Re: VI สายดำ Charity 4 ตค. 57 ไปได้รึป่าวไม่รู้ แต่ร่วมทำบุญ 2,000 บาท ด้วยนะครัชชช แหม่ ขอเลขบัญชีด้วยครัชชช :mrgreen: ขอท้าต่อ :shock: แฟนปืน ทำบุญร่วมกัน ชาติหน้าจะได้เกิดมาเชียร์ทีมเดียวกันอีก :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: คนที่ 1 ท่าน ดำ :mrgreen: คนที่ 2 ท่าน kongkiti :mrgreen: คนที่ 3 ท่าน นายมานะ :mrgreen: รับคำท้าครับ ติดตรงที่ผมอาจไปในฐานะ staff เลยอาจไม่ได้จองผ่านช่องทางปกติ แต่ขอร่วมทำบุญด้วยครับ ^^ ขออนุญาตท้าคุณ Nongki ให้มาร่วมทำบุญด้วยกันต่อเลยนะครับ :D (คนเดียวละกันนะครับ เดี๋ยวพี่ดำกับพี่ก้อง ไม่มีคนให้ท้าต่อ :mrgreen: ) ขอบคุณครับท่านมานะ ผมขออนุญาตส่งคำท้าต่อไปยังพี่ชายสุดที่รัก อดีตประธานเวป พี่บำรุง ศรีงาน ครับ โดย Nongki อาทิตย์ ส.ค. 31, 2014 12:32 am

Re: ตลาดปรับฐาน ถึงมีหุ้นแต่ไม่คิดจะขายก็อย่าปิดจอหนี ห้องฟุตบอลตอนนี้เหมือนตลาดหมี...รอแกรมมี่มากับบอลยูโร โดย Nongki เสาร์ พ.ค. 26, 2012 8:07 am

Re: ตลาดปรับฐาน ถึงมีหุ้นแต่ไม่คิดจะขายก็อย่าปิดจอหนี มีสองประเภท ประเภทแรก ทำงานไปด้วยเล่นหุ้นไปด้วย อันนี้ไม่อยา่กปิดบางทีก็ต้องปิด ประเภทที่สอง ว่างงาน แต่ปิดจอตอนหุ้นตก แปลว่าเงินหมด ที่ซื้อไว้ว่าถูกแล้ว มันยังถูกลงไปอีก ทำอะไรไม่ได้ จะขายก็ขาดทุน ปิดจอซะเลย วิธีแก้อาการ ให้แบ่งเงินเป็นสองส่วน ลงทุนส่วนนึง กอดไว้ส่วนนึง หุ้นปรับฐานเป็นข่าวดีสำหรับผู้มีเงิน เป็นช่วงที่น่าเปิดคอมที่สุด ดังนั้นหากเป็นคนว่างงาน และไม่อยากปิดหน้าจอตอนปรับฐา่น ต้องทำตัวให้มีเงินอยู่เสมอ ลงทุนส่วนนึง เก็บไว้ส่วนนึง เป็นเคล็ดลับของผม โดย Nongki พฤหัสฯ. พ.ค. 24, 2012 5:02 pm

หุ้นชื่อประเทศไทย? (แ่ต่ไม่ใช่สายการบินนะจ๊ะ) หัวข้อนี้เขาพูดคุย ถามไถ่เรื่องหุ้นเปรียบเทียบกับการตัดสินใจแต่งงาน ผู้ตอบก็ตอบตรงประด็นที่สุด  และบรรจงเรียบเรียงคำตอบ ให้ตรงคำถาม โดยไม่ให้กระทบหรือเสียหายต่อผู้ใด  โดยเฉพาะผู้บริหารเวปไซต์ ผู้ตอบมิได้เอ่ยชื่อบุคคลใด หรือ พรรคการเมืองใด แม้แต่กลุ่มเคลื่อนไหวใดใดด้วย เนื้อหามีเพียงกล่าวถึงว่าผู้หญิงประเภทใดไม่ควรแต่งงานด้วย แสดงความเห็นด้วยความรักพี่น้องทุกเหล่าภาคทุกสีแขนงไม่แบ่งแยก ไม่แบ่งฝ่าย ไม่แบ่งข้าง เคารพรักในสถาบันสูงสุด ผู้ควบคุมคงจะด้วยความระแวงหรือหวาดหวั่น กลัวจนเกินไป จึงลบกระทู้ทิ้งด้วยระบบรีเฟล็ก  ปราศจากวิจารญาณ ในฐานะสมาชิก แม้ค่อนข้างจะเป็นน้องใหม่  แต่ก็ขอเรียนจากใจว่า ผิดหวังและชิงชังการตัดช่องน้อยแต่พอตัวของท่านมาก ในเมื่อสิทธิของท่านที่จะควบคุม ผมคงทำได้เพียง เลิกที่จะข้องแวะกับท่าน  เพราะทนดูไอเดียที่ใช้ไม่ได้ แบบนี้ไม่ไหว การทำคุณภาพให้โรงพยาบาลผ่านเอชเอ ไม่ใช่สิ่งสุดท้ายในชีวิตที่จะตอบแทนแผ่นดินนี้ และการทำให้หุ้นมีมูลค่าขึ้นก็ไม่ใช่ทำเพื่อชาติเช่นกัน ลาทีวีไอ :(  :(  :( โดย Nongki พุธ ต.ค. 08, 2008 1:46 pm

หมอเคมาแล้ว พฤหัสนี้ มันนี่ทอล์ค มันนี่แชนแนล ได้ดูทอล์กโชว์ทางช่อง80เมื่อคืนนี้เหมือนกัน โอ้โหตัวจริงหมอเคยังเอ๊าะๆอยู่เลย หรือไม่รู้เพราะว่านั่งข้างๆพิธีกรสามคนรึเปล่า คุณหมอตอบคำถามได้ดี ไม่เห็นว่าจะประหม่าเลย แต่พิธีกรคนที่ใส่เสื้อสีแดงนี่ถามนอกเรื่องเรื่อยเลย คราวหน้ามีเพื่อนในเวปคนไหนออกทีวีอีกจะรอดู อยากเห็นหน้าหมอหนุ่มศรรามจังว่าตัวจริงจะหล่อแค่ไหน :lol: โดย Nongki ศุกร์ ต.ค. 03, 2008 10:29 am

วิกฤต แบล็กมันเดย์ ที่เมกา ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการอนุมัติงบจำนวนถึง7แสนล้านเหรียญ รู้สึกว่าสมาชิกสภาคองเกรสส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับผม แมคเคนกับโอบามาความเห็นเป็นไปในทางหาเสียงทั้งคู่ แต่เชื่อว่าแรงผลักดันจะมีผลให้ได้รับการอนุมัติงบประมาณจำนวนหนึ่ง ในระยะสั้น1-2เดือน ก็มีสิทธิกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย แต่ตลาดหุ้นช่วงนี้เชื่อว่าต้องลงมากกว่าขึ้น ใครกระสุนยังไม่หมด ก็คิดซะว่ามันลดราคาลงอีก(อีกแล้วเหรอ) น้ำมันลงเรายังชอบบบบบบเลย :lol: โดย Nongki อังคาร ก.ย. 30, 2008 10:16 am

Thailand not asia? เอ....ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง คงต้องวิเคราะห์ว่า อุปนิสัยคนไทย เวลาหุ้นลงเราจะร่วมด้วยช่วยกันเทขายด้วยความตื่นตระหนก เวลาหุ้นขึ้นเราก็รีบเทขายเช่นกันด้วยหวังกำไรระยะสั้น เวลาหุ้นลงเลยลงแรงๆ  แต่พอขึ้นจึงขึ้นไม่สุด คงคล้ายๆกับตลาดทองคำในบ้านเราเวลานี้ครับ ทองขยับขึ้นหน่อย ชาวบ้านแห่ขายกันทันที เรียกว่า กำไรเหนาะๆ ไม่รู้ว่าหุ้นลงเที่ยวนี้จะมีชาวบ้านมาช้อนซื้อแบบทองลงบ้างรึเปล่าครับ :lol: โดย Nongki พุธ ก.ย. 24, 2008 3:12 pm

2คนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีก1ตาแหลมคม เห็นดวงดาว สมัยโบราณผู้ใหญ่มักจะสอนลูกหลานว่า มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท.... อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์ แม้มีน้อยใช้น้อยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน ปัจจุบันหนุ่มสาวมักจะหยอกกันว่า มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท ไปตลาดฟาดให้เรียบอย่าให้เหลือ ฟาดหมดแล้วก็รอลุ้นผู้จุนเจือ มีคนเถือก็มีเหยื่อของคู่กัน :lol: โดย Nongki ศุกร์ ก.ย. 19, 2008 10:53 am

