Re: หลังงาน สังสรรค์วีไอ ไตรมาส2 ปี 55 เป็นอย่างไรกันบ้างคร - เนื้อหาในงานนี่สุดยอด ...ดูตาม comment ของเพื่อนๆด้านบนเลยครับ :) ...คุณหมอพงศกร เตรียมเนื่อหามาได้เยี่ยมมากจัดเต็มแบบไม่มีกั๊กกันเลยทีเดียว - ส่วนถามตอบกับ ดร. นิเวศน์ ทำให้ได้มุมมองและแนวคิดที่มีต่อสถานการณ์ปัจจุบันทีสามารถนำไปต่อยอดได้อีกมาก - สำหรับสถานที่จัดงาน การเดินทางไปมาสะดวกสบาย อาหารอร่อยอิ่มหนำสำราญ จะมีก็แต่เสาบางต้นที่บดบังทัศนวิสัยไปบ้างทำให้หลายโต๊ะมองไม่เห็นหน้าวิยากร แต่ก็สามารถชดเชยได้ด้วยเสียงที่ชัดเจน และการเปิดโอกาสให้ลากเก้าอี้ไปหามุมเหมาะๆเพื่อนั่งฟังได้ - ระหว่างที่วิทยากรทำการบรรยาย...บริเวณที่ผมนั่งได้มีเสียงเพื่อนบางท่านส่งเสียงคุยกันเป็นระยะๆ ทำให้เสียสมาธิไปบางช่วงเหมือนกัน แต่ก็พอจะทำใจได้ครับ เพราะนานๆจะมาเจอคนถูกใจ คุยกับแบบถูกคอ - เสื้อทำได้สวยครับ ถ้าได้ size ใหญ่กว่าเบอร์ 44 หรือทำเสื้อโปโลออกมาด้วย จะเทห์ไม่น้อย ต้องขอขอบคุณทีมงานทุกท่านมากๆครับ ที่ทำให้เกิดงานนี้ ถึงแม้จะเป็นจิตอาสาแต่งานออกมาระดับมืออาชีพจริงๆ ยอดเยี่ยมมากครับ :D:D โดย Pathfinder เสาร์ ส.ค. 25, 2012 10:54 pm

Re: ประกาศชื่อผู้มีสิทธิเข้างานสังสรรค์VIQ2/55รอบเพิ่มเติม60 โอนแล้วครับ 1,080.03 บาท 16/08/12 13.46 น. โดย Pathfinder พฤหัสฯ. ส.ค. 16, 2012 2:00 pm

Re: เปิดจอง งานสังสรรค์ VI Q2/55 รอบเพิ่มเติม 60 ที่ จองครับ 1 ที่ครับ โดย Pathfinder อังคาร ส.ค. 14, 2012 9:10 am

Re: เปิดจอง งานสังสรรค์ VI Q2/55 รอบเพิ่มเติม 60 ที่ จองครับ โดย Pathfinder อังคาร ส.ค. 14, 2012 9:04 am

Re: วิธีการเลือกหนังสือที่จะอ่านอย่างง่ายๆ จากการคุยกับพี่โจ สำหรับเพื่อนๆที่ยังไม่มี Kindle สามารถใช้ Kindle app บน PC หรือ Tablet อ่านก็ได้นะครับ (ผมลองใช้ Kindle App plugin บน PC's chrome browser) เข้าไปสมัคร Cloud Kindle จะสามารถ download sample หรือ free e-book ได้ด้วย สมัครได้ที่ https://read.amazon.com/ ครับ ณ เวลาที่ผม post ตาม linkล่าง สามารถ load หนังสือฟรีเก็บไว้อ่านได้ โดยการเลือก Deliver to: Kindle Cloud Reader แล้วกด Buy now with 1-Click ต้องรีบหน่อยนะครับ ของฟรีมีแป๊บเดียว :D http://www.amazon.com/Benjamin-Franklins-Wealth-Brilliant-ebook/dp/B004G8QHR2/ref=sr_1_6?s=digital-text&ie=UTF8&qid=1332466844&sr=1-6 http://www.amazon.com/Sort-out-your-money-ebook/dp/B006YBRK3O/ref=pd_sim_kstore_1?ie=UTF8&m=A1EYFN0I6QSCA8 http://www.amazon.com/Make-Millions-Change-ebook/dp/B0031ESWBQ/ref=pd_sim_kstore_7?ie=UTF8&m=A1EYFN0I6QSCA8 http://www.amazon.com/Practical-Guide-Risk-Management-ebook/dp/B005EZIJ22/ref=pd_sim_kstore_45?ie=UTF8&m=A1EYFN0I6QSCA8 http://www.amazon.com/Ultimate-Estate-Investing-Blueprint-ebook/dp/B005LXVWPI/ref=pd_sim_kstore_86?ie=UTF8&m=A1EYFN0I6QSCA8 http://www.amazon.com/Investing-Made-Simple-Explained-ebook/dp/B004KA9RN2/ref=sr_1_18?s=digital-text&ie=UTF8&qid=1332467666&sr=1-18 โดย Pathfinder ศุกร์ มี.ค. 23, 2012 9:06 am

Re: EBITDA สำคัญอย่างไร ผมขอต่อภาคสองได้มั้ยครับ สมมติว่า ในแต่ละปี ลูกชายจะต้องใช้เงินสด เพื่อลงทุน ตกแต่ง ปรับสภาพให้ Apartment คงความสวยงาม ลูกค้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยค่าใช้จ่ายในการรักษาสภาพนี้ ปีละ 10,000 บาท นอกจากนี้ทุกๆ 5 ปี จะต้องมีการปรับปรุงครั้งใหญ่ ใช้งบลงทุน 50,000 บาท นั่นคือ ปีที่ 1 = 10000 ปีที่ 2 = 10000 ปีที่ 3 = 10000 ปีที่ 4 = 10000 ปีที่ 5 = 10000+50000 = 60000 รวมทุกๆ 5 ปี ต้องมีค่าใช้จ่ายลงทุนปรับปรุง Apartment 100,000 บาท ในขณะที่ EBITDA ปีละ 20,000 บาท >>> 5 ปี = 100,000 บาท เท่ากับว่าทำธุรกิจมา ก็ไม่ได้เงินสดคืนมาให้ตัวเองเลย อันนี้ผมยกตัวอย่างแบบหยาบๆไปหน่อยนะครับ เข้าใจว่าที่ Buffet จะสื่อ ก็คือ ควรดู FCF ดีกว่า EBITDA เพราะ EBITDA ละเลย ค่าใช้จ่ายงบลงทุน เพื่อให้กิจการยังคงสภาพเดิม หรือคงความสามารถในการแข่งขันได้ ยังไม่มีหนี้นี่นา...ดังนั้นนำเงินสะสมที่ได้จาก EBITDA จ่ายปันผลพิเศษออกมา และกู้เงินอีก 60,000 มาเพื่อไว้ปรับปรุงดีไหมครับ...ทำเหมือนบางบริษัท :mrgreen: โดย Pathfinder ศุกร์ ก.พ. 17, 2012 12:09 am

Re: ควันหลงงานเฮฮา q1/2555 สโมสรทหารบก. 11 กพ 2555 ไฟล์เสียงคุณ Chinn มีคำว่า interrupt เกิดจากอะไรคะ file ปกตินะครับ คุณ wanna ลองdownload ใหม่นะครับ อาจมีปัญหาระหว่าง download ก็ได้ โดย Pathfinder พุธ ก.พ. 15, 2012 9:23 pm

Re: ถ้าอยากจะดูกราฟ ราคาย้อนหลังจะสามารถเข้าดูยังไงอ่าครับ ถ้าดูไวๆไม่ต้อง login เว็ปโบรกใช้เว็ปนี้ก็ดีครับ มีทั้งกราฟและข่าวขึ้นมาพร้อมกันเลย http://jo.klongjan.com/ ยอดเยี่ยมครับ ดูกราฟแบบรวดเร็ว แถมมีข่าวด้วย โดย Pathfinder อังคาร ก.พ. 14, 2012 1:47 pm

Re: ซื้อหุ้นกันบ่อยแค่ไหนและทำอย่างไรกับเงินสดครับ?? เปิดบัญชีกับMe by TMB ไปเมื่อเดือนที่แล้วเค้าให้ 3.5% ไม่เลวเลยสำหรับเงินพักระหว่างรอ น่าสนใจเหมือนกันครับ ไม่ทราบว่าเค้าจะให้ดอกเบี้ยทุกกี่เดือนครับ Me by TMB จ่ายทุก 6 เดือน ถอนแบบไม่เสียค่าธรรมเนียมได้่เดือนละ 2 ครั้ง ถ้าได้รับดอกเบี้ยเกิน 20,000 จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ด้่วย มีข้อควรระวังเหมือนกันซึ่งผมได้ post ไว้ที่กระทู้นี้ครับ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=17&t=51123 โดย Pathfinder อังคาร ก.พ. 14, 2012 1:05 pm

Re: พักเงินในออมทรัพย์ ระวังเรื่องการหักภาษี ณ ที่จ่าย! ถึงดอกเบี้ยออมทรัพย์รวมกันไม่เกิน 20,000 บาทเช่น 19,999 บาท แต่ถ้าเรามีดอกเบี้ยเงินฝากประจำหรือดอกเบี้ยพันธบัตรอื่นอีก อย่างงี้เราต้องขอให้ธนาคารหัก ณ ที่จ่ายป่าวคับ คิดเฉพาะประเภทดอกเบี้ยออมทรัพย์ ไม่นำประเภทอื่นมารวมครับ (อ้างอิง http://www.rd.go.th/publish/3187.0.html ) โดย Pathfinder จันทร์ ก.พ. 13, 2012 8:30 pm

Re: ควันหลงงานเฮฮา q1/2555 สโมสรทหารบก. 11 กพ 2555 คุณ pathfinder ครับ อันนี้ มีแต่เนื้อๆเน้นๆ อย่างเดียวใช่ไหมครับ :P ใช่ครับ ผมตัดเหลือเฉพาะเนื้อหาเน้นๆของแต่ละช่วง...อาจมีบ้างที่เป็นการแซวแขกรับเชิญในช่วงท้ายของ file ซึ่งผมไม่ได้่ตัดออก...หากต้องการให้ตัดตรงไหนออก..บอกผมได้ครับเดี๋ยวผมตัดให้ :D โดย Pathfinder อาทิตย์ ก.พ. 12, 2012 2:44 pm

Re: ควันหลงงานเฮฮา q1/2555 สโมสรทหารบก. 11 กพ 2555 ต้องขอขอบคุณ ทั้งคุณ crazyrisk และทีมงานเบื้องหน้า และเบื้องหลัง และแขกรับเชิญทุกท่าน ที่ทำให้เกิดงานนี้ขึ้นมาอีกครั้งครับ และต้องขอชื่นชมว่างานนี้จัดได้ประทับใจมาก แต่ละช่วงของรายการอัดแน่นไปด้วยสาระและความรู้ บรรยากาศสนุกสนานเป็นกันเอง สถานที่ก็เดินทางสะดวก...วันนี้ได้พบกับ VI ในตำนานที่ผมชื่นชอบหลายท่านมาก รวมทั้งได้พบกับเพื่อนใหม่ที่มีแนวคิดชอบเรืืองการลงทุนเหมือนๆกัน เสียดายอยู่อย่างหนึ่งคือเวลาน้อยไปหน่อย ถ้าได้ซักสามวันสองคืนคงจะดีไม่ใช่น้อย :D ผมขออนุญาติ upload files เสียงที่ได้ทำการบันทึกไว้ให้เพื่อนได้ฟังหรือทบทวนกัน โดยแบ่งเป็น 5 files โดยมีลำดับตามช่วงเวลาของงานดังนี้ 1. พี่ Boo ประธานของเรา กล่าวเปิดงาน 2. อาจารย์ ดร. นิเวศน์ ตอบคำถามและแบ่งบันแนวคิดจากบทความที่ท่านเคยเขียนไว้ 3. คุณโจ ลูกอิสาน แบ่งปันแนวคิดและประสบการการในการลงทุน รวมถึงการตีแตกหุ้น 4. คุณหมอ Rieter แบ่งปันแนวคิดเรื่องแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยได้จากการสังเกตุและวิเคราะห์จากการที่ได้ไปอยู่ที่อเมริกา 5. คุณ Chinn เล่าถึงประวิติย่อของตัวเอง และแบ่งปันแนวคิดและประสบการการในการลงทุน รวมถึงการตีแตกหุ้น เข้าไป download ได้ที่นี่ครับ http://www.mediafire.com/?m1q7xwx8v20if โดย Pathfinder อาทิตย์ ก.พ. 12, 2012 2:30 pm

Re: ควันหลงงานเฮฮา q1/2555 สโมสรทหารบก. 11 กพ 2555 ... -ใครมี clip อะไร ก้อมาฝากในนี้ได้เลยนะครับ ... ขอด้วยครับ ในนี้ไม่ได้ pm มาก็ได้ครับ :ep: :ep: เห็นมีคนอัดเสียงอยู่ครับ เผอิญ ผมไม่ใช่เจ้าของไฟล์ เลยต้องขอรบกวน ใครมีไฟล์ก็มาแบ่งเพื่อนๆได้นะครับ ผมตัดต่อเรียบร้อย แต่ใช้เวลา upload นานหน่อย เสร็จเมื่อไรจะเอา link มาแชร์ครับ โดย Pathfinder อาทิตย์ ก.พ. 12, 2012 1:00 pm

Re: พักเงินในออมทรัพย์ ระวังเรื่องการหักภาษี ณ ที่จ่าย! เข้าใจว่านั่นเป็นผลตอบแทน หลังจากการหักค่าธรรมเนียมไปแล้วครับ ถ้าได้เท่านี้ก็ดีเลยครับ หลังจากออกจากดอกเบี้ย 3.5% แล้วเหมาะที่จะย้ายเข้าไป สมมติว่า ปันผลรวมเครดิตปันผลแล้ว 150,000 บาท เป็นรายได้ไม่เสียภาษีเลยซักบาท แต่ถ้ามีดอกเบี้ยอีกซัก 30,000 บาท กลายเป็น 180,000 ต้องเสียภาษี 3,000 บาทแทน ถ้าปล่อยให้หัก 15% ไปแบบไม่เอาคืนเท่ากับเสียภาษี 4,500 บาท อ้อเข้าใจล่ะครับ...option ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคนจะต่างกันไป ถ้าฐานภาษีสูงกว่า 15% เช่นทำงานประจำด้วย การปล่อยให้เป็น final tax จะคุ้มกว่า ถ้้าทำแบบนี้ สู้ฝากออมทรัพย์ให้ไม่ได้ดอกเบี้ยไม่เกิน 20,000 แล้วที่เหลือไปซื้อกองทุนรวมเลยดีกว่า ใช่ไหมครับ ใช่ครับ อย่างน้อยวิธีนี้จะได้ส่วนต่างจากดอกเบี้ยเพิ่มมาอีกหน่อย โดย Pathfinder เสาร์ ก.พ. 11, 2012 1:10 am

Re: พักเงินในออมทรัพย์ ระวังเรื่องการหักภาษี ณ ที่จ่าย! ลองดู ทหารไทยธนพลัส ผลตอบแทน 3 เดือนย้อนหลังก็ประมาณ 3% ครับ http://www.tmbam.com/v2/th/pricesPerfor ... p?accept=1 น่าจะยุ่งยากน้อยกว่าการไปฝากออมทรัพย์ เยอะจนได้ดอกเบี้ยเกิน 20,000 ในระดับที่ต้องจ่ายภาษีครับ ผลตอบแทนใกล้เคียงกันครับ เพราะถ้า 3.5% โดนหัก 15% ก็เหลือแค่ 2.975% ครับ แล้วยังไปเบียดเบียนส่วนของเครดิตปันผลที่อาจจะได้จากหุ้นอีก จาก link ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนของกองทุนเปิดทหารไทยธนพลัสได้ 3.06% น่าสนใจครับ แต่ยังต้องถูกหักค่าธรรมเนียมอีก 0.4% ใช่ไหมครับ? และที่บอกว่าไปเบียดเบียนส่วนของเครดิตปันผลที่อาจจะได้จากหุ้น นี่หมายถึงอะไรครับ? ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ :D โดย Pathfinder ศุกร์ ก.พ. 10, 2012 10:10 pm

Re: เป้าหมายที่เหนื่อยหนัก/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เราลงทุนแนน VI เพื่ออะไร เราเอาผลตอบแทนมากมายไปเพื่ออะไร เราลงทุนเพื่อเกิดความมั่งคั่งเพื่อวันนึงเราจะได้ชีวิตที่มีทั้งอิรรภาพทางการเงิน เวลา และเพียบพร้อมด้วยความสุข แล้วทำไม ไม่ลงทุนแบบมีความสุขณ ตั้งแต่ขณะนี้ไปจนถึงวันข้างหน้า ชอบจริงๆครับ เอาไว้คอยเตือนตัวเอง :D โดย Pathfinder ศุกร์ ก.พ. 10, 2012 9:21 pm

Re: พักเงินในออมทรัพย์ ระวังเรื่องการหักภาษี ณ ที่จ่าย! ด้วยความหลากหลายของกองทุนรวมประเภท Money Market Fund, Bond Fund อย่างปัจจุบัน ผมไม่เห็นสาเหตุของการเก็บเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์ จนได้ดอกเบี้ยถึง 20,000 บาท จากบัญชีออมทรัพย์เลยครับ อยากทำ Asset Allocation เอาเงินไปเก็บไว้ใน MMF ดีกว่า ได้ดอกเบี้ยเยอะกว่า และเรารู้ว่ากองทุนเอาเงินไปลงทุนในอะไร ปลอดภัยกว่าเอาเงินไป"ฝาก"ธนาคารอีกครับ ผมเคยพักเงินไว้ในกองทุนเหมือนกันครับ จนกระทั้งมีเงินฝากแบบไม่ประจำของ TMB 2.5% และล่าสุด ME by TMB 3.5% ออกมา ผมจึงเปลี่ยนออกมาพักไว้ที่บัญชีเงินฝากเหล่านี้บางช่วงเวลา ผมมีเหตุผลดังนี้ครับ 1. จากที่ผมดูผลตอบแทนย้อนหลังกองทุนเปิด(แบบขายได้ทุกวัน) ทั้งตลาดเงินกับตราสารหนี้ในประเทศ (ดูแบบผ่านๆ) ผมคิดว่าน้อยกอง(ไม่แน่ใจว่ามีหรือเปล่า)ที่ได้ผลตอบแทน 3.5% และกองที่ผมพักประจำก็ทำได้แค่สูงสุดไม่เกิน 1.x% เท่านั้น 2. เท่าที่สังเกตดู performance trend ของกองทุนเหล่านี้จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ (และไม่แน่ใจว่า Top 5 จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆด้วยหรือเปล่า) และผมไม่รู้กองใดจะได้ผลตอบแทนสูงๆเป็นกองต่อไป ผมจึงเลือกแบบชัวร์ๆ 3.5% ไว้ก่อนน่ะครับ อยากได้คำแนะนำในการเลือกกองทุนจากคุณ simplelife เหมือนกัน เพราะผมใ้ช้วิธีนี้แบบชั่วคราว สุดท้ายถ้ายังไม่ได้ซื้่อหุ้นก็ต้องโยกออกไปกองทุนเหมือนเดิม หรือถ้าหาผลตอบซัก 3% จากกองทุนไม่ได้ ก็จะพักไว้ที่บัญชีเงินฝากนี้เหมือนเดิมและยอมถูกหักภาษี 15% ซึ่งเท่ากับว่าได้ผลตอบดอกเบี้ยหลังหักภาษี 2.975% ครับ โดย Pathfinder พฤหัสฯ. ก.พ. 09, 2012 11:35 am

Re: พักเงินในออมทรัพย์ ระวังเรื่องการหักภาษี ณ ที่จ่าย! ของผมเคยเกิน 20,000 ถ้ารวมกันหลายแบงค์เหมือนกันคับ..ผมเคยทักท้วงให้ธนาคารหัก ณ ที่จ่ายกรณีนี้เหมือนกันคับ แต่ในทางปฏิบัติพนักงานธนาคารไม่ยอมหัก ณ ที่จ่ายให้ กรณีของคุณ rakoilnaka คือไปแจ้งธนาคารให้หักภาษีหลังจากได้ดอกเบี้ยมาแล้วหรือเปล่าครับ ธนาคารจึงไม่ยอมหักให้? ผมเข้าใจว่าเราจะต้องแจ้งให้ธนาคารหักภาษีไว้ ก่อนที่ธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยให้เราครับ ซึ่งธนาคารก็ไม่ควรที่จะปฏิเสธเราด้วย ข้อมูลจากประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้(ฉบับที่ 55) ก็ระบุว่าให้เราแ้จ้งธนาคารได้ครับ ข้อ 5 “กรณีผู้มีเงินได้ได้รับดอกเบี้ยเงินฝากตามข้อ ๒ จากทุกธนาคารรวมกัน มีจำนวนทั้งสิ้นเกิน ๒๐,๐๐๐ บาท ตลอดปีภาษีนั้น ให้แจ้งแก่ธนาคารผู้จ่ายดอกเบี้ยดังกล่าว เพื่อหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และนำส่งตามมาตรา ๕๐ (๒) และมาตรา ๕๒ แห่งประมวลรัษฎากร เว้นแต่ธนาคารผู้จ่ายดอกเบี้ยแต่ละแห่งได้จ่ายดอกเบี้ยเงินฝากดังกล่าวมีจำนวนรวมกันทั้งสิ้นเกิน ๒๐,๐๐๐ บาท ตลอดปีภาษีนั้นให้ธนาคารผู้จ่ายดอกเบี้ยเงินฝากนั้นหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และนำส่งตามมาตรา ๕๐ (๒) และมาตรา ๕๒ แห่งประมวลรัษฎากร” (อ้างอิง http://www.rd.go.th/publish/3187.0.html) เนื่องจากผมไม่เคยแจ้งธนาคารเหมือนกัน เพราะผมวางแผนไว้ว่าจะรับดอกเบี้ยไม่เกิน 20,000 จึงไม่ทราบว่าในทางปฏิบัติเป็นอย่างไร แต่ผมเคยสอบ ME by TMB ผ่านทาง facebook ก็ได้รับคำตอบว่าเราสามารถแจ้งให้ธนาคารหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ครับ โดย Pathfinder เสาร์ ก.พ. 04, 2012 12:51 am

Re: คุณเริมใช้ margin กันเมื่อไหร่ครับ? ขอเรียนรู้ไว้ก่อน ถ้าไม่รู้และไม่เข้าใจจริงไม่ใช่แน่ :mrgreen: โดย Pathfinder อังคาร ม.ค. 31, 2012 12:11 am

Re: มีใครเคยซื้อหุ้นโดยโอนจาก KECASH (กิมเอ็ง) บ้าง เคยเปิดแต่ Stock2Fund ของกสิกรครับ แต่ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไร ผมเข้าใจว่าหลักการเดียวกัน...ผมคิดว่าถ้าซื้อขายบ่อย หรือพักเงินไม่นาน วิธีนี้จะสะดวกดีและคิดว่าได้ผลตอบแทนของการพักเงินใน KECASH ดีกว่าการพักเงินในบัญชีออมทรัพย์ แต่ถ้าต้องพักเงินนานๆเนื่องจากยังหาหุ้นไม่ได้ ก็ต้องพิจารณากันเป็นกรณีไปครับ ถ้าีมีทางเลือกที่ดีกว่า KECASH ยอมเสียเวลาไม่มากนักทำแบบ manual แล้วนำเงินไปพักไว้ที่ผลตอบแทนสูงกว่าจะดีกว่า โดย Pathfinder อังคาร ม.ค. 31, 2012 12:01 am

Re: แนะนำ blog ครับ ผม add ไว้ใน Google Readerแล้ว และจะติดตามอ่านอย่างสม่ำเสมอ เอาใจช่วย และขอบคุณสำหรับบทความดีีๆครับ :D โดย Pathfinder ศุกร์ ม.ค. 13, 2012 9:16 am

Re: คาใจ ? ลืมให้ credit ที่มาครับ http://www.investinvalue.com/index.php โดย Pathfinder อังคาร พ.ย. 29, 2011 8:33 pm

Re: คาใจ ? ดูภาพประกอบช่วยให้เข้าใจได้ไม่น้อยครับ โดย Pathfinder อังคาร พ.ย. 29, 2011 8:32 pm

Re: อยากถามเรื่อง EBITDAอะครับ แยกความหมายของ EBITDA, gross profit margin, net profit margin ไม่ออกอ่ะครับ = = ดูจากรูปประกอบนะครับ EBITDA = EBIT + Depreciation and amortization ... บอกกำำไรที่ได้ก่อนหักค่าต่างๆตามสูตร Gross Profit Margin = (Sales Revenue - Cost of goods sold)/ Sales Revenue ... บอกความสามารถในการบริหารต้นทุนขายว่าทำได้ดีมากน้อยอย่างไร Net Profit Margin = Net Income/ Sales Revenue.. บอกความสามารถในการทำกำไรของบริษัท อ้างอิง http://en.wikipedia.org/wiki/Earnings_before_interest_and_taxes http://www.investopedia.com/articles/fundamental/04/042804.asp โดย Pathfinder พุธ พ.ย. 09, 2011 11:58 pm

Re: บริษัทจดทะเบียนดูแลพนักงานในช่วงน้ำท่วมอย่างไงบ้าง ได้ยินมาว่า ฃบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือแห่งหนึ่งได้ช่วยเหลือพนักดังนี้ครับ - ทำประกันที่ัพักอาศัยให้พนักงานตั้งแต่ก่อนน้ำท่วมวงเงิน 100,000 บาท - อนุญาติให้พนักงานทำงานที่บ้าน - ถ้ากระทบมาก ให้ลากิจ ลาัพักร้อน และ Leave without pay ได้ตามลำดับ - จัดสถานที่บริเวณสำนักงาน ต่างๆพร้อมอาหารให้พนักงาน และครอบครัวที่บ้่านถูกน้ำท่วม - จัดหาโรงแรมใกล้เคียงสำนักงานให้พนักงาน สำหรับพนักงานที่จำเป็นต้องทำงานใน Office - ช่วยค่าใช้จ่ายสำหรับที่พักในกรณีอพยพ 5,000 - 10,000 บาท - ช่วยเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย 2 ปี จำนวนหนึ่งเพื่อซ่อมแซมบ้าน - จอดรถฟรีที่สำนักงานจำนวนหนึ่ง (บริษัทต้องจ่ายเงินให้) - สายด่วนให้ความช่วยเหลือ โดย Pathfinder อังคาร พ.ย. 08, 2011 8:02 am

Re: การประเมินมูลค่าหุ้น การประเมินมูลค่าหุ้นมีหลายวิธี มีแนวคิด ข้อดี ข้อด้อย และความเหมาะสมที่แตกต่างกัน ส่วนสาเหตุที่แต่ละคนประเมินออกไม่เท่ากัน ก็เพราะคนเราต่างกัน ทั้งความรู้ ประสบการณ์ เป้าหมาย และที่สำคัญการประเมินนั้นมันมีตัวแปรที่เป็นนามธรรม (จับต้องไม่ได้) เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แนะนำให้อ่านหนังสือ "วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวคุณเอง" ตามที่คุณ kotaro แนะนำครับ :D โดย Pathfinder อังคาร พ.ย. 08, 2011 12:47 am

Re: สอนงบมือใหม่คับ เด็ดๆทั้งนั้น ขอบคุณครับ โดย Pathfinder จันทร์ ต.ค. 24, 2011 11:52 am

Re: ขอทางสว่างล้านแรก มือใหม่ ตั้งเป้าแล้วเริ่มได้เลยครับ โดยเริ่มจากลุยหาความรู้ควบคู่กับวางกลยุทธ์ไปให้ถึงเป้าหมาย นอกจากอ่านกระทู้ให้ได้ความรู้แล้ว การ Post บ่อยๆจะเป็นตัวช่วยตอกย้ำในสิ่งที่เราได้เรียนรู้ให้เราเข้าใจมากยิ่งขึ้น เข้ามาที่นี่ผมมั่นใจว่ามาถูกทางแล้วครับ มีคนเก่งมากมาย สงสัยอะไรก็ไ้ด้คำตอบ ถามกว้่างก็ได้คำตอบกว้าง ถามด้วยคำถามลึกก็ได้คำตอบลึก ผมเป็นสมาชิกเก่าแต่มือใหม่ในเรื่องลงทุนเหมือนกัน มีเป้าหมายคล้ายๆกัน สู้ๆ ครับ โดย Pathfinder พฤหัสฯ. ต.ค. 13, 2011 7:40 pm

Re: ROAกับROC คือตัวเดียวกันหรือเปล่าครับ คอดีอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง บอกว่า อัตราส่วนผลตอบแทนต่อเงินทุน(return on capital)(roc)=กำไรสุทธิหารด้วยเงินทุนตอนต้นปี (ส่วนของผู้ถือหุ้นบวกหนี้สิน) แล้วเงินทุนตอนต้นปีนี่คือ อย่างไรครับ สมมติกำไรสุทธิปี53หารด้วยส่วนของผู้ถือหุ้นบวกหนี้สินตอนสิ้นปี52อย่างนี้ถูกไหมครับ ถ้า ROC ในที่นี้หมายถึง ROIC (Return on Invested Capital) จะคนละตัวกันกับ ROA ครับ และผมเข้าใจว่าการการคำนวณไม่ได้ใช้หนี้สิ้นรวมตอนสิ้นปี สูตร ROIC จะเป็นการหาผลตอบแทนของเงินลงทุน ซึ่งทุนในเรื่องต้นทุนทางการเงินนี้จะหมายถึุงส่วนของผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ (ที่บริษัทต้องจ่ายดอกเบี้ย)...ดังนั้นถ้าจะใช้หนี้สินรวมในการคิดจะต้องหักพวกเจ้าหนี้การค้าที่ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยออกด้วย....เหลือแต่หนี้ที่อยู่ในโครงสร้างทุนของบริษัทเท่านั้นครับ...ส่วนตัวตั้งควรจะใช้ NOPAT ซึ่งยังไม่หักดอกเบี้ยออก มาเป็นตัวตั้ง มากกว่าใช้กำไรสุทธิ หมายเหตุ..เนื่องจากผมเพิ่งเริ่มศึกษาัเรื่องนี้เหมือนกัน..ผิดถูกอย่างไรรบกวนเพื่อนๆแนะนำด้วยครับ credit จาก http://www.facebook.com/note.php?note_id=219175901440594 ROIC = NOPAT/Invested Capital สาเหตุที่ใช้ NOPAT ไม่ใช้ Net Icome เพราะว่าตัวส่วนเป็น Invested Capital ซึ่งเป็นเงินลงทุนของผู้ลงทุนทั้งสองกลุ่ม ดังนั้นกำไรที่ใช้ควรเป็นกำไรก่อนที่จะจ่ายดอกเบี้ยออกไป NOPAT = EBIT*(1-Tax) Invested Capital หลักๆคิดว่าหาได้ 3 วิธี 1.เอา Equity+Debt โดย Debt ในที่นี้ไม่ใช่ Liability (เพราะจะไม่รวม เจ้าหนี้การค้าและค่าใช้จ่ายค้างจ่าย)...แต่จะหมายถึงเงินที่มาจากผู้ให้กู้ เช่น กู้แบงค์ ออกตราสารหนี้ ออก Note Payable...โดยหากสังเกตุ มันคือ หนี้ที่มีดอกเบี้ย ครับ 2.เอา สินทรัพย์ทั้งหมด- หนี้ระยะสั้นที่ไม่มีดอกเบี้ย...เช่น เจ้าหนี้การค้าและค่าใช้จ่ายค้างจ่ายครับ 3.เอา Equity+(สินทรัพย์ระยะสั้น-หนี้ระยะสั้นที่ไม่มีดอกเบี้ย) โดย Pathfinder พุธ ต.ค. 12, 2011 10:40 pm

Re: สัญญาณเตือนภัยในงบการเงิน เนื่องจากการที่การค้นพบการทุจริตด้านการเงิน หรือด้านบริหาร มักจะทำได้ยากและอาจไม่ทันการ กว่าจะค้นพบราคาหุ้นได้ตกลงไปมากแล้ว เนื่องจากนักลงทุนจะรู้ตัวเลขหรืองบการเงินช้ากว่าผู้บริหาร เพราะฉะนั้นเราจะต้องให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ และค้นหาสัญญาณเตือนภัย ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของกิจการที่จะเกิดขึ้นตามมา ซึ่งอาจจะยังไม่ได้มีการสะท้อนเข้าไปในราคาหลักทรัพย์ของกิจการนั้น หรืออาจจะไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากตัววัดผลการดำเนินงาน หรือตัววัดฐานะการเงินที่สำคัญๆ ขอบคุณครับ ผมกำลังต้องการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสัญญาณต่างๆในงบการเงิน เพื่อมาทำ checklist ในการวิเคราะห์กรองหุ้นอยู่พอดี ผมจึงคิดว่่าความสามารถในการตรวจจับสัญญาณต่างๆในงบการเงิน ทั้งสัญญานบวกและสัญญาณลบมีความสำคัญเป็นอย่างมาก จะทำให้เราเห็นโอกาสและความเสี่ยงก่อนคนทั่วไป ถือเป็น success factor ตัวสำคัญของนักลงทุน โดย Pathfinder พุธ ต.ค. 12, 2011 9:36 pm

Re: เผื่อใครยังไม่ได้ดู สุดยอดครับ ขอแสดงความนับถือ โดย Pathfinder พุธ ต.ค. 12, 2011 8:42 pm

Re: ใช้จังหวะและพื้นฐานดีกว่า แนวคิดหรือเครื่องมือแต่ละตัวอาจจะมีวัตถุประสงค์ จุดเด่น และจุดด้อยที่แตกต่างกัน ผมคิดว่าการผสมผสานก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ การมีเครื่องมือเยอะก็เหมือนติดอาวุธครบมือทำให้เราสามารถวางกลยุทธ์ได้หลากหลายมากขึ้น แต่เราจะต้องรู้จริงในเครื่องมือที่เราใช้นะครับ ไม่อย่างนั้นถือว่าเป็นความเสี่ยง! ส่วนตัวผมตอนนี้ขอใช้เรื่องปัจจัยพื้นฐานเป็นแนวคิดหลัก เพราะเป็นเรื่องที่ผมสามารถหยิบฉวยได้สะดวกที่สุดไปก่อน และจะไม่พยายามหาจังหวะการซื้อขายบ่อย คิดว่าการซื้ออาจมีหลาย step แต่ใ้ช้แค่วิธี Dollar Cost Average ไปยัง MOS ที่ต้องการ ส่วนการป้องกันความเสี่ยงของ Port ในกรณีที่ตลาดตกลงมากๆ การใช้ SET50 Option ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ (แต่ยังใช้ไม่เป็น) โดย Pathfinder พุธ ต.ค. 12, 2011 8:58 am

Re: ควรให้บริษัทหยุดทำงานหรือไม่ ถ้าบริษัทอยู่ในจุดทีมีความเสี่ยงผมก็จะสั่งให้หยุดครับ...เดี๋ยวได้จะไม่คุ้มกับเสีย...แต่ถ้าความเสี่ยงน้อยก็ต้องดูเป็นกรณีไป อย่างบริษัทที่ผมทำอยู่ถือว่าอยู่ในจุดที่มีความเสี่ยงไม่มาก บริษัทจึงไม่ได้ประกาศให้หยุด..แต่ผู้บริหารได้ประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่าให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของพนักงานและครอบครัวเป็นอันดับแรก พนักงานสามารถคุยกับหัวหน้างานเพื่อขอทำงานที่บ้านได้ (ได้ยินแล้วประทับใจ)....แต่ผมก็ยังเห็นคนที่ผมรู้จักใน office ยังนั่งทำงานกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา มีบางคนที่น้ำท่วมบ้านจริงๆ ก็จะขอลาไปจัดการกับเรื่องที่บ้าน โดย Pathfinder พุธ ต.ค. 12, 2011 8:19 am

Re: หุ้นที่ดูย้อนหลังห้าปีขายไม่ต่ำกว่าBVถือเป็นหุ้นดีมัย้คร ผมให้เหตุผลว่าของดีมีแต่คนอยากได้ครับ เลยให้เหตุผลว่าหุ้นที่ดีไม่น่าจะขายเกินหรือต่ำกว่า BV ยกตัวอย่างptt cpall ห้าปีย้อนหลังไม่มีขายต่ำกว่าBVเลยครับ ประมาณว่าเราใช้ตลาดเป็นตัวตัดสินอ่ะครับ ผมคิดว่าตลาดน่าจะมีเหตุผลบ้าง ุผมคิดว่าการกรองหรือเลือกหุ้นโดยใช้เงื่อนไข BV และ P/E สูงนั้นมีเสี่ยงตรงที่การเข้าซื้อซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะซื้อของแพงและอาจขาดทุนสูงในกรณีที่ตลาด crash ถึงแม้มองว่าเป็นการลงทุนระยะยาวแต่การที่ซื้อของแพงก็จะทำให้ performance ของ Port ไม่น่าจะดีมากนักเมื่อเทียบกับแนวคิดเรื่องการซื้อของดีที่ราคาถูก แต่ถ้าคุณ cyber-shot มั่นใจในแนวคิดนี้ อาจลองทำการทดสอบจากข้อมูลย้อนหลัวดูได้ครับ ไม่แน่ว่าอาจจะเจอสิ่งที่คาดไม่ถึงซ่อนอยู่ก็ได้ครับ มีอีกแนวคิดหนึ่งที่อาจเอาไปต่อยอดได้คือการกรองหุ้นโดยใช้ Magic Formula ซึ่งเป็นแนวคิดการซื้อของดีและราคาถูกในช่วงเวลานั้นๆ โดยอาจารย์ไพบูลย์และทีมงานทำการวิจัยและทดสอบข้อมูลในอดีต และได้ผลออกมาสุดยอดมาก เงื่อนไขที่ใช้กรองหุ้นคือ P/E ≤ 10, P/BV ≤ 1, D/Y ≥ 3%, ROE ≥ 15% และ Ranking ของ P/Eต่ำสุด กับ ROE สูงสุด สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้นี่ครับ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=46129 http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=35&t=32021&start=210 http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=7&t=46163 โดย Pathfinder อังคาร ต.ค. 11, 2011 9:47 pm

Re: น้ำท่วมกดดัน บริษัท หรือ sector ไหนบ้าง ภาคเกษตร-นิคมอุตฯ เสียหาย 6-8 หมื่นล้าน หรือ 0.6-0.8% ของ GDP จาก http://www.thairath.co.th/content/eco/208187 โดย Pathfinder อังคาร ต.ค. 11, 2011 8:55 pm

Re: สิ่งที่ผม สงสัยมาตลอดกับ tfex การใช้ Tfex ที่ถูกต้องคือการ hedging systematic risk ครับ ปกติหุ้น 1 ตัว จะประกอบด้วย systematic risk (Market Risk)+ Idiosyncratic Risk (ความเสี่ยงของตัวกิจการเอง) ดังนั้นการใช้ Tfex ก็เหมือนการ hedge market risk ให้หมดไป ส่วนจะใช้เท่าไรจริงๆ แล้วมีสูตรคำนวณเทียบกับ Port size ลองหาอ่านใน Google ดูน๊ะครับ ถ้าอธิบายในนี้จะยาว เพราะมีเรื่องพวก Beta ของ Port เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่โดยหลักก็เหมือนที่เพื่อนบอกล่ะครับ ว่าถ้าเราคิดว่ากิจการที่เราถือมีความมั่นคง เราก็ hedge tfex ให้ cover port position ทีนี้ Market Risk ที่เกิดจาก Set ลงก็จะหายไป เหลือแต่ความเสี่ยงของตัวกิจการ พอ Set ลง ขาดทุนในหุ้นก็จะ cover กับที่เรา short tfex ไว้ ประมาณนี้ครับ ผมค้่นเจอหนึ่งตัวอย่างเป็นการใช้ Future มา Lock ผลตอบแทนของเงินปันผล http://www.investorchart.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538616618&Ntype=4 แต่การใช้วิธีนี้ Port ลงทุนจะต้องตั้งอยู่บนเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อตามที่กำหนดไว้ - วิเคราะห์อัตราการจ่ายปันผลย้อนหลังในอดีตที่ผ่านมา อย่างน้อย 3 ปี ว่ามีการจ่ายปันผลในอัตราส่วน คงที่ และสม่ำเสมอหรือไม่ - มีผลประกอบการ ที่ไม่มีการปรับตัวลงอย่างมีนัยยะสำคัญ หรือ ต้องไม่มีแนวโน้มที่ผลประกอบการจะถดถอย เพราะจะมีผลต่อเงินปันผลในอนาคต - ต้องเป็นหุ้นขนาดกลางหรือใหญ่ที่อยู่ใน SET100 ดังนั้นจึงจะมีการเปลี่ยนแปลงราคาใกล้เคียงกับ SET index หรือ SET50 ผมคิดว่าถ้าขาดข้อใดข้อหนึ่งก็จะทำให้วิธีการนี้มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้ผลลัพธ์ตามแผนการขึ้นมาทันที ส่วน Beta ของ Port เขาจะใช้สมมุติฐานแทนว่าการเลือกหุ้นอยู่ใน SET100 เปลี่ยนแปลงราคาใกล้เคียงกับ SET index ...ซึ่งก็เป็นความเสี่ยงอีกเรื่องหนึ่งเพราะถ้าเลือกหุ้นไม่ดี Port ตกลงมากกว่า SET แล้ว Future ที่ short ไว้ อาจจะไม่สามารถ cover ผลการขาดทุนได้ โดย Pathfinder อังคาร ต.ค. 11, 2011 7:44 am

Re: สิ่งที่ผม สงสัยมาตลอดกับ tfex สิ่งที่ผมสนใจใน TFEX คือการนำไปใช้จำกัดความเสี่ยง หรือการ Lock ผลกำไรครับ เช่นถ้ามีหุ้นอยู่แต่กลัวว่า SET ลง แล้วกำไรเราจะหายตาม SET ไปด้วย...แต่ถ้าจะให้ขายหุ้นก็ไม่อยากขาย เดี๋ยว SET กลับมาซื้อไม่ทันจะตกรถได้...อีกทั้งช่วงที่ขายหุ้นไปเงินที่ถือไว้ก็ไม่ได้ผลตอบแทน ผมคิดว่าน่าจะเหมาะกับหุ้นที่แกร่ง เมื่อ SETลงก็ลงน้อยกว่า แต่ถ้า SET ขึ้นจะขึ้นมากกว่า SETมากๆ.....แต่คงไม่ง่าย...ต้่องขอศึกษาให้ลึกซึ้งก่อนใช้ :D โดย Pathfinder จันทร์ ต.ค. 10, 2011 11:32 pm

Re: จุดสังเกต ‘งบการเงิน’ : มนตรี นิพิฐวิทยา ไม่ค่อยเข้าใจครับ จากบทความ 3.1.2 รายได้จากการฝากขายบันทึกรับรู้ เมื่อได้รับการชำระเงิน ย่อหน้าต่อมา เรื่องของเรื่อง คือ บริษัทเร่งรับรู้รายได้จากการฝากขาย ทั้งๆที่ยังไม่ได้รับชำระเงิน เป็นจำนวนมากทั้ง 2 ไตรมาส ในเมื่อยังไม่ได้ชำระเงิน แล้วทำไมรับรู้รายได้ได้ครับ ในเมื่อ สรุปนโยบายการบัญชีที่สำคัญ บอกไว้ว่าต้อง ชำระก่อน งงครับ :D อธิบายให้ฟังหน่อยครับ นโยบายการบัญชีนี้เป็นนโยบายของ Q3 ครับ (ผมเข้าใจว่าถูกแก้ไขหลังจากที่ผู้ตรวจสอบบัญตรวจพบความผิดปกติ) ส่วนการรับรู้รายได้ทั้งสอง Q ก็เป็นไปตามนโยบายทางบัญชีที่กำหนดไว้เพราะถ้าไปดูงบของ Q2 (Q1 ก็แบบเดียวกัน) จะมีนโยบายการบัญชีดังนี้ 3. สรุปนโยบายการบัญชีที่สำคัญ บริษัทได้ใช้นโยบายบัญชีและวิธีการคำนวณในงบการเงินระหว่างกาลเช่นเดียวกับที่ใช้ในงบการเงินสำหรับปี 2544 และในปี 2545 บริษัทรับรู้รายได้จากการขายสินค้าสุทธิจากค่าเผื่อสินค้ารับคืนและ รับรู้รายได้จากการฝากขายเมื่อผู้รับฝาก ขายสินค้านั้นให้บุคคลที่สาม ผมเข้าใจว่าหลังจากที่ผู้ตรวจสอบตรวจพบความผิดปกติแล้วจึงได้แก้ไขงบการเงินของ Q3 โดยมีข้อมูลสำคัญที่เกิดขึ้นคือ 3.1 บริษัทบันทึกรับรู้รายได้ดังนี้ 3.1.1 รายได้จาการขายบันทึกรับรู้ เมื่อส่งมอบสินค้า 3.1.2 รายได้จาการฝากขายบันทึกรับรู้ เมื่อได้รับชำระเงิน 3.2 บริษัทตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ เป็นจำนวนเท่ากับผลขาดทุนโดยประมาณที่อาจขึ้นจากการเก็บเงินจากลูกหนี้ไม่ได้ และต่อด้วย 14. การจัดทำงบการเงินใหม่ บริษัทได้มีการแก้ไขงบการเงิน สำหรับงวดสามเดือนและเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2545 ใหม่ เนื่องจากผู้สอบบัญชีพบเหตุการณ์บางประการที่ทำให้เชื่อว่างบการเงินสำหรับงวดสามเดือนและเก้าเดือนสิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2545 ที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมกรรมการครั้งที่ 7/2545 เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2545 ได้ปฏิบัติต่อเนื่องจากงวดก่อนแต่ ไม่สอดคล้องกับวิธีอันควรตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปในเรื่องนโยบายบัญชีการรับรู้รายได้ และการประมาณการค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ บริษัทจึงได้แก้ไขปรับปรุงงบการเงินตามที่กล่าวใหม่ เจอไป 2 ข้อนี้..พอประกาศงบการเงิน Q3 (ฉบับตรวจสอบแล้ว) ที่เปลี่ยนจากกำไรตามที่ผู้บริหารได้ออกข่าวก่อนหน้านั้น....เป็นขาดทุนทันที!...ทำให้ซากแมงเม่ากองเกลื่อนไปทั่วตลาดหลักทรัพย์ตามที่คุณมนตีเขียนไว้ครับ สุดท้ายเมื่องานเลี้ยงเลิกลา.... ผู้ตรวจสอบบัญชีได้ทำตามหน้าที่ (เอาเมื่อตอน Q3) ผู้บริหารถูกสั่งห้ามเป็นผู้บริหารหรือกรรมการในบริษัทจดทะเบียนเป็นเวลา 10 ปี คนที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหารที่ขายหุ้นช่วงสร้างราคา...คงรวยไปตามๆกัน แมงเม่า...ขาดทุนยับ...ตายตอนจบเหมือนทุกเรื่องที่เคยเกิดขึ้น โดย Pathfinder จันทร์ ต.ค. 10, 2011 11:14 pm

Re: สิ่งที่ผม สงสัยมาตลอดกับ tfex การพิจารณา Derivatives ให้รอบด้านเป็นสิ่งที่พึงกระทำ ตัวอย่างการ Short Options (หนึ่งในสินค้าของ TFEX) หุ้น A มีราคา ณ ปัจจุบัน = 100 บาทต่อหุ้น นักลงทุน ก คำนวณราคาที่เหมาะสมของหุ้น A พร้อม MOS ได้ที่ 70 บาท นักลงทุน ก จึงทำการ Short Put Options หุ้น A ที่ 70 บาทเป็นจำนวน 1,000 หุ้น ได้รับพรีเมี่ยมมา = 2,500 บาท(ตัวเลขสมมติ) เมื่อครบกำหนดอายุสัญญาจะเกิดเหตุได้ 2 กรณี 1. หุ้น A ราคาสูงกว่าหรือเท่ากับ 70 บาท --> นักลงทุน ก ไม่ต้องทำตามสัญญา และเก็บพรีเมียมไปเป็นผลตอบแทนรวม 2. หุ้น A ราคาต่ำกว่า 70 บาท --> นักลงทุน ก จะต้องซื้อหุ้น A เป็นจำนวน 1,000 หุ้นที่ราคา 70 บาท ซึ่งก็เป็นราคาที่นักลงทุน ก ตั้งใจที่จะซื้ออยู่แล้ว และยังมีพรีเมี่ยมบวกเข้ามาเป็นผลตอบแทนด้วย ถ้าพิจารณาตามตัวอย่าง จะเห็นว่า Derivatives ไม่ได้เป็นการพนันเสมอไปนะครับ :) เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจมากครับได้ทั้งค่าพรีเมี่ยม ได้ทั้งหุ้นที่มี MOS :D แต่ TFEX จะมี Single Stock Option เมื่อไรไม่รู้? โดย Pathfinder จันทร์ ต.ค. 10, 2011 5:48 pm

Re: อยากให้เพื่อนๆแบ่งปันเืทคนิคการเรียนรู้ และตกผลึกความคิด จัดให้ครับ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=35&t=11555 ลายเเทงสมบัติส่วนมากอยู่ในคลังกระทู้คุณค่า ไม่ใช่ในร้อยคนร้อยหุ้นครับ :D เป็นลายแทงที่ทรงคุณค่ามาก ขอบคุณครับ :D โดย Pathfinder จันทร์ ต.ค. 10, 2011 9:15 am

Re: จุดสังเกต ‘งบการเงิน’ : มนตรี นิพิฐวิทยา ผมกำลังอ่านหนังสือ "รวยได้ด้วยหุ้น โดยเซียนหุ้นอัฉริยะ" ของคุณ Hongvalue พอดี (ผมไม่มีหุ้น เอ้ยไม่มีค่าเชียร์หนังสือนะครับ) ในหนังสือแนะนำว่า "เราควรดูว่าตัวเลขกำไรสุทธิใกล้เคียงกับตัวเลขกระแสเงินสดจากการดำเนินงานไหม" ตอนแรกผมก็คิดในใจว่าตัวเลขในงบการเงินอื่นๆดูดี แค่ยังไม่ได้เก็บเงินลูกค้าตัวเลขกระแสเงินสดจากการดำเนินงานจึงไม่เท่ากับกำไรสุทธิ ไม่เห็นต้องน่ากังวลมาก... พอมาอ่าน case นี้จึงเข้าใจความสำคัญของเรื่องนี้อย่างชัดเจนว่าหากยังไม่เห็นเงินสดเข้ามาในบัญชี นอกจากแค่เรื่องสภาพคล่องแล้วยังไงก็ยังมีเรื่องความเสี่ยงโดยเฉพาะกับบริษัทที่ผู้บริหารที่ไร้ซึ่งธรรมาภิบาลเช่นกรณี Roynet นี้ บทเรียนที่ผมได้คือต้องย้ำเตือนตัวเองเสมอว่าการเลือกบริษัทที่จะลงทุน ถ้าจะให้ความสำคัญเรื่องตัวเลขงบการเงินแล้ว ให้่ดูให้รอบคอบ โดยเฉพาะงบกระแสเงินสด ถ้ามีตัวเลขใดแปลกๆทะแม่งๆ ให้ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์และความชอบในการพิจารณา และให้ตระหนักว่ามันมีความเสี่ยง ถ้ายังสนใจหุ้นตัวนั้นอยู่ก็ให้ขุดต่อไปจนเจอต้นเหตุ หรือไม่ก็เลิกยุ่งกับบริษัทนั้น ขอบคุณมากสำหรับบทความดีๆแบบนี้ ผมขอ bookmark ไว้เป็น case study เอาไว้ย้ำเตือนตัวเอง สำหรับเพื่อนที่สนใจดูงบที่คุณมนตรีกล่าวถึง สามารถ download งบปี 2545 Q2,Q3 ได้ที่ http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fin2/cgi-bin/resultFS.php?from_page=findFS&lang=T&cmb_comp_id=0654 โดย Pathfinder อาทิตย์ ต.ค. 09, 2011 12:41 pm

Re: บางทีก็เบื่อกับการกด ลบ ใน Thai VI... ผมคิดว่ากดลบไม่กี่คนมันไม่มีผลต่องสิ่งที่เรา post แต่ถ้าถูกกดลบก็แสดงว่าเรามีอะไรที่แตกต่างมากกับคนส่วนใหญ่ซึ่งเขาอาจจะไม่เห็นคุณค่า หรือไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่เรา post แต่ไม่ได้หมายความกว่าสิ่งที่เรา post มันผิด หรือไม่มีคุณค่า ถ้าเรามีเจตนาดีก็ อย่าคิดมากครับ ช่วยกัน post เรื่องราวดีๆไว้ให้คนรุ่นหลังได้ประโยชน์ เหมือนเวลานี้ที่เราก็ได้ประโยชน์จากคนรุ่นก่อนครับ สู้ๆ :D โดย Pathfinder อาทิตย์ ต.ค. 09, 2011 10:12 am

Re: หุ้นที่ดูย้อนหลังห้าปีขายไม่ต่ำกว่าBVถือเป็นหุ้นดีมัย้คร หุ้นดีไม่จำเป็นต้องแพง หุ้นแพงไม่จำเป็นต้องดีครับ โดย Pathfinder เสาร์ ต.ค. 08, 2011 4:14 pm

Re: หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551 เข้ามาอ่านกระทู้เก่าๆ เพื่อเตือนสติในการลงทุนครับ ขอบคุณ ท่านอาจารย์นิเวศน์ครับสำหรับบทความดีๆที่ให้อ่านเสมอๆ และขอบคุณพี่ oatty ที่นำมาเผยแพร่ด้วยครับ อ่านผ่านๆ 1 รอบผมคิดว่าเป็นบทความใหม่เพิ่งออกมาล่าสุด (ไม่ทันดูวันที่ในหัวข้อ) :) โดย Pathfinder เสาร์ ต.ค. 08, 2011 11:47 am

Re: บางครั้งก็คิดว่าอยากซื้อหุ้นด้วย margin of safety แต่... ผมลองคำนวณดูถ้าเราไม่รอซื้อครั้งเดียวตาม MOS ที่ต้องการ แต่ทะยอยซื้อเมื่อหุ้นลงเรื่อยๆเป็น %ของราคาหุ้นที่ลดลงมา และสัดส่วนเงินที่เรากำหนดไว้ ผลที่ได้ตามรูปจะได้ MOS เฉลี่ยที่ไม่คลาดเคลื่อนจากที่ตั้งใจไว้มากนัก อย่างน้อยวิธีการนี้จะได้ประโยชน์เมื่อราคาหุ้นไม่ลงมาหาเราที่ MOS แต่กลับมีราคาสูงขึ้น...เราก็จะมีหุ้นอยู่บ้างไม่มากก็น้่อย โดย Pathfinder ศุกร์ ต.ค. 07, 2011 8:40 am

Re: ปรึกษาครับ ระหว่าง รอ กับ ฟิวเจอร์ ผมคิดว่า Future เสี่ยงโดยตัวมันเองแล้ว แ่ต่เล่นด้วยความไม่รู้จริงนี่ทำให้เสี่ยงอีกหลายเท่าตัีวครับ โดย Pathfinder พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 8:48 pm

Re: งานหนังสือ 5-16 ตค 2554 มี value way ไหมครับ ผมเคยเห็นหนังสือ Value Way สถาพใหม่ ประมาณ 5-6 เล่ม ลดราคาถูกมากๆ ที่บูตขายหนังสือลดราคาที่ตึกจามจุรีสแควร์ ตอนนั้นผมซื้อไว้หนึ่งเล่ม ถ้าจำไม่ผิดราคาไม่ถึงร้่อยบาทพึ่งมารู้ว่าเป็นหนังสือหายาก ถ้าเจออีกจะมา post บอกใน webboard ครับ โดย Pathfinder พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 8:31 pm

Re: ท่านคิดว่า set index ต่ำสุดของ วิกฤติรอบนี้ เป็นเท่าไหร่ อยากจะบอกว่าผมเดา SET มา 4-5 รอบ ผิดหมดทุกรอบ :shock: ณ เวลานี้ผมเดาเหมือนคนส่วนใหญ่ใน Poll ...ผมจะคงสถิติผิดทุกครั้งของตัวเองได้หรือไม่ดูกันต่อไปครับ :B โดย Pathfinder พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 8:15 pm

Re: broker ปิด กิจการ มีผลต่อหุ้นเรามั้ย แต่ก็ระวังเรื่อง cash พยายามอย่าให้มีค้างอยู่... แล้ว Port ใหญ่ๆที่มีเงินมากๆใน Cash Balance account ไม่กังวลกันหรือครับ? หรือว่าเขาเป็น Cash account กันหมด? โดย Pathfinder พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 12:05 am

Re: Dollar Cost Averaging ผมใ้ช้ DCA เหมือนกันครับ เพิ่มเติมคือลงทุนทุกเดือน มองเป็นการลงทุนยาวเป็น 10 ปี เลือก Growth Stock และกระจายความเสี่ยงของ Port อีก 5-6 ตัว ตาม concept ของคุณสุมาอี้ http://dekisugi.net/7thltg โดย Pathfinder พุธ ต.ค. 05, 2011 10:52 pm