หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
sarajane
Joined: พฤหัสฯ. ธ.ค. 09, 2010 12:58 pm
17
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - sarajane
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
ในวันที่น่าหดหู่ ก็ยังมีคำพูดที่ทำให้หัวเราะได้ ขอบคุณที่ยังถือหุ้นเป็นเพื่อนกันต่อไป
โดย
sarajane
พุธ ก.ย. 28, 2011 6:54 pm
0
0
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
ผมเองมีความตั้งใจที่จะเขียนสิ่งที่ผมคิดไว้ และปรัชญา แนวทางการลงทุนของผมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันครับ ส่วนหนึ่งและส่วนใหญ่มาจากครูบาอาจารย์ที่ผมนับถือ แม้ผมไม่เคยพบตัวจริงของท่านก็ตาม และแม้บางท่านจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว โปรดรับรู้ด้วยจิตว่าศิษย์นับถืออยู่เสมอ ......................... ก่อนอ่าน ที่ผมจะเขียนเป็นความเชื่อส่วนบุคคลของคนแก่ที่ดื้อรั้น ไม่จำเป็นต้องปฎิบัติตาม และโปรดใช้วิจารณญาณ ในการอ่าน อ้อ สำหรับเด็ก ๆ ควรอ่านพร้อมผู้ปกครองครับ ........................... ตอนนี้สภาวะหุ้นตกกันหมด ลำบากครับ กำลังใจในการซื้อคงไม่ค่อยมีครับ การพูดถึงการลงทุนโดยการวิเคราะห์พื้นฐานกิจการ เสมือนเราเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่ง ฟังดูแล้วเกิดวิกฤติศรัทธารุนแรงกว่าวิกฤติเศรษฐกิจเสียอีก คำถามในเวปบอร์ดนั้นก็จะมีประมาณว่า เมื่อไรวิกฤต จะหมดไป เมื่อไรจะแก้ปัญหานั้นได้ เมื่อไรจะแก้ปัญหานี้ได้ ปัญหามันเกิดมาจากอะไร Fed จะแถลงอะไร แถลงแล้วแปลว่าอะไร ฯลฯ เอ แปลกนะครับ ทำไมช่วงนี้ไม่มีใครถามว่าจะลาออกจากงานประจำมาเล่นหุ้นดีมั๊ยก็ไม่รู้? กำลังใจในการ “ถือ” ยิ่งหายไปครับ ไม่ใช่เฉพาะในเวปบอร์ดครับ แต่ในระหว่างเพื่อนด้วยกันเอง การถือหุ้นเพื่อเป็นเจ้าของกิจการ การถือหุ้นระยะยาว โดนท้าทายเป็นอย่างยิ่ง ถ้าพูดตรง ๆ ถูกดูถูกเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งมาถูกบั่นทอนด้วยการติดลบในพอร์ตแบบมโหฬาร ชนิดที่บางคนไม่เคยเป็นกันมาก่อน กำลังใจก็หดหายไปเรื่อย ๆ ครับ “พี่ครับ มีคนบอกว่าพี่ถือหุ้นระยะยาว ที่พี่พูดเป็นความจริงหรือเป็นแค่หลักการ” มีน้องคนนึงถามผม “ถ้าพี่ซื้อแล้วไม่ขาย นั่นไม่ใช่การลงทุน” มีน้องอีกคนนึงบอก “ผมซื้อ ปตท. ขึ้นไป สามช่องห้าช่อง ผมก็ขายแล้ว ถ้าลงผมก็คัท” น้องอีกคนนึงสอน “เล่นหุ้นต้องรู้จักคัทลอส” น้องอีกคนกรุณาสอนผม “ทำแบบนี้แล้วจะได้อะไร” น้องอีกคนเป็นห่วง แต่เริ่มอารมณ์ไม่ดี ผมรับฟังและบอกน้องทุกคนว่าผมขอบคุณครับ ขอบคุณอย่างมาก แต่พี่ “ลงทุนระยะยาว” ครับ มันเป็นคำพูดที่น้อง ๆ คงไม่ค่อยเข้าใจและขัดใจอยู่ในที และผมก็บอกน้องทุก ๆ คนว่า ผมใช้ “วิชาเต่า” ในการลงทุน ไม่ได้เทรด ผลตอบแทนไปตามผลประกอบการ โตแบบเต่า หัวใจของวิชานี้ให้ลูกศิษย์มีหัวใจในการลงทุนมากกว่าเก็งกำไร เวลามีเพศภัยเกิดขึ้นก็หดหัวในกระดอง เงินผมส่วนใหญ่ 80% หมดแล้วครับเพราะอยู่ในหุ้น 80% อ้อ LTF/RMF อีกส่วน แต่นั่นก็ยิ่งยาวไปใหญ่ จะซื้ออะไรเพิ่มก็คงทำไม่ได้ ก็คงมีเงินเก็บระหว่างเดือนจากเงินเดือนบ้างพอมาลงทุนได้เดือนละประมาณ 0.25% ของพอร์ต คือถ้าพอร์ตล้านนึงก็ลงได้เดือนนึงประมาณสองพันห้าครับ ประมาณนั้น ก็ทยอยไปเรื่อย ๆ เพราะเงินเดือนไม่เยอะอะไร แต่ผมก็ทำแบบนี้หล่ะครับทำมานานแล้ว ทำก่อนซัพไพร์มด้วยครับ ซื้อตอนสูง ๆ 9xx มั๊งครับจำไม่ได้ 8xx และก็ 7xx และก็ 6xx และก็ 5xx มั๊งครับ 4xx และก็ 3xx มั๊งครับ ตอนนั้นหุ้นบวกมาร้อยจุดยังมาไม่ถึงครึ่งเลยครับ ฮ่า ๆ ๆ พอร์ตก็ใหญ่ไปเรื่อย ๆ ครับ หลังจากที่หุ้นมันเริ่มขึ้น ก็มาลดลง ฮวบ ๆ ช่วง ๆ นี้หล่ะครับ “บัดซบเอ๊ย” ผมเองก็อยากนะครับในเวลาที่หุ้นตกคือผมน่าจะมีเงินสดซัก 80% และมีหุ้น 20% หรือเทพสุด ๆ คือมีเงินสด 100% ไปเร๊ยยยย แต่การทำแบบนั้นมัน ขอประทานโทษนะครับ “โคตรยาก” และผมเองก็เลิก Timing ตลาดไปแล้วครับ เพราะผมไม่มีความสามารถครับยอมรับ ถ้าท่านไหนทำได้และทำได้ดีผมยินดีด้วยนะครับ แต่เรื่องแนว ๆ นี้ผมไม่มีความสามารถจริง ๆ ก็ต้องยอมรับสภาพครับ “คนโง่ย่อมมีวิถีของคนโง่ เต่าย่อมมีวิถีของเต่า จะให้วิ่งแบบกระต่าย คงไม่ได้” ผมมีหุ้นที่ผมเชื่อว่าเป็นหุ้นแข็งแกร่งเติบโต และมีความสามารถในการแข่งขันที่ดีอยู่สามตัวในพอร์ต และตัวเล็ก ๆ อีก 3-4 ตัวครับ ไว้เฝ้าดู ที่มีเงินสด 15-20% นี่ก็เพราะเลียนแบบฟิล ฟิชเชอร์ครับ ท่านเคยให้สัมภาษณ์กับฟอร์ปเมื่อประมาณ ปี 1987 ว่าท่านถือหุ้นหลัก ๆ 4 ตัว ตัวเล็ก ๆ 5 ตัว และเงินสดอีกประมาณ 20-25% ผมก็เลียนแบบท่านครับ นี่ถ้าหุ้นตกไปมาก ๆ ผมอาจจะมีเงินสด 50% หุ้น 50% ก็ได้นะเอ้า คือราคาหุ้นมันลดลงไปเรื่อย ๆ น่ะครับ แต่เงินสดมีเท่าเดิม ^_^' แรก ๆ ผมชอบการเล่นแบบ CANSLIM นะครับ อ.โอนีลครับ แต่ตอนหลังผมเสพแนวทางของ พ่อ-ลูก ฟิชเชอร์จนติดแงม บวกกับ อ.นิเวศน์แปลหนังสือไว้ (ผมก็ไปหาภาษาอังกฤษมาอ่านอีก และตามอ่านผลงานของ เคน อีกหลายเล่ม) อย่างไรก็ตาม คนฉลาด ไม่จำเป็นเท่า คนอดทน ครับ ในตลาดหุ้น ลินซ์เคยกล่าวว่าไม่ว่าวิธีการจะดีสักแค่ไหนก็จะเป็นศูนย์ หาก จิตใจไม่มั่นคง สุดยอดของสุดยอดในยามวิกฤต ก็ "วิชาเต่า” นี่หล่ะครับ ปล. ศัพท์คำว่า “เต่า” นี่ผมไม่ได้คิดมาเองครับ ลอกมาจาก อ.นิเวศน์ อีกทีหวังว่าท่านคงไม่หวงลิขสิทธิ์ ................... แต่สุดท้ายแล้วน้องจะเล่นวิธีไหนก็แล้วแต่ ผมเป็นกำลังใจให้ และหลายคนผมก็ปล่อยเค้าซื้อ ๆ ขาย ๆ ต่อไป และร่วมวงกินข้าวกันเหมือนเดิม เพราะผมคงสอนเค้าไม่ได้มากกว่านั้น และเค้าก็คงสอนผมไม่ได้มากกว่านั้นเช่นเดียวกัน ก็คงเช่นเดียวกับคนตามบอร์ดเวปหุ้นล่ะมั๊งครับ .................... และด้วยความที่ คนซื้อขายหุ้นอย่างรุ่นน้องผม และคนซื้อหุ้นแต่ไม่ขายตราบใดที่ไม่เข้าหลักการอย่างผม มานั่งร่วมวงกันกว่าสิบปี ผมค้นพบสัจธรรมว่า คนเรานั้นเปลี่ยนแปลงไม่ได้ นิทานที่ เบน เกรแฮม เล่า เรื่องตลกที่ฟิชเชอร์เล่า ตลอดจนสิ่งที่บัฟเฟตต์กล่าว ไม่ผิดเลย เวลาเปลี่ยน แต่ตลาดหุ้นไม่เคยเปลี่ยน และในเมื่อมันเป็นเช่นนั้นผมเองก็คงเปลี่ยนแปลงไม่ได้เช่นเดียวกัน ผมเชื่อว่าธุรกิจที่แข็งแกร่งจะกลับมา และจะผ่านวิกฤตไปได้ วิกฤตจะเร็วจะช้าเนิ่นนานเป็นห้าปีสิบปีหรือยี่สิบปีก็จะต้องผ่านไป และเมื่อนั้น ลูกศิษย์ลูกหา “วิชาเต่า” จะพบกับความสำเร็จอย่างยั่งยืน เหมือนกับที่มันเคยเป็นมา เหมือนกับที่ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เราเคารพ เหมือนกับที่ปรมาจารย์ของเราผ่านมา และเมื่อวันนั้นมาถึงจะเป็นหน้าที่ของเราบอกเล่าเรื่องราวแห่งความสำเร็จให้คนรุ่นต่อไปครับ ................... NB Sep 28, 2011 - เขียนในเดือนที่โลกทั้งโลกกำลังวิตกกับภาวะยุโรป อเมริกา ฯลฯ
โดย
sarajane
พุธ ก.ย. 28, 2011 6:51 pm
0
1
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
ผมเองมีความตั้งใจที่จะเขียนสิ่งที่ผมคิดไว้ และปรัชญา แนวทางการลงทุนของผมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันครับ ส่วนหนึ่งและส่วนใหญ่มาจากครูบาอาจารย์ที่ผมนับถือ แม้ผมไม่เคยพบตัวจริงของท่านก็ตาม และแม้บางท่านจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว โปรดรับรู้ด้วยจิตว่าศิษย์นับถืออยู่เสมอ ......................... ก่อนอ่าน ที่ผมจะเขียนเป็นความเชื่อส่วนบุคคลของคนแก่ที่ดื้อรั้น ไม่จำเป็นต้องปฎิบัติตาม และโปรดใช้วิจารณญาณ ในการอ่าน อ้อ สำหรับเด็ก ๆ ควรอ่านพร้อมผู้ปกครองครับ ........................... ตอนนี้สภาวะหุ้นตกกันหมด ลำบากครับ กำลังใจในการซื้อคงไม่ค่อยมีครับ การพูดถึงการลงทุนโดยการวิเคราะห์พื้นฐานกิจการ เสมือนเราเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่ง ฟังดูแล้วเกิดวิกฤติศรัทธารุนแรงกว่าวิกฤติเศรษฐกิจเสียอีก คำถามในเวปบอร์ดนั้นก็จะมีประมาณว่า เมื่อไรวิกฤต จะหมดไป เมื่อไรจะแก้ปัญหานั้นได้ เมื่อไรจะแก้ปัญหานี้ได้ ปัญหามันเกิดมาจากอะไร Fed จะแถลงอะไร แถลงแล้วแปลว่าอะไร ฯลฯ เอ แปลกนะครับ ทำไมช่วงนี้ไม่มีใครถามว่าจะลาออกจากงานประจำมาเล่นหุ้นดีมั๊ยก็ไม่รู้? กำลังใจในการ “ถือ” ยิ่งหายไปครับ ไม่ใช่เฉพาะในเวปบอร์ดครับ แต่ในระหว่างเพื่อนด้วยกันเอง การถือหุ้นเพื่อเป็นเจ้าของกิจการ การถือหุ้นระยะยาว โดนท้าทายเป็นอย่างยิ่ง ถ้าพูดตรง ๆ ถูกดูถูกเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งมาถูกบั่นทอนด้วยการติดลบในพอร์ตแบบมโหฬาร ชนิดที่บางคนไม่เคยเป็นกันมาก่อน กำลังใจก็หดหายไปเรื่อย ๆ ครับ “พี่ครับ มีคนบอกว่าพี่ถือหุ้นระยะยาว ที่พี่พูดเป็นความจริงหรือเป็นแค่หลักการ” มีน้องคนนึงถามผม “ถ้าพี่ซื้อแล้วไม่ขาย นั่นไม่ใช่การลงทุน” มีน้องอีกคนนึงบอก “ผมซื้อ ปตท. ขึ้นไป สามช่องห้าช่อง ผมก็ขายแล้ว ถ้าลงผมก็คัท” น้องอีกคนนึงสอน “เล่นหุ้นต้องรู้จักคัทลอส” น้องอีกคนกรุณาสอนผม “ทำแบบนี้แล้วจะได้อะไร” น้องอีกคนเป็นห่วง แต่เริ่มอารมณ์ไม่ดี ผมรับฟังและบอกน้องทุกคนว่าผมขอบคุณครับ ขอบคุณอย่างมาก แต่พี่ “ลงทุนระยะยาว” ครับ มันเป็นคำพูดที่น้อง ๆ คงไม่ค่อยเข้าใจและขัดใจอยู่ในที และผมก็บอกน้องทุก ๆ คนว่า ผมใช้ “วิชาเต่า” ในการลงทุน ไม่ได้เทรด ผลตอบแทนไปตามผลประกอบการ โตแบบเต่า หัวใจของวิชานี้ให้ลูกศิษย์มีหัวใจในการลงทุนมากกว่าเก็งกำไร เวลามีเพศภัยเกิดขึ้นก็หดหัวในกระดอง เงินผมส่วนใหญ่ 80% หมดแล้วครับเพราะอยู่ในหุ้น 80% อ้อ LTF/RMF อีกส่วน แต่นั่นก็ยิ่งยาวไปใหญ่ จะซื้ออะไรเพิ่มก็คงทำไม่ได้ ก็คงมีเงินเก็บระหว่างเดือนจากเงินเดือนบ้างพอมาลงทุนได้เดือนละประมาณ 0.25% ของพอร์ต คือถ้าพอร์ตล้านนึงก็ลงได้เดือนนึงประมาณสองพันห้าครับ ประมาณนั้น ก็ทยอยไปเรื่อย ๆ เพราะเงินเดือนไม่เยอะอะไร แต่ผมก็ทำแบบนี้หล่ะครับทำมานานแล้ว ทำก่อนซัพไพร์มด้วยครับ ซื้อตอนสูง ๆ 9xx มั๊งครับจำไม่ได้ 8xx และก็ 7xx และก็ 6xx และก็ 5xx มั๊งครับ 4xx และก็ 3xx มั๊งครับ ตอนนั้นหุ้นบวกมาร้อยจุดยังมาไม่ถึงครึ่งเลยครับ ฮ่า ๆ ๆ พอร์ตก็ใหญ่ไปเรื่อย ๆ ครับ หลังจากที่หุ้นมันเริ่มขึ้น ก็มาลดลง ฮวบ ๆ ช่วง ๆ นี้หล่ะครับ “บัดซบเอ๊ย” ผมเองก็อยากนะครับในเวลาที่หุ้นตกคือผมน่าจะมีเงินสดซัก 80% และมีหุ้น 20% หรือเทพสุด ๆ คือมีเงินสด 100% ไปเร๊ยยยย แต่การทำแบบนั้นมัน ขอประทานโทษนะครับ “โคตรยาก” และผมเองก็เลิก Timing ตลาดไปแล้วครับ เพราะผมไม่มีความสามารถครับยอมรับ ถ้าท่านไหนทำได้และทำได้ดีผมยินดีด้วยนะครับ แต่เรื่องแนว ๆ นี้ผมไม่มีความสามารถจริง ๆ ก็ต้องยอมรับสภาพครับ “คนโง่ย่อมมีวิถีของคนโง่ เต่าย่อมมีวิถีของเต่า จะให้วิ่งแบบกระต่าย คงไม่ได้” ผมมีหุ้นที่ผมเชื่อว่าเป็นหุ้นแข็งแกร่งเติบโต และมีความสามารถในการแข่งขันที่ดีอยู่สามตัวในพอร์ต และตัวเล็ก ๆ อีก 3-4 ตัวครับ ไว้เฝ้าดู ที่มีเงินสด 15-20% นี่ก็เพราะเลียนแบบฟิล ฟิชเชอร์ครับ ท่านเคยให้สัมภาษณ์กับฟอร์ปเมื่อประมาณ ปี 1987 ว่าท่านถือหุ้นหลัก ๆ 4 ตัว ตัวเล็ก ๆ 5 ตัว และเงินสดอีกประมาณ 20-25% ผมก็เลียนแบบท่านครับ นี่ถ้าหุ้นตกไปมาก ๆ ผมอาจจะมีเงินสด 50% หุ้น 50% ก็ได้นะเอ้า คือราคาหุ้นมันลดลงไปเรื่อย ๆ น่ะครับ แต่เงินสดมีเท่าเดิม ^_^' แรก ๆ ผมชอบการเล่นแบบ CANSLIM นะครับ อ.โอนีลครับ แต่ตอนหลังผมเสพแนวทางของ พ่อ-ลูก ฟิชเชอร์จนติดแงม บวกกับ อ.นิเวศน์แปลหนังสือไว้ (ผมก็ไปหาภาษาอังกฤษมาอ่านอีก และตามอ่านผลงานของ เคน อีกหลายเล่ม) อย่างไรก็ตาม คนฉลาด ไม่จำเป็นเท่า คนอดทน ครับ ในตลาดหุ้น ลินซ์เคยกล่าวว่าไม่ว่าวิธีการจะดีสักแค่ไหนก็จะเป็นศูนย์ หาก จิตใจไม่มั่นคง สุดยอดของสุดยอดในยามวิกฤต ก็ "วิชาเต่า” นี่หล่ะครับ ปล. ศัพท์คำว่า “เต่า” นี่ผมไม่ได้คิดมาเองครับ ลอกมาจาก อ.นิเวศน์ อีกทีหวังว่าท่านคงไม่หวงลิขสิทธิ์ ................... แต่สุดท้ายแล้วน้องจะเล่นวิธีไหนก็แล้วแต่ ผมเป็นกำลังใจให้ และหลายคนผมก็ปล่อยเค้าซื้อ ๆ ขาย ๆ ต่อไป และร่วมวงกินข้าวกันเหมือนเดิม เพราะผมคงสอนเค้าไม่ได้มากกว่านั้น และเค้าก็คงสอนผมไม่ได้มากกว่านั้นเช่นเดียวกัน ก็คงเช่นเดียวกับคนตามบอร์ดเวปหุ้นล่ะมั๊งครับ .................... และด้วยความที่ คนซื้อขายหุ้นอย่างรุ่นน้องผม และคนซื้อหุ้นแต่ไม่ขายตราบใดที่ไม่เข้าหลักการอย่างผม มานั่งร่วมวงกันกว่าสิบปี ผมค้นพบสัจธรรมว่า คนเรานั้นเปลี่ยนแปลงไม่ได้ นิทานที่ เบน เกรแฮม เล่า เรื่องตลกที่ฟิชเชอร์เล่า ตลอดจนสิ่งที่บัฟเฟตต์กล่าว ไม่ผิดเลย เวลาเปลี่ยน แต่ตลาดหุ้นไม่เคยเปลี่ยน และในเมื่อมันเป็นเช่นนั้นผมเองก็คงเปลี่ยนแปลงไม่ได้เช่นเดียวกัน ผมเชื่อว่าธุรกิจที่แข็งแกร่งจะกลับมา และจะผ่านวิกฤตไปได้ วิกฤตจะเร็วจะช้าเนิ่นนานเป็นห้าปีสิบปีหรือยี่สิบปีก็จะต้องผ่านไป และเมื่อนั้น ลูกศิษย์ลูกหา “วิชาเต่า” จะพบกับความสำเร็จอย่างยั่งยืน เหมือนกับที่มันเคยเป็นมา เหมือนกับที่ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เราเคารพ เหมือนกับที่ปรมาจารย์ของเราผ่านมา และเมื่อวันนั้นมาถึงจะเป็นหน้าที่ของเราบอกเล่าเรื่องราวแห่งความสำเร็จให้คนรุ่นต่อไปครับ ................... NB Sep 28, 2011 - เขียนในเดือนที่โลกทั้งโลกกำลังวิตกกับภาวะยุโรป อเมริกา ฯลฯ
โดย
sarajane
พุธ ก.ย. 28, 2011 6:48 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
sarajane
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พฤหัสฯ. ธ.ค. 09, 2010 12:58 pm
ใช้งานล่าสุด:
เสาร์ มิ.ย. 11, 2016 10:42 am
โพสต์ทั้งหมด:
17 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.00 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว