หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
s.teerapong
Joined: อังคาร เม.ย. 14, 2009 11:19 am
26
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - s.teerapong
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: R33: กับดักของ “อิสรภาพทางการเงิน”
ขอเสนออีกความหมายนึงของอิสรภาพทางการเงินที่อ่านเจอมาครับ จากหนังสือของ bizkons Financial Freedom เล่ม 1 สค 2549 หน้า 14 ในความเป็นจริงแล้ว"อิสระภาพทางการเงิน" ไม่ได้หมายถึงการมีเงินมากพอที่จะใช้จ่ายอย่างไรก็ไม่มีวันหมด หรือร่ำรวยเงินทองจนไม่ต้องทำงาน แต่หมายถึง การมีชีวิตอยู่อย่างพอเพียง มีอิสระในการเลือกที่จะทำ และเป็นในสิ่งที่ตัวเองต้องการ โดยไม่มี "เงิน" มาเป็นเครื่องพันธนาการทางความคิด และการตัดสินใจ
โดย
s.teerapong
อังคาร เม.ย. 03, 2012 12:45 pm
0
2
Re: กระแสe-bookและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
อีกข่าวครับ ผมตัดเก็บไว้นานแล้วเหมือนกัน Negroponte บอกว่าหนังสือจะตายในอีก 5 ปี, บิล เกตส์ บอกการศึกษาจะอยู่บนเว็บ By: mk on 07/08/10 19:01 Tags: Bill Gates Education Nicholas Negroponte ในงานสัมมนา Techonomy ซึ่งเชิญนักคิดผู้มีอิทธิพลของโลกไฮเทคหลายคนมาแลกเปลี่ยนความเห็นถึงอนาคตของการศึกษา ที่โดดเด่นจนเป็นข่าวมีสองราย รายแรกคือ Nicholas Negroponte หัวหน้าโครงการ OLPC ฟันธงชัดเจนว่า หนังสือแบบกระดาษจะเริ่มหมดความสำคัญลงไป ในอีก 5 ปีนับจากนี้ เขาดักคอว่า "หลังจากคนได้ฟังคำพูดของผมแล้วจะบอกว่า เป็นไปไม่ได้หรอก" เขายกตัวอย่างของฟิล์มถ่ายภาพ ซึ่งเคยมีคนพยากรณ์เอาไว้ และคนที่ปฏิเสธว่าเป็นไปไม่ได้คือโกดัก ซึ่งตอนนี้ต้องรับสภาพความจริงไปเรียบร้อยแล้ว เขายังยกกรณี Amazon ระบุ ยอดขาย E-Book แซงหนังสือจริงแล้ว มาอ้างด้วย - TechCrunch รายที่สอง บิล เกตส์ ไม่ได้ฟันธงชัดเจนว่าหนังสือกระดาษจะตาย แต่เขาบอกว่าในอีก 5 ปี มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกคืออินเทอร์เน็ต โดยเราสามารถฟังเลคเชอร์ที่ดีที่สุดในโลกได้ฟรีๆ เป็นจำนวนมาก โดยไม่มีมหาวิทยาลัยแห่งใดแห่งหนึ่งในโลกสามารเทียบเคียงได้ เกตส์ยังเสริมว่าเราควรมีวิธีสอบวัดระดับและรับรองความรู้จากอินเทอร์เน็ต เขาบอกว่าการศึกษาขั้นพื้นฐานในโรงเรียนยังเป็นเรื่องจำเป็น แต่การศึกษาระดับอุดมศึกษาจะยึดติดกับสถานที่น้อยลง - TechCrunch ที่มา: http://www.blognone.com/news/17890
โดย
s.teerapong
อังคาร ก.พ. 08, 2011 2:10 pm
0
0
Re: กระแสe-bookและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
ผมก็เพิ่งเริ่มใช้ Kindle เหมือนกัน หลังจากใช้ไปซักพัก คิดว่า พวก e-book reader ก็แทนหนังสือเป็นเล่ม ๆ ได้แล้วนะ ตอนนี้ผมไม่อยากได้หนังสือเล่ม ๆ แล้ว แต่อยากได้่เป็น format Kindle มากกว่าแล้วครับ
โดย
s.teerapong
พฤหัสฯ. ก.พ. 03, 2011 8:41 pm
0
0
Re: การบริหารความเสี่ยง กับการประเมินมูลค่าแบบช่วง (Range)
ผมเองก็ประเมินเป็น 3 case เหมือนกัน ปัจจุบันใช้วิธีหา expected รวมของทั้ง 3 case แล้วปรับ port ตาม upside เทียบจาก expected รวมกับราคาปัจจุบัน (ไม่เทียบกับราคาที่เราซื้อครับ เพราะต้นทุนที่แท้จริงคือค่าเสียโอกาส ซึ่งในหุ้นก็คือ ราคาที่เราจะขายได้ถ้าเราไม่ต้องการถือต่อนั่นเอง ราคาที่เราซื้อ ถือเป็น sunk cost ไปแล้ว ไม่ควรเอามามีผลต่อการตัดสินใจครับ) โดยจะปรับ port เมื่อเทียบกับ upside จาก expected เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโดยรวมของพอร์ตเกิน 10% ขึ้นไปครับ แต่จะไม่ถือตัวไหนเกิน 35% ของพอร์ตรวมครับ (เผื่อออกมาเป็นกรณี worst case ของตัวนั้น) ตอนนี้ผมมีกลยุทธเดียว ไม่ได้แยกเป็น 3 กรณีอย่างพี่โต้สครับ ถ้าตามวิธีข้างบน จะตอบคำถามได้ว่า 1. เมื่อราคากรอบด้านล่างสุด เราจะทำอย่างไร? - ซื้อเข้าพอร์ตครับ ตามสัดส่วนของ upside เทียบจาก expected 2. เมื่อราคาอยู่ในช่วงของ Base Case จะทำอย่างไร? - อยู่เฉย ๆ ครับ ปรับพอร์ตเมื่อสัดส่วนของพอร์ตที่น่าจะเป็นคิดจาก upside ต่างกับพอร์ตจริง 10% ขึ้นไปครับ 3. เมื่อราคาอยู่ในกรอบด้านบน เกือบๆ จะ Over ไปจนถึง Over เราจะทำอย่างไร? - คงโดนทยอยขายไปตั้งแต่ขั้นตอนที่ 2 แล้วครับ เพราะ over ทำให้ upside ติดลบครับ ถ้าราคามันจะไปต่อ ก็ถือว่าเกินความรู้ของผมแล้ว ผมขอรับแค่เท่ากับที่ความรู้ผมมีพอครับ ทีนี้ วิธีนี้มีจุดอ่อนที่ผมยังนึกไม่ออกว่าจะจัดการยังไง คือ 1. จะประเมินความน่าจะเป็นของแต่ละสถานะการณ์ยังไง ตอนนี้ผมยังใช้วิธีมั่วเอาครับ คือ ผมให้ความน่าจะเป็นของ Conservative 20%, Base case 60%, Best case 20% ครับ แล้วค่อยปรับความน่าจะเป็นพวกนี้อีกครั้งถ้าเกิดมีข่าวความคืบหน้าออกมา แต่การทำอย่างนี้ก็เปิดโอกาสให้อารมณ์เข้ามามีผลกับการติดสินใจได้เหมือนกัน ตรงนี้พี่โต้สใช้วิธีไหนอยู่หรอครับ 2. expected เป็นผลรวมของความน่าจะเป็นหลาย ๆ กรณี ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นจริง ผลลัพธ์จะได้ประมาณ expected เมื่อจำนวนเยอะ ๆ เท่านั้น เพราะงั้น ถ้ากรณีที่เกิดขึ้นจริงเป็น Best case วิธีนี้จะทำให้เสียโอกาส (ขายหมูไป) เพราะ expected โดนถ่วงด้วย Conservative กับ Base case หรือกรณี Worst case ก็โดยถวงด้วยเหมือนกัน ทำให้วิธีนี้อาจจะทำให้เสียหายขั้นรุนแรงกรณีออกมาเป็น Worst case ผมเลยใช้วิธี limit สัดส่วนของหุ้นแต่ละตัวไว้สูงสุดที่ 35% ของพอร์ตแทน ใจจริงจะใช้วิธีแบ่งกลยุทธเป็น 3 กรณีสำหรับหุ้นแต่ละตัวแบบพี่โต้ส แต่ก็ไม่รู้ว่าจะจัดการพอร์ตโดยรวมได้ยังไงโดยไม่ใช้ expected พวกสูตรแบบ Kelly formula ก็ใช้กับหุ้นไม่ได้เพราะคนละเงื่อนไขกัน สุดท้ายเลยต้องใช้เป็นกลยุทธเดียวเลยครับ แล้วไปพยายามปรับโอกาสของแต่ละ case แทน พี่ ๆ มีความเห็นยังไงกันบ้างกับวิธีแบบนี้ครับ แล้วมีคำแนะนำมั้ยครับ ว่าทำยังไงถึงแบ่งกลยุทธเป็น 3 กรณีแล้วสามารถบริหารพอร์ตโดยรวมได้โดยไม่ใช้ expected รวม เพราะ expected เองก็มีจุดอ่อนอยู่ หรือถ้าใช้ expected แล้ว มีวิธีจำกัดความเสียหายกรณีที่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงเป็น worst case ยังไงครับ
โดย
s.teerapong
อังคาร ม.ค. 18, 2011 3:41 pm
0
0
Re: The Essays of Warren Buffett ลำนำผู้ทำเงิน
บทความดีมากเลย ขอบคุณที่เอามาฝากกันครับ
โดย
s.teerapong
ศุกร์ ธ.ค. 31, 2010 11:11 pm
0
0
Re: สังคมได้อะไรจากการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
ขอ quote คำพูดในหนังสือ Learn to Earn ของ Peter Lynch มานะครับ เล่มนี้อ่ะครับ http://www.se-ed.com/eShop/Products/Detail.aspx?CategoryId=0&No=9786167061818 ยิ่งลงทุนมากเท่าใดก็ยิ่งดีสำหรับคุณมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ยังดีสำหรับประเทศชาติของคุณด้วย เพราะว่าที่สุดแล้วเงินลงทุนของคุณจะช่วยสร้างธุรกิจและงานขึ้นใหม่ ผมคิดว่าว่า บทแรกในหนังสือ เรื่อง ประวัติย่อทุนนิยม น่าจะตอบได้ตรงกับคำถามนี้เลยครับ
โดย
s.teerapong
ศุกร์ พ.ย. 26, 2010 11:15 pm
0
0
ทุกประเทศในโลกกำลังถูกอเมริกาเอาเปรียบ
1. ตอนนี้ทุกประเทศ ก็ไม่มีประเทศไหนค้ำประกันด้วยทองคำแล้วไม่ใช่หรอครับ 2. อเมริกา เค้าบอกว่า ประเทศอื่นพยามเอาเปรียบอเมริกา โดยการ ทำให้เงินของตัวเองอ่อนค่าลงเยอะ ๆ เมื่อเทียบกับ USD จะได้ขายของเข้าไปให้คนในอเมริกาได้เยอะ ๆ ทำให้การค้าโลกเกิดความไม่สมดุล เช่น จีน ให้อเมริกากู้ (ในรูปพันธบัตร) แล้วก็ส่งของไปขายในอเมริกา เป็นวงจร อัฐยาย ซื้อขนมยาย อันนี้จากมุมมองฝั่งนู้นเค้านะครับ ทีนี้พอจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ ก็เลยทำให้เงินอ่อนค่าไปด้วย ผมคิดว่า เงินบาทไม่ได้แข็งหรอก แต่ USD อ่อนเพราะความอ่อนแอทางเศรษฐกิจของอเมริกาเองมากกว่า แล้วก็ จริง ๆ แล้ว อเมริกากำลังเอาเปรียบประเทศอื่นอยู่ หรือ ประเทศอื่นเอาเปรียบอเมริกาอยู่(ตั้งนานแล้ว) แบบที่เค้าบอกกันแน่ละเนี่ย คิดว่าไงกันครับ
โดย
s.teerapong
อาทิตย์ ต.ค. 17, 2010 2:11 pm
0
0
DW ไม่ใช่การพนัน มันคือเกม
ก็ มันเป็นเกมไงครับ บ้าอย่างเดียวไม่พอ ต้องโง่ด้วยถึงจะเล่น DW แต่ถ้าเชื่อว่า มีคนที่ บ้ากว่า โง่กว่า จะเข้ามารับต่อ การเล่น DW อาจจะสมเหตุสมผล (rational) ก็ได้ไง ซึ่งถ้าเค้าเชื่ออย่างนี้ แล้วเค้าเล่น ก็ไม่ได้โง่สิ แค่ ความเชื่อเค้าอาจจะไม่ตรงกับความจริง ผมว่า ถ้ามองในมุมคนออก กับ คนเล่น น่าจะเหมือน บ่อน กับ นักพนัน แต่ถ้าคนเล่นด้วยกันเอง ก็เหมือนนักพนันด้วยกันเอง ตรงนี้ ผมคิดว่าเป็นเกมความลำบากใจของจำเลย (prisoner dilemma) แถมผลรวมของเกมติดลบด้วย เพราะคนออกเก็บเงินบางส่วนออกไปแล้ว
โดย
s.teerapong
เสาร์ ต.ค. 09, 2010 8:54 am
0
0
บางครั้งก็รู้สึกหวั่นไหว
เคยอ่านเรื่องนี้กันหรือยังครับ http://dekisugi.net/archives/6100 [/url]
โดย
s.teerapong
เสาร์ มิ.ย. 19, 2010 10:19 am
0
0
******** รบกวนผู้รู้เรื่องการจ่ายภาษีเงินได้ค่ะ *******
เค้าหมายถึง ไปตกที่ฐานภาษี 30% ทั้งก้อนรึเปล่าครับ
โดย
s.teerapong
พฤหัสฯ. พ.ค. 27, 2010 9:55 am
0
0
นับถือชาว vi ไม่สะทกสะท้านเลยง่ะ
รอซื้อซิครับ เน้นนะครับว่า "รอ"
โดย
s.teerapong
อาทิตย์ พ.ค. 23, 2010 6:25 pm
0
0
Behavioral Finance ลองอ่านดูนะครับ
ขอบคุณครับ อ่านแล้ว นึกถึงที่เคยตัดสินใจไปเลย
โดย
s.teerapong
จันทร์ พ.ค. 17, 2010 1:03 pm
0
0
เปิดเรียน วิธีอ่านและวิเคราะห์งบการเงินสำหรับนักลงทุน
โอนเงินแล้ว รายละเอียดตามใน pm นะครับ
โดย
s.teerapong
พุธ พ.ค. 12, 2010 10:28 pm
0
0
สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553
จดได้สุดยอดมาก ๆ ขอบคุณครับ
โดย
s.teerapong
อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 8:10 am
0
0
เตรียมตัวอย่างไรก่อนไปสัมมนา 1 พ.ค.53 นี้
ถ้าเอาคอมพิวเตอร์ไป จะมี internet กับปลั๊กไฟให้มั้ยครับ
โดย
s.teerapong
จันทร์ เม.ย. 26, 2010 10:45 pm
0
0
หนังสือรายงานประจำปีบริษัทไหนสวยที่สุด
ไหน ๆ ก็จะ คลายเคลียดจากเหตุการ์ณบ้านเมืองแล้ว ผมขอเสนอคำถามว่า "เพื่อนๆคิดว่าผู้บริหารบริษัทไหนสวยที่สุดครับ" ปล. ผมขอเสนออย่างเดียว ไม่ขอตอบนะครับ :D
โดย
s.teerapong
ศุกร์ เม.ย. 23, 2010 10:02 am
0
0
รบกวนแจ้งขนาดเสื้อสำหรับงานสัมมนาใหญ่ Thaivi#2 ที่กระทู้นี้
180 s.teerapong#1 ชาย M 235 s.teerapong#2 ชาย M ขอบคุณครับ
โดย
s.teerapong
ศุกร์ เม.ย. 23, 2010 9:55 am
0
0
กลุ่มค้าปลีก สัมมนาใหญ่ไทยวีไอ 1 พ.ค. 53
แล้ว CPN ล่ะครับ ผมว่าน่าจะลองเอามาคุยกันดูด้วยนะครับ เพราะ ในรายงานประจำปี เค้าเรียกอุตสาหกรรมเค้าว่า "อสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีก" อ่ะครับ
โดย
s.teerapong
ศุกร์ เม.ย. 16, 2010 5:19 pm
0
0
สัมนาใหญ่ไทยวีไอ เต็มแล้วครับ !!!!ไม่รับโอนเงินแล้วนะครับ
ขอเพิ่มอีก 1 ที่ รายละเอียด ตามใน PM นะครับ
โดย
s.teerapong
จันทร์ มี.ค. 29, 2010 3:14 pm
0
0
สัมนาใหญ่ไทยวีไอ เต็มแล้วครับ !!!!ไม่รับโอนเงินแล้วนะครับ
โอนแล้ว 1 ที่ รายละเอียด ตามใน PM นะครับ
โดย
s.teerapong
อาทิตย์ มี.ค. 28, 2010 12:29 am
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
s.teerapong
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อังคาร เม.ย. 14, 2009 11:19 am
ใช้งานล่าสุด:
ศุกร์ ม.ค. 24, 2020 10:03 pm
โพสต์ทั้งหมด:
26 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.00 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว