หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
baby-investor
LifeLong Learning
LifeLong Investing
Joined: พุธ มิ.ย. 03, 2009 9:16 pm
312
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - baby-investor
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
เส้นทางสาย VI
อ่านสนุกและได้แง่คิดดีทีเดียวครับ เป็นกำลังใจให้ถึงฝันนะครับ
โดย
baby-investor
อังคาร เม.ย. 06, 2010 7:03 pm
0
0
เพื่อนๆครับ ผมจะซื้อหุ้นตัวไหนดี
โดยส่วนตัวผมมองว่าช่วงนี้ pe ตลาดสูงขึ้นมาระดับนึงแล้วนะครับ หุ้นหลายตัวมี forward pe ในระดับที่สูงขึ้น แต่ก็ค่อนข้างลำบากที่จะทำนายว่าตลาดจะให้ pe กับหุ้นแต่ละตัวเท่าไหร่ ถ้าจะให้เลือกเป็นรายตัว ในเบื้องต้นคงต้องเทียบกับบริษัทในธุรกิจเดียวกันครับ ลองดูครับว่าในธุรกิจต่างๆ บริษัทที่อยู่ในธุรกิจเดียวกันบริษัทใดยังให้ forward pe ต่ำกว่าบริษัทอื่น หรืออาจดูจาก pe ปัจจุบันแล้วมองว่ากำไรในอนาคตจะเพิ่มขึ้น ทรงตัว หรือลดลง นอกจากนี้คงต้องดูว่าเราเข้าใจธุรกิจนั้นๆขนาดไหน นักลงทุนที่สนใจและลงทุนในหุ้นบริษัทนั้นๆเป็นใคร (ต่างชาติ รายย่อย สถาบัน ซึ่งแต่ละส่วนก็ต้องแยกย่อยไปว่าเป็นกลุ่มใดอีกนะครับ) ธุรกิจของบริษัทนั้นๆเป็นวัฏจักรหรือไม่ มีความสม่ำเสมอของกำไรขนาดไหน และค่าต่างๆทางด้านการเงินเป็นอย่างไร ซึ่งหลายๆปัจจัยต่างๆเหล่านี้น่าจะช่วยให้เลือกได้ในระดับนึงนะครับ อย่าลืมเผื่อ margin of safety ในการเลือกหุ้น และพิจารณาเวลาในการตามข่าวสารข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกลงทุนหุ้นแต่ละตัวด้วยนะครับ สำหรับการแนะนำหรือไม่ได้แนะนำในลักษณะเฉพาะหุ้นรายตัวนี่ค่อนข้าง sensitive พอสมควรนะครับ ก่อนหน้านี้มีเพื่อนท่านหนึ่ง pm มาหาผมเพื่อขอให้ผมแนะนำหุ้น (ขออนุญาติไม่เปิดเผยชื่อ แต่ไม่ใช่คุณblueplanetนะครับ) From: --- To: baby-investor Posted: Sun Jun 14, 2009 4:00 pm Subject: สวัสดีครับ ไม่ทราบตอนนี้คุรเบบี้ ถือตัวไหนอยุ่บ้างครับ ถ้าได้เหตุผลย่อย่อที่ซื้อด้วยจักขอบคุณมากครับ พอดีอ่านโพสต์ของคุณเบบี้บ่อยบ่อยครับ ถือเงินสดอยู่จากการขาย cpnrf ไปส่วนหนึ่งจะหาหุ้นลงทุนน่ะครับ เผื่อจะได้แนวทางไปศึกษาต่อครับ ขอบคุณครับ _________________ ----------- ------------ เนื่องจากในช่วงแรกๆที่ผมสมัครเข้าใน web thavi ผมยังใหม่กับ web นี้ (เพราะเป็น login อันแรกและอันเดียวของผมจนถึงปัจจุบัน) และไม่รู้ว่ามีเพื่อน pm มาหาผม ผมจึงไม่ได้เปิดดู (ส่วนที่เป็นmenuด้านบนไม่ได้สังเกตุและเปิดดูเลย) พอมาเปิดดูก็ผ่านไปหลายเดือนแล้ว เป็นสาเหตุให้เพื่อนท่านนั้นไม่สบอารมณ์ เพราะหลังจากนั้นมาเพื่อนท่านนั้นมักจะเหน็บผมมาโดยตลอดตั้งแต่ปีก่อน ซึ่งผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
โดย
baby-investor
จันทร์ เม.ย. 05, 2010 7:48 pm
0
0
มหัศจรรย์ของหุ้น VI
ท่าน ดร.นิเวศน์ คุณโจ และพี่หมอ ถือว่าเป็นผู้ให้จริงๆครับ ให้คำแนะนำที่ดีในการลงทุน มีหลักการในการลงทุนที่เป็นประโยชน์ก็นำมาเผยแพร่ ตักเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงต่างๆในการลงทุน รวมถึงเป็น VI อย่างแท้จริง เพราะมีหลักการลงทุนที่ชัดเจน ถือหุ้นในระยะยาว วิเคราะห์บริษัทอย่างละเอียดรอบคอบ ชี้แนะและให้ข้อมูลที่ถูกต้องตรงไปตรงมากับเพื่อนๆน้องๆนักลงทุนโดยทั่วไป คำแนะนำจากท่านทั้งสามถือเป็นคุณูปการกับนักลงทุนทุกคนอย่างยิ่งครับ :bow:
โดย
baby-investor
อังคาร มี.ค. 09, 2010 10:54 am
0
0
ข้อผิดพลาดของบัฟเฟต : ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ
คุณปู่บัฟเฟตเป็นทั้งนักลงทุนและผู้บริหารที่ใส่ใจกับผู้ถือหุ้นโดยแท้ รวมทั้งประสบการณ์ของคุณปู่เป็นสิ่งที่ล้ำค่าสำหรับนักลงทุนทุกคนจริงๆครับ
โดย
baby-investor
อาทิตย์ ก.พ. 28, 2010 3:31 am
0
0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
ขอแสดงความคิดเห็นนะครับ พี่คิดว่าน้อง Voldtrest เป็นคนที่มีการตั้งเป้าหมายในชีวิต ประหยัดอดออม หมั่นศึกษาหาความรู้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆครับ แต่พี่คิดว่าอย่าเอาเป้าหมายมาเป็นตัวกดดันทำให้เราทำอะไรโดยขาดการระมัดระวังนะครับ แต่ก็อย่าท้อถอยถ้ายังไม่ประสบความสำเร็จหรือยังไม่ถึงเป้าหมาย พี่ว่าในช่วงชีวิตที่ผ่านมา เราก็ได้ทำหลายอย่าง มีทั้งประสบความสำเร็จ และไม่ประสบความสำเร็จอยู่พอสมควร โดยในชีวิตของคนเราพี่ว่าน่าจะแบ่งช่วงหรือองค์ประกอบแห่งความความสำเร็จเป็น 3 ช่วงนะครับ ซึ่งก็คือ 1. การศึกษา (เรียนจบและได้รับปริญญาบัตร) 2. การหารายได้ (มีรายได้เลี้ยงชีพอย่างไม่ขัดสน) 3. ครอบครัว (แต่งงาน มีลูก และมีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์) ในช่วงที่ผ่านมาซึ่งเราได้ศึกษาจนได้รับปริญญาถือเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิอย่างหนึ่ง จะเห็นได้ว่าพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ทุกคนล้วนดีใจหมดในวันที่เราเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ซึ่งนี่ทำให้เราสง่าผ่าเผยในสังคมได้ในระดับหนึ่ง และการศึกษายังทำให้เรามีทักษะหลายๆอย่างสูงกว่าผู้ที่ไม่มีโอกาสได้ศึกษา อย่างเช่นการมองภาพรวม ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน ทักษะทางสังคมโดยได้รู้จักเพื่อน ได้สังคมในแวดวงที่ศึกษาจบมาหรืออาจได้เพื่อนในคณะอื่นด้วย เป็นต้น สำหรับการหารายได้ ทุกคนล้วนอยากมีรายได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งก็ต้องมาดูว่ารายได้ที่เราอยากได้มากที่สุดนี้จะมาจากทางไหน ถ้าเป็นการทำงาน เป็นพนักงานบริษัท หรือเปิดกิจการเอง ทั้ง 2 อย่างนี้เราต้องมีความสามารถสูงทีเดียวจึงจะทำให้เรามีรายได้สูง ซึ่งก็คงต้องใช้ประสบการณ์และใช้วุฒิการศึกษาด้วย (ในหลายๆครั้งก็ต้องใช้เส้นและใช้สีด้วย) ซึ่งถ้าใครจบในสาขาที่มีความต้องการสูงแต่ปริมาณคนที่จบน้อยก็มักจะมีโอกาสที่จะหางานทำได้ง่ายและมีรายได้มาก ในส่วนของธุรกิจส่วนตัวในหลายๆกรณียากกว่าที่เราคิด บางทีเราตั้งสมมติฐานต่างๆไว้ สิ่งต่างๆอาจไม่เป็นไปตามนั้น มี factor และเรื่องนอกเหนือกฏเกณฑ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคน (พนักงาน ลูกค้า เจ้าหน้าที่ต่างๆ) เรื่องเงิน เรื่ององค์ความรู้ คู่แข่ง ฯลฯ ทั้งนี้เราต้องมีทักษะหลายด้าน (โดยเฉพาะทักษะในการบริหารคนซึ่งสำคัญมาก) ต้องเข้าใจธุรกิจในทุกด้าน ธุรกิจที่เราเห็นใหญ่โตในชีวิตจริง หลายๆธุรกิจมักซ่อนปัญหาที่คนภายนอกมองไม่เห็นและมักจะมาจาก factor ต่างๆข้างต้น ซึ่งถ้าคิดจะทำก็คงจะต้องคุยกับคนที่อยู่ในธุรกิจนั้นที่เปิดเผยข้อมูลจริงๆ และเราจะต้องคิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนและรอบด้านว่าธุรกิจนั้นน่าทำหรือไม่ (ในหลายๆธุรกิจซึ่งวันนี้เหมือนจะเป็นธุรกิจประเภท blue ocean แต่ไม่นานก็กลายเป็น red ocean ไปได้ ซึ่งก็มีให้เห็นดาษดื่นในสังคมไทย พวกธุรกิจที่ฮิตเร็วเลิกฮิตง่าย และคู่แข่งเข้ามาได้ง่ายต้องระวังให้ดี) ในกรณีที่อยากมีรายได้จากการลงทุน เราคงต้องดูว่าการลงทุนของเรานั้นเสี่ยงมากขนาดไหน ลองจัดระดับความเสี่ยงดูนะครับ ถ้ายิ่งเสี่ยงมากยิ่งต้องลงทุนน้อยหรือไม่ควรลงทุนเลย แต่ถ้าเสี่ยงน้อยต้องลงทุนให้มากๆ นอกจากนี้คงต้องดูอีกว่าความรู้ของเราในตัวธุรกิจมีมากเพียงพอกับความเสี่ยงหรือไม่ รวมถึงประสบการณ์ของเรามีมากน้อยขนาดไหน (หลักสอนและคำเตือนให้คอยระมัดระวังต่างๆของคุณปู่บัฟเฟต ดร.นิเวศน์ หรือใน THAIVI นี้อย่างเช่น พี่ฉัตรชัย คุณโจลูกอีสาน คุณนริศ พี่มนตรี พี่หมอสามัญชน และพี่ๆท่านอื่นที่ไม่ได้กล่าวถึงที่คอยเตือนน้องๆอยู่เสมอ ทุกคำแนะนำล้วนมีประโยชน์มากๆนะครับ) บางทีความต้องการมากๆทำให้เราลงทุนเกินตัว ถ้าทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด จะทำให้เราบาดเจ็บได้นะครับ ซึ่งส่วนที่ support ยามที่เราบาดเจ็บมีมากน้อยขนาดไหนก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณานะครับ และนี่จะมีผลไปถึงชีวิตครอบครัวครับ ในกรณีที่เราเป็นหัวหน้าครอบครัว ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้น คนข้างหลังจะเป็นอย่างไร ทั้งการกินอยู่ ไม่ว่าจะเป็นของเราเอง แฟนเรา ลูกเรา บางทีมีพ่อแม่ปู่ย่าตายายด้วย รวมถึงการศึกษาของลูกเพิ่มเติมเข้ามาอีก ในส่วนของการลงทุน น้อง Voldtrest คงต้องสำรวจ style ของตัวเองครับว่าเรามีเวลาให้กับการลงทุนมากน้อยขนาดไหน เราชอบลงทุนระยะสั้น ระยะกลางหรือยาวขนาดไหน เราชอบลงทุนรวดเดียวหมดหน้าตัก ชอบไล่ราคาหรือชอบลงทุนทีละน้อยแล้วทยอยตั้งรับ ทั้งหมดนี้คงทำให้พอรู้ว่าเราควรจะมีเงินสดเหลือมากน้อยขนาดไหน เราควรจะลงทุนหุ้นแต่ละตัวมากน้อยขนาดไหน เพราะหุ้นแต่ละตัวจะมีพฤติกรรมของมันเอง (ถ้ามีประสบการณ์และอยู่ในตลาดมาพอสมควรจะรู้ครับว่าหุ้นแต่ละตัวมีพฤติกรรมเป็นอย่างไร) ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้อยากให้ระมัดระวังนะครับ ซึ่งถ้าเรามีความรู้มากพอ มีเงินรองรับในยามที่การลงทุนเกิดความเสียหาย รวมถึงมีประสบการณ์เพียงพอ พี่ว่าการลงทุนก็จะมีความเสี่ยงน้อยลงแล้วครับ สำหรับการลงทุนปีนี้พี่ว่ายากนะครับ ยังไงคงต้องเผื่อเงินสดไว้บ้าง และหาความรู้อยู่เสมอ เพราะองค์ความรู้ใหม่ๆเกิดขึ้นทุกวัน ความรู้ใหม่ๆเหล่านั้นทำให้เราเหมือนเป็นเด็กไปเลย เหมือนกับที่พี่ใช้ชื่อ baby-investor :D บางครั้งเป็นนวัตกรรมใหม่ บางครั้งเป็นความรู้ในสาขาที่เราไม่ได้เรียนจบมา ซึ่งก็ทำให้เราต้องไปศึกษาไปอ่านให้รู้ ยังไงลองปรับใช้ดูนะครับ ร้อยล้านคงไม่ไกลเกินไปถ้าตั้งใจ พี่เพิ่มเติมให้อีกนิดนะครับ ทั้งนี้เราควรตั้งเป้าหมายที่ใกล้ๆไว้ก่อน เราจะได้ไม่ท้อ เช่น วันนี้เรามี 1 แสน เราก็ตั้งเป้าที่ 1 ล้าน พอเรามี 1 ล้าน เราก็ตั้ง 10 ล้าน พอมี 10 ล้าน เราก็ตั้ง 100 ล้าน อย่างนี้จะทำให้เรามีลูกฮึดได้ตลอดครับ เพราะดูเหมือนเป้าหมายจะอยู่แค่เอื้อมตลอด ส่วนถ้ามีรายได้จากงานประจำ เราก็ต้องเก็บก่อนใช้และมองลู่ทางการลงทุนอยู่เสมอด้วยนะครับ แต่จะลงทุนช่วงไหนก็ต้องกลับไปดูความเสี่ยงครับ แล้วขอให้ประสบความสำเร็จกับการลงทุนนะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
โดย
baby-investor
จันทร์ ม.ค. 18, 2010 4:27 pm
0
0
พบอีกหนึ่งสุดยอดVI กับ IH..คเชนทร์ moneytalkdaily พฤหัส24ธค
[quote="choosak"]คลิปรายการ Money Talk Daily
โดย
baby-investor
จันทร์ ม.ค. 18, 2010 11:58 am
0
0
มีหุ้นตัวไหนที่ภายใน 5 ปี ราคาตอนนี้ต่ำกว่าจุดสูงสุด 50% ??
สำหรับตัวที่คิดว่าน่าจะปลอดภัยเท่าที่นึกออกนะครับ บางตัวอาจมากกว่าหรือน้อยกว่า 50% บ้างนะครับ ซึ่งช่วงราคาสูงสุดใน 5 ปีที่ผ่านมาไม่ได้ขึ้นไปแบบวูบวาบ ยังไงคงต้องดู growth หรืออาจต้องดู graph ประกอบด้วยนะครับ samco it eastw bafs makro stanly irc tr tcb
โดย
baby-investor
จันทร์ ธ.ค. 28, 2009 5:03 pm
0
0
สรุปพอร์ต8ปีของ 2นิ+1น ผู้ยิ่งใหญ่>นิติ&นิเวศน์+นริศ
ผมว่าในอนาคต บริษัทดีๆในเมืองไทยต้องเป็นของชาว VI หมดแน่ๆ คนที่เห็นมีรายชื่อปรากฎยังมีการเติบโตของ wealth มากขนาดนี้ รวมชาว VI อีกหลายๆคนที่ซุ่มอยู่ไม่รู้จะมากมายขนาดไหน ท่าน ดร. นี่มีคุโณปการต่อแวดวง VI จริงๆที่นำหลักการนี้มาเผยแพร่
โดย
baby-investor
พฤหัสฯ. ธ.ค. 24, 2009 7:25 pm
0
0
สรุปพอร์ต8ปีของ 2นิ+1น ผู้ยิ่งใหญ่>นิติ&นิเวศน์+นริศ
ด้วยฝีไม้ลายมือขนาดนี้ ไม่รู้อีก 7 ปี พอร์ตของทั้ง 2 ท่านจะโตขนาดไหน :roll: ขอบคุณพี่ครรชิตมากๆด้วยครับสำหรับข้อมูลดีๆ
โดย
baby-investor
พุธ ธ.ค. 23, 2009 7:39 pm
0
0
นิติ เซียนหุ้น ชื่อนี้ไม่ธรรมดา
รู้สึกว่าทั้ง 2 ท่านจะถือ mint กับ s&p เหมือนกันเลยนะครับ แต่ดูภาพรวม ท่านนึงเน้นอสังหา ไอที อิเล็กทรอนิกส์ อีกท่านเน้นค้าปลีก อาหาร หนังสือ
โดย
baby-investor
จันทร์ ธ.ค. 21, 2009 7:20 pm
0
0
ขุดกระทู้เก่า " บทเรียน 16 ข้อ จากสุดยอด VI อังกฤษ"
เป็นหลักการลงทุนที่ไม่เคยล้าสมัยเลย ขอบคุณพี่ WEB สำหรับหลักการดีดี และขอบคุณคุณdome@perth ที่ขุดกระทู้ที่มีประโยชน์อย่างนี้กลับมาให้ดูอีกครั้งครับ
โดย
baby-investor
อาทิตย์ ธ.ค. 20, 2009 1:42 pm
0
0
ระหว่าง ILINK กับ CPALL
อยากให้น้อง sakkaphan ลองย้อนกลับไปอ่านข้อมูลเก่าๆในห้องร้อยคนร้อยหุ้นในช่วงระหว่างปี 2006-2007 ดูครับ เหตุการณ์ต่างๆของทั้ง 2 บริษัทจะอยู่ในช่วงนั้น ซึ่งน่าจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์พอสมควรทีเดียว
โดย
baby-investor
อาทิตย์ ธ.ค. 20, 2009 2:31 am
0
0
Price to Sales Ratio
โดยส่วนตัวมองว่า PS ratio เป็นค่าที่มองราคาเทียบกับยอดขาย ซึ่งยอดขายจะเป็นตัวสะท้อน market share ในตลาด โดนเฉพาะตลาดที่มีผู้เล่นไม่กี่ราย แต่ราคาที่จะจ่ายสำหรับซื้อธุรกิจนั้นๆหรือ price น่าจะต้องมองอัตราการเติบโตของยอดขาย ไม่ว่าจะเป็นการขยายไปใน segment อื่น (อย่างเช่นเครื่อง wii ที่เจาะ segment ครอบครัว) หรือขยายไปในตลาดอื่นๆประเทศอื่นๆ รวมถึงการเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดของเราจากผู้เล่นหน้าเดิมและผู้เล่นหน้าใหม่ (สำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ ผมว่าคงต้องดูกำลังเงิน ทีมงาน แบรนด์ segmentตลาดที่เขาเข้ามา ฯลฯ) นอกจากนี้คงต้องมอง margin ที่บริษัททำได้ด้วย สำหรับบริษัทที่กด margin ต่ำเพื่อสร้างยอดขายและยืนระยะได้นั้น คงต้องดูว่าในท้ายที่สุดจะเป็นผู้ชนะได้หรือไม่ หรือทำธุรกิจกันอย่างยากลำบากกันหมดทุกราย เพราะแข่งกันลดราคา (ทั้งนี้บริษัทที่สร้าง margin ได้สูงกว่าคู่แข่ง ถือว่ามีจุดเด่นกว่าคู่แข่งไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่งครับ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนที่ต่ำกว่าด้วยขนาดของกิจการ ฝีมือทีมบริหาร แบรนด์ซึ่งทำให้ขายสินค้าได้แพงกว่าและได้รับความเชื่อถือมากกว่า ฯลฯ) เหล่านี้คงต้องดูว่าตลาดใหญ่ขนาดไหนและสามารถเคลื่อนตัวไปใน segment ใหม่ได้มากน้อยแค่ไหน ในท้ายที่สุดผมมอง PE ratio ที่สะท้อนถึงราคาที่ซื้อกับกำไรที่ทำได้ แต่ทั้งนี้คงต้องตัดสิ่งที่ทำให้กำไรมีความผันผวนออกไปให้มากที่สุดครับ ในหลายๆธุรกิจ S จะอ่อนไหวน้อยกว่า E ซึ่ง PS ratio เป็นเครื่องมือที่ช่วยมองได้ระดับนึง ซึ่งคงต้องใช้พิจารณาร่วมกับค่าอื่นๆประกอบครับ
โดย
baby-investor
พฤหัสฯ. ธ.ค. 17, 2009 3:39 pm
0
0
ดร. นิเวศน์กำลังกลุ้มใจเรื่องอนาคตรายการ Money Talk Daily
ตอนนี้แน่นอนแล้วนะครับว่า จะเปลี่ยนแปลงเป็น money talk week ออกอากาศ เสาร์-อาทิตย์ 22-23 น. แต่จะเป็นเวลานานเท่าไร ไม่แน่ครับ ขึ้นกับมีผู้ชมหรือไม่ และมี Sponsor เท่าไรครับ เร่ิมวันแรก เสาร์ 9 มกราคม 53 ครับ ขอบคุณสำหรับข่าวดีครับ ถึงแม้จะเหลือ 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่เราก็ยังมีรายการดีๆอย่าง money talk week ให้ติดตามครับ
โดย
baby-investor
พุธ ธ.ค. 16, 2009 4:21 pm
0
0
Price to Sales Ratio
ผมมองว่าการลงทุนในกิจการน่าจะดูกำไรที่ได้เทียบกับราคาที่เราซื้อนะครับ (ซึ่งก็คือค่า PE ratio) เหมือนกับว่าเราซื้อธุรกิจและเราทำธุรกิจจริงๆ แล้วมองว่าบริษัทนี้กำไรขนาดนี้ เราจะซื้อที่ราคาเท่าไหร่ กี่ปีคืนทุน กำไรที่ได้ยั่งยืนสม่ำเสมอหรือไม่ สำหรับในตัวของธุรกิจเองก็มีธุรกิจประเภทที่ขายสินค้าที่เน้นจำนวนมากๆ ซึ่งพวกนี้ก็อย่างเช่น พวกขายส่ง หรือพวกที่เน้นยอดขาย หรือพวกค้าปลีก (กลุ่มนี้ PS ratio จะต่ำ) อีกจำพวกหนึ่งก็เป็นธุรกิจที่ไม่ต้องเน้นขายมาก แต่ขอเอากำไรเยอะๆ ซึ่งก็จะเป็นพวกธุรกิจเฉพาะ หรือพวกธุรกิจอาหาร (กลุ่มนี้ PS ratio จะสูงกว่า) ดังนั้นผมคิดว่าการจะนำ PS ratio มาคิด คงต้องเทียบกับธุรกิจปรเภทเดียวกันนะครับ ไม่อย่างนั้นจะทำให้เข้าใจผิดได้
โดย
baby-investor
พุธ ธ.ค. 16, 2009 12:42 pm
0
0
วิถีชีวิตวิธีลงทุนแบบวีไอ โดย โจ ลูกอิสาน....ที่ต้องอ่าน
ทั้งมุมมอง วิสัยทัศน์ในการลงทุน แนวทางในการดำเนินชีวิต รวมถึงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น คุณโจถือเป็นบุคคลที่น่ายกย่องและน่าเอาเป็นแบบอย่างเป็นอย่างยิ่งครับ ขอบคุณคุณโจที่มอบสิ่งดีๆทั้งความรู้และคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ให้กับทุกๆคนครับ :bow:
โดย
baby-investor
จันทร์ ธ.ค. 14, 2009 7:32 pm
0
0
ดร. นิเวศน์กำลังกลุ้มใจเรื่องอนาคตรายการ Money Talk Daily
ขอเสนอความคิดเห็นสำหรับ money talk weekly นะครับ 1. อยากให้เชิญผู้บริหารมาออกสัปดาห์ละ 2 ท่านครับ เพราะปัจจุบันหารายการที่สัมภาษณ์ผู้บริหารแบบเป็นกิจลักษณะได้ยากเหลือเกินครับสำหรับช่อง money channel เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า 2. อยากให้เชิญผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนที่ยังไม่เคยมาออกรายการ หรือมาออกรายการน้อยกว่าบริษัทอื่นๆ 3. ถ้าเป็นไปได้อยากให้มีวันละ 2 ชั่วโมง รวม 2 วันก็ 4 ชั่วโมงเหมือนเดิมครับ 4. อยากให้ลดช่วงเกริ่นเข้ารายการ ซึ่งจะเพิ่มเวลาช่วงสัมภาษณ์ให้มากขึ้น 5. อยากให้มีการแจ้งล่วงหน้าว่าผู้บริหารบริษัทใดจะมาออกรายการ และเปิดโอกาสให้นักลงทุนส่งคำถามที่จะถามผู้บริหารและให้อาจารย์ทั้ง 4 ท่านเป็นสื่อกลางในการถามให้ครับ
โดย
baby-investor
อังคาร ธ.ค. 08, 2009 3:26 pm
0
0
พบ ดร.นิเวศน์ พี่ธันวา และพี่ web เสาร์ 5ธค52 ตลาดหลักทรัพย์
แต่มีข้อสังเกตของพี่ WEB นิดหน่อยว่า นักลงทุนแนว VI อายุยืนยาว คุณปู่ buffet ดูอายุน้อยไปเลยนะครับ เมื่อเทียบกับ VI ท่านอื่นที่พี่ WEB ยกยัวอย่าง :D
โดย
baby-investor
อาทิตย์ ธ.ค. 06, 2009 1:25 pm
0
0
++ กองทุนหุ้นไทย...บริหารแจ๋วขนาดนั้นเลยหรือ ++
ลองดูหุ้นที่กองทุนแต่ละกองถืออยู่ หลายๆตัวก็ไม่ได้ขึ้นมากมายนะครับ จะมีเพียงบางตัวเท่านั้นที่ขึ้นมาก แต่เมื่อเทียบ set ที่อิงกับ ptt pttep advanc (เพราะ maket cap เป็นอันดับต้นๆ) ซึ่งขึ้นไม่มากเท่าไหร่ ทำให้ผลตอบแทนของกองทุนดูเหมือนดีมากๆ ประกอบกับรวมปันผลเข้าไปด้วยอย่างที่คุณอะไรดีละบอกไว้ เลยดูเหมือนกองทุนทั้ง 5 จะดีมากๆ นี่ถ้าเซียนๆ VI ตั้งกองทุนบ้าง สงสัยผลตอบแทนที่ทำได้คงทำให้เป็นข่าวดังไปทั่วแน่ๆ :D
โดย
baby-investor
อาทิตย์ ธ.ค. 06, 2009 12:49 pm
0
0
จะหาข่าวแจ้งผลประกอบการในเวบ set ย้อนหลังหลายๆปีที่ไหนครับ
ตามนี้ครับ เว็บของ กลต สามารถดูข้อมูลที่มีประโยชน์ได้หลายอย่างเลยครับ ซึ่งรวมถึงงบการเงินด้วยครับ http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fin2/cgi-bin/findFS.php?lang=t&ref_id=74&content_id=1
โดย
baby-investor
อาทิตย์ พ.ย. 15, 2009 12:59 pm
0
0
ห้องนี้กับห้องนั้นมันแตกต่างกันมากเลยครับ
ผมว่าปีนี้กำไร 200-300% ถือว่าไม่ยาก นักลงทุนใหม่ๆที่เพิ่งเข้ามาก็ได้ไปไม่น้อย แต่ปีหน้าผมว่าไม่ง่ายอย่างนี้แล้วครับ ซึ่งความสำเร็จในปีหน้าจะเป็นตัววัดฝีมือครับ แนะนำให้ลงทุนแต่พอตัวนะครับ ค่อยๆลงทุน ค่อยๆหาแนวทางที่เหมาะสมกับตัวเอง ถ้าเริ่มจับทางถูก ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงครับ
โดย
baby-investor
พฤหัสฯ. พ.ย. 12, 2009 3:54 pm
0
0
ได้ไปเห็นประวัติ คุณ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ยอดเยี่ยมจริงๆ
น่าชมเชยจริงๆสำหรับคนที่สร้างตัวจากไม่มีอะไรเลย ขอบคุณสำหรับบทความดีดีครับ
โดย
baby-investor
จันทร์ พ.ย. 09, 2009 11:14 pm
0
0
เรื่องของเดือนวาด
[quote="chatchai"][quote="baby-investor"]นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเจ้าของไม่ควรสร้างศูนย์การค้าให้มีจุดอับ เพราะจะทำให้เก็บค่าเช่าได้ต่ำ
โดย
baby-investor
จันทร์ พ.ย. 09, 2009 11:07 pm
0
0
เรื่องของเดือนวาด
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเจ้าของไม่ควรสร้างศูนย์การค้าให้มีจุดอับ เพราะจะทำให้เก็บค่าเช่าได้ต่ำ :D แถมภาพโดยรวมดูเงียบเหงาอีกด้วย (ทำให้คิดถึงเจ้าของหุ้นซึ่งก็ไม่ต่างกันนะครับ)
โดย
baby-investor
จันทร์ พ.ย. 09, 2009 4:06 pm
0
0
เงิน 9 ล้านเพื่อการเกษียณ ความร่ำรวยหรือความจำเป็น?
[quote="baby-investor"][quote="นักดูดาว"]ยอดเยี่ยมครับ ..สมมุติว่ามี 6 ล้านบาท ใช้เงินผลตอบแทนรวมกับเงินต้นด้วยบางส่วน เป็นวิธีที่ดีสำหรับการเกษียณครับ ในขณะนี้ มีวิธีลงทุนอะไรบ้างครับ ที่ถอนเงินต้นออกมาได้ และให้ผลตอบแทนคงที่ 4% (เหลือ 3.4% เมื่อหักภาษีดอกเบี้ย)
โดย
baby-investor
พฤหัสฯ. ต.ค. 22, 2009 7:05 pm
0
0
เงิน 9 ล้านเพื่อการเกษียณ ความร่ำรวยหรือความจำเป็น?
[quote="นักดูดาว"]ยอดเยี่ยมครับ ..สมมุติว่ามี 6 ล้านบาท ใช้เงินผลตอบแทนรวมกับเงินต้นด้วยบางส่วน เป็นวิธีที่ดีสำหรับการเกษียณครับ ในขณะนี้ มีวิธีลงทุนอะไรบ้างครับ ที่ถอนเงินต้นออกมาได้ และให้ผลตอบแทนคงที่ 4% (เหลือ 3.4% เมื่อหักภาษีดอกเบี้ย)
โดย
baby-investor
พฤหัสฯ. ต.ค. 22, 2009 4:10 pm
0
0
เงิน 9 ล้านเพื่อการเกษียณ ความร่ำรวยหรือความจำเป็น?
และการเก็บให้ได้ถึง 6 ล้านใน 35 ปีก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ออมเดือนละ 7,401 บาท หรือปีละ 88,811 บาท (แต่ต้องเริ่มเก็บตั้งแต่เรียนจบและทำงานใหม่ๆนะครับ ในที่นี้ผมให้เริ่มต้นที่อายุ 25 ปี) แล้วสร้างผลตอบแทนปีละ 3.4% เหมือนเดิม แค่นี้อายุ 60 ก็มีเงิน 6 ล้านแล้วครับ แต่ผมว่าสิ่งที่ยากที่สุดคือความสม่ำเสมอในการเก็บออมครับ (เดี๋ยวนี้มีสิ่งล่อใจเยอะ น้องๆที่เพิ่งเรียนจบและเพิ่งมีรายได้อาจวอกแวกได้ :) ) และผมว่าถ้ายิ่งออมเร็วเท่าไหร่ได้ก็ยิ่งดีนะครับ ซึ่งถ้าทำได้ตามนี้เป้าหมายก็อยู่แค่เอื้อมครับ อายุ เงินเก็บแต่ละปี เงินที่มี %ผลตอบแทน จำนวนผลตอบแทน 25 88,811 88,811 3.40% 3,017 26 88,811 180,640 3.40% 6,137 27 88,811 275,588 3.40% 9,363 28 88,811 373,762 3.40% 12,698 29 88,811 475,271 3.40% 16,147 30 88,811 580,229 3.40% 19,712 31 88,811 688,753 3.40% 23,399 32 88,811 800,963 3.40% 27,211 33 88,811 916,986 3.40% 31,153 34 88,811 1,036,951 3.40% 35,229 35 88,811 1,160,991 3.40% 39,443 36 88,811 1,289,245 3.40% 43,800 37 88,811 1,421,856 3.40% 48,305 38 88,811 1,558,973 3.40% 52,964 39 88,811 1,700,748 3.40% 57,780 40 88,811 1,847,339 3.40% 62,761 41 88,811 1,998,911 3.40% 67,910 42 88,811 2,155,632 3.40% 73,234 43 88,811 2,317,678 3.40% 78,740 44 88,811 2,485,229 3.40% 84,432 45 88,811 2,658,472 3.40% 90,317 46 88,811 2,837,601 3.40% 96,403 47 88,811 3,022,815 3.40% 102,695 48 88,811 3,214,322 3.40% 109,202 49 88,811 3,412,335 3.40% 115,929 50 88,811 3,617,075 3.40% 122,885 51 88,811 3,828,770 3.40% 130,077 52 88,811 4,047,658 3.40% 137,513 53 88,811 4,273,982 3.40% 145,202 54 88,811 4,507,996 3.40% 153,152 55 88,811 4,749,959 3.40% 161,373 56 88,811 5,000,143 3.40% 169,872 57 88,811 5,258,826 3.40% 178,661 58 88,811 5,526,298 3.40% 187,747 59 88,811 5,802,857 3.40% 197,143 60 6,000,000
โดย
baby-investor
พฤหัสฯ. ต.ค. 22, 2009 3:41 pm
0
0
เงิน 9 ล้านเพื่อการเกษียณ ความร่ำรวยหรือความจำเป็น?
ผมว่าเก็บให้ได้แค่ 6 ล้านก็พอครับ โดยสร้างผลตอบแทนให้ได้ปีละ 3.4% ซึ่งซื้อหุ้นกู้กับฝากประจำก็น่าจะทำผลตอบแทนในระดับนี้ได้ โดยเราสามารถอยู่ได้จนถึงอายุ 85 พอดีครับ แต่ถ้าอยากให้แน่นอนกว่านี้ก็ต้องให้มีเงินต้นมากกว่านี้ หรือสร้างผลตอบแทนจากเงินต้นมากกว่านี้ ตัวเลขด้านล่างแสดงวิธีคิดนะครับ อายุ เงินที่มี %ผลตอบแทน ผลตอบแทน จำนวนเงินที่ใช้ในแต่ละปี 60 6,000,000 3.40% 203,841 360,000 61 5,843,841 3.40% 198,535 360,000 62 5,682,376 3.40% 193,050 360,000 63 5,515,426 3.40% 187,378 360,000 64 5,342,804 3.40% 181,514 360,000 65 5,164,318 3.40% 175,450 360,000 66 4,979,767 3.40% 169,180 360,000 67 4,788,947 3.40% 162,697 360,000 68 4,591,644 3.40% 155,994 360,000 69 4,387,639 3.40% 149,063 360,000 70 4,176,702 3.40% 141,897 360,000 71 3,958,599 3.40% 134,487 360,000 72 3,733,086 3.40% 126,826 360,000 73 3,499,912 3.40% 118,904 360,000 74 3,258,816 3.40% 110,713 360,000 75 3,009,529 3.40% 102,244 360,000 76 2,751,773 3.40% 93,487 360,000 77 2,485,261 3.40% 84,433 360,000 78 2,209,693 3.40% 75,071 360,000 79 1,924,764 3.40% 65,391 360,000 80 1,630,155 3.40% 55,382 360,000 81 1,325,537 3.40% 45,033 360,000 82 1,010,570 3.40% 34,333 360,000 83 684,903 3.40% 23,269 360,000 84 348,171 3.40% 11,829 360,000 85 0
โดย
baby-investor
พฤหัสฯ. ต.ค. 22, 2009 3:18 pm
0
0
ดร. นิเวศน์กำลังกลุ้มใจเรื่องอนาคตรายการ Money Talk Daily
ไปโวตมาเรียบร้อยแล้วครับ ยังไงผมคิดว่าอย่าเพิ่งวางใจนะครับ (จากการที่ติดตามมาโดยตลอดจะเห็นว่าแต่ก่อนมีรายการที่สัมภาษณ์ผู้บริหารอยู่หลายรายการ ทั้งรายการของคุณปฏิพร สิทธิพงษ์ หรือรายการของคุณชลพรรษา นารูล่า เดี๋ยวนี้ก็หายไปหมดแล้ว ที่มีเพิ่มมาก็มีการวิเคราะห์กราฟ ความเห็นจากนักวิเคราะห์ ดูจากรายการที่เพิ่มมาเหมือนกับว่าทางช่องเน้นให้นักลงทุนซื้อๆขายๆมากขึ้น) ในโลกของทุนนิยมอะไรก็เกิดได้ครับ ถ้ามีวิธีอะไรอื่นๆที่แสดงพลังของชาว vi ก็น่าจะดีนะครับ
โดย
baby-investor
พฤหัสฯ. ต.ค. 08, 2009 10:59 am
0
0
ขอความคิดเห็นการจัดงานสัมมนาไทยวีไอ ครั้งที่ 2 ครับ
สนับสนุนอีก1เสียงและขอไปด้วยครับ
โดย
baby-investor
ศุกร์ ต.ค. 02, 2009 9:59 pm
0
0
คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
ประสบการณ์จะสอนเขาเองครับ และเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ในการกระทำของตัวเขาด้วยครับ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปถ้าเขาล้มเหลว เราก็คงคิดว่าเขาเป็นคนผิดปกติจริงๆอย่างที่เราคิดไว้แต่แรก แต่ถ้าเขาสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในตลาดหุ้นได้ เราอาจจะคิดว่าเขาคิดถูกก็ได้ ผมเคยเรียนกับอาจารย์ท่านนึงซึ่งท่านเคยเอนทรานส์ไม่ติด หลังจากนั้น1ปี อาจารย์ผมไม่ไปไหนเลย อ่านหนังสืออยู่แต่ในบ้านอย่างเดียว ในท้ายที่สุดพอไปสอบใหม่ก็ติดในคณะที่ตั้งความหวังไว้ อีกคนเป็นญาติผมเอง ในสมัยยังเด็กด้วยความไม่ชอบเรียนหนังสือเลยออกจากโรงเรียน สมัยนั้นก็มีแต่คนมองว่าไม่เอาถ่าน หัวไม่ดี แต่ทุกวันนี้ไม่มีใครพูดถึงเรื่องในอดีตอีกแล้ว เพราะเขาทำการค้าจนร่ำรวย และคนแถวนั้นก็รู้จักและชื่นชมเขาทุกคน ซึ่งปัจจัยสำคัญคือเขาเป็นคนขยัน มีหัวการค้าและเจาะตลาดที่เป็น blue ocean ครับ ผมว่าคนที่จะประสบความสำเร็จได้ต้องมุ่งมั่น และใช้ทักษะที่มีให้เกิดประโยชน์ครับ และเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ ซึ่งถ้าไม่มีทักษะนั้นๆก็ยากทีเดียว แต่ถ้าทำอะไรในลักษณะที่ฉาบฉวยเป็นการพนันด้วยแล้ว มีโอกาสสูงทีเดียวครับที่จะก่อให้เกิดความเสียหาย แทนที่จะประสบความสำเร็จ กลับล้มเหลวด้วยครับ
โดย
baby-investor
ศุกร์ ต.ค. 02, 2009 3:12 pm
0
0
รบกวนช่วยแนะนำหนังสือหน่อยค่ะ
ควรหาหนังสือเกี่ยวกับการอ่านงบการเงินมาดูด้วยนะครับ แนะนำของ ดร.ภาพร ครับ
โดย
baby-investor
พฤหัสฯ. ต.ค. 01, 2009 11:42 pm
0
0
มีเงิน 100,000 บาท สามารถเปิด port ซื้อหุ้นได้ไหมครับ
เงินเท่าไหร่ไม่สำคัญครับ ผมคิดว่าการลงทุนควรเริ่มให้เร็วที่สุด ถึงวันนี้เงินจะยังไม่เยอะ แต่ค่อยๆลงทุนและหาความรู้ไปนะครับ สักวันพอร์ทจะใหญ่ขึ้น ขอให้ประสบความสำเร็จนะครับ
โดย
baby-investor
พฤหัสฯ. ต.ค. 01, 2009 11:39 pm
0
0
เป็นกันบ้างไหมครับ set ขึ้น แต่หุ้นเราตก?
จิตวิทยาในการลงทุนสำคัญมากครับ บางทีถือหุ้นดีแต่ราคาไม่ไปไหน บางทีถือหุ้นมีความเสี่ยง ราคากลับขึ้น บางทีต้องดูด้วยครับว่าเราเป็นนักลงทุนแบบไหน ถ้าใจร้อนก็ต้องจับจังหวะของนักลงทุนคนอื่นให้ออกว่าเขาสนใจอะไรอยู่ แต่ถ้าคิดว่าพิจารณามาดีแล้วแต่คนอื่นยังไม่เห็นมูลค่าของหุ้นตัวนี้ ก็ให้รอต่อไป วันนึงถ้าคนอื่นๆเห็น ราคาหุ้นก็ขึ้นเองครับ ผมลงทุนมาหลายปีแล้ว พอมองเห็นสิ่งต่างๆเหล่านี้ ยังไงต้องใจเย็นๆแล้วค่อยๆศึกษาไปเรื่อยๆนะครับ ถึงเราเห็นตัวไหนดีก็อย่าทุ่มหมดตัว บางทีนักลงทุนคนอื่นอาจมีมุมมองในด้านอื่นที่แตกต่างจากเราก็ได้ครับ
โดย
baby-investor
พฤหัสฯ. ต.ค. 01, 2009 3:00 pm
0
0
กำไรแสนล้านในหนึ่งปี:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ
ไม่รู้ปีนี้ท่าน dr. มีมูลค่าพอร์ทเพิ่มขึ้นเท่าไหร่นะครับ ปีนี้ถือเป็นปีทองของเซียนจริงๆ
โดย
baby-investor
จันทร์ ก.ย. 28, 2009 2:50 pm
0
0
Visit Company SYNEX
ขอจอง 2 ที่ครับ pm ไปเรียบร้อยแล้วครับ
โดย
baby-investor
อังคาร ก.ย. 22, 2009 5:01 pm
0
0
ถ้า CPALL 20 จะขายไหมครับ
ผมว่ามี 3 ปัจจัยหลักๆที่จะบอกว่า 20 บาทแพงไปหรือไม่ 1. growth 2. dr. effect 3. สภาวะตลาด ลองคละเคล้ารวมกัน บางที 20 บาทอาจไม่แพงก็ได้ แต่ถ้าปัจจัยใดขาดหายไป ราคา 20 บาทอาจดูแพงมากก็ได้ครับ
โดย
baby-investor
ศุกร์ ก.ย. 18, 2009 9:56 pm
0
0
จนถึงวันนี้หุ้นตัวใดบ้างเค้าไปกันสองสามเด้งแล้วแต่ยังไม่ขึ้น
[quote="killyz"]NOCULA
โดย
baby-investor
จันทร์ ก.ย. 14, 2009 12:10 pm
0
0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
ลองลบออกสัก 30 ครับ ผมลองเขียนให้อยู่ในรูปสมการนะครับ เผื่อดูง่ายขึ้น (หน้าที่ต้องการเปิด - 1) x 30 = ตัวเลขที่ต้องใส่ลงหลัง&start เช่น ถ้าต้องการเปิดหน้า 13 เราก็ใส่ตัวเลขลงในสมการดังนี้ (13-1)x30=360 จากนั้นเราก็เอา 360 ไปใส่หลัง &start ครับ ปล. ตามดูกระทู้นี้มานานพอสมควรแล้วครับ หลักการนี้ผมคิดว่าจะมีประโยชน์กับหลายๆคนมากๆครับในการตามอ่าน
โดย
baby-investor
เสาร์ ก.ย. 12, 2009 11:21 pm
0
0
หัดรู้เรื่อง งบการเงิน
เป็นกระทู้ที่มีประโยชน์มากครับ ต้องขอบคุณคุณ sattaya ที่สละเวลามาให้ความรู้ด้วยครับ
โดย
baby-investor
เสาร์ ก.ย. 12, 2009 10:44 pm
0
0
Commission Broker ไหนที่ถูกที่สุดคัรบ
ค่าคอม ผมว่าเป็นปัจจัยนึงนะครับ แต่อีกปัจจัยที่ห่วงไม่แพ้กันคือโบลกที่เราใช้บริการอยู่ จะล้มหายตายจากไปหรือไม่ สถานะทางการเงินแข็งแกร่งขนาดไหน หรือมีความน่าเชื่อถือมากน้อยขนาดไหน เพราะทั้งเงิน ทั้งหุ้น ผมว่าแต่ละคนที่อยู่กับเขาคงเป็นตัวเลขตั้งแต่ 7 หลักขึ้นไป ขอถามเพื่อนๆเพิ่มเติมหน่อยนะครับว่า ถ้าโบลกล้มหายตายจากไป หรือมีการยักยอกสินทรัพย์ของเรา เราจะทำอย่างไรได้บ้าง สินทรัพย์ของเราจะได้รับคืนหรือไม่ เห็นกองทุนคุ้มครองผู้ลงทุนในหลักทรัพย์ประกันความปลอดภัยทรัพย์สินเราเป็นมูลค่าแค่ 1 ล้านเท่านั้น
โดย
baby-investor
เสาร์ ก.ย. 12, 2009 10:54 am
0
0
Warren Buffett's quote on margin of safety
[quote="i_sarut"]หุ้นดีแต่ไม่มี margin of safety ก็ไม่ใช่การลงทุนที่ดีครับ แต่ในกรณีที่จะถือยาวนานมากๆแบบปู่บัฟ ถ้าธุรกิจยอดเยี่ยมมากๆขายในราคาที่เหมาะสมก็อาจจะเป็นข้อยกเว้นนะครับ แต่ยังไงก็ต้องไม่แพงไปอยู่ดี
โดย
baby-investor
เสาร์ ก.ย. 12, 2009 10:11 am
0
0
คุณจะสามารถหาโอกาสฟังท่านอ.พูดเรื่องการเมืองได้จากที่......
ได้มุมมองเพิ่มเติมตอน 10:30 น. จากอาจารย์สมชายด้วยครับ ถือว่าครบรสชาดทีเดียว ทั้งหุ้น ทั้งการเมือง ทั้งเศรษฐกิจ
โดย
baby-investor
ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 5:09 pm
0
0
ช่วงเวลานี้ใช่มั้ยครับ ที่ควรจะกลัว
หุ้นขึ้นก็กลัว (กลัวตกรถ :'O ) หุ้นลงก็กลัว (กลัวบาดเจ็บ :vm: ) หุ้นนิ่ง (กลัวผลตอบแทนไม่คุ้มกับการลงทุน :pray: ) สติเท่านั้นครับที่ช่วยให้เรารอดได้ในทุกสถานการณ์ :idea:
โดย
baby-investor
ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 3:27 pm
0
0
อาซิ้ม indicator, Dr. effect
เคยเดินผ่านห้องค้าของ KIMENG ก็ดูคึกคักนะครับ ส่วนอาซิ๊มหลายๆคนที่พอรู้จักก็เริ่มกระปรี่กระเปร่าแล้ว นอกจากนี้คนที่โทรมาสอบถามหุ้นทางโทรทัศน์ก็ดูคับคั่งมากขึ้น สิ่งเหล่านี้คงบอกอะไรได้บ้างนะครับ
โดย
baby-investor
พุธ ก.ย. 09, 2009 12:15 pm
0
0
ถ้าคำสั่งซื้อที่ตั้งไว้ เรามา cancel ตอนก่อนเปิดตลาด ได้ไหม
ยืนยันว่าได้อีกเสียงครับ
โดย
baby-investor
อังคาร ก.ย. 08, 2009 11:48 pm
0
0
ซอฟแวร์ขึ้นที่ช่วยในการคัดกรองหุ้นและช่วยในการตัดสินใจลงทุน
สิ่งที่อยากได้จาก software คือชื่อนักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นแต่ละตัวเรียงตามปริมาณหุ้นจากมากไปน้อยของหุ้นแต่ละตัวในแต่ละวันครับ รวมถึงมีการประมวลบุคคลที่สำคัญที่ซื้อหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ (ทั้งนักลงทุนรายใหญ่ หรือคนใกล้ชิดผู้บริหาร) หรือสามารถ key ชื่อบุคคลต่างๆเพื่อหาข้อมูลการซื้อขายในอดีตและปัจจุบันของเขาได้ครับ
โดย
baby-investor
อังคาร ก.ย. 08, 2009 11:37 pm
0
0
กระทู้รายงานการซื้อขายผู้บริหาร 59-2 ประจำวัน
อยากได้ข้อมูลการซื้อขายหุ้นของภรรยา ลูกๆ พี่น้อง หรือคนใกล้เคียงของผู้บริหาร ที่อาจมีนัยยะต่อหุ้นบริษัทนั้นๆด้วยครับ ไม่ทราบว่าสามารถหาจากแหล่งไหนได้บ้างหรือเปล่าครับ ผมว่าข้อมูลส่วนนี้จะเป็นประโยชน์กับนักลงทุนอย่างมากเลยครับ
โดย
baby-investor
อังคาร ก.ย. 08, 2009 11:08 pm
0
0
สอบถามเรื่องเครดิตปันผล BCP-DR1 ครับผม
ปันผลจาก BCP-DR1 จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ดังนั้นสามารถขอคืน 10% ตรงส่วนนี้ได้ครับ โดยนำรายได้จากปันผล BCP-DR1 ไปใส่ตรงส่วน 40(4)(ก) ตอนยื่นภาษีครับ ยังไงผมคิดว่าควรขอคืนครับ นอกจากคุณ thanyalentino จะมีรายได้มากจนกระทั่งไม่สามารถนำส่วนนี้ไปรวมกับรายได้อื่นได้ จึงไม่ควรยื่น เพราะจะทำให้ต้องเสียภาษีเพิ่มอีก
โดย
baby-investor
จันทร์ ก.ย. 07, 2009 3:09 pm
0
0
บริษัทที่น่าลงทุน
ช่วงที่ผ่านมา scc ถูก ptt ดึงคนไปพอสมควรจนต้องออกมาให้แหวน (มีการแซวกันว่าเหมือน lord of the ring เลยครับ :D ) สำหรับพนักงานที่ทำงานถึง 15 ปี 20 ปี เพื่อรั้งคนเอาไว้ครับ เพราะ scc เสียค่าใช้จ่ายกับการเทรนพนักงานไปเยอะครับ เรื่องมันสมองนี่ไม่ค่อยเข้าใครออกใครครับ บริษัทที่ให้ความสำคัญกับเรื่องมันสมองก็ซื้อตัวเลยครับ และบริษัทไหนให้มากกว่า มีอนาคตกว่า พนักงานก็ไปครับ
โดย
baby-investor
จันทร์ ก.ย. 07, 2009 3:00 pm
0
0
161 โพสต์
of 4
ต่อไป
Verified User
ชื่อล็อกอิน:
baby-investor
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พุธ มิ.ย. 03, 2009 9:16 pm
ใช้งานล่าสุด:
จันทร์ เม.ย. 19, 2010 2:29 am
โพสต์ทั้งหมด:
312 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.02% จากโพสทั้งหมด / 0.05 ข้อความต่อวัน)
ลายเซ็นต์
LifeLong Learning
LifeLong Investing
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว