื่อเงินเฟ้อขึ้นไปเป็น 5% ผู้ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ดังกล่าวก็จะจนลงปีละ 3% หากพิจารณาการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวอย่างพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ก็จะให้ผลตอบแทนวันนี้ที่ 4.69% ต่อปี ซึ่งก็ยังแพ้เงินเฟ้ออยู่ดี หากเป็นพันธบัตรที่อายุสั้นกว่านั้น ก็จะมีผลตอบแทนน้อยลงไปอีก เช่น พันธบัตรอายุ 5 ปีก็จะมีผลตอบแทน 4.16% หากเราดูหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนที่มีบริหารเงินออมให้คนส่วนใหญ่ของประเทศ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และกองทุนประกันสังคม ซึ่งมีทางเลือกในการลงทุนมากกว่าการฝากเงิน สินทรัพย์ส่วนใหญ่ของกองทุนดังกล่าวก็ยังเป็นพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ เงินฝากธนาคาร ซึ่งให้ผลตอบแทนต่ำกว่า 5% เกือบทั้งนั้น เว้นเสียแต่หุ้นกู้ บ. เอกชนบางบริษัทที่อาจจะให้ผลตอบแทนเกิน 5% แต่ก็เป็นส่วนน้อยและน่าจะเป็นบริษัทที่มีความเสี่ยงทางการเงินอยู่พอสมควร การลงทุนในหุ้นของหน่วยงานทั้ง 3 อยู่ในระดับค่อนข้างน้อยคือ ส่วนใหญ่จะไม่เกิน 15% ซึ่ผลตอบแทนของตลาดปีนี้ยังไม่ถึง 5% ดังนั้นผลตอบแทนของเงินออมของคนส่วนใหญ่ของประเทศต่ำกว่าเงินเฟ้อทั้งนั้น ผมเชื่อว่าสถานการณ์ตรงนี้อาจจะคงอยู่ไม่นานนัก เราอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นบ้าง เช่น การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น เพื่อให้ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยและเงินเฟ้อแคบลง และเพื่อไม่ให้เงินไหลออกมากเกินไป การขึ้นดอกเบี้ยในกรณีนี้ก็น่าจะทำให้ดอกเบี้ยเงินฝากเพิ่มขึ้นด้วย แต่หาก....... มีสถานการณ์หรือภาวะแวดล้อมอะไรบางอย่างที่ทำให้ภาวะดอกเบี้ยเงินฝากรวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยในระบบไม่เพิ่มขึ้น ผมคิดว่าการลงทุนในหุ้นจะกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง เพราะอัตราเงินปันผลของตลาดหุ้นยังสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างมาก รวมไปถึงการที่หุ้นเป็นสินทรัพย์ที่ป้องกันความเสี่ยงของเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี เนื่องจากในระยะยาวราคาหุ้นจะมีความสัมพันธ์กับเงินเฟ้อ เมื่อวันอาทิตย์ผมได้เดินที่ร้าน se-ed อันดับหนังสือที่ขายดีอันดับที่ 16 ของร้าน se-ed คือ หนังสือ ทำธุรกิจอพาร์ตเมนท์กันดีกว่า ผมซื้อหนังสือเล่มนี้เป็นเล่มสุดท้ายของร้าน ซึ่งอาจจะเกิดจากหนังสือขายดี ประกอบกับจำนวนการพิมพ์และการสั่งเข้าร้านค่อนข้างน้อย แสดงว่าทั้งผู้พิมพ์และผู้ขายก็ไม่คิดเหมือนกันว่าหนังสือเล่มนี้จะขายดี เป็นตัวบ่งบอกอย่างหนึ่งว่า ประชาชนที่มีเงินออมกำลังเบื่อกับดอกเบี้ยเงินฝาก 1% เต็มทนแล้ว จึงยอมทำอะไรที่เสี่ยงขึ้นกันแล้ว หลายคนกำลังจะสร้างอพาร์ตเมนต์ หากประสบความสำเร็จ อาจจะได้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายประมาณ 8-12% ต่อปี ขึ้นกับความสามารถในการบริหารจัดการ ซึ่งหากได้ 10% ต่อปีก็เท่ากับการฝากธนาคาร 10 ปี ผมซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านเป็นความรู้แต่ผมคงไม่ทำอพาร์ตเมนท์ครับเพราะอพาร์ตเมนต์ที่เราจะทำได้คงไม่ใช่ระดับบนที่เก็บค่าเช่าเดือนละ 2-5 หมื่น แต่คงจะต้องเป็นระดับกลางถึงล่าง ซึ่งดูแล้วน่าจะมีปัญหาตามมาสารพัดทีเดียว และที่สำคัญก็คือเวลาส่วนตัวที่จะลดลงไปเยอะมากซึ่งผมมองว่ามันเป็นต้นทุนแฝงครับ ดังนั้น ผมคิดว่าหากเงินเฟ้อระดับนี้ และดอกเบี้ยเงินฝากยัง 1% ควรจะกลับเข้ามาพิจารณาการลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ ผมไม่คิดว่าควรจะข้ามาซื้อหุ้นทุกตัวแบบกระจายเหมือนปี 2546 แต่จะเป็นการซื้อแบบเจาะจง โดยจะเน้นไปที่หุ้นที่มี pricing power คือ สามารถผลักภาระต้นทุนให้กับลูกค้าได้เต็มๆ หรือเผลอๆ จะมี margin ดีขึ้นด้วยซ้ำจากการขึ้นราคาสินค้า ซึ่งมักจะเป็นหุ้นที่เป็นผู้นำตลาด หรือมีความนิยมในตัวสินค้าและผลิตภัณฑ์สูง หรือหุ้นที่เป็นลักษณะ monopoly ซึ่งหุ้นที่ว่ามานี้มักจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ ดังนั้นเราอาจจะได้เห็นหุ้นขนาดใหญ่หรือหุ้นขนาดกลางและเล็กที่เป็นผู้นำตลาด มีผลตอบแทนที่ดีกว่าหุ้นที่มีขนาดเล็ก ซึ่ง trend นี้เราก็เห็นมาบ้างแล้วพอสมควรตั้งแต่ต้นปีครับ หุ้นอีกประเภทที่จะได้รับผลดีจากเงินเฟ้อ คือ หุ้นที่มีสินทรัพย์มากๆ ซึ่งราคาสินทรัพย์น่าจะปรับเพิ่มขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อ เนื่องจากเงินเฟ้อทำให้ต้นทุนการก่อสร้างใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ทำให้สินทรัพย์ที่มีอยู่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น หุ้น ไม่ว่าจะเป็นหุ้นใหญ่หรือเล็กที่สามารถฝ่าด่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากเงินเฟ้อมาได้ และมีกำไรไม่ลดลง และสามารถปันผลได้ 5-7% ต่อปี จะเป็นหุ้นที่น่าสนใจมากทีเดียวครับ ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นในครึ่งหลังของปีนี้ คงจะต้องเป็นการซื้อหุ้นคุณภาพ คือหุ้นดีราคาไม่แพงเกินไป ไม่ใช่หุ้นถูกแต่คุณภาพอาจจะไม่ดี เพราะหุ้นถูก อาจจะถูกเพราะ p/e ของปีก่อน ซึ่งหากคิด p/e ปีนี้อาจจะแพงขึ้นมากหรือขาดทุนไปเลยก็เป็นไปได้ครับ ผมได้แต่หวังว่า เงินที่เข้ามาซื้อหุ้น คงจะเป็นเงินออมของประชาชน ที่เข้ามาเลือกซื้อหุ้นดีๆ คงไม่ใช่เงินต่างชาติ ที่เค้ารู้ว่าหุ้นบ้านเราตัวไหนยังถูก อาศัยข้อมูลที่เหนือกว่าทำกำไรกลับไปอีก และหวังว่าหน่วยงานทั้ง 2 ที่เป็นกึ่งรัฐอย่างกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนประกันสังคม หรือเอกชน คือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ น่าจะพิจารณาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์มากขึ้นครับ เพราะอย่างไรเสียหากเลือกหุ้นถูกตัว ผลตอบแทนในระยะยาวๆ ของหุ้นก็ดีกว่าการลงทุนประเภทอื่นๆ อยู่พอสมควรครับ ผมอ่านกระทู้ของเพื่อนท่านหนึ่งใน tvi ยกประเด็นว่า การฝากธนาคารในปัจจุบัน ก็เหมือนการซื้อหุ้นที่ p/e 100 เท่า เพราะต้องจ่ายไป 100 แต่ได้กลับมาปีละ 1 เป็นประเด็นที่น่าสนใจทีเดียวครับ ผมเห็นว่าแม้จะเป็นหุ้นที่ดีที่สุดและไม่มีความเสี่ยงอะไรเลย ก็ไม่ควรมี p/e 100 เท่าครับ และยิ่งหุ้นตัวนั้นอาจจะไม่มี growth ด้วย การถือเงินสดเป็นส่วนใหญ่อาจจะไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีเสมอไปสำหรับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแต่เงินเฟ้อสูงอย่างที่เราเห็นในช่วงนี้เสมอไปครับ การถือหุ้นดีมีคุณภาพ และมีปันผล จึงเป็นทางเลือกที่น่าจะดีกว่าครับ สิ่งที่ผมแปลกใจคือ ทำไมคนไทยส่วนใหญ่จึงมีความรู้เรื่องการลงทุน การบริหารเงินออม โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นน้อยมาก แม้ว่านักศึกษาที่จบมาจากสาขา finance ก็ไม่มีความรู้ทางการลงทุนเท่าที่ควรนัก ซึ่งไม่ต้องหวังอะไรกับนักศึกษาที่จบจากสาขาอื่นเลย แสดงว่าประเทศไทยยังล้มเหลวในการระบบการศึกษาพอสมควรครับ ความรู้เรื่องการลงทุน จะเป็นความรู้ที่มีค่าขึ้นเรื่อยๆ ครับ หากเราไม่อยากจนลงปีละ 4% หรือซื้อหุ้นที่ p/e 100 เท่าครับ การลงทุนก็เปรียบเสมือนเรือที่แล่นในทะเลอาจจะเสี่ยงที่จะจมลงจากคลื่นลมพายุ การฝากเงินอย่างเดียวก็เหมือนเรือที่จอดอยู่บนฝั่งแม้จะไม่จมจากพายุ แต่วันหนึ่งก็จะถูกสนิมกัดกร่อนจนผุ ซึ่งเงินเฟ้อก็เหมือนสนิมที่คอยกัดกินเรืออยู่ตลอดเวลาครับ ยิ่งตอนนี้มีคลี่นสึนามิแล้วด้วย เรือที่จอดอยู่ริมฝั่งอาจจะพังง่ายๆ ได้ทีเดียวครับ : )
โดย
pk8
พุธ พ.ย. 04, 2009 11:30 am
0
1
New Bull Market confirmed !!!!
เบอร์นันเก้มั่นใจเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ระยะฟื้นตัวแล้ว เชื่อกลับมาขยายตัวได้อีกเร็วๆนี้ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 16 นาทีที่แล้ว เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในที่ประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิง ว่า เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ "ระยะฟื้นตัว" แล้ว และคาดว่าจะกลับมาขยาตัวได้อีกครั้งในไม่ช้านี้ หลังจากเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงและถูกกระทบหนักสุดจากวิกฤตการณ์การเงิน "กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งในสหรัฐและประเทศอื่นๆทั่วโลกเริ่มฟื้นตัว และคาดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้ หลังจากเศรษฐกิจหดตัวรุนแรงในปีที่แล้ว นอกจากนี้ ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกได้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ที่รุนแรงที่สุดไปแล้ว ซึ่งนับจากนี้เศรษฐกิจจะเข้าสู่ระยะฟื้นตัว" เบอร์นันเก้กล่าว........ http://www.ryt9.com/s/iq03/633298/ สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.พุ่งเกินคาด 7.2% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปี สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 31 นาทีที่แล้ว สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 7.2% แตะระดับ 5.24 ล้านยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 4 เดือน และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี หลังจากปรับตัวขึ้นที่ระดับ 4.89 ล้านยูนิตต่อปีในเดือนมิ.ย. ...... http://www.ryt9.com/s/iq03/633272/
โดย
pk8
เสาร์ ส.ค. 22, 2009 10:34 am
0
0
New Bull Market confirmed !!!!
ภาคบริการเยอรมนี-ภาคการผลิตฝรั่งเศสขยายตัวเกินคาด ตอกย้ำความเชื่อมั่นวิกฤตศก.บรรเทา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 4 ชั่วโมง 45 นาทีที่แล้ว อุตสาหกรรมการบริการของเยอรมนีและอุตสาหกรรมการผลิตของฝรั่งเศสขยายตัวเกินคาดในเดือนนี้ ส่งสัญญาณว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งรุนแรงสุดในรอบกว่า 60 ปีของยุโรปได้บรรเทาความรุนแรงลงแล้ว โดยดัชนีอุตสาหกรรมการบริการของเยอรมนีปรับตัวสูงขึ้นแตะ 54.1 จุดในเดือนนี้ จาก 48.1 จุดในเดือนที่แล้ว ส่วนดัชนีภาคการผลิตของฝรั่งเศสบวกขึ้นแตะ 50.2 จุด จาก 48.1 จุด โดยตัวเลขเกิน 50 จุดหมายถึงมีการขยายตัว ผิดกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จุด ทั้งนี้ เงินยูโรแข็งค่าขึ้นหลังมีการเปิดเผยข้อมูลนี้ ในขณะเดียวกัน ดัชนีภาคการผลิตและบริการของกลุ่มประเทศยุโรปก็ปรับตัวสูงขึ้นเกินคาดในเดือนนี้ โดยดัชนีคอมโพสิตของอุตสาหกรรมทั้งสองภาคส่วนบวกขึ้นแตะ 50 จุดในเดือนนี้ จาก 47 จุดในเดือนที่แล้ว ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นมากสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว "ข้อมูลดังกล่าวสนับสนุนความเชื่อที่ว่าเศรษฐกิจยุโรปจะฟื้นตัวจากภาวะถดถอยในไตรมาส 3" คาร์สเทน เบรสกี นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัท ไอเอ็นจี กรุ๊ป เอ็นวี ในบรัสเซล กล่าวกับบลูมเบิร์ก "อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะฟันธงว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวแน่นอนในช่วงเวลาดังกล่าว" การที่บริษัทต่างๆ ในเยอรมนีมีรายได้มากขึ้นเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังจะฟื้นตัว หลังจากที่รัฐบาลให้คำมั่นว่าจะทุ่มงบหลายพันล้านยูโรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันธนาคารกลางยุโรปก็ตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมยืนยันว่าเศรษฐกิจผ่านพ้นช่วงที่เลวร้ายที่สุดมาแล้ว ทั้งนี้ เศรษฐกิจเยอรมนีและฝรั่งเศสกลับมาขยายตัวอีกครั้งอย่างคาดไม่ถึงในไตรมาส 2 ที่ระดับ 0.3% http://www.ryt9.com/s/iq03/633198/ วันนี้หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวเดินทางมากันหมดเลย... สงสัยนักลงทุนเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ชัดขึ้นเรื่อยๆมั้งครับ :)
โดย
pk8
ศุกร์ ส.ค. 21, 2009 10:14 pm
0
0
BH-P คืออะไรครับ???
หุ้นบุริมสิทธิครับ
โดย
pk8
พฤหัสฯ. ส.ค. 13, 2009 1:46 pm
0
0
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
เห็นคุณลูกอิสานพูดถึง AKR ในเวปของเอกรัฐโซล่าร์ ประกาศรับสมัครพนักงานเพิ่มอีกพอสมควรเลยครับ น่าจะเป็นตัวชี้วัดอะไรบางอย่างก็ได้ http://www.ekarat-solar.com/job2.php
โดย
pk8
อังคาร เม.ย. 21, 2009 10:42 pm
0
0
ส่งออกกุมภาลดลงจากมกรา 42 % เลยหรือ ??????
บีโอไอ ใจชื้นยอดสั่งซื้อฟื้น หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ สรุปข่าวเศรษฐกิจ -- 3 ชั่วโมง 10 นาทีที่แล้ว นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า จากการติดตามข้อมูลและความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ลงทุนในประเทศ พบว่า ไตรมาส 2 (เดือนเม.ย.-มิ.ย.) อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มียอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น จนต้องเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นกว่าไตรมาสแรกของปีนี้ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นได้แก่ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ มียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 80% จากช่วงภาวะปกติ ส่วนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ก็มีคำสั่งสินค้าเพิ่มเช่นกัน เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ แผนวงจรรวม มียอดคำสั่งซื้อเข้ามา 80% http://www.ryt9.com/s/psum/547026/
โดย
pk8
ศุกร์ มี.ค. 27, 2009 9:12 am
0
0
ส่งออกกุมภาลดลงจากมกรา 42 % เลยหรือ ??????
ข่าวปลอบใจ เอกชนจีนเล็งหอบเงินแสนล.-ลงทุนไทย นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า หอการค้าไทย-จีน สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน และสมาคมนักธุรกิจยอดเยี่ยมเชื้อสายจีนเสนอให้รัฐบาลหาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมจีนในไทย เนื่องจากนักลงทุนประเภท อุตสาหกรรมอาหาร เกษตรแปรรูป โรงถลุงเหล็ก ยานยนต์และชิ้นส่วน และธุรกิจท่องเที่ยว พร้อมนำเงินลงทุนมาลงทุนในไทยไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TURObFkyOHdOREV6TURNMU1nPT0=§ionid=TURNd05RPT0=&day=TWpBd09TMHdNeTB4TXc9PQ== ธุรกิจส่งออกเฟอร์นิเจอร์โตสวนกระแส เหตุจีนคู่แข่งปิดตัว-ค่าบาทอ่อนหนุน หนังสือพิมพ์แนวหน้า สรุปข่าวโลกธุรกิจ -- อังคารที่ 3 มีนาคม 2009 06:13:33 น. ผู้ส่งออกเฟอร์นิเจอร์ คาดยอดส่งออกโตเพิ่ม 3 -5% คู่ค้าหันมาสั่งออร์เดอร์จากไทย หลังโรงงานเฟอร์นิเจอร์ในจีนปิดตัวกว่า 9 พันแห่ง อีกทั้งได้แรงหนุนจากค่าเงินบาท ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ผู้ส่งออกไทย http://www.ryt9.com/s/psum/532223/ อีกข่าวสินค้าเดียวกันแต่ข่าวแตกต่างกัน เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนปีนี้ รับมือกำลังซื้อหด ปัญหาการแข่งขันที่รุนแรง ปัญหาด้านวัตถุดิบราคาแพงและขาดแคลน รวมถึงปัญหาการลอกเลียนแบบสินค้า ที่ยังคงเป็นอุปสรรคต่อศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนไทยในปี 2552 แล้ว ในปีนี้อุตสาหกรรมกลุ่มดังกล่าวของไทยยังต้องเผชิญกับปัจจัยลบจากการชะลอตัวของกำลังซื้อผู้บริโภค http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1236051211&grpid=03&catid=05
โดย
pk8
อาทิตย์ มี.ค. 15, 2009 8:12 pm
0
0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
หลุด trend ใหญ่ ในทางเทคนิคดูยังไงหรอครับ ที่จริงการลงครั้งใหญ่รอบนี้ของ set ดูค่อนข้างง่าย เนื่องจากฟอร์มตัวเป็น triple top ถ้าหลุดฐานของ triple top ก็ต้องขายโดยไม่ต้องรอให้หลุดเส้นต่างๆก่อนครับ เพราะมักช้าเกินไป อย่างในครั้งนี้ก็คือการหลุด 750 เป็นครั้งที่ 2 หลังจากการรีบาวน์ขึ้นช่วงสั้นๆเป็นสัญญาณยืนยันว่าลงแน่นอนครับ
โดย
pk8
จันทร์ ม.ค. 12, 2009 1:03 pm
0
0
เศรษฐกิจไทยขณะนี้ ดัชนีควรอยู่ที่เท่าไหร่ ?
ดัชนีควรอยู่เท่าไหร่ไม่รู้จริงๆครับ แต่ท่ามกลางข่าวการลดพนักงานของโรงงานอุตสาหกรรมบางแห่ง การส่งออกแย่ การเมืองมีปัญหา ก็ยังมีคนขยายกิจการครับ นางหิรัญญา สุจินัย ที่ปรึกษาด้านการลงทุน คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการได้อนุมัติส่งเสริมการขยายกิจการลงทุนให้แก่ 2 บริษัทใหญ่จากต่างประเทศที่ดำเนินกิจการผลิตสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 1,940 ล้านบาท โดยคาดว่าการขยายกิจการครั้งนี้ ทั้ง 2 บริษัทจะใช้วัตถุดิบและชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องประมาณ 4,680 ล้านบาทต่อปี และมีการจ้างงานเพิ่มกว่า 1,000 คน http://www.ryt9.com/news/2008-12-07/48355388/
โดย
pk8
อาทิตย์ ธ.ค. 07, 2008 10:12 pm
0
0
ภาพหลอน ตอน 1700 ลงไป 200
Faber Says U.S. $700 Billion Rescue Plan Isn't Enough http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20601087&sid=aLGaumI.AYuU&refer=home
โดย
pk8
พฤหัสฯ. ก.ย. 25, 2008 3:55 pm
0
0
ไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว
ใครมีข้อมูล บ้างคับ
โดย
pk8
พฤหัสฯ. ก.ย. 18, 2008 12:37 pm
0
0
มีบริษัท ใน set ที่ผลิต + ขาย ปุ๋ย ไหมครับ
TCCC ไทยเซ็นทรัลเคมีจำกัดครับ ราคาปุ๋ยบางชนิดขึ้นมาจากต้นปีเป็นเท่าตัวครับ แต่สารตั้งต้นที่นำมาผลิตก็ปรับขึ้นเช่นกันแต่น่าจะปรับ ในอัตราที่น้อยกว่า ไตรมาสนี้ยังมี stock เมื่อสิ้นปีอยู่ประมาณ 2,900 ล้านซึ่งเป็นมูลค่าณ.สิ้นปีที่แล้วก็น่าจะได้ประโยชน์จาก stock เก่าอยู่พอสมควรมั้งครับ (stock เป็นสินค้าสำเร็จและวัตถุดิบ)
โดย
pk8
พุธ เม.ย. 23, 2008 3:56 pm
0
0
หุ้น Turnaround !!! หรือความฝันกำลังจะเป็นจริง
JTS ชวดงาน"เอซอน"ของ กสท."มารูเบนิ"เสนอต่ำสุด 2 พันลบ.จาก 2.6 พันลบ. ศุกร์ที่ 25 มกราคม 2008 16:50:45 น. -- IQ ข่าวหุ้น รายงานข่าวจาก บมจ.กสท.โทรคมนาคม(กสท.) เปิดเผยว่า บริษัท มารูเบนิ จำกัด เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดที่ 2,009.7 ล้านบาท ในโครงการจัดสร้างระบบเชื่อมโยงเคเบิลใยแก้ว(Optical Fiber)และภายในประเทศจำนวน 5 พื้นที่ หรือ เอซอน (Automatic Switch Optical Network) ของ กสท.จากราคากลางที่ 2,618.5 ล้านบาท ทำให้ กสท.สามารถประหยัดงบได้ 23.25% ส่วน บมจ.จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ (JTS) เสนอราคา 2,448.7 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคากลาง 6.48% ทั้งนี้ การประกวดราคาในวันนี้มีผู้ผ่านการพิจารณาด้านเงื่อนไขและข้อกำหนดทางเทคนิคจำนวน 2 ราย จากผู้ที่ยื่นซองมา 4 ราย --อินโฟเควสท์ http://www.ryt9.com/news/2008-01-25/iq5c9fa4c2eb26333efdd303e97095c9db/
โดย
pk8
เสาร์ ม.ค. 26, 2008 10:02 pm
0
0
FED ทนไม่ไหว ลดดอกเบี้ย 0.75%
http://www.bloomberg.com/index.html?Intro=intro3
โดย
pk8
อังคาร ม.ค. 22, 2008 9:13 pm
0
0
FED ทนไม่ไหว ลดดอกเบี้ย 0.75%
FUTURES DOW -429 NASDAQ -68.25 S&P500 -51.8 ดอกเบี้ยก็ลดแล้ว ดูต่อครับ
โดย
pk8
อังคาร ม.ค. 22, 2008 9:08 pm
0
0
ขึ้นหรือลง ในอีก 6 เดือนข้างหน้า มาช่วยกันติดตาม
จัดให้ครับ ราคาณ.วันที่ 3 มกราคม 2550 bat-3k >>> 48.50 draco >>> 17.00 drt >>> 1.71 dsgt >>> 4.80 epco >>> 1.47 sc >>> 8.30 sis >>> 2.22 svi >>> 1.03 tcb >>> 18.00 tr >>> 34.00 trt >>> 4.30 egco >>> 95.00 ptl >>> 3.18
โดย
pk8
พฤหัสฯ. ธ.ค. 20, 2007 1:55 pm
0
0
"วอร์เรน บัฟเฟตต์"คาดปัญหาซับไพรม์ในสหรัฐบั่นทอนอำ
บริษัทแทกูเทค ซึ่งบริษัทแฮธาเวย์ของบัฟเฟตต์ได้เข้าซื้อหุ้น 80% ในบริษัทแห่งนี้เมื่อปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ และเป็นการเข้าซื้อกิจการครั้งแรกในต่างประเทศ บริษัทนี้ผลิตอะไร ขอความรู้หน่อยครับ
โดย
pk8
ศุกร์ ต.ค. 26, 2007 10:43 am
0
0
คิดยังไงกับการเพิ่มทุน snc
ถือ sat, kce ปล. ยังไม่มี อยากมี kce เพิ่มทุนไปแล้ว ส่วน sat โอกาสเพิ่มทุนยังเปิดอยู่ครับ..
โดย
pk8
พุธ ก.ย. 05, 2007 12:41 pm
0
0
มีหุ้นตัวไหนบ้างครับ ทีมีแนวโน้มกำไรในปี 2552
ผมยังแปลกใจเลยว่า ท่านพี่ Mr.boo เสนอ aj มา เห็นกำไรมันลดลงอะครับ คงจะมีอะไรดี แต่ยังไม่มีเวลาศึกษาเลย ส่วน ตัวอื่นอย่าง bol ก็น่าสนใจ อีกตัวก็ rpc สงสัยว่าน่าจะเป็นเพราะโรงกลั่นน้ำมันไบโอดีเซลที่จะสร้างเสร็จปีหน้ากำลังการผลิต 300,000 ลิตรต่อวันหรือเปล่าครับ ว่าแต่แถวๆระยองจะใช้วัตถุดิบอะไรมาใช้ผลิต ปาล์ม แถวระยองปลูกกันเหรอครับ ขอความรู้หน่อย
โดย
pk8
อาทิตย์ ส.ค. 26, 2007 11:52 pm
0
0
เจพี มอร์แกน เชียร์หุ้น mid-cap
[quote="pk8"]ใช่ชุดนี้หรือเปล่าครับ Companies Recommended in This Report (all prices in this report as of market close on 16 July 2007) 1.Bangkok Expressway PC(BECL.BK/Bt25.00/Overweight) 2.Hemaraj Land and Development
โดย
pk8
อาทิตย์ ก.ค. 29, 2007 11:10 pm
0
0
เจพี มอร์แกน เชียร์หุ้น mid-cap
ใช่ชุดนี้หรือเปล่าครับ Companies Recommended in This Report (all prices in this report as of market close on 16 July 2007) 1.Bangkok Expressway PC(BECL.BK/Bt25.00/Overweight) 2.Hemaraj Land and Development (HEMR.BK/Bt1.21/Overweight) 3.Home Product Center (HMPR.BK/Bt5.60/Overweight) 4.IT City (IT.BK/Bt7.30/Overweight) 5. Khon Kaen Sugar Industry (KSL.BK/Bt11.00/Overweight) 6.Kiatnakin Bank (KK.BK/Bt34.00/Overweight) 7. Major Cineplex Group Plc (MAJO.BK/Bt19.00/Overweight) 8. Robinson Department Store (ROBI.BK/Bt10.60/Overweight) 9.Samart I-Mobile (SIM.BK/Bt19.10/Overweight) 10.Shin Satellite (SATT.BK/Bt12.20/Overweight) 11.Somboon Advance Technology Plc(SAT.BK/Bt14.10/Overweight) 12Thanachart Capital (TCAP.BK/Bt16.20/Neutral)
โดย
pk8
อาทิตย์ ก.ค. 29, 2007 11:02 pm
0
0
ได้ยินมาว่า เม็ดเงินต่างชาติ 1 แสนล้าน ทำให้ตลาดหุ้นไทย
หากผมจำไม่ผิด jutha ไตรมาสแรกมีกำไรพิเศษจากการขายเรือมา 76 ล้านครับ
โดย
pk8
อาทิตย์ ก.ค. 08, 2007 11:42 am
0
0
Re: CP STORY
หาอ่านได้ที่ไหนหรือครับ http://www.set.or.th/set/newsdetails.do?filename=dat%2Fprsnews%2Fnews%2F0737NWS180620070106078487T.txt&headline=%A4%C7%D2%C1%E0%CB%E7%B9%A1%D2%C3%E0%A7%D4%B9%CD%D4%CA%C3%D0+-+%C3%D2%C2%A1%D2%C3%E0%A1%D5%E8%C2%C7%E2%C2%A7%AB%D8%BB%E0%BB%CD%C3%EC%E0%AB%E7%B9%E0%B5%CD%C3%EC+%B5%BB%B7.&type=R&symbol=CP7-11&time=1182146793000&localeoverriding=yes&country=TH&language=th
โดย
pk8
จันทร์ มิ.ย. 18, 2007 4:55 pm
0
0
ปีนี้คนรู้จักบ่นว่าแย่ยิ่งสมัยimf อีกเราลองมาเดากำไรต่อหุ้น
กำไรต่อหุ้นเหนือคำบรรยายจริงๆครับ s&p tasco trt ppm :cheers: :cheers: :cheers:
โดย
pk8
เสาร์ มี.ค. 10, 2007 8:14 am
0
0
+PRIN!!!+
หลักทรัพย์ PRIN หัวข้อข่าว แบบรายงานการเพิ่มทุน วันที่/เวลา 26 ก.พ. 2550 09:45:26 (F 53-4) แบบรายงานการเพิ่มทุน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2550 ข้าพเจ้า บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ขอรายงานมติคณะกรรมการครั้งที่ 1/2550 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2550 ระหว่างเวลา 9.00 น. ถึง 12.00 น. เกี่ยวกับการเพิ่มทุน / จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังต่อไปนี้ 1. การเพิ่มทุน ที่ประชุมคณะกรรมการได้มีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 670,000,000 บาท (หกร้อยเจ็ดสิบล้านบาท) เป็น 1,340,000,000 บาท (หนึ่งพันสามร้อยสี่สิบล้านบาท) โดยออกหุ้นสามัญ จำนวน 1,340,000,000 หุ้น (หนึ่งพันสามร้อยสี่สิบ ล้านหุ้น) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท (หนึ่งบาท) รวม 1,340,000,000 บาท (หนึ่งพันสามร้อยสี่สิบล้านบาท) 2. การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน ที่ประชุมคณะกรรมการได้มีมติให้จัดสรรหุ้นสามัญ จำนวน 670,000,000 หุ้น (หกร้อยเจ็ดสิบล้านหุ้น) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท (หนึ่งบาท) รวม 670,000,000 บาท (หกร้อยเจ็ดสิบล้านบาท) โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 2.1 รายละเอียดการจัดสรร จัดสรรให้แก่จำนวนหุ้นอัตราส่วน (เดิม : ใหม่)ราคาขาย ต่อหุ้น (บาท)วัน เวลา จองซื้อ และชำระเงินค่าหุ้นหมายเหตุผู้ถือหุ้นเดิม 335,000,0002:11.50กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน วันที่ 5 เมษายน 2550 เวลา 12.00 น. ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการบริหารเป็นผู้พิจารณากำหนด เงื่อนไข และรายละเอียดในการเสนอขายต่างๆประชาชน 335,000,000ให้คณะกรรมการบริหารเป็นผู้พิจารณากำหนด เงื่อนไข และรายละเอียดในการเสนอขายต่างๆ รวมถึงการ พิจารณากำหนดราคาให้สอดคล้องกับประกาศคณะ กรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กจ.12/2543 เรื่องการขออนุญาตและการอนุญาตให้เสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ โดยราคาเสนอขายจะไม่ต่ำกว่าร้อยละเก้าสิบของ ราคาตลาดของหุ้นบริษัท 2.2 การดำเนินการของบริษัท กรณีที่มีเศษของหุ้น 2.2.1 กรณีมีเศษของหุ้น ให้ตัดเศษของหุ้นทิ้ง 2.2.2 กรณีที่มีหุ้นสามัญเพิ่มทุนเหลือจากการจองซื้อของผู้ถือหุ้นเดิมตามสิทธิ ผู้ถือหุ้นสามารถแสดงความประสงค์ที่ จะจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเกินกว่าสิทธิของตนได้โดยแสดงความจำนงในแบบจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน โดยหุ้นสามัญเพิ่มทุนใน ส่วนที่เหลือจากการที่ผู้ถือหุ้นสละสิทธิ หรือไม่ได้จองซื้อภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือจองซื้อไม่เต็มจำนวนตามสิทธิ จะ ถูกนำไปจัดสรรให้แก่ผู้จองหุ้นสามัญเพิ่มทุนเกินกว่าสิทธิโดยให้จัดสรรจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยจัดสรรให้แก่ผู้จอง ซื้อหุ้นสามัญเกินกว่าสิทธิที่แสดงความจำนงค์ในการซื้อหุ้นดังกล่าว ตามอัตราส่วนการถือหุ้นสามัญเดิมทั้งหมดของผู้จอง ซื้อหุ้นสามัญเกินกว่าสิทธิดังกล่าว ก่อนการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน ในอัตราการจองซื้อ 2 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ จนกว่าหุ้นเพิ่มทุนส่วนที่เหลือจะหมดทั้งหมดจำนวน หากมีเศษหุ้นไม่เพียงพอแก่การจัดสรรตามอัตราส่วนดังกล่าว ให้คณะ กรรมการบริหารเป็นผู้พิจารณาการจัดสรรเศษหุ้นดังกล่าวตามสมควร 2.3 จำนวนหุ้นคงเหลือที่ยังมิได้จัดสรร - ไม่มี - 3. กำหนดวันประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการเพิ่มทุน/จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน กำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2550 ในวันจันทร์ที่ 26 มีนาคม 2550 ณ โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล พลาซา ห้องวิภาวดี บอลรูม บี ชั้นล็อบบี้ เลขที่ 1695 ถนนพหลโยธิน แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร โดยกำหนดวันปิด สมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นของบริษัทเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2550 เวลา 12.00 น. จนกว่าการประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าวจะแล้วเสร็จ 4. การขออนุญาตเพิ่มทุน/จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน ต่อหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และเงื่อนไข การขออนุญาต 4.1 บริษัทจะดำเนินการยื่นขอจดทะเบียนการเพิ่มทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวง พาณิชย์ 4.2 บริษัทจะดำเนินการขออนุญาตต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อรับหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวเป็น หลักทรัพย์จดทะเบียน และเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 4.3 ในการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน บริษัทจะดำเนินการขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อสำนักงานคณะ กรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ 5. วัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุน และการใช้เงินทุนในส่วนที่เพิ่ม เงินเพิ่มทุนประมาณ 1,000.0 ล้านบาทจะนำไปใช้ในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 3 แห่ง ได้แก่ - โครงการคอนโดมิเนียมที่ถนนราชปรารภ จะใช้เงินประมาณ 500.0 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 3 ของปี 2551 - โครงการคอนโดมิเนียมที่ถนนนราธิวาส จะใช้เงินประมาณ 250.0 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 3 ของ ปี 2551 - โครงการคอนโดมิเนียมที่ถนนพหลโยธิน จะใช้เงินประมาณ 250.0 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 ของ ปี 2551 ทั้งนี้ เงินเพิ่มทุนส่วนที่เหลือจะนำไปใช้ในการซื้อที่ดินเพื่อทำโครงการในอนาคต 6. ประโยชน์ที่บริษัทจะพึงได้รับจากการเพิ่มทุน/จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน ลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ และสามารถขยายธุรกิจได้ในอนาคต 7. ประโยชน์ที่ผู้ถือหุ้นจะพึงได้รับจากการเพิ่มทุน/จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 7.1 นโยบายเงินปันผล บริษัทฯ มีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิประจำปี. 7.2 ผู้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้จะมีสิทธิรับเงินปันผลจากการดำเนินงานเริ่มตั้งแต่งวดปีบัญชี 2550 7.3 อื่น ๆ - ไม่มี - 8. รายละเอียดอื่นใดที่จำเป็นสำหรับผู้ถือหุ้นเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการอนุมัติการเพิ่มทุน/จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน - ไม่มี - 9. ตารางระยะเวลาการดำเนินการในกรณีที่คณะกรรมการบริษัทมีมติให้เพิ่มทุน/จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน ตามเอกสารแนบ การดำเนินการ วันที่ดำเนินการ 1. กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการเข้า ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม 2550 ร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี2550 เวลา 12.00 น. 2. วันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2550 เพื่ออนุมัติ วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม 2550 การเพิ่มทุนและจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน เวลา 10.00 น. 3. วันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน 2550 เวลา 12.00 น. 4. การดำเนินการจดทะเบียนเพิ่มทุนกับกระทรวงพาณิชย์ ภายใน 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติเรื่อง ดังกล่าว บริษัทขอรับรองว่าสารสนเทศในแบบรายงานนี้ถูกต้องและครบถ้วนทุกประการ ลายมือชื่อ...................................... กรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อแทนบริษัท ( นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย) ลายมือชื่อ....................................... กรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อแทนบริษัท ( นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย )
โดย
pk8
จันทร์ ก.พ. 26, 2007 10:36 am
0
0
คำแนะนำสำหรับวันพรุ่งนี้
ขอบคุณครับ เปิดมาคงมีแรงขายออกมาหากลงแรงเกิน 30 จุดยังไม่ควรขายครับ การลงครั้งนี้ผมยังหวังว่าจะไม่สร้าง new low สำหรับ set หากลงแรงมากมาแถว 610 - 620 จุด น่าจะมีแรงซื้อเข้ามาพอสมควร และควรมี rebound ครับ ผมยังคงหวังไว้นะครับว่า เมื่อตลาดปิด set ไม่น่าปิด low ของวันครับ
โดย
pk8
อังคาร ม.ค. 02, 2007 10:47 am
0
0
ลืมชายอุ๋ยไปได้แล้ว หุ้นตัวนี้น่าสนใจกว่า
พี่พอใจอินไซเดอร์ตัวจริงเลยครับ มีอะไรก็กระซิบบอกน้องๆบ้างนะครับ :D ส่วนอินไซเดอร์ของ drt มีแต่ซื้อหุ้นเข้าพอร์ตครับ สามารถไปดูได้ที่ sec.or.th แต่วันนี้เข้าไม่ได้ แถมซื้อหนักแบบมีนัยสำคัญด้วยนะครับ นั่นซิครับ ทำไมช่วงนี้ซื้อกันถี่ขึ้นครับ
โดย
pk8
เสาร์ ธ.ค. 23, 2006 10:38 pm
0
0
เห็นด้วยครับ เสนอให้ท่านอุ๊ย ลาออกครับ
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000155907
โดย
pk8
พฤหัสฯ. ธ.ค. 21, 2006 12:46 pm
0
0
ถามเรื่องเอทานอลครับ
ดูเหมือนเขาเลื่อนไปนะคับ อืมคงเกี่ยวกับกำลังผลิตเอทานอลหรือเปล่า เลื่อนออกไปหรือครับ แต่ในอนาคตคงต้องยกเลิกอยู่ดีมั้งครับ เพราะสาร MTBE ที่ใช้อยู่ ตอนนี้ทั่วโลกเค้ากำลังจะห้ามใช้แล้วไม่ใช่เหรอครับเนื่องจากเป็น สารพิษเป็นอันตรายต่อไตและเมื่อผสมกับน้ำผินดินแล้วแยกออกไม่ได้
โดย
pk8
เสาร์ ต.ค. 28, 2006 11:13 am
0
0
มือใหม่ ใจยังไม่นิ่งพอ
การรู้มูลค่าหุ้นและการกำหนดราคาที่เราจะเข้าซื้อให้ได้ก่อนมีความสำคัญจริงๆครับ ยิ่งหุ้นบางบริษัทที่มีปริมาณการซื้อขายไม่มาก บางทีอาจจำเป็น ที่ต้องซื้อที่บริเวณแนวต้านทางเทคนิค เนื่องจากบริเวณนี้จะมีผู้ที่อยากขายจำนวนมากจะทำให้เราได้หุ้นในจำนวนที่เราต้องการได้ แต่เราต้องรู้ก่อนว่าราคาที่ซื้อนั้นยังไม่แพง
โดย
pk8
พุธ ต.ค. 25, 2006 9:28 pm
0
0
งบtnh ออกช้าจังคับ
เรื่องของเวลานิดหน่อย กว่ามันจะขึ้นXDตั้งเดือน พย จ่ายเงินปลายเดือน แต่มันประกาศตั้งแต่เดือน กย เพื่อไปเป็นมติในที่ประชุม ซึ่งจะประชุมในเดือนหน้าคือเดือน ตค ใครถืออยู่ควรจะตรวจสอบเรื่องกระแสเงินสดด้วย เพราะว่า เห็นdelayมากๆๆ ปิดงบเดือน กค จ่ายปลายเดือน พย มันตั้งห้าเดือน 5 เดือนสำหรับจ่ายปันผลงวดประจำปี ก็ไม่ได้ช้ากว่า kh เท่าไหร่ครับ kh ช่วงจ่ายปันผลงวดสิ้นปีก็ 4 เดือน กับ 3 สัปดาห์ ใช้เวลาใกล้เคียงกัน แต่เป็นข้อสังเกตุที่ดีครับสำหรับนักลงทุน จะได้เพิ่มความระมัดระวัง ขอบคุณครับ
โดย
pk8
พฤหัสฯ. ก.ย. 28, 2006 12:54 pm
0
0
สุวรรณภูมิ ... ยังไม่ทันข้ามวันก็เดี้ยงแล้ว
เป็นกำลังใจให้ผู้ที่ทำงานในสนามบินทุกคนครับ รู้ว่าเหนื่อยครับ คิดว่าทุกคนพยายามให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด หากมีข้อผิดพลาดบ้างต้องให้กำลังใจกัน แก้ไขกันไปครับ
โดย
pk8
พฤหัสฯ. ก.ย. 28, 2006 12:39 pm
0
0
ssc น่าจะมีสัญญาณอะไรแปลกๆค่ะ ใครพอมีประสบการณ์ลักษณะนี้มั้ย
แปลกใจว่าทำไมให้มูลค่า ssc กันต่ำจังครับ ตกลง 18-19 บาท เป็นราคาน่าซื้อหรือน่าขายครับ :!:
โดย
pk8
ศุกร์ ก.ย. 01, 2006 10:35 am
0
0
ssc น่าจะมีสัญญาณอะไรแปลกๆค่ะ ใครพอมีประสบการณ์ลักษณะนี้มั้ย
วันนี้มี big lot 3,998,100 หุ้น ที่ราคา 18.20 บาทครับ เมื่อวานก็มีเจ็ดแสนกว่าหุ้นราคาใกล้ๆกัน อืม.....
โดย
pk8
พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 10:54 am
0
0
ตกลงตอนนี้ Ticon ยังน่ารับอยู่หรือเปล่าครับ ใครมีข้อมูลมั่ง
โดยส่วนตัวผมก็มองเป็นลบครับ สำหรับการเพิ่มทุนครั้งนี้
โดย
pk8
ศุกร์ ส.ค. 11, 2006 12:40 pm
0
0
น้องใหม่
น่าจะหมายถึงเส้นค่าเฉลี่ยระดับสัปดาห์ครับ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2003 คือจุดที่ดัชนีทะลุผ่านไอ้เส้นที่ว่าเนี่ยขึ้นมา ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่ดัชนีลงมาทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยนี่ และยังเป็นจุดรับทาง Fibonaci ที่สำคัญด้วยครับ การลงมาทดสอบครั้งแรก ผมว่าน่าจะรับอยู่ แต่ความสำคัญมันอยู่ที่การมี rebound ต่างหาก คือหากว่าเด้งแล้วไม่ผ่าน 699 แล้วไหลลงมาอีก คราวนี้น่าหลุดครับและน่าจะลงไม่อีกพอสมควร ที่จริง SET ตั้งแต่ขึ้นมาจนปัจจุบันการปรับฐานยังไม่สมบรูณ์เท่าไหร่ครับในทางเทคนิค เพราะฉะนั้นช่วงการลงจึงยังกว้างอยู่
โดย
pk8
พุธ มิ.ย. 21, 2006 11:37 am
0
0
เล็งอะไรกันไว้บ้างครับ โปรดบอกหน่อย
นั่งรอ ratch ที่ต่ำกว่า 30 บาท :)
โดย
pk8
พฤหัสฯ. มิ.ย. 15, 2006 12:00 pm
0
0
มีใครสนใจ CK บ้างหรือเปล่า
p/e 7.96 หากคิดเฉพาะกำไรไตรมาส 1 คูณ 4 เลย ไม่แน่ใจครับ เนื่องจากไตรมาส 1 มีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนระยะสั้นประมาณ 1000 ล้านบาทรวมเขามาด้วยครับ แต่หากราคาต่ำกว่านี้และดูจากธุรกิจอื่นที่ ck มีรวมทั้งที่กำลังจะทำในอนาคตก็มีความน่าสนใจครับ
โดย
pk8
พฤหัสฯ. มิ.ย. 08, 2006 10:20 am
0
0
หุ้ตัวนี้กิจการมีแต่ก้าวหน้าแต่ราคาหุ้นก้าวลง
ผมว่าคุณลูกอิสานน่าจะหมายถึง TCB แม่นบ่.... :D
โดย
pk8
อาทิตย์ มิ.ย. 04, 2006 1:17 am
0
0
คิดยังไงกลับกลุ่มโรงพยาบาลครับ
[quote="Jho_Jho"] รพ.หนึ่ง งบออกมาสวย ราคาหุ้นก็วิ่งกันใหญ่ครับ อันเกิดจากควบคุมต้นทุน เช่น การไปกดค่าตอบแทนแพทย์,
โดย
pk8
อาทิตย์ มิ.ย. 04, 2006 12:13 am
0
0
ผมจะโดนไล่ออกมั้ย ถ้าผมสนใจพวกนี้
itv รอดูวันที่ 8 มิ.ย.นี้ดูนะครับ คดีที่ผ่านการตัดสินของอนุญาโตตุลาการ เมื่อศาลปกครองตัดสินแล้ว จะเป็นที่สุดหรือไม่.... หากศาลปกครองสูงสุดพิจารณาไม่รับอุทธรณ์ คงมี....หนักๆอีกรอบ
โดย
pk8
เสาร์ มิ.ย. 03, 2006 9:21 pm
0
0
SUC Strike Back
ข่าวเก่าตั้งแต่ปี 47 แต่เริ่มส่งผลให้เห็นในปัจจุบันแล้ว ผู้จัดการรายวัน8 พฤศจิกายน 2547 สหยูเนี่ยนทุ่มบุกจีน2หมื่นล้าน สหยูเนี่ยน, บมจ. Energy กลุ่มสหยูเนี่ยนอาศัยจังหวะเศรษฐกิจจีนบูม รุกคืบลงทุนทั้งขยายธุรกิจเดิมและบุกเบิกใหม่ เผยเงินลงทุนในเมืองจีนรวม 2.35 หมื่นล้านบาท แซงหน้าเงินลงทุนในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ชี้มีโอกาสโตแบบก้าวกระโดด เน้นธุรกิจพลังงาน โดยการขยายกำลังการผลิตและเปิดโรงไฟฟ้าใหม่ เตรียมเทกโอเวอร์เหมืองถ่านหินลดต้นทุนวัตถุดิบที่ยังราคาแพง เล็งตั้งโรงงานผลิตด้ายคุณภาพสูง พร้อมจับมือดัลลิชคอลเลจเปิดโรงเรียนนานาชาติในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้และซูโจว หวังกวาดรายได้ระยะยาว นางสาวศรีวารินทร์ จิระพรรคคณา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทสหยูเนี่ยน จำกัด (มหาชน) (SUC) เปิดเผยทิศทางการทำธุรกิจของสหยูเนี่ยนว่าจะขยายการลงทุนทั้งธุรกิจเดิม และบุกเบิกธุรกิจใหม่ในประเทศจีนมากขึ้น เนื่องจากมองเห็นโอกาสการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังขยายตัว โดยปี 2547 สินทรัพย์หรือเงินลงทุนรวมในจีนอยู่ที่ 4,700 ล้านหยวน หรือคิดเป็นเงินไทย 23,500 ล้านบาท แซงหน้าสินทรัพย์ในประเทศไทยที่มีประมาณ 20,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ธุรกิจที่สหยูเนี่ยนจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนคือการขยายกำลังการผลิตและสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ขณะที่ธุรกิจที่บุกเบิกใหม่ ประกอบด้วยตั้งโรงงานผลิตด้าย เปิดโรงเรียนนานาชาติและทำธุรกิจส่งออกนำเข้า "เราเข้ามาในจีนนานพอสมควร แต่วันนี้ในไทยโอกาสที่ธุรกิจจะโตแบบก้าวกระโดดมีน้อย ขณะที่จีนมีโอกาส เราจึงส่งคนมาดูลู่ทางจริงจังอีกครั้งก่อนมีมติมุ่งธุรกิจพลังงานที่เราถนัดและมีฐานที่แข็งแกร่งในเมืองจีน" สำหรับธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ นายกมล คูสุวรรณ ที่ปรึกษาอาวุโส ในฐานะผู้รับผิดชอบเปิดเผยว่า สหยูเนี่ยนมีความถนัดในการบุกเบิกธุรกิจใหม่ เพราะบุคลากรที่มีวิสัยทัศน์และประสบการณ์ ดังนั้นเมื่อสิ่งแวดล้อมเปลี่ยน สหยูเนี่ยนจึงใช้จังหวะที่เห็นว่าแนวโน้มธุรกิจการศึกษาในเมืองจีนจะขยายตัวสูง เข้าขออนุญาตเปิดโรงเรียนนานาชาติ "สหยูเนี่ยนตื่นตัวในการมองไปข้างหน้า ดังนั้นเมื่อสิ่งแวดล้อมเปลี่ยน สหยูเนี่ยนสามารถเข้าไปลงทุนโดยไม่จำเป็นต้องปิดกั้นว่าต้องทำธุรกิจเดิม เห็นได้จากสหยูเนี่ยนโตมาจากการขายซิปวีนัส แต่วันนี้ประสบความสำเร็จในการทำโรงไฟฟ้า เชื่อว่าอนาคตก็ต้องมีรายได้จากโรงเรียนอินเตอร์" นางสาวศรีวารินทร์กล่าวว่านโยบายการทำธุรกิจของสหยูเนี่ยน จะไม่จำกัดขอบเขตธุรกิจ ขอให้มีโอกาสและผลตอบแทน หากจะเสี่ยง ก็ประเมินแล้วว่ายอมรับได้ นอกจากไม่มีพรมแดนแล้ว จะยืดหยุ่นตามสถานการณ์ เช่น ขณะนี้สหยูเนี่ยนวางแผนตั้งโรงงานหรือย้ายฐานการผลิตมาจีนแล้วส่งสินค้าไปขายในไทย แต่ในอนาคตถ้าไทยเหมาะสมกว่าก็อาจย้ายกลับหรืออาจย้ายไปประเทศอื่นก็ได้ โดยระหว่างวันที่ 26 ต.ค.-4 พ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทฯนำคณะผู้บริหารบริษัทในเครือระดับกรรมการผู้จัดการขึ้นไปกว่า 20 คน เดินทางไปดูงานที่เมืองจีน นางสาวศรีวารินทร์กล่าวว่าเป็นการเปิดวิสัยทัศน์ให้ผู้บริหารด้วยการไปเมืองจีน จะได้ประโยชน์มากกว่าการดูข้อมูลเอกสารและการรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่เมืองจีน "เราอยากให้ผู้บริหารได้สัมผัสโดยตรง ได้รู้ถึงความยากง่ายในการทำธุรกิจเมืองจีน เช่น มาเห็นด้วยตัวเองว่าถ้าจะตั้งโรงงานผลิตขายน่าจะดีกว่าผลิตในเมืองไทยแล้วส่งมาขาย" สำหรับเมืองไทย นางสาวศรีวารินทร์กล่าวว่า ยังคงขยายธุรกิจที่ยังเติบโต ได้แก่ พลาสติกที่รองรับอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการผลิตและขายกระติกน้ำที่เพิ่งร่วมทุนกับบริษัทญี่ปุ่น ขณะที่ธุรกิจในเครือที่จะไม่เน้นการขยายตัว ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ เป็นต้น เทกโอเวอร์เหมืองถ่านหิน นายฐิติวัฒน์ สืบแสง กรรมการผู้จัดการ บริษัทสหยูเนี่ยน อินเวสเม้นท์ (ประเทศจีน) จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจของสหยูเนี่ยนในเมืองจีนในปัจจุบันแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1) กลุ่มพลังงาน ทำธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานร่วม 2) กลุ่มการผลิต ผลิตกรดมะนาวและผลิตด้าย 3) กลุ่มการศึกษา ทำโรงเรียนนานาชาติ และ 4) กลุ่มการค้า ทำธุรกิจส่งออก ทั้งนี้ กลุ่มพลังงาน เป็นกลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งแต่ปี 2534 ถือเป็นกลุ่มธุรกิจเก่าที่บริษัทมีพื้นฐานแข็งแกร่ง ส่วนอีก 3 กลุ่มหลังเพิ่งบุกเบิกใหม่ ขณะนี้มีพนักงานแล้ว 3,000 คน สำหรับโรงไฟฟ้าของสหยูเนี่ยนถือเป็นโรงไฟฟ้าขนาดกลาง ส่วนใหญ่ป้อนไฟให้ย่านชุมชนเมืองเศรษฐกิจและนิคมอุตสาหกรรม ปัจจุบันมี 11 โรง ครอบคลุม 4 มณฑล 11 เมือง กำลังการผลิตรวม 869 เมกะวัตต์ มูลค่าการลงทุน 4,340 ล้านหยวน (ดูตาราง หน้า 1 "โรงไฟฟ้าของสหยูเนี่ยนในจีน" ประกอบข่าว) โดยปีที่ผ่านมาได้ขยายกำลังการผลิตใน 4 โรง ได้แก่ Wuxi-Union Cogeneration,Yixing-Union Cogeneration,Zhejiang Jiashan-Union Cogeneration และ Zhangjiagang Shenzhou-Union Cogeneration และกำลังจะเปิดเพิ่มอีก 1 โรงที่เมืองเจียส้าง อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลจะสนับสนุนแต่ยังไม่ยอมให้ขึ้นค่าไฟ นายฐิติวัฒน์ยอมรับว่าโรงไฟฟ้าได้รับผลกระทบจากราคาถ่านหินในเมืองจีนยังคงราคาแพงอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงเตรียมซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์) เหมืองถ่านหิน เพื่อลดต้นทุนวัตถุดิบหลักที่เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟ้ฟ้าอีกทางหนึ่งแทนที่จะรอรัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือเพียงอย่างเดียว "การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนที่ผ่านมาทำให้ถ่านหินขาดตลาด ประกอบกับเกิดอุบัติเหตุคนงานตายในเหมืองถ่านหินบ่อย ทางการจึงสั่งปิด เราจึงต้องการเป็นเจ้าของเหมืองถ่านหินไว้รองรับกรณีที่การขาดแคลนถ่านหินเป็นปัญหาระยะยาว" ขณะที่นายจง เหว่ยกัง ผู้จัดการ Yixing-Union Cogeneration หรือ โรงไฟฟ้าอี้ซิงซึ่งร่วมทุนระหว่างสหยูเนี่ยนกับรัฐบาลจีนในสัดส่วน 50:50 เปิดเผยว่าปัญหาถ่านหินราคาแพงทำ ให้โรงไฟฟ้าในเมืองจีนปิดกิจการไปหลายแห่ง ส่วนแก้ปัญหาของอี้ซิง จะใช้วิธีผสมกันระหว่างถ่านหินคุณภาพสูงกับถ่านหินคุณภาพต่ำโดยการปรับแต่งอุปกรณ์เครื่องจักรเพื่อเฉลี่ยต้นทุนช่วยให้ประหยัด 200 หยวนต่อตัน นอกจากนี้ยังใช้สายสัมพันธ์ที่ดีกับเหมืองถ่านหินทำให้สามารถซื้อถ่านหินราคาถูกกว่าตลาด "เราซื้อได้ราคาต่ำกว่าตลาดประมาณ 50 หยวนต่อตัน โดยปัจจุบันราคาถ่านหินราคา 500 หยวนต่อตัน ดังนั้นถ้าเราซื้อปีละ 8 แสนตัน ผมสามารถประหยัดได้ 40 ล้านหยวนต่อปี" นายจงคุยถึงสายสัมพันธ์ส่วนตัวกับเหมืองถ่านหิน ส่วนการผลิตด้ายและผ้าลูกไม้ สหยูเนี่ยนยังอยู่การก่อตั้งโรงงานปั่นแห่งแรกในจีนที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เพราะที่ผ่านมาเป็นโรงงานที่อยู่ในไทย ถือว่าสอดคล้องกับนโยบายย้ายฐานการผลิตตามสถานการณ์แวดล้อม ร่วมดัลลิชลุยธุรกิจ ร.ร.อินเตอร์ นายกมลมองว่า จีนมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจการศึกษาในเอเชีย โดยเฉพาะโรงเรียนนานาชาติ สหยูเนี่ยนจึงศึกษาความเป็นไปได้ในการบุกเบิกเป็นธุรกิจใหม่มาระยะหนึ่งก่อนจะดำเนินการได้แล้ว 2 สาขา คือที่เมืองปักกิ่งซึ่งเป็นการเทกโอเวอร์ ส่วนอีกแห่งที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เปิดเทอมแรกเมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ดัลลิชคอลเลจเป็นโรงเรียนสำหรับเยาวชนในระดับ 1 ถึง 9 ตามมาตรฐานสากล บริษัทยังมีแผนเปิดอีก 1 สาขาที่เมืองซูโจว ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าใช้ระยะเวลาไม่นานก็สามารถดำเนินการได้ "เราเลือกที่จะร่วมมือกับดัลลิชคอลเลจ เพราะเห็นว่าเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงระดับโลกของอังกฤษ เชื่อว่าสหยูเนี่ยนจะประสบความสำเร็จในธุรกิจการศึกษาในไม่ช้า เพราะปัจจุบันไม่เฉพาะชาวต่างชาติในเมืองจีนที่เพิ่มขึ้น แต่ลูกหลานคนจีนที่มีสัญชาติต่างประเทศได้ทยอยกลับภูมิลำเนามากขึ้น" นายกมลกล่าวว่า เป้าหมายในปี 2007 จะมีนักเรียนเข้าเรียนในดัลลิชคอลเลจที่สาขาปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้มากกว่า 1,200 คน และภายใน 5 ปีข้างหน้า ธุรกิจโรงเรียนจะสร้างรายได้มหาศาลให้สหยูเนี่ยน สำหรับค่าเล่าเรียนของนักเรียนต่อปีขณะนี้คิดหัวละ 1 ล้านบาท หรือกว่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ และในอนาคตคาดว่ารัฐบาลจีนจะแก้กฎหมายให้เด็กจีนมีสิทธิ์เรียนในโรงเรียนนานาชาติ โดยไม่จำกัดเฉพาะผู้มีสัญชาติต่างประเทศเหมือนปัจจุบัน ทั้งนี้ สหยูเนี่ยนได้ใบอนุญาตเปิดโรงเรียนนานาชาติในจีนเป็นรายสุดท้ายก่อนรัฐบาลจะปิดรับการขออนุญาต นายกมลเปิดเผยว่า ความสำเร็จในการเจรจาธุรกิจกับดัลลิชคอลเลจ ส่วนหนึ่งอาศัยสายสัมพันธ์ส่วนตัวของนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตประธานกรรมการสหยูเนี่ยน เนื่องจากนายอานันท์เคยเป็นศิษย์เก่าดัลลิชคอลเลจ ทั้งนี้ สหยูเนี่ยนลงทุนธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในนาม Union Education Index Ltd., Union Education Management) ซึ่งจดทะเบียนในฮ่องกง ปัจจุบัน กลุ่มสหยูเนี่ยนมีนายอำนวย วีรวรรณ เป็นประธานกรรมการ ส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่ ประกอบด้วยบริษัท ยูเนี่ยนอุตสาหกรรมด้าย จำนวน 9.65% บริษัท ยูเนี่ยนแคปปิทอล 6.25% บริษัท ยูเนี่ยนบริหารธุรกิจ 6.22% บริษัท โรงงานรวมอุตสาหกรรม 5.96% และธนาคารกรุงเทพ 4.11% สำหรับภาพรวมการทำธุรกิจในเมืองจีน ผู้บริหารสหยูเนี่ยนระบุว่าน่าลงทุนมากกว่าเมืองไทย โดยสายสัมพันธ์ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการติดต่อกับหน่วยงานรัฐ อย่างไรก็ตามการที่จีนเซ็นสัญญาปกป้องนักลงทุนไทยเมื่อ ปี 1995 ทำให้ธุรกิจไทยได้รับการคุ้มครองอย่างดี นอกจากนี้คนไทยถือเป็นญาติพี่น้องของคนจีน ผู้บริหารสหยูเนี่ยนเชื่อว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวในระดับสูงต่อไป
โดย
pk8
พุธ พ.ค. 17, 2006 11:59 pm
0
0
หุ้นที่ฝากความหวังไว้กับ Property Fund ผมว่าน่าเป็นห่วงนะ
ผมว่ามันแล้วแต่ชนิดของสินทรัพย์ของกองทุนมากกว่าครับ เช่น มีอัตราการเช่าความต้องการเข้ามาอย่างต่อเนื่องหรือไม่ ต้องมีการซ่อมแซมสินทรัพย์ในอัตราที่สูงหรือไม่ สามารถที่จะปรับค่าเช่าได้ง่ายหรือยากเพียงใด หากกองทุนอสังหาให้ปันผลมากกว่า 7% มีสินทรัพย์ที่น่าสนใจนอกจากจะได้ปันผลแล้วอย่าลืมว่ามูลค่าของสินทรัพย์น่าจะเพิ่มมากขึ้นได้ในอนาคตได้ดีกว่าครับ
โดย
pk8
อาทิตย์ พ.ค. 14, 2006 10:59 am
0
0
ผมว่าหุ้นเหล่านี้ใกล้แล้ว.......
[quote="CopyWriter"]ยังไม่พอครับ ต้องรวม se-ed,kh,erawan,sf
โดย
pk8
อาทิตย์ พ.ค. 14, 2006 10:35 am
0
0
งบ KH ออกแล้วว ...
เอาเป็นว่า ผมไม่เชื่อครับ ว่าจะมีใครกำหนดแบบนั้น ถ้ามีจริง ขอหลักฐานด้วย ผมไม่อยากให้เว็บนี้เป็นแหล่งปล่อยข่าวลือ ดีครับ เห็นด้วย ผมเองก็คิดว่าไม่น่าเป็นไปได้
โดย
pk8
เสาร์ พ.ค. 13, 2006 8:33 pm
0
0
มาดูกำไรของบริษัทค้ายางครับ
สำหรับผมไม่มีหุ้นที่เกี่ยวกับยางแล้วครับ เพราะดูแล้วกำไรไม่แน่นอน แต่ช่วงหลังๆนี่ดีหน่อยตรงที่ราคายางไม่สวิงมากจนเกินไปไม่เหมือนช่วงปีก่อน ซึ่งการขึ้นลงของราคามีมาก อาจจะทำให้เกิดการขาดทุนได้ในบางช่วงเหมือนกัน
โดย
pk8
พฤหัสฯ. พ.ค. 11, 2006 12:16 am
0
0
121 โพสต์
of 3
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
pk8
ระดับ:
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พฤหัสฯ. ก.ค. 01, 2004 9:39 am
ใช้งานล่าสุด:
พฤหัสฯ. ก.ค. 27, 2023 5:13 am
โพสต์ทั้งหมด:
481 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.02% จากโพสทั้งหมด / 0.06 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว