หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
pornchai_w
Blog ของคนใช้เงินเก่ง ^_^
http://pefinance.wordpress.com/about/
Joined: พฤหัสฯ. ธ.ค. 24, 2009 8:31 pm
247
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - pornchai_w
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
ทุกครั้งที่ได้พบได้คุยกับโย มีมิตรภาพและความรู้ดีๆ ตลอดมา หลับให้สบายครับ RIP ครับโย
โดย
pornchai_w
อังคาร ต.ค. 19, 2021 10:08 am
0
3
Re: ชวนมาร่วมโหวต-โครงการถอดเทป Oppday by ThaiVI 30 : Q1/2021
BTS / CPALL / HUMAN / NER
โดย
pornchai_w
อังคาร เม.ย. 13, 2021 2:32 pm
0
0
Re: VI สายดำ Charity 4 ตค. 57
ไปอบรบครับ จะเข้ามาจองให้ทัน ^^
โดย
pornchai_w
พฤหัสฯ. ส.ค. 28, 2014 11:38 am
0
0
Re: ประสปการณ์ในการจองอบรมคอร์ส vi
โห้อะไรจะขนาดนั้น ^^ ผมมีวิธีใหม่ รวมกลุ่มกัน10คนนัดพี่ๆที่เป็นวิทยากรมาเลี้ยงข้าวสักมื้อก็ได้คุยแบบใกล้ชิดแล้ว ^^
โดย
pornchai_w
ศุกร์ เม.ย. 12, 2013 7:47 pm
0
2
Re: เงินมันไปไหน ใครรู้ตอบหน่อย
เดาครับว่า เงินที่เข้ามาโดยตรงอาจพักไว้ที่บัญชีธนาคารเพื่อความคล่องตัว โดยไม่ไปใส่ในตราสารหนี้ ส่วนเงินที่ได้จากการขายหุ้นก็ยังไม่โอนออกเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อเตรียมทุ่มซื้ออะไรบางอย่างในระยะเวลาอันใกล้นี้ (เดาล้วนๆ) :B
โดย
pornchai_w
อาทิตย์ มี.ค. 24, 2013 8:52 am
0
1
Re: ซื้อหุ้นง่ายกว่าเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยว ใครก็ทำได้
ผมเคยเจอเรื่องอย่างนี้มาเหมือนกันและ เคยเขียนเรื่องประมาณนี้ไว้ใน facebook ของผม ลองมาแชร์ให้ฟังครับ เงินทอง เรื่องส่วนบุคคล คนเราเวลาชอบอะไรสนใจอะไรก็จะอยากคุยเรื่องที่เราสนใจอยู่ เช่น บางคนชอบฟุตบอล หากเราชวนคุยเรื่องทีมที่ชอบ ตัวนักเตะ เกมส์ที่ประทับใจ ก็จะคุย วิเคราะห์เจาะลึกกันได้ อย่างละเอียด อาจจะชวนกันไปดูเกมส์ต่อด้วยซ้ำ บางคนมีลูกก็จะชอบคุยกันเรื่องลูก ตั้งแต่เริ่มคลอดไปจนเข้าโรงเรียน กันเลยทีเดียว แต่หากเป็นเรื่องที่เราไม่ได้สนใจ เราก็จะแค่ฟังแล้วเออออ กันไปสักพัก จากนั้นก็ชวนเปลี่ยนเรื่องคุย ยิ่งเป็นเรื่องที่ตัวเองไม่ชอบ เคยทำผิดพลาด หรือ ไม่ประสบความสำเร็จ ก็จะยิ่งไม่อยากพูดถึง และ ไม่อยากฟัง ดีไม่ดีจะมีการพูดเหน็บแนมกลับมา ด้วยซ้ำว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเลวร้าย หรือ เป็นเรื่องไม่จำเป็นสำหรับเขาเลย ซึ่งหนึ่งในนั้นผมว่าเป็นเรื่อง เงินๆ ทองๆ ผมเป็นคนชอบเรื่องการบริหารเงินทอง มาตั้งแต่เด็ก จดรายรับรายจ่ายกระทบยอดทุกวันสมัยเรียน ตอนที่สมัครบัตรเครดิตครั้งแรกภรรยาสอนผมว่า หากใช้บัตรรูดซื้อสินค้าแล้ว ให้นำเงินสดจำนวนเท่ากับที่รูดบัตรซื้อของมาเก็บใส่ซองไว้เพื่อรอจ่ายตอนบิลมา ซึ่งผมทำตามมาตลอด ทำบัญชีรับจ่ายรายปีและตารางคำนวณภาษี เพื่อแสดงว่าจะซื้อ LTF และ ซื้อประกันชีวิต ได้เท่าไร และ หากได้เงินปันผลจะได้เครดิตภาษีคืนเท่าไร มีการจัดสรรเงินเพื่อใช้ในสิ่งที่อยากได้ เช่น ท่องเที่ยวปีละ 3-4 ครั้งอย่างไม่มีปัญหาว่า จะต้องรอเงินโบนัสออกมาก่อน เรื่องการบริหารเงินและการลงทุน วันๆ ก็คิดวนเวียนว่า จะหาเงินอย่างไรได้บ้าง เพิ่มเติมความรู้ด้านธุรกิจ และ ด้านการเงิน การลงทุน มองหาวิธีการลงทุนอะไรที่จะทำให้เงินงอกเงย คราวนี้เวลาเจอเพื่อนๆ หลังจากคุยเรื่องสารทุกข์สุขดิบ ที่ไม่เจอกันไประยะหนึ่ง จนเริ่มหมดประเด็นคุย ก็จะเริ่มถามประมาณว่า มีเงินพอใช้จ่ายไหม มีเงินเก็บบ้างหรือไม่ สนใจลงทุนอะไรบ้าง ซื้อคอนโดหรือยัง หากจะแต่งงานมีลูก ได้วางแผนการเงินอย่างไร ซึ่งพอคุยประเด็นต่างๆ เหล่านี้ เพื่อนๆ หลายคนก็จะเริ่มอึดอัด และชวนเปลี่ยนเรื่องคุย เมื่อก่อนผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ ยังพยายามหวังดีว่าสิ่งนี้มันน่าจะช่วยให้ชีวิตเขาดีขึ้นได้บ้างนะ เพราะตัวเราพอทำแล้วไม่เคยมีต้องมีปัญหา เงินไม่พอใช้ หนี้สินรุงรัง ไม่มีเงินซะที ฯลฯ แต่สิ่งที่ได้ยินกลับมากลับเป็นประมาณว่า “เงินเราน้อย แค่จะใช้แต่ละเดือนยังไม่ค่อยจะพอเลย” “ว่าจะเก็บเงินเหมือนกันแหละ แต่เดี๋ยวต้องรอเงินเดือนออกก่อน” “ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นมีเยอะ ไม่เหลือให้เก็บหรอก” “ลงทุนอะไรมันเสี่ยงจะตาย” พอเริ่มรำคาญก็จะมีประโยคประมาณว่า “มีเงินก็ไม่ใช่ว่าจะมีความสุข ชีวิตมีอะไรมากกว่าหาเงิน” “ตอนนี้เราก็มีความสุขดีแล้ว (เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ)” ฯลฯ จนวันหนึ่งได้คุยกับคนที่ชี้ทางสว่างให้เราว่า สิ่งที่เราคิดว่าดีสำหรับเรา คนอื่นอาจจะไม่ได้คิดว่าดีสำหรับเข้า หรือ ไม่ได้ต้องการสิ่งนั้นเหมือนกับเรา ดังนั้น เราไม่ควรไปบังคับให้คนอื่น ให้ชอบหรือคิดให้เหมือนกับเรา ก็บอกแล้วว่า เงินทอง มันเป็นเรื่องส่วนบุคคล ^_^ ทุกวันนี้เวลาผมจะคุยเรื่องพวกนี้ผมจะต้องเช็คจนแน่ใจว่าเขาต้องการที่จะลงทุนจริงๆ เคยได้ยินคนที่มีความรู้ท่านนึงกล่าวไว้ว่า "เมื่อลูกศิษย์พร้อม อาจารย์จะปรากฎ"
โดย
pornchai_w
เสาร์ ต.ค. 06, 2012 9:21 am
0
1
Re: หุ้นตก อย่าตกใจมาดูอาม่า VI ตัวจริงดีกว่า
อยากบอกว่าภรรยาผมก็ซื้ออย่างนี้เหมือนกัน Wacoal, Tipco, LH, CPN ซื้ออย่างเดียวไม่เคยขายและบอกว่าไม่คิดจะขาย KDLTF ซื้อตั้งแต่ปี 2548 ยังไม่ยอมขายเลย ทั้งที่ไม่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีใดๆแล้ว เขาแค่โอเคที่ได้ปันผลจากหุ้นและกองทุนนี้ ก็เลยบอกว่าไม่รู้จะขายทำไม ขายไปก็ไม่รู้จะเอาไปลงทุนอะไร :B
โดย
pornchai_w
พฤหัสฯ. ก.ย. 29, 2011 9:17 pm
0
0
Re: งบ q2 ออกแล้ว ผิดหวังกับงบบริษัทไหน แล้วทำไงต่อ
DEMCO ข่าวที่ผู้บริหารออกมาให้ข่าว กับตัวเลขงบที่ออกมาจริงนี่ไม่ไปด้วยกันเลย รายได้ปีนี้ 5,000 ล้านจะเสกมาจากไหนเนี่ยะ ให้ความหวังไปวันๆ :twisted:
โดย
pornchai_w
จันทร์ ส.ค. 15, 2011 11:43 pm
0
0
Re: รบกวนถามพี่ๆว่า วันจันทร์ หุ้นไทยจะตกไหมคับ(วุฒิสหรัฐไม่
หุ้นขึ้นครับ (ตอบได้เพราะหุ้นขึ้นมาแล้ว) :8) :mrgreen:
โดย
pornchai_w
จันทร์ ส.ค. 01, 2011 10:11 pm
0
0
Re: กระดานหมากรุก กระดานหุ้น กระดานชีวิต
อ่านจบน้ำตาไหลเลย :'O โน๊ต เอาอะไรมาให้พี่อ่านเนี่ยะ ขอบใจมาก :D
โดย
pornchai_w
อาทิตย์ พ.ค. 01, 2011 1:13 pm
0
0
Re: กระทู้ PTL ชั่วคราว
ผมนั่งไล่อ่าน PTL อยู่ 3 ชั่วโมง ทั้งๆที่ไม่เคยสนใจหุ้นตัวนี้เลย ได้ยินหลายคนคุยกันตั้งแต่ราคา10กว่าบาท อ่านๆไป มาสะดุดตรงที่คุณ Madam ความรู้สึกคล้ายๆว่าเป็นคนเดียวกับคุณ Sabina ที่โพสที่เวปบอร์ด Settrade เมื่อก่อน ผมชอบตามไปอ่านดู มักจะมีคนเข้ามาทะเลาะกับแกบ่อยๆ และคอยเตือนมือใหม่ไม่ให้เชื่อคนๆนี้ ผมยังเคยบอกว่าให้คุยดีๆ นัดกินข้าวกันเลย แต่ไม่สำเร็จทะเลาะกันหนักกว่าเดิมอีก (แต่ถ้าไม่ใช่คนเดียวกันก็ขออภัย) เอาเป็นว่าลงทุนอะไรก็ศึกษาให้ดี เห็นว่าเซียนซื้อๆกันน่ะ เขาบอกให้ซื้อตั้งแต่ 10-20 บาท เป้าอาจจะอยู่ที่ 30 บาทในอีก3-5ปีข้างหน้า แต่พอ6เดือนราคาขึ้นไป 40บาท แล้วบางคนเข้ามาตอน 40บาท ก็ยังอุตสาห์ฝันว่ามันจะไปอีกแล้วบอกว่าเป็นวีไอ...เฮ้อ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ๆ หรือเซียนวีไอจริงๆ ไม่อยากโพสหรือเปลืองตัวกับการให้ความเห็นในปัจจุบัน
โดย
pornchai_w
พฤหัสฯ. มี.ค. 03, 2011 12:38 am
0
0
Re:
ในการทำงานนี่ ด้านหนึ่งคือผลโดยตรงจากการทำ จะเห็นว่างานทุกอย่างมีจุดหมายเพื่อแก้ปัญหาชีวิตและสร้างสรรค์สังคมอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น งานแพทย์ ที่เรียกเป็นอาชีพ แต่โดยตรงที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยกันแท้ๆ ก็คือ ทำให้คนไข้หายโรคมีสุขภาพแข็งแรง นี่คือความหมายที่ตรงกับผลตามกฏะรรมชาติ แต่พร้อมกันนั้น เมื่อเราทำงานก็มีระบบจัดตั้งของมนุษย์ซ้อนกันขึ้นมาว่า ด้วยการทำงานนี้ นอกจากให้เกิดผลของตัวงานต่อชีวิตและสังคมแล้ว ก็เป็นเหตุให้เราได้เงินมีค่าตอบแทนด้วย และผลตอบแทนที่ได้มานั้นก็เพื่อเป็นเครื่องเกื้อหนุนให้เราไม่ต้องห่วงกังวลต่อการเลี้ยงชีพ เพราะว่าคนเราต้องกินต้องอยู่ คนที่ทำงานทำด้วยความเข้าใจมีปัญญารุ้ความมุ่งหมายที่แท้จริง มีจิตใจร่วมมืออย่างนี้ ผลก็ดำเนินไปได้ดี แต่ถ้ามนุษย์เกิดความแปลกแยกขึ้นมา ก็จะมองด้านเดียว แคบๆ สั้นๆ ไม่ทะลุ ไม่ตลอดวงจร จะเอาแต่ในแง่ว่าฉันทำงานแพทย์ก็คือจะได้เงินมาก ได้ผลตอบแทนสูง ไม่คำนึงถึงผลโดยตรงของงาน นึกแต่ว่าทำอย่างไรจะให้ได้เงินมากที่สุด เราได้เงินหรือยัง เมื่อแปลกแยกแล้ว ปัญหาก็เกิดขึ้น ปัญหาแรกก็คือ ปัญหากับชีวิตของตัวเอง ที่ไม่ตั้งใจทำงานเพื่อผลโดยตรงของงานนั้น คือเพื่อความดีงานประโยชน์สุขของชีวิตและสังคม แต่มุ่งจะเอาเงินผลตอบแทนอย่างเดียว ก็เข้าสู่ระบบของความโลภ เริ่มด้วยชักจะไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่การงาน คนทำสวนไม่ได้คิดถึงผลตามกฏธรรมชาติที่ว่าจะให้ต้นไม้เจริญงอกงาม เขาไม่ได้ต้องการผลที่แท้จริงตามกฏธรรมชาติ เขาต้องการอย่างเดียวคืออยากได้เงินที่เป็นผลตามกฏสมมติของมนุษย์ เขาก็ทำงานเพื่อได้เงินอย่างเดียว จะเอาแต่เงิน ก็ไม่เต็มใจทำสวน 1. ทำงานไม่ได้ผลดี 2. จิตใจไม่มีความสุข จำใจทำไป ก็หาทางเลี่ยงไป ถ้าเจ้านายไม่มาดูก็นั่งนอนอยู่เฉยๆ พอเจ้านานยมาดูทีก็ลุกขึ้นไปทำที เพราะใจไม่เอา พี่ฉัตรชัยเขียนได้โดนจริงๆ พอคิดถึงตัวเองแล้วก็รู้สึก... :cry: รายได้จากการทำงานบริษัทก็มากอยู่ แต่ไม่รู้สึกว่าสิ่งที่ทำมันจะตรงกับที่ใจรัก (เหมือน VI โดนบังคับให้ซื้อหุ้นโดยดูกราฟแนวรับแนวต้าน) แต่ถ้าจะให้ออกไปทำงานในสิ่งที่รักตอนนี้ ก็เหมือนต้องไปเริ่มใหม่เงินเดือนน่าจะน้อยไปครึ่งหนึ่ง ตอนนี้ก็ฝันเหมือนหลายๆ คนที่จะสร้างอิสระภาพทางการเงินขึ้นมาให้มี รายได้จากการลงทุน (Passive Income) ให้เพียงพอสำหรับอยู่ได้ แล้วจึงไปทำงานที่อยากทำโดยไม่หวังที่จะทำงานเพื่อเงิน :lol:
โดย
pornchai_w
อาทิตย์ ก.พ. 20, 2011 6:22 pm
0
0
Re: เรืองเล่าวันแดงเดือด
โอ้โห้ เล่นกันทั้งบ้านเลย คนละแนวอีกต่างหาก น่าจะเป็นกรณีศึกษาได้เนอะว่า แบบไหนกำไรมากกว่า แต่แบบถือลืมกำไร40%นี่น่าสนเนอะ ไม่เสียค่าคอมไม่ต้องเครียดด้วย :lol:
โดย
pornchai_w
เสาร์ ก.พ. 19, 2011 12:51 pm
0
0
Re: งานเฮฮาประสาวีไอ Q1/54 ตอน แพ้ศึก อย่าแพ้สงคราม (12มีค)
จอง1ที่ครับ
โดย
pornchai_w
ศุกร์ ก.พ. 11, 2011 8:50 pm
0
0
Re: face book ยึกยักจังครับ
มูลค่า facebook 50,000 ล้านUS= มูลค่า 1.5 ล้านล้านบาท มากกว่า PTT ที่มี market cap=974,372 ล้านบาท ผมว่าธุรกิจ online มันไม่มี Durable Competitive Avantage (DCA) หรอก เมื่อสองปีก่อนมีเพื่อนชวนเล่น Hi5 และ Facebook ผมสมัครทั้งสองอย่าง แล้วมาถามเพื่อนที่ออฟฟิสว่า เพื่อนๆเล่นอะไรกัน แทบทุกคนตอบว่า "Hi5 สิเพื่อนเยอะดี ดูได้ว่าใครมาแอบดูเราบ้าง ดาราเล่นกันเยอะ ส่วน Facebook ประมาณว่าตามหาเพื่อนเก่า เพื่อนมหาลัย ไม่ค่อยมัน" Hi5 บูมมาก หลังจากนั้น..... ก็เงียบหายไป ผมว่าเสี่ยงมากกับธุรกิจแบบนี้ ต่อให้บอกว่าบริษัทจะปรับตัวเปลี่ยน features แต่ เด็กรุ่นใหม่ก็จะสร้าง social media ใหม่ๆ ขึ้นมา การย้ายไปเล่นที่ใหม่นี่ใช้เวลาแค่ แว๊บเดียว แค่มีคนจุดประเด็นสนใจขึ้นมาว่ามีเวปใหม่ เราก็เข้าไปสมัครไว้ เข้าไปคุยไปโพส พอคนเยอะขึ้นก็สนุกขึ้น เราก็จะไปเล่นที่ใหม่ ที่เก่าเราก็ล็อกอินเข้าไปน้อยลงในที่สุดที่เก่าก็เงียบไป ไม่ได้เขียนโจมตี Facebook นะเพราะผมก็ยังคงเล่นอยู่ทุกวันแต่ก็เริ่มเบื่อๆ และเห็นหลายคนก็เริ่มโพสน้อยลง ผมมองโลกแง่ร้ายไปหรือเปล่าเนี่ยะ
โดย
pornchai_w
เสาร์ ม.ค. 29, 2011 1:22 pm
0
0
Re: บริษัทไหนเริ่ม Go inter บ้างครับ
.......ถ้ารัฐบาลปรับระบบภาษี ให้บริษัทไทยที่ไปลงทุนต่างประเทศแล้วส่งเงินปันผลกลับไทย จากเดิมเสียภาษี30% .....เปลี่ยนเป็นไม่เสียภาษี บริษัทเหล่านี้จะได้ประโยชน์เต็มๆ :8) :8) :8)
โดย
pornchai_w
เสาร์ ม.ค. 08, 2011 7:28 am
0
0
Re: Wacoal ธุรกิจน่าสนไหมคับ
เป็นหุ้นที่ผมถือยาวที่สุดจนปัจจุบัน 7ปีเต็ม ผ่านวิกฤติมาแล้วหลายรอบ ราคาหุ้นไม่เคยสนใจใคร วันที่หุ้นตก 108จุด Wacoal ผมก็ไม่หวั่นไหว ปันผลปีละ 1.00 - 1.30 บาท ผมไม่มีวันขายหุ้นตัวนี้ออกจากพอร์ตได้เพราะ .... .... ภรรยาผมฝากซื้อ ไม่ต้องวิเคราะห์อะไรทั้งนั้นเพราะ เธอชอบของเธอ
โดย
pornchai_w
อังคาร ม.ค. 04, 2011 7:35 pm
0
0
Re: ทำไมบริษัทฯปรระกันชีวิตไม่ยอมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ผมก็รออยู่เหมือนกัน อยากให้เมืองไทยประกันชีวิต เข้ามาบ้าง ชอบที่เป็นบริษัทหัวคิดทันสมัย นี่ก็เพิ่งร่วมมือกับ Central เอาไปขายในห้างอีก หากลูกค้ากู้เงินกับ KBank ลูกค้าก็ทำประกันกับ เมืองไทยประกันชีวิต และ เมืองไทยประกันภัย :8) ตอนนี้เลยเก็บ MTI ไปพลางๆ :8)
โดย
pornchai_w
อาทิตย์ ธ.ค. 26, 2010 5:54 pm
0
0
Private Equity
โอนเงินไปโดนหลอกชัวร์ ทำธุรกิจกับคนที่รู้จักกัน เช่นร่วมกัน เปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ยังโกงกันได้เลย นี่ต้องโอนเงินไปต่างประเทศอีกยิ่งไปกันใหญ่ วันก่อนดูข่าวจากทีวีญี่ปุ่น ได้ยินว่า คนแก่ที่เกษียณแล้วที่นั่นหลายคนโดนหลอกให้ลงทุนในบริษัทญี่ปุ่นเองและบอกเหมือนกันว่า อีก2-3ปีบริษัทจะเข้าตลาดหุ้น พอจ่ายเงินไปรอแล้วก็ไม่ได้อะไร สุดท้ายรู้ว่าถูกโกง ทีวีเขาก็เลยเอามาบอกจะได้ไม่โดนหลอกกัน
โดย
pornchai_w
อาทิตย์ พ.ย. 21, 2010 12:41 pm
0
0
"บินก่อน ผ่อนทีหลัง"
หาเงินได้ก็ใช้บ้าง เก็บบ้าง ลงทุนบ้าง ให้เวลากับครอบครัว เพื่อนด้วย ผมขอถามคนอ่านเล่นๆ ว่า หากวันนี้พอร์ทลงทุนคุณมีหุ้นดังนี้ PTT 1,000,000 หุ้น SCC 1,000,000 หุ้น CPALL 10,000,000 หุ้น รวมๆแล้วก็พันล้านบาท ..... .... แล้วไงต่ออ่ะ นั่งมองจอแล้ว... คุณจะมีความสุขมากไหม... หากเราอยากได้แบบนี้ เราก็ต้องเก็บเงินทุกวิถีทางประหยัดเพื่อการลงทุนสูงที่สุด กรณี1 สมมุติว่าเงินเดือน 50,000 บาท ใช้จ่าย 5,000 บาท ลงทุน 45,000 บาท อะไรเปลืองๆ ไม่ใช้ทั้งนั้น กินแต่ข้าวกับมาม่า ไม่ไปสังสรรค์ คบเพื่อนไว้คุยเรื่องหุ้นอย่างเดียว.... อาจจะใช้เวลาสัก 20 ปี อาจจะทำพอร์ตได้ พันล้าน.... กรณี2 ได้เงินเดือน 50,000 บาท ใช้จ่าย 15,000 บาท (พาแฟนไปกินข้าว ไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้าง ดูคอนเสริต์ ดูหนัง) ลงทุน 20,000 บาท (วิเคราะห์หุ้นและเลือกซื้อตามพื้นฐานที่พอใจ) ให้ที่บ้าน 10,000 บาท (พ่อแม่ ส่งน้องเรียน) ใช้จ่ายที่อยากใช้ 5,000 บาท (กินเที่ยว เลี้ยงเพื่อน) ผ่านไป 20ปี พอร์ตอาจจะได้สัก 50 ล้าน สมมุติแบบเวอร์ๆว่า เมื่อผ่านไปถึงปีที่ 20นั้น เกิดเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายอยู่ได้อีก 2 เดือน ..... 20ปีที่ผ่านมา เราได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแล้วหรือเปล่า ถ้าเป็นคุณจะเลือกแบบไหน สำหรับผมขอแบบ มีความสุขกับการใช้ชีวิตและการลงทุนครับ
โดย
pornchai_w
เสาร์ พ.ย. 13, 2010 5:27 pm
0
0
ไม่เข้าใจ ดัชนีขึ้นมากขนาดนี้ หุ้นพื้นฐานดีๆ อนาคตดีๆไม่ขึ้น
การลงทุนของผมกับภรรยา ผมมีความรู้ วิเคราะห์บริษัท ลงทุนในหุ้นที่เลือกเอง ---->ดัชนี800 มา 1000 จุด ผลตอบแทน นิ่งหรือบางช่วงบวกลบนิดหน่อย ภรรยาผมไม่รู้เรื่องเงินๆ ทองๆ ซื้อLTF RMF หุ้น ----->ดัชนี800 มา 1000 จุด ผลตอบแทน 25% เฮ้อ.....................สงสัยต้องฝากภรรยาไปลงทุนบ้างแล้ว
โดย
pornchai_w
พฤหัสฯ. พ.ย. 04, 2010 12:13 pm
0
0
อยากทำ community mall
ขอให้กำลังใจคุณ DUKE ที่มีความตั้งใจที่จะดำเนินธุรกิจ community mall เท่าที่ดูจากที่ทุกคนเสนอร้านค้าเข้า community mall แล้วผมคิดว่า หากร้านค้าทั้งหลายยอมมาเข้าจริง ก็จะดีมากครับ น่าจะทำให้คนเข้ามาเดินมากและต่อเนื่อง แต่จากที่ผมเคยเห็นห้างต่างจังหวัดร้านค้าที่เข้ามาส่วนใหญ่ ร้านค้าจะเป็นแนวโชว์ห่วย ร้านอาหารทั่วไป และเป็นซุปเปอร์ท้องถิ่น ซึ่งร้านต่างๆ เหล่านี้จะมีคนมาเดินอยู่สักพักเดียวจากนั้นก็เงียบไป อีกอย่างตอนนี้ Lotus BigC ก็เจาะไปตามต่างจังหวัดคลุมพื้นที่ไปเรื่อยๆ หากห้างพวกนี้เข้ามาใกล้เราจะรับมือได้หรือไม่ รวมทั้ง CPN ก็เริ่มรุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับการประเมิน ต้นทุน รายได้ กำไร กลุ่มลูกค้า และ คู่แข่งว่า โดยสรุปแล้ว community mall ที่จะสร้างนี้สามารถที่จะสร้างกำไร ให้กับคุณ DUKE ได้เมื่อไรและยั่งยืนแค่ไหน เพราะเวลาคืนทุนคงไม่ใช่แค่ 5ปี10ปี ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
โดย
pornchai_w
เสาร์ ต.ค. 09, 2010 8:56 pm
0
0
DW ไม่ใช่การพนัน มันคือเกม
ปีเตอร์ลินซ์ เคยบอกในหนังสือประมาณว่า หากจะต้องเสียเงินจากการเล่น หุ้น ออปชั่นและอื่นๆ ที่เสี่ยงจะเสียเงินแบบนี้ ควรจะลืมตลาดหุ้นและไปที่บ่อนจะดีกว่า อย่างน้อยบรรยากาศ ดีๆในบ่อน ก็ทำให้คุณสามารถพูดได้ว่าคุณเล่นอย่างมีความสุข ถ้าคุณขาดทุนในหุ้นไม่มีอะไรปลอบใจในการมองกระดานหุ้น
โดย
pornchai_w
เสาร์ ต.ค. 09, 2010 6:41 am
0
0
เด็กเลี้ยงแกะมาแว้ว (๒ต.ค.๒๕๕๓) ลำปางหนาวมาก (เอาจริงดิ?)
ปลดด้วยคน
โดย
pornchai_w
อังคาร ต.ค. 05, 2010 8:56 pm
0
0
ช่วงนี้ใครๆก็หันมาสนใจหุ้น
ตราบใดที่คนยังกลัวๆ และสงสัยว่าตลาดหุ้นจะตก เพราะขึ้นมาแรงมาก ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง มันต้องพักฐาน ฯลฯ... ก็แสดงว่ายัง ตลาดจะยังขึ้นไปได้เรื่อยๆ 1,000 1,200, 1,400 1,700 เป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ วันใดที่ทุกคนมั่นใจว่าตลาดจะขึ้นไปเรื่อยๆ และไม่มีใครกลัวว่าจะตก กลัวแต่ว่าตัวเองจะตกรถไฟเที่ยวนี้ แล้วก็มั่นใจ ทุ่มเงินเข้ามาซื้ออย่างเต็มที่ ลาออกจากงานมาเล่นหุ้น กู้เงินใช้มาร์จิ้นกันอย่างไม่กลัว แล้วล่ะก้อ.... วันนั้นก็เตรียมหนีกันได้เลยครับ
โดย
pornchai_w
ศุกร์ ต.ค. 01, 2010 9:50 pm
0
0
นี้มันการพนัน ชัดๆเลย
ศุกร์ที่แล้วเปิดจะดู Most Active, Top Gainer เจอแต่พวก xxx01PA xxx13CB เต็มไปหมด ที่ผ่านมาแค่ Warrant ก็รู้สึกว่า มันเกะกะๆ อยู่แล้ว สำหรับคนที่เล่นหุ้นหลากหลายประเภทอาจจะรู้สึกสะดวกที่ดูกระดานเดียวแล้วเห็นหมดไม่ต้องเปิดไปเปิดมาหลายกระดาน แต่โดยความเห็นของผม ถ้าแยกกระดานก็น่าจะดีครับ
โดย
pornchai_w
จันทร์ ก.ย. 27, 2010 4:32 pm
0
0
ประมูล 3G สะดุดอีกรอบ ศาลรับคุ้มครองชั่วคราวกสท
ไปเจอบทความใน Facebook เรื่องราวที่มาที่ไปของ 3G ว่ากันไปถึงเรื่องในอดีต คิดว่าน่าสนใจจึงขอเอามาแบ่งปันกันครับ ยาวหน่อยแต่อ่านสนุก เข้าใจง่ายครับ http://www.facebook.com/#!/note.php?note_id=150725911628388&id=1302022903&ref=mf เมื่อ 3G ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยีเท่านั้นโดย Rood Thanarak ณ วันที่ 17 กันยายน 2010 เวลา 17:29 น. เพื่อนฝูงหลายคนชวนผมคุยเรื่อง 3G อยู่บ่อยๆ บ้างก็อยากรู้ว่าทำไมมันซับซ้อน บ้างก็อยากรู้ว่าทำไมบ้านเราไม่มี บ้างก็อยากรู้ว่าใครขัดขาใคร ฯลฯ ไหนๆวันนี้ 3G กำลังเป็นข่าวใหญ่ เลยขออนุญาตเล่า นิทาน เสียหน่อย ซึ่งการจะเข้าใจได้ก็ต้องย้อนอดีตทำความเข้าใจกันเล็กน้อย แต่ตั้งใจว่าจะเล่าแบบ สภากาแฟ ที่ไม่ต้องปีนบันไดฟัง เรื่องมีอยู่ว่า ... ย้อนเวลากลับไปหลายสิบปีก่อน ระบบโทรคมนาคมของบ้านเราบริหารงานกันโดย 2 องค์กรหลักคือ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (TOT) และ การสื่อสารแห่งประเทศไทย (CAT) หน่วยงานทั้งคู่เป็น รัฐวิสาหกิจ โลกในวันนั้น (ไม่เฉพาะในไทย) บริหารทรัพยากรกันด้วยระบบ สัมปทาน หมายถึงระบบที่ รัฐ เปิดให้ เอกชน เข้ามาแข่งกันเสนอผลตอบแทนให้รัฐ เพื่อแลกกับ สิทธิ ในการเข้ามาหาประโยชน์จากทรัพยากรนั้น ซึ่งในกรณีนี้คือ คลื่นความถี่ พอโลกหมุนมาจนรู้จักเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ รัฐไทย ก็เปิดสัมปทานให้ เอกชน เข้ามาลงทุนทำธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเอกชนก็ต้องส่งผลประโยชน์ให้รัฐ (ค่าต๋ง) ตามที่สัญญากันไว้ TOT ทำสัญญาสัมปทานกับ AIS CAT ทำสัญญาสัมปทานกับ DTAC และ TrueMove ดังนั้น ค่าต๋งให้รัฐ จึงส่งผ่านจาก AIS ไป TOT และจาก DTAC+TM ไป CAT ก่อนที่จะส่งต่อเข้ากระทรวงการคลังอีกทอดหนึ่ง #------------ จริงๆในวันนั้นมันมีความซับซ้อนกว่านั้นตรงที่มีการควบรวมบริษัท ฯลฯ ซึ่งขอข้ามไป เอาเป็นว่าท้ายสุดแล้ว ในวันนี้มีบริษัทมือถือ 3 ราย ที่ทำธุรกิจสัมปทานอยู่ แล้วกาลเวลาผ่านไปอีก โลกก็ได้รู้ว่าระบบ สัมปทาน มันไม่สามารถบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่าง มีประสิทธิภาพ ใครนึกคำว่าประสิทธิภาพไม่ออก ให้ลองนึกถึงสมัยที่การขอโทรศัพท์บ้านสักเบอร์ต้องกราบเท้าและใช้เวลาอย่างต่ำ 30 วัน แล้วจะเข้าใจ โลกจึงได้รู้จักคำว่า Privatization หรือการ แปรรูปรัฐวิสาหกิจ โดยหลักการ มันคือการเปลี่ยนรัฐวิสาหกิจให้เป็น บริษัทเอกชน รัฐบาลยังเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ จะมากหรือน้อยก็เป็นกรณีๆไป ซึ่งในทางทฤษฏีแล้ว เราเชื่อกันว่าการปรับเช่นนี้จะทำให้องค์กรเหล่านั้นถูก การแข่งขันในตลาด ผลักให้ มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยที่รัฐก็ยังเป็นผู้รับผลตอบแทนเช่นเดิม ส่วนในโลกแห่งความเป็นจริงมันจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่ เป็นเรื่องถกเถียงกันได้มาก สามารถเอาไปทำปริญญาเอกได้สบาย เช่นนี้ เมืองไทยเราจึง แปรรูปรัฐวิสาหกิจ กับเขาบ้าง TOT และ CAT กลายเป็นบริษัทเอกชน (ในทางกฏหมาย) มีกระทรวงการคลังถือหุ้น มีบอร์ดบริหารแต่งตั้งโดยรัฐบาล และถูก กำกับดูแล โดยกระทรวง ICT เล่ามาเสียยาว เพื่อสรุปให้ฟังวัน ในวันนี้ มือถือทั้งสามค่ายในบ้านเราทำธุรกิจใต้ระบบสัมปทาน ต้องจ่ายค่าต๋งให้ TOT กับ CAT ในขณะเดียวกัน TOT / CAT ก็ พยายาม ทำธุรกิจแข่งด้่วยบ้างในฐานะบริษัทเอกชน แต่ก็ไม่ได้สำเร็จเป็นกอบเป็นกำอะไร อย่างที่เราก็พอจะเดากันได้ จากนั้น โลกก็หมุนไปอีก แวดวงโทรคมนาคมทั่วโลกเรียนรู้กันแล้วว่าการ privatization อย่างเดียวไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงมีการจัดตั้งระบบ Regulator ขึ้นเป็นผู้กำหนดกฏ กติกา ในการทำธุรกิจของทุกคนในตลาด รัฐธรรมนูญ 2540 จึงกำหนดให้มี กทช. ขึ้นมาเป็น Regulator เป็นองค์กรอิสระ ไม่ขึ้นกับรัฐบาล มีอำนาจตรากฏ กติกา บังคับการทำงานของบริษัทโทรคมนาคมทุกเจ้าในตลาด ซึ่งหมายถึง AIS / DTAC / TM และ TOT กับ CAT ด้วยเช่นกัน นั่นหมายความว่า ในวันนี้ ตลาดโทรคมนาคมบ้านเรามีบริษัทเอกชน 3 แห่ง ทำงานใต้ระบบ สัมปทาน ที่ต้องเชื่อฟังรัฐในฐานะเจ้าของสัมปทาน (ผ่าน TOT / CAT) ในขณะเดียวกันก็ต้องเชื่อฟัง กทช. ในฐานะ Regulator ส่วน กทช. เองก็มีอำนาจออกกฏกติกา - แต่ก็ไม่สุด - เพราะถ้ามันไปขัดแย้ง (หรือถูกโยงให้ขัดแย้ง) กับ สัญญาสัมปทาน เมื่อไหร่ ก็ต้องฟ้องร้องกันไปว่าจะให้เอาอันไหนเป็นที่ตั้ง ระหว่างกติกาของ กทช. กับ ข้อกำหนดใน สัมปทาน และนั่นคือที่มาที่ไปอย่างรวบรัด ถึงความอิหลักอิเหลื่อของโครงสร้างอำนาจในแวดวงโทรคมนาคมไทย ........................ ทีนี้มาเรื่อง 3G กทช. จะทำระบบ 3G ในแบบ License (ใบอนุญาต) ซึ่งคล้าย แต่ไม่เหมือน กับระบบสัมปทาน เสียทีเดียว ความถี่ เป็นของ รัฐ (เน้นว่า รัฐ ไม่ใช่ รัฐบาล) กทช. ทำหน้าที่ให้ สิทธิ ในการใช้ความถี่ทำธุรกิจกับเอกชน เอกชนมีหน้าที่ทำธุรกิจตามเงื่อนไขที่ใบอนุญาตกำหนด เช่น ต้องวางโครงข่ายเท่าไหร่ ยังไง รวดเร็วแค่ไหน ได้กำไรมาแล้วจะแบ่งเงินให้รัฐอย่างไร ฯลฯ และเพราะเป็นระบบใหม่ ไม่ใช่สัมปทาน - คนเข้าประมูลจึงนับเป็น รายใหม่ ทั้งหมด มันคือการล้างไพ่ กำหนดเกมกันใหม่หมด ซึ่งจะเห็นว่าแม้บริษัทที่เข้าประมูลจะเหมือน หน้าเดิม แต่จริงๆแล้วเป็น บริษัทใหม่ ไม่ใช่บริษัทที่ทำธุรกิจ 2G โดยตรง Advance Wireless Network (3G) บริษัทลูกของ AIS (2G) DTAC internet service (3G) บริษัทลูกของ DTAC (2G) Real Move (3G) บริษัทลูกของ TrueMove (2G) ควรกล่าวด้วยว่า จำนวนคนเข้าประมูลสามารถมีได้มากกว่านี้ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเป็น รายเดิม ด้วย เพียงแต่เหตุผลบางอย่างจึงทำให้ไม่มีใครเข้ามาประมูล นอกจากผู้เล่นหน้าเดิมอย่างที่เห็น (บ้างก็ว่า กทช.ออกกฏไม่ดี ตั้งราคาแพงไป รัฐบาลมีนโยบายไม่ชัด ฯลฯ ก็แล้วแต่จะถกเถียงกัน) หลายคนอาจสงสัยว่าถ้าเช่นนั้น ทำไม TOT และ CAT ไม่เข้าประมูลด้วย คำตอบก็ง่ายมาก เพราะ TOT ได้ สิทธิ เปิดให้บริการ 3G แล้วตั้งแต่ 9 ปีก่อนภายใต้ชื่อ ไทยโมบาย ที่ถูกผลักดันโดย เทพเทือก ยอดคนดีแห่ง ศอฉ. ในวันนี้ ส่วน CAT นั้นมี สิทธิ ทำธุรกิจ CDMA อยู่แล้ว ทั้งที่ทำด้วยตัวเอง และทำโดยการให้ Hutch เข้ามาทำ (แต่แล้วก็เจ๊ง) นั่นแหละ เมื่อทั้งคู่มีสิทธิทำ 3G อยู่แล้ว จึงไม่ต้องมาประมูลให้เหนื่อย เมื่อ 3G เกิดแล้ว คงเดาได้ไม่ยากว่าคนไทยส่วนใหญ่ก็จะ อัพเกรด ตัวเองไปใช้ 3G เครือข่าย 2G ก็จะค่อยๆตายจากไปตามยุคสมัย อาจจะช้าหรือเร็วก็ขึ้นกับปัจจัยในธุรกิจ ดังนั้นระบบ สัมปทาน ก็จะค่อยๆหายไปในที่สุด ซึ่งนั่นหมายถึง เงินสัมปทาน ก็จะค่อยๆหดหายไปอย่างไม่ต้องสงสัย ........................ สถานการณ์ล่าสุด หลังจากล้มลุกคลุกคลานมาหลายต่อหลายครั้ง กทช. ชุดนี้ก็ผลักดัน(ประสานประโยชน์?) ให้การประมูลใบอนุญาตกำลังจะเกิดขึ้นได้ ในวันที่ 20 กันยายน นี้ ถ้าประมูลกันได้ ก็จะเริ่มวางระบบกันภายในเดือนพฤศจิกายน คาดกันได้เลยว่าจะมี 3G ให้ใช้ภายในครึ่งปีแรกของ 2554 แต่ถ้ามันไม่เกิดในครั้งนี้ ด้วยเงื่อนไข เทคนิค ข้อกฏหมาย (กทช. หมดอายุ, ต้องรอ พรบ.อื่นๆก่อน ฯลฯ) เป็นไปได้มากที่เราอาจต้องรออีก 2-3 ปีกว่าจะประมูล ใบอนุญาต กันอีกครั้ง ซึ่งถึงวันนั้น สัญญาสัมปทาน ก็อาจหมดอายุไปแล้ว ต้องวุ่นวายตั้งโต๊ะต่อสัญญาณกันอีกรอบ ฝุ่นตลบกันอีกหน ณ วันนี้ CAT ได้ฟ้องศาลปกครองว่า กทช. ใช้อำนาจผิดกฏหมาย เนื่องจาก กทช. ใช้อำนาจกฏหมายที่เกิดจากรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งโดน ฉีก ไปแล้ว พรบ.ความถี่นั้นจึงน่าจะโดนฉีกตามไปด้วย กทช. จึงไม่น่าจะมีอำนาจตามกฏหมาย (คนที่จะมีอำนาจตัวจริงควรจะเป็น กสทช. ที่จะจัดตั้งโดย พรบ. กสทช. แต่ พรบ. ที่ว่านี้ยังอยู่ในสภา) การประมูลขัดกับมาตรา 47 วรรค 2 ในรัฐธรรมนูญ ปี 2550 (ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่เขียนโดยคณะที่เลือกกันมาจากทีมงานรัฐประหาร) การมี 3G จะทำให้ CAT เสียรายได้จากเงินสัมปทานที่ลดลงปีละ 30,000 ล้านบาท ศาลปกครองมีคำสั่งระบุว่า; ร่างกฎหมาย กสทช. ได้ผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา เรียบร้อยแล้ว และยังได้ผ่านการพิจารณาแก้ไขของคณะกรรมาธิการร่วมแล้ว กำลังจะนำเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง ดังนั้น จะเป็นอุปสรรคในการทำงานขององค์กรกสทช.ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จึงมีเหตุที่จะออกมาตราการหรือคุ้มครองชั่วคราวเพื่อบรรเทาทุกข์ โดยให้กทช.ยุติการใช้ประกาศ กทช. เรื่องหลักเกณฑ์วิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 3จี ออกไปก่อน จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอี่น (อ้างอิง: มติชนออนไลน์ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1284640917&grpid=00&catid) กทช. กำลังจะยื่นอุทธรณ์ ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ต้องติดตามกันต่อไป ........................ เรื่องราวทั้งหมดนี้ มีประเด็นที่ผมอยากบอกเล่าเพิ่มเติม เป็นประเด็นในภาพกว้าง ที่ไม่ต้องก้าวล่วงถึงคำสั่งศาล เราทราบกันดีว่า TOT และ CAT นั้นมีสภาพอย่างไร เป็นองค์กร ธุรกิจ ที่มีประสิทธิภาพแค่ไหนในระบบตลาดทุนนิยมเสรี เราปฏิเสธไม่ได้่เช่นกันว่า รัฐวิสาหกิจ คือกลุ่มคนที่มีจำนวนมาก และเทอะทะที่สุดกลุ่มหนึ่งในสังคมไทยยุคนี้ ถ้าเราจะปล่อยให้ กลไกตลาด ทำงาน โดยเปิดให้มีการแข่งขันธุรกิจ 3G อย่างอารยะ แล้วให้ระบบสัมปทานค่อยๆตายจากประเทศนี้ไป คำถามที่พวกเราทุกคนต้องคิดกันต่อในฐานะเจ้าของประเทศก็คือ เราจะเอาอย่างไรกับ TOT / CAT เพราะถ้าพูดกันตามตรง ก็เดาได้ไม่ยากว่าพวกเขาน่าจะยืนทัดทานกระแสการแข่งขันธุรกิจได้ยากเหลือทน วันนี้ถ้าถอดตัวเลขเงินสัมปทานออกไป ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่า TOT / CAT จะยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองหรือไม่ และยืนยาวแค่ไหน อย่าลืมว่ารัฐบาลถือหุ้นใน TOT / CAT นั่นแปลว่าประชาชนไทยทุกคน เป็นเจ้าของ TOT / CAT ถ้าทั้งคู่ขาดทุน ก็ต้องเอาเงินภาษีของคนไทยนี่แหละ ไปอุดหนุน (หรือไม่ก็กู้เงินมา ซึ่งแปลว่าให้ลูกหลานเราจ่ายแทนเรา) ดังนั้นวันนี้ ต่อให้ CAT ไม่ฟ้อง วันหน้าก็ต้องมีปัญหาอยู่ดี ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ คนไทยทุกคน ต้องช่วยกันคิดว่าจะเอากันอย่างไร เพราะเราหลบปัญหามานานเกินไปแล้ว ปัญหานี้เป็นปัญหาพื้นฐาน และเป็นปัญหาโลกแตกในทุกประเทศที่ทำการ privatization นายกรัฐมนตรี โคอิซูมิ ของญี่ปุ่น ก็เจอมรสุมการเมืองอย่างหนักหน่วงในเรื่องทำนองนี้ เมื่อครั้งพยายาม ปรับ กรมการไปรษณีย์ในประเทศให้คล่องตัวขึ้น นอกจากนั้น เราต้องยอมรับว่า รายได้หลัก ของรัฐบาลไทยในวันนี้ มี สัมปทาน เป็นส่วนสำคัญ (ผมไม่มีตัวเลขว่ากี่ % แต่จำได้ว่าเยอะพอควร) ถ้าวันนี้ ค่าต๋ง เหล่านี้หายไป แล้วรัฐบาลไทยจะเอาเงินมาจากไหน (เพื่อไปซื้อเครื่องบินรบ) ............................... สำหรับเรื่องฟ้องร้องกันในวันนี้ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เราเข้าใจกันแล้วว่า CAT / TOT นั้นเป็นสองบริษัทที่อิหลักอิเหลื่อ เพราะมองมุมนึงพวกเขาเป็นบริษัทเอกชน มีหน้าที่ทำกำไรสูงสุดให้ผู้ถือหุ้น แต่มองอีกมุม เขาเป็น (อดีต) รัฐวิสาหกิจ ที่เป็นเจ้าของสัมปทาน แต่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ทั้งสององค์กรก็ย่อม ไม่ต้องการ ให้มีคนทำ 3G เพิ่ม (อันนี้มองในมุมองค์กรเลยนะครับ ไม่เกี่ยวอะไรกับตัวบุคคลเลยก็ได้) ถ้ามองเขาเป็นบริษัทเอกชน นี่แปลว่ากำลังจะมีการแข่งขัน เพิ่มขึ้น ถ้ามองเข้าเป็นรัฐวิสาหกิจ นี่แปลว่าเขากำลังจะ สูญเสียรายได้ที่สำคัญ คือค่าสัมปทาน เจ๊ง กับ เจ๊ง .. ว่างั้นแหละ 3G มันเลยไม่ได้เป็นเรื่องผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว แต่มันมีเรื่องของ คน และ รัฐวิสาหกิจ เข้ามาเกี่ยวด้วย วงการโทรคมมนาคม มันถูกผลักให้ ไปก่อน วงการอื่น(เช่น รถไฟ ไฟฟ้า ประปา ฯลฯ) แต่ก็ไปไม่สุด เมื่อเทียบกับวงการปิโตรเลียมอย่าง ปตท. ผมไม่แน่ใจว่าถ้าผมนั่งอยู่ตำแหน่งเดียวกับเขาเหล่านั้น ผมจะไม่ฟ้อง ไม่ทำทุกวิถีทางที่จะ เอาตัวรอด เพราะทุกคนมันต้องมองแยกส่วนแล้วเอาตัวรอดอยู่แล้ว เป็นธรรมชาติ โปรดสังเกตว่าคำฟ้องอันแรก ฟ้องโดย สหภาพแรงงาน กสท. ไม่ใช่ตัวบริษัท กสท.เอง และโปรดอย่าลืมว่า "ผู้บริหาร" ของ CAT/TOT เขาทำงานเพื่อรักษาผลประโยชน์ "ของบริษัท" ที่ถือหุ้นโดยรัฐบาล ดังนั้นเขาจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อ "เอาตัวรอด" จะไปด่าแล้วคาดหวังให้เขา "ยอมตายเพื่อชาติ" มันคงไม่เข้าท่าเท่าไหร่ (เผลอๆโดนร้องขึ้นมาว่าละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ต้องมีคดีความขึ้นมา ใครจะไปช่วยเขา) ทีนี้มาเรื่องฟ้อง .. เขาฟ้องอะไรกัน มีแง่มุมให้ฟ้องมากมายครับ ทั้งในระดับ เทคนิคกฏหมาย และในระดับ โครงสร้าง เอาง่ายๆ ถ้ามอง CAT/TOT เป็นบริษัทเอกชน เขาก็อาจมองได้ว่า กทช. ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐกำลังออ กกติกาทำให้เขา เสียประโยชน์ ดังนั้นจึงต้องฟ้องศาลปกครอง เพื่อให้ระงับคำสั่งปกครอง (โดย กทช.) ที่ทำให้เอกชนเสียประโยชน์หรือถ้ามองจากฐานคิดของรัฐวิสาหกิจ ก็ฟ้องได้อีกว่ามันจะทำให้รายได้สัมปทานหดหาย รัฐได้เงินน้อยลง เสียผลประโยชน์ของรัฐ บลาๆๆๆ วันนี้ เขาฟ้องไว้ 3 ข้อ ซึ่งข้อแรกคือสิ่งที่ศาลให้ คุ้มครองชั่วคราว (ซึ่งไม่ได้แปลว่าตัดสินแล้วว่า ผิด หรือ ถูก) รธน. 2540 แบ่งคลื่นความถี่ออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกบอกว่าเป็น โทรคมนาคม ให้มี กทช. เป็น regulator กลุ่มสองบอกว่าเป็น วิทยุโทรทัศน์ เลยให้มี กสช. เป็น regulator ผลคือกลุ่มสองผลประโยชน์โยงใยมากมาย ทำให้ตั้งกันไม่ได้เสียที พอเกิด รัฐประหาร เพื่อดำรงไว้ซึ่งระบบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 19 กันยา 2549 คนเขียน รธน. 2550 เลยบอกว่า เฮ้ย ถ้าแม่งตั้งไม่ได้ ก็จับรวมกันซะเลยแล้วกัน กทช. เลยรวมร่างกับ กสช. ออกมาเป็น กสทช. และขณะนี้ หลายปีผ่านไป เราก็กำลังง่วนกับ กระบวนการร่างกฏหมาย พรบ. เพื่อสร้าง กสทช. เป็น regulator ทั้งวงการสื่อสารโทรคม และวงการวิทยุโทรทัศน์ สิ่งที่เขาฟ้องวันนี้คือ กทช. เกิดจาก รธน.2540 และใช้อำนาจจาก พรบ.ความถี่ ซึ่งเกิดจากรธน.2540 ในเมื่อวันนี้ รธน. 2540 โดนฉีกทิ้งไปแล้ว และ เรา กำลัง จะมี กสทช. เราจึงควร รอ ให้มี กสทช. เสียก่อน ไม่งั้นมันจะผิดกฏหมายเพราะ ไม่มีอำนาจตามกฏหมายรับรองให้ทำ หรือเกิดพรุ่งนี้มี กสทช. แล้วท่านเปลี่ยนใจไม่เห็นด้วยกับแนวทาง กทช. ในวันนี้ จะทำอย่างไร ศาลท่านเลยบอกว่าสิ่งที่ร้องมามันเป็นจริง มีมูล ต้องไต่สวนกันต่อ ดังนั้น จึงต้องคุ้มครองผู้เสียหายจากคำสั่งปกครอง (ของ กทช.) เสียก่อนในวันนี้ แต่ในความเป็นจริงคือ ถ้าไปติดตาม พรบ. กสทช. ก็จะทราบได้ง่ายๆว่าคงตั้งกันไม่ได้ใน 2-3 ปีแน่ๆ ยิ่งสภาพ การเมืองไทยในสภา ทุกวันนี้ ยิ่งแทบเป็นไปไม่ได้ ประเด็นมันเลยต้องมีดีเบตกันว่า รธน.2540 โดนฉีกแล้ว พรบ.ประกอบ รธน.ถือว่าโดนด้วยหรือไม่ แต่ประเด็นพวกนี้มันเป็น เทคนิค ทางกฏหมาย ที่ผมคิดว่ามันสำคัญน้อยกว่าคำถามที่ว่า ประชาชนไทย จะเอากันอย่างไรกับ รัฐวิสาหกิจ ในระยะยาว ............................ การจะตอบคำถามหนักๆเหล่านี้ได้ ต้องอาศัย หลักคิดทางการเมือง ที่มั่นคงในสังคมนั้นๆเป็นอย่างยิ่ง เราจะยึด ตลาดเสรี เป็นสำคัญ - เพื่อให้คนเก่งกว่านำพาสังคมก้าวต่อไปโดยไม่ต้องสนใจคนอื่นมากเกินควร เราจะยึดรัฐราชการเป็นสำคัญ - เพื่ออุ้มคนจำนวนมากให้เดินไปด้วยกันอย่างช้าๆ เราจะยึดเอา อำมาตย์ เป็นแกนกลาง - เพื่อแก้ปัญหาโดยไม่ให้กระทบคนชั้นสูงเป็นหลัก หรือเราจะหาอะไรบางอย่างที่มัน กึ่งๆ แบบไทยๆ อย่างที่เรามักฝันว่ามันมีอยู่จริง ... ปัญหาหนักๆเหล่านี้ต้องอาศัยการศึกษา การถกเถียง และการกำหนด นโยบาย ของชาติอย่างรอบคอบ มองต่อกันไปในระยะยาว นโยบายเหล่านี้ จึงไม่สามารถกำหนดขึ้นได้ด้วยการ ฉีก กฏหมายเก่าทิ้ง แล้วก็ เขียน กฏหมายใหม่ขึ้นมากันดื้อๆ โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่าปัญหานี้แก้อย่าง ถาวร ไม่ได้ด้วยการ มองแยกส่วน ของตัวละครแต่ละตัว ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเอกชน รัฐวิสาหกิจ ศาล กทช. หรือรัฐบาล เราต้องตอบคำถาม "ในหลักการทางสังคม" กันก่อนว่า จะเอาอย่างไรกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ จะเอาอย่างไรกับการจัดสรรคลื่นความถี่ จะเอาอย่างไรกับนโยบายเศรษฐกิจ จากนั้น จึงค่อยมานั่งแก้ "เทคนิคทางกฏหมาย" ที่มันติดขัดล็อกกันอยู่ในตอนนี้ให้เป็นไปตามแนวนโยบาย ด้วยเหตุนี้ กรณี 3G ไม่ได้สะท้อนปัญหาด้านการพัฒนาเทคโนโลยีของประเทศไทยเพียงอย่างเดียว แต่มันสะท้อนปัญหาการ จัดการทรัพยากร และปัญหาเชิง นโยบายรัฐ ที่โยงใยลึกซึ้งกว่าที่เห็นมาก นอกเหนือจากเรื่องผลประโยชน์มหาศาลแล้ว 3G ยังโยงใยปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศไปด้วยในตัว เรื่องทำนองเดียวกันนี้ ก็กำลังเกิดขึ้นกับ "ทรัพยากร" อื่นๆของประเทศนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางระบบราง (การรถไฟ) ระบบพลังงาน (การไฟฟ้า+ น้ำมัน) การจัดการน้ำ (การประปา) ป่าไม้ ถนน ที่ดิน สินค้าเกษตร ฯลฯ เพียงแต่สิ่งเหล่านั้น มันไม่ได้ "ป๊อบ" ในกลางใจชนชั้นกลาง เหมือนเช่นเรื่องคลื่นความถี่และเทคโนโลยี 3G เท่านั้น ถามว่า ... แล้วเราจะหวังให้ปัญหาเชิงโครงสร้างนี้ถูกแก้ไขได้ จริง และ รวดเร็ว งั้นหรือ เราจะหวังกันได้แค่ไหน ? ในเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เรายังเอาปืนไล่ยิงหัวกันบนถนนอยู่เลย ....
โดย
pornchai_w
เสาร์ ก.ย. 18, 2010 4:30 pm
0
0
นักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 58.9 เชื่อจะได้เห็นดัชนี 1000 จุดในปี
กำลังดู Money Talk live ของอาจารย์ไพบูลย์ ตอน "หุ้นไทย รุ่งหรือร่วง" ดร.ก้องเกียรติ์ มาออกรายการ บอกว่า ดัชนีSET น่าจะขึ้นไปถึง 999 จุด เอาอีกแล้วเหรอเนี่ยะ ทำไมไม่บอกว่าสัก 1,200 จุดไปเลยล่ะ :8)
โดย
pornchai_w
จันทร์ ก.ย. 13, 2010 7:52 pm
0
0
อยากทราบว่า หุ้นโตเร็วในสายตาท่านคือตัวไหนบ้าง
บริษัทที่รับทำบัญชีให้บริษัทครับ ที่ประเทศไทยมีบริษัทรับทำบัญชี ที่จดทะเบียนใน ตลท หรือไม่ล่ะนี่ ผมว่าจาก มาตรฐานการบัญชีที่ออกมาใหม่ ทำให้บริษัทผู้จัดทำบัญชี และผู้ตรวจสอบบัญชีน่าจะรายได้ดีมากๆ รับงานทั้งปีทำกันไม่ทันเลยทีเดียว แล้วเดี๋ยวอีก4-5ปีก็มีมาตรฐานบัญชีใหม่ๆมาให้บริษัทหาเงินเพิ่มอีก หากมีบริษัทใน ตลท ที่ทำธุรกิจนี้บอกด้วยนะครับ
โดย
pornchai_w
ศุกร์ ก.ย. 10, 2010 8:39 pm
0
0
ร่างมาตรฐานบัญชีครับ
พี่ฉัตรตัวจริงน่ารักมาก เป็นกันเอง ยิ่งได้คุยก็ยิ่งรู้ว่าพี่ฉัตรหนักแน่นดั่งหินผา เท่าที่สังเกต คนที่เป็นเซียนๆ นี่ร้อยทั้งร้อยเป็นคน อ่อนน้อมถ่อมตนและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ส่วนเซียนฮงนั้น ว่าจะเข้าไปฟังเหมือนกันแต่เข้าไม่ถึงตัว ไว้โอกาสหน้าขอเข้าไปแจมบ้าง รอบนี้ฟัง เซียนซาอิ เซียนPicatos ไปเต็มๆ
โดย
pornchai_w
จันทร์ ก.ย. 06, 2010 3:52 pm
0
0
ร่างมาตรฐานบัญชีครับ
สอบถามขอความรู้จาก พี่ฉัตร เพิ่มเติมนะครับ จากร่างมาตรฐานการบัญชีฉบับที่16 (ปรับปรุง2552) ข้อ39 39.หากการตีราคาสินทรัพย์ใหม่ทำให้มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์นั้นเพิ่มขึ้น กิจการต้องรับรู้มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจากการตีราคาใหม่ไปยังกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นและรับรู้จำนวนสะสมไปยังส่วนของเจ้าของภายใต้บัญชี"ส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์"อย่างไรก็ตามกิจการต้องรับรู้ส่วนเพิ่มจากการตีราคาใหม่นี้ในกำไรหรือขาดทุนไม่เกินจำนวนที่ตีราคาสินทรัพย์ดังกล่าวลดลงในอดีตและเคยรับรู้ในกำไรหรือขาดทุน จากข้อ39ดังกล่าว 1. กำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น เป็นรายการที่อยู่ในงบกำไรขาดทุน หรืองบดุลครับ 2. บริษัทที่มีสินทรัพย์ประเภท ที่ดิน อาคาร ที่ซื้อไว้นานแล้วและยังใช้งานได้อยู่ ลงบันทึกมูลค่าสินทรัพย์ตามราคาทุน แต่ไม่ได้มีการประเมินราคาใหม่ เมื่อมีการประเมินใหม่ อาจจะทำให้เกิดกำไรจำนวนมากเลย ใช่หรือเปล่าครับ 3. หุ้นประเภท (Asset Play) ที่มีสินทรัพย์ถาวรที่ยังไม่มีการประเมินราคาใหม่ หากใช้มาตรฐานบัญชีนี้มูลค่าของบริษัทก็จะสะท้อนออกมาอย่างแท้จริงมากขึ้นหรือเปล่าครับ ขอบคุณมากครับ
โดย
pornchai_w
เสาร์ ก.ย. 04, 2010 11:16 am
0
0
กลับจากงานจิบเบียร์ ที่สโมสรทหารบก
วันนี้การบ้านเยอะมากเลย ได้ฟังแต่ละบริษัทที่พี่ๆ รวมทั้ง ดร วิเคราะห์ออกมาเป็นฉากๆ ทำให้เสาร์อาทิตย์นี้ต้องศึกษาจริงจัง สร้างความรู้ก่อนลงทุน ว่าแต่ตอนนี้ถือหุ้นอยู่เต็มพอร์ต ไม่มีเงินสดเลย ไม่รู้จะขายตัวไหนไปซื้อดี ดีไปหมดทุกตัว ในงานได้เจอพี่ๆ น้องๆ ตัวเป็นๆ ได้เห็นว่าพอร์ตของวีไอแต่ละท่าน มโหฬารขนาดไหน ดร ยังพูดเลยว่า วันหนึ่งพอร์ตเราๆ ก็สามารถจะโตเป็น ร้อยล้านพันล้านได้ อยู่ที่การเลือกลงทุนที่ถูกต้อง รอบนี้ไม่สามารถพูดอะไรเกี่ยวกับชื่อหุ้นได้ อย่างไรก็ตามผมได้คุยกับ พี่ซาอิ พี่ฉัตร picatos และเซียนๆอีกหลายท่าน ก็ยังได้ความรู้แบบไม่เม้ม ขอบคุณมากครับ
โดย
pornchai_w
เสาร์ ก.ย. 04, 2010 8:20 am
0
0
LTF
ผมถือKDLTF วันนี้ขึ้น XD 1.15บาท (ดีใจจังเลย) ผมซื้อกองที่จ่ายปันผลน่ะครับขึ้น XD ช่วงปลายเดือน กุมภา และ สิงหา ดังนั้นผมจึงซื้อตั้งแต่ต้นปีและในเดือนสิงหา ไม่ได้รอซื้อปลายปีน่ะครับ ผมว่าซื้อต้นปีกลางปี ได้ราคาถูกกว่า ซื้อช่วงเดือนธันวานะครับ
โดย
pornchai_w
พุธ ก.ย. 01, 2010 4:36 pm
0
0
+++ช่วยรักษาเวปไซต์คุณภาพให้ยั่งยืนหน่อยครับ+++
ตอนที่เข้าเวปไทยVIช่วงแรกๆ เข้ามาอ่านบทความที่ ดร.เขียนในหน้าแรกเป็นประจํา พอเข้ามาในwebboard ก็มีการวิเคราะห์หุ้นเป็นรายตัวแบบมีข้อมูลประกอบ ทําให้เข้ามาอ่านประจําจนหลายๆครั้งก็ไม่ได้อ่านบทความของ ดร. แต่พอช่วงหลังมานี้พี่ๆที่เข้ามาแชร์สาระก็เริ่มเงียบๆไป ระหว่างนี้ผมจะเอาเวลาไปหาบทความดีๆอ่านมากกว่ามานั่งดูหุ้นแต่ละตัวทุกวันเพราะผมคิดว่า การลงทุนแบบVIนั้นน่าจะเป็นการเลือกหุ้นที่ดี ตามเงื่อนไขกําหนดไว้และถือหุ้นตลอดไปตราบใดที่พื้นฐานบริษัทยังดีอยู่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันคงไม่ได้เปลี่ยนกลับไปกลับมาเป็นรายชั่วโมงหรอกครับ
โดย
pornchai_w
อาทิตย์ ส.ค. 29, 2010 9:47 am
0
0
งบการเงิน ไตรมาส 2/2553
[quote="yy"]ขอขอบคุณทุกท่านที่มาช่วยกันอัพเดทกระทู้นี้นะครับ อันได้แก่ naijan เด็กไฟฟ้า
โดย
pornchai_w
จันทร์ ส.ค. 23, 2010 8:31 pm
0
0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
เล็กเชอร์ได้สุดยอดเหมือนเคย ขอบคุณมากครับ
โดย
pornchai_w
อาทิตย์ ส.ค. 22, 2010 9:47 pm
0
0
ปี 2536 หุ้นวิ่งจาก 800 ไป 1700 อารมณ์เหมือนตอนนี้มั๊ยครับ
เพิ่งเข้าไปอ่านที่น้องChamp_st สรุปจากงานเมื่อวานที่ TMB Posted: Sun Aug 22, 2010 9:26 pm Post subject: -------------------------------------------------------------------------------- ธนชาติ : กังวลความผันผวนของฟัลโฟล ไทยก็เหมือนน้ำบ่อน้อย ต่างชาติเป้นช้างเวลากระโยนใส่ลงมาทีน้ำก็แตก (555) แต่ถ้าเขาขยับออกก็กระทบตรงๆ รอบนี้เขาเข้ามาด้วยความคาดหวังว่า ศก เราจะเติบโตกว่า ศก โลก และสัญยาณตอนนี้คือถ้าเขาออก ก็ได้กำไรสองต่อทั้งค่าเงินและส่วนต่างราคาหุ้น อีกด้านก็คือกรณียุบ ปชป เพราะสเถียรภาพของรัฐบาลจะส่งผลต่อโครงการต่างๆโดยตรง เงินเข้าง่าย ก้ออกง่าย ถ้าเงินบาทแข็งเร็วๆ ถึง 30 บาทก็จะกระตุ้นให้มีแรงขายทำกำไรเพราะทุนเฉลี่ยเข้าเอาเงินเข้าตอน 32 บาทได้กำไร 2 ต่อ แต่สิ่งที่ดีขึ้นคือนักลงทุนสถาบันของไทยที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นจากเดิม 10 ปีที่แล้วมีการซื้อขายประมาณ 4-5% ปัจจุบันมีถึง 20% ซึ่งจะลดความผันผวนของตลาดหุ้นบ้านเรา ตอนฝรั่งขาย 7 หมื่นล้านตอนนี้ซื้อคืน 2 หมื่นล้านก็ยังมีช่องว่างอยู่ แต่ระยะสั้นต้องระวังแรงขายทำกำไร พูดถึงกองทุนว่าจะเข้ามามีบทบาทเหมือนช่วง พย.2536 เลยแฮะบังเอิญจังเลย
โดย
pornchai_w
อาทิตย์ ส.ค. 22, 2010 9:38 pm
0
0
ปี 2536 หุ้นวิ่งจาก 800 ไป 1700 อารมณ์เหมือนตอนนี้มั๊ยครับ
ให้เครดิต http://www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=5557 นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2536 "กองทุนรวม ขาใหญ่ ตลาดหุ้น!?" โดย สุปราณี คงนิรันดรสุข จิตติมา คุปตานนท์ การเกิดขึ้นของกองทุนรวมหรือบริษัทหลักทรัพย์กองทุนรวม เป็นผลพวงจากการยกเครื่องโครงสร้างตลาดทุน ภายใต้ พรบ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2535 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นเครื่องมือประการแรกในการสร้างความแข็งแกร่งและเสถียรภาพตลาดทุน ด้วยการเพิ่มนักลงทุนประเภทสถาบันในรูปของกองทุนรวม กรณีที่ กลต. ประกาศดำเนินคดี "เสี่ยสอง" ในข้อหาปั่นหุ้นเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2535 แล้วทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงอยู่ที่ระดับ 868.04 หรือลดลงกว่า 23.45 จุดเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้านี้ ขณะที่มูลค่าการซื้อขายสูงถึง 10,692.54 ล้านบาท ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องหรือกว่า 33.87 โดยปิดที่ระดับ 834.17 ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6,492.54 ล้านบาท ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2535 หากเปรียบเทียบกับวันที่ 5 พฤศจิกายน 2535 ซึ่งเป็นวันที่ดัชนีพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 963.03 ด้วยมูลค่าการซื้อขายถึง 20,314.23 ล้านบาท หมายถึงว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ลดลงถึง 105 จุด ขณะที่มูลค่าการซื้อขายมลายหายไปกว่า 10,000 ล้านบาทในช่วงเวลาเพียง 10 กว่าวัน ซึ่งแน่นอนว่าแสดงถึงความเปราะบางของตลาดหุ้นไทยหรือ "อิทธิพล" ของขาใหญ่อย่างมิพักสงสัย?? เจ้าหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะหน่วยงานภาครัฐบาล หรือเอกชนได้ร่วมมือกันแก้ไขวิกฤติการณ์ดังกล่าวหลายประการที่สำคัญ คือ "การจัดตั้งกองทุน" เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาดหลักทรัพย์ ขณะเดียวกันก็ตรงกับปรัชญาการลงทุนของกองทุนรวมที่ต้องการซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดี แต่ต้นทุนราคาต่ำ ทำให้การไล่เก็บซื้อหุ้นในภาวะผันผวนระยะสั้นเช่นนี้ ก่อให้เกิดผลตอบแทนสูงในระยะยาวเมื่อตลาดหุ้นคืนสภาพปกติและปรับดัชนีหุ้นสูงขึ้นเมื่อปล่อยขายก็ทำกำไรมาก นี่คือข้อดีของการบริหารความเสี่ยงแบบนักลงทุนสถาบันในรูปกองทุนรวม ที่มีความเป็นมืออาชีพพร้อมกับระบบข้อมูลที่ดี ทำให้การตัดสินใจแบบระยะยาวไม่หวือหวา เมื่อเจอดัชนีผันผวนเนื่องจากภาวะการเมืองในประเทศตอนข่าวปรับคณะรัฐมนตรีของชวน หลีกภัย ดัชนีหุ้นตกมากในเดือนพฤษภาคมปีนี้ ปรับตัวลดลงถึงระดับ 761.52 กองทุนรวมและกองทุนต่างประเทศก็นำตลาดด้วยการเข้าไปเลือกซื้อหุ้นที่น่าลงทุน ทำให้การปรับตัวดัชนีไต่ระดับ 900 จนทะลุหลักพันในวันที่ 20 กันยายน มีการลดต่ำของดัชนีหุ้นบ้างก่อนจะปรับฐานใหม่เป็นดัชนี 1037.54 จุดในวันที่ 6 ตุลาคมปีนี้ และไต่ดัชนี 1157 จุดในช่วงนี้ พร้อมมีการปรับพอร์ตของกองทุนรวมบางแห่ง ด้วยการขายหุ้นบางตัวที่ให้ผลกำไรสูงแล้วซื้อเก็บตัวอื่นที่น่าลงทุนเข้ามาในพอร์ต การทำให้สุขภาพตลาดแข็งแรงประการที่สองคือ สร้างเสถียรภาพ โดยเปลี่ยนพฤติกรรมนักลงทุนรายย่อยสู่รูปของการสร้างนักลงทุนสถาบันให้เกิดขึ้น ซึ่งทางการไม่เพียงให้ใบอนุญาตการจัดการกองทุนรวมแก่บริษัทใหม่ถึง 7 แห่ง ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2535 เพิ่มเติมจากเดิมที่มีเพียงบริษัทหลักทรัพย์กองทุนรวม เพียงแห่งเดียว ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2536 ที่ประชุม กลต. ได้มีมติเห็นชอบให้สถาบันการเงินไม่ว่าจะเป็นบริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ธนาคารพาณิชย์ (รวมสาขาธนาคารต่างประเทศ) และบริษัทเงินทุนสามารถดำเนินการจัดการกองทุนส่วนบุคคล (PRIVATE FUND MANAGEMENT) ได้ นอกเหนือจากการรับประกันจำหน่ายตราสารหนี้ การให้ใบอนุญาตครบทั้ง 4 ประเภท คือการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ การค้าหลักทรัพย์ การเป็นที่ปรึกษาการลงทุนและการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ แก่บริษัทหลักทรัพย์และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาตรการต่าง ๆ ของทางการ ล้วนแล้วแต่เป็นการเพิ่มนักลงทุนประเภทสถาบัน นอกเหนือจากการลดความเหลื่อมล้ำในการแข่งขันดำเนินกิจการ อันจะก่อให้เกิดตลาดการเงินที่มีเสถียรภาพและประสิทธิภาพอย่างมิพักสงสัย อย่างไรก็ตามบทบาทของ "กองทุน" ไม่ว่าจะเป็นกองทุนเปิด กองทุนปิด กองทุนส่วนบุคคลหรือเม็กซิกันทรัสต์ฟันด์ ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงนักลงทุนรายใหญ่หรือนักลงทุนสถาบันที่ทำให้ตลาดมีเสถียรภาพเท่านั้น เพราะ "การสร้างเงินออม" ก็เป็นอีกบทบาทที่สำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะ "กองทุนบำเหน็จกลาง" ซึ่งจะเป็นสถาบันเงินออมภาครัฐ คาดว่าจะมีบทบาทไม่น้อยในอนาคต มติคณะรัฐมนตรีที่ว่าการปรับเงินเดือนข้าราชการพลเรือนจาก บัญชีหนึ่งไปบัญชีสอง จะต้องผูกเอากองทุนบำเหน็จกลางไปด้วยอธิบายได้ชัดเจน "ประเด็นเรื่องการบริหารนั้นเราต้องดูละเอียดรอบคอบ โดยหลักเราจะยึดความมั่นคงไว้ก่อน เป็นสถาบันเงินออมมากกว่าเป็นสถาบันการลงทุนเพื่อที่จะแสวงหาผลประโยชน์สูงสุด" รมว. คลัง ธารินทร์กล่าวถึงนโยบายกองทุนใหม่นี้ ประการที่สามคือ เสริมสร้างสภาพคล่องและพัฒนาตลาดรอง (SECONDARY MARKET) ของสิทธิ์ในการซื้อหุ้นเพิ่มทุน การพัฒนาตลาดโอทีซีหรือศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ และการพัฒนาตราสารแห่งหนี้เอกชน รวมทั้งสนับสนุนให้มีการทำ CREDIT RATING ให้กับกิจการสาธารณูปโภคพื้นฐานหรือบริษัทขนาดใหญ่ที่จะสามารถออกพันธบัตรในต่างประเทศได้ ดังกรณีของเจ็ดหุ้นยักษ์ใหญ่ที่จะเสริมสภาพคล่องตลาดหุ้นไทยในปีหน้า ได้แก่ บริษัทเทเลคอมเอเชีย ซึ่งเพิ่มทุน 223 ล้านบาท บริษัททีทีแอนด์ที บริษัทน้ำมันบางจากซึ่งมีจุดทะเบียน 5,220 ล้านบาท แต่คาดว่าจะกระจายหุ้น 20% บริษัทปิโตรเคมี บริษัทผลิตไฟฟ้า(ระยอง) บริษัทชินวัตรแซทเทิลไลท์ ทุนจดทะเบียน 1,700 ล้านบาทแต่จะกระจายหุ้น 300 ล้านบาท และบริษัทไทยออยล์ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 12,000 ล้านบาท แต่จะกระจายหุ้น 25% หลังจากแสงเงินแสงทองเริ่มเจิดจ้าจากนโยบายเปิดเสรีตลาดเงินตลาดทุน เสถียรภาพที่มุ่งสร้างนักลงทุนสถาบันมาก ๆ เพื่อให้ดุลยภาพ ทำให้ในปีหน้ากองทุนเปิด กองทุนส่วนบุคคล (ไพรเวท์ ฟันด์) และการเปิดเสรีที่จะให้กองทุนไทยไปขายต่างประเทศได้ ก็จะทำให้ความมั่นใจของนักบริหารกองทุนรวมต่างก็พุ่งขึ้นสูง บ้างก็วาดหวังผลตอบแทนภายในระยะห้าปีว่าจะต้องไม่ต่ำกว่า 20% แน่นอน จุดขายของแต่ละกองทุนจึงแข่งขันกัน จนกระทั่งในอนาคต ตลาดกองทุนรวมอาจจะทำการตลาดสินค้าเป็นแบบคอนซูเมอร์ โปรดักส์เหมือนที่เกิดขึ้นในอเมริกา ปัจจุบัน ยากที่จะปฏิเสธว่า บลจ. ที่มีแบงก์ใหญ่ถือหุ้นอยู่ไม่ว่าจะเป็น บลจ. กสิกรไทย บลจ. ไทยพาณิชย์ จะได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน เนื่องจากมีเครือข่ายสาขาเป็นตัวแทนส่งคำสั่งซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนมากกว่า บลจ. ที่มีแบงก์เล็กเป็นหุ้นส่วน การมีแบงก์หนุนหลังยังมีข้อดีในแง่ที่มีโอกาสในการธุรกิจกับสถาบันต่างประเทศในอนาคตที่ทางรัฐบาลเปิดให้มีการขายให้ได้ นอกจากนี้ฐานข้อมูลวิจัยที่สมบูรณ์ถูกต้องจากในและต่างประเทศจะมีมาก สำหรับกองทุนเล็กซึ่งได้เปรียบในแง่ความคล่องตัวเข้า-ออกได้เร็ว ส่วนกองทุนรวมที่ไม่มีเครือข่ายของแบงก์ช่วย จะเสียเปรียบเชิงการตลาดบ้าง แต่อาศัยจุดเสริมด้านอื่น ๆ ช่วยจูงใจ และลักษณะการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับธนาคารขนาดเล็กบางแห่งจะเกิดขึ้น เช่น บล. กองทุนรวมซึ่งจับมือกับธนาคารขนาดเล็กอย่างธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ ออกกองทุนเปิดใหม่ชื่อ "สตางค์แดง" เมื่อ 26 ตุลาคมที่ผ่านมานี้ ขณะนี้ ผู้บริหารกองทุนต่างประเทศอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจาก กลต. ที่จะได้รับอนุญาตบริหารความเสี่ยงที่ถูกดีไซน์ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์กองทุนใหม่ ๆ เช่น กองทุนเปิด-ปิด กองทุนตราสารหนี้ กองทุนหุ้นบลูชิพ กองทุนหุ้นอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ อันหลากหลายที่ตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ยอมรับความเสี่ยงและผลตอบแทนในระดับมาก-น้อยต่างกัน "แต่อย่างไรก็ตามกองทุนที่ขยายตัวเร็วเกินไป ก็อาจจะทำให้กองทุนรวมกลายเป็น MARKET MAKER ตลาดควรจะเป็นพหุนิยม เช่น บริษัทประกันชีวิตซึ่งเป็นสถาบันเงินออมระยะยาว การขยายตัวผมคิดว่าควรจะมีดุลยภาพด้านกำหนดราคาและชี้ขาดตลาด" ดร. สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ให้ความเห็น เป็นที่คาดหวังว่า จากนี้ไปตลาดหุ้นไทยในมือกองทุนรวมซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบัน "ขาใหญ่" จะพัฒนาตลาดทุนอย่างมีเสถียรภาพ ความเป็นธรรมและแข็งแรงยิ่งกว่าที่เคยมีมาในอดีต มิใช่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์โอนย้ายถ่ายหุ้น หรือลงทุนให้หุ้นนอกตลาดซึ่งอยู่ในเครือ
โดย
pornchai_w
อาทิตย์ ส.ค. 22, 2010 9:11 pm
0
0
โบรกฯ ประสานเสียงฟันธงหุ้นไทยปีนี้แตะ 1000 จุด
"ถ้าคุณจะต้องคาดการณ์ นักคาดการณ์ที่ชาญฉลาดครั้งหนึ่งเคยพูดว่า คาดบ่อยๆ" จากหนังสือเหนือกว่าวอลสตรีท Peter Lynch แปลโดย ดร นิเวศน์ ดังนั้นผมขอคาดการณ์อีกครั้งนะครับ :lol: ผมทำนายว่า SET จะวิ่งรวดเดียวถึง 1,200 จุด :doi: คนที่เคยออกจากตลาดไปจะกลับเข้ามาใหม่ :welcome: ผู้คนทั่วไปจะเริ่มสนใจเรื่องหุ้น :man: ทุกคนจะรวยกันถ้วนหน้า หมูจะกลายเป็นเซียน :pig: หลังจากนั้น.... :vm:
โดย
pornchai_w
ศุกร์ ส.ค. 06, 2010 7:39 pm
0
0
จิบเบียร์คิวสอง ศุกร์ที่ 3 กันยา หกโมงเย็นครับ
ผมจองด้วย 1 ที่ครับ
โดย
pornchai_w
อังคาร ส.ค. 03, 2010 8:11 pm
0
0
ช่วงเดือนที่ดัชนีหุ้นตกต่ำที่สุดในช่วงปีบ่อยครั้งที่สุดคือ
เอามาจาก One up on wall street ตอน...เอาจากโบรกเกอร์ของคุณให้มากที่สุด กำลังพูดเรื่อง La Quinta Motor Inn ครับคุณchowbe76 เป็นหนังสือที่ผมชอบมาก วางไว้หัวเตียงหยิบมาอ่านเกือบทุกคืน ที่สำคัญมีลายเซนต์ ดร.นิเวศน์ พร้อมทั้งเขียนด้วยว่า "ขอให้รวย"
โดย
pornchai_w
อาทิตย์ ส.ค. 01, 2010 11:20 am
0
0
ช่วงเดือนที่ดัชนีหุ้นตกต่ำที่สุดในช่วงปีบ่อยครั้งที่สุดคือ
มาร์ค ทเวน พูดว่า: "ตุลาคม เป็นเดือนที่น่ากลัวอย่างประหลาดที่จะเก็งกำไรในหุ้น เดือนน่ากลัวอื่นๆ ก็มีเดือนกรกฎาคม มกราคม กันยายน เมษายน พฤศจิกายน พฤษภาคม มีนาคม มิถุนายน ธันวาคม สิงหาคม และ กุมภาพันธ์"
โดย
pornchai_w
อาทิตย์ ส.ค. 01, 2010 10:58 am
0
0
ห้องจ๊ะเอ๋
ผมเคยเห็นและเคยใช้ คำว่า "ผมถือหุ้นตัวนี้อยู่ครับ" ในกรณีที่มีหุ้นและแสดงความคิดเห็นในเชิงบวก "ผมไม่มีหุ้นตัวนี้ครับ" ในกรณีที่แสดงความคิดเห็นแต่ไม่มีหุ้นตัวนั้น อย่างนี้พอจะสื่อให้คนอ่านเห็นว่าสิ่งที่เขียนนั้นเป็นการเชียร์หรือไม่ แต่ข้อเสียก็คือ หากใครโกหก เราก็ไม่รู้
โดย
pornchai_w
อังคาร ก.ค. 27, 2010 7:03 pm
0
0
หุ้นพื้นฐาน
ผมเพิ่งย้ายออฟฟิสมาอยู่แถว พหลโยธิน ตั้งแต่ พฤษภาคมที่ผ่านมา ใต้ตึก มีโบรเกอร์อยู่ และมีหน้าจอให้ดูหุ้น ประมาณ20จอ และมีโซฟาให้นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ช่วงพฤษภาคม-มิถุนายน ตอนเที่ยงถึงบ่าย ผมจะเข้าไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ดูราคาหุ้นที่ถืออยู่ โดยมีคนนั่งหน้าจอ3-5คน เป็นพวกคุณลุง คุณป้า นั่งดูหน้าจอกันเงียบๆ พอตลาดพักเที่ยงก็ชวนกันไปกินข้าวเงียบๆ แต่เดือนกรกฎาคมนี้ ช่วงเที่ยงจนถึงบ่ายคนหน้าใหม่ๆ พวกพนักงานออฟฟิส เข้ามาดูหน้าจอ มาคุยกันว่าตัวนั้นดี ตัวนี้ดีกันเต็มไปหมดเลย คุณป้าคุณลุงก็เพิ่มขึ้นผิดหูผิดตา พอพักเที่ยง ก็คุยกันโขมงโฉงเฉง โซฟาก็นั่งกันเต็มหนังสือพิมพ์หายากเพราะโดนหยิบไปดูกันหมด ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานไหมเนี่ยะ :?
โดย
pornchai_w
อาทิตย์ ก.ค. 25, 2010 2:19 pm
0
0
มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ
ตอนปี 2002 ตอนยังไม่เคยวิเคราะห์บริษัท ซื้อตามโพยเท่านั้น เกิดสนใจหุ้นที่มีปันผลดีเลยถามมาร์เก็ตติ้งว่ามีหุ้นปันผลดีๆ แนะนำไหม เขาก็แนะนำมาตัวหนึ่งคือ CEI ผมซื้อตอน 27 บาท ตอนนั้นปันผลเกือบ3บาทมั้ง อ่านบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ ทราบว่าเป็นบริษัทผลิตพัดลมเพดานส่งออกขายให้ผู้ซื้อรายใหญ่รายเดียว และบริษัทเป็นผู้ชำนาญในการผลิตพัดลมแบบนี้รายเดียวในโลก(อะไรจะขนาดนั้น) พอซื้อไปราคาไหลลงเรื่อยๆ ช่วงแรกมาร์บอกว่าปันผลดี ราคาตกลงมาน่าเก็บ พอผ่านไปอีกราคาต่ำกว่า 20 บาท บทวิเคราะห์โบรกเปลี่ยนทันที บอกว่ากำลังจะโดนยกเลิกคำสั่งซื้อจากผู้ซื้อรายใหญ่ ดังนั้นต้องเปลี่ยนธุรกิจ ไปผลิตอย่างอื่นส่งออก และต้องหาตลาดใหม่ ในที่สุดก็ตัดใจขายออกที่ 16.90 ปัจจุบันราคา CEI อยู่ที่ 2.50 บาทและบริษัทยังไม่มีธุรกิจที่ชัดเจน
โดย
pornchai_w
เสาร์ ก.ค. 17, 2010 5:52 pm
0
0
วิกฤติ คุณภาพเวปบอร์ด Thaivi.com
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาเวป thaivi ได้ไม่นาน ที่โพสแสดงความเห็นก็ไม่ได้มีข้อมูลเด็ดๆ อะไรมาบอก เพราะวิเคราะห์บริษัทได้แบบพื้นๆ หลายๆครั้งก็ คอมเม้นท์ไปตามความรู้สึก บางทีอ่านข้อมูลบางบริษัทที่พี่ๆเพื่อนๆบอกว่าน่าสนใจก็ไปวิเคราะห์ต่อแล้วซื้อตามบ้าง และดูว่าเซียนสนใจตัวไหนก็ตามดู ก็เห็นมันขึ้นไปได้ดี แต่ไม่กล้าซื้อตามก็เยอะเพราะยังไม่ได้วิเคราะห์เอง อย่างไรก็ตามผมมีความรู้สึกว่าเวป thaivi ก็คล้ายๆ หุ้นตัวหนึ่งที่มีข่าวเข้ามากระทบ เซียนท่านต่างๆ ก็คงคล้ายๆข่าวดี ช่วงแรกคนข้างนอกก็ยังไม่รู้จักเวป thaivi แต่พอมีข่าวดีออกเรื่อยๆ ว่าซื้อตามเซียนแล้วกำไร ก็มีการสนใจจากคนข้างนอกและเข้ามาดูมาซื้อตามแล้วก็ได้กำไรจริง ซึ่งก็เป็นธรรมดาเวลาคนได้ก็จะเสียงดัง พยายามเข้ามาคุยว่าได้เท่านั้นเท่านี้ ซื้อตามแล้วดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ผมคิดว่าพอถึงจุดหนึ่ง หุ้นที่ไม่ได้ดีจริงแต่มีการนั่งเทียนคาดการณ์ว่าจะดีอย่างนั้นอย่างนี้แล้ว คนที่ไม่วิเคราะห์ด้วยตัวเอง แห่ซื้อตาม แต่หุ้นไม่ดีจริงสุดท้ายราคาหุ้นก็จะตกมาที่พื้นฐาน กลุ่มคนพวกนี้ก็จะหายไปจากเวปเพราะคิดว่าไม่มีข่าวดี หรือ ไม่ดีจริงแล้ว (ซึ่งหากเป็น vi ที่เป็นคนไฝ่รู้ก็คงไม่ซื้อตามแห่ เพราะหลายคนบอกว่าเปลี่ยนแนวมาเป็น vi ซึ่งเป็นแบบที่วิเคราะห์ด้วยตัวเองแล้ว แต่หากยังลงทุนแบบสมัยก่อนที่ซื้อตามโพยอยู่อีกก็ไม่ควรเรียกตัวเองว่า vi อยู่ดี) ผมว่าเราคงไม่สามารถบังคับให้คนทุกคนที่เข้ามาดู เปลี่ยนแนวความคิดให้เป็น vi หรือโพสข้อความทุกอย่างแบบที่ ชาวvi คิดได้ แต่ผมคิดว่าสุดท้ายแล้วหากที่นี่ไม่เหมาะกับเขา เขาก็จะค่อยๆ ถอยห่างออกไปเอง ขอquoteคำตอบของ ดร. นะครับที่ผมถามในงานจิบเบียร์ที่ผ่านมา (ขอบคุณน้องแชมป์ ที่ช่วยจดเล็กเซอร์ มาให้) ถาม VI นี่จะมีคนเยอะไปถึงไหน ดร.ตอบ ผมก็มองว่า VI มันก็คงจะโตไปรื่อยๆแต่เมือ่ไปถึงจุดนึงมันก้จะหยุด มีคนเข้า คนออก ไม่โกรท ซึ่งมันก็เปนเหมือนกันทุกที และ VI ก็ไม่ได้ครองตลาด แต่ก็มีหุ้นบ้างตัวที่เราก็ไปมีอิจธิพลทำให้ขึ้นลงได้อยุ่บ้าง 555 แสดงว่าเงินพวกเราหลังๆก็คงเยอะอยู่
โดย
pornchai_w
ศุกร์ ก.ค. 09, 2010 10:28 pm
0
0
ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
ผมว่าถ้าจะซื้อหุ้นก้นบุหรี่ คุณWarantact คงต้องรอซื้อหลังจากที่ตลาด crash อย่างรุนแรง เพราะตอนนี้มองไปทางไหน มีแต่หุ้นที่ขึ้นมาเยอะแล้วทั้งนั้นเลยอ่ะครับ (เห็นคุณ Warantact ทิ้งหุ้นทั้งกลุ่มไปหลายกลุ่มแล้วทั้งธนาคาร ประกัน โรงพยาบาล)
โดย
pornchai_w
ศุกร์ ก.ค. 09, 2010 9:51 pm
0
1
ใกล้ครึ่งปีแล้ว เพื่อน ๆ เป็นไงกันบ้างครับ
ยินดีกับคนที่ทำได้ถึงเป้าและมีแนวโน้มที่จะถึงเป้าทุกคน :cheers: แหมแต่ละคน ไปถึงเป้ากันแล้วเหรอเนี่ยะ :bow: เมื่อต้นปี ดร.ยังพูดอยู่เลยว่าปีที่แล้วขึ้นมาเยอะปีนี้แค่ประคองตัวได้ก็ดีแล้ว สำหรับผม VI หลักลอย ไม่ติดลบก็บุญแล้ว ยอมรับสภาพ :cry: แต่อย่างน้อยมันทำให้ผมเห็นข้อผิดพลาดบางอย่างของตัวเอง :B และมีความมุ่งมั่นกับแนว VI มากยิ่งขึ้น :mrgreen:
โดย
pornchai_w
จันทร์ มิ.ย. 21, 2010 9:57 pm
0
0
ร่วมฉลอง 800 จุด!!! @@##%%&&**$$!!฿฿
ผมทำนายว่า SET จะวิ่งรวดเดียวถึง 1,200 จุด :doi: คนที่เคยออกจากตลาดไปจะกลับเข้ามาใหม่ :welcome: ผู้คนทั่วไปจะเริ่มสนใจเรื่องหุ้น :man: ทุกคนจะรวยกันถ้วนหน้า หมูจะกลายเป็นเซียน :pig: หลังจากนั้น.... :vm:
โดย
pornchai_w
จันทร์ มิ.ย. 21, 2010 6:35 pm
0
0
สรุปงานสัมมนา 19 มิย หุ้นเด่น MAIและสอนลูกเรื่องเงิน
:cool: ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลที่ละเอียด เช่นเคย :cheers:
โดย
pornchai_w
อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2010 10:24 am
0
0
121 โพสต์
of 3
ต่อไป
Verified User
ชื่อล็อกอิน:
pornchai_w
กลุ่ม:
สมาชิก
ความถนัด:
Company Employee
ที่อยู่:
Bangkok
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
เว็บไซต์:
เข้าชมเว็บไซต์
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พฤหัสฯ. ธ.ค. 24, 2009 8:31 pm
ใช้งานล่าสุด:
-
โพสต์ทั้งหมด:
247 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.01% จากโพสทั้งหมด / 0.05 ข้อความต่อวัน)
ลายเซ็นต์
Blog ของคนใช้เงินเก่ง ^_^
http://pefinance.wordpress.com/about/
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว