หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
geek
Joined: พฤหัสฯ. ม.ค. 07, 2010 9:38 pm
25
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - geek
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
หนังสือการลงทุนมีจำนวนมากเพียงพอแล้วหรือยัง?
อยากให้แปลเพิ่มอีกเสียง ถ้าไม่ได้แปล คงเสียดายแย่ครับ มีทั้งฝีมือในการลงทุน และเข้าใจการลงทุนอย่างดีแบบคุณ WEB การเขียนหนังสือแบบนี้เหมาะกับคนที่เข้าใจการลงทุนดีที่สุดแล้วครับ มาให้กำลังใจครับ :lol:
โดย
geek
จันทร์ พ.ค. 10, 2010 1:47 pm
0
0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
สรุปว่าส่วนใหญ่ลอกการบ้านกันหมดใช่มั้ยครับ 555+ :D อาจจะต้องขอโทษทีที่โพสข้อความแรงไปบ้าง แต่มันก้อมีประโยชน์ที่ได้มองอีกมุมหนึ่งครับ :?: แต่อยากให้มองว่าเป็น Contrarian บ้างก้อดีครับ ... เวลาที่มีการประชุมโต๊ะกลม หรือพวกโบรกมาเชียร์เป้าเท่านู่นเท่านี้ หรือมีงานสัมมนาที่เกี่ยวกับหุ้นมากๆ บางทีอาจถึงเวลาที่หุ้น Peak ไปแล้วก้อได้ครับ จึงอยากให้คิดแตกต่างจากฝูงชนบ้าง หรือออกจากพวก Group Thinking ทั้งหลายก้อดีครับ ขอบคุณครับ :P
โดย
geek
ศุกร์ มี.ค. 26, 2010 8:27 pm
0
0
++++++ออกมาเตือนน้องๆเกี่ยวกับการลงทุนครับ!!!!!!!!+++++++++
สไตล์ของนักลงทุน by ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร การลงทุนนั้นน่าจะเป็นวิทยาศาสตร์อยู่สัก 30% อีก 70% เป็นเรื่องของศิลปะ ดังนั้น นักลงทุนที่ลงทุนมานานหรือคนที่มุ่งมั่นฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจึงมักจะมี สไตล์ เป็นของตนเอง สไตล์นั้น ผมคิดว่าส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเนื่องจากประสบการณ์ของนักลงทุน นั่นคือ ตั้งแต่เริ่มเข้ามาซื้อขายหุ้น พวกเขาก็จะพยายามเรียนรู้ว่าวิธีการหรือเท็คนิคแบบไหนที่เขาใช้แล้วมักจะทำให้เขาได้กำไร เท็คนิคแบบไหนหรือการซื้อขายหุ้นแบบไหนที่ทำแล้วมักจะขาดทุน ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งจะถูก บันทึก เอาไว้ในสมองซึ่งจะสะสมไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดเขาก็มักจะสรุปว่า มีวิธีการลงทุนแบบหนึ่งที่สร้างผลลัพธ์การลงทุนที่ดีที่สุด และหลังจากนั้น เขาก็จะใช้มันเป็นหลัก และนี่คือ สไตล์การลงทุน ของเขา ในระดับของ เซียน ระดับโลกทุกคนนั้น แน่นอนว่าแต่ละคนจะต้องมีสไตล์การลงทุนที่ชัดเจน เริ่มตั้งแต่ เบน เกรแฮม บิดาแห่งการลงทุนแบบ Value Investment ซึ่งเน้นการลงทุนแบบ Quantitative หรือเน้นดูตัวเลขข้อมูลทางการเงินเป็นหลัก โดยไม่ค่อยสนใจข้อมูลด้านคุณภาพซึ่งเขามองว่าวัดไม่ได้และอาจเป็นภาพลวงตาที่สร้างขึ้นโดยผู้บริหารของบริษัท หุ้นที่เขาลงทุนนั้นจะเป็นหุ้นที่มีราคาถูกมากโดยเฉพาะที่วัดจากทรัพย์สินของบริษัท การลงทุนของ เบน เกรแฮม นั้น จะเน้นในด้านของความปลอดภัยเป็นพิเศษ โดยหุ้นที่ลงทุนจะต้องมี Margin Of Safety สูง และพอร์ตโฟลิโอของเขาจะมีการกระจายการถือหุ้นจำนวนมาก เช่นเดียวกับการถือพันธบัตรในสัดส่วนที่สูง วอเร็น บัฟเฟตต์ นักลงทุนที่มีชื่อเสียงและรวยที่สุดในโลกนั้น มีสไตล์ที่โดดเด่นอยู่ที่การถือหุ้นของกิจการที่ ดีที่สุด ในแง่ของธุรกิจ และเขาชอบที่จะถือมันในสัดส่วนที่มาก บ่อยครั้งเขาถือมันร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นเจ้าของคนเดียว เขาถือหุ้นน้อยตัวและไม่ค่อยขายหุ้นหรือกิจการเหล่านั้นออกไป สไตล์ของวอเร็น บัฟเฟตต์ นั้น ถ้าจะว่าไป เขาไม่ได้ลงทุนใน หุ้น แต่เขาลงทุนใน ธุรกิจ ปีเตอร์ ลินช์ อดีตผู้บริหารกองทุนรวมที่มีสถิติการทำผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมและมีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของโลกนั้น มีสไตล์การลงทุนที่ ซื้อเกือบทุกอย่างที่วิเคราะห์แล้วพบว่าดี และ/หรือ ถูก โดยที่เขาจะมีวิธีการจัดหุ้นเป็นกลุ่ม ๆ ที่จะทำให้ง่ายต่อการวิเคราะห์ถึงคุณสมบัติของกิจการและหาจังหวะในการเข้าซื้อและขายหุ้น Value Investor ในบ้านเรานั้น หลังจากผ่านกระบวนการเรียนรู้ในการซื้อขายหุ้นมาหลายปีจนถึงปัจจุบันก็เริ่มมี สไตล์ เป็นของตนเอง จากการสังเกตของผม Value Investor รุ่นบุกเบิกหลายคนซึ่งมักจะมีอายุมากหน่อยก็มักจะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีราคาถูก มีผลกำไรและการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอและอยู่ในระดับที่พอใช้ได้ กิจการมักเป็นกิจการที่ไม่หวือหวาโตเร็วและไม่ใช่เป็นกิจการ แห่งอนาคต และนั่นก็คือสไตล์การลงทุนแบบ VI ในยุคแรก ๆ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่ายังมีคนใช้อยู่มากน้อยแค่ไหนแต่ดูเหมือนว่าคนรุ่นใหม่ ๆ จะไม่สนใจสไตล์การลงทุนในแนวนี้สักเท่าไรเพราะผลตอบแทนที่ผ่านมาดูเหมือนว่าจะไม่ใคร่น่าประทับใจ สไตล์การลงทุนของ VI ในช่วงเร็ว ๆ นี้มีมากมายหลากหลายมากจนยากที่จะบรรยายหรือเข้าใจได้หมด แต่สไตล์ที่สร้างผลตอบแทนหวือหวาดูเหมือนว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก สาเหตุคงเป็นเพราะว่าช่วงหลายปีที่ผ่านนั้นเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูงมากทั้งขาขึ้นและขาลงซึ่งทำให้เกิดกำไร-ขาดทุนที่สูงมากในระยะเวลาอันสั้น คนที่ทำกำไรได้สูงนั้น แน่นอน ต้อง ซื้อ สไตล์ที่เขาคิดว่าทำผลตอบแทนได้ดีมากซึ่งก็มีหลายแบบ สไตล์หนึ่งที่นิยมกันในช่วงนี้ก็คือ การเล่นหุ้นของกิจการขนาดเล็กที่มี กำไรดีและกำลังเติบโต มองจากข้อมูลตัวเลขที่ผ่านมาเร็ว ๆ นี้ หุ้นดังกล่าวอาจจะไม่ใคร่มีสภาพคล่องนักแต่เจ้าของหรือผู้บริหารมีความตั้งใจและเอาใจใส่กับราคาหุ้นและพร้อมที่จะนำเสนอข้อมูลดี ๆ ของบริษัท เช่นเดียวกัน กิจการก็มีความกระตือรือร้นที่จะขยายงานหรือหาธุรกิจใหม่ ๆ ทำเพื่อสร้างการเจริญเติบโตต่อไป นักลงทุนที่เล่นหุ้นสไตล์นี้นั้น เมื่อซื้อหุ้นแล้วก็ต้องมีกระบวนการในการ โฆษณา หรือเผยแพร่เพื่อชักจูงนักลงทุนคนอื่นให้เห็นถึงคุณสมบัติที่ ดีเยี่ยม และซื้อหุ้นตาม ในหลาย ๆ กรณี หุ้นมีราคาเพิ่มขึ้นมากและทำให้นักลงทุนชุดแรก ๆ ที่มองเห็นก่อนสามารถทำกำไรได้อย่างงดงามในระยะเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตาม หุ้นหลายตัวหลังจากขึ้นไปแล้ว กลับตกลงมาอย่างหนักจนทำให้คนที่ซื้อทีหลังขาดทุนจำนวนมากเช่นกัน อีกสไตล์หนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นก็คือ การลงทุนใน หุ้นวัฏจักร ซึ่งก็คือการลงทุนในกิจการที่ขายสินค้าที่มีลักษณะแบบสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีราคาขึ้นลงเป็นรอบ ๆ เท็คนิคก็คือ พยายามมองหาหุ้นของกิจการที่กำลังจะเป็น ขาขึ้น แต่หุ้นที่สนใจนั้น มักเป็นหุ้นของกิจการขนาดเล็กที่นักวิเคราะห์ไม่สนใจติดตาม ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นไม่ค่อยได้ปรับตัวตามวัฏจักรอย่างรวดเร็วตามที่ควรเป็น เมื่อพบแล้วก็เข้าซื้อ แล้วก็รอและโปรโมตหุ้นให้เป็นที่สนใจของนักลงทุนอื่น ๆ จนราคาดีดตัวขึ้นเมื่อผลการดำเนินงานที่โดดเด่นได้รับการประกาศออกมา พวกเขาก็มักจะขายเพื่อทำกำไรและมองหาหุ้นวัฏจักรตัวต่อไป สไตล์สุดท้ายที่เริ่มมีคนยึดถือเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันก็คือการลงทุนในหุ้น Super Stock ในแบบของ วอเร็น บัฟเฟตต์ แม้ว่ากิจการในตลาดหุ้นไทยนั้นจะมีคุณสมบัติต่ำกว่าในสหรัฐอเมริกามาก แต่แนวที่นักลงทุนใช้ก็คือ ลงทุนเฉพาะในหุ้นกลุ่มที่มีคุณภาพดีที่สุด ในราคาที่ถูกหรือยุติธรรม ซึ่งก็มักเป็นช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงมาก ซื้อแล้วเก็บไว้ค่อนข้างนาน จนราคาปรับตัวขึ้นไปมากแล้วก็ขายและรอซื้อหุ้นตัวอื่นหรือตัวเดิมที่มีคุณภาพสูงและในราคาที่เหมาะสมต่อไป ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงการลงทุนบางสไตล์ของ VI ที่มีให้เห็นโดดเด่น สไตล์เหล่านั้นอาจจะได้รับความนิยมนานหรือไม่ก็คงขึ้นอยู่กับผลงานการลงทุนที่นักลงทุนที่ใช้ทำได้ ถ้าสไตล์นั้นสามารถทำผลงานดีเด่นยาวนาน สไตล์นั้นก็น่าจะคงทน แต่หากสไตล์นั้นทำผลงานดีได้เพียงชั่วคราว ในไม่ช้ามันก็จะหมดความนิยมลง ในทางตรงกันข้าม เท็คนิคหรือสไตล์ใหม่ก็จะเกิดขึ้น เป็นเรื่องยากที่นักลงทุนคนหนึ่งจะสามารถปรับตัวให้เหมาะสมกับทุกสถานการณ์ ดังนั้น วิธีการที่ดีกว่าก็คือ หาสไตล์ที่ดีที่สุดในระยะยาวแล้วฝึกฝนจนชำนาญและใช้มันตลอดไป เฉกเช่นเดียวกับ วอเร็น บัฟเฟตต์ หรือ ปีเตอร์ ลินช์ หรือ เบน เกรแฮม ที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จและกลายเป็นตำนานของนักลงทุนของโลก หากทำให้ใครขัดเคืองใจ ก้อขออภัยครับ :(
โดย
geek
พุธ มี.ค. 24, 2010 11:36 am
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
geek
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พฤหัสฯ. ม.ค. 07, 2010 9:38 pm
ใช้งานล่าสุด:
อังคาร พ.ค. 25, 2010 3:16 pm
โพสต์ทั้งหมด:
25 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.00 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว