หุ้น bank Q1 เน่า กั้นสำรองแล้วแต่นโยบาลของแต่ละธนาคาร เพราะบาเซิลใช้จริงปีหน้านี้แล้ว ปีนี้กั้นให้ครบน่า ไม่งั้นปีหน้ามีปัญหา ส่วนที่สำคัญกว่าบาเซิลคือ ระบบIT ของธนาคาร ที่ต้องเปลี่ยนแปลงด้วย ใครไปประชุมฝากถามด้วยว่า ลงระบบกันไปถึงไหนแล้ว ส่วนระบบปัจจุบันใช้งานกับบาเซิล 2 ได้หรือเปล่า หันไปทางไหนก็ IT อีกเรื่อง ภาระดอกเบี้ย เห็นตั้งหน้าตั้งตาลดกันขาเดียว แบงค์ไหนกล้าลดสองขาบ้างล่ะ Thanks  Krub โดย art1234 เสาร์ เม.ย. 21, 2007 9:21 pm

ทำไม่ราคา solar ลงไม่หยุด ผมว่านะครับ ถึงน้ำมันแพง เราก็ยังมี พลังงานอย่างอื่นพวก ก๊าซธรรมชาติ หรือ พวก ไบโอดีเซล ทดแทนได้ครับ หรือไม่ก็พวกถ่านหินก็ยังได้ ถ้าจะรอพลังงานแสงอาทิตย์นี่ผมว่านานหน่อยครับไม่น่าจะเร็วๆนี่ เพราะของยังแพงอยู่ครับ ถ้า technology ใหม่ ทำให้ ราคาต้นทุนถูกลงได้ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีใน อนาคตครับ เห็นด้วยครับแต่ Solar cell ก็มีข้อดีที่สุดเรื่องความสะอาดซึ่งพลังงานอื่นอาจจะสู้ไม่ได้ แต่ผมก็เห็นด้วยว่าราคาต่อหน่วยผลิตไฟฟ้าของ Solar Cell มันยังแพงอยู่มาก โดย art1234 เสาร์ เม.ย. 21, 2007 9:03 pm

หุ้น bank Q1 เน่า เตรียมใจตั้งแต่ปีที่แล้ว เนื่องจากมาตราบาเซิล 2 ก็พอแล้ว ยังโดนดาบเศรษฐกิจ จะเหลือแบบนี้ยังดีที่ไม่แดง ใช้เห็นก็บุญแล้ว แล้วส่วนกันสำรองที่ต้องทำนี่มันอีกกี่ไตรมาสถึงจะหมดละครับ โดย art1234 เสาร์ เม.ย. 21, 2007 9:00 pm

ทำไม่ราคา solar ลงไม่หยุด ตัวนี้ผมกาหัวตั้งแต่เข้าตลาดมาครับ เพราะเป็นหุ้นการเมือง หุ้นการเมืองนี่เล่นยากครับ ปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนเร็วมากๆโดยเฉพาะมาเจอ คมช.เข้าอีก :lol: แต่เห็นราคาก็น่าตกใจนะครับ ตอนนั้นรู้สึกจะประมาณ15บาท(ตอนTVI meeting)ตอนนี้เหลือ3บาทกว่า แต่ตอนนี้ก็เท่าบุ๊คแล้ว ก็ลองตรวจสอบกันดูครับ เผื่อจะเจอของดีๆ เวลาท๊ากกี้ รีเทิร์น :lol: เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ หุ้นการเมือง ไม่เอาครับ โดย art1234 เสาร์ เม.ย. 21, 2007 8:53 pm

ข่าว หาก ปตท.ซื้อกิจการปั๊มเจ็ท ซื้อแพงเกินครับ แต่ไม่ซื้อก็ไม่ได้ โดย art1234 เสาร์ เม.ย. 21, 2007 8:30 pm

ทำไม่ราคา solar ลงไม่หยุด ผมว่าหุ้นตัวนี้จะน่าสนใจขึ้นถ้าราคาน้ำมันพุ่งแตะ 100 $/BBL โดย art1234 เสาร์ เม.ย. 21, 2007 8:23 pm

ราคาวัตถุดิบน้ำมันและปิโตรเคมี [quote="nano"]ขอบคุณมากครับ โดย art1234 พุธ พ.ย. 08, 2006 10:28 pm

ทำไม YNP ถึงร่วงมหาราชอย่างนี้ครับ [quote="Mr. Big"]ผมว่ามีหลายๆ เหตุผลรวมกัน แต่มากสุึด คือ ผู้บริหารเล่นแร่แปรธาตุ หลอกขายให้กองทุนตอน 14 และ มีการโอนออกเยอะ ๆแถว 12 เหมือนกัน โดย art1234 จันทร์ ก.ค. 24, 2006 11:03 pm

Re: 3 บริษัท ที่มีเงินสดมากกว่าหนี้ทั้งหมด ผมชอบ TSC ครับเพราะดูลักษณะการแข่งขันคล้ายกับ STANLY คือ 1. มีการขอความช่วยเหลือทางด้นเทคโนโลยีจากญี่ปุ่น 2.market share สูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ 3.ถึงจะเป็นชิ้นส่วนที่ไม่ต้องใช้เทคโนโลยีสูงแต่ OEM ยังไม่เปิด โอกาสให้ SUPPLIER แข่งขันกันมากนัก แต่มีสิ่งที่น่ากังวลอยูบางเรื่องครับคือ 1. gross margin เพิ่มสูงมากจากตอนเข้าตลาดที่ 15 เปอร์เซ็นต์มาเป็น 25 เปอร์เซ็นต์และปัจจุบัน MARGIN ยังไม่ลดลง ถึงแม้เพื่อนผู้ผลิตชิ้นส่วนจะมี MARGIN ลดลงกันไปแล้ว ผลเกรงว่านี้จะได้เห็นการลดลงของ mARGIN ทำให้กำไรลดลงไปพอสมควรเลยทีเดียว โดย art1234 จันทร์ ก.ค. 17, 2006 10:47 am

AH หลุด 10 บาท !!!! ผมว่าชักเริ่มน่าสน เห็นด้วยครับ โดย art1234 ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 10:45 pm

ญี่ปุ่นถอนเงินจริงหรือ ผมเคยได้ยินแนวความคิดนึง ว่ากองทุนทั้งญี่ปุ่นและอเมริกาส่วนหนึ่งได้กู้ยืมเงินมาจากธนาคารญี่ปุ่น(ไม่รู้ว่าได้มาด้วยวิธีใด)ตอนที่ดอกเบี้ยยังเป็นศูนย์อยู่เพื่อมาลงทุนในหุ้นทั่วโลก   การที่ญี่ปุ่นขึ้นอัตราดอกเบี้ยแน่นอนต้นทุนเงินส่วนหนึ่งที่หยิบยืมมาจึงสูงขึ้น  กองทุนบางส่วนต้องตัดสินใจที่จะเลือกรับภาระดอกเบี้ยที่แพงขึ้นแต่อีกส่วนหนึ่งก็ยอมที่จะคืนเงินกู้นั้นไปเพราะเห็นว่าความแตกต่างของต้นทุนกาเงินระหว่างดอกเบี้ยศูนย์ปอร์เซ็นต์กับ0.25 เปอร์เซ็นต์ต่างกันมาก ในช่วงที่ผ่านมาจึงได้เห็นตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงตามข่าวการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่น โดย art1234 ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 10:41 pm

เห็นด้วยครับ สำหรับข้อกังวลขณะนี้คงมีอยู่ 2 เรื่องคือ 1. ที่สุวรรณภูมิจะมีคู่แข่งเข้ามา 1 ราย 2. สนามบินดอนเมืองจะยังเปิดบริการอย่หรือเปล่า        เรื่องแรกการที่มีคู่แข่งรายใหม่เนื่องจากเป็นกฎของสนามบินสุวรรณภูมิที่ต้องการให้มีการแข่งขันการเติมน้ำมันเพื่อให้ลดการผูกขาดการเติมน้ำมัน เลยมีคู่แข่งรายหนึ่งเข้ามาแข่งขันซึ่งคู่แข่งรายนี้ก็มีผู้ถือหุ้นเป็นสัญชาติอเมริกัน คือบริษัท ASIG ซึ่งชนะการประมูลมาได้( สัญญา 30 ปี ) ดังนั้นอำนาจการผูกขาดของ BAFS ก็จะลดลงและจะพเป็นผลเสียมากหากคู่แข่งเปิดศึกโดยใช้ PRICE WAR แต่จุดแข็งของ BAFS อยู่ที่การถือหุ้นในบริษัท ทาโก้ ซึ่งได้สัมปทานจากสนามบินให้เป็นผู้วางท่อเพียงรายเดียว ซึ่งมติรัฐมนตรีอนุญาตให้ผู้ประกอบการรายอื่นเข้ามาเชื่อมต่อกับท่อของ ทาโก้ได้แต่ก็คงต้องมีการตกลงว่าจะมีการคิดค่าธรรมเนียมกันเท่าไรอีกครั้งหนึ่งแต่ผมมองว่า BAFS จะยังได้เปรียบอยู่เพราะเป็นเจ้าของ(แต่เล่นกับภาครัฐนี่อะไรก็ผลิกได้เสมอนะครับ)         เรื่องที่ 2 ได้มีการสรุปออกมาแล้วว่าสนามบินดอนเมืองจะให้ใช้เฉพาะส่วนราชการกับกองทัพห้ามเอกชนใช้ดังนั้น BAFS จึงต้องย้ายคลังเก็บน้ำมันไปยังสุวรรณภูมิซึ่งทำให้อาจเกิด EXCESS CAPACITY ของคลังเก็บในสุวรรณภูมิได้ ซึ่งผมมองว่าไน่มีปัญหาหากการเติบโตของสนามบินเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้เพียง 2-3 ปี การใช้ CAPACITY ก็น่าจะเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ได้ ส่วนการรับรู้ขาดทุนจากอุปกรณ์ที่ดอนเมืองขาดว่าไม่เกิน 100 ล้านบาทครับ โดย art1234 อังคาร มิ.ย. 20, 2006 4:44 pm

หุ้นไก่ ผมเคยเล่นหุ้นไก่อยู่พักหนึ่งครับค่อนข้างได้ผลดีเลยทีเดียวเพราะราคาไก่ช่วงที่ผ่านมาลดลงบ่อยครั้งจากข่าวโรคระบาด แล้วซักพักราคาก็กลับมาสูงเหมือนเดิมราคาหุ้นเลยพุ่งขึ้นมาด้วย แต่พักนี้ราคาหุ้นไก่(ผมชอบ GFPT มากกว่า CPF) ไม่ค่อยปรับลงตามราคาไก่ เลยไม่ค่อยมีโอกาสได้ซื้อเท่าไร       ผมมองว่าอีกไม่นานราคาไก่จะปรับขึ้นมาดีอีกครั้งโดยเฉพาะเวลาเกิดรคระบาดของหมูซึ่งจะเกิดขึ้นประมาณ 3-4 ปี/1ครั้ง ซึ่งตอนนี้ราคาหมูสูงมากเมื่อเทียบกับราคาไก่ แตอาจจะต้องรอนานนิดนึงครับ โดย art1234 จันทร์ มิ.ย. 19, 2006 3:10 pm

bafs มีมติปรับค่าบริการเติมน้ำมันจาก 2.5เซ็นต์ เป็น 2.7เซ็นต จากภาระอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นประกอบกับราคานำมันที่พุ่งสูงขึ้นทำให้ BAFS ปรับค่าบริการเติมน้ำมันเพิ่มจาก 2.5 เซ็นต์ต่อแกลลอน (1แกลลอน =3.74 ลิตร) เป็น 2.7เซ็นต์ต่อแกลลอน (อาจจะถือโอกาสปรับขึ้นตามการปรับค่าลงจอดของ AOT เลยก็ได้ ) หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ซึ่งจะปรับในเดือนกรกฎาคมนี้ แต่ผมมองว่าจะไม่ส่งผลดีอะไรมากมายนัก ส่วนที่สนามบินสุวรรณภูมิจะมีการเก็บค่าบริการ 5 เซ็นต์ต่อแกลลอน โดย art1234 จันทร์ มิ.ย. 19, 2006 3:04 pm

Re: ราคาทองจะขึ้นไปเรื่อยๆ ไหมครับ ขอถามผู้รู้หน่อยครับ ว่า ราคาทองจะขึ้นตามเงินเฟ้อ ขึ้นเวลาดอลล่าห์อ่อนใช่ไหมครับ อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มมมากขึ้นเรื่อยๆ ตามราคาน้ำมัน และราคาน้ำมันก้อไม่มีทีท่าว่าจะลงเพราะปริมาณน้ำมันสำรองที่ลดลง ดังนั้นราคาทองน่าจะขึ้นไปเรื่อยๆ ใช่ไหมครับ เหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา ตามทฤษฐีแล้วควรจะเป็นอย่างนั้นนะครับ จากการสังเกตราคาทองคำช่วงที่ผ่านมา ปรากฎว่าราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นมาก เดือนมกราคมปี 48 อยู่ที่ 7750 /1บาท  พอมาเดือนธันวาคม 2548 กลับเพิ่มเป็น 10000/1บาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งช่วงปี 2548 ราคาน้ำมันก็เพิ่มขึ้นมามากจริงๆ แต่ดูที่ตัวเลขเงินเฟ้อพบว่ามีเงินเฟ้อเพียง 6-7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ก็เลยบอกไม่ได้ว่าการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำในปี 48 นั้นเพิ่มขึ้นมากกว่าความเป็นจริงหรือเปล่าซึ่งอาจจะมีการเก็งกำไรเข้ามาประกอบทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นจนโอเวอร์ไปแล้วก็ได้   ดังนั้นถ้าหากช่วงนี้ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆก็อาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำมากนักเพราะขึ้นไปรอเรียบร้อยแล้วก็ได้ครับ โดย art1234 เสาร์ มิ.ย. 17, 2006 12:06 pm

Re: 12-13 มิ.ย. นี้ ธนาคารกับตลาดหลักทรัพย์ปิดหรือเปล่าครับ เห็นธนาคารที่ต่างจังหวัดไม่ปิด ปิดครับ แบงก์ชาติปิด ตลาดก็ปิดด้วยครับ โดย art1234 ศุกร์ มิ.ย. 09, 2006 9:53 am

HEMRAJ มีปันผลระหว่างกาล HEMRAJ มีปันผลระหว่างกาลด้วยครับ จะจ่ายเดือนตุลาคม น่าจะจ่าย 0.03-0.04 สตางค์ตรับ โดย art1234 ศุกร์ มิ.ย. 09, 2006 9:30 am