ฟันธง หลังจากฟังกูรูวิเคราะห์ทิศทางแล้ว  กลุ่มที่น่าสนใจลองดู บทความจาก FORBS  อ่านดูเล่นๆพอได้ไอเดีย สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (19 ก.ย.) อ้างนิตยสาร "ฟอร์บส์" นิตยสารที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดอันดับเศรษฐีทั่วโลก ได้จัดอันดับบรรดามหาเศรษฐีชาวอเมริกัน จำนวน 400 อันดับ เปิดเผยเมื่อ 18 ก.ย. ว่า มหาเศรษฐีชาวอเมริกันที่มีทรัพย์สินตั้งแต่ 1,300 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป ถัวเฉลี่ยทรัพย์สินของเศรษฐีทั้ง 400 รายนี้ อยู่ที่ 3,900 ล้านดอลลาร์ พบว่านายบิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟ ยังครองแชมป์อันดับ 1 ผู้ร่ำรวยที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา มีทรัพย์สินมูลค่า 57,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,938,000 ล้านบาท ลดจากปีก่อนที่มี 59,000 ล้านดอลลาร์   รายงานระบุว่า อันดับ 2 คือ นายวอร์เรน บัฟเฟ็ตต์ เจ้าพ่อนักค้าหุ้น มีทรัพย์สิน 50,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,700,000 ล้านบาท) ลดลงจากปีที่แล้ว ที่มี 52,000 ล้านดอลลาร์ อันดับ 3 นายลอว์เรนซ์ เอลลิสัน ผู้ก่อตั้ง "ออราเคิล คอร์ป" มีทรัพย์สิน 27,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 918,000 ล้านบาท) ขณะที่ 4 พี่น้องตระกูล "วอลตัน" ทายาทของแซม วอลตัน ผู้ก่อตั้งห้างวอลมาร์ท พุ่งขึ้นมาติดอันดับ 4-7 ด้วยทรัพย์สินราว 23,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนนายก-เทศมนตรีมหานครนิวยอร์ก นายไมเคิล บลูมเบิร์ก ติดอันดับ 8 ด้วยทรัพย์สินรวม 20,000 ล้านดอลลาร์ จากธุรกิจด้านข่าวสารและเครือข่ายข้อมูลการเงิน ด้านอันดับ 9-10 เป็น 2 พี่น้องตระกูลโคช ชาร์ลส และเดวิด ผู้บริหารบริษัทโคช อินดัสทรี ทำธุรกิจด้านการผลิตและพลังงาน มีทรัพย์สินคนละ 19,000 ล้านดอลลาร์ นายแมตธิว มิลเลอร์ บรรณาธิการการจัดอันดับของฟอร์บส์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงที่ว่าบุคคลผู้ร่ำรวย ไม่ได้ ร่ำรวยมากขึ้นกว่าเดิม บ่งบอกให้รู้ว่าเศรษฐกิจถูกล็อกหยุดชะงัก การที่ไม่มีการต่อสินเชื่อ อีกทั้งตลาดมีสภาพคล่องน้อย สัญญาทางธุรกิจก็ไม่เกิด เป็นปัจจัยทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจหดตัว http://www.thairath.com/online.php?section=newsthairathonline&content=104695 ปรากฎการณ์ครั้งนี้  ไม่อาจฟันธงจริงๆครับ  แค่ไอเดียบวกคาดเดา โดย Nongki ศุกร์ ก.ย. 19, 2008 10:20 am

ฟันธง ลองฟังความเห็นของคนในตลาดดูครับ นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.ทิสโก้ นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เอเซียพลัส ผู้สื่อข่าวรายงานตลาดหุ้นไทยวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ทันทีที่เปิดตลาดดัชนีดิ่งลงแรงถึง 14.84 จุด จากนั้นยังคงทรุดตัวลงรุนแรง โดยเปิดการซื้อขายแค่ชั่วโมงเศษ ดัชนีลงมาต่ำสุดที่ 569.94 จุด ลดลง 35.20 จุด โดยนักลงทุนยังคงอกสั่นขวัญแขวนกับวิกฤติสถาบันการเงินในสหรัฐฯ แต่เมื่อเปิดการซื้อขายภาคบ่ายปรากฏว่ามีแรงซื้อกลับเข้ามาพยุงดัชนี ภายหลังจากที่มีข่าวว่าธนาคารกลางทั่วโลก นำโดยสหรัฐฯ ได้ร่วมหารือและได้ข้อสรุปว่าจะร่วมกันอัดฉีดสภาพคล่องเพื่อพยุงวิกฤติครั้งนี้ ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจ กลับเข้ามาซื้อดันตลาดหุ้นเอเชีย รวมทั้งไทยให้รีบาวน์กลับมาได้   โดยหุ้นไทยมาปิดตลาดที่ 600.38 จุด ลดลง 4.76 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 18,762 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,134 ล้านบาท ทั้งนี้ นับตั้งแต่วิกฤติซับไพร์มสหรัฐฯปะทุรุนแรงเมื่อเดือน ส.ค.ปี 50 พบว่าต่างชาติได้ขายสุทธิหุ้นไทยไปแล้วกว่า 195,000 ล้านบาท   นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า จากข้อมูลย้อนหลัง 9 ปี นับจากปี  42 พบว่าต่างชาติยังเหลือเงินลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นยอดซื้อสุทธิ 150,000 ล้านบาท แม้ปี 51 ต่างชาติจะขายสุทธิออกมามากถึง 120,000 ล้านบาทก็ตาม แต่ในส่วนของการเป็นหุ้นส่วนธุรกิจหรือการถือหุ้นโดยตรง (FDI) นั้น ยังไม่พบว่าต่างชาติได้มีการถอนทุน โดยยังคงถือหุ้นในบริษัทหุ้นไทยสัดส่วน 30% ของมูลค่ามาร์เก็ตแคป ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 4.75 ล้านล้านบาท   ขณะที่นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าถูกถล่มเทขายอย่างหนัก สะท้อนให้ เห็นว่าเป็นการถล่มขายแบบหนีตายของต่างชาติ โดยยอมขายขาดทุนทุกราคา เพราะจากข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี พบว่าต้นทุนต่างชาติเฉลี่ยอยู่ที่ดัชนีระดับ 602 จุด และเมื่อบวกกับกำไรที่ได้จากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นแล้ว การเทขายของต่างชาติที่ระดับดัชนีที่ลงลึกมาถึง 570 จุด ในช่วงเช้านั้น ต่ำกว่าราคาต้นทุนที่ต่างชาติถืออยู่มาก และยังพบว่ารายย่อยก็ขาดทุนเจ็บตัวไม่แพ้กัน โดยเฉพาะผู้ที่ใช้บัญชีมาร์จิ้นหรือกู้เงินเพื่อซื้อหุ้น   นอกจากนี้ ดัชนีที่ปรับตัวลงลึกมาที่ 570 จุด ในวันที่ 18 ก.ย.นี้ ถือเป็นระดับที่ต่ำกว่าวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศมาตรการกันสำรอง 30% ซึ่งครั้งนั้นแค่วันเดียวดัชนีทรุดลงกว่า 10% ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ต้องหยุดพักการซื้อขาย 1 ชั่วโมง เป็นครั้งแรกตั้ง แต่เปิดทำการ แต่ครั้งนั้นดัชนีลงมาต่ำสุดแค่ 586 จุด ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ผลจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาแรง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลหลายบริษัทสูงขึ้นเป็น 8-10% ถือว่าสูงมาก สูงกว่าอัตราผลตอบแทนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้น นักลงทุนหรือกองทุนที่ไม่ตื่นตระหนกและมีสภาพคล่องเหลืออยู่น่าจะกลับเข้ามาซื้อหุ้น ด้านนายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เอเซียพลัสกล่าวว่า วิกฤติการ เงินรอบนี้ถือว่าหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนและรุนแรงกว่าวิกฤติแบล็กมันเดย์ ซึ่งตอนนั้นความเสียหายเกิดขึ้นเฉพาะในตลาดหุ้น แต่ครั้งนี้รุนแรงถึงขั้นที่บริษัทยักษ์ใหญ่ล้มและปิดกิจการ.   http://www.thairath.com/news.php?section=economic&content=104692 โดย Nongki ศุกร์ ก.ย. 19, 2008 10:11 am

จับตาเอไอเอทิ้งหุ้น ตายล่ะหว่า :shock: ถ้าทำประกันแบบยี่สิบปีคืนเงินต้นพร้อมดอกไว้ จะสูญไหมเนีย?............ :!:  :?:  :!: โดย Nongki พุธ ก.ย. 17, 2008 1:29 pm

เมื่อผมเชื่อการคาดการณ์ของ "สามัญชน" ทอง รีไซเคิลได้ แต่น้ำมันถูกเผา ระเหยกลายเป็นไอ อยากได้ทองเส้นใหม่  เอาเส้นเก่ามาหลอมได้ แต่อยากได้น้ำมันถังใหม่  ต้องรอซากทับถมเป็นล้านปี พี่หมอวิเคราะห์ได้คมจริงๆครับ  เห็นภาพเลย นาทีนี้  น้ำมันมีค่ากว่าทอง อนาคต  คงต้องหาพลังงานทดแทนน้ำมัน  แน่ๆเลย  ล้านปีรอไม่ไหว :lol: โดย Nongki อังคาร ก.ย. 16, 2008 9:51 am

เมื่อผมเชื่อการคาดการณ์ของ "สามัญชน" พี่หมอท่านวินิจฉัยได้แม่นยำจริงๆ ตลาดของเหลวอย่างน้ำมันกำลังร่วง แต่ตลาดของแข็งอย่างเหล็ก,ทองแดงท่าจะรุ่ง เลือกซื้อตัวไหนตามพี่ไม่เคยมีพลาด แต่จังหวะซื้อขายตอนไหน ยังต้องเรียนวิชาจากพี่หมออีกเยอะ :lol: โดย Nongki จันทร์ ก.ย. 15, 2008 3:04 pm

ตลาดอนุพันธ์คืออะไรครับ ขอบคุณท่านที่ชี้แนะครับ  :D  :D  :D โดย Nongki พุธ ก.ย. 10, 2008 10:05 pm

ช่วงนี้ใครกล้าซื้อบ้าง (2-3 สค) ทยอยซื้อมาเรื่อยๆเลยครับ เหมือนเห็นสินค้าซื้อหนึ่งแถมหนึ่งเลยซื้อสักชิ้นสองชิ้น สัปดาห์ถัดมาลด70%อดใจไม่ไหวซื้อเพิ่มอีกสามสี่ชิ้น วันนี้ผมว่าห้างลด90-95%น่าจะได้แล้วนะ ผมอยากจะขายบ้านมาเหมาเอาเสียเลยจริงๆ กลัวว่าสัปดาห์หน้าจะหมดโปรโมชั่นเสียก่อน ดีที่ห้างนี้สินค้าไม่มีหมด แต่ผมเชื่อว่าเกจิที่ติดตามการเมืองขณะนี้คงรู้แกวกันหมดแล้ว :lol: โดย Nongki พุธ ก.ย. 03, 2008 3:56 pm

@@ เลื่อนงานจิบเบียร์วันที่5ออกไปก่อนนะครับ @@ รับทราบคร้าบ...ยกเลิกงานที่พหลโยธิน  งั้น5กันยาเจอกันที่ทำเนียบ :lol: โดย Nongki พุธ ก.ย. 03, 2008 3:41 pm

ถ้า น้ำจะท่วม กทม ในอีก 10 ปี ที่ดินแพงขึ้นไปอีก คอนโดผุด โดยเฉพาะตึกสูงๆ อาหารการกิน ข้าวยากหมากแพง โรงพยาบาล โรงไฟฟ้า มีปัญหา เกลือราคาถูก อาหารทะเลพลิกผัน เมืองหลวงใหม่บังเกิด ธุรกิจท่องเที่ยว ชายหาดทะเล พินาศ การคมนาคมขนส่งทางบกทางเรือมีมูลค่าสูง การเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นที่นิยม สนามบินหนองงูเห่ากลายเป็นหนองจริงๆ หน่วยงานอุตุนิยมมีบทบาทต่อตลาดหุ้น ทองคำยิ่งแพง น้ำมันยิ่งโครตแพง ฟันธงเพื่อการลงทุนทีเด็ดถ้าน้ำท่วมกรุงในอีกระยะสิบถึงสามสิบปี ปล่อยกลุ่มอสังหาที่พัฒนาโครงการในกรุงเทพ,ภาคกลางตอนล่าง, ริมชายหาด,ภาคตะวันออก ลงทุนซื้อที่ดินบนภูเขา  ปัจจุบัน ที่ดินบนดอยบางแห่ง เช่นดอยเต่าถูกเหมือนขี้ อีกสามสิบปีจะกลายเป็นทอง บรรดาพรานทะเลถ้าไม่รีบครองตลาดอาจมีคู่แข่งรายน้อยใหญ่ สายการบินกลับมารุ่งถ้าไม่ยุ่งกับหนองงูเห่า กลุ่มโรงพยาบาลเฟื่องฟู กำไรงดงาม บริษัทรถยนต์เปลี่ยนสายการผลิต เครื่องประดับ อัญมณียังมีกำไร กลุ่มพลังงาน ไปไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ ซีพีย้ายสำมะโนครัว ปิดท้ายด้วยโรคร้อน อย่าลืมธุรกิจเย็นๆ น้ำแข็ง,แอร์,ไอศกรีม,พัดลม,แป้งเย็น :lol: โดย Nongki พุธ ก.ย. 03, 2008 2:47 pm

ตลาด + หุ้น = ตลาดหุ้น ตลาดหุ้นต่างจากตลาดสดตรงที่ซื้อแล้วคืนได้ อาจจะกำไรหรือขาดทุน ตลาดสดซื้อแล้วคืนไม่ได้ เอาไปขายต่อพอได้แต่มักจะขาดทุน :lol: โดย Nongki อาทิตย์ ส.ค. 24, 2008 11:45 pm