หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
zephyr
Joined: อาทิตย์ เม.ย. 10, 2005 6:56 pm
963
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - zephyr
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: เสาหลักการลงทุน โดย ดร นิเวศน์
ขอบคุณครับ อ่านแล้วมีความรู้สึกว่า สงสัยต้องกลับไปอบรมซ้ำอีกรอบ
โดย
zephyr
จันทร์ ก.พ. 20, 2023 9:10 am
0
0
Re: ทำไม Model Promtpay ถึงไม่เกิดในประเทศอื่น
เดาว่าหลักๆมันเกิดเพราะต้องการแทรคเงินที่อยู่นอกระบบภาษีหรือเปล่าครับ เพราะระบบนี้เริ่มจากการคืนภาษีนะ ตอนนั้นถ้าใครมจะได้คืนภาษีเร็ว ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน
โดย
zephyr
พุธ ก.พ. 09, 2022 9:22 am
0
1
Re: ลาแล้ว 2564 สวัสดี 2565 เพื่อน ๆ ThaiVI.org
ใครจะไปคิดว่าปีนี้จะเป็นปีที่ผลตอบแทนส่วนตัวค่อนข้างดีมาก ถึงแม้จะไม่ได้มากมายเหมือนคนอื่นๆ แต่ผมก็ค่อนข้างพอใจ จริงๆคือมากกว่าที่เคยคาดเอาไว้ โดยเฉพาะหลายปีก่อนหน้านี้นั้นผมทำผลตอบแทนได้ค่อนข้างแย่เลย ทำให้รู้สึกมีความหวังและฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ต้องคอยเตือนตัวเองด้วย ว่าจริงๆแล้วเราอาจจะแค่ฟลุ๊คเท่านั้น ยังไงก็ขอให้ฟลุ๊กต่อไปอีกสักหลายๆปี :D สวัสดีปีใหม่ครับ
โดย
zephyr
พฤหัสฯ. ธ.ค. 30, 2021 5:06 pm
0
11
Re: ปกติเพื่อนๆ เข้าใช้ thaivi ผ่านมือถือกันยังไงอะครับ
ผ่าน web browser ธรรมดาๆ เช่น Google chrome อะครับ ถ้ามี app คงดี :)
โดย
zephyr
พฤหัสฯ. ธ.ค. 09, 2021 5:58 pm
2
2
Re: รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่ก็แอบชื่นชมอยู่ห่างๆมานานแล้ว รู้สึกตกใจมากตอนทราบข่าว เพราะมันเร็วเกินไปจริงๆ ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวด้วยนะครับ
โดย
zephyr
อังคาร ต.ค. 19, 2021 8:48 pm
0
0
Re: สงสัยเกี่ยวกับ Notification favorite list
ผมก็ลองหลายรอบ งงมาก มันคืออะไร :oops:
โดย
zephyr
อาทิตย์ ต.ค. 10, 2021 11:43 am
0
0
Re: เป็นนักลงุทนปัจจัยพื้นฐานคนเดียวท่ามกลางคนรอบตัวที่เป็นสายอื่น มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจกันอย่างไรบ้างครับ
คุณเพิ่งเริ่มลงทุน มันไม่แปลกที่จะหาเส้นทางของตัวเอง แล้วมันก็ไม่ผิดที่จะลองเรียนรู้ในหลายๆรูปแบบ แต่ที่สำคัญคือท้ายที่สุดต้องเลือกในทางที่เราคิดว่าใช้ แล้วยึดมั่นกับมัน บางคนมาสาย VI แล้วทำไม่ได้ เพราะไม่ถูกจริต แต่สำหรับผม สาย VI ถูกจริตที่สุดแล้ว เพราะรู้สึกว่าเข้าใจได้ เป็นเหตุเป็นผล ที่สำคัญ ซื้อหุ้นแล้วไม่เครียด
โดย
zephyr
อาทิตย์ ม.ค. 31, 2021 5:45 pm
0
10
Re: ขนาดตัวอักษรใหญ่ขึ้นต้องการปรับให้เล็กลงต้องทำอย่างไร
ผมก็งงมาก เพิ่งจะเป็น 2 วันมานี้ เลขหน้าของแต่ละหัวข้อก็หายไปด้วยครับ
โดย
zephyr
ศุกร์ ส.ค. 14, 2020 5:34 pm
0
1
Re: ข้อมูลผลประกอบการ มีแหล่งไหนหาข้อมูลได้เร็วที่สุด
เร็วสุดก็ set.or.th อยู่แล้ว ช่วงไหนที่เราสนใจงบเป็นพิเศษ ก็ดูว่าปรกติแล้วบริษัทนั้นๆจะส่งงบช่วงไหน แล้วก็คอยเปิดดู set.or.th ในช่วงเวลานั้น เช่นบริษัท aaa มักจะส่งงบสัปดาห์สุดท้ายตลอด คือช่วง 1 สัปดาห์ก่อนครบ 45 วันนี้ก็ต้องคอยดูตลอดครับ
โดย
zephyr
อังคาร พ.ค. 05, 2020 4:35 pm
0
1
Re: มุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2562 JP Morgan,Schroder,Back
EM 3 Zones สีส้ม สีน้ำเงิน สีเขียว ประกอบด้วยแระเทศไหนบ้างครับ ไม่มีรูปให้ดูครับ น่าจะเพจนี้นะครับ https://www.focus-economics.com/blog/emerging-markets-2019-economic-outlook ขอบคุณครับ แต่ผมคิดว่าไม่ใช่นะครับ ในเพจแบ่งสีตาม geographic แต่ผมว่าในบทความแบ่งสีตาม fundamental status
โดย
zephyr
เสาร์ พ.ย. 24, 2018 2:13 pm
0
1
Re: มุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2562 JP Morgan,Schroder,Back
EM 3 Zones สีส้ม สีน้ำเงิน สีเขียว ประกอบด้วยแระเทศไหนบ้างครับ ไม่มีรูปให้ดูครับ
โดย
zephyr
เสาร์ พ.ย. 24, 2018 5:29 am
0
1
Re: ความคิดเห็นเรื่องยุติประกันสุขภาพกลุ่ม
ผมใช้บริการมา 2 ปีติดต่อกัน จริงๆผมก็รอว่าจะมีการต่อเมื่อไหร่ จนกระทั่งได้รับแจ้งว่าขอยุติ ซึ่งก็เข้าใจนะ ผมซื้อประกัน เพียงเพราะว่า "เผื่อไว้" เท่านั้นจริงๆ เพราะประกันชีวิตที่ผมมีอยู่แล้ว ไม่ครอบคลุมเรื่องผู้ป่วยนอก แต่เอาจริงๆ ผมใช้สิทธิประกันน้อยมาก 555
โดย
zephyr
เสาร์ ก.ย. 08, 2018 2:08 pm
0
2
Re: **เปิดจอง CV@MEGA วันที่ 4 มิ.ย.61**
จอง 1 ที่ครับ
โดย
zephyr
จันทร์ มิ.ย. 04, 2018 4:28 pm
0
0
Re: เปิดจอง CV@CPN ในวันจันทร์ที่ 28 พ.ค.61(10.00น.)
จอง 1 ที่ครับ
โดย
zephyr
จันทร์ พ.ค. 28, 2018 4:07 pm
0
0
Re: ต่างชาติขายหุ้นไทย 2561
เหมือนกับบทความที่ ดร เคยเขียนแหละครับ ภาพรวมของประเทศมันโตช้าแล้ว ย้ายเงินไปลงประเทศอื่นที่น่าจะโตได้มากกว่าดีกว่าครับ การที่เค้าจะซื้อคงต้องหมายถึงว่าเค้ามองเห็นโอกาส ซึ่งก็อาจจะต้องลงไปมากๆ หรือไม่ก็ต้องเปลี่ยนพื้นฐานประเทศซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะสัดส่วนประชากรก็มีเด็กและคนทำงานในสัดส่วนที่น้อยลง
โดย
zephyr
พุธ พ.ค. 23, 2018 11:10 pm
0
9
Re: Bitcoin vs ทองคำ vs สกุลเงินโลก
Bitcoin vs ทองคำ vs สกุลเงินโลก ภาคจบ January 14, 2018 บทความนี้เป็นภาคสุดท้ายของเรื่อง Bitcoin ทองคำและสกุลเงินโลก เป็นเรื่องการเจาะลึกประวัติศาสตร์การเงินโลกเพื่อไขรหัสที่จะนำไปสู่การตีมูลค่าของบิทคอยน์ ซื่งกำลังตกเป็นเป้าความสนใจของคนในยุคนี้ ในภาคที่ 2 จบลงตรงที่เราเข้าใจตรงกันแล้วว่าเงินดอลล่าร์สหรัฐในยุคนี้ไม่มีการผูกติดค่ากับทองคำ หรือพูดอีกแบบก็คือสหรัฐสามารถพิมพ์ธนบัตรออกมาโดยไม่ต้องมีทองคำหนุนหลัง เป็นเงินที่เรียกกันว่า Fiat currency แต่ประเทศต่างๆ ในโลกยังมีความจำเป็นต้องถือเงินดอลล่าร์เพื่อใช้ซื้อน้ำมันจากโอเปก เพราะโอเปคตั้งราคาขายน้ำมันเป็นเงินดอลล่าร์ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะสหรัฐยื่นข้อเสนอในการสนับสนุนอาวุธและการป้องกันภัยให้แก่ซาอุดิอารเบีย แลกกับการกำหนดราคาขายน้ำมันเป็นดอลล่าร์ เงินดอลล่าร์จึงกลายเป็นเงินสำรองที่ประเทศต่างๆ ต้องมีไว้ เงินสำรองดังกล่าวอยู่ในรูปพันธบัตรสหรัฐเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเท่ากับว่าเงินสกุลของประเทศต่างๆ มีวิญญาณของเงินดอลล่าร์สิงอยู่เกือบจะเต็มมูลค่า มีส่วนน้อยมากที่หนุนหลังด้วยทองคำที่ประเทศนั้นถืออยู่ ก็แปลว่าทุกสกุลเงินในโลกขณะนี้ล้วนเป็น Fiat currency เหมือนกัน ในบทนี้จะมาเล่าต่อว่าการเงินโลกเป็นอย่างใด สหรัฐคืนชีพด้วย Petrodollar หลังจากที่โอเปกตกลงที่จะขายน้ำมันโดยกำหนดราคาเป็นดอลล่าร์ตามข้อเสนอของสหรัฐหรือที่เรียกว่า Petrodollar แล้ว ประเทศต่างๆ จึงจำเป็นต้องหาเงินดอลล่าร์มาเพื่อซื้อน้ำมันจากโอเปก ความต้องการดอลล่าร์จึงทำให้สหรัฐฟื้นตัวอีกครั้ง แต่สถานะของสหรัฐยังเป็นประเทศผู้ซื้อมากกว่าผู้ขาย การขาดดุลจึงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หนี้ของประเทศก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วหนี้ของสหรัฐนี้ใครเป็นเจ้าหนี้ เจ้าหนี้ของสหรัฐก็คือประเทศต่างๆ ทั่วโลกนั่นเอง กลไกการก่อหนี้ก็คือเมื่อเงินในคลังของสหรัฐไม่พอใช้ คลังก็จะเสนอให้รัฐบาลไปขอให้สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนทั้งประเทศให้การอนุมัติก่อหนี้เพิ่ม เมื่อสภาอนุมัติแล้วกระทรวงการคลังก็จะมีสิทธิ์ออกพันธบัตร (Treasury bonds) เพื่อขายให้แก่นักลงทุน คนที่มาซื้อพันธบัตรก็มีทั้งสถาบันการเงินใหญ่ๆ ระดับโลก รวมถึงธนาคารกลางประเทศต่างๆ ที่ได้รับเงินดอลล่าร์ที่รับฝากต่อมาจากธนาคารพาณิชย์ ที่ลูกค้านักธุรกิจที่เป็นลูกค้าของธนาคารพาณิชย์ไปทำมาค้าขายได้ดอลล่าร์มา การซื้อขายก็ทำผ่านตลาดพันธบัตรของสหรัฐซื่งเป็นตลาดพันธบัตรที่มีธุรกรรมสูงที่สุดในโลก ปกติเวลาเราจะให้ใครยืมเงินหรือยอมเป็นเจ้าหนี้ใคร สิ่งที่ต้องดูอย่างแรกคือเครดิตของคนมายืมเงิน ถ้าเป็นคนขยันขันแข็งมีเรี่ยวแรงทำงาน มีรายได้แน่นอนและมีหลักประกัน เราก็สบายใจที่จะให้ยืมเงิน แต่ถ้าเป็นคนที่สำมะเลเทเมา งานการไม่ทำหรือมีฐานะง่อนแง่น หรือมีหนี้สินรุงรัง เราก็คงจะไม่อยากเสี่ยงให้ยืมเงินเพราะอาจจะสูญหรือถูกชักดาบ แต่สำหรับกรณีสหรัฐอเมริกาไม่ใช่แบบนั้น ธนาคารกลางประเทศต่างๆ จำเป็นต้องซื้อพันธบัตรไปเก็บไว้แทนเงินสดที่เป็นดอลล่าร์ เพราะไหนๆ ก็ต้องมีสำรองเงินดอลล่าร์อยู่แล้ว เก็บเงินสดก็ไม่มีผลตอบแทน ซื้อเป็นพันธบัตรยังพอจะได้ดอกเบี้ยนิดหน่อย สภาพคล่องก็ดีอยากขายก็ทำได้ทันทีในตลาดพันธบัตร ไม่ว่าหนี้ของสหรัฐจะบานขนาดไหน สถาบันจัดอันดับก็ให้เรตติ้ง AAA ตลอด ถือเป็นพันธบัตรที่มีความน่าเชื่อถือสูงสุดในโลก ถ้าบ้านลูกหนี้ของเราขยันทำมาหากินรู้จักเก็บออม เจ้าหนี้อย่างเราก็อุ่นใจ แต่กรณีของสหรัฐต้องขอเล่าให้ทราบเลยว่าวินัยทางการเงินน่าหวั่นใจ ดูจากกราฟข้างล่างจะเห็นว่าในช่วงก่อน Bretton Wood Conference สถานะการเงินดีมาก ยิ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 การเกิดดุลการค้าของประเทศเป็นไปอย่างมหัศจรรย์ นั่นก็เพราะสหรัฐเป็นฐานการผลิตสินค้าสำคัญมีเงินทองจากการค้าขายเข้าประเทศมาก แต่สหรัฐเริ่มได้ดุลการค้าน้อยลงเรื่อยๆ จนถึงช่วงปี 1965 – 1970 ซึ่งเป็นช่วงสงครามเวียดนาม สถานะการคลังของสหรัฐแย่ลง ทองคำสำรองก็ลดลงจนไม่พอจะหนุนหลังเงินดอลล่าร์ทั้งหมดที่หมุนเวียนในโลก จนสหรัฐต้องยกเลิกการผูกค่ากับมาตรฐานทองคำ และสหรัฐเริ่มขาดดุลอย่างต่อเนื่องและหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ แม้ระบบ Petrodollar จะเริ่มใช้แล้วการขาดดุลก็ไม่ได้ลดลง รายจ่ายยังมากกว่ารายรับ เปรียบเทียบง่ายๆ ก็คือบ้านลูกหนี้เราหนี้บานขึ้นเรื่อยๆ พอหนี้มากขึ้นก็ไปเปิดหนี้ใหม่มาใช้หนี้เก่า คล้ายๆ เปิดบัตรเครดิตใบใหม่มาจ่ายหนี้บัตรเครดิตใบเก่า ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง สิ่งที่เห็นคือรัฐบาลสหรัฐขออนุมัติต่อสภาฯ เพื่อขอเพิ่มเพดานหนี้อยู่อย่างต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และก็จะขอเพิ่มเพดานหนี้เช่นนี้เรื่อยไปตามที่ปรากฎเป็นข่าวมาโดยตลอดเป็นระยะๆ ความพยายามของสหรัฐในการกลับมาสร้างความเข้มแข็งให้ภาคการผลิตและการบริการ เพื่อพลิกดุลการค้าให้เป็นบวก ให้กลับมาเป็นประเทศที่มั่งคั่งอีกครั้งเป็นภารกิจหลักของประธานาธิบดีทุกยุคสมัย แต่ไม่เป็นผล การสร้างศรัทธาทางการเงินของประเทศอาจจะยากเกินไป แต่ถึงอย่างไรก็ต้องให้ทั้งโลกยังอยู่ภายใต้ระบบดอลล่าร์ สหรัฐจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อพยุงสภาพนี้ต่อไป สิ่งที่สหรัฐได้ทำไปในอดีตที่บ่งบอกได้ถึงความพยายามนี้ ได้แก่ การกดดันให้ประเทศคู่ค้าเลิกใช้อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่ทำให้สหรัฐเสียเปรียบ การรักษาความเข้มงวดของระบบ Petrodollar การบิดเบือนราคาทองคำผ่านตลาดซื้อขายล่วงหน้าไม่ให้ทองคำสะท้อนค่าของดอลล่าร์ที่แท้จริง การกดดันให้ประเทศคู่ค้าเลิกใช้อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่ทำให้สหรัฐเสียเปรียบ ความตกลง Plaza Accord ในปี 1985 เป็นตัวอย่างเหตุการณ์ที่ชัดเจนในเรื่องนี้ Plaza Accord คือความตกลงร่วมกันของ 5 ประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจของโลกคือ สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน และญี่ปุ่น เห็นร่วมกันให้ปรับค่าเงินเยนและค่าเงินมาร์คเยอรมัน เนื่องจากสหรัฐขาดดุลการค้าแก่ญี่ปุ่นและเยอรมันอย่างมาก จากเหตุญี่ปุ่นและเยอรมันต่างพยายามกดค่าเงินของตนเองให้ต่ำกว่าความเป็นจริง มีผลให้สินค้าจากสหรัฐไม่สามารถแข่งขันด้านราคากับสินค้าญี่ปุ่นและเยอรมันได้ แถมสินค้าจากทั้ง 2 ประเทศนี้ก็เข้าไปตีตลาดในสหรัฐ ในยุคนั้นสหรัฐเป็นประเทศผู้ซื้อสำคัญ ญึ่ปุ่นและเยอรมันไม่มีทางเลือกอื่น ต้องยอมตามข้อเสนอ การกดดันประเทศคู่ค้าในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนมีให้เห็นอีกในยุคที่จีนเฟื่องฟู สหรัฐขาดดุลจีนมากเป็นอันดับหนึ่ง และจีนก็พยายามกดอัตราแลกเปลี่ยนให้ต่ำมาโดยตลอดเพื่อความได้เปรียบทางการค้า สหรัฐพยายามกดดันจีนให้ปรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะสหรัฐเป็นเพียงลูกค้ารายหนึ่งของจีนเท่านั้น ไม่พึ่งสหรัฐก็ยังพออยู่ได้ ดังนั้นพลังในการต่อรองของสหรัฐจึงไม่เพียงพอที่จะกดดันให้จีนปรับอัตราแลกเปลี่ยน การรักษาความเข้มงวดของระบบ Petrodollar เพราะว่ามีระบบ Petrodollar เงินดอลล่าร์สหรัฐจึงเป็นสกุลเงินจำเป็นของชาวโลก ดังนั้นสหรัฐจึงไม่ยอมให้ใครมาเปลี่ยนแปลงระบบนี้เด็ดขาด ในประวัติศาสตร์มีหลายความพยายามในการไม่ยอมรับระบบนี้ คนแรก ซัดดัม ฮุสเซน ผู้นำอิรัคซึ่งเปลี่ยนไปขายน้ำมันเป็นยูโรในปี 2001 เพราะปฏิเสธจะใช้เงินดอลล่าร์ของศัตรู เป้าหมายก็เพื่อให้ดอลล่าร์อ่อนค่าลง เพราะเมื่อปริมาณดอลลาร์ที่จำเป็นสำหรับการซื้อลดลง ดอลลาร์ส่วนที่เกินก็จะไหลกลับไปที่สหรัฐ ทำให้ปริมาณเงินดอลล่าร์ในสหรัฐเพิ่มขึ้น จึงทำให้ค่าเงินสหรัฐอ่อนค่าลง งานนี้สหรัฐตอบโต้ด้วยการกล่าวหาซัดดัมว่าสะสมอาวุธร้ายแรง และเข้าโจมตีจนในที่สุดก็จับตัวซัดดัมได้และจับประหารออกทีวีให้ชาวโลกดู คนที่สอง มูฮัมมาร์ กัดดาฟี แห่งลิเบีย เปลี่ยนการขายน้ำมันจากดอลล่าร์มาเป็นสกุลเงินของลิเบีย สหรัฐจัดการด้วยการถล่มด้วยระเบิดและสนับสนุนกลุ่มกบฎและสุดท้ายกัดดาฟีถูกกบฎยิงเสียชีวิต กลุ่มถัดมาคือประเทศซีเรียและอิหร่าน ทั้งคู่เป็นแนวร่วมประสานมือออกจากระบบ Petrodollar โดยซีเรียเริ่มในปี 2006 อิหร่านเริ่มปี 2008 ด้วยและการสนับสนุนลับๆ จากรัสเซีย ทำให้ซีเรียกลายเป็นเป้าหมายกระบอกปืนเรือรบสหรัฐ รวมถึงการอุปโหลกกลุ่มไอซิสเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในซีเรีย ส่วนอิหร่านที่เพิ่งกลับมาขายน้ำมันก็ถูกคว่ำบาตและกำลังเกิดการประท้วงในประเทศ เห็นได้ชัดว่าประเทศที่พยายามจะตีตัวออกห่างระบบ Petrodollar มักจะมีอาการเป็นไปแบบที่ราวกับถูกขีดให้ไปสู่หายนะ แต่ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ที่เป็นปรากฏการณ์ท้าทายระบบ Petrodolla ที่เพิ่งถือกำเนิดมา นั่นคือระบบ Petro Yuan ที่จีนได้เปิดตลาดค้าซื้อขายน้ำมันโดยกำหนดราคาน้ำมันเป็นเงินหยวนซึ่งอิงกับทองคำ ระบบนี้เป็นความร่วมมือกันของ จีน รัสเซีย อิหร่าน ที่จะตกลงซื้อขายน้ำมันโดยจ่ายเป็นเงินสกุลของตัวเอง หรือเงินหยวนก็ได้ โดยมีทองคำหนุนหลังสกุลเงินหยวน ระบบนี้เพิ่งเริ่มใช้ในปี 2018 นี้เอง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีปฏิกริยาใดจากสหรัฐ การบิดเบือนราคาทองคำและโลหะเงินผ่านตลาดซื้อขายล่วงหน้าเพื่อไม่ให้สะท้อนค่าของดอลล่าร์ที่แท้จริง หลังจากที่ทองคำไม่ได้เป็นโลหะมีค่าที่ใช้หนุนหลังเงินดอลล่าร์ตามระบบ Bretton Wood แล้ว ราคาทองคำจึงแสดงค่าที่แท้จริงผ่านราคาซื้อขายทองคำ โดยในช่วงแรกที่ยกเลิกมาตรฐานทองคำ ราคาทองคำก็กระโดดขึ้นอย่างรวดเร็วในทิศทางที่สวนทางกับการอ่อนค่าของดอลล่าร์ สหรัฐสามารถพิมพ์ดอลล่าร์ออกมาได้เท่าที่ต้องการผ่านกระบวนการเพิ่มเพดานหนี้ แต่ไม่สามารถปั๊มทองคำออกได้ตามใจต้องการ การพิมพ์เงินดอลล่าร์ออกมามากย่อมทำให้ค่าเงินดอลล่าร์ลดลง โดยราคาทองคำเป็นตัวสะท้อนมูลค่าของดอลล่าร์ ดังนั้นการบิดเบือนราคาทองคำหรือกดให้ราคาทองคำต่ำ จึงเป็นประโยชน์ต่อสหรัฐที่จะได้คงความมีค่าของดอลล่าร์ไว้ และไม่ใช่เพียงแต่ทองคำที่ถูกบิดเบือนราคา โลหะเงินก็อยู่ในเป้าหมายการกดราคาด้วย และต่อไปนี้เราจะมาทำความเช้าใจวิธีการกดราคาทองคำและโลหะเงิน การซื้อขายทองคำหรือโลหะเงินที่จับต้องได้จริง (Physical) เป็นไปตามดีมานด์โลกซึ่งเกิดจากการซื้อเก็บสะสมแทนทรัพย์สิน หรือการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับหรืออุตสาหกรรมอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์ ขนาดของตลาดจึงขึ้นอยู่กับปริมาณโลหะเงินและทองคำที่ขุดขึ้นได้ใหม่ รวมกับของเดิมที่รีไซเคิลหลอมมาขายใหม่ ใครต้องการเมื่อไหร่ก็ไปตลาดและซื้อขายกันตามราคาตลาดในเวลานั้น หากมีความต้องการมากราคาก็จะขึ้น หากความต้องการลดลงราคาก็จะตกลงตามกฏดีมานด์ซัพพลาย แต่ด้วยความผันผวนของราคาจากดีมานด์และซัพพลายที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดซึ่งจะมีผลต่อราคาที่ไม่นิ่ง โลกยุคใหม่จึงพัฒนาระบบตลาดซื้อขายล่วงหน้า (Futures) เพื่อลดความเสี่ยงของราคาที่ผันผวนของสินค้า ตลาดล่วงหน้า (Futures) มีประโยชน์เพื่อปิดความเสี่ยงของธุรกิจ ยกตัวอย่างบริษัทผลิตมือถือรับออเดอร์ผลิตมือถือ 1 ล้านเครื่อง ตกลงราคาขายกันที่ 5,000 ล้านบาท ส่งมอบ 3 เดือนถัดไป บริษัทคิดคำนวณกำไรจากต้นทุนในวันรับออเดอร์ สมมติจะได้กำไร 1,500 ล้าน สมมติอีกว่าในขั้นตอนการผลิตก็จะต้องมีวัตถุดิบทองคำมาเข้าในไลน์ผลิตใน 1 เดือนถัดไป แต่ไม่มีใครรู้ว่า 1 เดือนถัดไปราคาทองจะขึ้นหรือลง ถ้าหากราคทองเกิดแพงขึ้นบริษัทก็อาจจะไม่เหลือกำไรจากการผลิตมือถือขายในครั้งนี้ เพื่อปิดความเสี่ยงที่ราคาทองคำอาจขึ้นหรือลง บริษัทจึงเปิดสัญญาซื้อทองคำล่วงหน้าเพื่อล็อกราคาทองคำไว้ที่ราคาวันนี้ ดังนั้นไม่ว่า 1 เดือนถัดไปราคาทองจะขึ้นหรือลงแค่ไหน บริษัทจะได้มีทองคำในราคา ณ วันทำสัญญาซื้อทองคำล่วงหน้ามาทำการผลิต และได้กำไรจากคำสั่งจ้างผลิตมือถือนี้แน่นอน 1,500 ล้านบาทตามที่ได้คำนวณไว้ แต่ประโยชน์ของตลาดล่วงหน้าแบบข้างบนคือเรื่องของคนโลกสวย ในชีวิตจริงยังมีกลุ่มคนอีกจำพวกที่เห็นตลาดล่วงหน้าเป็นแหล่งเก็งกำไร วิธีทำกำไรก็คือถ้าเก็งว่าราคาทองจะขึ้น ก็จะเปิดสัญญาซื้อทองในตลาดล่วงหน้า หากราคาทองขึ้นมาก็ปิดสถานะสัญญาโดยการขายสัญญานั้นทิ้งไป ณ ราคาที่ขึ้นมา ไม่ต้องรอรับทองคำ แต่ได้รับราคาส่วนต่างไปแทน ยิ่งกติกาของตลาดล่วงหน้าโดยทั่วไปจะกำหนดราคาสัญญาซื้อหรือขายไม่ต้องจ่ายเต็มจำนวน จึงเกิดอัตราทดในการทำกำไรมากยิ่งขึ้น (Leverage) ลักษณะตัวอย่างของการ Leverage ที่เราเห็นในชีวิตจริงก็เช่นการเก็งกำไรคอนโด ทุกคนเชื่อว่าราคาคอนโดจะขึ้นไปเรื่อยๆ จึงรีบไปจองคอนโด บริษัทที่ขายคอนโดก็ให้จองในราคาเล็กน้อย ยังไม่ต้องจ่ายเต็มราคา คนที่จองได้ก็เหมือนกับเอาเงินจำนวนน้อยไปลงทุน และรอขายใบจองต่อโดยบวกเพิ่มราคาที่คิดว่าราคาคอนโดนั้นควรจะเป็น ทำให้ได้กำไรส่วนต่างของราคาคอนโดทั้งห้องโดยลงทุนแค่ราคาใบจอง ในตลาดล่วงหน้าโลหะเงินหรือทองคำ ผู้จัดการตลาดจะมีการถือทองหรือโลหะเงินจำนวนหนึ่งเพื่อรองรับการไถ่ถอนตามสัญญา แต่ด้วยพฤติกรรมส่วนใหญ่ของนักลงทุนเก็งกำไร จึงมีสัดส่วนการปิดสัญญาและรับเข้าหรือถอนออกทองคำหรือโลหะเงินจริงน้อยมาก ขนาดของการเก็งกำไรในตลาดล่วงหน้าใหญ่โตกว่าการซื้อขายในตลาดค้าขายทองคำหรือโลหะเงินชนิดเป็นก้อนเป็นแท่งจริงๆ เป็นพันเท่า ในปี 2017 ขนาดของตลาดโลหะเงินแท้เป็นแค่เพียง 0.0055% ของตลาดโลหะเงินล่วงหน้า จากสัดส่วนของตลาดล่วงหน้าเมื่อเที่ยบกับตลาดซื้อขายสินค้าจริงที่มีความแตกต่างกันมาก จึงไม่อาจจะแน่ใจต่อไปได้ว่าพลังดีมานด์และซัพพลายที่มีผลต่อราคาสินค้าจริงจะต้านทานพลังการเก็งกำไรในตลาดล่วงหน้าได้ ถ้าเทียบให้เห็นเป็นรูปธรรมในชีวิตจริงก็เช่น การล้มมวย นักมวยเก่ง รูปมวยดี แต่ถ้าผลประโยชน์มันเข้าตา ผลก็อาจจะออกมาไม่เป็นที่อย่างที่คาด แล้วในกรณีของตลาดทองคำหรือโลหะเงิน เขากดราคากันยังไง นี่คือลำดับขั้นตอนการกดราคา คนที่จะกดราคาจะเปิดสัญญาขายทองคำล่วงหน้าจำนวนมหึมาแบบปัจจุบันทันด่วน กระแทกให้ราคาทองฟิวเจอร์ในตลาดล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (COMEX) ร่วงลง เมื่อรายใหญ่อยากเล่นทางลง และราคาฟิวเจอร์ลงแบบกระทันหันทำให้นักลงทุนบางส่วนถูกระบบบังคับขายเพื่อตัดการขาดทุน ผสมโรงกับนักเก็งกำไรที่ขายตามเพื่อร่วมขบวนกระแสทำกำไร ไปผลักดันให้เกิดแรงจูงใจในการขายตลาดทองคำจริงเพื่อให้ผู้เล่นในตลาดล่วงหน้า (Futures) ซึ่งเป็นกลุ่มได้ประโยชน์กลุ่มใหญ่ได้มีกำไร ทองคำจริงจากตลาด COMEX รวมถึงที่ตลาดทองคำลอนดอน (London Bullion Market) ส่วนที่ถูกขายออกจากแรงจูงใจที่ไม่ได้เกิดจากดีมานด์ซัพพลายจริง ไหลไปยังตลาดทองแห่งใหม่ในเอเชียนั้นคือตลาดทองเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Gold Exchange) ซึ่งจีนตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือในการดูดทองราคาถูกเข้าประเทศ การสมยอมกันนี้เกิดขึ้นเพราะทุกคนในเกมได้ประโยชน์อยู่เบื้องหลัง ผู้กดราคาสามารถบิดเบือนราคาทองคำหรือโลหะเงินเพื่อไม่ไห้ไปสะท้อนราคาค่าเงินจริง ผู้รับทองจริงไปก็รู้ว่านี่คือการบิดเบือน แต่อาศัยจังหวะนี้ในการเก็บของถูกและรอวันที่ความจริงทุกอย่างเปิดเผย บทสรุป จากทั้งหมดที่เขียนมาอย่างยาวแต่พยายามอธิบายแบบเข้าใจง่ายไม่ต้องซับซ้อน เราน่าจะได้เข้าใจตรงกันแล้วว่าสกุลเงินที่เราใช้กันทุกวันนี้ไม่ว่าจะเงินบาท เงินวอน เงินรูปี เงินยูโร เงินเยน เงินหยวน ที่แท้ก็เป็นองค์อวตารของเงินดอลล่าร์สหรัฐ และคุณค่าของเงินดอลล่าร์ก็ไม่ได้ผูกค่าไว้กับทองคำหรือโลหะมีค่าใดๆ เป็นแต่เพียงสกุลเงินที่ถูกบังคับว่าต้องมีไว้ใช้ซื้อน้ำมัน ส่วนตัวเงินดอลล่าร์เองจะมีค่ามากแค่ไหนก็ไม่สามารถไปเทียบค่ากับทองคำหรือโลหะเงินตามหลักดีมานด์ซัพพลายได้เพราะมันมีการบิดเบือนราคา (Gold Silver Manipulation) แม้ทองคำหรือโลหะเงินจะเป็นสิ่งที่มีค่าแท้จริงที่ชาวโลกคุ้นเคย ก็ไม่อาจจะแสดงค่าที่แท้จริงออกมาได้ ในสภาวะการเงินแบบนี้จึงทำให้มีคนแสวงหาที่พึ่งพาใหม่ และบิทคอยน์ก็ได้เกิดมาบนโลกที่กำลังคละคลุ้งไปด้วยการสร้างมายาภาพเพื่อหลอกลวงคุณค่าของเงิน แต่การจะกระโจนเข้าใส่บิทคอยน์ด้วยเหตุผลของความไม่ชัดเจนในระบบการเงินโลกแบบเดิมก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เพราะบิทคอยน์ไม่ใช่สิ่งมีจำกัดอย่างแท้จริง โลกพร้อมจะมี บิทคอยน์ 1 บิทคอยน์ 2 และ 3 และ 4 หรือคอยน์อะไรๆ ออกมาได้อีกเพราะเป็นสิ่งที่คนสร้างขึ้นได้ และในอนาคตบิทคอยน์ก็สามารถถูกจับมาบิดเบือนราคาในตลาดล่วงหน้าได้เหมือนเช่นทองคำ บทความตลอดทั้ง 3 ตอนที่เขียนมานี้ไม่อาจสรุปได้ว่าบิทคอยน์หรือสกุลเงินหรือทองคำ อะไรที่มีค่ามากน้อยกว่ากัน แต่เพียงแค่ได้เห็นพื้นฐานที่รองรับความน่าเชื่อถือของแต่ละสิ่ง ซึ่งการจะอยู่บนโลกการเงินใบนี้ต่อไปได้นั้นนับเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ http://www.cointhailand.com/bitcoin/bitcoin-vs-%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3-vs-%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%88/
โดย
zephyr
อังคาร ม.ค. 23, 2018 10:32 am
0
7
Re: Bitcoin vs ทองคำ vs สกุลเงินโลก
Bitcoin vs ทองคำ vs สกุลเงินโลก ภาค 2 January 12, 2018 บทความนี้เป็นภาคต่อจากบทความก่อนหน้าที่พูดถึงสิ่งที่ทำให้คนเกิดความมั่นใจในเหรียญ หรือธนบัตรสกุลต่างๆ เพื่อจะนำมาค้นหาคุณค่าที่อยู่ในบิทคอยน์ที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ ในตอนที่แล้วพูดถึงคุณค่าของโลหะมีค่าอย่างทองคำหรือเงินที่คนให้ความเชื่อมั่นมาตั้งแต่ยุคโรมัน ไม่ว่าประเทศจะผลิตเหรียญหรือธนบัตรออกมาให้ใช้ ถ้ามันสามารถแปลงเป็นโลหะมีค่าได้ เหรียญหรือธนบัตรนั้นก็จะเป็นที่ยอมรับ แต่หากเมื่อใดที่ไม่มีโลหะมีค่ามาหนุนหลังแล้วคนจะไม่มั่นใจและนำความมั่งคั่งที่ตัวมีไปแปลงเป็นสื่อกลางอื่นหรืออะไรก็แล้วแต่ที่เชื่อว่ามีค่าแท้จริงหนุนหลัง เหมือนกับตัวอย่างเหรียญเงินโรมันและเงินปอนด์อังกฤษที่หมดความน่าเชื่อถือที่เล่าไว้ในบทก่อนหน้า และทิ้งท้ายไว้ตรงเงินดอลล่าร์ที่เป็นเงินสกุลโลกปัจจุบันที่กำลังมีความเสี่ยงที่จะบั่นทอนความเชื่อมั่นของชาวโลก ในบทนี้จะมาเล่าต่อในเรื่องของดอลล่าร์สหรัฐล้วน ๆ เพื่อปูพื้นนำไปสู่ความเข้าใจในกระแสความคลั่งไคล้บิทคอยน์อยู่ในเวลานี้ ดอลล่าร์ สกุลเงินสำรองของโลก จากความอ่อนแอทางเศรษฐกิจของอังกฤษทำให้เงินปอนด์ที่เคยเป็นสกุลเงินสำรองที่ประเทศทั่วโลกถืออยู่หมดความเชื่อมั่น และในที่สุดประเทศเศรษฐีใหม่อย่างสหรัฐอเมริกาก็เสนอให้เงินสกุลดอลล่าร์เป็นสกุลเงินหลักของโลกแทน โดยประเทศต่างๆ มีมติยอมรับในการประชุม Bretton Wood Conference ในปี 1944 เงินสกุลดอลลาร์ผูกค่ากับทองคำที่ 35 เหรียญต่อออนซ์ ณ เวลานั้นปริมาณทองของสหรัฐมีมากถึงประมาณ 20,000 ตัน คิดเป็นประมาณ 80% ของปริมาณทองคำสำรองของทั้งโลกในขณะนั้น ตั้งแต่ช่วงปี 1945 – 1965 ถือเป็นช่วงที่ดีที่สุดทางเศรษฐกิจของสหรัฐ การบริโภคขยายตัวขึ้นอย่างมากจากการเพิ่มประชากรที่อั้นกันไว้ในช่วงที่เศรษฐกิจย่ำแย่จนถึงช่วงสงคราม เป็นปรากฏการณ์ที่เรียกกันว่ารุ่นลูกมาก (Baby Boom) สังคมเริ่มปรับเปลี่ยนเป็นสังคมเมือง คนในภาคเกษตรเริ่มลดน้อยลง หันมาทำงานในเมือง ที่อยู่อาศัยในเมืองขยายตัวทำให้สินค้าทุกอย่างขายดีไปหมด แถมยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศอีกเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการ ระดับค่าแรงเริ่มปรับตัวสูงขึ้นและพัฒนาไปสู่การใช้เทคโนโลยีแทนคนมากขึ้น การนำเข้าสินค้าพื้นฐานจากต่างประเทศถูกกว่าการผลิตใช้เอง สหรัฐพัฒนาตัวไปสู่การเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ของโลก นำไปสู่ดุลบัญชีของประเทศที่เปลี่ยนทิศทางเป็นขาลง นอกจากบทบาททางเศรษฐกิจที่สหรัฐเป็นผู้นำโลกแล้ว สิ่งที่เหมือนๆ กันกับอาณาจักรยิ่งใหญ่ทั้งหลายในอดีตคือการมีแสนยานุภาพทางทหารที่จะต้องเข้าไปดูแลผลประโยชน์ของชาติในดินแดนต่างๆ ทั่วโลก โดยในเวลานั้นโลกแบ่งขั้วอำนาจชัดเจนเป็นฝ่ายโลกเสรีที่มีสหรัฐเป็นผู้นำและฝ่ายโลกสังคมนิยมที่มีรัสเซียและจีนเป็นผู้นำ เกิดเป็นความตึงเครียดของทั้งสองฝ่ายที่เรียกกันว่าเป็นสงครามเย็น มีการแข่งกันสร้างอาวุธรวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีด้านอวกาศซึ่งทั้งหมดล้วนแต่ต้องใช้เงิน สงครามเย็นแม้ไม่ได้ก่อให้เกิดการเปิดศึกกันระหว่างประเทศผู้นำของแต่ละฝ่าย แต่มักจะมาในรูปของสงครามตัวแทน อย่างเช่นสงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม และแน่นอนว่าสหรัฐในฐานะประเทศผู้นำฝ่ายเสรีต้องเข้าไปสกัดการขยายอิทธิพลของฝ่ายสังคมนิยม สหรัฐเปิดตัวลงสู่สมรภูมิสงครามเวียดนามในปี 1965 สงครามครั้งนี้ทำให้สหรัฐต้องใช้จ่ายเงินเยอะมาก จะเยอะแค่ไหนไม่รู้แต่ที่แน่ๆ คือเริ่มมีการตรวจสอบย้อนกลับได้ว่าปริมาณทองคำสำรองของสหรัฐเริ่มอยู่ในฐานะที่ไม่มั่นคง หน่วยงานที่เป็นตัวฟ้องสัญญาณนี้คือ London Gold Pool หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นกองทองรวมการเฉพาะกิจแห่งลอนดอน London Gold Pool ตั้งขึ้นมาในปี 1961 โดยธนาคารกลางสหรัฐและ 7 ชาติยุโรป เพื่อเอาไว้รักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนทองคำให้คงที่ที่ 35 เหรียญหรือใกล้เคียง ธุรกรรมระหว่าง London Gold Pool กับช่องหน้าต่างแลกทองคำของธนาคารกลางสหรัฐจะมีความสมดุลกัน การควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนทองคำนี้ใช้การได้อยู่เพียง 6 ปี และเริ่มพบว่าอัตราที่ตั้งนี้เริ่มต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ประเทศสมาชิกเริ่มไหวตัวและถอนออกจากพูล และหน่วยงานนี้ก็ไม่ได้ไปต่อในปี 1968 ถือเป็นความล้มเหลวในการรักษาค่าแลกเปลี่ยนทองคำ เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะเกิดจากการใช้จ่ายเกินตัวของสหรัฐและไม่สามารถรักษาวินัยในการพิมพ์เงิน ทำให้ค่าเงินดอลล่าร์ที่แท้จริงต่ำกว่าที่กำหนดเมื่อเทียบกับทองคำ และนำไปสู่ความเสี่ยงที่ประเทศต่างๆ ที่ถือดอลล่าร์จะมาขอขึ้นทองคำคืนที่หน้าต่างแลกทองของธนาคารกลางสหรัฐ ข้อมูลในปี 1966 ประเทศยุโรปถือเงินดอลล่าร์รวมกัน 14,000 ล้านดอลล่าร์ แต่ที่ธนาคารกลางสหรัฐมีทองคำสำรองแค่ 13,200 ล้านดอลล่าร์ และเป็นส่วนที่สำรองเอาไว้รองรับการใช้ธนบัตรดอลล่าร์ที่หมุนเวียนใช้ในอเมริกาเอง 10,000 ล้านดอลล่าร์ แปลว่าเหลือทองคำปริมาณแค่ 3,200 ล้านเหรียญดอลล่าร์ที่จะจ่ายแลกให้แก่ผู้ถือดอลล่าร์ในต่างประเทศได้ ฟังแล้วขนพองสยองเกล้าแก่เหล่าเจ้าหนี้ไหมครับ ในกลางปี 1971 เยอรมันถอนตัวออกจากข้อตกลง Bretton wood และขอเอาดอลล่าร์ที่มีไปแลกทองคำคืน คราวนี้ราวกับท่อประปาแตก ประเทศยุโรปอย่างสวิตเซอร์แลนด์ และฝรั่งเศสต่างขอเอาดอลล่าร์มาแลกเป็นทองคำคืนบ้าง สุดท้ายประธานาธิบดีนิกสันประกาศเลิกมาตรฐานทองคำเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 1971 เพราะไม่มีทองคำพอให้แลกคืน จากการประกาศยกเลิกมาตรฐานทองคำทำให้ทุกประเทศต่างช็อคไปตามๆ กัน (Nixon Shock) นั่นแปลว่าเงินดอลล่าร์ที่แต่ละประเทศอุตส่าห์หน้าดำคร่ำเครียดขายของให้สหรัฐอเมริกาอย่างเหนื่อยยาก กลายเป็นว่าได้เงินที่ด้อยค่ากลับมาแทน นี่คือครั้งแรกที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาหลอกทำนาบนหลังคนทั่วโลก หลังการประกาศยกเลิกมาตรฐานทองคำของสหรัฐจึงไม่มีประโยชน์ที่ประเทศใดจะยึดตามข้อตกลง Bretton wood อีก อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลล่าร์ที่เคยฟิกซ์ค่ากับเงินสกุลอื่นๆ จึงเปลี่ยนเป็นลอยค่าเงิน ซึ่งคำนี้คนไทยน่าจะคุ้นดี มันคือคำสุภาพของการลดค่าเงินนั่นเอง เงินดอลล่าร์ตกไปเหลือหนึ่งในสาม ราคาทองกลับพุ่งขึ้นไป เศรษฐกิจของอเมริกาหดตัวลง เงินดอลล่าร์ถูกพิมพ์ขึ้นมาโดยไม่มีทองคำหนุนหลังแล้ว เป็นเงินที่พิมพ์เลขราคาให้เชื่อตามนั้น (Fiat currency) สินค้านำเข้าก็แพงขึ้นหมด สะเทือนไปถึงประเทศอื่นๆ ที่เป็นผู้ขายอย่างญี่ปุ่น ยุโรปและทั่วโลกก็แย่ตามไปหมด เมื่อเศรษฐกิจหดตัวการถล่มลงของตลาดหุ้นจึงเกิดขึ้นอีกครั้งแถมซ้ำเติมด้วยวิกฤติราคาน้ำมันซึ่งมีสาเหตุมาจากอียิปต์ที่โซเวียตหนุนหลังและกลุ่มประเทศอาหรับสู้รบเพื่อขับไล่อิสราเอลที่เข้าไปบุกยึดแหลมไซนายและที่ราบสูงโกลัน แต่ประเทศสหรัฐ ยุโรปและญี่ปุ่นสนับสนุนอิสราเอล โอเปคเลยลดการผลิตและไม่ขายน้ำมันให้สหรัฐและพวกเป็นการตอบโต้ เป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจของสหรัฐและทั้งโลกเข้าไปอีก สงครามรุนแรงขึ้น สหรัฐขออนุมัติสภาคองเกรสอนุมัติเงิน 2,200 ล้านเหรียญจ่ายให้ลิเบีย ซาอุดิอารเบียและชาติอาหรับในโอเปคที่เหลือเพื่อให้เลิกเป็นพันธมิตรกับอียิปต์ ทำให้สงครามครั้งนี้สิ้นสุดโดยฝ่ายอิสราเอลก็ยอมถอนทหารกลับ สหรัฐเห็นแล้วถึงความสำคัญของน้ำมันและความมั่นคงของเงินดอลล่าร์ จึงได้เจรจาจะให้การช่วยเหลือด้านอาวุธและอุปกรณ์ป้องกันภัยต่างๆแก่ซาอุดิอารเบีย โดยขอแลกกับการกำหนดให้การค้าขายน้ำมันของซาอุดิอารเบียที่เป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของกลุ่มโอเปกให้ขายน้ำมันด้วยเงินดอลล่าร์เท่านั้นจากที่แต่เดิมกำหนดราคาขายที่ยึดกับราคาทองคำ และซาอุดิอารเบียก็ได้เกลี้ยกล่อมโอเปกให้กำหนดราคาขายเป็นดอลล่าร์ด้วย จากนั้นการขายน้ำมันของโอเปกก็กำหนดราคาเป็นดอลล่าร์ (Petrodollar) การขายน้ำมันของโอเปกเป็นเงินดอลล่าร์หรือที่เรียกว่า Petrodollar เป็นการปลุกชีพจรของสหรัฐให้ฟื้นกลับขึ้นมายิ่งใหญ่อีกครั้งหลังจากพังพินาศไปกับการผูกค่าเงินดอลล่าร์กับทองคำ ความที่ทุกประเทศต้องการใช้น้ำมัน ดังนั้นทุกประเทศจึงต้องการเงินดอลล่าร์เพื่อใช้ซื้อน้ำมันจากโอเปก เงินดอลล่าร์จึงกลับกลายเป็นเงินสกุลจำเป็นที่ทั่วโลกต้องมีสำรองไว้ ทุกประเทศจึงต้องหน้าดำคร่ำเครียดขายของให้สหรัฐอีกครั้งเพื่อเอาเงินดอลล่าร์มาไว้ซื้อน้ำมัน เหลือเงินเท่าไหร่ก็ต้องสำรองเก็บไว้โดยนำส่งเข้าธนาคารกลางของประเทศตัวเอง ตัวธนาคารกลางเองก็มักไม่เก็บในรูปของเงินดอลล่าร์เพราะเก็บไว้ก็ไม่ได้ดอกผล จึงใช้วิธีเก็บสำรองดอลล่าร์ด้วยการนำดอลล่าร์นั้นกลับมาซื้อพันธบัตรสหรัฐมาเก็บไว้ เพราะอย่างน้อยก็มีดอกเบี้ยและมีสภาพคล่องสูง หากจำเป็นต้องใช้ดอลล่าร์เพื่อเหตุจำเป็นเร่งด่วนเช่นเพื่อเข้าแทรกแซงค่าเงินเนื่องจากการถูกโจมตีในตลาดเงิน(ถ้าซวย) ธนาคารกลางก็จะขายพันธบัตรได้เงินทันทีเพื่อใช้ในการแทรกแซง ด้วยเหตุนี้เงินดอลล่าร์จึงเหมือนเป็นเงินที่ทั่วโลกใช้เป็นสินทรัพย์หนุนหลัง และทุกประเทศล้วนมีเงินดอลล่าร์สำรองอยู่เป็นสัดส่วนที่มากเหมือนๆ กัน ยกตัวอย่างประเทศไทย เมื่อสิ้นปี 2560 เรามีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ 2 แสนล้านดอลล่าร์ เก็บเป็นทองคำประมาณ 3% อีก 97% ที่เหลือเก็บเป็นทรัพย์สินต่างประเทศที่ประกอบไปด้วยพันธบัตรสหรัฐ พันธบัตรยูโร และพันธบัตรญี่ปุ่น พันธบัตรจีน พันธบัตรออสเตรเลียในสัดส่วนประมาณ 65 : 25 : 5 : 3 : 2 ตามลำดับ ซึ่งก็เป็นสัดส่วนโดยเฉลี่ยที่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกมักใช้กัน ในเงินสำรอง 200,000 ล้านดอลล่าร์นี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเงินที่เอาไปใช้ที่ไหนไม่ได้เพราะต้องกันเป็นทุนหนุนหลังการใช้ธนบัตรในประเทศประมาณ 80,000 ล้านดอลล่าร์ เหลืออีก 120,000 ล้านดอลล่าร์ก็ต้องเตรียมสำหรับพร้อมรับการเรียกคืนหนี้ต่างประเทศหรือไว้พยุงค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ จากข้อมูลนี้เห็นกันลางๆ แล้วหรือยังว่าเงินบาทที่เราถืออยู่อย่างเช่นแบ๊งก์ร้อยทุกวันนี้มีคุณค่าเท่ากับทองคำเพียง 3 บาท และเป็นเสี้ยวแบ๊งก์อเมริกาไป 64 บาท แบ๊งก์ยูโร 24 บาท แบ๊งก์เยน 5 บาท แบ๊งก์จีนกับออสเตรเลียรวมกันอีก 4 บาท รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 100 บาทไทยที่อยู่ในมือ ตอนนี้เริ่มรู้สึกอินกับความเป็นโลกาภิวัฒน์แล้วหรือยังครับว่าโลกมันเกี่ยวกันหมด ถึงจะไม่อยากจะเกี่ยว มันก็ตามมาเกี่ยวจนถึงในกระเป๋าสตางค์จนได้ เรื่องยังมีเหลืออีกพอสมควร หากเขียนต่อก็จะทำให้บทความนี้ยาวเกินไป จะเหนื่อยอ่านกันซะก่อน เลยจะขอไปต่อภาค 3 แล้วกันนะครับ แต่เท่าที่เราเข้าใจตรงกันตอนนี้คือหลังจากสหรัฐไม่ผูกค่าเงินดอลล่าร์กับทองคำแล้ว เงินดอลล่าร์จึงไม่มีโลหะมีค่าหนุนหลังอีกต่อไป กลายเป็น Fiat currency โดยสมบูรณ์ และเงินบาทของเราก็ใช้เงินทุนสำรองหนุนหลังซื่งมีทองคำหนุนเพียง 3% นอกนั้นหนุนหลังด้วย Fiat currency ซึ่งก็แปลว่าเงินบาทก็เป็นร่างจำแลงของ Fiat currency เหมือนๆ กับเงินประเทศต่างๆ ทั่วโลกครับ
โดย
zephyr
อังคาร ม.ค. 23, 2018 10:31 am
0
8
Re: BLA THRE ควรลงทุนยาวๆ ดีไหม
ผมบอกไม่ได้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่ BLA ผมถือมา 5 ปียังไม่มีกำไรครับ
โดย
zephyr
ศุกร์ ม.ค. 19, 2018 10:32 am
0
9
Re: ทักษะที่กำลังหมดค่า/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ถ้า google map นำทาง แล้วเราเคยผ่านถนนเส้นนั้นแล้วคงไม่มีปัญหา แต่บางครั้งมันก็ผิดเหมือนกัน เพราะสภาพถนนแย่มาก หรืออาจจะไม่พร้อมสำหรับรถยนต์ แต่โดยรวม ผมก็ใช้บริการ google map บ่อยมากๆ หลักๆเพื่อดูว่า traffic แย่แค่ไหน ต้องเผื่อเวลาเท่าไร
โดย
zephyr
อาทิตย์ ม.ค. 07, 2018 8:19 pm
0
3
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
สวัสดีปีใหม่ครับผม
โดย
zephyr
อังคาร ม.ค. 02, 2018 7:44 pm
0
0
Re: เปิดจอง CV@WORK วันที่ 12/09/60 เวลา 10:00
ขอจอง 1 ที่ครับ :D
โดย
zephyr
จันทร์ ก.ย. 18, 2017 9:40 pm
0
0
Re: สวัสดีครับชาวviทุกท่านผมสมาชิใหม่มีเรื่องขอความเห็นครับ
หุ้นหลายๆตัวที่เอ่ยถึง ผมไม่มีนะครับ ไม่ได้ตามด้วยครับ ในเว็บบอร์ดนี้มักจะไม่ค่อยถกกันเรื่องของการจัดพอร์ท เนื่องจากมันค่อนข้างยากที่จะบอก พวกนี้มักเป็นศิลปส่วนตัว ส่วนใหญ่จะถือหุ้นที่ตัวเองศึกษามาเองและมั่นใจมากกว่าจะถึอหุ้นตามคนอื่นครับ ผมว่าในให้อ่านข้อมูลของหุ้นในพอร์ทจากห้องร้อยคนร้อยหุ้นดู แล้วลองพิจารณาเอาครับว่าตัวไหนที่เราเข้าใจและพอคาดเดาอนาคตได้ว่าอย่างไร แล้วก็ปรับตามความมั่นใจของตัวเองครับ :D :o
โดย
zephyr
ศุกร์ ก.ค. 21, 2017 1:48 pm
0
8
Re: ปลดล็อคผลตอบแทนให้สูงขึ้นด้วยการก้าวข้ามกับดักบนเส้นทาง
ขอบคุณมากครับ เรื่องข้อ 2 นี่นะ บอกตรงๆว่ายากพอควร คนที่ศึกษากิจการมามักจะไบแอสเสมอว่ากิจการที่ตัวเองศึกษามานั้นดี แต่แล้วก็พบว่าตลาดไม่เห็นด้วย แล้วมันก็จริง กำไรมันไม่มา หรือมาแล้วราคาไม่ขยับ เราจำเป็นต้องออกเหมือนกัน ผมนี่เป็นมากเลย ถือจนกำไรแล้วกลับมาขาดทุนหรือแทบไม่มีกำไรเพื่อให้รู้ว่าเราผิด เสียเงินไม่เท่ากับเสียโอกาส เวลาผ่านแล้วผ่านเลยมันไม่ย้อนกลับมาอีก ตอนนี้กำลังพยายามปรับทัศนคติอยู่ครับ จริงๆผมเห็นหัวข้อที่คุณ sky post แล้วนึกว่าจะโดนกดลบซะอีก 555
โดย
zephyr
พุธ ม.ค. 18, 2017 6:59 pm
0
3
Re: ลงทุน 100 ปี กับ หุ้นต่างประเทศ
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน ขอบคุณมากๆครับ ไม่รู้ทำไมอ่านแล้วมีกำลังใจมากขึ้น :D
โดย
zephyr
พุธ ต.ค. 19, 2016 9:52 am
0
0
Re: ""เปิดแล้ว..ประกันสุขภาพกลุ่มปี 2559 สมัครเลยค่ะ"""
ขอโทษครับ กด submit เร็วไป จะถามเพิ่มอีกข้อนึง ผมไม่เข้าใจเรื่องศูนย์ตรวจสุขภาพครับ ถ้าผมไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลที่มีเครื่องหมายถูก โดยไม่ได้มีอาการเจ็บป่วยมาก่อน เหมือนเป็นการตรวจสุขภาพประจำปี นี่ผมต้องชำระค่าบริการเองหรือทางประกันจ่ายให้ครับ หรือว่ามีรายละเอียดยังไงครับ
โดย
zephyr
จันทร์ ต.ค. 03, 2016 10:21 pm
0
1
Re: ""เปิดแล้ว..ประกันสุขภาพกลุ่มปี 2559 สมัครเลยค่ะ"""
สอบถามเพิ่มเติมครับ สำหรับ OPD ตามที่ผมเข้าใจคือ หากเจ็บป่วย เช่น เป็นหวัด เป็นไข้ ปวดหัว ปวดท้อง บาดแผลเล็กน้อย ฯลฯ สามารถเข้าไปรักษา ตามสิทธิ หากมีค่าใช้จ่าย ไม่เกิน 1000 หรือ 1500 บาทต่อครั้ง คือทางประกันจ่ายให้ใช่มั้ยครับ และ หากเกิน 1000 หรือ 1500 บาทต่อครั้ง ทางประกันจะจ่ายให้ตามที่กำหนด และเราจ่ายส่วนต่างเพิ่มเองใช่มั้ยครับ
โดย
zephyr
จันทร์ ต.ค. 03, 2016 10:15 pm
0
1
Re: ทำไมบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ถึงมี Gross profit margin สูงจ
มันคืออำนาจการต่อรองครับ เค้าขาย distribution ด้วยไม่ได้ขายแค่สินค้าครับ 1) modern trade ได้ราคาขายจาก suppliers ต่ำกว่า traditional trade อยู่แล้ว เพราะมี volume discount 2) นอกจากนั้นยังสามารถ เรียกเก็บค่า distribution fee จาก suppliers ได้อีก ซึ่งแปลกมาก distribution fee ที่เรียกเก็บควรจะแปรผันตามราคาน้ำมัน แต่ว่าน้ำมันลง distribution fee ไม่ลดนะครับ ช่วงปีสองปีนี้ modern trade ได้กำไรส่วนนี้เข้ามาด้วย 2.1) modern trade มักจะ outsource การทำ distribution ให้กับ 3rd party logistics ซึ่งก็แปลกอีกเหมือนกันที่ต้นทุนที่จ่ายให้ outsource กับถูกลงเรื่อยๆ 3) ผมไม่ค่อยได้เข้า makro ไม่แน่ใจว่ามี house brand มั้ย ถ้ามี ก็เป็นตัวสร้างกำไรอีกทางนึงแน่นอน ต้นทุนอาจจะไม่ถึง 50% ของราคาขายด้วยซ้ำไป 4) ทุกครั้งที่สินค้า brand ไหนมีการจัด promotion ตอนนั้น supplier ก็ต้องจ่ายเงินให้ modern trade ด้วยเหมือนกันนะครับ
โดย
zephyr
อาทิตย์ พ.ค. 08, 2016 4:27 pm
0
2
Re: ไม่อยากขายหุ้นของบริษัทที่อยุ่ USA ตอนจะลาออก ทำยังไงดี?
ผมลอง search google ดู ก็เห็นว่ามี country group, Asiaplus, Kimeng นะครับที่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นตลาดต่างประเทศได้ ลองติดต่อดูครับ ผมเองไม่เคยเปิดบัญชีนะครับ
โดย
zephyr
พฤหัสฯ. มี.ค. 17, 2016 1:20 pm
0
0
Re: โคมไฟสามดวง/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
คำว่าโชคดีที่เกิดที่อเมริกานั้น น่าจะมาจากวอร์เรน บัฟเฟตครับ ดร.ท่านคงแค่หยิบมาใช้แบบขำๆมากกว่า
โดย
zephyr
ศุกร์ ก.พ. 05, 2016 9:33 am
0
1
Re: Money Talk @ SET 9 มค 16 หุ้นเด่นปี59 และ กลยุทธ์วีไอปี5
ขอบคุณมากๆครับพี่ :D
โดย
zephyr
อาทิตย์ ม.ค. 10, 2016 5:39 pm
0
1
Re: กลุ่มโรงพยาบาลธนบุรีจะเข้าตลาดหุ้น ปี2016
แถวบ้านผม โรงพยาบาลธนบุรี 2 ราคาพอๆกับระดับ A เลยนะครับ ผมเพิ่งรู้ว่าเค้าบอกว่าระดับ B+
โดย
zephyr
จันทร์ ธ.ค. 07, 2015 10:15 pm
0
2
Re: MoneyTalk@SET7Jun2015เจาะหุ้นเด่นครึ่งหลัง&ข้อคิดจากเซีย
ละเอียดมากๆเลยครับ
โดย
zephyr
จันทร์ มิ.ย. 08, 2015 1:47 pm
0
0
Re: หลุดจากอิสระภาพทางการเงิน... แต่ติดกับดักอย่างอื่นแทน !
ผมว่าหลายๆคนก็มีความสุขได้ตามอัตภาพโดยไม่ต้องมีอิสรภาพทางการเงินนะครับ แค่บริหารเงินเป็นก็พอ ดังนั้นความสุขของผมไม่ได้อยู่กับอิสรภาพทางการเงิน แต่อิสรภาพทางการเงินเป็นเป้าหมายที่ผมต้องทำให้ได้ ส่วนเรื่องความสุข เราต้องรู้จักบริหารใจตัวเองนะครับ คนมีอิสรภาพทางการเงิน และเวลา ไม่ได้หมายความว่าจะมีความสุขนะครับ บางคนรวยมาก ไม่ต้องทำอะไรก็มีกิน เค้าก็ทุกข์ได้ ถ้าบริหารจิตใจไม่เป็น ผมกลับมองว่า บางทีคนเอาเรื่องโน่นนี่ มาโยงกันให้วุ่นวายกันไปเองมากกว่า ถ้าเราบาลานซ์เรื่องต่างๆได้ มันก็มีความสุขได้ตามสมควรครับ
โดย
zephyr
อาทิตย์ พ.ค. 24, 2015 6:24 pm
0
1
Re: คิดยังไงกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างครับ
สิ่งที่ผมเป็นห่วงที่สุดคือ การประเมินราคา ครับ
โดย
zephyr
พฤหัสฯ. มี.ค. 05, 2015 12:27 pm
0
4
Re: A Golden Decade of Thai Value Investors
ขอบคุณมากครับ อ่านแล้วอยากดูคลิปจริงๆ ไม่รู้จะมีใครถ่ายแล้วอัพ youtube หรือเปล่านะ
โดย
zephyr
อาทิตย์ ม.ค. 25, 2015 8:34 pm
0
0
Re: 10 ล้านบาทแรกในชีวิต (ลอกจาก Post คุณ Skyforever)
เห็น graph ของคุณ fewcentsport แล้วต้องบอกว่า graph สวยมากครับ ไม่มีลดเลยสักปีเดียว เก่งจังเลย
โดย
zephyr
พฤหัสฯ. ธ.ค. 25, 2014 11:44 pm
0
3
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
นานๆ จะได้เห็นกระทู้ดีๆ ที่ให้เป็นวิทยาทานแก่นักลงทุนใหม่ๆครับ ขอบพระคุณมากครับ
โดย
zephyr
พฤหัสฯ. ธ.ค. 25, 2014 11:40 pm
0
1
Re: ไม่โลภ ไม่กลัว ไม่ไร้สติ!
จริงๆ ด้วยความรู้อันจำกัดของผม ผมก็มองว่าตลาดขึ้นมาเยอะเกินกว่าพื้นฐาน มองเศรษฐกิจไปข้างหน้าระยะ 1 ปี ก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไร อาจจะทรงๆ แต่ตลาดขึ้นเพราะความคาดหวัง และมองโลกในแง่ดี เมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน ผมยังคุยกับเพื่อนว่า ออกจากตลาดดีมั้ย แต่ผมก็ไม่ได้ออก เพราะว่าตัวเองก็ยังไม่แน่ใจ แต่ในใจก็คิดว่าถ้าเกิดตลาดลงเยอะ ผมก็ขอเก็บกำไรบางส่วนออกไปก่อนละกัน หลายวันที่ผ่านมาผมก็ขายออกไปพอสมควร กำไรของปีนี้ก็ลดลงพอสมควรเหมือนกันครับ รอให้ฝุ่นหายตลบก่อน แล้วผมค่อยคิดใหม่ละกันว่าจะเอายังไงต่อ
โดย
zephyr
พุธ ธ.ค. 17, 2014 2:14 pm
0
1
Re: รบกวนถาม พี่ๆ ตอนนี้ ผมควรซื้อ ltf ที่ลงทุนในหุ้น ไหมครั
ฐานภาษีเท่าไรครับ ถ้าฐานภาษีสูง 20% ขึ้นไป ผมว่าซื้อไปเถอะครับ ยกเว้นแต่ว่าคุณมองว่า 5 ปีข้างหน้า ตลาดหุ้นจะต่ำกว่าปัจจุบัน
โดย
zephyr
พุธ ธ.ค. 17, 2014 2:08 pm
0
3
Re: เตรียมตัวรับมือกับ New High
ขอบคุณครับ ผมก็คิดอยู่เหมือนกันว่ากำไรที่ผ่านมาของผมน่าจะเป็นเพียงโชคช่วย :oops:
โดย
zephyr
จันทร์ พ.ย. 03, 2014 1:45 pm
0
3
Re: แจกไฟล์ คำนวณภาษีและเครดิตปันผล / Mr.LikeStock
ขอบคุณครับเอิน
โดย
zephyr
เสาร์ พ.ย. 01, 2014 4:01 pm
0
0
Re: 'สุทธิพจน์ อริยสุทธิวงศ์'โชว์ทางสร้างเงิน 'พันล้าน'
ในมุมมองของบุคคลภายนอก อาจจะเห็นว่าแค่รู้จักคนในเลยจับพลัดจับผลูรวย ไม่ได้ใช้ความสามารถสักเท่าไร แต่ในฐานะที่ผมรู้จักคนคนนี้เป็นการส่วนตัวมาหลายสิบปี ผมบอกได้เต็มปากเลยว่าเป็นนักลงทุนที่มีความสามารถมาก และเป็นพวก all rounder คือได้ทุกรูปแบบ เวลาทำอะไรเป็นคนทำจริงจังและ focus มาก ตอนที่เค้าศึกษา technical และ trade derivertive ไม่ว่าจะเป็น forex หรือ commodity นั้น ต้องบอกว่าค่อนข้างแม่น และมีวินัยสูงมาก และตอนที่เค้าลงทุนหุ้นเบียร์ช้างที่ตลาดสิงคโปร์ นี่ใช้วิธีการของ VI ชัดๆเลย คือวิเคราะห์บริษัท เมื่อปีสองปีก่อน เค้าหาบริษัทลงทุนในหุ้นโดยการซื้อหุ้นเป็นสิบๆบริษัท บริษัทละ 100 หุ้น เพื่อเข้าประชุมประจำปีและเข้าหาผู้บริหารในบริษัทที่เค้าสนใจ เวลาที่เค้าบอกว่าบังเอิญรู้จักคนโน้นนี้ ผมบอกได้เลยว่าไม่ใช่แค่บังเอิญ แต่เป็นการหาโอกาสทำความรู้จัก ซึ่งผมมองว่านี่เป็นการทำการบ้านแบบนึง
โดย
zephyr
อังคาร ต.ค. 28, 2014 5:06 pm
0
16
Re: ลอกการบ้าน/ประภาคาร ภราดรภิบาล
เอาจริงๆนะ ผมลอกการบ้านมาตลอด หุ้นก็ลอกคนอื่นมาตลอด ผมถือว่าเป็นวิธีหาหุ้นแบบหนึ่ง แต่ว่าผมต้องมาสกรีนอีกทีว่าถูกจริตผมไหม ไม่ใช่เห็นปุ๊บซื้อปั๊บ รู้ตัวว่ายังขยันหาหุ้นไม่พอ ถึงว่าผลตอบแทนไม่ค่อยโดดเด่น :?
โดย
zephyr
จันทร์ ต.ค. 27, 2014 5:13 pm
0
0
Re: ปีนี้ได้เป้าหรือยังครับ :)
เป้าผมคือเฉลี่ยต่อปีทบต้น 25% ถึงแม้ว่าปีนี้จะได้เกินเป้านี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าปีหน้าจะได้ ดังนั้น ตราบใดที่ยังลงทุนในหุ้นอยู่ มันก็คงอยากได้มากๆตุนไว้ก่อน เพราะอย่างปีที่แล้วก็ไม่ได้อะไร ตกเป้าไปเยอะมาก
โดย
zephyr
พุธ ต.ค. 08, 2014 11:38 pm
0
5
Re: 10 ล้านบาทแรกในชีวิต (ลอกจาก Post คุณ Skyforever)
เหมือนมี ลางบอกเหตุ อยู่ดีๆ กระทู้นี้ ที่ผมเล็งไว้ก็เด้งขึ้นมา(เพราะมีการเคลื่อนไหว) แม้ผมจะนำเสนอ หลักในแบบเปรียบเทียบ แต่ หลักที่เป็นค่าสัมบรูณ์ ก็น่าตื่นเต้นมิใช่น้อย 10 ล้านแรก ผมไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ งงๆ และ ดีใจ มากมาย ถือว่าเป็น หลักที่ 2.5 ของผมละกัน http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=55248 หลัก1 http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=57170 หลัก1.5 http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=57540 หลัก2 โอ้โฮ % unrealized สวยงามมาก 400 กว่า%
โดย
zephyr
พฤหัสฯ. ก.ค. 31, 2014 4:01 pm
0
3
Re: 10 ล้านบาทแรกในชีวิต (ลอกจาก Post คุณ Skyforever)
3 ปีที่ผ่านมาเนี่ยยังขาดทุนเยอะอีกเหรอเนี่ย 2011 ผลตอบแทน SET 0% 2012 ผลตอบแทน SET 35% 2013 ผลตอบแทน SET -7% 2014 YTD 17% ซื้อปล่อยไว้ เลือกตัวดีๆ ยังไงก็กำไรนะเนี่ย
โดย
zephyr
พฤหัสฯ. ก.ค. 31, 2014 3:58 pm
0
2
Re: ในความเห็นของคุณ คุณชอบปรับพอร์ต เมื่อ
มีสองกรณี หนึ่งคือหุ้นบางตัวขึ้นไปมากแล้วเราคิดว่าน่าจะพอใจแล้ว ซึ่งขายหมูไปก็เยอะ สองคือหุ้นบางตัวลงมาเยอะรู้สึกว่าตัวเองคงมองอะไรผิดไปครับ แต่ถ้าถามว่าช่วงเวลาไหนของ SET ที่ปรับพอร์ตเยอะ ผมว่าเป็นช่วงตลาด panic นะ ผมยังมีอารมณ์ร่วมกับตลาดเยอะพอควรครับ
โดย
zephyr
พุธ ก.ค. 16, 2014 10:07 pm
0
0
Re: อดกลั้นต่อสิ่งยั่วเย้า/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ยิ่งซื้อขายบ่อยยิ่งเหนื่อย เพราะพอขายตัวนึงก็ต้องหาว่าจะต้องซื้อตัวไหนดี บางครั้งการไม่ซื้อขายเลยกลับได้ผลตอบแทนมากว่าซื้อๆขายๆซะอีก ผมเคยซื้อขายตามอารมณ์ และข่าวมาแล้วตอนช่วงปี 2011 ถึงแม้ว่าผลตอบแทนจะไม่แพ้ตลาด แต่ผมลองเทียบกับพอร์ทตอนต้นปี หากผมไม่ซื้อขายเลยปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ ปรากฏว่าแพ้กระจาย ไม่ทำอะไรเลยกลับผลตอบแทนมากกว่า แถมมากกว่าแบบทิ้งไม่เห็นฝุ่น ปีนี้ผมก็ซื้อขายเยอะพอควร เมื่อสัปดาห์ที่แล้วลองนำพอร์ทปลายปี 2013 ที่เซฟเก็บไว้มาคำนวนดู ปรากฎว่าผลตอบแทนในปัจจุบันเทียบกับไม่ทำอะไรเลยตั้งแต่ต้นปีต่างกันน้อยมาก นี่สินะที่เป็นความยากลำบากอีกอย่างหนึ่งของ VI
โดย
zephyr
จันทร์ ก.ค. 14, 2014 4:01 pm
0
2
Re: ทำอย่างไรดีหุ้นตก?
พี่ NB คัดลอกมาจาก pantip เหรอครับ
โดย
zephyr
พุธ มิ.ย. 18, 2014 1:16 pm
0
5
Re: ถามความเห็นวิธีลงทุนเเบบ value สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชี
จริงๆแล้วจะบอกว่า Value คงไม่ถูกซะทีเดียวนะครับ เพราะการให้เลือกแบบนี้คือ Asset Allocation เท่านั้นเอง น่าอิจฉาที่บริษัทคุณมีกองให้เลือกเยอะแยะเลยครับ คงต้องถามต่อว่าคิดจะทำงานกับบริษัทนี้อีกนานแค่ไหนครับ ถ้านานมาก ผมว่าเลือกกองที่ลงหุ้นตั้งแต่ 50% ขึ้นไปครับ เพราะผลตอบแทนเฉลี่ยในระยะยาว หุ้นให้ผลตอบแทนดีกว่าพันธบัตร การเลือกลงให้หุ้นก็เหมือนเลือกลงใน index fund และการหักเงินทุกเดือนเข้าไปซื้อก็เหมือนกับการทำ Dollar Cost Average ประเด็นสำคัญคือ อย่าลืมว่าทุกๆบาทที่คุณซื้อกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ คุณได้ return มาแล้ว 100% เพราะบริษัทสมทบ :D
โดย
zephyr
อาทิตย์ มิ.ย. 01, 2014 10:55 am
0
4
317 โพสต์
of 7
ต่อไป
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
zephyr
ระดับ:
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
อายุ:
50
กลุ่ม:
สมาชิก
ที่อยู่:
Bangkok
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อาทิตย์ เม.ย. 10, 2005 6:56 pm
ใช้งานล่าสุด:
พุธ ก.ค. 26, 2023 8:04 pm
โพสต์ทั้งหมด:
962 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.05% จากโพสทั้งหมด / 0.13 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว