หุ้นขึ้นขนาดนี้หุ้นใครไม่ขึ้นบ้าง TMD ครับท่าน โดย Prach จันทร์ ธ.ค. 12, 2005 9:00 pm

88 จะสอยดาวสาวเดือนที่เกลื่อนฟ้า เอามาทำอาหารให้คนไร้สิ้น ฟันนภาที่เห็นออกเป็นชิ้น เอามาสินเย็บเป็นเสื้อเผื่อคนจน แล้วเสกเอาดวงตะวันอันกว้างใหญ่ มาจัดสรรให้คนพำนักพักทุกหน เพียรรวบรวมมวลธาตุมาทั้งสากล แล้วคิดค้นทำเป็นยาฆ่าโรคภัย อ่านแล้วนึกถึงความมีเมตตา ความมีอุดมการณ์ของนักศึกษา14ตค.16 เพราะกลอนนี้มีมาตั้งแต่ยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน สมัยนี้แทบไม่เห็นแบบนี้อีกแล้วในรั้วมหา'ลัย เท่าที่อ่านกลอนบทนี้แนวคิดไปทางคอมมิวนิสม์นะครับ ไม่ใช่ประชาธิปไตย โดย Prach ศุกร์ เม.ย. 22, 2005 10:51 pm

. เรื่องอื่นผมไม่แน่ใจ ไม่กล้าพูด แต่การตีตลาดโลก ผมเชื่อว่าเบียร์ช้างน่าจะทำได้ อย่างกระทิงแดงได้แค่ไหนนี่ ก็ได้เยอะนะครับที่จริง กระทิงแดงสร้างภาพแบรนด์ในต่างประเทศด้วยการสนับสนุนกีฬา Ex-game จับกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น ลองดูใน Australia พวกวัยรุ่นที่เล่นเสก็ตบอร์ดหรืออะไรพวกนี้ ดื่มกระทิงแดงกันทั้งนั้น นี่ขนาดใน Australia มีเครื่องดื่มให้พลังงานขายกัน ไม่รู้กี่สิบยี่ห้อ ในกรณีเบียร์ช้าง ถ้าทำได้ดีพอๆ กัน คงไปได้ไกล อย่างน้อยๆ ในเอเชีย ซึ่งก็ตลาดไม่ใช่เล็กๆ เลย ถ้าทำได้ก็คงทำกำไร ได้มหาศาล โดย Prach พฤหัสฯ. มี.ค. 24, 2005 12:17 pm

. เหตุผลที่ผมไม่ชอบ Robert Kiyosaki 1. เขาคอยแต่จะหาผลประโยชน์เข้าตัวจากช่องว่าง และความผิดพลาดของคนอื่น หนังสือทั้งเล่มและทุกเล่มของเขาจึง วนอยู่แต่กับภาคที่ไม่ใช่ภาคการผลิตที่แท้จริง 2. เขามอง "ภาษี" ว่าเป็นปีศาจที่ทำร้ายคนรวย และส่งเสริมให้ท้าย คนจนที่โง่เขลา 3. เขาไม่เคยคิดจะทำอะไรให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม 4. เขาไม่ให้ความเคารพบุพการี คิดแต่ว่าพ่อของเขาทำร้ายชีวิตเขา ด้วยแนวคิดที่จะทำให้เขาอยู่กับความจน คนที่มีบุญคุณเลี้ยงดูเขามาตลอดชีวิตกลับมีค่าน้อยกว่าคนที่บอกวิธีทำเงินแก่เขา โดย Prach เสาร์ มี.ค. 19, 2005 12:54 am

. คนไทยชอบแก้ปัญหาด้วยการห้ามไปหมดทุกอย่าง เพราะมันง่ายดี ไม่ต้องออกแรงมาก ไม่ต้องมาเหนื่อยกับการปลูกฝังแนวคิด ก็แค่ออกกฎหมายห้ามไปเลย ง่ายจะตาย อย่างเช่น เบียร์เป็นของมึนเมา ----> งั้นห้ามเบียร์เข้าตลาด มีเด็กไปมั่วสุมก่อคดีกลางคืน ----> งั้นเคอร์ฟิวเด็ก ผู้หญิงแต่งตัวไม่เหมาะสม ----> งั้นออกกฎหมายห้ามกางเกงเอวต่ำ ...สังคมไทยชอบแก้ปัญหาอย่างนี้แหละ เพราะมันง่ายดี แล้วก็อ้างว่า เป็นการ "แก้ที่ต้นเหตุ" ทั้งๆ ที่จริงๆ มันเป็นการ "หนีปัญหา" ...เรื่องสิทธินี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับสังคมประชาธิปไตย ที่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจ นี่แหละ ผู้ทรงคุณวุฒิในประชาธิปไตยหลายท่าน จึงบอกว่า สังคมไทยมีแนวคิด "เอียงขวา" ...ในเมื่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสินค้าถูกกฎหมาย ก็ไม่มีเหตุผลที่จะ ถูกตัดสิทธิในการนำบริษัทเข้าตลาดฯ (เว้นเสียแต่ว่ามีความไม่โปร่งใสภายใน อันนี้เป็นดุลยพินิจของตลาดหลักทรัพย์ฯ) ถ้าจะห้ามเอาธุรกิจประเภทใดเข้าตลาด ก็ต้องแก้กฎหมายให้ธุรกิจนั้นเป็น ธุรกิจผิดกฎหมายครับ โดย Prach ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 10:07 pm

ชาเขียว ชาเขียวนี่ถ้าจะให้ผมให้เครดิตแบรนด์คงให้ oishi อันดับหนึ่ง แต่ก็คงไม่ทิ้ง unif เท่าไหร่ เท่าที่ผ่านมา ปีก่อน mkt share ของ oishi กับ unif บี้กันมาตลอด จน unif แซงมานำช่วงนึง แล้วปลายปี share oishi ก็เบียดแซงขึ้นมา ทั้ง 2 ค่าย share ประมาณ 34 - 37% มั้งครับ ถึงตอนนี้ก็ตาม share oishi ก็ยังนำ unif ไม่มาก หลังจาก oishi ออก campaign 30 ล้านมา ผู้บริหาร unif ก็เกทับ ทุ่ม 50 ล้านออกมาสู้เหมือนกัน ...ถ้าสมมติผมเลือกซื้อหุ้นของ unif ได้ ผมคงเลือก unif มากกว่า เพราะชาเขียวคงสูสี แต่ unif มีผลิตภัณฑ์อื่นอีกมาก แต่ละอย่าง margin สูงๆ ทั้งนั้น ทั้งน้ำผลไม้ เครื่องดื่มพลังงาน ฯลฯ แถม mkt share ก็ตัวละ 50-60% ทั้งนั้น เทียบกับ oishi ซึ่งร้านอาหารญี่ปุ่นก็ยังดูไม่เท่าไหร่ และรายได้จากร้านอาหารก็น้อยมากเมื่อเทียบกับชาเขียว โดย Prach พุธ มี.ค. 16, 2005 6:29 pm

DSM is not that unvaluable DSM โดยหลักการจริงๆ เป็น Trading System ที่ "ต้อง" อาศัยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานช่วย เพราะการทำ DSM กับหุ้นตัวใด หมายความว่าคุณลงหลักปักฐานที่จะอยู่กับหุ้นตัวนั้นไปอีกนาน * DSM ไม่ใช่ system ที่ perfect ถึงขนาดลดความเสี่ยงได้มากอย่างทีึ่หลายๆ ท่านพูดข้างบน เพราะสมมุติว่าเราวิเคราะห์มูลค่าหุ้นไม่ดี แล้วเลือกหุ้นสุ่มสี่สุ่มห้ามาทำ DSM อย่างเช่น เลือก TPI มาทำ DSM ตอนราคา 70 บาท แล้วทำ DSM ได้กระแสเงินสดแฝง (เหมือนกับค่าเช่า) มาเรื่อยๆ ในรูปของจำนวนหุ้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งซึ่ง เราได้จำนวนหุ้นมามากถึง 200% ของจำนวนหุ้นเดิม แต่ราคา TPI ตอนนี้เหลือแค่ 7 บาท จะเห็นว่าค่าเช่า (กระแสเงินสดแฝง) ที่ได้มาในรูปจำนวนหุ้นนั้น ไม่สามารถ cover ราคาที่ลดลงมาถึงจุดนี้ ...ฉะนั้น DSM ไม่ใช่ระบบที่ปลอดความเสี่ยงอย่างที่หลายๆ ท่านเข้าใจ ...แต่ข้อสังเกตุอีกอย่างก็คือ ถ้านำ DSM มาใช้ร่วมกับ Value Investing แล้ว อันนี้ล่ะครับจะเรียกได้ว่า "สุดยอดไปเลย" เพราะลำพัง Value อย่างเดียว ซื้อหุ้นมาได้ตอนถูก แล้วถือรอจนได้ผลตอบแทนสูง แต่จำนวนหุ้นยังเท่าเดิม แต่ถ้าเราวิเคราะห์แบบ Value แล้วซื้อหุ้นตัวนั้นมาถือ ระหว่างถือรอราคาขึ้น ก็ทำ DSM ไปด้วย เราจะได้จำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ โดยไม่ต้องลงเงินเพิ่มเลย นี่ล่ะครับจะทำให้เกิดความสุดยอดจริงๆ โดย Prach อังคาร มี.ค. 15, 2005 11:44 pm