หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
sukit2020
Joined: อังคาร พ.ค. 24, 2005 11:52 pm
183
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - sukit2020
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
ข้อคิดเตือนใจ วันออกพรรษา ปี ๒๕๖๔ "เตือนตนเสมอว่าเวลาเหลือน้อย" หลวงพ่อไพศาล วิสาโล https://youtu.be/uZnXjJ9aDeM
โดย
sukit2020
พฤหัสฯ. ต.ค. 21, 2021 11:55 pm
0
4
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
ทำไมต้องปฏิบัติธรรม พระไพศาล วิสาโล เพราะไม่มีอะไรแน่นอน ความสุขวันนี้อาจกลายเป็นความทุกข์วันหน้า ดังนั้นเราจึงควรหันมาปฏิบัติธรรม ให้มีสติสัมปะชัญญะ และปัญญาเอาไว้รับมือกับความผันผวนปรวนแปรที่อาจเกิดขึ้นกับเราหรือคนที่เรารักไม่วันใดก็วันหนึ่ง การปฏิบัติธรรม ส่วนหนึ่งก็เพื่อฝึกจิตเพื่อให้มีสติและปัญญา ปฏิบัติธรรมเพื่อรักษาจิต ดูแลใจไม่ให้ปรุงแต่ง ไม่เผลอรับคำเชิญของสิ่งต่าง ๆ ที่มาชวนให้เป็นทุกข์ กายป่วยแต่ใจไม่ป่วยก็ได้ ทรัพย์สมบัติสูญเสียไป ใจไม่เสียศูนย์ก็ได้ คนรักตายจากไปแต่ใจเป็นปกติก็ทำได้เช่นกัน ถ้าเราปฏิบัติธรรมจนเกิดปัญญา แม้มีสิ่งร้าย ๆ มากระทบ เราไม่เพียงปกติเท่านั้น แต่กลับจะเข้มแข็งกว่าเดิมด้วย คนที่ปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงธรรมจะไม่คาดหวังว่าเหตุร้ายเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นกับตน เพราะเขารู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แต่เขาจะสนใจว่า ว่าทำอย่างไรใจจึงจะไม่เป็นทุกข์เมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น การปฏิบัติธรรม คือ คือการฝึกจิตฝึกใจ หมั่นมองตน รู้กายและใจ ด้วยสติ มีความรู้สึกตัวอยู่เสมอ มองอะไรก็เห็นเป็นธรรม เมื่อมองตนก็รู้กายรู้ใจ เมื่อมองโลกภายนอกก็เห็นธรรม มองตนด้วยสติ มองโลกภายนอกให้เป็นก็เกิดปัญญา เวลามองตนเพื่อให้รู้กายใจ ต้องใช้สติ เมื่อกายเคลื่อนไหว ก็รู้ว่ากายเคลื่อนไหว เดินก็รู้ว่าเดิน เมื่อใจคิดนึก ก็รู้ว่าใจคิดนึก เมื่อรู้แล้ว ก็ปล่อยวาง ตัวอยู่ที่ไหน ใจก็อยู่ตรงนั้น คืออยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่ว่าเวลาทำงานก็คิดถึงลูก แต่เวลาอยู่กับลูกก็คิดถึงงาน แต่ถ้ามีสติ เวลาทำงานใจก็อยู่กับงาน แต่ก็ไม่ลืมตัวหลงอยู่ในงาน ยังมีความรู้สึกตัวอยู่ เวลากลับบ้าน คุยกับลูก ใจก็อยู่กับลูก ไม่คิดเรื่องอื่น การอยู่กับปัจจุบันนั้นไม่ได้หมายความว่าห้ามคิดเรื่องอดีต คิดได้แต่ให้คิดอย่างมีสติ ไม่ปล่อยให้อดีตมาทิ่มแทงใจ การปฏิบัติธรรม ไม่ปฏิเสธการมองออกนอกตัว แต่ต้องมองด้วยปัญญา มีการคิดอย่างแยบคาย ถ้าเราปฏิบัติธรรม เราจะสามารถมองเห็นธรรมจากทุกสิ่งได้ การปฏิบัติธรรมนั้น จุดมุ่งหมายก็เพื่ออยู่กับโลกที่วุ่นวายได้โดยใจไม่ทุกข์ แถมยังได้ธรรมด้วย เพราะเกิดปัญญาจากทุกสิ่งที่มากระทบ https://www.visalo.org/book/tumMai.html เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป https://youtu.be/OMDzrIfCHuM ด้วยความระลึกถึง
โดย
sukit2020
จันทร์ ต.ค. 18, 2021 11:17 pm
0
4
Re: [CSR] เล่าสู่กันฟัง...กิจกรรม'ทำรั้วรังผึ้งกันช้างป่า' :)
ดีมาก...ครับ ทีม CSR เตรียมงานดีมาก เริ่มตั้งแต่โทรเตือน นัดหมาย การเตรียมเสื้อผ้าเพื่อลุยแดดลุยฝนให้พร้อม การเดินทางสะดวก สบาย ด้วยรถโค้ชอย่างดี อาหารคาว หวาน ของว่าง เลือกสรรจากท้องถิ่นอร่อยๆ แบบจัดเต็ม กิจกรรมสนุกๆ หลังจากฟังบรรยายช่วงเช้า คือ ปลูกต้นกัลปพฤกษ์ งานนี้ได้ฝึกการใช้จอบขุดดินเพื่อเอาต้นกล้าลงดิน ได้เหงื่อ ได้ความเมื่อยล้ากันไปพอสมควร ส่วนกิจกรรมหลังพักทานอาหารกลางวัน ได้เรียนรู้การทำรั้วรังผึ้งจากผู้เชี่ยวชาญซึ่งใช้เป็นแนวกันช้างไม่ให้เข้ามาในเขตบ้าน เป็นการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างคน กับ ช้าง ช่วงบ่ายยังมีกิจกรรมที่สนุกๆให้เหล่าเด็กๆ และพ่อแม่ ได้เรียนรู้ และร่วมกันปลูกผักในแปลงผักแบบเกษตรอินทรีย์ คุณลุง-ป้า เจ้าของสวนทำเกษตรแบบครบวงจร พาเดินชมแปลงผักหลากหลายชนิด ชมบ่อเลี้ยงปลา ฟาร์มหมูเล็กๆ และ ให้ชิมน้ำผึ้งแบบสดๆจากรังผึ้งกันเลยทีเดียว หอม หวาน อร่อย ติดใจไปตามๆกัน ถือเป็นกิจกรรมที่สนุก อิ่มอก อิ่มใจ ทั้งผู้ให้และผู้รับ แถมอิ่มท้องกันถ้วนหน้า ต้องขอขอบคุณทีมงาน CSR ที่จัดกิจกรรมดีๆให้พวกเราได้ทำร่วมกัน และขอส่งกำลังใจให้ทีมงานได้จัดกิจกรรมดีๆแบบนี้อีก เรื่อยๆไป และขอเชิญชวนเพื่อนๆพี่ๆมาร่วมกิจกรรมในครั้งต่อๆไป เพื่อเป็นประโยชน์ต่อทั้งสังคมไทย และ สังคมThaiVI ครับ .. ขอบคุณครับ :)
โดย
sukit2020
จันทร์ พ.ย. 02, 2020 1:39 pm
0
6
Re: **วันนี้ 10.00 น.**เปิดรับสมัคร 50 ที่นั่ง** โครงการ CSR ทำรั้วรังผึ้งกันช้าง
จอง 3 ที่ครับ (ไปรถบัส) / นางสายฝน พรวิศวารักษกูล / น.ส.เบญญา พรวิศวารักษกูล
โดย
sukit2020
จันทร์ ต.ค. 05, 2020 10:00 am
0
0
Re: ++เปิดรับ 20 ที่นั่ง Open House บมจ.อาร์เอส (RS) พบกับ CEO ตัวเป็นๆ ที่ไม่ใช่แค่ IR
จอง1 ที่ครับ
โดย
sukit2020
พุธ ส.ค. 05, 2020 1:53 pm
0
0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
ขอบคุณคุณตี่มากครับ ที่ช่วยตอบปัญหา และตักเตือนถึงการฝึกสมาธิครับ ผมผู้มาใหม่ เริ่มต้นศึกษาธรรมะได้ไม่นานนัก ยังอยู่ในช่วงค้นคว้าหาครูบาอาจารย์ หาแนวทางปฏิบัติ ทดลองปฏิบัติ ลองผิดลองถูกอยู่ครับ ช่วงแรกๆอาจค้นเจอครูบาอาจารย์ที่บรรลุธรรมแบบใช้สมถะนำหน้าทำให้ผมโน้มเอียงสนใจ และสงสัยไปทางด้านสมาธิครับ แต่ข้อมูลที่ค้นพบมักกล่าวว่า การฝึกสมาธิให้ได้ถึงอัปปนาสมาธินั้นไม่ใช่ของง่าย ขึ้นอยู่กับบุญวาสนาเก่าที่สะสมไว้ด้วย อีกทั้งอาจหลงในสมาธิ และ เจริญแล้วก็ยังเสื่อมได้ เหมือนดั่งที่คุณตี่เตือนไว้เลยครับ แนวทางปฏิบัติธรรมที่กล่าวถึงกันมาก และเหมาะกับยุคสมัยในปัจจุบัน ที่ผู้คนเป็นสังคมเมือง ชีวิตค่อนข้างวุ่นวาย คือ การเจริญสติ รู้กาย รู้ใจ หรือเรียกว่า สติปัฏฐาน๔ (บ้างก็เน้นคำว่า “รู้สึกตัว” บ้างก็เน้นการ “ดูจิต”) ซึ่งในปัจจุบันผมก็เริ่มย้อนกลับมาศึกษา และทดลองปฏิบัติบ้างแล้วครับ (จะว่าไปแล้ว คอร์สปฏิบัติธรรมครั้งแรกผมก็เป็นแนวนี้ครับ แต่ผมยังงงงง ปฏิบัติไปปฏิบัติมาเกิดสมาธิ ได้ปิติมา เลยเขวไปเรื่องสมาธิครับ) หากคุณตี่ พี่ๆ เพื่อนๆ มีคำแนะนำใดๆสำหรับนักปฏิบัติธรรมมือใหม่ รบกวนฝากชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณครับ https://www.youtube.com/watch?v=BPdIMUBTvTk สารคดีชีวประวัติ หลวงพ่อคำเขียน สุวณฺโณ https://www.youtube.com/watch?v=eUs8WRmleZo&t=1714s สารคดีชีวประวัติ อ.กำพล ทองบุญนุ่ม ชุด การเดินทางครั้งสุดท้าย https://www.youtube.com/watch?v=x1t1hrbp9gI&t=1580s คำถามยอดนิยมและคำตอบ โดย อ.กำพล ทองบุญนุ่ม https://www.youtube.com/watch?v=4WuPRaj_2g8
โดย
sukit2020
จันทร์ ก.ค. 06, 2020 10:54 am
0
4
Re: กระทิงมา??
ลูกผีลูกคน ? ตลาดที่ขึ้นเอาๆ เพราะได้น้ำทิพย์ชโลมใจจากธนาคารกลาง ! วันก่อนผมนัดพบ 'นิ้วโป้ง-อธิป กีรติพิชญ์' สหายนักลงทุนที่รู้จักชอบพอกันมาสิบกว่าปี เพื่ออัพเดตมุมมองและความรู้ด้านการลงทุนเหมือนเช่นทุกครั้ง โดยได้ถกกันถึงสภาวะตลาดหุ้นเวลานี้ รวมทั้งเรื่องอื่นๆ ประเด็นหนึ่งที่ผมกับนิ้วโป้งต่างเห็นตรงกันว่าน่าจับตามองมากๆ คือการที่หุ้นสหรัฐฯ รวมทั้งหุ้นไทย 'ขึ้น สวนทางเศรษฐกิจ' หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ เข้ามา 'อุ้ม' สถาบันการเงินทั้งหลาย รวมทั้งแพ็คเกจเยียวยามูลค่ามหาศาลจากรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ นี่คือ 'จุดทดสอบใหม่' ของตลาดหลักทรัพย์ ที่เรียกได้ว่าแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน กับการที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบรุนแรงขนาดนี้ ผู้คนล้มตายเป็นเบือจากโรคระบาด อัตราการว่างงานสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ดัชนีตลาดสหรัฐฯ กลับพุ่งขึ้นแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ยังไม่นับการประท้วงที่กำลังลุกลามไปทั่วประเทศ หลังจาก จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำถูกตำรวจผิวขาวใช้ความรุนแรงขณะเข้าจับกุมจนเสียชีวิต ซึ่งไม่รู้ว่าจะลงเอยอย่างไร จุดที่ควรเขียนเป็นเครื่องหมายคำถามไว้ตัวโตๆ เวลานี้ก็คือ จะเกิดอะไรขึ้นหากวันหนึ่งเฟด 'กระสุนหมด' คือซื้อจนไม่สามารถซื้อต่อไปได้อีกแล้ว แต่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นคืนกลับมา ขณะที่ดอกเบี้ยก็ลดต่ำลงจนเหลือศูนย์ และไม่เหลือเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ให้หยิบใช้ พูดอีกอย่างก็คือ ความช่วยเหลือ 'ไล่ไม่ทัน' กับความสูญเสียและผลกระทบที่เกิดขึ้น ฉากทัศน์แรกซึ่งน่าจะเป็นไปได้ คงเป็นเช่นเดียวกับที่กูรูระดับโลกหลายคนออกมาเตือนไว้ก่อนหน้านี้ คือการสรุปจบแบบ 'ศพไม่สวย' โดยตลาดที่ขึ้นเอาๆ เพราะได้น้ำทิพย์ชโลมใจจากธนาคารกลาง ถึงคราวต้องยอมรับความเป็นจริงอันโหดร้าย และพังครืนลงมาอีกครั้ง ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกจะกลายเป็น 'ตลาดหมี' ซ้ำสอง เช่นเดียวกับดัชนีหุ้นไทยที่อาจถูกลากตามลงไปจนเหลือแค่เลขสามหลัก ฉากทัศน์ที่สองซึ่งผมมองว่าเป็นไปได้ คือการที่ตลาดเข้าสู่ภาวะ 'ตกท้องช้าง' กล่าวคือ หุ้นที่เคยวิ่งเอาๆ อาจ 'หยุดวิ่ง' และเข้าสู่ภาวะซึมๆ หรือ 'ออกข้าง' ดังที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า sideways โดยหากเป็นเช่นสองฉากทัศน์แรก ก็จะเป็นอีกครั้งที่คนทั่วโลกพูดตรงกันว่า 'วอร์เรน บัฟเฟตต์ ถูกเสมอ' ทว่าสิ่งที่คนส่วนใหญ่อยากให้เกิดขึ้น คือการที่เฟดทยอยซื้อต่อไปได้เรื่อยๆ และสร้างความเชื่อมั่นถึงระดับที่ตลาดเข้ามา 'รับไม้ต่อ' แบบเต็มตัว ซึ่งจะทำให้ตลาดที่พุ่งขึ้นเวลานี้ ลอยละลิ่วติดลมบนโดยไม่ร่วงหล่นลงมา และนั่นจะเป็นการพิสูจน์ว่าบรรดานักลงทุนชั้นเซียนทั้งหลาย 'คิดผิด' เหมือนๆ กัน แต่จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ ในภาวะ 'ลูกผีลูกคน' เช่นทุกวันนี้ ชัชวนันท์ สันธิเดช 9 มิถุนายน 2563
โดย
sukit2020
พุธ มิ.ย. 10, 2020 10:46 am
0
2
Re: กระทิงมา??
เรื่องวุ่นๆ เมื่อเพื่อนนักเศรษฐศาสตร์ 5 คน นั่งพูดเรื่องเศรษฐกิจหลังยุค Covid กัน.. เพื่อนนักเศรษฐศาสตร์ 5 คน นัดเจอกันที่ร้านอาหารหลังมาตรการปลดล็อคดาวน์ของรัฐบาล คนแรกเริ่มก่อน เขาพูดกับเพื่อนทั้ง 4 ด้วยความมั่นใจ "ผมคิดว่า Covid รอบนี้ เผลอๆ หนักกว่าต้มยำกุ้ง เพราะเศรษฐกิจ real sector พังเป็นแแถบ คนตกงานพุ่งมหาศาล SME ล้มระนาว หนี้เสียแบงค์พุ่งกระฉูด การท่องเที่ยวเครื่องจักรสุดท้ายตัวเดียวที่เหลือของประเทศไทยตายสนิท ตลาดหุ้นจะพังทลาย เพราะปัจจัยพื้นฐานเลวร้ายมาก.. ผมมองไม่เห็นทางเลยว่าตลาดไทยจะวิ่งขึ้นได้ยังไง" 🖐🖐🖐🖐🖐🖐🖐🖐🖐 "เดี๋ยวๆๆๆ.." คนที่ 2 พูดแทรก "ช้าก่อนเพื่อน.. คุณเทียบ Covid กับต้มยำกุ้งไม่ได้หรอก เพราะในยุคต้มยำกุ้ง โลกเรายังไม่รู้จัก QE ผมคิดว่า Covid รอบนี้หุ้นจะขึ้นทั่วโลกเหมือนตอนหลัง Subprime นั่นแหละ เพราะเงินมหาศาลต้องการที่อยู่" "ด้วยปริมาณเงินที่ธนาคารกลางทั่วโลกอัดฉีดเข้ามาแบบไม่ยั้ง มันจะไหลเข้าตลาดหุ้น แล้วทำให้หุ้นวิ่งขึ้นอย่างหนัก ในขณะที่ภาวะเงินฝืดจะยังคงรุนแรงทั่วโลก เศรษฐกิจตกต่ำ แต่ตลาดหุ้นจะวิ่งสวนทางเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในทศวรรษแห่ง QE หลังปี 2008 ที่ผ่านมา" "คุณเห็นตลาดช่วง 4-5 วันนี้มั้ย สังเกตมั้ยว่า fund flow ต่างชาติเริ่มไหลเข้าอย่างต่อเนื่องแล้วนะ" 🖐🖐🖐🖐🖐🖐🖐🖐🖐 "แต่ชั้นว่านะ.. " คนที่ 3 แย้ง "คุณเอา Covid ไปเทียบกับ Subprime ไม่ได้หรอกค่ะ.." "เพราะในยุค Subprime เศรษฐกิจ real sector ไม่ล่มสลายถึงระดับ the great depression กลุ่มที่ล้มกลุ่มแรก คือกลุ่มแบงค์ แต่ธุรกิจยักษ์ใหญ่ส่วนใหญ่เอาตัวรอดได้ ผลประกอบการยังโอเคและค่อยๆ ดีขึ้นหลัง QE ทำให้ตลาดหุ้นวิ่งขึ้น โดยที่ valuation ไม่ได้แพงมากจนเกินไป PE ประคองตัวอยู่ในโซนที่นักลงทุนยังรับได้" "แต่ดู Covid รอบนี้สิคะ บริษัทยักษ์ใหญ่ล้มทั้งยืน ทยอยล้มละลาย ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนดูไม่จืดเลย เรียกได้ว่าเลวร้ายเป็นประวัติการณ์ คิดว่าตลาดหุ้นจะขึ้นทั้งๆ ที่ผลประกอบการแบบนี้จริงเหรอคะ ถ้ามันขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วผลประกอบการเลวร้ายลงทุกไตรมาส คิดว่า PE หุ้นจะวิ่งไปเท่าไหร่คะ ถ้าตลาด PE 60 คนจะยังอยากไล่ซื้อหุ้นอยู่หรือเปล่า..? ชั้นเห็นด้วยที่เงินจะฝืด เงินจะไหลไปสินทรัพย์เสี่ยงจริง แต่คงไม่ใช่หุ้น" "อย่าลืมนะคะว่า สินทรัพย์ในโลกมีมากมายให้เลือกลงทุน hedge fund ชอร์ตตลาดหุ้นก็กำไรได้ แถมคนเก่งๆ ทำกำไรได้จากอนุพันธ์ได้เยอะกว่าซื้อหุ้นด้วย ดังนั้นการที่เงินย้ายไปสินทรัพย์เสี่ยง ไม่ได้หมายถึงหุ้นต้องขึ้นอย่างเดียวค่ะ ถ้าราคาหุ้น มันไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐาน ท้ายสุดก็ฟองสบู่แตกอยู่ดี นอกจากนี้เงินอาจจะไหลไปสินทรัพย์อื่น เช่น Crypto, Hedge Fund, Infrastructure, Commodities หรือ Private Equity ก็ได้ค่ะ" "ชั้นคิดว่า Covid รอบนี้ไม่เหมือนต้มยำกุ้ง ไม่เหมือน subprime แต่ถ้าดูระดับ real sector มันเลวร้ายในระดับ the great depression ช่วงทศวรรษที่ 20 ค่ะ" 🖐🖐🖐🖐🖐🖐🖐🖐🖐 คนที่ 4 นั่งฟังมานานได้โอกาสพูดขึ้นมาบ้าง "พวกคุณทุกคน มองว่าเงินที่รัฐอัดฉีด จะไหลไปที่สินทรัพย์เสี่ยง ไม่ว่าจะตอน Subprime ที่โลกเริ่ม QE รวมถึง Unlimited QE ครั้งนี้เหรอ..?" "ผมมองต่างนะ..." "ความแตกต่างของ QE รอบ Covid กับ QE ตอน Subprime คือ เส้นทางของเงินที่อัดฉีด ชัดเจนว่า QE รอบนี้พุ่งตรงไปที่ real sector ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่อัดฉีดเงินเข้ามือรายย่อย และภาคธุรกิจโดยตรง แตกต่างจาก QE รอบที่แล้วที่เงินไปอยู่กับกลุ่มนายแบงค์ ที่แห่เอาไปเก็งกำไร" "ผมกลับคิดว่า ถ้าการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้ทำได้ถูกต้อง ประชาชนจะอยู่รอดได้ ธุรกิจเล็กอาจจะพังบ้างถ้าทดพิษบาดแผลไม่ไหว แต่ถ้าทนจนผ่านช่วง Covid ไปได้ วัคซีนมาเมื่อไหร่ โลกเราคงไม่พังถึงระดับ the great depression หรอก วัคซีนมาโลกก็จะเริ่มฟื้น GDP จะกลับมาค่อยๆ ดีเหมือนเดิม Velocity of Money หลังจากนี้จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น เงินจะเริ่มเฟ้อขึ้นจากการอัดฉีดระดับ real sector ส่วนตลาดหุ้นก็คงมีทิศทางตามผลประกอบการบริษัทน่ะแหละครับ" 🖐🖐🖐🖐🖐🖐🖐🖐🖐 คนที่ 5 ทนไม่ไหวแทรกขึ้นมาบ้าง "คุณคิดว่าวัคซีนมา แล้วโลกจะกลับมาเหมือนเดิมเหรอคะ..?" "ชั้นว่าไม่ใช่หรอก.. มนุษย์เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปมากแล้ว ที่ชอบเรียกกันว่า new normal ไง" "พวกคุณคิดว่า ร้านอาหารจะขายดีเหมือนก่อน Covid มั้ย ในเมื่อคนชินกับการ delivery แล้ว, คุณคิดว่า โรงแรมจะยังขายดีเหมือนก่อน Covid มั้ย ถ้ารูปแบบการให้บริการเปลี่ยนไป แบบที่บางคนบอกว่า จะยกเลิกไลน์บุฟเฟ่ ฯลฯ, คุณคิดว่า ออฟฟิศจะยังค่าเช่าสูงเหมือนเดิมมั้ย หลังจากที่คนเห็นว่า work from home ก็ทำงานได้" "อะไรๆ จะเปลี่ยนไปเยอะมากหลังวัคซีน Covid คุณมั่นใจไม่ได้หรอก ค่ะ ว่าโลกเราจะฟื้นกลับมาเป็นแบบเดิม GDP จะวิ่งขึ้นเหมือนเดิม ยังไงก็ต้องมี sector ที่ decline ลงในระดับที่จะไม่ฟื้นกลับมาเหมือนเดิมอีกแล้ว ด้วย new normal" 😱😱😱😱😱😱😱😱😱😱 นั่งกินข้าวกันไป ถกกันไปถกกันมาแบบนี้ ท้ายสุดท้าย 5 คนก็แยกย้ายกลับบ้าน โดยไม่มีใครโน้วน้าวใครให้คิดแบบตัวเองได้เลยซักคน แล้วคุณล่ะ เชื่อนักเศรษฐศาสตร์คนไหน ใน 5 คนนี้..? Niran Pravithanaติดตาม 6 มิถุนายน เวลา 10:46 น.
โดย
sukit2020
อังคาร มิ.ย. 09, 2020 12:13 pm
0
10
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
New Normal ชีวิตวิถีใหม่ของวีไอในเส้นทางธรรม 29 พค 63 moneytalk special https://www.youtube.com/watch?v=Mn_uRqzMtFc
โดย
sukit2020
ศุกร์ พ.ค. 29, 2020 4:29 pm
0
2
Re: สงครามจริงกำลังจะเริ่ม/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
https://www.facebook.com/Thinkingradio/videos/243235080276295/
โดย
sukit2020
จันทร์ พ.ค. 18, 2020 10:54 am
0
2
Re: มีตติ้งวีไอภาคใต้ ไตรมาส 1/2563
1 ที่ สมาชิก (อาวุโส เกิน 50ปี) ครั้งแรก..ครับ
โดย
sukit2020
พุธ พ.ค. 06, 2020 8:07 pm
0
0
Re: มีตติ้งวีไอภาคใต้ ไตรมาส 1/2563
จอง 1 ที่ สมาชิกครับ
โดย
sukit2020
พุธ พ.ค. 06, 2020 8:04 pm
0
0
Re: จองมีตติ้งภาคใต้ไตรมาส 4/2562
จอง1ที่ครับ
โดย
sukit2020
พุธ พ.ค. 06, 2020 8:02 pm
0
0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ "วิสาขบูชา" ปีนี้ 6 พ.ค. 63 ชาวพุทธ สวดมนต์ ฟังเทศน์ เวียนเทียน ออนไลน์ อยู่กับบ้าน ลดเสี่ยงโควิด วันนี้ (6 พ.ค.63) ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ทำให้ในวันนี้ ซึ่งตรงกับ "วันวิสาขบูชา" วันสำคัญทางศาสนาพุทธ มหาเถรสมาคมจึงมีมติเห็นชอบให้วัดทุกวัดทั่วราชอาณาจักรไทย และวัดไทยในต่างประเทศ งดกิจกรรมที่ประชาชนมารวมกลุ่มกันทุกประเภท ยกเว้นการปฏิบัติภารกิจของสงฆ์ แต่ประชาชนสามารถฟังธรรมเทศนา ผ่านทางการไลฟ์สด และเวียนเทียนออนไลน์ อยู่บ้าน https://www.thansettakij.com/content/normal_news/433127?utm_source=inner&utm_medium=auto_tiein&utm_campaign=breaking_news https://www.youtube.com/watch?v=DDIcMy5Rr4Q
โดย
sukit2020
พุธ พ.ค. 06, 2020 7:10 pm
0
1
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
y024.jpg . . กราบสวัสดีอาจารย์เด็กใหม่ไฟแรง และ สวัสดีพี่ๆ เพื่อนๆ ในกระทู้ "เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ" . ผมผู้มาใหม่ในเส้นทางธรรม เพิ่งเริ่มสนใจธรรมะมาได้ประมาณปีครึ่ง จากเหตุปัจจัยคือ ลูกๆ 2คนไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศพร้อมกัน เลยมีโอกาสชวนภรรยาเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมร่วมกัน ในแนว "วิปัสสนากรรมฐาน" ครั้งแรกที่ภูผาผึ้ง จ.อุบล ประสบการณ์ในครั้งนั้นทำให้ได้ลิ้มรสคำว่า "ปิติ" ในธรรม อันเป็นจุดเริ่มให้สนใจศึกษาธรรมะสืบมาจนปัจจุบัน . ในกระทู้นี้ถือเป็นกระทู้ทรงคุณค่ายิ่ง แฝงไว้ด้วยความรู้ แนวคิด แนวปฏิบัติ และประสบการณ์ในธรรมของทั้งอาจารย์ และพี่ๆ เพื่อนๆที่คุยกันไว้หลายปีก่อน ซึ่งหากจะให้เข้าใจมากขึ้นๆ คงต้องใช้ความพยายาม และเวลาในการอ่านหลายรอบทีเดียว ต้องขอขอบคุณอาจารย์ และพี่ๆ เพื่อนๆทุกคนที่ได้ทิ้งรอยเท้าไว้ให้สืบค้น และดำเนินรอยตาม . ขออนุญาตนำ Comment ของคุณตี่ ที่ได้เคยโพสต์ไว้เมื่อ 3 ปีก่อน เกี่ยวกับสภาพจิตที่เป็นสมาธิมีหลายระดับ หยาบ ละเอียด ลุ่มลึก ซึ่งได้กล่าวไว้ว่า " ยิ่งเข้าถึงสภาพที่สงบลุ่มลึกลงไปได้มากเท่าไร สภาพความพร้อมของจิตที่ออกจากสมาธิ แล้วเอาจิตนั้นๆ ไปใช้งาน ยิ่งมีกำลังที่แตกต่างกันตามลำดับขั้น ระดับขั้นที่จิตพอที่จะเป็นอิสระจากอคติ คือ สมาธิในระดับขั้นที่เรารับรู้ถึงตัวจิตได้อย่างชัดเจน โดยเป็นอิสระจากทางกายโดยสมบูรณ์แล้ว กล่าวคือ สภาพของสมาธิที่ไม่สนใจกายแล้ว ทิ้งกาย เหลือแต่จิต " . ขออนุญาตถามคุณตี่ และ พี่ๆ เพื่อนๆทางธรรมที่มีประสบการณ์ ดังนี้ครับ 1. "สงบลุ่มลึก" ในที่นี้น่าจะหมายถึง "อัปปนาสมาธิ" หรือ "ฌาน 4" ใช่หรือไม่ครับ 2. รบกวนช่วยเล่าประสบการณ์ แนวทางปฏิบัติ ขวากหนามที่พบเจอ และกำลังใจที่ทำให้ก้าวผ่านจนเข้าใกล้ หรือสำเร็จ สมาธิระดับลุ่มลึกนี้ครับ 3. ช่วยชี้แนะแนวทาง เทคนิคการปฏิบัติ และการวางใจ สำหรับผู้สนใจปฏิบัติให้ได้ผล 4. ช่วยชี้แนะสื่อ คลิป คำสอน ครูบาอาจารย์ หรือ มีสถานปฏิบัติธรรมที่มุ่งเน้นสอนด้านนี้แนะนำมั้ยครับ ขอบคุณครับ .
โดย
sukit2020
ศุกร์ พ.ค. 01, 2020 10:38 pm
0
1
Re: วีไอต้องปรับmindsetอย่างไรในการลงทุนช่วงCovid-19
MONEY TALK Special เลือกหุ้นปรับพอร์ตยุคโควิด กับ โจ ลูกอีสาน Apr 28, 2020 https://www.youtube.com/watch?v=QGsPheGZS8E
โดย
sukit2020
พุธ เม.ย. 29, 2020 9:00 pm
0
5
Re: วีไอต้องปรับmindsetอย่างไรในการลงทุนช่วงCovid-19
พี่โจ ลูกอีสาน มีวิธีปรับพอร์ตและหาหุ้นน่าลงทุน ในสภาวะวิกฤตยังไง? Apr 5, 2020 #ถามทันที มาแล้ว !!! พี่โจ ลูกอีสาน มีวิธีปรับพอร์ตและหาหุ้นน่าลงทุน ในสภาวะวิกฤตยังไง? ถามอีก กับพี่โจ ลูกอีสาน คุณอนุรักษ์ บุญแสวง แขกสุดพิเศษ https://www.youtube.com/watch?v=uYHl9QkHpnw
โดย
sukit2020
พุธ เม.ย. 29, 2020 8:56 pm
0
5
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
หมอสันต์ : (EP.2) รักษาโรคเครียดด้วยตนเอง 29 เมษายน 2563 Ep2. โรคเครียด (vdo หมอสันต์: ชุดรักษาโรคด้วยตัวเอง) สวัสดีครับ ผม สันต์ ใจยอดศิลป์ นะครับ เทปนี้เป็นเทป2 หรือ Ep2 ของซีรีส์ รักษาโรคด้วยตัวเอง โดยหมอสันต์ วันนี้เราจะคุยเรื่องการรักษาโรคเครียดด้วยตัวเอง เรื่องเดียวเลย นิยามของโรคเครียด โรคเครียด หรือความเครียด ในมุมมองของการแพทย์ก็คือการที่ร่างกายสนองตอบต่อสิ่งคุกคาม ร่างกายมีระบบประสาทอัตโนมัติไว้ทำเรื่องนี้โดยเฉพาะ เมื่อรับรู้ว่ามีสิ่งคุกคามต่อชีวิตเข้ามา ระบบประสาทอัตโนมัติก็จะสั่งการสนองตอบในลักษณะเตรียมพร้อมจะสู้หรือจะหนี เช่นหลอดเลือดหดตัว กล้ามเนื้อเกร็งตัว หัวใจเต้นเร็ว ความดันเลือดเพิ่มขึ้น เลือดข้นและหนืดขึ้น น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น แต่ระบบที่ไม่จำเป็นต่อภาวะฉุกเฉินจะถูกเบรคไว้ เช่นระบบย่อยอาหาร ระบบสืบพันธ์ ระบบภูมิคุ้มกัน จะทำงานลดลง สาเหตุของโรคเครียด สาเหตุของโรคเครียดในมุมมองทางการแพทย์ก็คือ "สิ่งคุกคาม"หรือ "สิ่งเร้า (stimulus)" ซึ่งก็คือสถานะการณ์รอบตัว สมัยที่เราเป็นมนุษย์ถ้ำ สาเหตุของความเครียดก็คือเสือ สิงห์ กระทิง แรด ที่จะจับเรากินหรือทำร้ายเรา ทั้งหมดนั้นมาแล้วเดี๋ยวเดียวก็ไป แต่สมัยนี้สาเหตุของความเครียดรอบตัวอันได้แก่ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับคนรอบข้างสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ รถติด ตกงาน ที่มีงานอยู่ก็หาเงินไม่ได้มากอย่างใจ ทั้งหมดนี้มาแล้วมักอ้อยอิ่งอยู่ในรูปของความคิดลบในใจ ไม่ไปไหนสักที ชีวิตคนเราสมัยนี้จึงตกอยู่ในภาวะเครียดเรื้อรัง โดยสาเหตุก็คือ "ความคิด" ของเจ้าตัวนั่นแหละ ผลเสียของความเครียด เนื่องจากความเครียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเครียดเรื้อรัง มีผลต่อระบบของร่างกายกว้างขวาง จึงทำให้เกิดโรคร้ายแรงได้ทุกโรค นับตั้งแต่โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคความดันเลือดสูง โรคภูมิแพ้ โรคภูมิคุ้มกันตนเอง หรือแม้แต่โรคอุบัติเหตุ การรักษาโรคเครียด แนวทางการรักษาโรคเครียดในทางการแพทย์ก็คือการจัดการต้นเหตุคือสิ่งคุกคามภายนอกหรือสิ่งเร้าไม่ให้เข้ามากระทบตัวเรา แต่แนวทางนี้มันไม่เวอร์ค ยกตัวอย่างเช่นถ้าเครียดเพราะเมียบ่น จะเอาตะกร้อไปครอบปากภรรยาได้ไหมละ คือการไปมุ่งแก้ปัญหาที่ข้างนอกมันทำในชีวิตจริงไม่ได้ การแพทย์แผนปัจจุบันจึงไม่มีวิธีรักษาโรคเครียดที่ได้ผล..จบข่าว ที่ผมจะคุยกับท่านวันนี้ก็คือการรักษาโรคเครียดด้วยวิธี "วางความคิด" ซึ่งไม่ใช่วิธีรักษาโรคเครียดตามแบบของแพทย์แผนปัจจุบัน เพราะแพทย์แผนปัจจุบันไม่มีวิชาวางความคิด เป็นการคุยกันจากประสบการณ์ตัวผมเอง ที่ทดลองเอาวิธีวางความคิดหลากหลายรูปแบบที่มีสอนกันในรูปของศาสนาต่างๆบ้าง ลัทธิความเชื่อบ้าง เอามาทดลองปฏิบัติ อันไหนไม่ได้ผลก็ทิ้งไป อันไหนได้ผลก็เก็บไว้ใช้ บางอันก็ปรับแต่งให้มันเหมาะกับตัวเองมากขึ้น นอกจากจะพูดถึงวิธีหรือเครื่องมือแล้ว วันนี้เรายังจะทดลองใช้เครื่องมือนั้นๆไปด้วย ทีละชิ้น ทีละชิ้น ในหนึ่งชั่วโมงที่คุยกันนี้ เอาให้ได้ทั้งเครื่องมือและการทดลองใช้เครื่องมือ ม้วนเดียวจบ องค์ประกอบของชีวิต ก่อนที่จะคุยกันลึกลงไปถึงเครื่องมือแต่ละชิ้นซึ่งล้วนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนี่แหละ เรามาพูดถึงว่าชีวิตนี้ประกอบขึ้นจากอะไรบ้างก่อนนะ วิชาแพทย์แผนปัจจุบันแบ่งชีวิตออกเป็นสองส่วนคือ ร่างกาย(body) กับ ใจ (mind) ในวิชาจิตเวชอาจแบบใจออกอย่างหลวมๆเป็นอีกสองส่วนคือ ความคิด (thought) กับอารมณ์ (emotion) ศาสนาที่วิเคราะห์องค์ประกอบของชีวิตซับซ้อนที่สุดก็คือฮินดูซึ่งอธิบายว่าชีวิตประกอบขึ้นจาก 7 องค์ประกอบ ต่อมาศาสนาพุทธเอามาลดลงเหลือ 5 องค์ประกอบ ได้แก่ (1) ร่างกาย (2) ความรู้สึก คำบาลีใช้คำว่า เวทนา หรือ feeling (วันนี้ผมจะขอใช้สองคำคือเวทนากับความรู้สึกควบคู่กันไปเพราะเกรงว่าหากใช้คำว่าความรู้สึกคำเดียวท่านจะไปสับสนกับคำว่าความรู้ตัวซึ่งเป็นของคนละสิ่งกัน (3) ความจำ (4) ความคิด (5) ความรู้ตัว (consciousness) เพื่อความง่ายในการใช้งาน ผมเองขอลดลงเหลือ 3 องค์ประกอบ คือชีวิตประกอบด้วย (1) ร่างกาย (2) ความคิด (3) ความรู้ตัว ทั้งหมดนี้ตัวการที่ทำให้เกิดเป็นโรคเครียดมีตัวเดียว คือ "ความคิด" กลไกการเกิดของความคิด วิชาแพทย์ไม่รู้หรอกว่าความคิดเกิดขึ้นจากไหนเกิดอย่างไร รู้แต่ว่าเมื่อมีความคิดเกิดขึ้นก็มีไฟฟ้าเกิดขึ้นในเนื้อสมองบางส่วน จึงเดาเอาว่าความคิดเกิดจากการทำงานของเซลสมอง เดาเอานะ ของจริงเป็นอย่างไรไม่รู้ ผู้ที่อธิบายกลไกการเกิดความคิดไว้อย่างละเอียดที่สุดคือพระพุทธเจ้า ซึ่งอธิบายกลไกการเกิดความคิดว่าเกิดเป็นขั้นตอนโดยผมขออธิบายเป็นภาษาของผมเอง ดังนี้ ขั้นที่ 1. จะต้องมีองค์ประกอบที่จะเกิดความคิดอยู่ครบถ้วนพร้อมหน้าก่อน คือต้องมีสามอย่างนี้ก่อน (1) มีความรู้ตัว (2) มีภาษา ซึ่งใช้บอกรูปร่าง บอกชื่อ และเล่าเรื่องราว ของสิ่งต่างๆที่เข้ามาสู่การรับรู้ได้ทันที (3) มีประตูรับรู้สิ่งเร้าหรืออายตนะ ซึ่งมีอยู่ 6 ประตู คือตา หู จมูก ลิ้น ผิวหนัง และใจ ขั้นที่ 2. เมื่อสัญญาณสิ่งเร้าผ่านเข้ามาทางอายตนะ สัญญาณนั้นจะถูกแปลงเป็นภาษาให้ค่าและความหมายทันทีในเวลารวดเร็วยิ่งกว่าสายฟ้าแลบ แล้วจะเกิดการรับรู้ (perception) สิ่งเร้าในรูปของภาษา ขั้นที่ 3. การรับรู้สิ่งเร้าจะก่อให้เกิดเวทนา (ความรู้สึกหรือ feeling) ขึ้นบนร่างกายหรือในใจ เวทนาบนร่างกายก็เช่นความรู้สึกเย็นร้อนอ่อนแข็งเกร็งหรือเจ็บปวด เวทนาในใจก็เป็นความรู้สึกอึดอัดหรือไม่ชอบ และความรู้สึกสบายหรือชอบ ขั้นที่ 4. เกิดความคิดที่ 1 ขึ้นมาต่อยอดเวทนา คือถ้าชอบก็เป็นความคิดอยากได้ ถ้าไม่ชอบก็เป็นความคิดอยากหนี ขั้นที่ 5. เกิดความคิดที่ 2, 3, 4 ... ถูกปรุงขึ้นมาต่อยอดความคิดที่ 1 เช่นความกลัวเป็นความคิดที่ต่อยอดความอยากหนี ความหวังเป็นความคิดต่อยอดความอยากได้ เป็นต้น ความซับซ้อนของขั้นตอนนี้คือความคิดที่ปรุงขึ้นมาใหม่นี้ มันทำตัวเป็นสิ่งเร้าใหม่ ที่เข้ามากระตุ้นกลไกการเกิดความคิดครั้งใหม่ ทำให้วงจรการเกิดความคิดนี้หมุนต่อไปได้ไม่รู้จบ ทำให้เราจมอยู่ในความคิดไม่รู้จบ กลไกการดับของความคิด นอกจากอธิบายกลไกการเกิดของความคิดแล้ว ยังอธิบายกลไกการดับของความคิดด้วยตรรกะง่ายๆเลยว่าเมื่อต้นเหตุที่ก่อความคิดนั้นขึ้นดับไป ความคิดนั้นก็ดับตามไปด้วย ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเวทนาหรือความรู้สึกชอบไม่ชอบหมดไป ความคิดอยากได้อยากหนีก็หมดไปด้วย หรือเช่นเมื่อความคิดอยากหนีหมดไป ความกลัวก็หมดไปด้วย เป็นต้น ไฮไลท์สำคัญอีกอันหนึ่งของพระพุทธเจ้าคือได้พูดถึงธรรมชาติของเวทนา (feeling) ก็ดี หรือความคิดก็ดี ว่ามันเกิดขึ้นแล้วก็จะดำรงอยู่เพียงชั่วคราวแล้วก็ดับไปเองเสมอ เปรียบเหมือนศาลาริมทางที่มีคนแวะมานั่งแล้วก็ไป ไม่มีใครกางมุ้งนอนที่ศาลาที่พักริมทางตลอดวันตลอดคืน ไม่มี ดังนั้นเมื่อเกิดเวทนาหรือความรู้สึกทางกายหรือใจขึ้นแล้ว หากเราเฝ้าสังเกตจนเห็นมันดับไปเอง ความคิดที่จะมาเกิดต่อยอดก็ไม่เกิดขึ้น ดังนั้นในการจะวางความคิดให้สำเร็จ ต้องฝึกเป็นคนไวต่อเวทนา (sensible) คือรู้ทันทีที่มีเวทนาหรือความรู้สึกบนร่างกายหรือในใจเกิดขึ้น แล้วเฝ้าสังเกตจนเวทนานั้นดับไป ความคิดต่อยอดก็จะไม่เกิดขึ้น เช่นเดียวกันเมื่อความคิดที่ 1 เกิดขึ้นแล้วก็เฝ้าสังเกตดูจนความคิดที่ 1 ดับไป ความคิดต่อยอดที่ 2, 3, 4 ... ก็จะไม่เกิดขึ้น การฝึกตัวเองแบบนี้ จะทำให้รู้ตัวทุกครั้งที่มีเวทนาเกิดขึ้นและบล็อกความคิดได้ทันก่อนที่ความคิดจะมีโอกาสได้เกิดขึ้น เครื่องมือช่วยวางความคิด ผมพอจะสรุปจากประสบการณ์ตัวเองในการทดลองวางความคิด เครื่องมือที่มีประโยชน์ในการช่วยวางความคิด มีดังนี้ เครื่องมือ 1. การดึงความสนใจ (attention) ความสนใจเป็นเสมือนแขนของความรู้ตัว เราเอาความสนใจไปจ่อไว้ที่สิ่งไหน สิ่งนั้นก็จะสำคัญขึ้นมาทันที ถ้าเราปล่อยความสนใจของเราไปตามอัธยาศัย มันก็จะไปคลุกอยู่กับความคิด ไปให้พลังงานแก่ความคิด ทำให้ความคิดกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา เราจึงต้องหมั่นถอยความสนใจออกมาจากความคิด ใหม่อาจเอาความสนใจมาจ่อไว้ที่ไหนสักแห่ง เช่นจ่อไว้ที่ลมหายใจ ทิ้งความคิดไปเสีย ไม่ไปสนใจคิดอะไรต่อยอด ในที่สุดความคิดที่เกิดขึ้นแล้วก็จะฝ่อหายไปเอง ทดลองดู เอ้า ท่านลองถอยความสนใจออกจากความคิดมาสนใจลมหายใจ สนใจว่าลมกำลังเข้ามาสู่ตัว กำลังออกไปจากตัว สนใจอยู่อย่างนี้สักพักแล้วลองกลับไปดูความคิดว่าเมื่อกี้เราคิดอะไรอยู่ ปรากฎว่าไม่มีแล้ว เมื่อเราถอยความสนใจออกมา ความคิดจะหมดพลังงาน แล้วก็จะฝ่อหายไป เครื่องมือ 2. การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ (relaxation) วิธีหนึ่งที่จะลดความคิดได้แบบเนียนๆคือการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เพราะความคิดเป็นสิ่งที่ปรากฎเป็นธรรมชาติสองด้าน ด้านหนึ่งเป็นเนื้อหาสาระในใจ อีกด้านหนึ่งเป็นอาการบนร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกร็งกล้ามเนื้อร่างกาย เอ้า ทดลองดู ลองกำมือขวา ชูกำปั้นขึ้นมาก่อน บีบกำปั้นให้แน่น รับรู้ความเกร็งของกล้ามเนืื้อแขน เอาอีกมือจับดูจะพบว่าแขนแข็งโป้ก แล้วคลายกำปั้น สั่งให้กล้ามเนื้อแขนคลายตัว คลายลงไปอีก คลายลงไปอีก คราวนี้เอาอีกมือมาจับแขนดูจะพบว่าแขนนุ่มเพราะผ่อนคลาย ลองดูอีกแบบ คราวนี้จะเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อทั่วตัว ให้ท่านนั่งตัวตรงยืดหลังขึ้นอย่าให้งอ หลับตา หายใจเข้าลึกๆจนเต็มปอด กลั้นไว้สักครู่นับหนึ่งถึงสิบในใจ แล้วค่อยๆปล่อยหรือผ่อนลมหายใจออกไปทางจมูกเบาๆช้าๆ พร้อมกับสั่งให้ร่างกายผ่อนคลาย ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ให้ผ่อนคลาย ทำอย่างนี้ หมายถึงหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆ ผ่อนคลาย ทำสักสามครั้ง ก็จะรู้สึกว่าความคิดที่ค้างคาอยู่เมื่อกี้ตอนนี้หายไปหมดแล้ว เพราะการผ่อนคลายร่างกาย คือการวางความคิดลงไปด้วย สั่งให้ผ่อนคลายแล้ว กล้ามเนื้อจะผ่อนคลายจริงหรือเปล่าต้องตามไปดู จุดที่จะดูได้ง่ายที่สุดก็คือบนใบหน้าของเรานี่เอง ถ้าเราผ่อนคลาย เราจะยิ้มได้ ลองยิ้มดู ถ้ายิ้มไม่ได้ก็ยังไม่ผ่อนคลาย ยิ้มนิดๆแบบพระพุทธรูปก็ได้ ยิ้มให้เป็นอาจิณ ยิ้มทุกลมหายใจเข้าออก เครื่องมือ 3. การสังเกตลมหายใจ (breathing) ก็คือการเอาเครื่องมือแรกคือการดึงความสนใจใช้มันดึงความสนใจออกมาจากความคิด เอาความสนใจมาจดจ่อตามดูลมหายใจ ให้รู้ว่าตัวเองกำลังหายใจเข้า กำลังหายใจออก แล้วก็เอาเครื่องมือ 2. มาร่วมด้วย คือผ่อนคลายร่างกาย หายใจเข้าเต็มปอด รู้ว่าหายใจเข้า หายใจออก รู้ว่าหายใจออกและสั่งให้ร่างกายผ่อนคลาย ยิ้ม รับรู้ความผ่อนคลายไปด้วย เป็นไซเคิ้ล แบบว่า หายใจเข้า หายใจออก ผ่อนคลาย ยิ้ม เครื่องมือ 4. การสังเกตความรู้สึกบนร่างกาย (body scan) คราวนี้ทิ้งลมหายใจไปก่อนนะ แต่ยังดึงความสนใจอยู่ เอาความสนใจมาลาดตระเวณรับรู้ความรู้สึกบนร่างกาย ก่อนอื่นมารู้จักความรู้สึกบนผิวกายก่อน คุณยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมา แล้วเอามืออีกข้างลูบแขนเบาๆอย่างนี้ ลูบอย่าให้ฝ่ามือหรือนิ้วมือแตะถูกผิวหนัง ให้แตะอย่างมากแค่ขน แล้วเอาความสนใจจดจ่อรับรู้ความรู้สึกที่ผิวหนังบนแขน รับรู้ความรู้สึกขนลุก ความรู้สึกซู่ซ่า เมื่อลูบฝ่ามือผ่านไป คราวนี้ลองทำแบบฝึกหัดที่สอง คุณทำมือเป็นอุ้งแบบนี้ วางไว้บนตัก สบายๆ หลับตา คราวนี้คุณเอาความสนใจจดจ่อรับรู้ความรู้สึกที่อุ้งมือสองข้างนี้ มีความรู้สึกอะไรเกิดขึ้นก็รับรู้หมด จะเป็นความรู้สึกอุ่น ร้อน ลมพัดผ่าน ความรู้สึกจิ๊ดๆเหมือนมีเข็มจิ้ม ความรู้สึกวูบวาบ ผ่าวๆ ความรู้สึกเหน็บๆชาๆ ความรู้สึกอะไรก็ได้ รับรู้หมด บางคนอาจไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ ให้ผ่อนคลายร่างกายลงไปก่อน ผ่อนคลาย ยิ้ม แล้วรับรู้ความรู้สึกบนฝ่ามือ เอาเครื่องมือการหายใจเข้ามาร่วมด้วยก็ได้ หายใจเข้า หายใจออก ผ่อนคลาย ยิ้ม รับรู้ความรู้สึกบนฝ่ามือ เมื่อรับรู้ความรู้สึกบนฝ่ามือเป็นแล้ว คราวนี้ลองกวาดความสนใจไปทั่วร่างกาย กวาดไปทีละส่วน กวาดไปถึงไหนก็รับรู้ความรู้สึกบนผิวหนังที่นั่น เริ่มตั้งแต่ตรงรูจมูกก่อนก็ได้ เพราะมีความรู้สึกลมผ่านเข้าออกให้รับรู้อยู่แล้ว แล้วก็แผ่ขยายพื้นที่ไปรับรู้รอบๆปาก จมูก แก้ม ตา คิ้ว หน้าผาก จนรับรู้ความรู้สึกได้ทั่วใบหน้า แล้วก็กวาดความสนใจต่อไปอีก ไปรับรู้หนังศีรษะตอนบน ตอนข้าง ท้ายทอย คราวนี้ไปทั่วตัวเลย แขนสองข้าง หน้าอก หน้าท้อง หลัง บั้นเอว ขาสองข้าง เข่า น่อง เท้า ฝ่าเท้า คราวนี้ลองฝึกรับรู้ความรู้สึกทั้งตัวทุกรูขุมขนพร้อมกันตูมเดียวเหมือนเรานั่งอยู่แล้วมีคนเอากระป๋องน้ำอุ่นมาราดจากศีรษะลงมา เราจะรู้สึกอุ่นวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า ตูมเดียวรู้สึกได้ทั้งตั้ว หายใจเข้า หายใจลึกๆ กลั้นไว้สักครู่ หายใจออกช้าๆ ยาวๆ ผ่อนคลาย ยิ้ม รับรู้ความรู้สึกซู่ซ่าทุกรูขุมขนทั่วตัว ทำแบบนี้เป็นวงจร หายใจเข้า หายใจออก ผ่อนคลาย ยิ้ม ซู่ซ่า โปรดสังเกตนะว่ามาถึงตอนนี้เราเอาเครื่องมือทั้งสี่อันมาใช้พร้อมกันหมดคือการดึงความสนใจ การหายใจ การผ่อนคลาย และการสังเกตความรู้สึกบนร่างกาย เครื่องมือ 5. การสังเกตความคิด (aware of a thought) แม้จะใช้เครื่องมือทั้งสี่อย่างพร้อมกันแต่สำหรับบางคนที่ความคิดมันแรง มันก็เจาะเข้ามาจนได้ ทำให้เรา "เผลอคิด" ขณะที่กำลังใช้เครื่องมือวางความคิด เมื่อเผลอคิด อย่าพยายามแก้ไขโดยการไล่ความคิด เพราะการไล่ความคิดก็เป็นการคิด มันจะไปกันใหญ่ ให้ใช้เครื่องมือที่ห้า คือการสังเกตความคิด คือขณะที่เอาความสนใจไว้ที่ลมหายใจก็ดีหรือความรู้สึกบนผิวกายอยู่ก็ดี ให้ชำเลืองไปดู ไม่ได้ชำเลืองด้วยตานะ ชำเลืองด้วยความสนใจ ชำเลืองไปดูว่าเมื่อตะกี้ในใจกำลังมีความคิดอะไรอยู่หรือเปล่า ถ้าชำเลืองไปดูความคิดมันหนีไปก่อนแล้วก็แล้วไป เราก็กลับมาสนใจลมหายใจของเราต่อ แต่ถ้าความคิดมันยังอยู่ ยังไม่ไปไหน ให้เอาความสนใจเฝ้าสังเกตมันอยู่ข้างนอก สนใจแบบเฝ้าสังเกตอยู่ข้างนอก ไม่ใช่สนใจแบบเข้าไปผสมโรงคิดต่อยอดนะ คือทำแบบ aware of a thought ไม่ใช่ thinking a thought สังเกตอยู่สักพัก ความคิดมันก็จะฝ่อหายไปเอง เพราะความคิดมันมีธรรมชาติเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป พอมันหายไปแล้วเราก็กลับมาอยู่กับลมหายใจใหม่ เครื่องมือ 6. สมาธิ (meditation) เมื่อใช้ห้าเครื่องมือข้างต้นให้เขาขากันได้ดีแล้ว คือดึงความสนใจมาอยู่กับลมหายใจ หายใจเข้า หายใจออก ผ่อนคลาย ยิ้ม ซู่ซ่า เป็นวงจรซ้ำซากอยู่อย่างนี้ คราวนี้ก็เป็นการจดจ่อความสนใจอยู่กับวงจรซ้ำซากอยู่อย่างนี้เพื่อปิดช่องไม่ให้ความคิดเข้ามา การจดจ่อซ้ำซากนี้เรียกว่าสมาธิ ในขั้นนี้ให้ปล่อยให้ความสนใจจมลึกลงไป ลึกลงไปในความไม่มีอะไร ไม่มีความคิด ไม่มีอะไรอย่างอื่น สิ่งที่ใช้เป็นเป้าในการจดจ่อไม่ว่าจะเป็นลมหายใจหรือความรู้สึกบนผิวกายก็ดูจะแผ่วห่างออกไป ห่างออกไป เครื่องมือ 7. การสะดุ้งตัวเองให้ตื่น (alertness) เมื่อความคิดเริ่มจะหมดเกลี้ยงแล้ว ความง่วงก็จะมาเยือน เหมือนการเดินเข้าซอยที่ปลายซอยเป็นทางแยกซ้ายขวา เส้นทางหลักคือเลี้ยวขวาซึ่งจะไปหลับ เรียกว่าตกภวังค์ ม่อยกระรอก หากมาถึงตรงทางแยกนี้เราต้องใช้เครื่องมือที่ 7. คือการสะดุ้งตัวเองให้ตื่นขึ้นมารับรู้เดี๋ยวนี้ การฝึกนี้ต้องฝึกขณะที่กำลังม่อยกระรอก หรือกำลังโงกหลับ เป็นการฝึกงัดหินที่กำลังจะกลิ้งลงเขาทางขวาให้กลิ้งไปทางซ้าย ต้องใช้ความพยายามฝึกมากหน่อย พองัดได้สำเร็จก็จะพบกับความตื่นหรือสว่างอย่างยิ่งโดยไม่มีความคิด ไม่มีอะไรเลย มีแต่ความตื่นและสามารถรับรู้อยู่ นั่นก็คือ "ความรู้ตัว" อันเป็นปลายทางที่เราตั้งใจจะมา เมื่อหมดความคิด ก็จะเหลือแต่ความรู้ตัว ความรู้ตัวก็คือชีวิตในยามที่ปลอดความคิด เป็นความตื่นและความสามารถรับรู้เดี๋ยวนี้แบบสบายๆไม่อินังขังขอบกังวลหรือเสียใจอะไรทั้งสิ้น เพราะความรู้ตัวเป็นส่วนของชีวิตที่ไม่มีเอี่ยวกับความเป็นบุคคลของเรา ไม่เหมือนความคิดที่ผูกพันยึดโยงและพยายามที่จะปกป้องความเป็นบุคคลของเราอยู่ตลอดเวลาอย่างถึงที่สุด นั่นก็คือความเครียด แต่ความรู้ตัวไม่สนสิ่งเหล่านั้น เพราะความรู้ตัวไม่เกี่ยวอะไรกับความเป็นบุคคล เหมือนแสงแดดที่ไม่เกี่ยวอะไรกับสีของบ้าน ส่องมาแล้วก็ไม่ได้ทำให้สีของบ้านเปลี่ยนไป แค่ส่องมาเฉยๆ ที่ความรู้ตัวจึงเป็นที่สงบเย็นและสบายดี เป็นโทนการรับรู้ทุกอย่างตามที่มันเป็นโดยไม่มีความเป็นบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงเป็นที่ที่ไม่มีความเครียด การถอยจากความคิดไปเป็นความรู้ตัวทำได้ตลอดเวลาที่ไม่ได้นอนหลับ ทำได้แม้เวลาลืมตาทำกิจอยู่ ไม่จำเป็นต้องรอทำตอนนั่งหลับตาทำสมาธิหรือ meditation การถอยจากความคิดไปเป็นความรู้ตัวเป็นกลวิธีรักษาโรคเครียดที่ได้ผลดีที่สุด ขอให้ท่านผู้ชมเอาไปทดลองปฏิบัติในชีวิตประจำวันของท่านดูนะครับ สวัสดีครับ https://visitdrsant.blogspot.com/2020/04/ep2-vdo.html?fbclid=IwAR0V0YS7iV4q3IJhD2Bgj8gEUQCOA7opFt6QSleoqgwYFYPfdJKd8uwqBYw ...................................................................... https://www.youtube.com/watch?v=O3PmwYb_Ns8
โดย
sukit2020
พุธ เม.ย. 29, 2020 4:47 pm
0
1
Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?
เมื่อปู่ชาร์ลี มังเกอร์ ฟันธงเศรษฐกิจถดถอยแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าจะฟื้นเมื่อไหร่ . ปู่บอกว่าไม่รู้เมื่อไหร่จะฟื้น แต่ก็คงไม่ถึงขั้นช่วง Great Depression นะครับ . =============== . 1.วิกฤตจากเจ้าไวรัสโควิด 19 นี้หนักจริงๆครับ ปู่ชาร์ลี มังเกอร์คู่หูปู่บัฟเฟตต์บอกว่าแม้แต่ Berkshire ก็คงได้รับผลกระทบเช่นกันครับ . 2.”พวกเราเองก็มีธุรกิจที่แย่ๆอยู่บ้าง และคิดว่าท่ามกลางวิกฤตตอนนี้ ก็คงต้องมีที่ต้องปิดไปบ้าง” . 3.ปู่มังเกอร์บอกว่า จริงๆแล้วไม่มีใครรู้หรอกครับว่า ตลาดหุ้นจะร่วงไปอีกแค่ไหน และไม่มีใครรู้ว่ามันอาจจะร่วงหลุด จุดต่ำสุดเดิมลงไปอีกก็ได้ หรืออาจจะไม่ . “ไม่มีใครรู้ครับ แต่ที่รู้แน่ๆคือ เราต้องผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้” . 4.สำหรับมุมมองด้านการลงทุน ปู่มังเกอร์มองว่านักลงทุนที่ประสบความสำเร็จใช้เวลาส่วนใหญ่ อยู่เฉยๆไม่ทำอะไรเลยครับ แต่จะรอจัดหนักตอนที่มีหุ้นราคาถูก . 5.สถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมือนตอนปี 2008-2009 ที่ปู่จัดหนักหลายหมื่นล้านเหรียญลงทุนในหุ้น GE, Goldman Sachs ก่อนจะทำกำไรได้อย่างงดงาม . 6.แต่รอบนี้ยังไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ ปู่บอกว่าถ้าตอนนี้เราเป็นกัปตันเรือ แล้วกำลังจะเจอพายุไต้ฝุ่นที่หนักที่สุดเท่าที่เคยเจอมา . “พวกเราต้องการเพียงแค่ขอให้ผ่านพ้นพายุไต้ฝุ่นนี้ไปให้ได้” และพอผ่านพ้นพายุไปได้แล้ว ต้องผ่านวิกฤตมาพร้อมกับสภาพคล่อง (ผ่านแบบมีเงิน) . 7.ปู่บอกว่าเราไม่ได้ลงทุนแบบว่า โอวตอนนี้ทุกสินทรัพย์ร่วงหนักมากๆ ถ้างั้นจัดหนักจัดเต็มเอาเงินทั้งหมดเข้าไปซื้อหุ้น แต่ต้องวิเคราะห์ให้ดีก่อนลงทุนครับ . 8.สำหรับธุรกิจที่ตอนนี้กำลังต้องติดตาม คือ ธุรกิจสายการบิน เพราะตอนนี้ผู้ประกอบการอยู่ในภาวะที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องทำอะไร . “ตอนนี้พวกเค้ากำลังเจรจากับรัฐบาล” “พวกเค้าไม่เคยเจอเหตุการณ์เหล่านี้มาก่อน” เพราะในตำราไม่เคยบอกไว้ว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ . 9.วิกฤตรอบนี้แตกต่างจากรอบที่ผ่านๆมา ปู่บอกว่าทุกคนไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกันแน่ . 10.ถ้าถามว่ารอบนี้จะเป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอยไหม? ปู่ตอบทันทีว่าใช่แน่ๆครับ แต่อาจจะไม่ถึงขั้น Great Depression . “คำถามคือวิกฤตรอบนี้จะหนักแค่ไหน และจะยาวนานแค่ไหน” คำถามนี้ยังไม่มีคำตอบครับ . 11.และที่แน่ๆที่ไม่มีใครรู้ว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจจะหนักแค่ไหน แต่ปู่ชาร์ลี มังเกอร์เชื่อว่าสักวันนึงไม่ช้าก็เร็ว และแม้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวก็จะฟื้นได้เพียงแค่ระดับปานกลาง ไม่มีทางเฟื่องฟูเหมือนเดิม . 12.ถามว่าเราจะมีการจ้างงานมากเท่ากับที่ปลดพนักงานตอนนี้ไหม? ปู่มองว่า ไม่มีวันที่จะมีวันแบบนั้นอีกแล้วครับ . ======== #ลงทุนนอกโลก โดยเพจ #ถามอีกกับอิก . clm.jpg
โดย
sukit2020
เสาร์ เม.ย. 25, 2020 6:30 pm
0
11
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โควิดอยู่หรือไป ใจก็มีสติ ธรรมะรับอรุณจากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล บรรยายหลังทำวัตรเช้า วัดป่าสุคะโต วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ "สิ่งสำคัญ คือฝึกใจให้มีสติ มีความรู้สึกตัว รักษาใจไม่ให้เป็นทุกข์ ไปตามสิ่งที่มากระทบกาย กระทบใจ เรียกว่า มีสติรู้ทัน เจอทุกข์แต่ไม่เป็นทุกข์ รู้ทุกข์แต่ไม่เป็นผู้ทุกข์" "การปฎิบัติคือ การเจริญสติ ฝึกรู้กายเวลาเคลื่อนไหว รู้อิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน แปรงฟัน ล้างหน้าก็รู้สึกตัว รู้เวทนาที่เกิดขึ้น เช่น กายสดชื่น ใจสบาย ก็ให้รู้ เผลอคิดปรุงแต่งกังวลใจขึ้นมาก็ให้รู้ เรียกว่ารู้ใจ รู้ทันอารมณ์ หรือ เผลอคิดจนเครียดจนวิตก ก็ให้รู้ว่าเครียด กลัวก็ให้รู้ว่ากลัว หงุดหงิดก็ให้รู้ทัน แค่รู้ทันเฉยๆ อย่าไปเสียใจว่าทำไมใจไม่สงบซักที อย่าโมโหว่าทำไมใจฟุ้งเหลือเกิน (เป็นกับดักของนักปฏิบัติที่มักหงุดหงิด โกรธ เครียดตัวเอง คาดหวังว่าใจต้องสงบ)" "เป้าหมายของการปฏิบัติ คือเพื่อฝึกสติ ความรู้สึกตัว รู้ทันทุกการกระทำของกาย รู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับใจ เช่น คิด รู้สึก แค่รู้ซื่อๆไม่ยึดติด ไม่ผลักไส ไม่ว่าจะทุกข์ หรือสุข เท่าเทียมกัน คือ แค่รู้ แค่เห็น เฉยๆ วางใจเป็นกลาง แบบไม่ยินดียินร้าย (ถ้าเผลอยินดียินร้าย ก็ให้รู้ทัน) เจอสุข เจอทุกข์ เจอสิ่งที่พอใจ เจอสิ่งที่ไม่พอใจ ได้ลาภ ได้ความสงบ ให้เห็นว่าทุกสิ่งเป็นธรรมดา ต้องวางใจให้เป็น ดูแลใจให้เป็นปกติ รู้ทันทุกการกระเพื่อมของใจ ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นผู้มีสติ ปัญญา" "... นี่แหละคืองานของเราที่จะต้องทำ ไม่ว่าจะมีโควิดระบาดหรือไม่ การมีสติ มีปัญญา ทำให้เราอยู่กับทั้งทุกข์และสุขได้ ด้วยใจที่เป็นปกติสุข" โควิดอยู่หรือไป ใจก็มีสติ https://www.youtube.com/watch?v=9DTVtfLWtqw
โดย
sukit2020
พุธ เม.ย. 15, 2020 9:41 pm
0
6
Re: อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ?
ผมผ่านวิกฤตปี 2008 มา ผมสามารถบอกและยืนยันจากประสบการณ์ได้เลยว่า ความสำเร็จ ความมั่งมี ที่ผมมีอยู่ที่วันนี้ ก็ได้มาจากการผ่านวิกฤตครั้งที่แล้ว ดังนั้นเมื่อผมได้มาเจอกับวิกฤตครั้งนี้อีก ผมไม่กลัวนะ ผมดีใจมาก ดีใจที่ได้เจอมันอีก สถานการณ์ที่เราจะได้ทดสอบ เรียนรู้ และ สนุกกับการงาน การศึกษาการลงทุน เลยทำให้ชีวิตผมในช่วงนี้ ร่าเริง และมีพลังงานมากๆ ระหว่างรอให้หุ้นลง เพื่อเก็บหุ้น ตั้งใจศึกษากิจการที่เราอยากจะลงทุน โอกาสช่วงนี้จะเยอะมาก ต้องศึกษาต้องอ่านเยอะมาก 2. ราคาหุ้นไม่ทำ lower low มีข่าวร้ายที่หนักกว่าเดิม แต่ราคาหุ้นไม่ลงไปมากกว่าเดิม (คนที่ถอดใจสุดๆ เลิกเล่นหุ้นขายแล้ว แต่ก็ไม่ลงไปต่ำกว่าเดิม) 3. ถ้ามอง scenario เป็น V-Shape ราคาอาจจะเป็น double bottom แล้วเด้ง แต่ผมว่า เคสนี้น่าจะซึมๆ volume บางๆ เป็น U shape มากกว่า ช่วงเก็บหุ้นน่าจะยาวๆ คนจะไม่อยากพูดถึงเรื่องหุ้น หันไปสนใจเรื่องอื่นกัน มาหาหุ้นตีแตกอะไรช่วงนี้ครับ หาทางรอดวิกฤตดีกว่าไหมครับ? รอดให้ได้ก่อน ค่อยทำกำไรครับ ถ้ายังไม่รอด อย่าคิดทำกำไร สำหรับคนที่ยังไม่รอด และพยายามที่จะเอาตัวรอด อยากได้ไอเดียในการเอาตัวรอด ถามคำถามมาครับ ผมจะพยายามช่วยเท่าที่ผมจะช่วยได้ครับ จะตอบหากคิดว่าเป็นประโยชน์ ตอนแรกที่ผมตั้งใจจะไม่โพสต์อะไรที่ไหนอีกแล้ว แต่วิกฤติครั้งนี้รุนแรงยิ่งนัก หากไม่รังเกียจผมขอเป็นเทียน หรือ หิ่งห้อยตัวเล็กๆ ให้กับสังคมวีไอ ให้กับโลกใบนี้ ในยามที่ดูเหมือนว่าโลกนี้ช่างมืดมิดเสียเหลือเกิน เป็นแสงสว่างให้แก่กันและกัน และช่วยกันส่งต่อความสว่างและความอบอุ่นอันให้กับคนอื่นได้เท่าที่เราจะช่วยกันได้ ขอบคุณอาจารย์ picatos มากๆ เลยครับที่กลับมาโพสต์ให้ความรู้ และคำแนะนำในช่วงสำคัญอย่างนี้ เพราะผมเชื่อว่าหลายคน (รวมถึงตัวผม) กำลังหาทางเอาตัวรอด จากวิกฤตินี้อยู่ เพราะขึ้นชื่อว่าวิกฤติมักมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว เผลอแป๊บเดียวพอร์ตอาจจะเสียหาย 20-40% ในระยะเวลาอันสั้น ทำให้เป็นจุดยากที่จะตัดสินใจว่าจะทนถือ หรือจะขายหนีออกมาก่อน ในมุมมองของอาจารย์ตี่ คิดว่าผลกระทบวิกฤติครั้งนี้ต่อตลาดหุ้นไทยจะหนักและยาวนานแค่ไหน เพราะดูจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิท19 ของไทยและของโลกก็แย่ลงเรื่อยๆ การลงของ SET ตอนนี้คือ 28%จากต้นปี ถือเป็นการลงที่เหมาะสมแล้ว หรือเป็นแค่ช่วงเริ่มต้นของการลงของวิกฤติรอบนี้ครับ (ในความเห็น อ.ตี่) ขออนุญาตเกาะแสงเทียน เดินตาม อ.ตี่ ออกจากถ้ำด้วย..ครับ :)
โดย
sukit2020
อาทิตย์ มี.ค. 22, 2020 10:24 pm
0
8
Re: **จองได้เลยค่า** Money Talk@SET เดือน ก.พ. 63
จอง 1 ที่ครับ ขอบคุณครับ
โดย
sukit2020
พฤหัสฯ. ก.พ. 06, 2020 1:45 pm
0
0
Re: **วันนี้เปิดรับจอง** Money Talk@SET เดือน ม.ค. 63
จอง 1 ที่ครับ
โดย
sukit2020
พุธ ม.ค. 08, 2020 10:53 am
0
0
Re: **เปิดจอง** CV@JUBILE บมจ. ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์
จอง 1 ที่ครับ ขอบคุณครับ
โดย
sukit2020
จันทร์ มี.ค. 04, 2019 7:09 pm
0
0
Re: *เปิดจอง* งาน Money Talk@SET เดือน มี.ค. 62
จอง 1 ที่ครับ
โดย
sukit2020
พุธ ก.พ. 20, 2019 9:12 am
0
0
Re: *เปิดจอง* งาน Money Talk@SET เดือน ธ.ค. 61
จอง 1 ที่ครับ ขอบคุณครับ
โดย
sukit2020
พุธ ธ.ค. 12, 2018 9:00 am
0
0
Re: **วันนี้10.00โมง**เปิดรับงานสังสรรค์ VIประจำปี 61(ครั้งท
sukit2020 /สมาชิกสมาคม/1 ที่นั่ง/1440.99/KBANK/27-09-61/11.00น.
โดย
sukit2020
พฤหัสฯ. ก.ย. 27, 2018 11:03 am
0
0
Re: <วันนี้เปิดจอง10.00น.>งานสังสรรค์ VI ประจำปี 2561 ครั้งท
sukit2020 / สมาชิกสมาคม / Me007 / สมาชิกสมาคม / 2 ที่นั่ง / 2,880.88 บาท / KBANK / 13-03-2561 / 10:00AM
โดย
sukit2020
อังคาร มี.ค. 13, 2018 10:10 am
0
0
Re: (เปิดจองแล้วนะค่ะ).... CV@KCE 7 มี.ค. 61
จอง 1 ที่ครับ
โดย
sukit2020
จันทร์ ก.พ. 26, 2018 10:18 am
0
0
Re: ** เปิดรับจอง ** Money Talk@SET เดือน ธ.ค.60
จอง 1 ที่ครับ
โดย
sukit2020
พุธ ธ.ค. 06, 2017 3:18 pm
0
0
Re: """งานสังสรรค์ VI ประจำปี 2560 ครั้งที่ 2"""">>>จอง 16 ส
sukit2020 / สมาชิกสมาคม / 1 ที่นั่ง / 1,350.99 บาท / Kbank / 16-08-2560 / 10:11 AM
โดย
sukit2020
พุธ ส.ค. 16, 2017 10:13 am
0
0
Re: **เปิดจองแล้ว Money Talk@mai Forum 2017 รับ 100 ที่นั่ง*
จอง 1 ที่ครับ
โดย
sukit2020
พุธ มิ.ย. 21, 2017 12:21 pm
0
0
Re: !!!ยังเปิดจองนะค่ะ!!!! Money Talk@SET พ.ค.60
จอง 1 ที่ครับ
โดย
sukit2020
พฤหัสฯ. พ.ค. 04, 2017 10:14 am
0
0
Re: (วันนี้เปิดจอง10.00 น.):::งานสังสรรค์ VI ประจำปี 2560
sukit2020 / สมาชิกสมาคม / 1 ที่นั่ง / 1,350.99 บาท / Kbank / 08-03-2560 /10:14 am
โดย
sukit2020
พุธ มี.ค. 08, 2017 10:17 am
0
0
Re: *วันนี้ 9.00 น.* เปิดจอง Money Talk@SET (50ที่)
จอง 1 ที่ครับ
โดย
sukit2020
พุธ ธ.ค. 07, 2016 9:01 am
0
0
Re: (เปิดจองแล้วค่ะ) สัมมนา Money Talk@SET พ.ย.59
ขอจอง 1 ที่ครับ
โดย
sukit2020
อังคาร พ.ย. 08, 2016 10:54 am
0
0
Re: “มองหาไอเดียการลงทุน"งานสังสรรค์ VI-59 ครั้งที่2 (ห้ามพล
sukit2020 / สมาชิกสมาคม / 1ที่นั่ง / 1,350.99 บาท / Kbank / 22-08-2559 /10:08
โดย
sukit2020
จันทร์ ส.ค. 22, 2016 10:12 am
0
0
Re: **จองเลยค่า**สัมมนา Money Talk@SET ส.ค.59 -100 ที่นั่ง
จอง 1 ที่ครับ
โดย
sukit2020
พฤหัสฯ. ส.ค. 18, 2016 11:13 am
0
0
Re: ห๊ะ? วันนี้แล้ว 9.00 น. เปิดจอง Money Talk@mai Forum 201
จอง 1 ที่ครับ
โดย
sukit2020
พุธ มิ.ย. 22, 2016 9:00 am
0
0
Re: **วันนี้ 10.00 น. เปิดจองงานสังสรรค์ VI ประจำปี 2559**
sukit2020 / สมาชิกสมาคม / 1 ที่นั่ง / 1,170.99 บาท / Kbank / 29-02-2559 /10.05
โดย
sukit2020
จันทร์ ก.พ. 29, 2016 10:06 am
0
0
Re: เปิดจอง Company Visit TKN พฤ. 11 กพ 59 เวลา 10:00น 36 ที
จอง1ที่ครับ
โดย
sukit2020
พฤหัสฯ. ก.พ. 11, 2016 10:04 am
0
0
Re: **จองได้เลยค่า..สัมมนา Money Talk@SET 9 ม.ค.59 - 200 ที่
จอง 1 ที่ครับ
โดย
sukit2020
อังคาร ธ.ค. 29, 2015 9:46 am
0
0
Re: **วันนี้ 9.00 น.เปิดจองสัมมนา Money Talk@SET 19 ธ.ค.58
ขอจอง 1 ที่ครับ
โดย
sukit2020
ศุกร์ ธ.ค. 11, 2015 9:35 am
0
0
Re: **ยังมีพื้นที่ว่างค่ะ..สัมมนา Money Talk@SET 28 พ.ย.58
จอง 1 ที่ครับ ขอบคุณครับ
โดย
sukit2020
พุธ พ.ย. 18, 2015 3:44 pm
0
0
Re: 10.00 น. เปิดรับโอน *งานสังสรรค์ Q2/58 ค้นหาโอกาสในวิกฤต
sukit2020 / สมาชิกสมาคม / 1ที่นั่ง / 1,170.99 บาท / Kbank / 13-08-2558 /10:01
โดย
sukit2020
พฤหัสฯ. ส.ค. 13, 2015 10:03 am
0
0
Re: เปิดจองงานสังสรรค์ VI ปิดงบปี 57 **10.00 โมงเช้านี้ค่ะ**
sukit2020 / สมาชิกสมาคม / 1 ที่นั่ง / 999.99 บาท / Kbank / 3-3-58 / 10:01
โดย
sukit2020
อังคาร มี.ค. 03, 2015 10:08 am
0
0
Re: (วันนี้ 9.00 น.) เปิดจองสัมมนา Money Talk@SET ต.ค. 57
1 ท่ีครับ
โดย
sukit2020
พฤหัสฯ. ต.ค. 02, 2014 9:03 am
0
0
Re: งานสังสรรค์ VI Q2/57 "แก่นวีไอ ลงทุนได้ทั่วโลก"
sukit2020 / สมาชิกสมาคม / 1ที่นั่ง / 1,170.99 บาท / Kbank / 22-07-2557 /10.02 AM
โดย
sukit2020
อังคาร ก.ค. 22, 2014 10:09 am
0
0
Re: เปิดจองสัมมนา Money Talk@SET ก.ค. 57 - 100 ที่นั่ง
จอง 1 ที่ครับ
โดย
sukit2020
พุธ ก.ค. 09, 2014 12:16 pm
0
0
Re: งานสังสรรค์ VI Q4/56 "วิถีวีไอ"
sukit2020 / สมาชิกสมาคม / 1ที่นั่ง / 1,177.11 บาท / Kbank / 10-03-2557 /10:12AM
โดย
sukit2020
จันทร์ มี.ค. 10, 2014 10:21 am
0
0
138 โพสต์
of 3
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
sukit2020
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ที่อยู่:
สาธุ
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อังคาร พ.ค. 24, 2005 11:52 pm
ใช้งานล่าสุด:
-
โพสต์ทั้งหมด:
183 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.01% จากโพสทั้งหมด / 0.03 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว