มีเงินอยู่ 20000 สามารถเปิดพอร์ตได้ไหมครับ ส่วนเปิดได้เปิดไม่ได้มีคนตอบให้แล้วครับ ตามนั้น โดย arksit พุธ มิ.ย. 23, 2010 3:51 pm

มีเงินอยู่ 20000 สามารถเปิดพอร์ตได้ไหมครับ โดยส่วนตัวขอแนะนำว่าเงิน 20000 ถ้าเปิดกับบริษัทที่มีค่าคอมขั้นต่ำ 50 บาทต่อวัน น่าจะไม่คุ้ม เพราะถ้าซื้อหมด 20000 เลย ก็จะยังเสียค่าคอมมากกว่าค่าคอมขั้นต่ำต่อวันอยู่ดี 20000*0.15% = 30 บาท ถ้า trade กับบริษัทที่มีค่าคอมขั้นต่ำก็ต้องเสียจริงถึง 50 บาท ส่วนจะเปิดกับบริษัทไหนนั้นนอกจากจะต้องดูเรื่องค่าคอมขั้นต่ำยังจะต้องดูอีกหลายๆเรื่องด้วยกันในการพิจารณาประกอบ เช่น -เรื่องการโอนเงินเข้าเงินออก -ธรรมาภิบาลของบริษัทที่เราจะไปเปิดด้วย -maketing ที่เราจะเปิดด้วย อันนี้เฉพาะตัวจริงๆไม่ขึ้นกับบริษัท -ระบบคอมพิวเตอร์ในการ trade ว่าสะดวกไหม อาจจะลองสมัครแบบทดลองใช้ดูก่อนก็ได้ว่าถูกใจไหม ฯลฯ แต่ก่อน trade หุ้นผมแนะนำว่าควรจะมีความรู้ก่อนครับ ไม่เช่นนั้นถ้าแห่ตามซื้อเงินสองหมื่นจะเหลือศูนย์ได้ครับ โดย arksit พุธ มิ.ย. 23, 2010 3:50 pm

ข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดของ port คือว่าผมคิด  6 % ของสิบล้านได้แค่ 6 แสนเองอะ ก็ตกเดือนละห้าหมื่น ผมก็ว่าพอกินนะ ส่วนหุ้นที่ซื้อราคาสิบล้านแล้วปันผลหกล้านก็เคยเจอบ้างอยู่เหมือนกัน แต่ราคาที่ซื้อก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะ Mr.market จะเห็นมูลค่า แล้วราคาก็จะกลับเข้าสู่ความจริง ถ้าเจอก็จัดว่าเป็น หุ้น superstock ครับ ส่วนกำไร 100 % จะคิดก็คิดได้ครับ แต่ผมว่าถ้าจะให้ดีต้องดูกำไร 10 ปี แล้วมาเฉลี่ยน่าจะถูกกว่า อาจจะพอนับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จนะครับ แต่ยังไม่ถือว่าสำเร็จซะทีเดียวต้องดูผลตอบแทนระยะยาวครับ สำหรับผลตอบแทน 100 % ในปีเดียวผมคิดว่าไม่ยากนะครับ จะขอยกตัวอย่างตอน hamberger crisis ปลายปี 51 ตอนนั้นดัชนีอยู่ที่ 380 ตอนนี้ดัชนีมาอยู่ที่ 800 จุด เวลาผ่านไปปีก่าๆเอง บางคนอาจจะแย้งว่าปี 51 ถึงตอนนี้ก็ สองปีแล้วสิ ผมไปเปิดข้อมูล set เดือน มี.ค. 52 ดัชนียังอยู่ 400 นิด ๆ แสดงว่า ผลตอบแทนเมื่อเทียบกับดัชนี ถ้าลงทุนมาตอนมี.ค. ปีที่แล้ว ได้ 100 % ก็ไม่แปลกครับ เพราะขึ้นมาเท่ากับดัชนีเลย แต่ถ้าช่วง มี.ค. 52 ลงทุนในกลุ่มแบงค์บางตัว อาจได้ผลตอบแทนมากกว่า 400 - 500 % ซะด้วยซ้ำครับ ส่วนอิสระภาพทางการเงินความหมายกว้างๆ ก็หมายความว่ามีรายได้มากกว่ารายจ่ายอยู่แล้ว ส่วนบ้านนั้นคนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นทรัพย์สิน แต่จริงๆแล้วเป็นได้ทรัพย์สินและ หนี้สินได้ครับ คือ ทำให้เราได้เงิน หรือ เสียเงินก็ได้ครับ ขึ้นอยู่กับว่าจะไปใช้ประโยชน์อย่างไร ส่วนคำถามว่าคุณได้อะไรจากบ้านคำตอบก็คือที่บอกแล้วว่าคุณใช้อะไรจากบ้านหละ โดย arksit พุธ มิ.ย. 23, 2010 12:58 am

ถ้ามีหุ้นแค่ 1 หุ้นแล้วเราไปประชุมผู้ถือหุ้นนี่ น่าเกลียดไหม โทดทีพิมพ์ผิด รายการ โดย arksit พฤหัสฯ. มี.ค. 25, 2010 7:48 pm

ถ้ามีหุ้นแค่ 1 หุ้นแล้วเราไปประชุมผู้ถือหุ้นนี่ น่าเกลียดไหม ก่อนอื่นขออนุญาติอ้างชื่อคุณพรชัยก่อนนะครับ ผมเคยจำได้ครั้งหนึ่งคุณพรชัยเคยออกราย แล้วเล่าว่า เขาอยากเป็นVI ตัวจริง ก็เลยอยากไปเจอต้นตำหรับ VI ก็เลยซื้อหุ้น berkshire hathaway มา 1 หุ้น เขาเน้นด้วยนะครับว่า หุ้นที่เขาซื้อเป็น class B นะ  ในที่สุดคุณพรชัยก็ไปพบต้นตำหรับ VI สมความตั้งใจ ผมคิดว่า อาย หรือ ไม่อาย  ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ที่คิดอยู่ในใจมากกว่าครับ โดย arksit พฤหัสฯ. มี.ค. 25, 2010 7:48 pm

เม่าสามารถทุ่มเงินซื้อหุ้นตัวเดียวทันทีโดยราคาไม่ขึ้น เม่าสามารถทุ่มเงินซื้อหุ้นตัวเดียวทันทีโดยราคาไม่ขึ้น ยกตัวอย่างเม่ามีเงินซัก 1 ล้านบาท ไปซื้อหุ้นตัวนึงคิดว่าหุ้นตัวนี้ดีสุดๆ เช่น หุ้น sat ตอนราคาประมาณ 6 บาท ทุ่มซื้อหมดตัวเลย ราคาก็ยังไม่ขึ้นเท่าไหร่ แต่ถ้าพี่กองสิ port เป็น 100 ล้าน คิดดูสิซื้อโครมเดียวราคาคงขึ้นไปแทบ ceiling แน่นอน โดย arksit อังคาร มี.ค. 09, 2010 7:00 pm

เม่าสามารถถือหุ้นได้นานเท่านาน เม่าสามารถถือหุ้นได้นานเท่านานตราบใดที่ยังคิดว่าหุ้นตัวนนั้นดี และไม่คุ้มที่จะขาย สมมติว่า เม่าติดหุ้นตัวหนึ่งอยู่ขอยกจากประสบการณ์จริงก็แล้วกันนะ เม่าซื้อหุ้น tisco เมื่อปี 51 ที่ 18 บาท ต่อมาปี 52 tisco เจอ hambergur cirsis ราคาล่วงลงที่ 6 บาท ถ้าเม่าเป็นกองก็คงต้อง cut loss ไปแล้วที่ประมาณ 13 -17 บาท เนื่องจากถ้ายังเก็บไว้คงเป็นตัวเลขเน่าๆตัวนึงใน port ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่ชอบ แต่เม่าที่มั่นใจสุดๆยังเก็บไว้ โดยไม่ขายทิ้ง .... 3 ปีผ่านไป ไวเหมือนโกหก .... วันนี้ tisco ราคา 24 บาทกว่าๆแล้ว เห็นไหมว่าถ้าตกใจวันนั้นก็ต้องนั่งน้ำตาซึมวันนี้ โดย arksit อังคาร มี.ค. 09, 2010 6:53 pm

แมงเม่าไม่โดนกดดันจากผู้ลงทุนในหน่วยลงทุน แมงเม่าไม่โดนกดดันจากผู้ลงทุนในหน่วยลงทุน สงสัยละสิ อันนี้เม่าเทียบกับกองนะ ยกตัวอย่างตอนยุค .com รุ่งในอเมริกา วอเร็นไม่ยอมซื้อหุ้นในธุรกิจคอมพิวเตอร์เนื่องจากเมื่อเขาไม่เข้าใจอะไรเขาจะไม่ลงทุนกับธุรกิจนั้น ทำให้หุ้นเขาร่วงลงมาเหลือ 20000 กว่าเหรียญ เนื่องจากคนในตลาดอเมริกาในขณะนั้นคิดว่าหมดยุคของวอเร็น แล้ว เขาแก่เกินไปที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ ผู้จัดการกองทุนอื่นๆก็เช่นกัน ถ้าไม่ยอมลงทุนในอุตสาหกรรม คอมพิวเตอร์ ก็ถูกตราหน้าจากผู้ซื้อหน่วยลงทุน แล้วเป็นอย่างไรหละ เมื่อยุค .com ล่มสลายลง หุ้นกลุ่มนี้ลงอย่างไม่เป็นท่า กองต่างๆ ต่างขาดทุนเนื่องจากซื้อหุ้นพวกนี้ไว้ ทั้งที่หุ้นพวกนี้ไม่มีกำไรเลย หุ้นของวอร์เร็นกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง วอร์เร็นต้องใช้ความกล้าหาญมากจากการกดดันจากผู้ลงทุนในบริษัทของเขา เห็นไหมว่า ถ้า วอร์เร็นเป็นเม่าก็คงจะสบายใจกว่านี้ไม่ต้องรับแรงกดดันจากผู้ถือหน่วยลงทุน โดย arksit อังคาร มี.ค. 09, 2010 6:40 pm

แสดงความเป็น vi ถึงขั้นแล้วครับ แสดงว่าความเป็น vi ถึงขั้นแล้วครับ เนื่องจาก ....... สำหรับชีวิตส่วนตัวของบัฟเฟตต์ เขาแต่งงานกับ ซูซาน ทอมป์สัน เมื่อปี 1952 มีลูกด้วยกัน3 คนคือ ซูซี่ ฮาเวิร์ด และปีเตอร์ อย่างไรก็ดี ทั้งคู่แยกกันอยู่ในปี 1977 และยังคงสถานะแต่งงานจนกระทั่งฝ่ายหญิงเสียชีวิตในปี 2004 เลิกเนื่องจากอะไรคงอาจคิดออกนะครับ ชีวิตส่วนตัวอาจจะประหยัดมัธยัสถ์สุดๆ เห็นไหมเลียนแบบปรมจารเลย โดย arksit พุธ มี.ค. 03, 2010 9:53 pm