หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
Cheddo
มีอุปสรรค... แต่ไม่มีปัญหา...
Joined: อังคาร พ.ย. 16, 2010 3:32 am
8
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - Cheddo
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: ลงทุนต่างประเทศเปิดบัญชีได้ แต่ส่งเงินธนาคารไม่ยอม
ได้สิครับ ผมใช้ธนาคารกรุงเทพ โอนไป 4 รอบละ (แต่สองรอบแรกทางโน้นเด้งเงินกลับมาเพราะบัญชียังเปิดไม่เสร็จดี) เหตุผลที่กรอกผมก็กรอกไปตรงๆเลยว่า โอนไปซื้อหุ้นต่างประเทศ ผ่านฉลุยเลยฮะ
โดย
Cheddo
จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 8:00 pm
0
0
Re: หนูตายแน่ค่ะคราวนี้ T_T
ผมมือใหม่นะครับ เพิ่งเริ่มสนใจหุ้นยังไม่ถึงเดือนเลย แต่ผมคิดว่าน่าจะลองดูนะครับ ว่าตอนซื้อนี้เข้าไปซื้อเพราะอะไร มีอะไรสนับสนุนเหตุผลในการซื้อไหม ลองเขียนเหตุผลที่ตัวเองเข้าไปซื้อมาให้ได้สักหนึ่งหน้ากระดาษครับ แล้วถ้าจะตัดขาดทุน จะขายทิ้ง ลองคิดดูว่าทำไมถึงต้องขาย มีเหตุผลอะไรสนับสนุนการขายบ้าง ลองเขียนเหตุผลที่ตัวเองจำเป็นจะต้องขายทิ้งอีกสักหนึ่งหน้ากระดาษนะครับ ถ้าคิดว่าการเข้าซื้อครั้งนี้ใคร่ครวญอย่างดี มีเหตุมีผลที่สมควรเข้าซื้อ และเหตุเหล่านั้นยังไม่เปลี่ยนไป และถ้ามั่นใจในการตัดสินใจของตัวเอง แบบนี้ก็อย่าตกใจครับ เพราะในระยะสั้นๆตลาดหุ้นจะไร้เหตุผล ในระยะยาวแล้วสุดท้ายราคาก็จะกลับไปอยู่ในที่ๆสมควรอยู่เอง แต่ถ้าคิดว่าการเข้าซื้อครั้งนี้เข้าซื้อเพราะอารมณ์อย่างเดียวจริงๆ และเมื่อใคร่ครวญด้วยเหตุและผลต่างๆแล้ว รวมทั้งหลักฐานอ้างอิงต่างๆบ่งชี้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิด (อย่าคิดเข้าข้างตัวเองนะครับ ให้มองด้วยมุมมองบุคคลที่สาม จะตัดเรื่องของอารมณ์ได้ระดับนึง) ถ้ายอมรับว่าตัวเองตัดสินใจผิดพลาดจริงๆ และราคาที่ซื้อมันสูงกว่ามูลค่าจริงๆมากๆ ก็ตัดใจขายไปเถอะครับ ปล. ผมไม่รู้จักอนุพันธ์อะคับ อันนี้คิดเองว่าน่าจะเหมือนหุ้น >,,< ถ้าความเห็นนี้ไม่ได้ช่วยอะไรก็ขออภัยด้วยเน้อ
โดย
Cheddo
ศุกร์ พ.ย. 26, 2010 7:21 pm
0
0
Re: VI มือใหม่ครับเพิ่งเริ่มสิงหามคม2010ครับมีคำถาม
ผมเองก็พยายามไม่ดูเหมือนกันครับ หลังๆนี้เปลี่ยนมุมมอง เป็นลืมไปเลยว่าซื้อหุ้นไว้ คือตอนนี้ผมคิดว่าตัวเองเป็นนักธุรกิจอยู่ แล้วก็เข้าซื้อบริษัทเพื่อให้บริษัททำเงินให้ ดังนั้นผมก็เลยสนใจแต่เรื่องของกิจการของบริษัท คิดซะว่าตัวเองซื้อบริษัท ไม่ได้ซื้อหุ้น พอคิดได้แบบนี้ผมก็เลิกสนใจตลาดหุ้นไปเลย ...ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีนะแบบนี้
โดย
Cheddo
ศุกร์ พ.ย. 26, 2010 7:10 pm
0
0
Re: แนะนำน้องมือใหม่เกี่ยวกับเงินปันผลครับ
คุณ navapon เป็นหมอเหรอครับ ^^ เจอเพื่อนละ อิอิ ผมก็มือใหม่เหมือนกัน เพิ่งเริ่มสนใจในหุ้นเอง สดๆร้อนๆเลย
โดย
Cheddo
ศุกร์ พ.ย. 26, 2010 7:05 pm
0
0
Re: การคิดลดกระแสเงินสด คืออะไรครับ คิดยังไง
ผมขอลองสรุปตามความเข้าใจแบบลูกทุ่งๆของคนไม่เคยเรียนการเงินแบบผมดูนะครับ สรุปก็คือการคาดการณ์มูลค่าในอนาคต โดยการเอาผลการดำเนินงานในอดีตมาเป็นตัวคำนวน จากนั้นคิดย้อนกลับมาปัจจุบัน ว่าถ้าต้องการผลตอบแทนต่อปีเท่านั้นเท่านี้ ควรจะจ่ายที่เท่าไหร่ เช่น(สมมติที่ P/E = 1 นะครับ) หุ้น x ตอนนี้มีกำไร 100 บาท/หุ้น จากผลการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมานั้น กำไรของบริษัทนี้จะโตประมาณปีละ 10% เราก็คาดการณ์ว่าปีหน้าน่าจะเป็น 110 บาท ... ปีที่สิบน่าจะเป็น 259.37 บาท (จะใช้ Excel คำนวนหรือกดเครื่องคิดเลขธรรมดาก็ได้ครับ) เราก็จะได้ผลกำไรต่อหุ้นที่คาดการณ์ไว้ในอีก 10 ปีข้างหน้าแล้วว่าน่าจะเป็น 259.37 บาท/หุ้น ทีนี้เราก็ย้อนกลับมาคิดถึงปัจจุบัน ว่าเรายินดีจ่ายเท่าไหร่เพื่อให้ได้รับสิทธิ์กำไรต่อหุ้น 259.37 บาทในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยราคาที่เรายินดีจ่าย จะเป็นตัวกำหนดอัตราผลตอบแทนของเรา ถ้าเราจ่ายที่ 100 บาท เราก็จะคิดได้ว่าได้รับผลตอบแทนทบต้นเป็นจำนวน 10% ต่อปีตลอด 10 ปี ถ้าเราจ่ายที่ 120 บาท เราก็จะคิดได้ว่าได้รับผลตอบแทนทบต้นเป็นจำนวน 8% ต่อปีตลอด 10 ปี ถ้าเราจ่ายที่ 80 บาท เราก็จะคิดได้ว่าได้รับผลตอบแทนทบต้นเป็นจำนวน 12.48% ต่อปีตลอด 10 ปี ดังนั้นด้วยอัตราผลตอบแทนที่เราต้องการได้รับ จะเป็นตัวกำหนดราคาที่เราควรจะจ่ายครับ (พูดสับกันไปมา >,,<) *แต่ประเด็นสำคัญของการจะคำนวนแบบนี้ก็คือ บริษัทที่จะเอามาคิดแบบนี้ต้องเป็นบริษัทที่สามารถคาดการณ์ผลกำไรในอนาคตได้อย่างค่อนข้างแม่นยำนะครับ ถ้าเป็นบริษัทที่สามปีดีสี่ปีไข้ จะทำให้ผลการคาดการณ์ที่ได้ไม่น่าเชื่อถือ
โดย
Cheddo
ศุกร์ พ.ย. 26, 2010 2:54 pm
0
0
Re: สวัสดีครับ VI มือใหม่ครับ อยากให้คอมเม้นเรื่องแผนที่ผมจะ
ปี 4 แต่มี รายได้ 6 แสน อืม น่ายินดีอย่างยิ่ง กับ เด็กสมัยใหม่แต่เงินออม น้อยไปหน่อยสำหรับ รายได้นะ ผมคิดว่ารายได้ 6 แสน คือทั้งปี นะครับ เป็นรายได้ที่น้องเค้าคาดการณ์ไว้ว่าจะได้รับเมื่อเริ่มทำงานน่ะครับ ส่วนเงินเก็บ 1 แสนนั้นคือเงินที่เก็บมาระหว่างเรียน (ใช่มะ) เป็นเงินเก็บก่อนการเริ่มทำงานน่ะครับ (เพราะยังไม่ได้เริ่มนี่นา) ในส่วนของการเป็นทั้ง VI และ Day Trade พร้อมๆกันนั้น ผมคิดว่าคุณ Auttaphorn อาจจะลองถามตัวเองก่อนว่ามีความรู้และความถนัดในแต่ละด้านมากแค่ไหน เป็น VI คิดว่าตัวเองสามารถประเมินมูลค่าที่แท้จริงและคาดการณ์อนาคตของธุรกิจได้ดีแค่ไหน มีความเข้าใจในธุรกิจนั้นๆดีรึเปล่า ฯลฯ หรือจะเป็น DT คิดว่าตัวเองจะใช้ระบบไหนในการเทรด มี MM ยังไง วางแพลนการเทรดไว้ยังไงบ้าง กฎการเข้า กฎการออกจากตลาด ฯลฯ จะใช้บัญชีแบบ Cash หรือแบบ Margin (ส่วนใหญ่ผมเห็นหลายๆคนที่เป็นเดย์เทรดจะใช้บัญชีมาร์จิ้นน่ะครับ แต่เท่าที่อ่านๆมาคิดว่าคุณ Auttaphorn คงไม่ได้กะจะเปิดบัญชีแบบมาร์จิ้นใช่ไหม ^^) แล้วก็อย่างที่พี่ๆหลายคนเคยพูดไว้ ถ้าคิดว่าตัวเองเป็นเดย์เทรดแล้วสามารถทำเงินได้เยอะ ก็อาจจะเป็นเดย์เทรดไปเลย หรือถ้ากลัวว่าเป็นเดย์เทรดอย่างเดียวเจ๊งแน่ๆเลยเอา VI มาร่วมด้วย แบบนั้นในเมื่อคิดว่าตัวเองเทรดแล้วจะไม่รอดก็ไม่น่าจะเริ่มเทรดตั้งแต่ต้นนะครับ เพราะถ้าทำได้ดีทั้งสองอย่างก็ดีไปครับ แต่ถ้าดีอย่างนึงไม่ดีอย่างนึงจะกลายเป็นว่าตัวที่ทำได้ไม่ดีนั้นจะมาฉุดผลงานลงซะเปล่าๆ ทำให้ตัวที่ทำได้ดีนั้นเสียเปล่าไปด้วย หรือถ้าทำได้ไม่ดีทั้งสองอย่างแบบนั้นก็...ล่ะครับ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าน่าจะทำได้นะครับ ถ้าคิดว่าตัวเองศึกษาและเตรียมพร้อมมาดีแล้วน่าจะทำได้อยู่ แต่ต้องมีหลักการที่ดีนะครับ ไม่งั้นจะสับสนแน่นอน (เพราะหลักการณ์ทั้งสองอย่างมันตรงข้ามกันเลยนะครับ) ปล. ผมก็มือใหม่เหมือนกันนะครับ ทำได้แค่ช่วยเสนอมุมมองของผมเองบ้าง ถ้าจะตัดสินใจยังไงก็ลองมองดูหลายๆมุมแล้วก็ชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียเอาเองละกันนะครับ
โดย
Cheddo
ศุกร์ พ.ย. 26, 2010 2:29 pm
0
0
Re: รบกวนพี่ๆหน่อยครับพอดีจะเข้าเศรษฐศาสตร์ม.ธรรมศาสตร์
ไม่มาเข้าแพทย์ มศว บ้างเหรอครับ อยากมีรุ่นน้องเหมือนกานนนน ^o^
โดย
Cheddo
ศุกร์ พ.ย. 26, 2010 2:06 pm
0
0
ขอถามโง่ภาค2"การถือหุ้นให้ทบต้นทำอย่างไร"
คือว่า ผมเป็นน้องใหม่ของบอร์ดนะครับ เพิ่งสมัครเมื่อวานนี้เอง ^^ เท่าที่ผมอ่านมาคร่าวๆ พี่ๆหลายคนได้ตอบคำถามไปอย่างละเอียดแล้วล่ะครับ แต่ผมไม่ได้อ่านละเอียดเพราะเยอะเหลือเกิน อิอิ (แบบว่าเวลามีน้อย) ความหมายของ "ทบต้น" ถ้าจะให้ง่ายๆก็เหมือนฝากเงินไว้ในธนาคารแล้วไม่ถอนออกมาเลยนั่นแหละครับ ถ้าอัตราดอกเบี้ยคงที่ ผลตอบแทนของปีต่อๆไปจะคำนวนจากยอดเงินในบัญชีของปีก่อนหน้า ก็คือไม่ได้เพิ่มเป็นอัตราคงที่เหมือน 1 2 3 4 5 6 แต่จะเพิ่มเป็น % ครับ เช่น 100 110 121 ... อย่างที่หลายๆคนได้ยกตัวอย่างไปแล้ว -------------------------------------------------------------- ทีนี้ ทำไมการถือหุ้นไว้เฉยๆในบริษัทถึงเป็นการทบต้น ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้ขายหุ้นเพื่อเอาเงินไปซื้อหุ้นใหม่สักหน่อย คำตอบก็คือว่า ด้วยมูลค่าของหุ้นที่เพิ่มขึ้นและดูเหมือนกับว่าเราไม่ได้เอาไปลงทุนอะไรเพิ่มนั้น ที่จริงแล้วไม่ใช่ครับ เพราะว่าผู้บริหารของบริษัทที่เราถือหุ้นอยู่ได้นำเอากำไรที่ทำได้ (ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นขยับสูงขึ้น) ไปลงทุนในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขยายธุรกิจ ควบรวมกิจการ หรือซื้อหุ้นคืน เป็นต้น ซึ่งจากผลของการลงทุนใหม่ๆนั้น จะส่งผลให้กำไรของปีต่อๆไปมากขึ้นเรื่อยๆ และทำให้ราคาของหุ้นขยับตัวสูงขึ้นตามกำไรที่ทำได้ นั่นก็คือมีการทบต้นแล้วนั่นเองครับ (เพียงแต่ว่าคนที่เอาไปทำให้ทบต้นเป็นผู้บริหาร ไม่ใช่เรา) ------------------------------------------------------------------ ถ้าจะยกตัวอย่างให้เป็นเป็นรูปธรรมนะครับ (ตัวอย่างนี้ผมขอสมมติให้ "ราคาหุ้น" อยู่ที่ P/E = 1 นะครับ) สมมติว่าคุณ End หุ้นกับเพื่อนซื้อตู้กดน้ำราคา 120 บาท โดยหุ้นที่คนละ 12 บาท จำนวน 10 คน ตู้กดน้ำนี้ทำกำไรได้เดือนละ 10 บาท ส่งผลให้ทั้งปีได้กำไรมา 120 บาท/ตู้กดน้ำ 1 ตู้ ------------------ ต้นปีแรกมี 1 ตู้ จากนั้นหากคุณ End ไม่รีบถอนหุ้นที่น่าจะราคา 12 บาท (120/10) ออกมาซะก่อน แต่ปล่อยให้ตัวเองยังถือหุ้นต่อไปเรื่อยๆ และทุกๆครั้งที่กิจการได้กำไรก็จะเอาเงินไปซื้อตู้กดน้ำใหม่มาเรื่อยๆ จะทำให้ในปีที่ 2 นั้นพวกคุณ End จะมีตู้กดน้ำ 2 ตู้ ส่งผลให้ทั้งปีได้กำไรมา 240 บาท (120 บาท/ตู้/ปี) ------------------ ต้นปีที่ 2 มี 2 ตู้ ทีนี้มูลค่าของธุรกิจก็จะเพิ่มขึ้น ทำให้หุ้นที่ตอนแรกคนละ 12 บาท ขยับขึ้นเป็น 24 บาท (กำไร 24 บาทต่อหุ้น) และด้วยวิธีเดียวกันนี้ สิ้นปีที่ 3 มูลค่าหุ้นก็จะขยับสูงขึ้นเป็นหุ้นละ 48 บาท (ตู้กดน้ำ 4 ตู้ ทำกำไร 480 บาท หาร 10) ------------------ ต้นปีที่ 3 มี 4 ตู้ จะเห็นว่าต้นทุนจาก 12 บาท มันทบต้นทบดอกด้วยตัวมันเองจนส่งผลให้ราคาหุ้นขยับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆแม้ว่าคุณ End จะยังไม่ได้ขายหุ้นเลยก็ตาม ดังนั้นในตัวอย่างนี้จะเป็นผลตอบแทนทบต้นปีละ 100% ซึ่งจะทำให้ในปีที่ 4 ที่ 5 และปีต่อๆไปราคาหุ้นน่าจะเป็น 96, 192, 384, 768, ... จบละคับ >,,< *หมายเหตุ : ผมยกตัวอย่างง่ายๆนะครับ เพราะงั้นอาจจะมีหลายๆจุดที่คำนวนผิดไปบ้าง แต่จุดประสงค์หลักคือต้องการให้เห็นภาพเฉยๆครับ และที่ผมเขียนมานี่ก็แค่อยากจะขอออกความเห็นบ้างเฉยๆน่ะครับ ไม่อยากนั่งอ่านอย่างเดียว เผื่อว่าผมคิดอะไรพลาดไปตรงไหนจะได้มีพี่ๆคอยให้คำแนะนำด้วยไงครับ ^^ สำหรับหลายๆคนที่รู้อยู่แล้วก็ผ่านไปได้เลยนะครับ แหะๆ
โดย
Cheddo
พุธ พ.ย. 17, 2010 5:57 am
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
Cheddo
ระดับ:
Verified User
อายุ:
38
กลุ่ม:
สมาชิก
งานอดิเรก:
Investment
ที่อยู่:
In My Heart.
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
เว็บไซต์:
เข้าชมเว็บไซต์
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อังคาร พ.ย. 16, 2010 3:32 am
ใช้งานล่าสุด:
อังคาร ธ.ค. 28, 2010 3:11 pm
โพสต์ทั้งหมด:
8 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.00 ข้อความต่อวัน)
ลายเซ็นต์
มีอุปสรรค... แต่ไม่มีปัญหา...
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว