หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
kur2519
Joined: ศุกร์ ธ.ค. 31, 2010 7:46 am
898
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - kur2519
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: MoneyTalk Weekly ดูไม่ได้ตั้งแต่วันที่20/5/2017
ขอบคุณพี่ๆมากครับ
โดย
kur2519
พุธ พ.ค. 31, 2017 12:34 pm
0
0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
มาupกระทู้ครับ...สวัสดีครับลุงขวด ลุงขวดพอจะทราบมั้ยครับว่า แนวโน้มที่TNH จะเริ่มตอกเสาเข็มอาคารใหม่จะเกิดขึ้นภายในปีนี้หรือเปล่าครับแล่ะถ้าTNHเริมสร้างอาคารใหม่จริง ลุงขวดคิดว่าเงินที่ใช้จะมาจากแหล่งใหนได้บ้างครับ ขอบคุณครับ
โดย
kur2519
อาทิตย์ ก.พ. 26, 2017 6:55 pm
0
5
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
สว้สดีครับลุงขวด ไม่ทราบว่าลุงขวดมองหุ้นTR ยังไงบ้างครับ ในอนาคตยังสามารถที่จะเติบโตต่อไปได้อีกมากมั้ยครับ มีข่าวจะมีชาวบ้านรวมตัวประท้วงกันในเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมเป็นมลพิษจากโรงงาน แล้วอย่างนี้TRโจะโตต่อได้ไงครับ ...ขอบคุณครับ
โดย
kur2519
พฤหัสฯ. ม.ค. 12, 2017 10:10 pm
0
3
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
สวัสดีครับลุงขวด... ไม่ทราบว่าลุงขวดยังถือAOTอยู่มั้ยครับ การท่องเที่ยวของผู้คนถือว่าเป็นmegatrendอย่างหนึ่งทำให้ที่ผ่านมาAOTก็โตมามากแล้วพอสมควร ลุงขวดคิดว่าแนวโน้มAOTยังสามารถที่จะโตต่อไปจากนี้ได้อีกมากมั้ยครับ...ขอบคุณลุงขวดมากครับ
โดย
kur2519
จันทร์ ธ.ค. 12, 2016 9:26 pm
0
3
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
ลุงขวดครับตัวArrowยังมีเหตุการณ์ที่รอปลดล็อคอยู่อีกมั้ยครับที่จะทำให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นแรง(เหมือนกับTNHที่ปลดล็อคเรื่องที่ดินได้ทำให้หุ้นวิ่งขึ้นแรงมาก)...ขอบคุณครับ
โดย
kur2519
เสาร์ พ.ย. 26, 2016 2:34 pm
0
2
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
สวัสดีครับ...จากการที่ลุงขวดได้ติดตามTNHมานานแล่ะรู้จักหุ้นตัวนี้เป็นอย่างดี ลุงขวดคิดว่าภายใน1-2ปีนี้TNHมีโอกาสหรือมีความจำเป็นหรือไม่ครับที่จะต้องสร้างตึกใหม่ขึ้นมาเพื่อรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นทุกปี (ผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้TNHยังมีcapacityเหลืออีกเยอะหรือเปล่าครับ) ขอบคุณครับลุงขวด
โดย
kur2519
จันทร์ พ.ย. 21, 2016 11:09 pm
0
2
Re: หุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุ
ถ้าเทรนด์นี่เกิดขึ้นจริงๆแล่ะเป็นที่นิยมในเมืองไทยในอนาคตมันจะกระทบกับอุตสาหกรรมใดบ้างครับ "บิ๊กตู่"เผยเรื่องดีหุ่นยนต์ไทยได้รับการพัฒนาเชิงพาณิชย์ http://www.posttoday.com/ http://www.posttoday.com/politic/449603
โดย
kur2519
อาทิตย์ ส.ค. 28, 2016 6:36 pm
0
0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
ลุงขวดมีความคิดเห็นเกี่ยวกับ threl ในช่วงนี้ยังไงมั่งครับ เห็นราคาหุ้นลงมาตลอดเลยทั้งๆที่threก็หยุดเทขายหุ้นthrelไปแล้วหรือว่ามันเกี่ยวกับดอกเบี้ยในตลาดที่ยังต่ำอยู่ก็เลยส่งผลกระทบกับธุรกิจประกันชีวิตไปด้วย ขอบคุณครับ หุ้นตัว THREL เข้าตลาด ด้วย ipo 9.50 บาท ผมสนใจตัวนี้เพราะในอดีตผมมาดูการลงทุนของผมส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มประกันภัย ผมชอบกลุ่มนี้เพราะมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ และมีการเติบโตตามเศรษฐกิจไป 2 เท่าของ GDP โดยตลอด พอมี bla และ threl ผมก็ซื้อสะสมเพราะอยู่ในกลุ่มประกันเหมือนกันแต่เป็นประกันชีวิต ที่สุด ณ ขณะนี้ ทั้ง bla และ threl (ขาย blaไปแล้ว ยังถือ threl อยู่ และยังขาดทุนด้วย) ผมคิดว่ากลุุ่มประกันทั้งหมดรายได้คือเงินที่ได้รับก็เอาไปลงทุนให้ผลตอบแทนที่มากที่สุดและมาจ่ายต่อให้ผู้ประกัน ถ้ามีการเคลมมาก เช่นช่วงน้ำท่วม ทำให้ประกันภัยขาดทุนทุกบริษัท ประกันชีวิตเอาตัวรอดได้ แต่ที่ลงมาในช่วงหลัง ๆ นี้ ผมคิดว่าเกิดจากการลงทุนที่ได้ดอกเบี้ยต่ำ ในขณะนี้ แต่ที่ทำสัญญาไปแล้วบางก็ให้ผลตอบแทนผู้ถือกรมธรรม์ในอัตราสูงก็เกิดปัญหา ขาดทุน หรือกำไรไม่เท่าที่ควร ราคาถึงได้ลงมามากพอควรทั้ง bla และ threl แต่จริงๆ แล้ว อัตราการทำประกันชีวิตของประเทศเรายังน้อยอยู่มาก เมื่อเทียบกับประเทศที่เจริญแล้วก็น่าจะมีการเติบโตขึ้นได้ ผมยังถืออยู่ และคิดว่าราคาของ THREL ลงมาใกล้ ipo และนิ่งแถว 10 บาทนานแล้ว เวลานิ่งก็คือเวลาสะสมลงทุน ก็ลองพิจารณาดูนะครับ ส่วนที่ THREL ขายไปให้ต่างชาติที่ 14.50 และ 12.50 บาท ทำไมเขากล้าลงทุนละครับ แล้วเราไม่กล้าหรือ พวกต่างชาติลงทุนยาว ส่วนนักลุงทุนพวกเราชอบเก็งกำไรกัน ราคาหุ้นตัวนี้ถึงไม่ไปไหน ต้องขอโทษกับ admin..ในเวปบอกไม่ให้พูดเรื่องราคาหุ้น ที่ผมพูดก็จะได้เห็นภาพชัดขึ้น หุ้นแบบนี้คงไม่มีใครมาปั่นเป็นแน่ การลงทุนมีความเสี่ยงครับเผื่อมีโรคร้ายเกิดขึ้นคนตายกันมากขึ้นธุรกิจนี้ก็ขาดทุนได้เหมือนกัน หลัง ๆ นี้ ผมหันไปลงทุนภาพคตสาหกรรมและส่วนใหญ่ก็อยู่ในตลาด MAI มากกว่า โดยสรุปช่วงนี้ผมว่า การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานก็ยังเป็นตัวที่จะขยายไปในช่วง2-3 ปีนี้เป็นแน่ แถมการท่องเที่ยว ที่เมืองไทยมีอาหารและแหล่งท่องเที่ยวที่น่าชมหลายแห่งเสียแต่ความปลอดภัยยังน่าเป็นห่วงเท่านั้นเอง :D :D :D ขอบคุณครับ
โดย
kur2519
พุธ ก.ค. 13, 2016 12:22 pm
0
3
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
ลุงขวดมีความคิดเห็นเกี่ยวกับ threl ในช่วงนี้ยังไงมั่งครับ เห็นราคาหุ้นลงมาตลอดเลยทั้งๆที่threก็หยุดเทขายหุ้นthrelไปแล้วหรือว่ามันเกี่ยวกับดอกเบี้ยในตลาดที่ยังต่ำอยู่ก็เลยส่งผลกระทบกับธุรกิจประกันชีวิตไปด้วย ขอบคุณครับ
โดย
kur2519
อังคาร ก.ค. 12, 2016 7:49 pm
0
4
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
ขอบคุณครับ
โดย
kur2519
จันทร์ ก.ค. 04, 2016 12:02 am
0
1
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
ผมเป็นสงสัยอยู่เรื่องเดียวครับลุงขวด ถ้าสถาบันจักรีนฤบดินทร์ที่บางพลีเปิดใช้ปี2560มันคงมีผลกระทบกับtnhใช่มั้ยครับเพราะคนสามารถขับรถจากบางนาไปบางพลีได้ไม่ไกลนักต่อไปเค้าอาจจะมีคลินิกพิเศษเหมือนๆกับของศิริราชหรือศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ครับ อาจจะมีการดึงลูกค้าจากโซนกรุงเทพตะวันออกไปได้ไม่มากก็น้อยมั้งครับลุงขวดแต่ผมไม่รู้ว่าทางไทยนครินทร์เค้าเตรียมรับมือกับเรื่องนี้ไปมากน้อยแค่ใหนครับ(https://youtu.be/93IA_Iy7psk อันนี้เป็นlinkที่ดร.นิเวศน์ได้พูดไว้ในbusiness modelที่ของCHGจุฬารัตน์ครับว่า ถ้าสถาบันจักรีเปิดคงกระทบCHGได้ครับ)...ขอบคุณครับ. ด้านล่างเป็นรูปภาพของสถาบันจักรีนฤบดินทร์ครับ
โดย
kur2519
ศุกร์ ก.ค. 01, 2016 11:34 am
0
4
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
ขอบคุณมากครับลุงขวดสำหรับคำแน่ะนำ
โดย
kur2519
ศุกร์ ก.ค. 01, 2016 10:35 am
0
0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
มาupกระทู้ครับ :8) ลุงขวดครับตอนนี้เรายังสามารถซี้อ TNH ARROW ที่ราคาปัจจุบันได้มั้ยครับ ราคาวิ่งขึ้นมาเยอะแพงไปแล้วหรือเปล่าครับทั้ง2ตัวนี้ ขอบคุณครับ
โดย
kur2519
พุธ มิ.ย. 29, 2016 7:17 pm
0
3
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
สวัสดีครับลุงขวด ผมมีข้อสงสัยว่าถ้าไทยนครินทร์สร้างตึกขึ้นมาใหม่ตรงที่ดินที่ชนะคดีมาจะทำให้รพโดนค่าเสื่อมไปเยอะมั้ยครับถึงแม้จะบริหารแบบconservativeมากๆแต่ยังไงก็ต้องซื้อเครื่องมือแพทย์เพิ่ม รับพน้กงานเพิ่มอยู่ดีใช่มั้ยครับแต่อาจจะbreak even เร็วหน่อย รบกวนช่วยชี้แน่ะด้วยครับ ขอบคุณครับ ผู้บริหารเก่งนะครับ เพราะเขาเป็นเจ้าของโรงแรม Landmark การสร้างโรงพยาบาล ก็ เหมือนกับการสร้างโรงแรมนั่นแหละ มี ห้องสำหรับพักของคนป่วย ก็ เหมือนกับห้องพักของนักท่องเที่ยวกัน แต่ตรงกันข้าม คนพักมีสุข อีกฝ่ายคนพักมีทุกข์ โลกก็เป็นแบบนี้ มีสิ่งตรงข้ามกันเสมอ พระเลยสอนให้เดินสายกลางดีที่สุด ไม่ทุกข์ ไม่สุข เดินสายกลางไปเรื่อยๆ ..... สร้างโรงพยาบาลก็คงใช้เงินระดับสัก พันล้านบาท ที่แพงก็คงอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์นั่นแหละ เขาเคยบอกว่า ถ้าหากจะเพิ่มทุนก็ต้องให้ผลประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นเต็มที่ เขามีเงินสดสะสมมากพอควร เอาไว้ทำสัญญาใหม่ที่จะจ่ายให้แก่สภากาชาดในปี 2561 ผมคิดว่าคงไม่มากเท่าไหร่ ส่วนการก่อสร้างจะเริ่มเมื่อไรก็ต้องดูลูกค้าและบริการห้องว่าใกล้จะเต็มหรือยัง ดูแล้วตอนนี้ผมว่า ยังมีเหลืออยู่นะ ผมไม่ได้ตามเรื่องนี้ ผมเห็นการเติบโตดี เพราะ เขาเอาหมอเก่ง ๆ มาประจำ และให้ความรู้ทุกปีหลังการประชุมในโรคต่าง ๆ หลังสุดก็ โรคหัวใจ อุปกรณ์ทำ balloon ที่ซึ้อมารุ่นใหม่ที่สุด และบอกว่าในเขตแถวบางนาและบริเวณรอบข้าง ๆ ไม่มีคู่แข่งมากเท่าไหร่ และราคาที่ดินที่ซื้อไว้มีสัญญาซื้อขายที่ถูกมาก แล้วจะกลัวไปใย กับการลงทุนในหุ้นตัวนี้ เพราะเติบโตทุกปี แต่ปันผลน้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง แต่ก็มีค่า ระดับผลตอบแทนปันผล ที่สูง และ ค่า P/E ที่ต่ำสุด ในกลุ่ม โรงพยาบาล ตอนนี้ผมลงทุนหุ้นตัวนี้มากเป็นอันดับที่ 4 ของผมแล้วครับ โชคดีในการลงทุนนะครับ และ ต้องใช้ความคิดเองว่าจะลงทุนกับเขาไหมอย่าเชื่อผมนะครับ เพราะการลงทุนแต่ละคนมันแตกต่างกัน ผมลงทุนในหุ้นที่มั่นคงและยาว และต้องมีผู้บริหารที่ดีด้วย..... :D :D :D ขอบคุณครับ
โดย
kur2519
อาทิตย์ เม.ย. 17, 2016 6:43 pm
0
1
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
สวัสดีครับลุงขวด ผมมีข้อสงสัยว่าถ้าไทยนครินทร์สร้างตึกขึ้นมาใหม่ตรงที่ดินที่ชนะคดีมาจะทำให้รพโดนค่าเสื่อมไปเยอะมั้ยครับถึงแม้จะบริหารแบบconservativeมากๆแต่ยังไงก็ต้องซื้อเครื่องมือแพทย์เพิ่ม รับพน้กงานเพิ่มอยู่ดีใช่มั้ยครับแต่อาจจะbreak even เร็วหน่อย รบกวนช่วยชี้แน่ะด้วยครับ ขอบคุณครับ
โดย
kur2519
อาทิตย์ เม.ย. 10, 2016 5:39 pm
0
2
Re: ตาราง opp day งวด Q1/2559
บริษัทไหนไม่มา op day ผมว่าอย่าไปลงทุนเลย โดยเฉพาะกลุ่มการแพทย์จะมาopp dayน้อยมากๆเลย
โดย
kur2519
อังคาร เม.ย. 05, 2016 8:01 pm
0
4
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
เป็นคำถามที่ตอบยากมาก. เพราะหุ้นในกลุ่มนี้ได้ขึ้นมามากทีเดียว. แต่ผมเชื่อว่ากิจการทุกแห่งยังสามารถทำกำไรได้ดีอยู่. ปัญหาคือปันผลให้น้อยมากและPEก็อยู่ระดับสูงมาก. คนรุ่นผมพวก baby boomers. ถึงเวลาต้องใช้บริการแล้ว. ความต้องการมีมาก. และพวกกลุ่มนี้ทำงานมามากก็คงมีเงินพอที่จะจ่ายได้. ผมก็คิดว่าน่าจะโตได้อีกประกอบกับในภาคบริการประเทศเราเป็นที่ยอมรับของต่างชาติ รัฐบาลก็หาทางช่วยในกลุ่มโรงพยาบาลและโรงแรมอยู่. ก็ยังคิดว่าน่าจะลงทุนดีอยู่. แต่ราคาหุ้นได้ขึ้นมาสูงพอควรเราจะยอมรับกันได้ไหมนี่คือปัญหาที่ต้องคิด. แต่ผมสู้นะครับ....ตอนนี้ผมลงทุนในหุ้นเกือบหมดแล้ว..รอเงินปันผลที่จะได้รับในอีก. 2. เดือนข้างหน้ามาสู้กันต่อไปเพราะผมคิดว่าฝากธนาคารหรือตราสารหนี้ยังให้ผลตอบแทนในระดับต่ำอยู่ครับ :D :D :D ขอบคุณมากครับลุงขวด
โดย
kur2519
เสาร์ มี.ค. 19, 2016 11:20 pm
0
1
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
ลุงขวดครับตอนนี้หุ้นโรงพยาบาลถือว่ายังน่าลงทุนมั้ยครับ (tnh ntv vibha ราคาขึ้นมาเยอะมาก) ส่วนbchลุงขวดมีความคิดเห็นว่าอย่างไรมั้งครับ ขอบคุณมากครับ
โดย
kur2519
เสาร์ มี.ค. 19, 2016 9:46 pm
0
1
Re: สรุปผลประกอบการปี 2558 กลุ่ม “โรงพยาบาล” ย้อนหลัง 5 ปี
http://terrabkk.com/wp-content/uploads/2016/03/C160317451.jpg TerraBKK Research ได้รวบรวมผลประกอบการของอุตสาหกรรม “การแพทย์ (Health Care Services)” ซึ่งปัจจุบันกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ถือว่าเป็น Mega Trend ของประเทศไทยไปแล้ว จากทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ และค่ารักษาพยาบาลที่ค่อนข้างต่ำทำให้อุตสาหกรรมการแพทย์ของประเทศไทยเป็นที่รู้จักจากคนทั่วโลก โดยทาง TerraBKK Research ได้รวบรวมผลประกอบการของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาด SET มีทั้งหมด 16 บริษัท ผลประกอบการของกลุ่มอุตสาหกรรมนี้จะเป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับช่วงผ่านมา มีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้ สำหรับกลุ่มโรงพยาบาล บริษัทที่ TerraBKK Research มองว่า น่าจะมีศักยภาพในด้านการเจริญเติบโตของรายได้ กำไร และสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นได้เป็นอย่างดี ไดแก่ บริษัท BH : BUMRUNGRAD HOSPITAL ส่วน NTV: NONTHAVEJ HOSPITAL เป็นบริษัทหนึ่งที่ทำกำไรได้ดี แต่รายได้ในปี 2558 โตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น http://terrabkk.com/wp-content/uploads/2016/03/REV1.png รายได้ (Revenue) อุตสาหกรรมโรงพยาบาลในประเทศไทยถือว่าได้รับกระแสตอบรับดีมาก ส่งผลต่อการเติบโตของยอดรายได้ของกลุ่มโรงพยาบาลให้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญรายได้ของกลุ่มโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นทุกบริษัท สำหรับแชมป์เรื่องรายได้ของกลุ่มโรงพยาบาล คือ บริษัท BANGKOK DUSIT MEDICAL รายได้สูงถึง 65,188 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว +12.31% ส่วนบริษัทที่มีการเติบโตสูงที่สุด คือ THONBURI MEDICAL CENTRE (+27.01%)นอกจากนั้นยังมี CHULARAT HOSPITAL (+17.09%), CHIANG MAI RAM MEDICAL (+12.77%), BUMRUNGRAD HOSPITAL (+12.77%), BANGKOK DUSIT MEDICAL (+12.31%), WATTANA KARNPAET (+12.26%), VIBHAVADI MEDICAL CENTER (+10.08%) ตามลำดับ บริษัททั้งหมดที่ TerraBKK Research ได้กล่าวมานี้ล้วนแต่เป็นบริษัทที่มีรายได้เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องติดต่อกันมากกว่า 3 ปีทั้งหมด http://terrabkk.com/wp-content/uploads/2016/03/NPM1.png อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin : NPM) สำหรับโรงพยาบาลที่สามารถสร้างอัตรากำไรสุทธิได้สูงที่สุด คือ RAMKHAMHAENG HOSPITAL (25.75%) ซึ่งสามารถมีกำไรอยู่ราวๆ นี้ซักระยะหนึ่งแล้ว อันดับที่สอง คือ BUMRUNGRAD HOSPITAL มี NPM เท่ากับ 19.95% และสามารถสร้าง NPM ได้สูงที่สุด ในรอบ 5 ปี อันดับที่สาม คือ CHG : CHULARAT HOSPITAL มี NPM เท่ากับ 16.94% แต่แนวโน้มการทำกำไรลดลงต่อเนื่องเล็กน้อย ส่วนบริษัทที่รักษาระดับ Margin ลดลงและลดลงค่อนข้างชัด คือ BANGKOK CHAIN HOSPITAL (9.01%) และยังมีอีกหนึ่งโรงพยาบาลที่ขาดทุน คือ THONBURI MEDICAL (จากการที่โตสูงสุด แต่เมื่อดูการทำกำไรกลับทำได้ไม่ดีนัก) http://terrabkk.com/wp-content/uploads/2016/03/ROA-side1.png อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Asset : ROA) ส่วนในเรื่องของการใช้สินทรัพย์ในการผลตอบแทน บริษัทที่มี ROA อยู่ในระดับมากกว่า 15% คือ BUMRUNGRAD HOSPITAL มี ROA เท่ากับ 21.94% อันดับที่สอง คือ โรงพยาบาล NONTHAVEJ HOSPITAL มี ROA อยู่ที่ 21.47% CHULARAT HOSPITAL มี ROA อยู่ที่19.66% และSAMITIVEJ (18.31%) และเมื่อดูอัตราผลตอบแทนจากผู้ถือหุ้น (Return on Equity : ROE) เป็นส่วนที่สำคัญสำหรับพิจารณาความน่าสนใจในการลงทุน เนื่องจากค่านี้จะเป็นตัวที่บอกถึงความสามารถในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น ดังนั้น ยิ่งอัตราส่วนตรงนี้มากเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น สำหรับบริษัทที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นได้มากกว่า 15% ได้แก่ BUMRUNGRAD HOSPITAL (29.09%), NONTHAVEJ HOSPITAL (20.27%), SAMITIVEJ (19.99%), CHIANG MAI RAM MEDICAL (19.79%), CHULARAT HOSPITAL (18.68%), MAHACHAI HOSPITAL (16.7%) และ BANGKOK DUSIT MEDICAL (15.76%) จะสังเกตุว่า BH มีทั้ง ROA และ ROE สูงมาก http://terrabkk.com/wp-content/uploads/2016/03/EPS2.png กำไรต่อหุ้น (Earning per Share : EPS) เป็นอัตราส่วนที่เอาไว้ดูว่ากำไรที่แท้จริงที่จะตกอยู่กับผู้ถือหุ้นเฉลี่ยแล้วหุ้นละเท่าไร ในภาพรวมกำไรอาจจะโตมาก แต่เมื่อนำมาหารเป็นกำไรต่อหุ้นแล้วอาจจะไม่เจอ ดังนั้น EPS จะช่วยดูว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทที่เติบโตหรือไม่ บริษัทที่มีอัตรากำไรต่อหุ้น (EPS Growth) สูงที่สุด คือ MAHACHAI HOSPITAL (+42.13%), CHIANG MAI RAM MEDICAL (+29.42%), BUMRUNGRAD HOSPITAL (+25.87%), WATTANA KARNPAET (+17.12%) และ NONTHAVEJ HOSPITAL (+12.05%) http://terrabkk.com/wp-content/uploads/2016/03/DE2.png หนี้สินต่อทุน (Debt to Equity) หนี้สินต่อทุนของบริษัทควรจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 1 เท่า ซึ่งจะหมายถึงสุขภาพทางการเงินดี และยังสามารถก่อหนี้เพิ่มได้โดยไม่ต้องเพิ่มทุน แต่บริษัทที่มีหนี้สินต่อทุนมากกว่า 2 เท่า แสดงว่า วินัยทางการเงินค่อนข้างแย่มาก ไม่สามารถควบคุมสัดส่วนในการระดมทุนได้ดีนัก สำหรับกลุ่มโรงพยาบาลไม่มีบริษัทใดเลยที่มีหนี้สินต่อทุนมากกว่าสองเท่า ทความโดย : TerraBKK คลังความรู้ แหล่งข้อมูล : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก http://terrabkk.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2558-%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88/ ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล
โดย
kur2519
เสาร์ มี.ค. 19, 2016 9:24 pm
0
1
Re: 2016 เบอร์หนึ่ง กึ่งผูกขาด
ผมเสนอ tasco เป็นอันด้บหนึ่งยางมะตอยทั้งในประเทศและอาเซียนครับ แต่ราคาขึ้นมาเยอะแล้วไม่แน่ใจว่าจะไปต่อได้อีกไกลมั้ยน่ะครับ
โดย
kur2519
อังคาร ม.ค. 12, 2016 1:00 pm
0
4
Re: ความเสี่ยงของหุ้นกลุ่มธนาคาร
FINTECH http://www.posttoday.com/economy/invest/381667
โดย
kur2519
เสาร์ ธ.ค. 26, 2015 12:40 pm
0
2
Re: ความเสี่ยงของหุ้นกลุ่มธนาคาร
Fintech ความเสี่ยงอีกอย่างหนึ่งที่คล้ายๆกับกับ พี่หมึกpaul Fintech Startup – Mega Trend ของอุตสาหกรรมการเงินโลกครับ โดย เจษฎา สุขทิศ & ชยนนท์ รักกาญจนันท์ INFINITI Global Investors, The Ultimate Investment Solution บทความด้านการลงทุนรูปแบบใหม่ The War Room โดยคุณชยนนท์ รักกาญจนันท์ หรือที่หลายท่านรู้จักกันในนาม Mr.Messenger ผู้คร่ำหวอดในวงการที่ปรึกษาการลงทุน และ คุณเจษฎา สุขทิศ, CFA เจ้าของนามปากกา FundTalk ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง Fintech Startup ซึ่งเราทั้งสองคนเห็นตรงกันว่าเป็นประเด็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรมการเงินโลกและประเทศไทย เจษฎา วันนี้มาแบบแหวกแนวเลยนะครับพี่แบงค์ ว่าแต่ Fintech Startup มันคืออะไรครับ ชยนนท์ Fintech คือการผสมระหว่างคำว่า Finance กับคำว่า Technology หรือการใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะระบบการสื่อสารออนไลน์มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจด้านการเงิน การธนาคาร และการลงทุน โดยมากกว่าการประยุกต์แล้วในหลายครั้งยังเป็นการ Disrupt ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคจากแบบเดิมไปสู่สิ่งใหม่อีกด้วย คล้ายๆ กับวันที่ Apple ผลิต iPhone ออกมาและนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคจากการใช้มือถือแบบมีปุ่มกดเป็นมือถือระบบสัมผัสอย่างนั้นน่ะครับ ส่วน Startup นั้นหมายถึงการเกิดขึ้นของธุรกิจซึ่งส่วนมากเป็นเรื่องของเทคโนโลยี ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมสำหรับผู้บริโภคที่สามารถทำการขยายได้ในวงกว้าง แล้วคุณเจทคิดว่า Fintech ที่จะมีในเมืองไทยนี่จะเกิดขึ้นเร็ว หรือ เกิดขึ้นช้าอย่างไรครับ เจษฎา สำหรับ Fintech ในเมืองไทยผมมองว่า “เกิดขึ้นแล้ว” ครับ เช่น การใช้โปรแกรม Streaming ในการซื้อขายหุ้นที่เริ่มมีความนิยมในการใช้เทรดหุ้น แทนการซื้อขายในห้องค้ามากขึ้น บริษัทอย่าง StockRadar ที่ทำโปรแกรมทางมือถือสำหรับเป็นเครื่องมือช่วยในการซื้อขายหุ้น ระบบ Payment API อย่าง Omise รวมไปถึงระบบ Crowd Funding ซึ่งเป็นวิธีการระดมทุนผ่านระบบ Online ซึ่งล่าสุดทางสำนักงาน กลต.ก็ได้ออกกฎหมายมารองรับแล้ว และน่าจะได้เห็นเกิดขึ้นในบ้านเราเร็วๆ นี้ ล่าสุดผมได้อ่านบทสัมภาษณ์ของ Jamie Dimon ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ JPMorgan ซึ่งเป็นธนาคารยักษ์ใหญ่อันดับต้นๆ ของโลก ท่านพูดเลยว่าคู่แข่งสำคัญของ JPMorgan ที่สำคัญจากนี้ไปไม่ใช่ธนาคารใหญ่ๆ ในอเมริกาอีกต่อไปแล้วแต่เป็นเหล่าบริษัท Fintech Startup ที่กำลังบ่มเพาะกันอยู่จำนวนมากโดยเฉพาะในแถบ Silicon Valley ในสหรัฐ แล้วคุณแบงค์มองยังไงกับบ้านเราครับ คิดว่ากระแส Mega Trend ในเรื่อง Fintech จะส่งผลอย่างไรต่ออุตสาหกรรมการเงินบ้านเราบ้าง ชยนนท์ ผมมองว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นแน่ครับ อยู่ที่ว่าจะเร็วหรือช้าเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ระบบการชำระเงินด้วยเครดิต จากเดิมที่ยักษ์ใหญ่ในโลกคือ VISA แต่เดี๋ยวนี้มีระบบการชำระเงินใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย อย่างเช่น Bitcoin ซึ่งมีค่าธรรมเนียมถูกกว่ามาก ในธุรกิจซื้อขายหุ้นก็เช่นกัน เริ่มมีบริษัท Fintech หลายเจ้า อย่างเช่น Robinhood ซึ่งให้บริการซื้อขายหุ้นแบบ Zero Commission ถ้าเข้ามาในเมืองไทยนี่เราต้องปรับตัวกันมากเลยทีเดียว แน่นอนว่าผู้บริโภคย่อมได้ประโยชน์ แต่ผู้ให้บริการต้องปรับตัวกันครั้งใหญ่ครับงานนี้ คุณเจท ล่ะครับมองทิศทางการเติบโตของ Fintech Startup นี้อย่างไร เจษฎา พอดีมีโอกาสได้ไปเข้าฟังสัมมนาเรื่อง Startup ที่จัดขึ้นในบ้านเราไม่นานมานี้ ผมมองว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นเร็วอย่างน่าตกใจทีเดียวครับ ไม่ต่างอะไรกับการที่ Uber, GrabTaxi เข้ามามีบทบาทอย่างมากสำหรับคนที่ขึ้น Taxi หรือ Ensogo ซึ่งปัจจุบันถูกซื้อกิจการโดย Groupon ในสหรัฐไปแล้ว ซึ่งก็ได้รับความนิยมมาก ปัจจุบัน Startup ในประเทศไทยมีการจัดสภาพแวดล้อมที่แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่การมี Incubator หรือ Accelerator เป็นศูนย์บ่มเพาะในการสร้าง Startup นำมาโดย 3 ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ในบ้านเรา การมี Coworking Space อย่าง Hubba ซึ่งเป็นแหล่งรวมคนที่ทำ Startup มาอยู่รวมกันและส่งเสริมซึ่งกันและกัน การมี Venture Capital และ Angel Investor ทั้งในและต่างประเทศที่พร้อมจะเข้าลงทุนในโปรเจกต์ที่น่าสนใจ ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นแล้ว และกำลัง Active กันมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ ชยนนท์ ฟังคุณเจษฎาแล้ว น่าตื่นเต้นมากครับ มีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นเยอะมากๆ ในช่วงปีสองปีนี้ และดูแล้วเรื่อง Fintech Startup น่าจะเป็นที่จับตามองมากในระยะเวลาต่อจากนี้ งานนี้เป็นโอกาสที่ดีของทั้งผู้ประกอบการรายใหม่และรายเก่าที่จะได้ช่วยกันสร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้น นอกจากจะรอดูอย่างเดียวแล้ว ผมและคุณเจษฎาก็ขอมีส่วนในการสร้างสีสันให้กับวงการ Fintech บ้านเราด้วยแล้วกันนะครับ แล้วพบกันเร็วๆ นี้ครับ เครดิตhttp://www.phitsanulok.work/fintech-startup-mega-trend-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%87/2132
โดย
kur2519
เสาร์ ธ.ค. 26, 2015 12:36 pm
0
1
Re: กลุ่มโรงพยาบาลธนบุรีจะเข้าตลาดหุ้น ปี2016
ผมคุ้นๆ ว่าครั้งนึง ท่านหมอบุญเคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่สนใจเข้าตลาดหุ้น จะเอาไว้เป็นทางเลือกให้คนระดับ B+ ในฝั่งธน คงจะเอาโรงพยาบาลในเครือเข้าแทนมั้งครับ ตัวโรงพยาบาลแม่คงไม่เอาเข้า ต้องรอดูกันอีกทีครับ
โดย
kur2519
จันทร์ ธ.ค. 07, 2015 2:49 pm
0
2
Re: กลุ่มโรงพยาบาลธนบุรีจะเข้าตลาดหุ้น ปี2016
Thai Thonburi Hospital Group plans to list shares in 2016 เครดิตhttp://pantip.com/topic/34529767 X By Viparat Jantraprap and Wirat Buranakanokthanasan BANGKOK Oct 28 (Reuters) - Thailand's Thonburi Hospital Group is planning to raise about 8 billion baht ($225 million) in an initial public offering next year that could make it the third-largest listed healthcare stock in Thailand, the group's chairman said. Thonburi has two general hospitals in Bangkok and in the past 10 years has expanded into China. It is seeking to expand in Southeast Asia. Thonburi's listing plans comes amid a boom in the Thai healthcare industry, where merger and acquisition activity have boosted stock valuations to nearly triple the forward earnings multiple for the benchmark Thai stock index, according to Thomson Reuters data. The hospital group plans to list in the fourth quarter next year, chairman and founder Boon Vanasin told Reuters on Wednesday. The cash will mostly fund domestic expansion, and the remainder will go to expansion in China and Myanmar, Boon said. ADVERTISEMENT The group had originally planned to list its shares to raise capital last year but reduced its fundraising target after getting favourable loan terms for investments in China and Myanmar, Boon said. Thonburi had initially aimed to raise 10 billion baht. "The Thai healthcare is still a rising sector but it's too crowded now. We see better growth in neighbouring markets like China and Myanmar," he said. "If you look over the past two years, growth in patients from Myanmar in terms of visits was very strong. The healthcare demand is very promising there," he said. The hospital signed a memorandum of understanding in 2014 with property group Aung Shwe Thee International in Myanmar to jointly build a private hospital there. Healthcare shares in Thailand trade on an average forward earnings multiple of around 40.9, above the broader market's 15.2 average. The preliminary valuation of Thonburi would give it a valuation at around 35 times earnings, Boon said. Shares of Bangkok Dusit Medical Service Plc, the biggest hospital firm by market capitalisation, trade on about 38.6 times forward earnings, with second ranked Bumrungrad Hospital Plc trading on a multiple of around 45.2 times earnings, according to Thomson Reuters data. ($1 = 35.5000 baht) (Editing by Simon Webb and Elaine Hardcastle) กลุ่มโรงพยาบาลธนบุรีทุ่มเงินซื้อโรงพยาบาลในจีน จับมือพันธมิตรเล็งฮุบเพิ่มปีหน้า 3-4 แห่ง ( เครดิตจากhttp://www.thailand-china.com/Home/TotalNews/newsthai/2009-GDP-target-improved-(2675).aspx?lang=th-TH ) นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการบริหารกลุ่มโรงพยาบาล (รพ.) ธนบุรี เปิดเผยว่า กลุ่มโรงพยาบาลธนบุรีมีแผนจะร่วมกับพันธมิตรในจีนซื้อกิจการโรงพยาบาลในจีนอีก 3-4 แห่งในปีหน้า เพื่อรองรับการแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจบริการที่มีสัดส่วนคิดเป็น 40% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จีน ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจจีนก็ยังมีการเติบโตในระดับสูง โดยมองว่าเศรษฐกิจจีนในปีนี้จะเติบโตระดับ 7.6% ทั้งนี้ ธุรกิจของกลุ่มโรงพยาบาลธนบุรีในจีนเติบโตสูงมากปีละกว่า 1,000% และมีขนาดสินทรัพย์อยู่ในระดับหลายหมื่นล้านบาท โดยนอกจากโรงพยาบาลที่มีอยู่ ยังมีแผนจะซื้อกิจการเพิ่มในหลายเมืองที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจกิจสูง ประชากรมีกำลังซื้อ ทั้งเฉิงตู ปักกิ่ง นานกิง เป็นต้น กิจการที่จะเข้าไปซื้อเป็นกิจการขนาดเล็ก มีจำนวนเตียงประมาณ 100 เตียง ซึ่งตามปกติกิจการขนาดนี้จะมีมูลค่าประมาณ 20 ล้านบาทต่อแห่ง ส่วนราคาซื้อขายนั้นขึ้นอยู่กับการเจรจา "แม้ธุรกิจโรงพยาบาลจะเติบโตสูง แต่การทำกำไรต้องใช้เวลา โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่สร้างใหม่ บริษัทจึงมองหาโอกาสการซื้อกิจการเข้ามาด้วย วางเป้าหมายที่จะเพิ่มขนาดสินทรัพย์ของธุรกิจโรงพยาบาลในจีนให้ถึงระดับ 5-6 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันก็ได้เกินครึ่งหนึ่งแล้ว เพื่อจัดตั้งเป็นโฮลดิ้งและเข้าเทรดในตลาดหุ้นฮ่องกง เพราะเป็นตลาดขนาดใหญ่กว่าตลาดหุ้นไทย และมีสภาพคล่องสูง คาดว่าภายใน 5 ปีคงได้เห็น" นพ.บุญ กล่าว เขากล่าวต่อว่า นอกจากจะเข้าตลาดหุ้นในฮ่องกงแล้ว กลุ่มธนบุรีอยากถือหุ้นในสัดส่วนเกิน 50% จากปัจจุบันที่ถืออยู่ในระดับประมาณ 10% แต่ตามกฎหมายของจีนอนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% แต่หากเป็นบริษัทที่จดทะเบียนใน ฮ่องกง อนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นสูงสุดได้ถึง 70% นอกจากการลงทุนในจีนแล้ว กลุ่มโรงพยาบาลธนบุรียังสนใจเข้าไปลงทุนตั้งโรงพยาบาลในประเทศพม่าซึ่งปัจจุบันประชากรพม่ามีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นมาก จากการเปิดประเทศและมีความต้องการใช้บริการทางด้านสุขภาพเพิ่มขึ้นด้วย เห็นได้จากการเข้ามาใช้บริการในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันพบว่าชาวพม่าเป็นลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ทั้งโรงพยาบาลกรุงเทพ และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์สูงสุดเป็นอันดับ 2 แล้ว "ตลาดพม่าน่าสนใจ แต่ติดปัญหาเรื่องการหาพื้นที่ เพราะที่ดินในย่างกุ้งมีราคาแพงมาก หากจะลงทุนก็ต้องหาพันธมิตรในท้องถิ่นที่สามารถจัดหาที่ดินได้ในต้นทุนที่ไม่สูงเกินไป นอกจากนี้ยังสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในกัมพูชาด้วย แต่คงไม่ใช่ในเร็วๆ นี้" นพ.บุญกล่าว สำหรับธุรกิจโรงพยาบาลในไทยนั้น เขากล่าวว่า ทางกลุ่มมีแผนนำโรงพยาบาลในเครือขนาดเล็กที่มีกำไรเติบโตสูง 3-4 แห่ง เช่น ในจังหวัดร้อยเอ็ด จันทบุรี และหาดใหญ่ เป็นต้น มาจัดกรุ๊ปตั้งเป็นโฮลดิ้งเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อสร้างสภาพคล่อง และเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นรายเล็กสามารถที่จะขายหุ้นออกได้ โดยเดิมทีมองว่าจะดำเนินการในปีนี้ แต่ตลาดค่อนข้างผันผวนจึงเลื่อนไปก่อน และอาจจะดำเนินการในปีหน้า ซึ่งก็จะดูสภาพตลาดเป็นหลัก "ในส่วนของบริษัทแม่หรือโรงพยาบาลธนบุรี คงไม่เข้าตลาดฯ แต่อาจจะนำโรงพยาบาลในเครือเข้าแทน ซึ่งไม่ได้มีเป้าหมายที่จะระดมทุนไปทำอะไร เพราะว่าบริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอ และมีความสามารถในการจัดหาเงิน แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นสามารถขายหุ้นออกได้ โดยมีทางไทยพาณิชย์เป็นที่ปรึกษา" นพ.บุญ กล่าว ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
โดย
kur2519
จันทร์ ธ.ค. 07, 2015 2:47 pm
0
0
Re: รถยนต์ไร้คนขับ
ผมมีเขียนบทความเกี่ยวกับรถยนต์ไร้คนขับ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ ขออนุญาตเอามาลงนะครับ รถยนต์ไร้คนขับ นวัตกรรมระดับพลิกโลก รถยนต์ไร้คนขับไม่ได้เป็นเพียงส่วนประกอบของนิยายไซไฟอีกต่อไปแล้ว แต่รถยนต์ไร้คนขับกำลังเกิดขึ้นจริงๆ บนโลก Google ได้พัฒนารถยนต์ไร้คนขับมาตั้งแต่ปี 2009 โดยในขณะนี้รถยนต์ไร้คนขับของ Google วิ่งไปแล้วมากกว่า 1.7 ล้านไมล์ (2.7 ล้านกม.). โดยรถยนต์ไร้คนขับได้รับอนุญาตให้วิ่งได้แล้ว 4 รัฐในสหรัฐอเมริกา ในขณะที่อังกฤษ ฝรั่งเศส สวิซเซอร์แลนด์ได้อนุญาตให้รถยนต์ไร้คนขับทดลองวิ่งแล้ว โดยสิงคโปร์เตรียมที่จะทดลองให้วิ่งภายในปี 2016 นี้ ในขณะที่ Google มีแผนที่จะผลิตเพื่อจัดจำหน่ายในปี 2017 รถยนต์เป็นหนึ่งนวัตกรรมของมนุษย์ที่ช่วยให้การขนส่งมีประสิทธิภาพขึ้นอย่างมหาศาล นอกจากนี้ยังสร้าง Ecosystem ที่ประกอบไปด้วยหลากหลายธุรกิจ อาทิ ผู้ผลิตรถยนต์ ผู้ผลิตชิ้นส่วน บริษัทดีลเลอร์ บริษัทประกัน บริษัทไฟแนนซ์ ตลอดจนบริษัทปิโตรเลียม ถนน และสาธารณูปโภคอื่นๆ ทั้งหมดนี้ทำให้ระบบเศรษฐกิจเติบโต เป็นเม็ดเงินมหาศาล อย่างไรก็ดีการเกิดขึ้นของรถยนต์เองก็มีผลเสียอยู่บ้าง อุบัติเหตุจากบนท้องถนนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึงวันละ 1.2 ล้านราย นอกจากนี้รถยนต์ยังใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาโลกร้อน และมลภาวะทางสิ่งแวดล้อม รถยนต์ไร้คนขับสามารถที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ทั้งหมด Research ของ Google บอกว่ารถยนต์ไร้คนขับสามารถที่จะ - ลดอุบัติเหตุได้ถึง 90% - ลดปริมาณรถยนต์ในระบบได้ถึง 90% - ลดพลังงานที่ใช้และเวลาที่สูญเปล่าได้ถึง 90% อย่างที่ทราบกันดีว่าอุบัติเหตุท้องถนนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยปกติ แต่ก็เหมือนกับในกระบวนการผลิตของโรงงาน สาเหตุของอุบัติเหตุส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากจักรกล แต่เกิดจากความผิดพลาดของคนเรานี้เอง ย้อนกลับไปเมื่อปี 1996 Garry Kasparov ซึ่งเป็นแชมป์หมากรุกของโลก ได้พ่ายแพ้ครั้งแรกให้กับ Blue deep ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เกม นั่นเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนของศักยภาพที่ AI สามารถจะพัฒนาได้ AI สามารถที่จะคิดคำนวณได้ซับซ้อนกว่า เร็วกว่า และผิดพลาดน้อยกว่ามนุษย์ ในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีช่วยขับขี่ (driver assistance) สามารถช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ประมาณครึ่งหนึ่ง ในขณะที่รถยนต์ไร้คนขับจะสามารถทำได้ดีกว่า จนถึงเดือนกรกฎาคมปี 2015 รถยนต์ไร้คนขับของ Google เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยทั้งหมด 14 ครั้ง โดยมีมากกว่าครึ่งที่เป็นฝ่ายถูกชน และอีกหลายครั้งเกิดจากการที่ผู้โดยสารปรับให้รถยนต์มาเป็นการขับขี่ด้วยตัวเอง (manual) โดยยังไม่มีครั้งไหนเลยที่อุบัติเหตุเกิดจากความผิดพลาดของการขับขี่โดย AI ข้อได้เปรียบอีกประการหนึ่งของ AI คือ AI สามารถถ่ายทอดทักษะให้แก่กันและกันได้ในทันที ในขณะที่นายก. อาจใช้เวลาถึง 3 เดือนที่จะเรียนรู้วิธีการขับรถ แต่ AI ใช้เวลาในการ download ข้อมูลเหล่านั้นไม่กี่นาที สิ่งที่ AI แต่ละคันได้เรียนรู้ในการขับรถวันนี้ จะทำให้ AI ทุกคันฉลาดขึ้นในวันถัดไป ปัจจุบันนี้ utilization rate ของการใช้รถยนต์อยู่ที่ประมาณ 3-5% หรือคิดเป็นประมาณวันละ 1 ชม. หรือก็คือรถยนต์แต่ละคันจะถูกจอดอยู่กับที่เป็นส่วนใหญ่ Uber เป็นหนึ่งในบริษัทที่เห็นช่องว่างตรงนี้ และเลือกทำธุรกิจ taxi platform โดยสร้าง efficiency จากเวลาของรถยนต์ที่ไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์ Travis Kalanick ซีอีโอของบริษัท Uber ให้สัมภาษณ์ว่าราคาของ Uber จะถูกลงกว่านี้อีกมาก หากรถยนต์ของ Uber ไม่มีคนขับ หาก Uber หรือ Taxi platform สามารถให้บริการรถยนต์ไร้คนขับได้จริง ศักยภาพในการให้บริการของ Uber จะสูงขึ้นอีกมาก บทวิจัยจาก Google ยังบอกอีกว่า ต้นทุนของต่อการเดินทางต่อครั้ง จะถูกลงได้ถึง 80% การเกิดขึ้นของรถยนต์ไร้คนขับจะสร้างผลกระทบที่มากกว่ารถไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้ความจำเป็นในการเป็นเจ้าของรถยนต์ลดลง เมื่อปริมาณรถยนต์ในระบบลดลง ถนนก็จะโล่งมากขึ้น พลังงานและเวลาที่เราสูญเสียไปจากการจราจรติดขัดจะลดลง ประสิทธิภาพของการขับขี่ที่ดีขึ้นก็จะทำให้ประหยัดพลังงานได้มากขึ้น รถยนต์ไร้คนขับไม่มีการขับหลงทางและไม่ต้องวนหาที่จอดรถ และเมื่อปริมาณของอุบัติเหตุจะลดลง ความจำเป็นในการสร้างรถยนต์ให้แข็งแรงทนทาน ก็จะมีความจำเป็นลดลง รถยนต์จะเบาขึ้น และทำให้ปริมาณการใช้พลังงานลดลงไปอีก การเกิดขึ้นของรถยนต์ไร้คนขับจะทำให้การใช้ทรัพยากรของโลกลดลงไปอย่างมหาศาล อุบัติเหตุที่ลดลงจะลดการใช้ทรัพยากรในการรักษาพยาบาล ปริมาณรถยนต์ที่ลดลงจะลดการใช้ทรัพยากรในการผลิตรถยนต์ จราจรที่ไม่ติดขัดก็จะทำให้ปริมาณการใช้พลังงานลดลง ทรัพยากรที่เหลือในระบบจะมากขึ้น ในเชิงธุรกิจนั้น ผู้ที่ต้องปรับตัวจากปริมาณรถยนต์ที่ลดลงคือผู้ผลิตรถยนต์ ผู้ผลิตชิ้นส่วน ดีลเลอร์ และบริษัทไฟแนนซ์ อุบัติเหตุที่ลดลงจะทำให้งานของโรงพยาบาล ทนาย และบริษัทประกันลดลง การใช้พลังงานที่ลดลงจะกระทบกับบริษัทปิโตรเลียม เมื่อรถยนต์ไร้คนขับวิ่งกันเต็มท้องถนน ถนนจะแคบลง เพราะไม่ต้องเว้นช่องไฟระหว่างรถแต่ละคันมากเท่ากับคน ความจำเป็นของไฟถนน ทางด่วนและป้ายจราจรจะลดลง ในขณะที่การจราจรที่ไม่ติดขัดจะทำให้วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนไป การกระจุกตัวในเมืองใหญ่จะลดดีกรีลง บริษัทก่อสร้าง บริษัทอสังหาริมทรัพย์ บริษัทขนส่งมวลชน รวมไปถึงรัฐบาลจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบตามมา และเมื่อกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งหมดที่กล่าวได้รับผลกระทบตามมาแล้ว การเกิดดับของบริษัทเหล่านี้ก็จะกระทบอุตสาหกรรมอีกมากมาย กลายเป็นผลกระทบลูกโซ่ (Ripple effect) สู่วงกว้าง นวัตกรรมรถยนต์ไร้คนขับจึงถือเป็นนวัตกรรมที่น่าจับตามมอง โดยส่วนตัวผมเชื่อว่ารถยนต์ไร้คนขับจะนวัตกรรมที่ disrupt ธุรกิจอื่นๆ ได้มากที่สุดอย่างหนึ่งในโลกยุคปัจจุบัน เนื้อหาหลักของบทความฉบับนี้มาจากบทความของคุณ Chunka Mui จาก Forbes ขอขอบคุณมา ณ ทีนี้ด้วยครับ http://www.forbes.com/…/fasten-your-seatbelts-googles-drive… แหล่งที่มาอื่นๆ http://www.forbes.com/…/google-is-millions-of-miles-ahead-…/ https://www.washingtonpost.com/…/will-self-driving-cars-so…/ http://www.theverge.com/…/uber-will-eventually-replace-all-… https://en.wikipedia.org/wiki/Google_driverless_car https://en.wikipedia.org/wiki/Autonomous_car https://en.wikipedia.org/wiki/Computer_chess https://www.youtube.com/watch?v=4H36uvNCsnA https://www.youtube.com/watch?v=tiwVMrTLUWg ธุระกิจโรงพยาบาลจะกระทบมากมั้ยครับ หรือเราต้องมาดูสัดส่วนรายได้ของโรงพยาบาลที่มาจากcaseอุบัติเหตุจากรถยนต์ว่าแต่ล่ะโรงพยาบาลมีมากน้อยแค่ใหนรึเปล่าครับ
โดย
kur2519
เสาร์ ธ.ค. 05, 2015 2:39 pm
0
0
Re: เทคโนโลยี่คือ mega trend จะทำให้หุ้น หรือธุรกิจพวกนี้แย่
เทคโนโลยี่คือ mega trend จะทำให้หุ้น หรือธุรกิจพวกนี้แย่ลง 1.ธนาคาร 1.1. ดร.นิเวศน์ พูดว่า ธนาคารเป็นธุรกิจที่ดี จนกระทั่งเจ้ง หมายความว่า ธนาคารจะดีไปเรื่อยๆ จนเมื่อมีปัญหาทาง ศ.ก. เมื่อมีหนี้เสียมากๆ ธนาคารอาจจะเจ้งเอาง่ายๆ 1.2. ยิ่งมีการค้าขาย on line มากเท่าไหร่ธนาคารก็ยิ่งลำบากขึ้น พวกบริษัท on line ระดับโลก ต่างมีระบบการชำระเงินของตนเองไว้บริการลูกค้า อนาคต คนอาจจะไม่รู้จักว่า Letter of Credit คืออะไร และยังมีอีกหลายธุรกิจที่จะมาแย่งลูกค้าของธนาคาร 2. พลังงานทุกชนิด เทคโนโลยี่ ทำให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้น และรูปแบบการใช้เปลี่ยนไป รถยนต์ไฟฟ้า จะทำให้น้ำมันหมดความสำคัญ จริงอยู่รถยนต์ไฟฟ้ายังงัย ก็ต้องใช้พลังงาน แต่การ เปลี่ยนเป็นใช้ ไฟฟ้าแทน ไฟฟ้า ต้องมีพลังงานมาผลิต แต่มีเชื้อเพลิงให้เลือกมากกว่า ทำให้น้ำมันหมดความสำคัญลง และมอเตอร์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากกว่า เครื่องยนต์สันดาปภายใน ยิ่งถ้ามีรถยนต์ไร้คนขับ ประสิทธิภาพการใช้พลังงานจะสูงขึ้นมากอีกหลายเท่า 3. สินค้าต้นน้ำทุกชนิด ยิ่งต้นน้ำมากเท่าไหร่ ยิ่งไม่ดี เช่น ดาวเทียม เหล็ก ทองแดง ผ้า ปิโตเคมี กระดาษ น้ำตาลฯลฯ เทคโนโลยี่ทำให้เราใช้ของพวกนี้น้อยลง และอาจจะะผลิตอย่างอื่นมาทดแทน เช่น ไฟเบอออฟติคแทนสายทองแดง บอลลูนแทนดาวเทียมฯลฯ ความรู้ว่าน้ำตาลอันตรายต่อสุขภาพ รถยนต์ ทีวี โต๊ะ ใช้เหล็ก ทองแดง ทอง น้อยลงมาก 4.หุ้นที่มี PE สูง (>30) อนาคตมีอะไรใหม่ๆออกมาเสมอ ธุรกิจที่เรามั่นใจมากๆ ว่า กำไรชัวร์มีแต่โตทุกปี เช่น ค้าปลี, modern tade ในประเทศพัฒนาแล้ว pe ต่ำกว่าในประเทศด้อยพัฒนามาก เพราะมีพวก alibaba amzon มาแข่ง บางคนก็คิดว่ากลุ่มโรงพยาบาลน่าจะปลอดภัย มันก็ไม่แน่ อนาคต เราอาจจะมี หุ่นยนต์ตัวเดียว เป็นหมอทำทุกอย่างตั้งแต่ตรวจ รักษาจนคนไข้จนหาย ดังนั้นใครที่คิดซื้อหุ้นที่ pe สูงๆ เพราะเชื่อว่า เป็นหุ้นที่เติบโตอย่างมั่นคงคิดใหม่ได้เลย น่าจะมีอีก แต่ ผมนึกไม่ออก ผมคิดว่าธุรกิจโรงพยาบาลเทคโนโลยีมาแทนได้ช้าที่สุดมั้งครับ
โดย
kur2519
เสาร์ ธ.ค. 05, 2015 1:54 pm
0
2
Re: ธรรมาภิบาลที่ดีมาก
หุ้นทีธรรมาภิบาลจัดว่าดีมากกกก แต่อยู่ในธุรกิจที่แข่งขันรุนแรง เพื่อนๆจะลงทุนมั้ยครับ ผมมีเพื่อนเป็น ผบห หรือแม้แต่เจ้าของ บริษัทมหาชน อยู่หลายคน แต่ถามว่าผมจะลงทุนกับเค้าหรือไม่ โห ผมคิดว่าไม่มีทางเด็ดขาด ธุรกิจที่แข็งแกร่งมีการเติบโตที่ชัดเจน ผมว่าสำคัญกว่าครับ อย่าง BDMSถือว่าเป็นธุรกิจที่แข็งแกร่งเติบโตชัดเจนหรือเปล่าครับแต่เรื่องธรรมาภิบาลของBDMSผมไม่แน่ใจครับ
โดย
kur2519
จันทร์ พ.ย. 23, 2015 1:16 pm
0
1
Re: ฟรี ! แบ่งปันสรุปหุ้นรายตัว ย้อนหลัง 15 ปี ง่าย
รบกวนด้วยครับ
[email protected]
ขอบคุณครับ
โดย
kur2519
อังคาร เม.ย. 14, 2015 2:57 pm
0
0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
พี่วิบูลย์ครับตอนนี้หุ้นBHถือว่าราคาแพงมากๆเลยใช่มั้ยครับ. ถ้าจะรับควรเป็นราคาที่เท่าไหร่ดีครับ ขอบคุณครับ
โดย
kur2519
พุธ ก.พ. 04, 2015 10:53 pm
0
4
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
kur2519
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
ศุกร์ ธ.ค. 31, 2010 7:46 am
ใช้งานล่าสุด:
-
โพสต์ทั้งหมด:
897 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.05% จากโพสทั้งหมด / 0.18 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว