หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
lb
Try to find a good company.
Joined: พฤหัสฯ. พ.ค. 01, 2008 8:19 pm
440
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - lb
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: สถานการณ์รถยนต์
ยอดขายรถยนต์โตโยต้าในไทยช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่ 1,034,287 คัน เพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นยอดขายรถยนต์นั่ง 497,852 คัน เพิ่มขึ้น 10.3% และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 536,435 คัน ลดลง 2.3% ทั้งนี้ อัตราการเติบโตของยอดขายสะสมยังคงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการปรับตัวเข้าสู่ภาวะการขายในระดับปกติ อย่างไรก็ดี คาดว่าการเปิดตัวของรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่นในช่วงไตรมาสสุดท้ายจะมีส่วนทำให้ตลาดรถยนต์โดยรวมไม่ลดลงมากนัก
โดย
lb
อังคาร ต.ค. 22, 2013 7:21 am
0
0
Re: อดีตที่ฝ่าฟัน อนาคตที่อาจจะรุ่งโรจน์ (SSI) เชื่อได้หรือไ
บริษัทรายงานว่า บริษัทเครือ สหวิริยา จำกัด ลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีก พันสองร้อยกว่าล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ .68 บาท เป็นเงิน 822,121,967.921บาท โดยทยอยซื้อ 4 วันคือวันที่ 4-10 ตุลาคม 2556 ทำไม กล้าลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุน ที่ 0.68บาท ต่อหุ้น แพงกว่าตลาดมาก หากใช้เงินจำนวนเดียวกันสามารถซื้อหุ้นได้ มากถึง สองพันกว่าล้านหุ้น แทนที่แค่พันล้านหุ้น สงสัยว่า มันดีจริง หรือไม่จริง ทำไม ราคาในตลาด วันนี้ ราคาหุ้นละ 0.38 บาท จึงเหมือนกลับไม่มีใครซื้อมากนัก หากว่าเรามีเงิน 800.-ล้าน ทำไมไม่ใช้เงินนั้น ลากราคาหุ้นในตลาดให้ขึ้นไปที่ 1.-บาท แล้วน่าจะทำให้ ขายหุ้นเพ่ิมทุนได้ทั้งหมด ท่านว่าจริงหรือไม่ สับสน สับสน จริง ๆ จะซื้อ หรือไม่ซื้อเพิ่มดี / 555 / ใครช่วยบอกที ขอก๊อปความเห็นพี่ไปแปะในห้อง ssi นะครับ เผื่อมีแนวร่วมช่วยกันถกมากขึ้น :D ได้เลยครับ วันนี้ ( 18/10/13 )Volume Bid มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะที่0.38บาทต่อหุ้น สงสัยเหลืือเกินว่า จะเอาเงินที่เหลือจากการที่ไม่ต้องซือหุ้นเพิ่มทุน มาไล่เก็บหุ้นในกระดาน แทน เพื่อถั่วเฉลี่ย ต้นทุนหรือเปล่า ?????
โดย
lb
ศุกร์ ต.ค. 18, 2013 11:27 am
0
1
Re: อดีตที่ฝ่าฟัน อนาคตที่อาจจะรุ่งโรจน์ (SSI) เชื่อได้หรือไ
ผมขอนำข่าวที่เป็นบทสรุปการเพิ่ทุน ซึ่งน่าจะเสร็จสิ้นการเพิ่มทุนแล้ว เพราะเห็นว่าจะลดทุนหุ้นที่ขายไม่หมด ซึ่งแสดงว่าความจำเป็นในการใช้เงินเพิ่มทุน ก็น่าจะผ่อนคลายแล้ว หรืออาจจะพอสรุปได้ว่า ภาวะขาดทุน น่าจะบรรเทา หรืออาจจะมีกำไรในปี 2557 ตามทีเขาคาดการณ์ และเขาที่อาจจะคาดการณ์ไม่ผิดอีกก็ได้ จึงกล้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนแพงกว่าราคาตลาดมาก ๆ ขอแปะไว้ เพื่อเก็บไว้ดูย้อนหลังว่าเขามีความสามารถในการคาดการณ์หรือไม่ หรือสรุปข้อมูลในภายหน้าอีกที ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 16 ตุลาคม 2556 17:21:22 น. นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) กล่าวว่า เอสเอสไอได้ดำเนินการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสร็จสิ้นไปแล้วเป็นจำนวน รวม 13,829.55 ล้านหุ้น ประกอบด้วย กลุ่มสหวิริยา 8,199.64 ล้านหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจและผู้ถือหุ้นทั่วไป 2,736.77 ล้านหุ้น คิดเป็นเงินที่ระดมได้รวม 9,404.09 ล้านบาท ทั้งนี้ มีหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้จำหน่ายรวมจำนวน 5,604.11 ล้านหุ้น ซึ่งเอสเอสไอจะดำเนินการลดทุนจดทะเบียนของเอสเอสไอ โดยการตัดหุ้นสามัญเพิ่มทุนส่วนที่คงเหลือต่อไป นอกจากนี้ เอสเอสไอได้จำหน่ายเงินลงทุนใน บมจ.เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย(TCRSS)เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ได้รับเงินจำนวน 1,568.25 ล้านบาท ซึ่งได้นำไปลงทุนซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของธุรกิจโรงถลุงเหล็ก ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ยูเค จำกัด ที่ได้ดำเนินการเพิ่มทุนชำระแล้วจาก 473 ล้านเหรียญสหรัฐเป็น 895.61 ล้านเหรียญสหรัฐเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนและลดต้นทุนทางการเงินให้แก่ธุรกิจโรงถลุงเหล็กได้ “เอสเอสไอได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นและพันธมิตรทางธุรกิจเป็นอย่างดีในการระดมทุนโดยการขายหุ้นเพิ่มทุนและการขายทรัพย์สิน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในธุรกิจ วิสัยทัศน์ การบริหารจัดการ และบุคลากรของเอสเอสไอ การเพิ่มทุนครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้เอสเอสไอ และ ทำให้ต้นทุนทางการเงินของเอสเอสไอลดลงอีกด้วย“ นายวินกล่าว อินโฟเควสท์ โดย รัชดา คงขุนเทียน/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์:
[email protected]
โดย
lb
พฤหัสฯ. ต.ค. 17, 2013 10:29 am
0
0
Re: อดีตที่ฝ่าฟัน อนาคตที่อาจจะรุ่งโรจน์ (SSI) เชื่อได้หรือไ
บริษัทรายงานว่า บริษัทเครือ สหวิริยา จำกัด ลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีก พันสองร้อยกว่าล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ .68 บาท เป็นเงิน 822,121,967.921บาท โดยทยอยซื้อ 4 วันคือวันที่ 4-10 ตุลาคม 2556 ทำไม กล้าลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุน ที่ 0.68บาท ต่อหุ้น แพงกว่าตลาดมาก หากใช้เงินจำนวนเดียวกันสามารถซื้อหุ้นได้ มากถึง สองพันกว่าล้านหุ้น แทนที่แค่พันล้านหุ้น สงสัยว่า มันดีจริง หรือไม่จริง ทำไม ราคาในตลาด วันนี้ ราคาหุ้นละ 0.38 บาท จึงเหมือนกลับไม่มีใครซื้อมากนัก หากว่าเรามีเงิน 800.-ล้าน ทำไมไม่ใช้เงินนั้น ลากราคาหุ้นในตลาดให้ขึ้นไปที่ 1.-บาท แล้วน่าจะทำให้ ขายหุ้นเพ่ิมทุนได้ทั้งหมด ท่านว่าจริงหรือไม่ สับสน สับสน จริง ๆ จะซื้อ หรือไม่ซื้อเพิ่มดี / 555 / ใครช่วยบอกที
โดย
lb
จันทร์ ต.ค. 14, 2013 6:36 pm
0
0
Re: ธุรกิจเดินเรือ ถึงเวลา กลับมา หรือยัง
อีกมุมหนึ่งของนักวิเคาระห์ ได้เวลาทยอยขายหุ้นเดินเรือ คาดค่าระวางชะลอตัวในQ4 วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน 2556 เวลา 09:36:01 น. ผู้เข้าชม : 814 คน บล.ไทยพาณิชย์ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (26 ก.ย. 56) ว่า ดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) พุ่งขึ้นสู่ 2127 จุด สูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี อย่างไรก็ตาม เรามองจากที่ขึ้นมาต่อเนื่อง เป็นปัจจัยตามฤดูกาล และหลังจากนั้นจะเริ่มชะลอตัวอีกครั้งเมื่อเข้าสู่ Q4 รวมถึง ดัชนี BDI เริ่มเข้าใกล้แนวต้านที่ 2160 จุด ดังนั้น เราแนะนำให้เริ่มทยอยขายทำกำไรหุ้น PSL และ TTA หรือการซื้อขายเก็งกำไรในช่วงนี้จะต้องทำสั้นขึ้น โดย PSL มีแนวต้านที่ 21-22 บาท ส่วน TTA อยู่ที่ 19.80-20.00 บาท
โดย
lb
อาทิตย์ ก.ย. 29, 2013 11:47 am
0
1
Re: ธุรกิจเดินเรือ ถึงเวลา กลับมา หรือยัง
TTAยอมขาดทุนหนัก6พันล. / รอปีหน้าฟื้นแรง-เป้า23บาท บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (27 ก.ย.) ว่า TTA เรามองเป็นกลางกับการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารที่บริษัทแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวานนี้ (26 ก.ย.) และคาดผลประกอบปีนี้ (ต.ค.2012 – ก.ย.2013) ขาดทุนสุทธิถึง 5,916 ล้านบาท สูงกว่าเดิมที่คาดขาดทุน 516 ล้านบาท เพราะมีบันทึกด้อยค่าเรือเทกองและตัดจำหน่ายโรงงานของ UMS รวมประมาณ 5.4 พันล้านบาทใน 4Q13 (สิ้นสุด ก.ย.) แม้ไม่กระทบเงินสดแต่ทำให้ Book value ลดลง 4.76 บาท/หุ้น แต่ผลประกอบการหลัก ยังคงคาดขาดทุนปกติ 189 ล้านบาท และปรับเพิ่มกำไรปีหน้า (สิ้นสุด ก.ย. 2014) ขึ้น 50% จากค่าเสื่อมที่ลดลง เป็นปีแห่งการฟื้นตัว เราประเมินราคาเป้าหมายปีหน้า 23 บาท TTA ยังคงเป็นหุ้นที่เราชอบ แต่ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาเร็ว +32% เพียง 1 เดือน ประกอบกับผลขาดทุนจำนวนมากใน 4Q13 น่าจะกดดันราคาหุ้นในระยะนี้ จึงแนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว ( http://portal.settrade.com/brokerpage/IPO/Research/upload/2000000221260/130927TTA.pdf )
โดย
lb
อาทิตย์ ก.ย. 29, 2013 11:38 am
0
0
Re: ปีเตอร์ ลินท์ บอกว่า หาหุ้นโตในอุตสาหกรรมที่ไม่โต
ทุก ๆ ท่านมีความคิดเห็นที่ดีครับ ขอบคุณครับ หาก ไม่ เป็นการรบกวนท่านเกินไป ขอตัวอย่างชื่อ หุ้น ที่โต ในอุตสาหกรรมที่ไม่โต เช่นตัวอย่างที่ผมให้ไว้ ด้วยครับ เพื่อให้ดูชัดขึ้นว่า หุ้น นั้น ๆ เป็นตัวไหน เพื่อ เราจะได้เข้าไปศึกษา ว่าจะ ลงทุน ได้หรือไม่ และได้ที่ ณ.ที่ราคา ไหน จึงเหมาะสมกับเรา ผมยอมรับว่าซื้อ หุ้น TTTM ได้แล้ว แต่ได้ไม่มาก เพราะเข้าใจว่าเข้าซื้อ คือ การเข้าไปแล้วออก ยาก ต้นทุน ก็แถว 140.- จึงไม่กล้าตั้งราคาซื้อ ใช้เคาะซื้อ ณ. ราคาที่ตั่้งใจ ว่าจะลงทุน ได้หุ้นทีละ 100 ถึง 200 หุ้นต่อวัน แต่ไม่ได้ทุกวัน ส่วนTPCORP ก็เพิ่งเริ่มตั้งซื้อ แต่ยังซื้อไม่ได้ เพราะถอยราคามากไป หากได้ที่ 9.5-9.8 ก็น่าจะ โอเค เหตุผลเหมือนกันกลัวซื้อแล้วออกยาก จึงขอถูกหน่อย ขอบคุณล่วงหน้า โชคดีมีกำไร ครับ
โดย
lb
เสาร์ ก.ย. 21, 2013 9:13 am
0
3
Re: อดีตที่ฝ่าฟัน อนาคตที่อาจจะรุ่งโรจน์ (SSI) เชื่อได้หรือไ
รัฐสกัดนำเข้าเหล็กอุ้มสหวิริยา ค่ายรถยนต์โวยเจอแจ็กพอตซ้ำ updated: 19 ก.ย. 2556 เวลา 13:07:00 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ฝุ่นตลบเก็บภาษีเหล็กรีดเย็น-รีดร้อน "นิวัฒน์ธำรง" ไฟเขียวขึ้นภาษี Safeguard ปิดประตูนำเข้าจาก 165 ประเทศ ล่าสุด "งัด" มาตรการชั่วคราวเก็บภาษี เหล็กแผ่นรีดเย็นโดนด้วย อุตสาหกรรมยานยนต์ "นิสสัน-ฮอนด้า-จีเอ็ม" โวยลั่นยื่นหนังสือรัฐเร่งแก้ปัญหา ในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง (Safeguard) เรื่อง มาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออื่น ๆ ชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่คณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง มีคำวินิจฉัยขั้นที่สุดว่า การนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออื่น ๆ มีการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นจนก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศจริง ทั้งนี้การใช้มาตรการ Safeguard เหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออื่น ๆ เป็นผลมาจากคำร้องขอของบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน), บริษัท สหวิริยาเพลทมีล จำกัด (มหาชน), บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) และบริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้ง 4 บริษัทได้รวมกันยื่นคำร้องต่อกระทรวงพาณิชย์ จนมีการเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (Antidumping หรือ AD) สินค้าเหล็กรีดร้อนเจือโบรอนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่นำเข้าจากจีนในอัตรา 14.28% และ 19.47% มาตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2555 แต่การใช้มาตรการ AD ยังไม่สามารถป้องกันการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนราคาถูกที่สำแดงพิกัดอื่น ๆ อาทิ พิกัดเหล็กเจือโบรอน-อัลลอย เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี AD ได้ โดยปริมาณการนำเข้าในพิกัดเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออื่น ๆ (ครอบคลุมพิกัด 722530-722691) ได้เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำเข้าจากจีน สุดท้ายบริษัทผู้ผลิตภายในประเทศทั้ง 4 บริษัทจึงยื่นคำขอให้มีการเรียกเก็บภาษี Safeguard การนำเข้าทั้งหมดใน 3 ระยะเวลานำเข้าคือสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออื่น ๆ ชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ความหนา 0.9-50.0 มิลลิเมตร ความกว้าง 100-3,048 มิลลิเมตร 1) อัตรา 44.20% ของราคา CIF สำหรับสินค้าที่นำเข้าตั้งแต่ 15 ก.ย. 2556-26 ก.พ. 2557 2) อัตรา 43.57% ของราคา CIF สำหรับสินค้าที่นำเข้า 27 ก.ย. 2556-26 ก.พ. 2558 และ 3) อัตรา 42.95% ของราคา CIF สำหรับสินค้าที่นำเข้าตั้งแต่ 27 ก.พ. 2558-26 ก.พ. 2559 จากประเทศผู้ส่งออกตามบัญชีแนบท้ายประกาศ ก.รวม 165 ประเทศ แต่มีการ "ยกเว้น" ให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ การนำเข้ามาเพื่อชุบแข็งต่อ และเหล็กเกรดพิเศษ ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานเข้ามาว่า การเรียกเก็บภาษี Safeguard ดังกล่าว เท่ากับบีบให้ผู้ใช้เหล็กแผ่นรีดร้อนต้องหันไปซื้อเหล็กจากบริษัทสหวิริยา ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน/รีดเย็นรายใหญ่ที่สุดของประเทศเพียงกลุ่มเดียว ขณะที่ผู้ผลิตอื่น ๆ อาทิ กลุ่มเจ สตีล มีปัญหาในเรื่องของสภาพคล่องและอยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้จนต้องให้ผู้ใช้นำเงินมาวางก่อนการผลิต "เรื่องที่ทุกคนกลัวก็คือ เราไม่มีทางเลือกอื่นในการต่อรองราคาเหล็กกับสหวิริยา เดิมทียังพอมีการนำเข้าเหล็กแผ่นรีดร้อนจากต่างประเทศเข้ามาได้บ้าง ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่า มีการนำเข้าในราคาต่ำจนทำลายอุตสาหกรรมภายในนั้น ผมยอมรับว่า จริง แต่หากผู้ผลิตภายในไม่ขึ้นราคาเกินกว่าราคาตลาดโลกไปมากมาย แถมเวลาจะขายก็ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาส่งมอบได้แบบนี้แล้ว ใครจะอยากซื้อเหล็กนำเข้าที่มีราคาใกล้เคียงกับเหล็กภายในประเทศบ้าง ที่สำคัญมีเหล็กแผ่นรีดร้อนหลายรายการหรือหลายขนาดที่ผู้ผลิตภายในประเทศไม่ผลิต หรือผลิตก็ไม่มีคุณภาพตามมาตรฐาน รายการเหล่านี้ก็ถูกเรียกเก็บภาษี Safeguard หมด" ผู้ใช้เหล็กรายหนึ่งกล่าวให้ความเห็น ล่าสุดความพยายามในการ "ปิดตลาด" นำเข้าเหล็กได้ขยายไปสู่กรณีของเหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนด้วย หลังจากที่นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะประธานคณะกรรมการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) ได้มีมติให้ขยายระยะเวลาเรียกเก็บหลักค้ำประกันมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (มาตรการชั่วคราว) สินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นที่นำเข้าจากจีน-เวียดนาม-ไต้หวัน ออกไปอีก 4 เดือน จากเดิมกำหนดให้เรียกเก็บตั้งแต่ 10 พฤษภาคม 2556 ถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2556 ให้ขยายออกไปเป็นถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2556 นั้น เพื่อรอการพิจารณาอัตราภาษี AD ขั้นสุดท้าย ทั้งนี้มาตรการชั่วคราวจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 11.76% ของราคา CIF สำหรับสินค้านำเข้าจากจีน 11.86% สำหรับสินค้านำเข้าจากเวียดนาม และ 8.76% สำหรับสินค้านำเข้าจากไต้หวัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2556 เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในตามคำร้องขอของบริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งอยู่ในเครือสหวิริยาเช่นกัน โดยประกาศฉบับดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้ใช้เหล็กแผ่นรีดเย็นในกลุ่มยานยนต์และส่วนประกอบ ซึ่งมีการนำเข้าเหล็กชนิดนี้ประมาณปีละ 400,000 ตัน เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตภายในประเทศเองก็ไม่สามารถผลิตสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นบางพิกัดได้ แต่ผู้ผลิตเองกลับยืนยันว่า ผลิตได้ทุกประเภท ส่งผลให้ กรมการค้าต่างประเทศ ต้องจัดตั้งคณะอนุกรรมการเชี่ยวชาญพิเศษขึ้นมา และเตรียมประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นของ 2 ฝ่ายอีกครั้ง ด้านนายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กลุ่มยานยนต์ ซึ่งเป็นผู้ใช้เหล็กรีดเย็นชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนในอุตสาหกรรมยานยนต์และส่วนประกอบ ได้เสนอให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณา "ยกเว้น" การใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นสำหรับอุตสาหกรรม ยานยนต์และส่วนประกอบ โดยอาศัยหลักการเดียวกันกับการออกมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนจากประเทศเกาหลีและญี่ปุ่นก่อนหน้านี้ "สาเหตุที่จะต้องขอยกเว้น เพราะปัจจุบันผู้ผลิตเหล็กทำเหล็กรีดเย็นได้คุณภาพในระดับหนึ่งเท่านั้น มีบางรายการที่ยังจำเป็นต้องนำเข้า แต่อย่างเหล็กรีดร้อนต้องนำเข้าจากญี่ปุ่น ซึ่งก็ถูกจำกัดด้วยปริมาณโควตา ตามกรอบการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ซึ่งถึงแม้ว่ากรมจะยกเว้นให้สำหรับผู้ผลิตที่นำเข้าตามกฎหมายศุลกากร กฎหมายบีไอโอ แต่ก็มีปัญหาการขอคืนอากรล่าช้า ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เช่น นำเข้าเหล็กแผ่นมา ต้องมาตัดเหลือเป็นสเครปหรือเศษก็ไม่สามารถจะนำมาคำนวณขอคืนภาษีได้" ทั้งนี้อุตสาหกรรมภายในที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศใช้มาตรการชั่วคราว ประกอบไปด้วย กลุ่มยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.), สมาคมชิ้นส่วนยานยนต์ เช่น กลุ่มนิสสัน ฮอนด้า จีเอ็ม และบริษัทกรุงเทพผลิตเหล็ก ทำลอนหลังคา ได้มีหนังสือคัดค้านการเรียกเก็บหลักประกันอากรดังกล่าวแล้ว นายนาวา จันทนสุรคน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวยืนยันว่า บริษัทสามารถผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นป้อนอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศได้อยู่แล้ว แต่ในบางพิกัดน่าจะเป็นอุตสาหกรรมพิเศษมากกว่านั้น และทางบริษัท "ไม่มีข้อมูล" ต้องรอรับข้อมูลจากลูกค้าหรือผู้นำเข้าว่ามีความต้องการสินค้าชนิดใด และปริมาณเท่าใด แม้ว่าบางรายการจะมีความต้องการใช้น้อย ที่เป็นเหล็กชนิดพิเศษก็น่าจะบริหารจัดการได้ เนื่องจากมีศูนย์บริหารจัดการเหล็กที่ดูแลอยู่ สำหรับปริมาณผลิตของบริษัทเต็มที่คือ 1 ล้านตัน/ปี แต่เมื่อเกิดปัญหาเหล็กรีดเย็นต่างประเทศเข้ามาทุ่มตลาดส่งผลให้ปริมาณการผลิตเหลือเพียงครึ่งเดียว โดยประเทศที่เลือกฟ้องเก็บภาษีทุ่มตลาด (AD) รวม 3 ประเทศ คือจีน, เวียดนาม, ไต้หวัน ที่มีการทุ่มตลาดมากสุด อย่างไรก็ตาม ยังมีประเทศอื่น ๆ ที่มีสินค้าเหล็กรีดเย็นที่อยู่ในข่ายทุ่มตลาดเหมือนกัน เช่น อินเดีย เกาหลี ความต้องการใช้ของอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่ที่ 1.2 ล้านตัน/ปี ในขณะที่เมื่อรวมการผลิตของบริษัทเหล็กแผนรีดเย็นกับบริษัท สยามยูไนเต็ด สตีล จำกัด จะมีกำลังผลิตรวมกันที่ 2.4 ล้านตัน/ปี ฉะนั้นในแง่ปริมาณจึงเพียงพอ การประกาศหลักประกันเบื้องต้นที่ 8-11% ของราคา C.I.F ในอัตรานี้สามารถช่วยปกป้องอุตสาหกรรมได้มากขึ้น เห็นได้ชัดจากเดิมมีการนำเข้าจากกลุ่มประเทศนี้เป็น 100,000 ตัน/เดือน แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 60,000 ตัน/เดือน อย่างจีนเคยนำเข้า 10,000 ตัน/เดือน ตอนนี้เหลือ 2,000-3,000 ตัน/เดือน ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์www.facebook.com/prachachatทวิตเตอร์ @prachachat
โดย
lb
ศุกร์ ก.ย. 20, 2013 1:11 pm
0
0
Re: AEC เรารุกเขาหรือเขามารุกเรา
ผมขอพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าเลยครับว่า บริษัท ใหญ่ ๆ เท่านั้นที่ได้ประโยชน์ บริษัทขนาดกลางถึงเล็กเตรียมตายได้ หากไม่ปรับตัว หรือเข้าไปอยู่ในชายคาของบริษัทใหญ่ ภายในสิ้นปีนี้(2556) ภายในปี 2558 ต้องล่มละลายแน่
โดย
lb
พฤหัสฯ. ก.ย. 19, 2013 6:27 pm
0
0
Re: ปีเตอร์ ลินท์ บอกว่า หาหุ้นโตในอุตสาหกรรมที่ไม่โต
ถ้าเลือกได้ เลือกบ.ที่อุตสาหกรรมที่โตจะดีกว่าครับ เพราะอย่างน้อยก็พอมีแต้มต่อบ้าง ส่วนอุตสาหกรรมที่ไม่โตถ้าเราเลือกได้ถูกบ.ก็อาจจะสร้างผลตอบแทนที่ดีได้เพราะเข้าใจว่าตลาดจะdiscountกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นไปแล้วทำให้มีโอกาสเจอหุ้นต่ำกว่ามูลค่ามากๆได้ ผมคิดว่า น่าจะถูกต้องกับความคิดของ ลินท์ จึงให้หาหุ้นที่ยังโตในอุตสาหกรรมที่ไม่โต เพราะราคาหุ้น น่าจะมีส่วนลด จริง
โดย
lb
อาทิตย์ ก.ย. 15, 2013 8:44 pm
0
1
Re: อุตสาหกรรมอะไรที่ไม่โต
ปีเตอร์ ลินท์ บอกว่า ให้หาหุ้นโต ในอุตสาหกรรมที่ ไม่โต ถ้าเรามองดูหมวดอุตสาหกรรมในตลาดไทย หมวดใดที่เพื่อนๆคิดว่าไม่โตหรือโตช้าครับ ความหมาย หาหุ้นที่ยังดี อยู่ ในอุตตสาหกรรมที่ ไม่ดี หรือ ไม่โต
โดย
lb
อังคาร ก.ย. 03, 2013 7:14 am
0
3
Re: อุตสาหกรรมอะไรที่ไม่โต
ลองดู TTTM และ TPCORP อยู่ในอุตสาหกรรมสิ่งทอที่ไม่โต แต่ตัวบริษัทเอง สามารถโตได้ ใช่ความหมายที่ถามหรือไม่ครับ
โดย
lb
เสาร์ ส.ค. 31, 2013 10:53 pm
0
3
Re: อุตสาหกรรมอะไรที่ไม่โต
ลองดู TTTM และ TPCORP อยู่ในอัตสาหกรรมสิ่งทอที่ไม่โต แต่บริษัทโต
โดย
lb
เสาร์ ส.ค. 31, 2013 9:44 pm
0
4
Re: อดีตที่ฝ่าฟัน อนาคตที่อาจจะรุ่งโรจน์ (SSI) เชื่อได้หรือไ
ขอบคุณ ทุกความคิดเห็นครับ
โดย
lb
พฤหัสฯ. ส.ค. 29, 2013 10:18 am
0
1
Re: ธุรกิจเดินเรือ ถึงเวลา กลับมา หรือยัง
ทำงานในอุตสาหกรรมเรือตู้ ปีนี้ไม่ดีแน่นอน ปีหน้าก้อยังไม่น่าฟื้น supplyบานตะไท ผู้เล่นรายใหญ่รวมเรือกันวิ่งเพื่อลดต้นทุนกันจ้าละหวั่น ปีนี้G6ขยายขอบเขตความร่วมมือครอบคลุมยุโรปและอมเริกาแล้ว อีกไม่นานMaersk+MSC+CMA บิ๊กทรีก้อจะรวมกันเป็น P3เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง RCLเองยังไม่มีแผนลดต้นทุนที่เป็นรูปธรรม ถ้าอยากbetการฟื้นตัวจริงๆของอเมริกาจริงๆ ผมว่ารอประเมินปลายปีอีกทีก้อยังไม่สายนะครับ รอได้ครับ แต่ราคาหุ้น ณ.ปลายปี จะ ซื้อได้ที่ราคานี้ได้หรือเปล่าครับ ผมอ่าน ความเห็น ต่าง ๆ ก็ทำให้เข้ว / เกิดความไม่มั่นใจเพิ่มขึ้น ผมเห็นว่า หากคิดว่าดี ในหนึ่งหรือสองปี ณ.ราคานี้สู้หรือเสี่ยงได้หรือไม่ เสี่ยงสูง หรือไม่ โอกาสที่บริษัทจะเจ๊ง ปิดกิจการ ก่อนธุรกิจจะฟื้น มีหรือไม่ เมื่อผมประเมินทุกอย่างแล้ว ผมเห็นว่า ณ.ราคานี้ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะขาดทุน แต่ขาดทุนไม่น่าจะเกิน 25 % แต่หากกำไร โอโห้มันคาดกาลกำไรเป็นเด้งเลย และโอกาสที่บริษัทจะเจ๊ง ผมก็คิดว่าโอกาสมีแต่น้อยมาก เพราะทรัพย์สินแต่ละบริษัทมีมหาศาล เมื่อประมวลแล้ว ผมตัดสินใจทยอยซื้อเหมือนเดิม และขอขอบคุณทุกข้อมูล และเพื่อไม่ให้เกิดความลังเล ผมคงต้อง งดดูข่าวคราวสักพัก ขอให้โชคดีมีกำไรทุกท่านครับ
โดย
lb
อังคาร ก.ค. 09, 2013 4:26 pm
0
3
Re: ธุรกิจเดินเรือ ถึงเวลา กลับมา หรือยัง
ตอนนี้ได้เวลาทยอย เก็บหุ้น TTA อีกแล้วหลังจากทยอยขายหุ้นเพิ่มทุนจนหมด เพราะต้านแรง ขายหรั่งไม่ไหว ทำกำไรไปก่อน ราคาต่ำกว่า 17 บาท ทยอยเก็บขายปีหน้า BDI BSI กระฉูด mermaid bacongo อาจเป็นแค่น้ำจิ้ม วันนี้มาบ่นไม่มีอะไรมาฝาก ขอบคุณทุกข้อมูลครับ ในหุ้นกลุ่มเดินเรือ " ไทยเอ็นวีดีอาร์ " มียอดสะสมคงค้าง แสดงตัวเลขว่า ซื้อเข้ามากกว่าขายออกนะครับ ทั้ง TTA และ RCL Outstanding Share 04/07/2013 RCL 8,064,943 828,750,000 0.97 TTA 26,072,154 991,837,961 2.63
โดย
lb
ศุกร์ ก.ค. 05, 2013 8:16 pm
0
0
Re: ธุรกิจเดินเรือ ถึงเวลา กลับมา หรือยัง
rcl แน่ใจเหรอครับ oversupplyยิ่งกว่าdry bulkซะอีก สถานะการเงินของrclก็แย่ลงมาก เพิ่งโดนปรับลดเครดิต อัตราดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นแน่ ไม่รู้มีปัญหาด้านเงินสดรึเปล่า ลองอ่านรายงานจากtris ratingดูครับ ขอบคุณครับสำหรับคำเตือน ผมเห็นว่าหากภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐ ฟื้น ธุรกิจเรือมันก็น่า จะฟื้นตาม ๆ กันไปทุกประเภท และมองยาวเป็นปี ส่วนได้มันน่าจะมาก แต่ก็ยอมรับว่าความเสี่ยงมันก็จะมากตามไปด้วย ก็ด้วยเหตุนี้ จึงจะใช้วิธีทยอย ถอย เก็บ สะสมหุ้นไปทีละเล็กทีละน้อย เพื่อให้ความเสี่ยงหรือส่วนที่อาจจะเสียน้อยลง หากไม่เป็นไปตามคาดการณ์ " ข้อมูลเพิ่ม " ดัชนีค่าระวางเรือ BDI ประจำวันที่ 3 ก.ค. 56 ปิดลบ 37.00 จุด หรือ -3.16% ดัชนีค่าระวางเรือ BDI ประจำวันที่ 3 ก.ค. 56 ปิดที่ระดับ 1,133.00 จุด ลดลง 37.00 จุด หรือ -3.16% เรียบเรียง โดย ประน้อม บุญร่วม อีเมล์แสดงความคิดเห็น
[email protected]
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 04/07/13 เวลา 6:22:32
โดย
lb
พฤหัสฯ. ก.ค. 04, 2013 8:20 am
0
0
Re: ธุรกิจเดินเรือ ถึงเวลา กลับมา หรือยัง
ส่วนตัวผมทยอยเก็บหุ้น RCL แล้ว ตั้งใจจะทยอยเก็บ ทีละเล็กทีละน้อย สะสมไป ขอบคุณทุกข้อมูล และทุกความคิดเห็นครับ โชคดีมีกำไรทุกท่านครับ ชี้นำ/nam
โดย
lb
พุธ ก.ค. 03, 2013 11:26 pm
0
1
Re: ธุรกิจเดินเรือ ถึงเวลา กลับมา หรือยัง
จากข้อมูล และข่าวคราวต่าง ๆ รวมทั้งทัศนะของผู้บริหารในธุรกิจกลุ่มเดินเรือในวันประชุมผู้ถือหุ้นสามัญในข่วงปีนี้ รวมทั้งนักวิเคราะห็ไม่ว่าจากค่ายกสิกรไทย และ ASP ต่างมีมุมมองใกล้เคียงกันว่า ธุรกิจเดินเรือ น่าจะฟื้นตัวได้จริง ๆ ในปี 2557 หรือปีหน้านั่นเอง + ประกอบกับสหรัฐจะเลิก QE ในปลายปี เพราะว่าเศรษฐกิจได้เริ่มฟื้นตัวแล้ว อันสอดคล้องกับผู้บริหารบริษัทเดินเรือ และนักวิเคาระห็ มอง ข้อคิดเห็น ดังนั้น หาก เราทยอยสะสม ณ. วันนี้ ทั้ง TTA / PSL / RCL ก่อนหน้าธุรกิจจะฟื้น (ตามคาดการณ์ที่กล่าวข้างต้น ) ก็จะสามารถทำกำไรได้มากมาย และหากไม่เป็นไปตามคาด ธุรกิจยังไม่ฟื้น ( วันหนึ่งต้องฟื้น ) ราคาหุ้นในปัจจุบันมันก็ถูกมากแล้ว หากจะลงก็ลงได้อีกไม่มาก เมื่อเทียบกันระหว่างความเป็นไปได้ ว่า " ปีหน้าจะฟื้นจริงหรือไม่ " และ " ส่วนที่จะได้ และส่วนที่จะเสีย " จากการลงทุนซื้อหุ้นในวันนี้ ท่านคิดว่าจะซื้อหุ้น แล้วหรือไม่
โดย
lb
พุธ ก.ค. 03, 2013 11:19 pm
0
1
Re: ธุรกิจเดินเรือ ถึงเวลา กลับมา หรือยัง
'เคจีไอ' แนะเก็งกำไรสั้นหุ้นเดินเรือ รับค่าระวางเรือปรับสูงขึ้น ทั้งเรือเทกองและเรือคอนเทนเนอร์ บทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ ระบุว่า ฝ่ายวิจัย KGI ประเทศจีนและฮ่องกง ออกบท เคราะห์กลุ่มเดินเรือ ค่าระวางเรือปรับสูงขึ้นทั้งเรือเทกองและเรือคอนเทนเนอร์ โดยดัชนี BDI ล่าสุดเท่ากับ 1,151จุด เป็นผลจากการ Restock สินแร่เหล็กของผู้ผลิตในจีนเป็นบวกต่อ TTA และ PSL ขณะที่ค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ SCFI ปรับขึ้น 22.2% WoW เป็น 1133 จุด จาก การตัดเที่ยวเดินเรือของผู้ประกอบการเพื่อพยายามปรับขึ้นค่าระวางฯ (อย่างไรก็ดีฝ่ายวิจัยฯ คาด เป็นเพียงการรีบาวด์ระยะสั้นเท่านั้นเพราะเศรษฐกิจจีนยังคงชะลอตัว) เรียบเรียง โดย อิทธิพล พันธ์ธรรม อนุมัติ โดย อนุรักษ์ ลีประเสริฐสุนทร อีเมล์แสดงความคิดเห็น
[email protected]
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 02/07/13 เวลา 9:11:22
โดย
lb
อังคาร ก.ค. 02, 2013 9:16 am
0
0
Re: ธุรกิจเดินเรือ ถึงเวลา กลับมา หรือยัง
ส่งออกสินแร่ออสซี่ไปจีนพุ่ง ดัชนีBDIฟื้นหนุนพื้นฐานTTA วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน 2556 เวลา 09:52:38 น. ผู้เข้าชม : 837 คน บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า แม้ GDP Growth งวด 1Q56 หลังจากการทบทวนล่าสุดจะอยู่ที่ 1.8% ก็ตาม แต่การที่ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐที่ฟื้นตัว ต่อเนื่องน่าจะทำให้ GDP Growth ในปี 2556 จะเติบโตใกล้เคียงกับที่ IMF คาดไว้ 1.9% ซึ่งเป็นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า FED จะต้องเดินหน้าตัดลด QE3 จากที่ใช้เงินอัดฉีดมาในระบบ 8.5 หมื่นล้านเหรียญฯ ต่อเดือนในปัจจุบัน และนับจากนี้ตลาดหุ้นก็น่าจะขับเคลื่อนไปด้วยกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แท้จริง โดยน่าจะทำให้ความต้องการในสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มกลับมาสูงขึ้นอีกครั้งหลังจากผ่านช่วงซบเซามาก่อนหน้า สะท้อนจากที่ล่าสุดราคาน้ำมันดิบโลกทรงตัวในระดับใกล้เคียงกับ 100 เหรียญฯต่อบาร์เรล ราคาแก๊สธรรมชาติขยับขึ้นมาที่บริเวณ 4 เหรียญฯต่อลูกบาตรฟุต (ดีต่อ PTTEP) และดัชนี BDI ซึ่งเป็นตัวแทนของอัตราค่าระวางเดินเรือ สินค้าขนส่งแบบเทกอง ได้ฟื้นตัวต่อเนื่อง 16 วันติดต่อกัน กล่าวคือเพิ่มขึ้น 44% จากจุดต่ำสุดที่ 801 จุด มาอยู่ที่ 1,151 ผลจากที่จีนนำเข้าสินแร่เหล็กจากออสเตรเลียเพิ่มขึ้น (ปริมาณขนส่งสินแร่เหล็ก จากออสเตรเลีย ไปจีน คิดเป็น 80% ของปริมาณขนส่งจากออสเตรเลียทั้งหมด) โดยพบว่าในเดือนพ.ค. การส่งออกสินแร่เหล็กจากออสเตรเลียไปจีน เพิ่มขึ้น 21% จากเดือนก่อนหน้า และ 34% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์ ASP มีมุมมองเชิงบวกต่อ TTA (FV@B23) และ PSL(
[email protected]
) แต่ชื่นชอบ TTA มากกว่า PSL เพราะ TTA มี PBV ที่ต่ำกว่า 1 เท่า " ขอบคุณสำหรับทุกข้อมูลครับ "
โดย
lb
อังคาร ก.ค. 02, 2013 8:33 am
0
0
Re: ธุรกิจเดินเรือ ถึงเวลา กลับมา หรือยัง
เก็งกำไรหุ้นกลุ่มเดินเรือ รับBDIทะลุ1พัน-TTAเด่น วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน 2556 เวลา 09:44:51 น. บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (24 มิ.ย.) เกี่ยวกับกลุ่มเดินเรือว่า ดัชนี BDI ฟื้นตัวทะลุ 1 พันจุดอีกครั้ง บวกต่อเรือเทกอง ดัชนี BDI มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่ดัชนีค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์ทรงตัว ดัชนี BDI เริ่มส่งสัญญาณบวกอีกครั้ง โดยฟื้นตัวต่อเนื่องจากจุดต่ำสุด 801 จุดของรอบนี้ ณ วันที่ 5 มิ.ย. 2556 กลับมาสู่ระดับ 1,027 จุด ในวันที่ 21 มิ.ย. 2556 เพิ่มขึ้น 27.6% ถือเป็นการยืนเหนือระดับ 1 พันจุดครั้งแรกในรอบ 6 เดือน โดยรอบนี้ ดัชนี BCI (Baltic Capesize Index ซึ่งเป็นตัวแทนค่าระวางเรือขนาดยักษ์ปรับตัวขึ้นมากสุดคือเพิ่มขึ้น 36.2% รองลงมาคือดัชนี BPI (Baltic Panamax Index) ตัวแทนค่าระวางเรือขนาดใหญ่ ปรับตัวขึ้น 19.5% สวนดัชนีค่าระวางเรือ BSI (Baltic Supramax Index) ซึ่งเป็นเรือขนาดกลางที่ TTA และ PSL ใช้บรรทุกสินค้า ฟื้นตัวน้อยสุด คือเพิ่มขึ้น 5.2% ขณะที่อัตราค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์ (Howe Robinson Index ) ส่งสัญญาณฟื้นตัวจากฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดของรอบนี้ ณ วันที่ 29 พ.ค. 256 ที่ 487.8 จุด มาอยู่500 จุด ในวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.7% คาดผลการดำเนินงานเรือเทกองมีแนวโน้มฟื้นตัวในงวด 3Q56 การฟื้นตัวของค่าระวางเรือ ถือเป็นการฟื้นตัวตามฤดูกาล เนื่องจากไตรมาสสามของทุกปี เป็นช่วงฤดูกาลส่งออก ขณะที่กลุ่มเรือเทกองได้อานิสงส์จากการที่ประเทศออสเตรเลียมีการขนส่งสินแร่เหล็กไปประเทศจึนเพิ่มขึ้นมาก โดยในช่วงเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา ปริมาณขนส่งสินแร่เหล็กที่ออสเตรเลียซึ่งเป็นสินค้าที่ส่งผ่านเรือเทกองของออสเตรเลียมากสุด คือสัดส่วนสูงถึง 84% ของปริมาณการขนส่งผ่านเรือเทกองออสเตรเลียทั้งหมด ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 21% และเพิ่มขึ้นถึง 34% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นระดับสูงสุดในปีนี้ ทั้งนี้การฟื้นตัวของอัตราค่าระวาง ส่งผลบวกต่อ TTA มากสุด เพราะ TTA เปิดสถานะค่าระวางเรือในอัตรา Spot Rate มากสุด ขณะอัตราค่าระวางเรือของ TTA สัมพันธ์กับดัชนี BDI สูงถึง 79% ส่วนอัตราค่าระวางเรือของ PSL สัมพันธ์กับดัชนี BDI เพียง 34% นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยยังมั่นใจว่าผลประกอบการของ TTA ได้ผ่านพันจุดต่ำสุดในงวดบัญชี 2Q56 (สิ้นสุด มี.ค. 2556) และจะพลิกฟื้นกลับมามีกำไรตั้งแต่งวดบัญชี 3Q56 (สิ้นสุด มิ.ย. 2556) เนื่องจากงวดบัญชี 3Q56 และ 4Q56 เป็นช่วงฤดูกาลของธุรกิจบริษัทย่อย-เมอร์เมด :ซึ่งให้บริการให้เช่าเรือขุดเจาะน้ำมันใต้เรือ และบริการเรือวิศวกรรมสำรวจใต้ทะเล รวมทั้งเมอร์เมดได้รับสัญญาระยะยาว 5 ปี กับ Saudi Aramco บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของตะวันออกกลาง ในการให้บริการเรือสำรวจใต้น้ำ Asiana ของบริษัทเมอร์เมดและ เรือขุดเจาะน้ำมันแบบ Jack-up ของบริษัทร่วม AOD-1, AOD-2 และ AOD-3 คงน้ำหนัก “เท่าตลาด” เลือก TTA (FV@B23) เป็น Top Pick กลุ่ม แม้คาดการฟื้นตัวของธุรกิจเดินเรือ จะเป็นการฟื้นตัวระยะสั้นตามฤดูกาล เพราะปัญหาซัพพสายเรือล้นตลาดคาดจะส่งผลกระทบถึงกลางปีหน้า เพราะยังมีหมายกำหนดการเรือสั่งต่อใหม่เข้ามาจำนวนมากในปีนี้ แต่ราคาหุ้นในกลุ่มส่วนใหญ่ได้ปรับตัวลงมาลึกมาก จนต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีฝ่ายวิจัยจึงคงน้ำหนักการลงทุนของกลุ่ม “เท่าตลาด” โดยประเด็นบวกจากการฟื้นตัวของอัตราค่าระวางเรือ ถือเป็นประเด็นบวกให้เข้าเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มเดินเรือได้ ขณะที่ฝ่ายวิจัยเลือก TTA (FV@B23) เป็น Top Pick กลุ่ม เพราะคาดผลประกอบการผ่านพ้นจุดต่ำสุดของปีนี้แล้ว จะเริ่มกลับมามีกำไรในช่วงที่เหลือของปี จากอานิสงค์ของบริษัทลูก-เมอร์เมดที่มีฟื้นตัวตามฤดูกาลและจากการได้รับสัญญาระยะยาวล่วงหน้า
โดย
lb
พฤหัสฯ. มิ.ย. 27, 2013 9:55 am
0
0
Re: ธุรกิจเดินเรือ ถึงเวลา กลับมา หรือยัง
ผมว่าส่วนหนึ่งอาจมาจากปัจจัยเรื่ิองฤดูกาลด้วยก็เป็นได้ ถ้าลองมองย้อนหลังไปในเเต่ละปี จะมีช่วงที่ค่าbdi ปรับตัวขึ้นเเบบนี้ เนื่องจากเป็นช่วงส่งออกจากทางอเมริกาใต้ ลองอ่านรายงานประจำปี แล้วก็พวกความเห็นจากผบห.ของpsl น่าจะเห็นภาพมากขึ้นเพราะทางคุณคาลิดอธิบายไว้ได้ดีมากเลยครับ ปล. ผมอาจจะผิดเรื่องปัจจัยฤดูกาลก็เป็นได้ เรายังคงต้องตามดูไปเรื่อยๆโดยเฉพาะจำนวนเรือต่อใหม่ เรือที่ถูกโละและที่สำคัญคือdemandของการขนส่งทางเรือที่จะทำให้วัฏจักรนี้กลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ/..... ดัชนีค่าระวางเรือ ยังเดินหน้าเพิ่มขึ้น 24/06 + 35 จุด 25/06 + 28 จุด 26/06 + 35 จุด เดือนมิถุนายน 56 เพิ่มขึ้นจาก 806 มาเป็น 1127 จุด เพิ่มขึ้นแล้ว 321 จุด หากเทียบอัตราส่วนเป็น % ถือว่าเพิ่มขึ้นมากในเดือนเดียว ขอให้ไว้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมครับ
โดย
lb
พฤหัสฯ. มิ.ย. 27, 2013 7:41 am
0
0
Re: ธุรกิจเดินเรือ ถึงเวลา กลับมา หรือยัง
ขอบคุณทุกข้อมูลครับ มีประโยชน์มาก และน่าจะสรุปได้ว่า ต้องรอดูอีกพักใหญ่เลย
โดย
lb
อาทิตย์ มิ.ย. 23, 2013 6:47 pm
0
0
Re: ธุรกิจเดินเรือ ถึงเวลา กลับมา หรือยัง
ค่าระวางเรือเดือน มิ.ย. พุ่งทำนิวไฮของปี วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน 2556 เวลา 10:36:09 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน .............. บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (20 มิ.ย.) ว่า ........ เนื่องจากการล้มละลายของบริษัทเดินเรือหลายแห่งในโลก และการเก็งของเทรดเดอร์ว่าการนำเข้าสินแร่และเหล็กของจีนจะฟื้นตัวในปลายปีนี้ ส่งผลให้ค่าระวางเรือ (BDI) มิ.ย. พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ล่าสุดทำลายสถิติสูงสุดใหม่ของปีนี้ที่ 995 (+33 จุด) ......
โดย
lb
อาทิตย์ มิ.ย. 23, 2013 10:38 am
0
1
Re: ธุรกิจเดินเรือ ถึงเวลา กลับมา หรือยัง
วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน 2556 เวลา 06:32:05 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index) ปิดวันศุกร์นี้ (14 มิ.ย.) บวก 27 จุดหรือ 3.09% สู่ระดับ 900 โดยระดับสูงสุดของปีนี้อยู่ที่ 935 และระดับต่ำสุดของปีนี้อยู่ที่ 698 ส่วนระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 11793 และระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 554 ความเคลื่อนไหวของดัชนีในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมา วันที่ ระดับปิด เปลี่ยนแปลง (จุด) 13 มิ.ย. 873 +26 12 มิ.ย. 847 +22 11 มิ.ย. 825 +10 10 มิ.ย. 815 +3 7 มิ.ย. 812 +6
โดย
lb
อาทิตย์ มิ.ย. 23, 2013 10:17 am
0
0
Re: เวลาหุ้นตกแบบนี้ทำอย่างไรดี????
ซื้อ และก็ซื้อ ใน หุ้นที่เราศึกษา และมั่นใจกับหุ้นตัวนั้นครับ แต่ทยอยซื้อ ไม่ใช่ซื้อครั้งเดียวเพราะ ถูกแล้วอาจจะมีถูกกว่าอีก (แบ่งซื้อให้ได้สัก 5 วัน ในราคาที่ไต่ระดับลง ไม่ใช่ซื้อราคาเดียวกัน ) เมื่อถึงจุดที่หุ้นนิ่ง หมดแรงขาย และในวันทำการถัดไป หากหุ้นไม่มีท่าทีจะลง ให้เคาะซื้อไม้สุดท้ายหนัก ๆ ได้แล้วครับ แล้ว ก็หยุดนั่งดูผลประกอบการบริษัทต่อไปครับ ไม่ต้องสนใจราคาหุ้นอีก หากหุ้นขึ้นในช่วงนี้ ก็ไม่ต้องสนใจ รอขายในราคาที่เราคิดว่าแพง และไม่ได้ซื้อ นั่นคือราคาขายครับ ( ปกติประมาณ + มากกว่า 30 % จึงทยอยขายออก ) ทั้งนี้ท่านต้องศึกษาหุ้นตัวนั้นแล้วว่า ไม่ว่าราคาหุ้นจะลงไปอย่างไร ตัวกิจการก็ยังต้องสามารถโตและปันผลได้ต่อเนื่อง หรือมีโอกาสกลับมาโตได้แน่ ข้อคิดเห็น ข้างต้นเป็นสิ่งที่ทำมาตลอดครับ แต่ก็ไม่ได้ทำกำไรให้มากมาย เพราะบางครั้งหุ้นตัวนั้นเราซื้อได้น้อย ราคาหุ้นก็เด้งกลับไปแล้ว แม้หุ้นจะถูกเราก็ไม่ได้ซื้อครั้งละมาก ๆ เพราะเราไม่รู้ว่าหุ้นมันตกจะตกกี่วัน (จึงแบ่งซื้อ) จึงซื้อหุ้นได้น้อยในแต่ละวัน เพื่อหวังจะมีเงินซื้อในราคาที่ถูกลงไปอีก และก็ไม่ได้ซื้อตัวเดียว มีตั้ง6 - 7 หุ้นที่เราศึกษาแล้วว่าน่าสนใจ / 555 ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ซ์ื้อ ใหม่ 2 ตัว ของเก่าซื้อเพิ่มอีก 4 ตัว ซื้อวันแรก 11/06 ซื้อได้ สี่หมื่นเศษ 12/06 ซื้อได้แปดหมื่นเศษ 13/06 ซื้อได้แสนเศษ 14/06 น่าจะได้แค่สองหมื่นเศษ ออร์เดอร์ที่เหลือคงไม่ได้แน่แล้ว ตัวอย่าง ตัวหนึ่ง " สิ่งที่ ศึกษา และตามดูมานานพอสมควร คือ ธุรกิจเดินเรือ ดัชนีค่าระวางเรือ ได้ปรับขึ้นมาหลายวันติดต่อกัน แล้วนะครับ และก็มีหุ้นตัวหนึ่งที่ราคาหุ้นถูกอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน หากเศรษฐกิจสหรัฐ และยุโรป ดีขึ้น ธุรกิจเดินเรือ จะกลับมาโตได้อีกครั้งแน่นอน เลยเริ่มตั้งซื้อ แต่ซื้อได้น้อยมาก เพราะเพิ่งซื้อเมื่อ 13/06 หุ้นก็กลับแล้ว คงต้องรอโอกาศต่อไป ในราคาที่ทยอยตั้งซื้อ " ขอให้โชคดี ศึกษาถูกตัว มีกำไร ทุกท่านครับ
โดย
lb
ศุกร์ มิ.ย. 14, 2013 1:18 pm
0
6
Re: อนาคต Technical Textile for Mobiltech Sport(TPCORP/TTTM
Try to see more in ' NVDR Outstanding Share ' in April and May 2013.
โดย
lb
อาทิตย์ มิ.ย. 09, 2013 7:58 pm
0
0
Re: อนาคต Technical Textile for Mobiltech Sport(TPCORP/TTTM
try
โดย
lb
อาทิตย์ มิ.ย. 09, 2013 7:49 pm
0
0
Re: อนาคต Technical Textile for Mobiltech Sport ect.
มิน่าTpcorpไม่ค่อยตกลงมาให้โซ้ยเลย เพราะคุณibเล่นตั้งรับไว้ตลอด เท่าที่ทราบหลายบ.ในตลาดทำอุต.สิ่งทอเดิมควบกับรถยนต์อยู่แล้ว เช่นLtxหุ้นตัวเก่งของลุงขวดก็ทำครับ แต่สิ่งทอแบบเดิมคือเครื่องนุ่งห่มเสมอตัวหรือขาดทุน แต่มาได้กำไรจากที่ใช้ในรถยนต์เช่นถุงลม ฉนวนกันความร้อน ที่หุ้มเบาะ..... สัดส่วนตัวนี้ยังเป็น%น้อยจากยอดขาย แต่ไม่รู้ส่วนแบ่งการตลาดว่าแต่ละแห่งเป็นเท่าไหร่ของอุต. ผมไม่ได้ตั้งรับครับ แต่ ถอยรับครับ ตัว LTX รู้สึกจะไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ตรง ๆ แต่อยู่ทางอ้อม โดยถือหุ้นอยู่ในบริษัท TTTM ครับ ผมมองว่า ผ้า ได้พัฒนาไปมากกว่าการเป็นเพียงเสื้อผ้า สามารถเข้าไป ในเวปของ TPCORP และข่าวสารต่าง ๆ ทำให้มองว่าอนาคตจะต้องดีขึ้น แต่อนาคตมันใกล้หรือไกล ตอบไม่ได้ แต่ในส่วนตัว ผมว่าผลประกอบการทั้ง TPCORP และ TTTM มันดีขึ้น และปีนี้ก็น่าจะดีขึ้น จึงกล้าเสี่ยงลองซุ้มทยอยเก็บครับ ซื้อทีละมาก ๆ ไม่ได้ ราคาจะไปทันที เพราะหุ้นไม่มีสภาพคล่อง ขอบคุณทั้งคุณขาจร และคุณprajuvb ที่สนใจเข้ามาช่วยให้ข้อูมูลครับ
โดย
lb
จันทร์ มิ.ย. 03, 2013 11:53 pm
0
0
Re: +จะโพสรูปต้องทำอย่างไรครับ+
ขอบคุณครับทำทำให้ผมโพสรูปเป็น
โดย
lb
พฤหัสฯ. เม.ย. 11, 2013 11:35 pm
0
0
Re: +จะโพสรูปต้องทำอย่างไรครับ+
http://picpost.ohozaa.com/board/photo/pixku-com1180800058000025879.jpg
โดย
lb
พฤหัสฯ. เม.ย. 11, 2013 11:34 pm
0
0
Re:
[quote="ksnk"]ขออีกที http://img33.picoodle.com/img/img33/8/7/4/f_s5lm_6b18dee.jpg [ [/img]img33.picoodle.com/img/img33/8/7/4/f_s5lm_6b18dee.jpg
โดย
lb
พฤหัสฯ. เม.ย. 11, 2013 11:32 pm
0
0
Re: อนาคต Technical Textile for Mobiltech Sport ect.
จากการค้นและอ่านข้อมูล โดยเฉพาะรายงานต่าง ๆ พบว่า หุ้นที่อยู่ในตลาดที่ได้ ดำเนินการพัฒนาสิ่งทอทางเลือก เพิ่มขึ้น และประสบความสำเร็จ น่าจะมีเพียง สอง บริษัท คือไทยโทเร และ เท็กซ์ไทล์ เพรสทีจ (หากมีบริษัทอื่นก็ช่วยแนะนำด้วยครับ)เอเซียไฟเบอร์ น่าจะไม่ได้ทำ น่าจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการส่งวั๖ถุดิบมากกว่า ตามความเข้าใจของผม และหากท่านลองสังเกตผลการดำเนินการ จะพบว่ายอดขาย และกำไรของทั้งสองบริษัท 2-3 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นมา ติดต่อกัน น่าจะพอสรุปได้หยาบ ๆ ว่า สิ่งทอไม่ได้เป็นกิจการดาวร่วง และอาจจะเป็นดาวรุ่งในไม่ช้า ได้ ผมคาดว่าผลการดำเนินการ ทั้งสองบริษัทในไตรมาสที่1/56 น่าจะดี ตามจำนวนรถยนต์ที่ขายได้เพิ่มขึ้น ผมยังหาส่วนแบ่งตลาดของแต่ละบริษัทไม่ได้ รวมทั้งยังไม่สามารถหาตัวเลขที่ทั้งสองสามารถขายสิ่งทอทางเลือกได้เท่าใด และตัวเลขสิ่งทอดั้งเดิมที่ทำอยู่สามารถขายได้ และมีกำไรหรือขาดทุนจากการขายเท่าใด และปัจจุบันมีการพัฒนาสิ่งทออื่น ๆ เพิ่มเติม เช่นชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ (ส่วนผสมระหว่างสิ่งทอกับพลาสติก) หรือไม่ หากมีใครมีข้อมูล และจะกรุณา และหรือสามรถหาข้อมูลได้ ก็ช่วยแนะนำหน่อยครับ (ผมทยอยตั้งซื้อหุ้นทั้งสองบริษัทแล้วครับ ได้หุ้นบ้าง แต่น้อยเพราะยังไม่กล้าเคาะซื้อ /555ไม่มั่นใจเต็ม100)
โดย
lb
พฤหัสฯ. เม.ย. 11, 2013 11:25 pm
0
0
Re: อนาคต Technical Textile for Mobiltech Sport ect.
เพิ่งค้นพบว่าบริษัทนี้ทำสิ่งทางยานยนต์แล้ว TTTM พุ่งพรวด 19.66% แนวโน้มธุรกิจโตต่อเนื่องจากขยายไลน์ทำเบาะรถยนต์ ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 31 สิงหาคม 2555 14:31:27 น. บล.โกลเบล็ก แนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น บมจ.ไทยโทเรเท็กซ์ไทล์มิลลส์(TTTM) ให้ราคาเป้าหมายปี 13 ที่ระดับ 155 บาท/หุ้น ระดับราคายังคงเทรดกันต่ำกว่า Book value คาดธุรกิจยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากสัดส่วนรายจากธุรกิจสิ่งทอใน ธุรกิจยานยนต์เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ประเมินรายได้ของบริษัทในปี 2013 ที่ระดับ 1502.34 ล้านบาท โดยมีกำไรที่ 132.66 ล้านบาท โดยการปรับตัวขึ้นของกำไรดังกล่าวเกิดจากส่วนต่างทางกำไรขั้นต้นที่ ปรับตัวสูงขึ้น โดยบริษัทสามารถขยายไปยังธุรกิจผ้าเบาะรถยนต์ได้ ซึ่งเป็นตลาดที่ให้ส่วนต่างทางกำไรที่สูงกว่า โดยกำไรดังกล่าวคิดเป็น 13EPS และ 14EPS ที่ 22.11 บาท/หุ้น และ 24.32 บาท/หุ้น
โดย
lb
พฤหัสฯ. เม.ย. 04, 2013 9:23 pm
0
0
Re: เกิดสงครามเกาหลี หุ้นจะมีผลกระทบไหม ?
ขอบคุณมากเลยครับ
โดย
lb
พุธ เม.ย. 03, 2013 8:53 am
0
1
Re: อนาคต Technical Textile for Mobiltech Sport ect.
นี่เป็นหนึ่งในคำชี้แจงผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ของบริษัทจดทะเบียนบริษัทหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ " ขอชี้แจงผลการดำเนินงานรวมของบริษัท และบริษัทย่อย สำหรับงวด 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2555 โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 72.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 13.78 ล้านบาท หรือคิดเป็น 23.42% โดยมีสาเหตุหลักดังนี้ บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 2,113.88 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 218.42 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11.52% เกิดจากการเติบโตในส่วนของสินค้ากลุ่มผ้าไม่ทอซึ่งส่วนใหญ่ผลิตเพื่อเป็นวัตถุดิบสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ " " ขอชี้แจงผลการดำเนินงานรวมของบริษัท และบริษัทย่อย สำหรับงวด 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2554 โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 58.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 15.09 ล้านบาท หรือคิดเป็น 34.53% โดยมีสาเหตุหลักดังนี้บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 1,895.4 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 107.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6.0 % ในขณะที่บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่าย ทำให้กำไรขั้นต้นของบริษัท ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 11.4% สำหรับงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2554 โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 65.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 20.65 ล้านบาท หรือคิดเป็น 45.98% โดยมีสาเหตุหลักดังนี้รายได้จากการขายขยายตัวต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3 โดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการซื้อในประเทศ ซึ่งมีผลให้รายได้จากการขายในประเทศรวม 3 ไตรมาสได้เติบโตขึ้น 147.37 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา การขยายตัวเกิดจากการฟื้นตัวของผู้ผลิตรถยนต์จากเหตุการณ์สึนามิของญี่ปุ่นในช่วงต้นปี รวมถึงการขยายตัวของความต้องการในวัตถุดิบสำหรับการผลิตสิ่งทอเพื่อการส่งออก ในขณะที่ต้นทุนขายของบริษัทฯมีสัดส่วนลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย " *** หมายเหตุใหญ่ บริษัท โทเร ที่ญึ่ปุ่นจะลงทุน สิงทอทางเลือก โดยเฉพาะการแปลงสิ่งทอผสมพลาสติก และเหล็ก เป็นชิ้นส่วนรถยนต์ในอนาคต โดยลงทุน เพิ่มในเมืองไทย มากถึง 30,000 ล้านบาท จะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของนักลงทุนไทย. ด้วยเหตุที่ว่า อนาคต โรงงานสิ่งทอที่อยู่ในตลาด ที่เงียบเหงา จะหนีตาย มาแข่งด้านสิ่งทอทางเลือกกันหมดหรือไม่ ต้นทุน กำไรหรือขาดทุนจะเป็นอย่างไร เพราะทุกบริษัทมีนโยบาย เค็มจัด ในการจ่ายเงินปันผล ทำให้มีเงินสำรองมหาศาล ที่จะลงทุนต่อได้เกือบทุก บริษัท
โดย
lb
เสาร์ มี.ค. 23, 2013 9:39 am
0
0
Re: อนาคต Technical Textile for Mobiltech Sport ect.
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งคู่แข่งที่เข้ามาแยกตลาดสิ่งทอยานยนต์ จากบทความใน กรุงเทพธุรกิจ online วันที่ 20 มีนาคม 2556 20:00 'โทเรญี่ปุ่น'ทุ่ม3หมื่นล.ขยายลงทุนไทย โดย : เมธาวี ตันเรืองเวชจรูญ โทเร ญี่ปุ่น ประกาศทุ่มเม็ดเงินกว่า 3 หมื่นล้านบาท ขยายการลงทุนรับเออีซี พร้อมเพิ่มไลน์ผลิตสินค้ารองรับอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ นายอากิฮิโร่ นิคกากุ ซีโอโอ บริษัท โทเร อินดัสตรีส์ อิงค์ (ประเทศญี่ปุ่น) เปิดเผยว่า การรวมตัว 10 ประเทศอาเซียน หรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งจะเปิดในปี 2558 ถือเป็นเรื่องดี ที่จะทำให้เกิดความสมดุลทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ระหว่างกลางระหว่างจีนและอินเดีย ดังนั้น บริษัทได้เตรียมแผนลงทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคต่อเนื่อง ทั้ง อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ภายใต้งบการลงทุนต่อประเทศปีละ 1,000-1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ จะใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเน้นการลงทุนในส่วนของธุรกิจเดิม ที่มีอยู่และธุรกิจใหม่ในประเทศไทย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจแต่ละกลุ่มให้มีการเติบโตปีละ 10-20% โดยมุ่งเน้นธุรกิจในกลุ่มพลาสติกและเคมีภัณฑ์ โดยเฉพาะวัสดุประกอบคาร์บอนไซเบอร์ เพื่อป้อนให้กับลูกค้ากลุ่มผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ที่มีการเติบโตต่อเนื่อง ทั้งนี้ เตรียมสร้างโรงงานที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ภายใต้บริษัท คาร์บอน แมจิก (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อรองรับกับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยมที่มีแนวโน้มเติบโตสูงและต่อเนื่อง เพราะมองว่าในอนาคตอุตสาหกรรมยานยนต์จากนี้ไปจะมีการใช้พลาสติกผสมเหล็กมาก ขึ้น เพราะต้องการให้รถยนต์มีน้ำหนักเบา โดยบริษัทได้เตรียมแผนลงทุนในอนาคตด้วยการเพิ่มการลงทุนในส่วนของกำลังการ ผลิตในกลุ่มวัสดุประกอบคาร์บอนไฟเบอร์ จากปีละ 1,600 ตัน เป็น 2,200 ตันต่อปี โดยดูจากความต้องการหรือดีมานด์ของอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทย นอกจากนี้ ยังเพิ่มกำลังผลิตของกลุ่มธุรกิจเส้นใยและสิ่งทอ เพื่อผลิตถุงลมนิรภัยภายใต้งบการลงทุนมูลค่า 3,000 ล้านเยน เป้าหมายรายได้ปีนี้ 1.8 ล้านล้านเยน
โดย
lb
ศุกร์ มี.ค. 22, 2013 5:59 pm
0
0
Re: คนตายมาเร็วๆ
ผมอาจจะโชคดีหน่อยที่ปล่อยของออกหมด อันเนื่องมาจากสองสามปีที่ผ่านมา ราคาหุ้น หลัง XD แล้ว จะลงมากกว่าเงินปันผล และ เผอิญกำลังศึกษา กลุ่มสิ่งทอ ด้วย เพราะราคาหุ้นต่ำกว่ามูคค่าทางบัญชีมาก ๆ ทำให้กลับกลายเป็นโชคดีไป- แต่ตลาดหุ้น ไม่เคยลงแล้วลงเลย หรือขึ้นแล้วขึ้นเลย ลงได้ก็ขึ้นได้ โชคดีครับ /
โดย
lb
ศุกร์ มี.ค. 22, 2013 1:07 pm
0
2
Re: อนาคต Technical Textile for Mobiltech Sport ect.
ฟังดูว่าท่านlbเหมือนจะเน้นยานยนต์นะครับ จะแตกแนวไปทางการแพทย์ผมก็ไม่แน่ใจ เพราะถ้าเป็นสิ่งทอใช้ในร่างกาย เช่นหลอดเลือดเทียม เอ็นข้อเทียม ว้สดุเย็บแผลในการผ่าตัด ปริมาณน้อยมากๆ และตลาดแคบ สิ่งทอใช้ภายนอก ทางการแพทย์ถือว่าต้องมีผลวิจัยทางปฏิบัติจริง ถึงจะถือว่าเหนือกว่าผลในห้องทดลอง เช่นผ้าปูเตียงผสมไททาเนี่ยม ซิลเวอร์ ๆลๆ ปูแล้วผป.ติดเชื้อน้อยกว่า ผ้าปูเตียงธรรมดา ฝาส้วมผสมไมโครแบนด์ แอร์ห้องผ่าตัดมีซิลเวอร์นาโน ลดอัตราการติดเชื้อ บลา บลาๆๆ แต่ของจริงยังไม่มีผลพิสูจน์ชัดเจน ถ้าจะเอามาใช้ก็คงไม่อยากจ่ายแพงกว่าปกติมั้งครับ แถมแนวโน้มสิ่งทอบางอย่าง ไปทางใช้แล้วทิ้งมากกว่า เช่น ชุดผ่าตัด ผ้าปูเตียงผ่าตัด มาตรฐานใหม่ไปทางใช้แล้วทิ้งเลย และทำมาจากกระดาษ(ไม่แน่ใจว่าต้องรีไซเคิลย่อยสลายได้แบบวัสดุยานยนต์ด้วยมั้ย) ส่วนทางกีฬาเคยอ่านว่า ชุดว่ายน้ำบางแบบทอแบบเลียนแบบหนังฉลาม ทำให้ว่ายเร็วขึ้นนิสนึง(ปริมาณผ้าคงน้อย...) ขอบคุณสำหรับอีกหนึ่งข้อมูล ถูกต้องแล้วครับที่เน้นยานยนต์ เหตุเพราะบ้านเรา มีโรงงานประกอบรถยนต์ญี่ปุ่นทุกค่าย และยิ่งจีนกับญี่ปุ่นมีปัญหากันทำให้ญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตเข้ามาไทยเพิ่มมากขึ้นด้วย และกิจการยานยนต์ หากเห็นคุณค่า และใช้สิ่งทอทางเลือก ก็จะใช้เป็นจำนวนมาก ๆ จึงนับเป็นตลาดใหญ่มากกว่า การแพทย์ อีกทั้งยานยนต์เป็นเรื่องของเอกชนล้วน ๆ ในขณะที่การแพทย์มีงบประมาณ หรือรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ต้นทุนเป็นส่วนสำคัญ คุณลองสังเกตุข่าว จะเห็นว่าคนไข้ติดเชื้อในห้องผ่าตัด มีเป็นจำนวนมาก แต่เขากับไม่ใช้ผ้านาโนที่ป้องกันหรือฆ่าเชื้อโรคได้เหตุผลสำคัญเพราะมันแพง ไม่ใช่ ใช้ได้หรือไม่ได้ผล เพราะผู้ทดลองคือสถาบันพัฒนาสิ่งทอ ไม่ใช่เอกชน หากป้องกันเชื้อโรคไม่ได้ก็ไม่กล้าออกรายงานการวิจัย แต่ที่เป็นห่วง คือสิ่งทอทางเลือก โตได้จริงหรือไม่ หากโต ๆ ได้นานแค่ไหน ง่ายหรือยากในการเข้ามาแข่งขัน ต่างประเทศเข้ามาแยกตลาดได้หรือไม่ มีอะไรที่จะป้องกันส่วนแบ่งตลาดได้บ้าง และธุรกิจนี้ จริง ๆ ใครเป็นเจ้าตลาด และมีใครอยู่ในตลาดแล้วบ้าง
โดย
lb
ศุกร์ มี.ค. 22, 2013 12:59 pm
0
0
Re: อนาคต Technical Textile for Mobiltech Sport ect.
ถ้ามีโอกาสได้อ่าน จะเข้ามาตอบนะครับ ส่วนตัว มองว่า เป็น ธุรกิจ ใหม่ ถ้าตลาดจะโตได้ ต้องมีผู้นำที่มี วิศัยทัศน์ บวกกับ ศักยภาพในการทำให้เป็นจริง (สร้างตลาดขึ้นมาเอง) คล้ายคล้าย ที่ ofm บุกเบิก ขึ้นมานะครับ เน้นว่าคล้าย บางปัจจัยนะครับ ขอบคุณครับ
โดย
lb
ศุกร์ มี.ค. 22, 2013 10:46 am
0
0
Re: อนาคต Technical Textile for Mobiltech Sport ect.
555 ? ผ่านมาสองวัน ไม่มีผู้แบ่งปันข้อมูลให้ผมบ้างเลย สงสัยคงต้องวิเคาระห์เป็นหุ้น รายตัว จึงจะมีผู้ให้ความรู้ ซึ่งจริง ๆ ข้อมูลหุ้นรายตัวก็หาได้จากข้อมูลที่อยู่ใน ห้องร้อยคนร้อยหุ้น อยู่แล้ว เช่น AFC / TR / TTL / TTTM / TPCORP เป็นต้น แต่สิ่งที่ต้องการจริง ๆ คือมีข้อมูลใดที่แสดงว่า ภาพรวม ธุรกิจสิ่งทอทางเลือก จะเป็นดาวรุ่งได้จริงหรือไม่ หากจริงจะรุ่งได้กี่ปี ไม่ใช่เป็นแค่ดวกไม้ไฟ ที่สว่างเวบเดียว ขอบคุณครับ จะแค่สรุข้อมูลของผมแล้ว ให้ คำตอบว่าดีหรือไม่ก็ยังดีครับ
โดย
lb
พฤหัสฯ. มี.ค. 21, 2013 11:47 pm
0
0
Re: อนาคต Technical Textile for Mobiltech Sport ect.
อีกบอความที่น่าสนใจ " ทิศทางธุรกิจสิ่งทอในตลาดโลก " 06 Feb 12 , โดย อุษา แสงวัฒนาโรจน์ TTIS Textile Digest ฉบับนี้ขอนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวกับสถานการณ์ และทิศทางของอุตสาหกรรมสิ่งทอในตลาดโลกในอนาคต ที่กำลังมุ่งสู่กระบวนการผลิตที่ปลอดภัยและการผลิตผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และความต้องการ technical textiles ในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น World Textile_001 มุ่งสู่สิ่งทอสีเขียว จากข้อมูลที่รวบรวมได้ส่วนใหญ่แสดงแนวโน้มของอุตสาหกรรมสิ่งทอในตลาดโลกว่า กำลังมุ่งสู่กระบวนการผลิตที่ปลอดภัยและการผลิตผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นจริงตามข้อมูลสนับสนุนเหล่านี้หรือไม่นั้น คงต้องรบกวนท่านผู้อ่านช่วยพิจารณาวิเคราะห์จากข้อมูลและประสบการณ์ของท่านด้วย ข้อมูลที่รวบรวมได้สามารถสรุปสั้นๆ ได้ดังต่อไปนี้ ข้อมูลชิ้นแรกที่สนับสนุนแนวโน้มสิ่งทอสีเขียวเป็นรายงานจาก Textile Exchange (ก่อนหน้านี้คือ Organic Exchange) ที่ชื่อว่า the 2010 Global Market Report on Sustainable Textiles รายงานนี้รวบรวมข้อมูลของเส้นใยฝ้ายออร์แกนิคหรือฝ้ายอินทรีย์ที่ถือว่ามีความปลอดภัยต่อการนำมาใช้งานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในรายงานได้แสดงมูลค่าของเส้นใยชนิดนี้ไว้ว่า ในปี ค.ศ. 2010 มูลค่าของฝ้ายออร์แกนิคในตลาดโลกเติบโตอีกร้อยละ 20 จากปีก่อนหน้านี้ (4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี ค.ศ. 2009) คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5.16 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยที่ผู้ใช้ฝ้ายออร์แกนิคในผลิตภัณฑ์ของตนมากเป็น 10 อันดับแรกในปี ค.ศ. 2010 ประกอบด้วย H&M, C&A, Nike, Inc., Inditex (Zara), Adidas, Greensource, Anvil Knitwear, Target, Disney Consumer Products และ Otto Group กรรมการผู้จัดการของ Textile Exchange ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ปัจจุบันผู้บริโภคยังคงนิยมใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากฝ้ายออร์แกนิคและจากเส้นใยที่เป็นมิตรและมีความยั่งยืนหรือ sustainable fibers (ตัวอย่างเช่น เส้นใยที่สามารถย่อยสลายได้ด้วยจุลินทรีย์ เส้นใยที่สามารถนำมารีไซเคิลได้ เส้นใยจากพืชที่สามารถปลูกทดแทนได้ เส้นใยที่ผลิตจากวัตถุดิบที่สามารถหามาทดแทนได้ เส้นใยที่ผลิตโดยใช้พลังงานต่ำและปลดปล่อยแก๊สเรือนกระจกต่ำ ฯลฯ) ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็พยายามที่จะเพิ่มปริมาณการใช้เส้นใยเหล่านี้มากขึ้นในสายการผลิตของตน Textile Exchange ได้คาดคะเนไว้ว่า ถ้าการเติบโตของฝ้ายออร์แกนิคจะยังคงมีเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ต่อปี มูลค่าของฝ้ายออร์แกนิคในตลาดโลกจะเพิ่มเป็นราว 6.2 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี ค.ศ. 2011 และเป็น 7.4 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี ค.ศ. 2012 จากการทำแบบสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการในปี ค.ศ. 2010 พบว่า เส้นใย 2 ชนิดที่ถือว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีปริมาณการนำมาใช้มากที่สุดโดยผู้ประกอบการสิ่งทอคือ เส้นใยพอลิเอสเทอร์จากการรีไซเคิลและเส้นใยไลโอเซล แหล่งข้อมูลที่สองมาจากบทสรุปการจัดงานแสดงเครื่องจักรสิ่งทอระดับโลก ITMA-Barcelona เมื่อปีที่แล้ว แสดงการสนับสนุนแนวโน้มการผลิตที่ปลอดภัย โดยยกสุนทรพจน์ของ Mr. Kofi Annan อดีตเลขาธิการยูเอ็น (ได้รับเชิญเป็นแขกคนสำคัญขึ้นแสดงสุนทรพจน์ในส่วนของการประชุม The World Textile Summit) มีใจความตอนหนึ่งว่า Mr. Annan ได้เชิญชวนผู้ประกอบการสิ่งทอทั่วโลกให้เข้าร่วมสนับสนุน the UN Global Compact ที่เขาได้เริ่มขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และขอให้ผู้ประกอบการสิ่งทอร่วมมือกันช่วยลดผลกระทบของกระบวนการผลิตที่มีต่อระบบนิเวศน์ เพื่อทำให้ชุมชนและสิ่งแวดล้อมปลอดภัยได้อย่างยั่งยืน ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีกับผู้ประกอบการเองด้วย ในขณะเดียวกันก็ขอให้ช่วยดูแลเรื่องสิทธิของคนงานและกฏหมายแรงงานด้วย ในปัจจุบันมีประมาณ 8,700 บริษัทจาก 130 ประเทศซึ่งรวมผู้ประกอบการสิ่งทอด้วย ได้เข้าร่วมสนับสนุน the UN Global Compact แล้ว ข้อมูลสนับสนุนถัดมาเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของกลุ่ม Greenpeace ที่ออกมารณรงค์การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเมื่อกลางปีที่แล้ว โดยได้รณรงค์ให้ผู้ประกอบด้านแบรนด์และแฟชั่นช่วยกันงดปลดปล่อยสารเคมีอันตรายออกมาจากโรงงานที่เป็น supply chains ของตนเอง จากการเคลื่อนไหวครั้งนี้ทำให้หลังจากนั้นอีกไม่กี่เดือนต่อมา หกบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Adidas, C&A, H&M, Li Ning, Nike และ Puma ได้ประกาศเจตนารมณ์สนับสนุนการรณรงค์ครั้งนี้ และได้ร่วมมือกันทำ roadmap แสดงขั้นตอนการดำเนินงานที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าในปี ค.ศ. 2020 supply chains ของตนเองต้องไม่ปลดปล่อยสารเคมีอันตรายออกมาเลย ในปัจจุบัน การรณรงค์เรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้แพร่กระจายไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศเล็กๆ อย่างศรีลังกาก็ยังดำเนินการด้านนี้เช่นกัน ศรีลังกาเป็นประเทศในแถบเอเซียใต้ที่น่าทึ่งมากประเทศหนึ่ง หลังสงครามภายในประเทศที่กินเวลายาวนานถึง 30 ปีสงบลง ศรีลังกาสามารถพลิกฟื้นฐานะความเป็นอยู่ของประเทศให้ดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ปัจจุบัน ศรีลังกาได้กลายเป็นศูนย์กลางของธุรกิจมากมายรวมทั้งธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มด้วย อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มของศรีลังกาได้รับการพัฒนาอย่างมากทั้งในด้านความรู้และความชำนาญจนเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ ยอดการส่งออกสินค้าพุ่งสูงขึ้นทุกปีโดยเฉพาะการส่งออกไปสหรัฐอเมริกา แต่กระนั้นก็ตาม การพัฒนาด้านอุตสาหกรรมนี้ก็ไม่ได้ทำให้ศรีลังกาละเลยเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมภายในประเทศหรือละเลยเรื่องการดูแลความเป็นอยู่ของคนงานและการให้ความยุติธรรมแก่ผู้ใช้แรงงาน ในด้านสิ่งแวดล้อม ศรีลังกามีโปรแกรมมากมายที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าและสัตว์น้ำ ในส่วนของอุตสาหกรรมก็เช่นกัน ได้ตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ซัลเฟอร์และไนโตรเจนออกไซด์ อนุรักษ์การใช้พลังงาน ลดการผลิตน้ำเสียและสนับสนุนการรีไซเคิล ทั้งนี้จะพบว่าผู้ประกอบการเครื่องนุ่งห่มหลายรายของศรีลังกาได้รับรางวัลในระดับชาติและระดับนานาชาติเกี่ยวกับการประสบความสำเร็จด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและสังคม และที่สำคัญศรีลังกาเป็นประเทศแรกที่มีผู้ประกอบการเครื่องนุ่งห่มได้รับ LEED platinum รับรองด้านการผลิตเครื่องนุ่งห่ม World Textile_002 / Technical Textiles ในตลาดโลกสูงขึ้น ผู้เข้าร่วมงาน ITMA-Barcelona 2011 ที่เป็น CEO ของ Royal Tencate ได้แสดงความคิดเห็นไว้ว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตบางอย่างที่เราคิดว่ายังเป็นเรื่องใหม่และเราจะใช้ในการผลิตสิ่งทอก็เฉพาะเมื่อต้องการเพิ่มมูลค่าให้แก่สิ่งทอเท่านั้น อีกไม่นานเกินรอเราจะพบว่า เทคโนโลยีการผลิตเหล่านี้จะกลายเป็นเรื่องปกติที่จำเป็นต้องมีอยู่ในกระบวนการผลิตสิ่งทอด้วยและไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป ตัวอย่างของเทคโนโลยีเหล่านี้ก็เช่น เทคโนโลยีการพิมพ์สิ่งทอด้วยระบบดิจิตอลและเทคโนโลยีการตกแต่งสำเร็จต่างๆ สำหรับการตลาดของ technical textiles รายงานฉบับหนึ่งของ Textiles Intelligence ได้แสดงให้เห็นว่า ความต้องการ technical textiles ในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามชนิดของงานที่ใช้ที่มีความหลากหลายมากขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะความต้องการจากอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ การก่อสร้าง ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านพลังงานและด้านการแพทย์ สำหรับในอุตสาหกรรมรถยนต์ technical textiles ถูกใช้เพื่อเสริมด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบายทั้งของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวมถึงช่วยในด้านการประหยัดพลังงานด้วย นอกจากนี้ยังพบว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ที่ใช้ technical textiles เป็นวัตถุดิบในการผลิตจะสามารถลดปริมาณการปลดปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ได้ด้วย CEO ของ Oerlikon Textile และ COO ของ Oerlikon Group ชี้ให้เห็นว่า การพัฒนานวัตกรรมของ technical textiles ที่กำลังมาแรงและน่าจะมีอิทธิพลมากในอนาคตก็คือ การพัฒนาด้าน geo textiles ซึ่งที่เราพบเห็นมากจะเป็นการนำ geo textiles มาใช้แทนซีเมนท์ในงานก่อสร้าง โดยพบว่าการก่อสร้างอาคารประหยัดพลังงานสามารถกระทำได้ด้วยการใช้ geo textiles ซึ่งมีวัสดุสิ่งทอที่เป็นฉนวนเป็นส่วนประกอบ สำหรับงานก่อสร้างในบริเวณชายฝั่งก็จะใช้ geo textiles ที่มีวัสดุจากธรรมชาติเป็นส่วนประกอบ เช่น เส้นใยปอกระเจา ส่วนงานด้านสิ่งแวดล้อม technical textiles ถูกนำมาใช้เป็นเวลาช้านานแล้วสำหรับผลิตฟิวเตอร์เพื่อคัดแยกสิ่งเจือปนและมลพิษในแก๊สและของเหลว สำหรับงานด้านพลังงาน technical textiles ถูกนำมาใช้ช่วยประหยัดพลังงานได้มากและพบว่ามีปริมาณการใช้มากในประเทศแถบยุโรป โดยประเทศในแถบนี้ได้ตั้งเป้าไว้ว่า จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานถึงร้อยละ 20 ภายในปี ค.ศ. 2020 ในด้านการแพทย์ พบว่า ปริมาณการใช้ technical textiles มีเพิ่มขึ้นร้อยละ 3-4 ทุกปี โดยถูกใช้สำหรับเป็นตัวดูดซับของเหลวและสำหรับงานปลูกถ่ายอวัยวะเทียม เมื่อไม่กี่ปีมานี้ เราเคยตื่นตาตื่นใจกับการได้เห็นผลิตภัณฑ์สิ่งทออัจฉริยะที่เปล่งแสงได้ในที่มืด เสื้อผ้าที่สามารถตรวจติดตามสุขภาพของผู้สวมใส่ พร้อมทั้งสามารถแจ้งขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ได้เมื่อจำเป็น หรือเสื้อผ้าที่มีระบบการติดต่อสื่อสาร มีคีย์บอร์ดที่ใช้เล่นดนตรีและมีฟังก์ชันอื่นๆ อีกมากมาย โดยเสื้อผ้าเหล่านี้จะมีสีสันและรูปแบบที่ชวนให้สวมใส่ด้วย ในอนาคต การพัฒนาเสื้อผ้าอัจฉริยะได้ถูกคาดหวังให้มีฟังก์ชันมากขึ้นอีกโดยที่บทบาทด้านสีสันและรูปแบบแฟชั่นจะถูกลดลง ซึ่งจะทำให้ชื่อของนักออกแบบเสื้อผ้าที่ยังคงมีความสำคัญในปัจจุบันถูกลดบทบาทและความสำคัญลงไปในอนาคต จะเหลือจำนวนแบรนด์น้อยลงและจะมีเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็กที่ผลิตตามออร์เดอร์สำหรับตลาดนิชเท่านั้น มีการคาดคะเนว่า ในอนาคตผู้บริโภคน่าจะมีความต้องการเสื้อผ้าหรือผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่สามารถแสดงการตอบโต้ได้ หรือสามารถแสดงอารมณ์และระดับความเครียดของผู้สวมใส่ออกมาทางเสื้อผ้า ผู้บริโภคหญิงอาจจะไม่สนใจชุดชั้นในทั่วๆ ไปอีกแล้ว แต่กลับต้องการชุดชั้นในที่มีชุดตรวจติดตามสุขภาพของผู้สวมใส่และสามารถเชื่อมต่อสัญญาณไปที่แพทย์ ผู้ฝึกสอนการออกกำลังกายหรือแม้แต่เชื่อมต่อไปที่นักโภชนาการของตนเอง อย่างไรก็ตาม ไม่เฉพาะเทคโนโลยีของวัสดุที่ประกอบเข้ากับเสื้อผ้าเท่านั้นที่จะได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น แต่ตัวสิ่งทอในเสื้อผ้าก็จะได้รับการพัฒนาด้วยเช่นกัน การนำเส้นใยสิ่งทอที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้ผลิตเสื้อผ้าอัจฉริยะหรือการนำวัสดุที่เป็นของเสียมาผลิตเป็นวัสดุใหม่หรือเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ก็จะได้รับความสนใจด้วย นอกจากนี้ เรื่องความปลอดภัยของการใช้วัสดุอัจฉริยะก็จะเป็นที่สนใจเช่นกันโดยเฉพาะกับสิ่งทอที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีระดับนาโนหรือการใช้วัสดุระดับนาโนเคลือบสิ่งทอ ซึ่งมีสิ่งที่ต้องกังวลเกี่ยวกับเทคโนโลยีนาโนหลายประการ เช่น ผลกระทบของสารนาโนต่อสิ่งแวดล้อม ความสามารถในการละลายน้ำของสารนาโน การตกตะกอนของสารนาโน ความเสถียรของสารนาโนที่อุณหภูมิสูง ผลกระทบของสารนาโนต่อระบบการบำบัดน้ำเสีย ความเป็นพิษของสารนาโนต่อมนุษย์และต่อความเสียหายของดีเอ็นเอ ผลกระทบของสารนาโนต่อระบบหายใจ ต่อระบบในกระเพาะอาหารและลำไส้ และต่อผิวหนัง ฯลฯ อย่างไรก็ตาม การพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอให้มีอย่างยั่งยืนได้นั้นอาจเริ่มด้วยการพัฒนาอย่างจริงจังในด้านองค์ความรู้ ความเข้าใจและความชำนาญให้กับบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง ทั้งนี้รวมถึงการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุดโดยพึ่งพิงภายนอกให้น้อยที่สุด และเมื่อสามารถพึ่งพิงตนเองได้มากขึ้น ผลกระทบจากกระแสโลกที่ปรับเปลี่ยนไปมาตลอดเวลาตามความต้องการของประเทศมหาอำนาจก็น่าจะกระทบเราน้อยลงไปด้วย
โดย
lb
พฤหัสฯ. มี.ค. 21, 2013 9:36 pm
0
0
Re: อนาคต Technical Textile for Mobiltech Sport ect.
หากเกิดฟองสบู่ บริษัทธรรมดาอาจจะมีปัญหา หากเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ ก็แค่เซ และฟื้นภายใน 3 ปี ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร การประหยัดเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่ง สิ่งทอทางเลือก หรือ Technical Textile น่าจะเป็นตัวเลือกในการเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบยานยนต์ และเท่าที่อ่านข้อมูล มีการพัฒนาสิ่งทอ เป็นอากาศยาน(รถบินได้)แล้ว และ ที่สามารถบินได้จริง สามารถดูข้อมูลได้ที่เวปนี้ http://www.textileknowledge.com/?p=67 ยังรอข้อมูล และข้อสนับสนุน ทางตัวเลขว่า ต้นทุนและกำไร และอนาคต จะเป็นดาวรุ่งได้จริงหรือไม่ และจะรุ่งได้ยาวนานเพียงใด
โดย
lb
พฤหัสฯ. มี.ค. 21, 2013 8:12 am
0
0
Re: อนาคต Technical Textile for Mobiltech Sport ect.
ที่ให้ข้อมูลว่ามีหุ้นอยู่ในตลาดที่ดำเนินสิ่งทอเทคนิค 2 บริษัท นั้น ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามี มากกว่า 2 หรือเปล่า เพราะเท่ามีข่าว มี 2 บริษัท แต่บริษัทสิ่งทอจริง ๆ ที่ อยู่ในตลาด มีหลายบริษัท
โดย
lb
พุธ มี.ค. 20, 2013 4:07 pm
0
0
Re: อนาคต Technical Textile for Mobiltech Sport ect.
ที่ให้ข้อมูลว่ามีหุ้นอยู่ในตลาดที่ดำเนินสิ่งทอเทคนิค 2 บริษัท นั้น ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามี มากกว่า 2 หรือเปล่า เพราะเท่ามีข่าว มี 2 บริษัท แต่บริษัทสิ่งทอจริง ๆ ที่ อยู่ในตลาด มีหลายบริษัท
โดย
lb
พุธ มี.ค. 20, 2013 4:04 pm
0
0
Re: อนาคต Technical Textile for Mobiltech Sport ect.
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งบทความที่สนับสนุน ด้านวิชาการ ที่ไม่มีตัวเลขรับรอง " สิ่งทอเทคนิคในยานยนต์ : โอกาสเปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการไทย " นับตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดเสรีการค้าสิ่งทอโลก ด้วยการยกเลิกโควตาสิ่งทอภายใต้กรอบข้อตกลงว่าด้วยการค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม (Multifibre Arrangement : MFA) ขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) ส่งผลให้ผู้ผลิตสิ่งทอไทย ประสบภาวะการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะกับจีนและเวียดนาม ซึ่งเป็นคู่แข่งที่มีความได้เปรียบไทยในด้านต้นทุนการผลิต อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการหาหนทางอยู่รอดให้แก่อุตสาหกรรมสิ่งทอไทย และมีความพยายามผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยปรับตัวสู่การพัฒนาสิ่งทอที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และเป็นสินค้าที่มีนวัตกรรม โดยเฉพาะสิ่งทอเทคนิค (TechnicalTextile) ซึ่งเป็นสิ่งทอที่มีคุณสมบัติ และรูปแบบเฉพาะตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานในบรรดาสิ่งทอเทคนิคประเภทต่าง ๆ สิ่งทอเทคนิคในยานยนต์ (Mobiltech) เช่น ผ้าใบยางรถยนต์ ผ้าบุกันเสียง ผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ ถุงลมนิรภัย เข็มขัดนิรภัย และพรมในรถยนต์ นับเป็นสินค้าที่มีโอกาสทางการตลาดสูงและเป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการผลิต ด้วยปัจจัยสนับสนุนต่าง ๆ ดังนี้ • ไทยมีอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศที่แข็งแกร่งในการรองรับการผลิต ขณะที่ความต้องการยานยนต์ในตลาดโลกยังเติบโตในเกณฑ์ดี ปัจจุบันไทยเป็นหนึ่งในฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์ของค่ายรถยนต์รายสำคัญของโลก ด้วยปริมาณการผลิตกว่า 1 ล้านคันในปี 2549 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 2 ล้านคันในปี 2553 ปัจจัยดังกล่าวนับเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้อุตสาหกรรมสิ่งทอเทคนิคในยานยนต์สามารถเติบโตและพัฒนาได้ต่อไปในระยะยาว ขณะเดียวกันความต้องการรถยนต์ในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ก็มีส่วนช่วยให้การส่งออกสิ่งทอเทคนิคในยานยนต์ของไทยสามารถขยายตลาดได้อย่างต่อเนื่อง • ผู้ผลิตยานยนต์มีแนวโน้มหันมาใช้สิ่งทอเป็นส่วนประกอบในยานยนต์มากขึ้นเป็นลำดับเนื่องจากสิ่งทอเป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบา และสามารถนำมาปรับใช้งานในยานยนต์ได้หลากหลายรูปแบบทั้งนี้ ปัจจุบันรถยนต์ 1 คันใช้สิ่งทอเป็นส่วนประกอบราว 21 กิโลกรัม และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 26 กิโลกรัมและ 35 กิโลกรัม ในปี 2553 และปี 2563 ตามลำดับ • วัตถุดิบสำคัญในการผลิตสิ่งทอเทคนิคสามารถหาได้ภายในประเทศ ทั้งนี้ วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสิ่งทอเทคนิคในยานยนต์ส่วนใหญ่เป็นเส้นใยสังเคราะห์ โดยเฉพาะไนลอนและโพลีเอสเตอร์ซึ่งไทยสามารถผลิตใช้ได้เองภายในประเทศ ซึ่งเกื้อหนุนให้ไทยสามารถสร้างความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตรวมถึงระยะเวลาในการส่งมอบสินค้าที่รวดเร็วกว่าการพึ่งพาวัตถุดิบนำเข้า • การแข่งขันยังไม่รุนแรงนักเมื่อเทียบกับการผลิตสิ่งทอทั่วไป เนื่องจากการผลิตสิ่งทอเทคนิคในยานยนต์ต้องใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสูงเพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณสมบัติพิเศษ อาทิ ความคงทนต่อแรงเสียดสี ทนต่อความร้อน เป็นต้น นอกจากนี้ การเข้าสู่ตลาดของคู่แข่งรายใหม่มีข้อจำกัด เพราะต้องอาศัยสายสัมพันธ์อันดีที่มีอย่างยาวนานกับผู้ผลิตยานยนต์ซึ่งเป็นตลาดรองรับสำคัญ จึงนับเป็นอุปสรรคของคู่แข่งรายใหม่ โดยเฉพาะจีนและเวียดนาม หากจะเข้ามาแข่งขันในตลาดผู้ผลิตสิ่งทอที่ต้องการจะผันตัวเองไปสู่การผลิตสิ่งทอเทคนิคในยานยนต์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและคุณภาพสินค้าอย่างจริงจัง เนื่องจากผู้ผลิตยานยนต์ซึ่งเป็นลูกค้ารายสำคัญมักกำหนดมาตรฐานสินค้าไว้ค่อนข้างสูงและเข้มงวดอย่างมากในการตรวจสอบคุณภาพสินค้า รวมทั้งต้องมีการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งรูปแบบและลักษณะสินค้า ส่วนวิเคราะห์เศรษฐกิจ ฝ่ายวิชาการ กันยายน 2550__
โดย
lb
พุธ มี.ค. 20, 2013 3:53 pm
0
0
Re: อนาคต Technical Textile for Mobiltech Sport ect.
รบกวนขอความคิดเห็น ข้อมูล ความรู้ เพื่อประกอบการวิเคราะห์เพื่อการลงทุนครับ นักวิเคราะห์ตัวจริงส่วนใหญ่ วิเคราะห์เฉพาะหุ้นตัวใหญ่ ๆ หรือตัวที่เก็งกำไรง่าย แต่ตัวยาก ๆ อย่างสิ่งทอในช่วงนี้เขาไม่ทำ เพราะหาข้อมูลยาก เพราะหาได้ส่วนใหญ่เป็นวิชาการ ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับ ตลาด ต้นทุน กำไร มีข้อมูลในตลาดหลักทรัพย์ 2 ตัว ตัวหนึ่งก็กำไรดี แต่อีกตัวหนึ่งเดี่ยวกำไรเดี่ยวขาดทุน เอาแน่ไม่ได้ ทำให้วิเคราะห์ไม่ได้ว่า อนาคตจะดีจริงหรือดีเฉพาะแค่ชาวงสั้น ๆ
โดย
lb
พุธ มี.ค. 20, 2013 9:04 am
0
0
Re: อนาคต Technical Textile for Mobiltech Sport ect.
ฉีกแนว! อุตสาหกรรมสิ่งทอดันใช้ “นาโน” กับเบาะรถยนต์ หลังจากที่ “เสื้อนาโน” ก้าวลงตลาดได้ไม่นาน อุตสาหกรรมสิ่งทอก็เสนอสินค้าใหม่ให้กับตลาดเส้นใย โดยตั้งเป้าผลักดันสิ่งทอที่อาศัยนาโนเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมรถยนต์ อาทิ เบาะรถยนต์ ซึ่งสร้างมูลค่าสินค้าได้มากกว่าและปรับเปลี่ยนเทคนิคเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ ดร.ชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมเทคโนโลยี สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอเปิดเผยได้วิจัยและพัฒนาสิ่งทอในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่อาศัยนาโนเทคโนโลยี โดยได้ทำเบาะรถยนต์ที่เคลือบอนุภาคระดับนาโนของสารไททาเนียมไดออกไซด์ซึ่งจะช่วยเชื้อโรคได้หลายชนิด อาทิ เชื้อโรคท้องร่วงและเชื้อโรคปอดบวม เป็นต้น สาเหตุที่เลือกใช้กับเบาะรถยนต์เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ค่อยได้ทำความสะอาด และเลือกใช้ไททาเนียมไดออกไซด์เพราะว่ามีราคาถูกและเบาะรถมีโอกาสได้รับแสงแดดมาก ซึ่งจะทำให้สารเคมีถูกกระตุ้นและฆ่าเชื้อได้บ่อย โดยจะใช้วิธีฉีดสารเคมีเคลือบเบาะซึ่งปกติจะต้องฉีดสารเคมีชนิดอื่นๆ อยู่แล้ว และจากการทดสอบของสถาบันพบว่าการขัดถูถึง 50,000 ครั้งนั้น ยังคงมีไททาเนียมไดออกไซด์เหลืออยู่พอที่จะฆ่าเชื้อโรคได้ ดร.ชาญชัยกล่าวว่า ในรถยนต์ 1 คันใช้สิ่งทอมากถึง 20 กิโลกรัม แต่ผู้ประกอบการไม่ค่อยได้ตระหนักถึงสิ่งทอสำหรับอุตสาหกรรมนัก ในขณะที่อุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้านั้นมีการแข่งขันสูงและได้มูลค่าต่ำ โดยสิ่งทอที่ใช้อุตสาหกรรมยานยนต์และใส่ไททาเนียมไดออกไซด์จะขายได้ถึงตารางเมตรละ 400 บาท พร้อมทั้งชี้แจงว่าผ้า 1,000 เมตรใช้ผลิตเบาะรถยนต์ได้ 30 ที่นั่งและยังเหลือผลิตผ้าหุ้มเบาะได้ 260 ชุด ทั้งนี้มีโครงการจะให้บริษัททัวร์ทดลองใช้เพื่อดูประสิทธิภาพของการฆ่าเชื้อและความพึ่งพอใจของผู้ใช้บริการ โดยรถทัวร์เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ใช้สิ่งทอซึ่งผลิตในประเทศ ในขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์อื่นๆ จะใช้สิ่งทอที่นำเข้าจากญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากมีคุณภาพสูงและคงที่ แต่การใช้นาโนเทคโนโลยีกับสิ่งทอในอุตสาหกรรมจะช่วยเพิ่มคุณภาพและราคาได้ โดยจะพร้อมในเดือน มิ.ย.นี้ ในส่วนของการพัฒนาไททาเนียมไดออกไซด์นั้นได้รับร่วมมือจากนักวิจัยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยผลิตสารขนาดอนุภาคนาโน และทางสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอได้นำมาใช้ปรับปรุงกระบวนการผลิตสิ่งทอซึ่งไม่ต้องปรับเปลี่ยนเครื่องจักรแต่เพียงแค่เปลี่ยนสารเคมีเท่านั้น ทำให้กระบวนการไม่ยุ่งยากและไม่เพิ่มต้นทุนมากนัก ดร.ชาญชัยให้ข้อมูลว่าต้นทุนของไททาเนียมไดออกไซด์อยู่ที่ 25 บาทต่อกรัม โดยใช้ไททาเนียมไดออกไซด์ 0.5 กรัมต่อผ้า 1 ตารางเมตร นอกจากนี้ยังมีซิงค์ออกไซด์ที่ใช้กับอุตสาหกรรมสิ่งทอได้แต่มีต้นทุนที่สูงกว่าคือกรัมละ 120 บาท แต่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อมากกว่าทำให้ใช้ในปริมาณที่น้อยกว่าคือ 0.02 กรัมต่อผ้า 1 ตารางเมตร ซึ่งเมื่อคิดต้นทุนแล้วก็ไม่แตกต่างกันมากนัก และซิลเวอร์ออกไซด์ก็เป็นสารเคมีอีกชนิดที่ได้รับการยอมรับ นอกจากนี้ทางสถาบันยังได้พัฒนาเสื้อกราวนด์สำหรับแพทย์ซึ่งเคลือบด้วยอนุภาคซิงค์ออกไซด์ที่ฆ่าเชื้อโรคได้มากกว่า แต่ยังต้องใช้เวลาในการพัฒนาค่อนข้างมากเพราะค่อนข้างเข้มงวด โดยมุ่งเน้นตลาดต่างประเทศที่นิยมใช้แล้วทิ้งซึ่งประหยัดกว่าการซักและฆ่าเชื้อด้วยวิธีสเตอริไรซ์ ดร.ชาญชัยได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่ายังประยุกต์ใช้นาโนเทคโนโลยีกับสิ่งทออื่นๆ ได้อีก เช่น อุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ซึ่งเป็นของสาธารณะที่ไม่ค่อยได้ทำความสะอาดมากนัก
โดย
lb
พุธ มี.ค. 20, 2013 8:43 am
0
0
Re: การจัดตั้งสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) และการรับส
เรื่อง การจัดตั้งสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) และการรับสมัครสมาชิก หลังจากที่เว็บไซต์ http://www.thaivalueinvestor.com, http://www.thaivi.com และ http://www.thaivi.org ให้บริการสมาชิกโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายมาเป็นเวลากว่า 10 ปี ถือว่าเป็นสังคมออนไลน์ที่ได้แบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ เป็นแหล่งข้อมูลแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่า และผลิตนักลงทุนคุณภาพจำนวนมาก เป็นเรื่องยินดีที่ได้ยกสถานะของเว็บไซต์มาเป็น สมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) ในปัจจุบัน ทั้งนี้ก็เพื่อบริการสมาชิกอย่างทั่วถึง อยู่ในกรอบที่ถูกต้องและเหมาะสม โดยสมาชิกทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของสมาคมโดยเคร่งครัด วัตถุประสงค์ของสมาคมฯ เป็นหน่วยงานเพื่อบริการสมาชิกในการพบปะ แลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูล แนวคิดในแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่า และเป็นหน่วยงานที่ทำประโยชน์แก่สังคม สมาคมจะนำรายได้จากค่าสมาชิก รายได้จากกิจกรรมต่างๆ เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้ว จะนำไปใช้กิจกรรมสาธารณประโยชน์แก่ผู้ด้อยโอกาส หรือด้านการศึกษา โดยกิจกรรมดังกล่าวจะประกาศให้สมาชิกทราบ เพื่อจะได้ทำร่วมกันในแต่ละปี ดังนั้นการเป็นสมาชิกของสมาคมฯ นอกจากจะได้พบปะ แลกเปลี่ยนความรู้จากเพื่อนสมาชิกที่มีแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่าแล้ว ยังได้ร่วมกันทำสาธารณประโยชน์ร่วมกันอีกด้วย สิทธิประโยชน์ของสมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) 1. สมาชิกสามารถเข้าอ่านและแสดงความคิดเห็นในห้องร้อยคนร้อยหุ้นได้ 2. สมาชิกมีสิทธิเข้าร่วมกิจกรรมซึ่งทางสมาคมฯ จัดขึ้นสำหรับสมาชิกโดยเฉพาะ เช่น การเยี่ยมชมบริษัท เป็นต้น 3. สมาชิกจะได้รับส่วนลด 10% ในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของสมาคมฯ เช่น งานสัมมนาประจำปี งานพบปะสังสรรค์รายไตรมาส และหลักสูตรอบรมต่างๆ 4. สมาชิกจะได้รับสิทธิในการร่วมสัมมนา Money Talk @SET โดยไม่ต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้า โดยจำนวนที่นั่งสำรองมีจำกัดและต้องมาตามเวลาที่กำหนด ระเบียบการสมัครสมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) 1. อัตราค่าสมาชิกสมาคมฯ 1 ปี 500 บาท, 3 ปี 1,200 บาท, 5 ปี 2,000 บาท และนักศึกษาสามารถสมัครสมาชิกรายปีในอัตรา 200 บาท 2. เอกสารที่ใช้ในการสมัคร 2.1 แบบฟอร์มการสมัคร กรอกข้อมูลพร้อมลงลายมือชื่อ 2.2 สำเนาบัตรประชาชนพร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง 2.3 สำเนาบัตรนักศึกษา (กรณีเป็นนักศึกษา) ขอเชิญผู้สนใจรับใบสมัครและสมัครสมาชิกได้ในงาน Money Talk @ SET ในวันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม 2555 เวลา 10.00-17.00 น. ในการสมัครผ่านช่องทางอื่น สมาคมฯ จะแจ้งให้ทราบต่อไปในอนาคต หมายเหตุ : สมาชิกเดิมต้องโอนเงินและจัดส่งเอกสารให้สมาคมฯ ภายใน 90 วัน ( 3 เดือน) นับจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2555 เพื่อรักษาสิทธิใช้ชื่อผู้ใช้ (Username ) เดิมได้ หากเกินระยะเวลาที่กำหนด สมาคมฯขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกบัญชีผู้ใช้งานดังกล่าว ทางสมาคมได้นำความคิดเห็นต่างๆมาพิจารณาแล้ว ทางสมาคมยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า เมื่อถึงวันที่ 1 ตุลาคม สมาชิกเดิมที่ไม่ประสงค์จะต่ออายุทางสมาคมฯ จะยังรักษา login ไว้เช่นเดิมและยังสามารถอ่านข้อมูลได้ทั้งหมด รวมถึงห้องร้อยคนร้อยหุ้นที่มีข้อมูลถึงวันที่ 30 กันยายน 2555 และไม่สามารถที่จะโพสต์ข้อความ และกด + และ - ได้ ส่วนสมาชิกที่สมัครเป็นสมาชิกสมาคมถูกต้อง จะได้สามารถใช้งานได้ตามปกติตลอดอายุการเป็นสมาชิก อนึ่งทางสมาคมฯ ได้เตรียมกิจกรรมต่างเช่น กิจกรรมเยื่ยมชมบริษัทโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย กิจการสัมมนาพิเศษเฉพาะสำหรับสมาชิกร่วมกับรายการ Money Talk โดยไม่มีค่าใช้จ่าย การเข้าใช้สถานที่ของสมาคมที่มีที่นั่งประมาณ 6-8 ที่ พร้อมข้อมูลบริษัทจดทะเบียน และยังมีกิจกรรมพบปะสังสรรค์รายไตรมาส/ประจำปี และที่สำคัญที่สุดคือหลักสูตรอบรม ที่ได้รับการวางแผนมาอย่างดีเพื่อนักลงทุน โดยวิทยากรที่ประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับด้านการลงทุน ทั้งหมดนี้เป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งที่สมาคมฯ เตรียมไว้เพื่อสมาชิก หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทางสมาคมจะได้มีโอกาสในบริการสมาชิกในแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่า และร่วมกับสมาชิกทุกท่านในการทำสาธารณประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติต่อไป อนึ่งการทำงานของสมาคมเป็นการทำงานแบบจิตอาสานอกจากภารกิจและหน้าที่หลักของแต่ละท่าน คณะกรรมการและทีมงานมิได้มีผลตอบแทนในรูปของเงินเดือนหรือสิ่งอื่น หากมีข้อบกพร่องใดๆ ทางทีมงานขออภัยในความไม่สะดวกที่อาจเกิดขึ้นมา ณ. ที่นี้ด้วย ด้วยความปรารถนาดี คณะกรรมการสมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) ข้อมูลเกี่ยวกับสมาคม ชื่อสมาคม : สมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) สถานที่ตั้ง : 388 อาคารเอส พี ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพ 10400 (ติดสถานีรถไฟฟ้า BTS อารีย์) โทรศัพท์ : 02-619-1355 โทรสาร 02-619-1455 วันเปิดดำเนินการ : เปิดดำเนินการแล้วตั้งแต่ต้นเดือนกรกฏาคม 2555 รายชื่อคณะกรรมการรุ่นที่ 1 (วาระ 2 ปี) ที่ปรึกษาสมาคม 1. อาจารย์ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา 2. อาจารย์นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 1. นายธันวา เลาหศิริวงศ์ นายกสมาคม 2. นายประมุข วงศ์ธนะเกียรติ อุปนายก 3. นายฉัตรชัย วงแก้วเจริญ กรรมการและเลขานุการ 4. นางอังสินี อภิวัชรกุล กรรมการและเหรัญญิก 5. นายอนุรักษ์ บุญแสวง กรรมการ 6. นายพรชัย รัตนนนทชัยสุข กรรมการ 7. นายศุภศักดิ์ หล่อธนวณิชย์ กรรมการ 8. นายธวัชชัย เลิศรุ่งเรือง กรรมการ 9. นางภาสุชา อุดรวณิช กรรมการ 10. นายเสริฐสรรพ์ อภิวัชรกุล กรรมการ 11. นาย ณัฐชาต คำศิริตระกูล กรรมการ 12. นายณภัทร ปัญจคุณาธร กรรมการและนายทะเบียน Q & A Q1 : วัตถุประสงค์ของสมาคมคืออะไร A: สมาคมฯ เป็นหน่วยงานบริการสมาชิกเพื่อพบปะสังสรรค์ แลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูล แนวคิดในแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่า อยู่ในกรอบของกฎหมายและสำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และยังเป็นหน่วยงานที่ต้องการทำสาธารณประโยชน์คืนสู่สังคมไทย Q2 : สมาคมฯ จะทำประโยชน์คืนสู่สังคมอย่างไร A: การทำประโยชน์คืนสู่สังคมนั้นมีหลายวิธี ทางสมาคมฯ เห็นความสำคัญของการศึกษา และช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ดังนั้น รายได้จากค่าสมาชิก รายได้จากกิจกรรมต่างๆ เมื่อหักค่าใช้จ่ายและเงินสำรองในแต่ละปี สมาคมมีแนวคิดที่จะช่วยเหลือการศึกษาในหลายแนวทาง เช่น มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา (http://www.edfthai.org) ) ซื้อหนังสือเกี่ยวกับการวางแผนทางการเงิน การลงทุนบริจาคแก่ห้องสมุดโรงเรียนต่างๆ หรือหน่วยงานที่ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส สิ่งนี้คือแรงบันดาลใจสำคัญที่ให้ทีมงานทำงานโดยไม่หวังค่าตอบแทนในรูปเงินเดือนหรือสิ่งอื่น กรรมการสมาคมขอสงวนสิทธิ์ที่จะแจ้งรายละเอียดให้ทราบภายหลัง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินในปีนั้นๆ นอกจากนี้ ก่อนกิจกรรมดังกล่าว ทางสมาคมฯ จะแจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้า ในกรณีที่อาจจะมีสมาชิกมีจิตศรัทธาเพิ่มเติม และต้องการทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ร่วมกัน Q3 : ทำไมต้องเก็บค่าสมาชิก A : การเป็นสมาคมฯ ที่จดทะเบียนถูกต้อง ก็เหมือนกับสมาคมที่จดทะเบียนถูกต้องทั่วไป จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากการเป็นเพียงเว็บไซต์ สมาคมฯ จำเป็นต้องมีสถานที่ เจ้าหน้าที่ ค่าสอบบัญชี และค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งนี้เพื่อเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสมาคมฯ รายได้ส่วนหนึ่งคือค่าสมาชิกรายปี และกิจกรรมต่างๆ หากมีส่วนเกินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและเงินสำรอง สมาคมฯ จะนำไปทำประโยชน์ร่วมกับสมาชิกดังที่กล่าวมาข้างต้น ดังนั้นการเป็นสมาชิกสมาคมฯ จะมีส่วนในการทำประโยชน์คืนสู่สังคมอีกทางหนึ่ง Q4 : ค่าสมาชิกรายปี 500 บาท แพงเกินไป A : ทางสมาคมฯ ไม่มีนโยบายที่จะรับเงินสนับสนุนจากหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเป็นพิเศษ เพราะต้องการความเป็นกลางและอิสระในการทำงาน สำหรับเงินที่เหลือจากหักค่าใช้จ่าย ทางสมาคมฯ จะนำไปทำสาธารณประโยชน์ร่วมกับสมาชิกดังที่ได้กล่าว ในการเป็นนักลงทุน ย่อมต้องศึกษาหาความรู้ในแหล่งต่างๆ รวมทั้งลงทุนซื้อหนังสือตำรา สำหรับค่าสมาชิก 500 บาทต่อปีนั้นเป็นข้อสรุปที่ทางคณะกรรมการเห็นว่าเหมาะสม อย่างไรก็ตามการเป็นสมาชิกราย 3 ปีหรือ 5 ปีนั้นจะทำให้ค่าใช้จ่ายถูกลง นอกจากนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ทางสมาคมฯ ได้ให้ส่วนลดโดยคิดค่าสมาชิกรายปีเพียง 200 บาท อนึ่งหากสมาคมฯ มีรายได้อื่นๆ เช่น จากการโฆษณา เงินจำนวนดังกล่าวก็จะไปสมทบเพิ่มในการทำสาธารณประโยชน์ Q5 : หากไม่เป็นสมาชิกแล้วจะเป็นอย่างไร A : การเป็นสมาชิกสมาคมนั้นมีสิทธิประโยชน์ในการอ่าน แสดงความคิดเห็น ในห้องร้อยคนร้อยหุ้น สิทธิการเข้าร่วมในกิจกรรมเยี่ยมชมบริษัท ส่วนลด 10% ในกิจกรรมที่มีค่าใช้จ่ายของสมาคม และสิทธิในการเข้าร่วมกิจกรรม Money Talk @SET โดยไม่ต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้าหากมาในเวลาที่กำหนด สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ยังสามารถเข้าอ่านข้อมูลห้องอื่นได้ทุกห้องตามปกติ Q6 : ทำไมต้องให้สำเนาบัตรประชาชน A : เป็นข้อบังคับของสมาคมที่จดทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎหมายที่สมาชิกที่จำเป็นต้องแสดงตัวตน สามารถติดต่อได้ สมาคมฯ ไม่ได้รับข้อยกเว้นและจำเป็นต้องปฏิบัติตาม นอกจากนี้ ทางสมาคมฯ ยังเชื่อว่า จะเป็นส่วนสำคัญทำให้สังคมการลงทุนออนไลน์มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย และจำกัดการสุ่มเสี่ยงของความเสื่อมเสียชื่อเสียงมาสู่สมาคม Q7 : ที่ปรึกษาและคณะกรรมการมาจากไหน A : ส่วนใหญ่ที่ปรึกษาและคณะกรรมการมาจากทีมงามเดิม ซึ่งเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับทั้งในหน้าที่การงานและการลงทุน โดยไม่มีประวัติเสื่อมเสียมาก่อน หากสมาชิกมีจิตอาสาต้องการมาช่วยทำงานกรุณาดูหัวข้อถัดไป Q8 : จะรู้ได้อย่างไรว่า เรื่องบัญชีและการเงินถูกต้องโปร่งใส A : นอกจากที่ปรึกษาและกรรมการที่ประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับแล้ว สมาคมฯ จำเป็นต้องมีรายงานผลประกอบการและมีผู้สอบบัญชีรับอนุญาตในการรับรองผลประกอบการทุกปี Q9 : อยากเป็นทีมทำงานและกรรมการสมาคมบ้างต้องทำอย่างไร A : กรรมการและทีมงานมีวาระ 2 ปี โดยกรรมการและทีมงานทุกท่านคือผู้มีจิตอาสาในการทำงาน โดยหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการทำประโยชน์ร่วมกัน สามารถติดต่อที่เลขานุการสมาคมฯ หรือเจ้าหน้าที่ ณ. สำนักงานสมาคมฯ ปัจจุบันยังต้องการทีมงานที่มีจิตอาสาเข้ามาช่วยงานอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ทีมงานของสมาคมจำเป็นต้องผ่านเกณฑ์ที่ทางสมาคมฯ กำหนด เช่น พร้อมที่จะเสียสละโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ทำหน้าที่ของสมาคมด้วยความเป็นกลาง ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง เป็นต้น Q10 : หากสมาชิกเดิมที่ไม่ประสงค์จะสมัครเป็นสมาชิกสมาคมฯ จะเป็นอย่างไร A : ทางสมาคมได้นำความคิดเห็นต่างๆมาพิจารณาแล้ว ทางสมาคมยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า เมื่อถึงวันที่ 1 ตุลาคม สมาชิกเดิมที่ไม่ประสงค์จะต่ออายุทางสมาคมฯ จะยังรักษา login ไว้เช่นเดิมและัยังสามารถอ่านข้อมูลที่มีอยู่ก่อนหน้าวันที่ 1 ตุลาคม 2555 ของทุกห้องรวมทั้งห้องร้อยคนร้อยหุ้นได้ตลอดไป แต่จะไม่สามารถ และกด + และ - ได้ ส่วนสมาชิกที่สมัครเป็นสมาชิกสมาคมถูกต้อง จะได้สามารถใช้งานได้ตามปกติตลอดอายุการเป็นสมาชิก Q11 : นอกจากการสมัครออนไลน์ซึ่งเป็นช่องทางหลัก ทางสมาคมฯ มีช่องทางอื่นอีกบ้าง/b] A : ผู้ที่ประสงค์ที่จะสมัครสมาชิก สามารถอื่นเอกสารได้ ณ ที่ตั้งสมาคมฯ ดังนี้ สมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) 388 อาคาร เอส พี ถนนพหลโยธิน สามเสนใน พญาไท 10400 (ชั้นใต้ดิน, ติดสถานี BTS อารีย์) โทรศัพท์ 02 619-1355 โทรสาร 02 619-1455 สำนักงานคงจะพร้อมเปิดให้บริการปลายสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม เจ้าหน้าที่สมาคมฯ เริ่มทำงานพร้อมกับการเปิดสำนักงาน ขออภัยในความไม่สะดวกล่วงหน้า มา ณ ที่นี้ด้วย ต้องแสดงความเห็นใจที่ขาดเงินทุน ถึงขณะที่จัดตั้งสมาคมขึ้นมา เพื่อให้ได้เงินมาใช้จ่าย แต่พอดีผมเห็นต่างจาก คณะบุคคลที่จัดตั้งสมาคมขึ้นเพื่อเรียกเก็บค่าสมาชิกนะครับ เลยหลังวันท่ี่1/10 ก็จะ delete ตัวเองออกจาก VI เหมือนกัน
โดย
lb
พฤหัสฯ. ก.ย. 27, 2012 8:40 pm
0
0
68 โพสต์
of 2
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
lb
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ที่อยู่:
bkk
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พฤหัสฯ. พ.ค. 01, 2008 8:19 pm
ใช้งานล่าสุด:
พฤหัสฯ. พ.ย. 07, 2013 7:06 am
โพสต์ทั้งหมด:
440 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.02% จากโพสทั้งหมด / 0.07 ข้อความต่อวัน)
ลายเซ็นต์
Try to find a good company.
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว