หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
viim
Joined: อังคาร ก.พ. 22, 2011 8:54 am
551
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - viim
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: สอบถามคุณนริศ
มายืนยัน นอนยันครับว่า คุณนริศเป็นผู้ให้ที่ประเสริฐมาก ให้แง่คิด ให้มุมมอง ให้เหตุและผลของการวิเคราะห์ ซื้อไม่ซื้อมันเป็นเรื่องของเรา เราต้องมาทำการบ้านต่อจนเรามั่นใจว่าเราเข้าใจในสิ่งที่เขาให้เพียงพอแล้วค่อยลงทุน จากนั้นก็ตามดูกิจการที่เราลงทุนไป เขาไม่เคยเชียรให้ซื้อหรือขาย เพราะมันเป็นเรื่องของเรา แต่สิ่งที่เขาให้คือให้ความรู้ผมและผมเชื่อในความบริสุทธิใจของเขาหลังจากที่สัมผัสกับตัวเป็นๆ มันบอกไม่ถูกแต่รู้สึกได้ ผมว่าเราจบกระทู้นี้ดีกว่ามั๊ยครับ ไปหากิจการตัวต่อไปที่จะลงทุนดีกว่า สร้างสรรค์กว่าเยอะ :)
โดย
viim
จันทร์ ก.ย. 17, 2012 1:22 pm
0
6
Re: กว่าจะมีพอร์ตหุ้นเลข9หลักเปิดคัมภีร์เซียนวีไอ'โจ..ลูกอีส
ผมก็อ่านกระทู้ปรับพอร์ตของคุณโจครับ อ่านยังไม่จบเลย เกือบปีแล้ว แต่น่าเสียดายที่กระทู้บางตอนขาดๆหายๆ แต่ก็พออ่านได้ หลายกระทู้ใน คลังกระทู้คุณค่า ดีมากเลยครับ ถ้าได้เต็มๆจะสุดยอดเลย ว่าจะทำเป็นเล่มไว้อ่าน แต่มันไม่ค่อยครบน่ะครับ เห็นพี่บางคนบอกว่ามันเกิดปัญหาตอนย้ายเซิฟเวอร์หรืออะไรนี่แหละ
โดย
viim
อังคาร ส.ค. 14, 2012 4:11 pm
0
1
Re: วิถีเซียนหุ้นวีไอ 'อนุรักษ์ บุญแสวง' จากกรุงเทพธุรกิจBiz
ผมอีกคนหนึ่งที่ชื่นชมวิธีคิดและการแบ่งปันของคุณโจลูกอิสานครับ แม้จะไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ แต่ก็รู้สึกได้ :) สนับสนุนให้รวบรวมประสบการณ์และแนวคิดเรื่องการลงทุน รวมทั้งกรณีศึกษาวิธีเลือกหุ้น วิธีการหามูลค่า วิธีการบริหารจิตใจ วิธีบริหารพอร์ต วิธีอื่นๆที่คุณโจเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับนักลงทุน ทำเป็น หนังสือ ขายเลยครับ ผมว่าจะเป็นหนังสือที่ขายดีมากๆ ผมจะอุดหนุนแน่นอนครับ :)
โดย
viim
จันทร์ ส.ค. 06, 2012 6:40 pm
0
0
Re: อยากให้มีการอัดรายการสัมมนาที่มีประโยชน์ สำหรับผู้ไม่มีโ
ถ้่าได้มาขอนแก่น ผมไม่พลาดแน่นอนครับ :B
โดย
viim
พฤหัสฯ. ส.ค. 02, 2012 10:37 pm
0
0
Re: กฎ 4 ม. ที่ทำให้ เวป น่า อยู่ ขึ้น
เห็นคล้อยตามความคิดของคุณหมอเคและพี่เว็บครับ แอบอ่านวิธีการโพสของหมอเค วิธีการตั้งคำถามในรายการมันนี่ทอล์ค ชอบวิธีการแย้งแบบมีเหตุผลครับ ให้มุมมองแบบสองด้านในหลายๆกระทู้ ดีครับ :) ปีนี้เริ่มเข้าปีที่สองของผมในการลงทุน และคงต้องฝึกต่อไปเรื่อยๆ คลำหาแนวทางตัวเองอยู่ แต่รู้สึกว่าตัวเองโพสน้อยเหมือนกันในปีนี้ พยายามจุดไฟอยู่ครับ เพราะถ้าโพสไม่เข้าท่า ก็อายเขา อิอิ พี่ viim. ต้องหัดใช้ rexona บ้างแล้วครับ :B ใช้ของใกล้เคียงอยู่ครับ อิอิ เออ ว่าแต่ว่ามันเกี่ยวกันยังไงนะ :) คุณหมอเค น่านะมาสัญจรที่ขอนแก่นซักครั้งนะ พี่ปรัชญาก็อยู่ที่นี่ อาจจะเชิญพี่เขามาเล่าประสบการณ์ให้ฟังก็ได้นะ
โดย
viim
พฤหัสฯ. ส.ค. 02, 2012 10:33 pm
0
0
Re: กฎ 4 ม. ที่ทำให้ เวป น่า อยู่ ขึ้น
เห็นคล้อยตามความคิดของคุณหมอเคและพี่เว็บครับ แอบอ่านวิธีการโพสของหมอเค วิธีการตั้งคำถามในรายการมันนี่ทอล์ค ชอบวิธีการแย้งแบบมีเหตุผลครับ ให้มุมมองแบบสองด้านในหลายๆกระทู้ ดีครับ :) ปีนี้เริ่มเข้าปีที่สองของผมในการลงทุน และคงต้องฝึกต่อไปเรื่อยๆ คลำหาแนวทางตัวเองอยู่ แต่รู้สึกว่าตัวเองโพสน้อยเหมือนกันในปีนี้ พยายามจุดไฟอยู่ครับ เพราะถ้าโพสไม่เข้าท่า ก็อายเขา อิอิ
โดย
viim
พฤหัสฯ. ส.ค. 02, 2012 9:42 pm
0
2
Re: อยากให้มีการอัดรายการสัมมนาที่มีประโยชน์ สำหรับผู้ไม่มีโ
หรือไม่ก็จัดสัมมนาสัญจรตามภาคต่่่างก็จะดีไม่น้อย ถ้าเป็นไปได้และถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ และจะเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่ิยู่ใกล้เคียงสามารถเข้าร่วมได้ เช่น ขอนแก่น เชียงใหม่ สงขลา เป็นต้น ผมเชื่อว่าตอนนี้มีคนสนใจให้เงินทำงานมากขึ้นครับ เพียงแต่ว่ายังขาดวิธีคิดและคนกระตุ้น ถือเป็นการประชาสัมพันธ์สมาคมในวงกว้างอีกด้วย ช่วยพัฒนาตลาดทุนและส่งเสริมให้เกิดนักลงทุนที่มีคุณภาพมากขึ้นก็ได้นะครับ จริงๆผมก็ไม่อยากขอโน่นขอนี่มากครับ เพราะแค่นี้ทีมงานก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว ผมอยู่ที่ขอนแก่นครับ จะให้ช่วยอะไรก็ยินดีนะครับ ถ้าไม่เกินความสามารถผมมากไปก็ยินดีนะครับ
โดย
viim
พฤหัสฯ. ส.ค. 02, 2012 7:52 pm
0
6
Re: บรรยากาศการลงทะเบียนสมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า(ประเทศ
เรียน ถามนิดนึงนะคะ สมาชิกนี่จะออกบัตรให้ด้วยไหมคะ ถามหน้างานบอกไม่มี น่าจะมีนะคะ ไว้ใช้เวลามีงานสัมมนาพวกนี้นะคะ ส่วนตัว สมัคร ไปแล้วคะ เห็นด้วยครับ ถ้าทำได้ก็จะดี ผมรอสมัครออนไลน์ครับ บ้านไกล
โดย
viim
จันทร์ ก.ค. 02, 2012 4:29 pm
0
0
Re: เขียนเท่าที่จำได้ งานสัมมนา ดร นิเวศ 18/5/2555
ขอบคุณครับ ที่แบ่งปัน ถ้าอยู่กรุงเทพผมก็ไม่พลาดแน่นอน
โดย
viim
อาทิตย์ พ.ค. 20, 2012 8:22 am
0
0
Re: เห็นราคา CPALL หลัง XD วันนี้ ขอบอกว่าคนไทยอ่อนเลขจริงๆ
หุ้นแพงเรื้อรัง นี้แสดงว่า มีโอกาสราคาขึ้นไปได้ เรื่อยๆ ตราบใดที่ธุรกิจยังเติบโต ไปเรื่อยๆ แต่ หุ้นถูกเรื้อรัง นี้สิแย่หน่อย ถือมา 10 ปี ราคาไม่ไปไหน ไม่เคยได้ Capital Gain เลย ได้แต่ปันผล ไปปีๆ เพราะธุรกิจไม่เติบโต เรียน พี่ครรชิตครับ อยากทราบแนวคิดคนที่ถือหุ้นถูกเรื้อรัง 10 ปีนี่เขาคิดกันยังไงครับ เขาคงหวังแค่ปันผลซึ่งน่าจะมากหรือป่าวครับ จึงยอมถือ 10 ปี โดยที่ไม่มี cap. gain เลย
โดย
viim
ศุกร์ พ.ค. 04, 2012 1:14 pm
0
0
Re: คนพอร์ทใหญ่ๆ ส่วนใหญ่เอาตังค์ที่ไหนมาลงทุนกันครับ
เยี่ยมยอดเลยครับท่าน Ii8N แสดงว่าเวลาที่ใช้ประมาณ 10-11 ปี สำหรับพอร์ตโตประมาณ 100 เท่า คร่าวๆ นับว่าคุ้มค่ากับคำว่าความอดทนสำหรับคนที่สามารถมองกิจการที่ภาพใหญ่ และรอซื้อตอนที่มีราคาส่วนลดมากๆ นับว่าคุ้มจริงๆ โดยเราต้องสามารถ let profit run ได้มากพอไม่ขายสุกรไปก่อน
โดย
viim
อาทิตย์ เม.ย. 22, 2012 5:34 pm
0
0
Re: คนพอร์ทใหญ่ๆ ส่วนใหญ่เอาตังค์ที่ไหนมาลงทุนกันครับ
เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา... มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ผมเคารพและนับถือท่านเปรียบเสมือนเป็นครูบาอาจารย์ด้านการลงทุนอีกท่านหนึ่งของผม ท่านเล่าให้ผมฟังว่า... ท่านรู้จักนักลงทุนท่านหนึ่งอายุ 60 กว่า ทำงานเปิดร้าน Xerox มาตลอดชีวิตแถวหน้ารามฯ โดยท่านมีเงินเก็บประมาณ 5 ล้านบาท ท่านนำเงินทั้งหมดไปซื้อหุ้น PTT ที่ราคาประมาณ 35 บาท และไปขายที่ 370 บาท จากนั้นท่านไปลงทุนในบริษัทฯที่่ 2 คือ CPALL ซื้อราคาแถวๆ 6 - 7 บาท แล้วไปขาย(หมู)ที่ประมาณ 20 บาท และสุดท้ายด้วยความที่ท่านสนใจหุ้นค้าปลีก และหมั่นไปร่วม Company Visit ท่านจึงเข้าลงทุนในบริษัทฯที่ 3 คือ Global โดยก่อนลงทุนท่านไปยืนนับลูกค้าที่เข้าในหลายๆสาขา และสังเกตการซื้อสินค้าต่างๆ มากกว่านั้น ท่านยังไปนับของบริษัทฯคู่แข่งต่างๆอีกด้วย แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน จึงเกิดความมั่นใจ ท่านซื้อหุ้นที่ราคา 2.50 บาท วันนี้ 10 กว่าบาท เข้าใจว่า นักลงทุนท่านนี้ ท่านลงทุนในหุ้นเพียง 3 บริษัทฯเท่านั้น วันนี้ท่านมีเงินไม่น่าจะต่ำกว่า 500 ล้านบาท!!! ท่านเป็น "นักลงทุน" นะครับ ไม่ใช่ "นักเล่นหุ้น" และท่านก็ถือ 100% พอร์ต และถือหุ้นที่มีน้ำหนักมากๆตัวเดียวในพอร์ต ท่านก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างสวยงาม ส่วนตัวผมเอง ผมเชื่อว่า..."ความสำเร็จ...ไม่มีสูตรตายตัว ขึ้นอยู่กับแนวทางของแต่ละคน" แต่ที่แน่ๆ... ความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ ต้องสามารถอธิบายและเล่าต่อได้เสมอ ...ผมเชื่อเช่นนั้น จริงๆท่านบอกชื่อนักลงทุนท่านนั้นมาด้วย แต่ผมจำไม่ได้ครับ ต้องขออภัยด้วย หากมีข้อผิดพลาดหรือข้อมูลที่บกพร่องไป ด้วยความเคารพ Pak ThaiVI รวมๆแล้ว ท่านใช้เวลาเท่าไหร่ ครับ ไต่จาก 5 ---> 500 ล้าน? จริงๆเยี่ยมมากเลยครับ ถ้าท่านสามารถมอง cpall ออกเหมือนอาจารย์นิเวศน์ อาจจะ 10 เด้งอีกรอบเลยนะเนี่ย หุ้นเติบโตมีเวลาเป็นเพื่อนจริงๆ สำคัญคือ คนถือจะอดทนและมองไปข้างหน้าได้ขาดแค่ไหนจริงๆ โดยเฉพาะปัจจัยเชิงคุณภาพ
โดย
viim
อาทิตย์ เม.ย. 22, 2012 1:51 pm
0
0
Re: การดำเนินธุรกิจ(Business Model) ควรพิจารณาอย่างไร
คุณ pak ขุดกระทู้ดีๆเก่าๆ เก่งจริงๆครับ นับถือๆ :) :)
โดย
viim
พุธ เม.ย. 18, 2012 11:27 am
0
0
Re: หลังๆผมชอบอ่าน 56-1 มากกว่า annual report ครับ คุณชอบอะไ
เห็นพ้องกับคุณ offshore ครับ รายงานการประชุมบิดเบือนหรือไม่บันทึกไม่ได้ เพราะต้องเปิดเผยและถูกต้อง เพราะมีการรับรอง ผมจึงคิดว่า ถ้า 56-1 เปิดเผยไม่ครบเนื่องมาจากเหตุผลของการกลัวจะเป็นการให้ข้อมูลคู่แข่ง แต่ meeting report ที่เต็มไปด้วยคำถามดีๆ จากผู้ถือหุ้นขยันๆ ลงทุนในกิจการจริงๆ ก็จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ถือหุ้นคนอื่นๆที่ไม่ได้เข้าประชุมมาก
โดย
viim
พุธ เม.ย. 18, 2012 11:14 am
0
0
Re: Super Cheap/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Super Cheap มีจริงครับอยู่ที่ภูเก็ต ขนาดว่าบางแห่งมี 7/11 ดัก หน้า กลาง หลัง ท้าย สู้กันแบบ 4ต่อ 1 แต่ Super Cheap ยังเอาชนะได้เลยครับ มองว่าการต่อสู้ในพื้นที่ Super Cheap เอาใจคนพื้นที่ไปได้มากกว่า แต่ในระดับตลาดขนาดใหญ่ขึ้นไปยังไม่สามารถตอบสนองได้ เทียบกัน 7/11 สำหรับผมถือว่าดีที่สุดในกรุงเทพ แต่ที่ภูเก็ตแล้วไม่ใช่ครับ Super Cheap ดีที่สุดสำหรับคนพื้นที่ครับ เป็นอะไรที่น่าสนใจติดตามมากเลยครับ ปกติฝ่ายวิเคราะห์ทำเล วิเคราะห์การตั้งสาขาของ 7-11 เขาน่าจะรอบคอบนะ ถ้าสาขาที่หนึ่งขายไม่ได้ แล้ว 2-3-4 เปิดมาได้ไง แต่อย่างว่าของที่ 7-11 ก็ไม่ได้ถูก แบบนี้ถ้าร้านท้องถิ่นที่จังหวัดอื่นๆมาดู business model ของ SC ที่ภูเก็ตนี่จะเป็นไงหนอ หรือว่า brand loyalty ยึดหัวใจลูกค้าของ 7-11 ในจังหวัดอื่นๆไปหมดแล้ว
โดย
viim
อังคาร เม.ย. 17, 2012 3:04 pm
0
0
Re: ความลับของตลาดหุ้น
ผมก็เลยคิดว่าตลาดหุ้นเป็นเวทีหรือสนามที่ใช้วัดสภาวะความมั่นคงทางอารมณ์ของเราได้ดีทีเดียว ผลตอบแทนที่ได้ของเรา น่าจะแปรผันไม่น้อยตาม ความมั่นคงทางอารมณ์ เหตุผล ความลำเอียงและอื่นๆอีกที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็น ความโลภ ความกลัว ความยึดติดในราคา (anchoring) ฯลฯ
โดย
viim
อังคาร เม.ย. 10, 2012 1:29 pm
0
0
Re: จากการลงทุนในหุ้น!!! พอร์ทท่านโตมาแล้วประมาณกี่เท่าตัว!!
1.ประหยัดมากๆ เพื่อนๆมีiPhone มีPlay2 ส่วนเราได้แต่มองT^T 2.ผมช่วง2ปีแรก ดูหุ้นโดยเฉลี่ยวันละกว่า 8ชม. (เสาร์อาทิตย์จะได้เต็มวัน ส่วนวันธรรมดาทำงาน14ชม.ทำจริง5ชั่วโมง) 3.ช่วงหลังจากนั้นน่าจะประมาณวันละ6ชม. ปล.นึกๆดูแล้วเราก็เหมือนจะให้เวลากับมันเยอะเหมือนแฮ๊ะ...แต่ทำไมยังเป็นเม่าอยู๋เนี๊ยะ :wall: :wall: :wall: โอโห...8 ชั่วโมงนี่ขยันมากเลยครับ นอนกี่ชั่วโมงครับนี่
โดย
viim
จันทร์ เม.ย. 02, 2012 2:19 pm
0
0
Re: VI Meeting รอบหน้า จัดวันที่เท่าไรครับ
ผมว่าความสำเร็จนี้ต้องยกความดีให้คุณลูกอิสานครับ เป็นเซียนที่มีแต่ให้จริงๆ นับถือมากๆ
โดย
viim
เสาร์ มี.ค. 24, 2012 8:11 pm
0
4
Re: VI Meeting รอบหน้า จัดวันที่เท่าไรครับ
ภาคอื่นๆไม่รวมกรุงเทพแพ้ภาคใต้อย่างราบคาบ :oops: เกาะติดกันทุกไตรมาสเลย เห็นแล้วตาร้อนจัง
โดย
viim
ศุกร์ มี.ค. 23, 2012 10:39 pm
0
0
Re: แพงทั้งแผ่นดินนน
หุ้นที่เราวิเคราะห์อย่างดีแล้วว่ามี DCA และอยู่ใน. Megatrend ผมว่าเราลองทำ valuation ซักหนึ่งปีข้างหน้าดูครับว่ากำไรหรือพื้นฐานเขาเป็นเท่าไหร่ ถ้าเราไม่มั่นใจและคิดว่ามันแพง วิธีหนึ่งที่ผมทำคือ เข้าทีะน้อยๆก่อน ถ้ามันตกลงมาต่ำกว่าทุนเราแล้วเรามองว่าพื้นฐานข้างหน้ายังสดใส ผมก็ะทยอยเข้าไปอีกดอก เพื่อเฉลี่ยต้นทุน แต่การที่เราจะทำอย่างนี้ได้เราต้องเข้าใจคำว่าพื้นฐานของเขาได้ในระดับที่มองที่มาของกำไรออกว่าเขาจะได้ประมาณช่วงไหนบ้าง ถ้าไม่รู้ sources of profit ก็อาจจะต้องรอให้มี mos มากพอก็เป็นอีก strategy หนึ่ง
โดย
viim
ศุกร์ มี.ค. 23, 2012 10:33 pm
0
2
Re: แพงทั้งแผ่นดินนน
แพงนี่ดูจากอะไรเป็นเกณฑ์ครับ แล้วถูกนี่ดูจากอะไรครับ ผมว่า valuations ของแต่ละคนไม่น่าจะเหมือนกัน ทำให้เกิดการซื้อขายเกิดขึ้น คนที่เขาซื้อเอาๆตอนนี้ก็คงมองว่า under or fair prices ไม่งั้นคงไม่ซื้อ คนขายออก ก็คงมองว่าแพงเกินพื้นฐานแล้ว จึงขายออก สุดท้ายต้องมีคนหนึ่งถูก คนหนึ่งผิดแหละครับ เพราะการมองพื้นฐานเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลมากๆ ทำให้บางสิ่งบางอย่างเราอาจจะมองเห็น คนอื่นมองไม่เห็น หรือเรามองไม่เห็น เขามองเห็น การลงทุนเป็นเรื่องของหลายปัจจัย ระยะเวลาก็มีส่วนสำคัญ ผมก็ถามตัวเองอยู่ตลอดก่อนซื้อ ก่อนขายว่า จะซื้อเพราะ? จะขายเพราะ? ถ้าตอบไม่ได้ อยู่เฉยๆก็ดีนะครับผมว่า และตอนนี้ผมจึงอยู่เฉยๆ :)
โดย
viim
พฤหัสฯ. มี.ค. 22, 2012 3:44 pm
0
9
Re: วิธีการเลือกหนังสือที่จะอ่านอย่างง่ายๆ จากการคุยกับพี่โจ
ผมซื้อ kindle ต่อจากเขา แบบซื้อมือสองน่ะ :) แล้วก็ชอบอ่าน sample copy จาก amazon ก่อน ถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่าเข้าใจค่อยซื้อ แต่ก็ซื้อน้อยมาก ล่าสุดกำลังอ่านThe Most Important Thing: Uncommon Sense for the Thoughtful Investor by Howard Marks ได้มาจากคำแนะนำของ พี่พรชัย ใน FB แกกำลังแปลอยู่ เลยซื้อภาษาอังกฤษมาอ่านก่อน เดี๋ยวแกแปลเสร็จก็จะอุดหนุนอีก :) อีกอย่าง ผมมักจะรวบรวมบทความที่เกี่ยวกับ value investing โดย อ.นิเวศน์ และพี่ๆที่เป็นเซียนทั้งหลาย ทำเป็น word ก่อน จากนั้นก็ปรับขนาดให้อ่านได้สบายตา แปลงเป็น PDF files เข้าไปใน kindle ไว้อ่านทบทวนความจำอยู่เสมอ เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่าจะออกนอกเส้นทางตามแนวของ value investing เราก็จะหยิบมาขันน๊อตตัวเอง เพื่อให้คงไว้ซึ่งหลักการ ส่วนวิธีการก็ปรับไปตามความเหมาะสมแต่ละสถานการณ์
โดย
viim
พฤหัสฯ. มี.ค. 22, 2012 2:54 pm
0
4
Re: วิธีการเลือกหนังสือที่จะอ่านอย่างง่ายๆ จากการคุยกับพี่โจ
ผมก็มี kindle แต่ว่าจะหา ipad มาอีกซักตัวหนึ่ง เผื่อไว้อ่าน 56-1 ปีล่าสุด เพราะว่า kindle มันได้เฉพาะ text-oriented articles ถ้าเป็นกราฟ เป็นตาราง รูปภาพ มันไม่ work ครับ ปัจจุบันก็ใช้อ่านหนังสือภาษาอังกฤษบ้าง อ่านบทความที่เป็น text หมด ก็ดีนะครับ สำหรับคุณโจ๊ก ผมก็ศรัทธาแกเหมือนกันครับ ขยัน มีมุมมองดี ตามอ่านบทความแกตลอด
โดย
viim
พุธ มี.ค. 21, 2012 8:29 pm
0
0
Re: คิดว่าการลงทุนแนว VI ในอนาคตจะเป็นอย่างไร
ความโลภ ความกลัว ไม่เคยหมดไปจากตลาด ดังนั้น ตลาดอาจจะมีประสิทธิภาพ most of the times but not always ครับ การมีทัศนคติและความเชื่อที่ถูกต้องจะสามารถทำให้เราลงทุนเพื่อชีวิตได้อย่างสบายใจ ยั่งยืน และถึงเป้าหมายในที่สุด และเป้าหมายก็มักจะไม่อยู่ที่เดิม หวังแค่ 10-15% มากกว่านี้คือโบนัส
โดย
viim
อาทิตย์ มี.ค. 18, 2012 10:46 am
0
2
Re: เงินต่างชาติไหลเข้ามาต่อเนื่อง หุ้นถูกๆ น้อยลง
ตัวอย่างเหตุการณ์ที่อาจจะเป็นไปได้ครับ: ต.ย. 1: วันที่ 14 มี.ค. 55 ผมไปฟังสัมมนา อ.นิเวศน์ บอกว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ลูกสาวท่านบอกให้ซื้อ apple ท่านดูราคาโดยใช้ PE แล้วสูงมาก ราคาประมาณ $200 แต่พอมาวันนี้ราคาหุ้น apple ประมาณ $500 และ PE ต่ำกว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ต.ย. 2 ฟังรายการ Hard topic ของวันที่ 13 มี.ค.55 ที่ผ่านมา พิธีกรถามท่านว่าอาจารย์เคยขายออกไปก่อนแล้วรอไปซื้อของถูกมั๊ย อาจารย์ก็เลยยกตัวอย่างว่า สมมติว่าตอนเรารอ หุ้นราคา 10 บาท เมื่อดู PE แล้วแพงมาก แต่ตลาดก็ขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งราคาหุ้นเป็น 20 บาท วันดีคืนดีมีข่าวร้ายมากระทบ ตลาดตื่นตกใจ ขายหุ้นทำให้ตลาดตกประมาณ 25% และราคาหุ้นตัวนี้ก็ตกประมาณตลาดเหลือ 15 บาท เราดีใจเข้าไปซื้อ :) :)
โดย
viim
เสาร์ มี.ค. 17, 2012 8:17 pm
0
14
Re: เอางี้ดีมั๊ย เพื่อนๆ
http://www.dcs-digital.com/moneychannel/program.php?listid=5 ดร. พูดแบบข้างบนเลย รายการตอนนี้ น่าสนใจคือ .... ดร.นิเวศน์ ออกรายการกับคุณภาววิทย์ ขอบคุณมากครับ ยิ่งฟังยิ่งศรัทธา อาจารย์นิเวศน์ idol ของผมครับ ผมได้มีโอกาสพบท่านและเข้าไปทักท่าน เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 55 ที่ผ่านมา แต่คุยนิดเดียวเพราะคนรอคิวเยอะ มีความรู้สึกว่าอาจารย์เป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีมาก :)
โดย
viim
ศุกร์ มี.ค. 16, 2012 2:55 pm
0
0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
อุดหนุนมาแล้วและอ่านจบแล้วครับ วันที่ 14 มี.ค. นี้ก็จะตามไปฟังตัวเป็นๆของพี่อีกครับ ขอบคุณมากครับ :)
โดย
viim
เสาร์ มี.ค. 10, 2012 9:51 pm
0
0
Re: เวลาท้อแท้ใจกับผลลัพธ์ของการลงทุน ควรทำอย่างไรดีครับ ?
มีเรื่องจริงจะเล่าให้ฟังครับ มีนักศึกษาปริญญาเอกคนหนึ่ง สมัยเรียน ป.เอก ทดลองทำวิจัยไปเรื่อยๆ ทำยังไงมันก็ได้ผลแย่ อ่านหนังสือตั้งหลายเล่ม อ่านบทความวิชาการ บทความวิจัย นอนก็ดึก เป็นอย่างนี้มาสามปีกว่า ท้อก็ท้อแต่ไม่ถอย ผลวิจัยก็ไม่ออกมาตามที่คาดหวังซะที ต้องอ่านแล้วอ่านอีก ค้นคว้าแล้วค้นคว้าอีก ทดลองทำแล้วทดลองทำอีก กลับไปกลับมาตั้งหลายรอบ เป็นอยู่สามปีกว่าต้องอดทนอย่างมาก พอเข้าปีที่สี่ไอ้ที่ทำๆมา การทดลองทั้งหมดที่เคยไม่ได้ผลตามคาด ประยุกต์โน่นผสมนี่ เอาประสบการณ์ที่สะสมมา สุดท้ายมันก็มาได้ผลที่สามารถเขียนเป็น dissertation จบ ป.เอก ได้ ในปีที่สี่ ปัจจุบันเป็นดอกเตอร์ไปแล้วครับ :) ผมคิดว่าการลงทุนหรือทำงานใหญ่ๆให้สำเร็จมันก็ต้องอาศัย - ความอดทน รอวันที่ความฝันหรือเป้าหมายของเราจะเป็นจริง อย่ารีบร้อน - ความรู้ ต้องพัฒนาอยู่ตลอดเวลา - ทัศนคติ ต้องมีอย่างถูกต้อง - และความขยัน โดยเฉพาะความอดทนนี่สำคัญทีเดียว ผมว่านะ ถ้าเป็นการลงทุนน่าจะเป็นความอดทนสองลักษณะ คือ - อดทนที่จะรอราคาที่เราอยากซื้อ - อดทนที่จะรอให้หุ้นที่ลงทุนแสดงศักยภาพออกมาในระยะยาว (ถ้าซื้อแล้ว) ไม่ซื้อขายบ่อยๆ
โดย
viim
พฤหัสฯ. มี.ค. 08, 2012 8:58 pm
0
0
Re: พบชีวิต Picatos พุธ7มีค moneytalk tnn2 สี่ทุ่ม
รอดูด้วยคนครับ วันนั้นเจอตัวจริงแล้วที่ไปเรียนเรื่องงบการเงิน เขาเก่งมากครับ ถามคำถามสร้างสรรค์กับอาจารย์ในชั้นตลอด ขอชื่นชมจริงๆครับ :)
โดย
viim
จันทร์ มี.ค. 05, 2012 3:39 pm
0
0
Re: เสวนาพิเศษ ตามรอยเซียนลงทุนหุ้นคุณค่า คว้ากำไรดีปีมังกร
จองเรียบร้อยแล้วเช่นกันครับ :) :)
โดย
viim
ศุกร์ มี.ค. 02, 2012 4:20 pm
0
0
Re: เอาสิบคูณ...แล้วเป็นราคาหุ้นที่เหมาะสมเลยหรือ???(คิดเล่น
ขอบคุณมากครับ เยี่ยมจริงๆ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจะขออนุญาตนำมาถกต่ออีกครั้นะครับ :B :B
โดย
viim
ศุกร์ มี.ค. 02, 2012 1:25 pm
0
0
Re: เอาสิบคูณ...แล้วเป็นราคาหุ้นที่เหมาะสมเลยหรือ???(คิดเล่น
แสดงว่าทั้งหุ้น turn around และ cyclical ก็ต้องดูที่ตัว E ในอนาคตว่าจะเพิ่มได้อย่างไร โดยที่ PE ไม่ได้บอกอะไรมากนัก แต่ดูประกอบว่า P ได้สะท้อนความตกต่ำของการดำเนินธุรกิจหรือยัง ถ้าในอนาคตเรามั่นใจว่าธุรกิจจะกลับมาฟื้นใหม่ เราก็ซื้อได้ อย่างนี้ใช่มั๊ยครับ
โดย
viim
ศุกร์ มี.ค. 02, 2012 11:16 am
0
0
Re: หลายบริษัทจะขาดทุนจาก defer tax ใน q4
ขอบพระคุณอาจารย์มากคร้าบ กระจ่างเลย คือ เราต้องดูเป็นรายการๆไปว่า DTA และ DTL เกิดจากอะไรเพราะมันสามารถกระทบได้ทั้งท่อนบน ท่อนล่าง สุดยอดครับอาจารย์ :bow: :bow: :bow:
โดย
viim
ศุกร์ มี.ค. 02, 2012 8:59 am
0
0
Re: เอาสิบคูณ...แล้วเป็นราคาหุ้นที่เหมาะสมเลยหรือ???(คิดเล่น
PE น่าจะใช้ได้ดีกับหุ้นเติบโต หุ้นแข็งแกร่งหรือป่าวครับ หุ้น turn around และ cyclical น่าจะดูที่อย่างอื่น เช่น PBV หรือ วัฎจักรของธุรกิจ ไม่แน่ใจ
โดย
viim
พฤหัสฯ. มี.ค. 01, 2012 4:17 pm
0
0
Re: เอาสิบคูณ...แล้วเป็นราคาหุ้นที่เหมาะสมเลยหรือ???(คิดเล่น
ชอบมากครับคุณ Tibular ที่สามารถโยงความสัมพันธ์ระหว่าง PE และ DCF ของกิจการ พร้อมยกตัวอย่าง สุดยอดและขอคาระวะครับ มาให้ความรู้บ่อยๆนะครับ :bow: :bow: :bow: เพราะหุ้นจะขึ้นได้มันก็อยู่ที่ E และ PVG อย่างที่ท่านว่าจริงๆ PVG เป็นตัวทำให้ PE มี premium
โดย
viim
พฤหัสฯ. มี.ค. 01, 2012 4:15 pm
0
0
Re: หลายบริษัทจะขาดทุนจาก defer tax ใน q4
ขอบคุณมากครับอาจารย์ ผมเข้าใจอย่างนี้ถูกหรือป่าวหนอ ถ้าในงบดุลเป็น net DTA (DTA > DTL) จะกระทบกำไรขาดทุนท่อนบน (กำไรสุทธิ) แต่ถ้าเป็น net DTL (DTA < DTL) จะไปกระทบกำไรขาดทุนท่อนล่างเท่านั้น (กำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น)
โดย
viim
พฤหัสฯ. มี.ค. 01, 2012 11:35 am
0
0
Re: ใครมีวิธีอ่านไฟล์ doc (ไฟล์ word) ใน ebook reader บ้างคร
ของผมก็รุ่นเก่า 6 นิ้วครับ อย่างที่ yoyo บอกมันได้เฉพาะ text รูปภาพและตารางนี่ไม่ได้เลย พอแก้ขัดได้ครับ
โดย
viim
พุธ ก.พ. 29, 2012 10:10 am
0
0
Re: ใครมีวิธีอ่านไฟล์ doc (ไฟล์ word) ใน ebook reader บ้างคร
ok มันส่งเข้า kindle ผมแล้ว เข้าใจแล้ว
โดย
viim
พุธ ก.พ. 29, 2012 9:29 am
0
0
Re: ใครมีวิธีอ่านไฟล์ doc (ไฟล์ word) ใน ebook reader บ้างคร
ถ้าไม่เน้นอ่านตาราง เน้นอ่านตัวอักษรเป็นหลัก load app kindle ของ amazon มาดีมากๆครับ ทำตามได้ง่ายๆ ตามนี้ 1. เข้า amazon.com ไปสร้าง account ตัวเอง 2. load kindle app หรือคนที่มี เครื่อง kindle อยู่แล้วก็ใช้ได้เหมือนกัน 3. ส่ง e-mail เข้าไปที่ (your username)@free.kindle.com 3.1 ตอนส่งนี่ส่งไปทั้ง zip file เลยครับ amazon จะแปลงไฟล์สำหรับ e-reader แยกให้อัตโนมัติ แล้วก็อ่านได้ตามสะดวก วิธีนี้อ่านตัวอักษรได้ดีมากครับ เพราะสามารถปรับขนาดเล็กใหญ่ได้เอง (ไม่ต้อง zoom เหมือน pdf) แต่พวกตารางจะอ่านได้ไม่ดีเท่าไหร่ พอดีผมเพิ่งซื้อ kindle มาเล่นกำลังเห่อเลยครับ ถาม yoyo ครับ ผมมี kindle เหมือนกัน ไม่รู้ว่ามีบริการอย่างนี้ ต้องจ่ายตังค์มั๊ยครับ แล้วเวลาเขาส่งกลับเขาจะส่งทาง email หรือเข้าใน kindle เราอัตโนมัติเลย
โดย
viim
อังคาร ก.พ. 28, 2012 4:09 pm
0
0
Re: เอาบทความมาฝากให้อ่านกันครับ เกี่ยวกับเรื่อง Business Mo
รบกวนด้วยครับ
[email protected]
ขอบคุณครับ
โดย
viim
พุธ ก.พ. 22, 2012 3:00 pm
0
0
Re: เทสโก้โลตัส ตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
มีท่านใดทราบมั๊ยครับว่ามีหนังสือชี้ชวนให้อ่านยังครับ เราย้ายไปคุยกันในห้อง"tlgf"เลยดีกว่าไหมครับ...เพื่อง่ายต่อการติดตามข่าวสารเเละความเห็นครับ OK krub นึกว่ายังไม่มีห้อง :)
โดย
viim
อาทิตย์ ก.พ. 19, 2012 8:05 pm
0
0
Re: เทสโก้โลตัส ตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
มีท่านใดทราบมั๊ยครับว่ามีหนังสือชี้ชวนให้อ่านยังครับ
โดย
viim
อาทิตย์ ก.พ. 19, 2012 11:18 am
0
0
Re: Key Sucess Factors ของกิจการ
ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้ว สำหรับ SOP และ SKU
โดย
viim
จันทร์ ก.พ. 13, 2012 12:47 pm
0
0
Re: Key Sucess Factors ของกิจการ
เอ่อ...SOP และ SKU นี่อะไรเหรอครับ ไม่ทราบจริงๆ
โดย
viim
จันทร์ ก.พ. 13, 2012 8:57 am
0
0
Re: Key Sucess Factors ของกิจการ
ความเห็นของคุณ sakkaphan เกี่ยวกับค้าปลีก ตัว KSF คือ ช่องทางการจัดจำหน่ายให้มากและเร็วที่สุด โดยกตัวอย่างการที่ คาร์ฟู ไม่สำเร็จ เพราะขยายช้าไม่ทัน lotus และ bigc มีเหตุผลครับ อันนี้ผมมีประด็นเหมือนกัน เมื่อไม่นานมานี้ผมเห็น lotus ขยายมาใกล้ๆแถวบ้านผมซึ่งเป็นสาขาที่สองในจังหวัด ผมพบว่าช่วงแรกที่เปิดใหม่ๆมีคนมาเดินเยอะมาก (เห่อของใหม่) แต่พอระยะหลังๆมานี้ผมสังเกตุเห็นที่จอดรถว่างมาก สามารถเลือกจอดได้เลย เมื่อเปรียบเทียบกับสาขาแรกที่มีความแน่นของที่จอดรถอยู่ตลอดเวลา ก็เลยมาวิเคราะห์ดูว่า เกิดอะไรขึ้น ผมพบว่าที่คนมาเดินน้อยลงใน lotus สาขาที่สองเพราะว่า สินค้ามีไม่ครบ ความหลายหลายน้อย คนมาเดินแล้วไม่ได้ของครบกลับไป เขาเลยมน้อยลง และพอไปเดินศูนย์อาหารชั้นล่าง ก็พบว่า lotus สาขานี้ไม่มีพนักงานมาขายคูปองอาหารแล้ว แต่กลับใช้เครื่องอัตโนมัติแทน ผมถามพนักงานคนหนึ่งได้ความว่าห้างอาจจะต้องการลดค่าใช้จ่ายพนักงานตรงนี้ลง โอเค ประเด็นผมคือ ความหลายหลายของสินค้าและขนาดของร้านก็สำคัญ ขนาดใหญ่ก็จะสามารถนำสินค้ามาวางได้มากขึ้น หลายอย่างขึ้น ส่วนประเด็นที่เปิดทีหลังผมไม่แน่ใจว่ามีน้ำหนักมากกว่าหรือน้อยกว่าความหลายหลายของสินค้าครับ
โดย
viim
อาทิตย์ ก.พ. 12, 2012 2:30 pm
0
0
Re: Key Sucess Factors ของกิจการ
แก้ไขนะครับ Key Success Facors ไม่ใช่ Key Sucess Factor ตกตัว s ไปตัวหนึ่ง :oops:
โดย
viim
อาทิตย์ ก.พ. 12, 2012 9:58 am
0
0
Re: Free cash flow นี้เท่ากับ ebitda - capex เหรอครับ
ผมได้เข้าไปเวป greenbull ตาม link ข้างบน และเข้าไปอ่านที่คุณ IH พูดเกี่ยวกับ FCF และ CWC พบว่า ความหมายของคุณ IH และความหมายที่ผมศึกษามาจากคุณสุมาอี้นั้น ตรงกันข้ามกันในเชิงเครื่องหมายบวกและลบ แต่ถ้าเข้าใจความหมายที่ทั้งสองท่าน (สุมาอี้ และ IH) สื่อออกมาก็จะไม่งงครับ ความหมายของท่านสุมาอี้ คือ CWC = WC ปีปัจจุบัน - WC ปีก่อนหน้า และคำว่า WC คือเงินทุนหมุนเวียนที่ต้องการ แต่สำหรับของท่าน IH คำว่า WC คือเงินทุนที่ได้มาใช้หมุนเวียนในกิจการ ดังนั้นถ้า CWC เป็นบวกในความหมายของท่าน IH หมายความว่าได้เงินมาหมุนเวียนมากขึ้น เช่น จากเจ้าหนี้การค้า ในกิจการค้าปลีก ซึ่งก็มักจะเป็นบวกมาก (IH) แต่ท่านสุมาอี้จะได้ CWC ติดลบ เพราะใช้เงินทุนหมุนเวียนของตัวเองน้อยลง หรือแม้กระทั่งเงินทุนหมุนเวียนมาจากเจ้าหนี้การค้า (OPM, other people money) ไม่ทราบผมเข้าใจถูกต้องหรือป่าวครับ ท่านอื่นๆเห็นอย่างไรครับ
โดย
viim
เสาร์ ก.พ. 11, 2012 12:02 pm
0
2
Re: Free cash flow นี้เท่ากับ ebitda - capex เหรอครับ
ขออนุญาตตอบเท่าที่ผมจะมีความรู้นะครับ เพราะผมเชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า การที่ผมได้เขียนบ่อยๆ จะทำให้ผมเข้าใจได้มากขึ้นเช่นกัน :) ผมคิดว่าเราอาจจะต้องทำความเข้าใจคำว่า "กำไรทางบัญชี" ในงบกำไรกำไรขาดทุน กับคำว่าการไหลเข้าไหลออกของเงินสด (cash flow) จริงๆก่อนครับ เพราะบางครั้ง กิจการโชว์กำไรสวยหรู แต่เงินสดไปจมอยู่ที่ลูกหนี้การค้า หรือ สินค้าคงเหลือในสต๊อค อาจจะทำให้กิจการเงินสดขาดมือ หรือที่เรียกว่า ขาดสภาพคล่อง ได้ และไอ้เจ้า 2 ตัวนี้ (ลูกหนี้การค้า + สินค้าเหลือในสต๊อค) มันก็คือ สินทรัพย์หมุนเวียน ในทางกลับกัน ถ้ากิจการมีอำนาจต่อรองกับผู้ป้อนสินค้า (supplier) มากๆ ก็อาจจะมีตัว เจ้าหนี้การค้า (หนี้สินหมุนเวียน) ในงบกระแสเงินสดมาก อันนี้เหมือนกับว่าเราเอาหนี้แบบไม่มีดอกเบี้ยหรือมีภาระต้นทุนทางการเงินมาหมุนเวียนใช้ก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่จะมีซักกี่บริษัทที่สามารถทำแบบนี้ได้ ทีนี้ CWC = changes in work. cap และ work cap = สินทรัพย์หมุน - หนี้สินหมุน ครับ ตรงนี้ก็จะไปกระทบกับ FCF โดยตรงครับ เพราะถ้า CWC ติดลบ ก็จะส่งผลให้ FCF เพิ่มขึ้นได้ แต่บางที มันก็อาจจะไม่ดีเท่าไหร่ เพราะไอ้ตัวเจ้าหนี้การค้า ยังไงมันก็เป็นหนี้ ถึงแม้จะเป็นหนี้ไม่มีดอกเบี้ยก็เถอะ เวลาผมเอาไปใช้ เมื่อใดที่ CWC เป็นลบ ผมจะปรับให้เป็นศูนย์ (conservative หน่อย) แต่ถ้ามันเป็นบวกก็จะปล่อยตามนั้นครับ ส่วนใหญ่ก็ใช้วิธีนี้น้อยครับ ปัจจุบันใช้ forward PE กับดูแนวโน้มธุรกิจเอา
โดย
viim
ศุกร์ ก.พ. 10, 2012 10:39 pm
0
2
Re: หุ้นช่วงนี้ กับ คำพูด Peter lynch
ขออนุญาตบันทึกที่ผม notes จาก Beating the street นะครับ ถ้ายาวไปขออภัยด้วย Notes from “Beating the Street" 1. คุณจะซื้อหุ้นแบบไหน หุ้นเล็กหรือหุ้นใหญ่ ไม่สำคัญเท่ากับว่าคุณได้ลงทุนในหุ้นแล้ว เพราะประเด็นหุ้นเล็ก หุ้นใหญ่เป็นประเด็นรองจริงๆ วิธีคิด คือ ลงทุนในหุ้นเสียเถอะ ถ้าต้องการผลตอบแทนในระยะยาวที่ดี 2. ลินซ์กล่าวว่า นักลงทุนมือสมัครเล่นที่สามารถเจียดเวลาเพียงไม่มากนักกับการศึกษาบริษัทในอุตสาหกรรมที่เขามีความรู้จะสามารถเอาชนะผู้จัดการกองทุนได้ แถมมาด้วยความสนุกอีกต่างหาก 3. ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีไหนก็ตามในการเลือกหุ้นหรือกรองหุ้นลงทุน สุดท้ายแล้วสิ่งที่จะตัดสินว่า คุณจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวก็คือ ความสามารถของคุณในการเพิกเฉยต่อความกังวลกับเรื่องต่างๆในโลกได้ยาวนานพอที่จะทำให้การลงทุนของคุณประสบความสำเร็จ สิ่งที่จะกำหนดชะตากรรมของนักลงทุน ไม่ใช่ความเฉลียวฉลาด แต่เป็นความสามารถในการควบคุมอารมณ์ต่างหาก นักลงทุนขี้ตกใจจะถูกกดดันให้ออกจากตลาดในยามที่ตลาดเต็มไปด้วยข่าวร้าย ไม่ว่าพวกเขาจะเฉลียวฉลาดปานใดก็ตาม 4. กฎข้อ 3 ของลินซ์: อย่าพึ่งซื้อหุ้นตัวไหนจนกว่าคุณจะสามารถอธิบายมันออกมาเป็นภาพวาดได้ 5. การซื้อลงทุนในสิ่งที่คุณมีความรู้ ความเข้าใจเป็นหนึ่งในความคิดหลักของพวกเรา และในพอร์ตหุ้นควรจะมีหุ้นปันผลดีอย่างน้อย 1-2 ตัวเสมอ 6. การศึกษารายงานเหล่านี้ทำให้ผมตระหนักว่า หุ้นหลายๆตัวที่ผมได้ขายออกไปหลังจากที่ซื้อมาได้สองสามเดือนเป็นหุ้นที่ผมควรจะถือเอาไว้ยาวนานกว่านั้นมาก นี่ไม่ใช่ความภักดีแบบไม่มีเงื่อนไข แต่เป็นการกอดหุ้นของบริษัทที่ดูน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆเอาไว้ รายชื่อหุ้นที่ผมไม่ควรขายออกไป ประกอบด้วย Albertson’s หุ้นโตเร็วที่ราคาได้เพิ่มสูงขึ้น 300 เท่า Toy R US, Pic N Save ที่ได้กล่าวไปแล้ว Warner communications หุ้นที่นักวิเคราะห์ทางเทคนิคแนะนำให้ผมขาย และ Federal Express หุ้นทีผมซื้อมาในราคา $5 และขายทำกำไรไปที่ราคา $10 แล้วก็ได้แต่นั่งมองราคาของมันขึ้นไปที่ $ 70 ภายในระยะเวลา 2 ปี 7. เวลาที่ Lynch พูดคุยกับ CEO ของบริษัทต่างๆเขามักจะจบด้วยคำถามที่ว่า “คุณนับถือคู่แข่งรายไหนของคุณมากที่สุด” ถ้ามีคำตอบมันก็จะเป็นการรับรองความเก่งของบริษัทคู่แข่งที่ทรงพลังมากทีเดียว ในท้ายที่สุด Lynch ก็จะทำการสั่งซื้อหุ้นของบริษัทคู่แข่งของพวกเขาอยู่บ่อยๆ 8. ไม่ว่าคุณจะคิดว่า คุณรู้จักบริษัทดีแค่ไหน มันจะมีบางสิ่งบางอย่างที่จะทำให้คุณรู้สึกประหลาดใจเกิดขึ้นเสมอ 9. หุ้นถูกเป็นสิ่งที่พิเศษสำหรับนักลงทุนพันธ์แท้ ความมั่งคั่งที่ลดลงไป 10-30% ในช่วงที่ตลาดตกต่ำไม่ได้มีความหมายอะไรเลย เราไม่ได้มองการตกลงของตลาดเป็นหายนะ แต่มองมันเป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มที่ราคาถูกๆ นี่เป็นเส้นทางที่จะนำไปสู่ความร่ำรวย 10. เมื่อไหร่ที่ความคาดหวังของนักลงทุนมีสูงเกินไปกับบริษัทหนึ่งๆ จนผลการดำเนินงานตามไม่ทัน เมื่อนั้นตลาดก็จะทำการเทขายหุ้นอกมา แล้วเราค่อยไปติดตามดูทีหลังก็ได้ว่ากิจการเป็นอย่างไร มีแนวโน้มการทำกำไรดีขึ้นหรือไม่ อย่าเข้าไปตอนที่หุ้นกำลังร้อนแรง เต็มไปด้วยความคาดหวัง เพราะเราอาจจะอยู่บนดอยได้ อิ อิ 11. นักลงทุนที่พอร์ตเล็ก อาจจะใช้กฎหุ้น 5 ตัวและเลือกซื้อหุ้นเข้าพอร์ตเพียงห้าตัว หากหุ้นตัวหนึ่งของคนให้กำไรคุณ 10 เท่า ขณะที่ราคาหุ้นอีก 4 ตัวไม่ไปไหน พอร์ตของคุณโดยรวมก็โตเป็นสามเท่าแล้ว 12. หากหุ้นมีราคาสูงกว่าเส้นกราฟของผลกำไรของมัน ราคาหุ้นจะไม่ไปไหนหรือไม่ก็จะตกลงมาจนกระทั่งราคาของมันกลับมามีควาสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น 13. ให้ซื้อหุ้นในตอนที่เส้นราคาหุ้นอยู่ที่เดียวกับหรือต่ำกว่าเส้นผลกำไรและอย่าซื้อหุ้น หากเส้นราคาอยู่สูงกว่าเส้นกำไร 14. การจำกัดการซื้อขายหุ้นของคุณในบริษัทจำนวนหนึ่งที่คุณสามารถติดตามได้อย่างทั่วถึงเป็นกลยุทธ์ที่ไม่เลวเลยทีเดียว เมื่อครั้งที่คุณได้ซื้อหุ้นตัวหนึ่งมาแล้ว คุณจะได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับอุตสาหกรรมและบริษัทนี้ คุณจะได้เรียนรู้ว่า บริษัทนี้เป็นอย่างไรบ้างในช่วงที่เกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ปัจจัยอะไรบเงที่มีผลต่อการทำกำไรและอื่นๆ ไม่ช้าก็เร็ว ข่าวร้ายจะทำให้ตลาดหุ้นโดยรวมปรับตัวลงและหุ้นตัวเก่าๆที่คุณชอบก็จะกลับมามีราคาถูกอีกครั้ง ซึ่งนั่นจะเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนของคุณ 15. หุ้นต้องได้รับการตรวจสอบเป็นระยะๆเพื่อดูว่ามันมีเรื่องราวหรือจุดหักเหอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นหรือไม่ หากบริษัทยังไม่ล้มละลาย เรื่องราวก็ยังไม่จบ หุ้นที่คุณเคยมีเมื่อ 10 ปีที่แล้ว หรือ 2 ปีที่แล้ว อาจจะกลับมามีความน่าสนใจในการลงทุนอีกครั้งก็เป็นได้ ดังนั้นการจดบันทึกเป็น diary เรื่องราวเกี่ยวกับหุ้นที่เคยซื้อ เคยขาย และเหตุผลในการซื้อขายก็จะทำให้เราสามารถกลับมาทบทวนได้เสมอ 16. การคัดเลือกหุ้นเป็นทั้งศิลปะและวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตาม การให้น้ำหนักทางด้านใด ด้านหนึ่งมากเกินไปก็จะก่อให้เกิดอันตรายได้ คนที่มุ่งเน้นแต่ในเรื่องของตัวเลขและงบดุลเพียงอย่างเดียว จะมีโอกาสประสบความสำเร็จน้อย เพราะถ้าหากคุณสามารถบอกอนาคตจากการดูงบดุลได้แล้วล่ะก็ นักคณิตศาสตร์และนักบัญชีจะกลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลกไปแล้วในขณะนี้ 17. เครื่องมือที่ซับซ้อนต่างๆ การใช้บริการข้อมูลของโบรกเกอร์ นักวิเคราะห์ ตามแหล่งข้อมูลต่างๆทั้งที่จ่ายเงินและไม่จ่ายเงินจะไม่มีประโยชน์เลย หากคุณไม่ได้ทำการบ้านเกี่ยวกับบริษัทด้วยตัวเอง เอาเวลาไปเดินตามศูนย์การค้าเพื่อตรวจสอบสินค้า ออกไปเสาะหาข้อมูลจริงๆจะดีกว่าถ้าทำได้ (Scuttlebut) 18. นักลงทุนรายย่อย ไม่จำเป็นต้องซื้อหุ้นเป็นร้อยๆตัวเหมือนผม (Lynch) ทั้งหมดที่พวกเขาต้องการคือ หาหุ้นที่กำไรมากๆสองสามตัวในทุกๆ 10 ปีเท่านั้น 19. ถ้าเราสนใจในบริษัทโตเร็วแห่งหนึ่งแต่ราคาสูงมากเกินไปแล้ว (PE สูงมาก) วิธีการที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์แบบนี้ก็คือ การซื้อหุ้นในจำนวนน้อยๆก่อนและค่อยซื้อเพิ่มในตอนที่ตลาดเกิดการเทขาย และสำหรับหุ้นโตเร็ว คุณสามารถที่จะรอจนเรื่องราวมันชัดเจนแล้วค่อยเข้าไปลงทุน คุณไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเข้าไปซื้อหุ้นในตอนเริ่มต้นในตอนที่ร้านกำลังขยายสาขาแค่ 100 สาขา เอาไว้ให้มีความชัดเจนมากขึ้น แล้วค่อยไปลงทุนก็ยังไม่สายเมื่อบริษัทขยายไปแล้ว 200 สาขา แต่ยังโตได้อีกเป็น 400 หรือ 500 หรือแม้กระทั่ง 1000 สาขา 20. หุ้นที่ขึ้นมาแล้ว 10 เท่าไม่ใช่มันจะไปต่อเป็น 20 เท่า 30 เท่าไม่ได้ ถ้าเรื่องราวมันยังดีอยู่ และมันยังโตต่อเนื่อง 21. เทคนิคหนึ่งที่ใช้ได้ผลครั้งแล้วครั้งเล่าก็คือ การรอคอยให้ความคิดเห็นส่วนใหญ่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมหนึ่งๆเปลี่ยนจากไม่ดีกลายมาเป็นแย่สุดๆ จากนั้นก็เข้าไปซื้อหุ้นของบริษัทที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม (แต่ก็ไม่เสมอไปให้ดูประกอบกับข้อมูลที่ว่าสถานการณ์มันกำลังจะดีขึ้น) 22. ในสภาวะที่เศรษฐกิจถดถอยมันไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตัวเลข SSS (same store sales) จะมีค่าลดลง แต่จะเป็นเรื่องแปลกถ้าหากพบว่าตัวเลข SSS มีค่าลดลงในสภาวะที่เศรษฐกิจดีขึ้น 23. วิธีการหนึ่งในการประเมินมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทก็คือ การเปรียบเทียบ market cap ของบริษัทที่ทำธุรกิจคล้ายๆกัน ดูว่าราคาของบริษัทที่เราสนใจในปัจจุบันมันสมเหตุสมผลหรือไม่ เมื่อเทียบกับบริษัทที่ใกล้เคียง ถ้ามันถูกต่างกันมากก็ให้ทำการวิเคราะห์ต่อว่ามันสมควรแล้วที่ถูก หรือถ้าเราไม่สามารถหาความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ อะไรก็คล้ายกันไปหมด ความสามารถในการทำกำไรก็ไม่ต่างกัน และพบว่ามันถูกแบบไร้เหตุผล ก็ให้ทำการเคาะขวาได้เลย อย่ารอช้าเดี๋ยวราคาหุ้นจะวิ่งหนีก่อน 24. เมื่อไหร่ก็ตามที่แม้กระทั่งนักวิเคราะห์เองก็เริ่มรู้สึกเบื่อ มันจะได้เวลาของการเริ่มซื้อหุ้น 25. S&L (saving and loan) เช่นกลุ่มธนาคาร ตัวเลขที่มีความสำคัญมากๆเช่น equity-to-assets ratio อย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่า 7.5% ยิ่งสูงยิ่งดี ตัวต่อมาคือ เงินปันผล BV PBV < 1 ยิ่งดี เปอร์เซ็นหนี้เสียน้อยๆ เปอร์เซ็นการให้สินเชื่ออสังหาฯเชิงพาณิชย์น้อยๆ กล่าวคือ ต้องดูพอร์ตสินเชื่อว่ามีโอกาสที่จะกลายเป็นหนี้สูญมากน้อยไหน 26. Lynch มักจะชอบกิจการที่ยอดเยี่ยมในอุตสาหกรรมที่ย่ำแย่ เพราะเขามีความเชื่อว่ากิจการเหล่านี้มีความแข็งแกร่ง สามารถรอดพ้นสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยได้ และสามารถได้ market share เพิ่มจากกิจการอื่นๆที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันแต่ได้ล้มหายตายจากไป 27. หากทุกๆอย่างดูเหมือนกันหมดให้ทำการลงทุนในกิจการที่มีรูปสีปรากฏอยู่ในรายงานประจำปีน้อยที่สุด 28. หุ้นศูนย์การค้าให้ดูพื้นที่เช่า ถ้าว่างมากไม่ดี และให้ดูการเซ็นสัญญาเช่าจริงๆเสียก่อน อย่าฟังแต่ข่าวว่าจะมาเช่า ให้ชัวร์ๆก่อนแล้วค่อยเข้าไปซื้อก็ได้ แพงเพิ่มอีกหน่อย แต่มั่นใจดี 29. ปันผลของหุ้นก็ให้ดูความสม่ำเสมอและแนวโน้มควรจะปันผลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามกำไรที่เพิ่มขึ้น หุ้นปันผลดี สม่ำเสมอ มักจะเป็น defensive stock ถ้าราคาลงก็เป็นโอกาสซื้อที่ดี แต่ต้องเช็คให้รอบด้านก่อนซักนิดก่อนซื้อ ก็จะปลอดภัย 30. ไม่ว่าเงินปันผลจะดีแค่ไหน ราคาหุ้นก็จะไม่ค่อยดีนัก หากผลกำไรของบริษัทไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 31. นักลงทุนควรจะตรวจสอบหุ้นทุกตัวในพอร์ตของตัวเองทีละตัว และดูว่ามีเหตุผลอะไรหรือป่าวที่จะทำให้ปีหน้ามันดีกว่านี้ หากคุณหาเหตุผลไม่เจอ คำถามที่คุณควรจะถามต่อไปก็คือ ทำไมผมจึงยังถือหุ้นตัวนี้อยู่? 32. การที่บริษัท X ทำการซื้อกิจการทั้งบริษัทของบริษัท Y มา ถ้าบริษัท X ซื้อมาในราคาแพงกว่ามูลค่าทางบัญชีของบริษัท Y บริษัท X จะต้องทำการบันทึก ค่าความนิยม (Goodwill) ในบัญชีสินทรัพย์ของตัวเองและทำการตัดจำหน่ายออกไปในจำนวนปีที่คิดว่าจะได้ประโยชน์จากค่าความนิยมนี้ ซึ่งต้นทุนค่าความนิยมนี้จะเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ซึ่งทำให้กำไรของบริษัทน้อยกว่าความเป็นจริง ดังนั้น การดูงบกระแสเงินสดจะช่วยได้ 33. ในบางกรณีบริษัทที่ทำธุรกิจโดยการกู้เงินมาลงทุนและต้องทำการจ่ายดอกเบี้ย ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่ กระแสเงินสดอิสระ (FCF) ที่บริษัทสามารถทำได้มีค่ามากกว่าดอกเบี้ยที่ต้องชำระมากๆเช่น สามถึงสี่เท่า ให้มั่นใจได้เลยว่าบริษัทเจ๊งยาก และมั่นคงพอสมควร 34. หุ้นยานยนต์ ในช่วงขาลงจะสังเกตเห็นยอดขายรถจริงจะต่ำกว่ายอดประมาณการมาก และยอดขายจะตกมากกว่าปีก่อนแม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะดีก็ตาม แต่ในทางกลับกันในสภาวะที่เป็นขาขึ้นของกลุ่มยานยนต์ ยอดขายจริงจะกลับมาสูงกว่ายอดขายประมาณการมาก และขาขึ้นจะกินเวลาประมาณ 4-5 ปี ดังนั้นเราอย่าพึ่งขายหมู ให้พยายามตักตวงสภาวะขาขึ้นก่อน ในทางขาลงระยะเวลาก็จะประมาณสี่ถึงห้าปีเช่นกัน 35. หุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภค จะเป็นหุ้นที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในแง่ของการไม่ตายไปจากตลาดได้โดยง่าย เพราะมีภาครัฐเข้ามาช่วยดูแลป้องกันการล้มละลายอีกชั้นหนึ่ง ดังนั้นหุ้นในกลุ่มนี้จะน่าสนใจลทุนในสภาวะที่กิจการอยู่ในช่วงยากลำบากและตลาดตกใจเทขายออกมา และสามารถทำกำไรได้อย่างงาม ช่วงเวลาที่ควรเข้าไปซื้อหุ้นในกลุ่มนี้คือเมื่อบริษัทประกาศงดจ่ายเงินปันผลและให้ถือไปจนกระทั่งบริษัทประกาศจ่ายปันผล 36. การที่หุ้นจะสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าที่ผู้คนในตลาดคาดการณ์กันเอาไว้ได้ บริษัทจะต้องได้รับการประเมินจากผู้คนทั่วไปในระดับที่แย่กว่าความเป็นจริง มิฉะนั้นราคาหุ้นมันก็คงจะอยู่ในระดับสูงตั้งแต่ตอนแรกแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่ความเห็นทั่วๆปมันออกมาในเชิงลบมากกว่าความเห็นของคุณ คุณจะต้องตรวจสอบข้อมูลซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้ตัวคุณเองมั่นใจว่าคุณไม่ได้มองโลกในแง่ดีแบบโง่ๆ 37. หุ้นที่สุดยอดแต่คนยังไม่เห็น ในที่สุดตลาดก็จะเริ่มมองเห็นว่าบริษัทนี้สามารถเติบโตในอัตรา 15-20% ต่อปีได้ ราคาหุ้นได้เพิ่มขึ้นจาก $16 ไปเป็น $ 42 ภายในหนึ่งปี กรณีนี้มันเป็นกรณีที่ความอดทนที่สะสมกันมานานหลายปี มันได้รับผลตอบแทนรวมอยู่ในปีเดียว ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆในตลาดหุ้น 38. เทคนิคในการเสาะหาหุ้นถูกภายในหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจที่มักได้ผลเสมอ คือ การเปรียบเทียบค่า P/E ของบริษัทต่างๆในกลุ่มเดียวกัน และดูตัวที่มีค่า P/E ต่ำสุดและหาเหตุผลให้ได้ว่าทำไมมันถูก ถ้าหาเหตุผลไม่เจอแสดงว่าคุณได้เจอของดีแล้ว 39. หุ้นเครือข่ายร้านอาหาร: บริษัทเครือข่ายร้านอาหารก็เหมือนกับบริษัทค้าปลีกที่จะสามารถเติบโตได้อีก 15-20 ปี แม้ว่าธุรกิจจะดูเหมือนเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันกันสูงมาก แต่กิจการร้านอาหารจะแตกต่างจากกิจการในกลุ่มอิเล็คทรอนิคส์หรือกิจการรองเท้า ซึ่งมันอาจจะถูกกระทบจากการนำสินค้าราคาถูกจากจีนหรือเกาหลีได้ สิ่งที่จะแยกแยะระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลวของเครือข่ายร้านอาหาร ก็คือ ผู้บริหารที่มีความสามารถ เงินทุนที่เพียงพอ และการขยายงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและเต็มไปด้วยความระมัดระวัง การขยายงานในธุรกิจนี้จะต้องเป็นไปอย่างช้าๆ แต่มั่นคง ถ้าขยายเร็วเกินไป อาจจะเกิดปัญหาได้ เพราะต้องมีการ train พนักงาน การเลือกทำเลที่เหมาะสม ปัจจัยที่เราจะต้องจับตาดูสำหรับกิจการค้าปลีกก็คือ sales and sales growth, same-store sales growth ต้องเพิ่มขึ้นทุกไตรมาส, D/E ต้องพอเหมาะ 40. หุ้นเครือข่ายร้านอาหารหรือค้าปลีก แม้ว่าจะมีค่า PE ทีสูงเป็น 30 เท่า แต่ก็เป็นหุ้นที่ควรค่าแก่การติดตาม 41. หุ้นของบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี แต่อยู่ในธุรกิจที่ถูกรุมล้อมไปด้วยข่าวร้ายสุดๆ สุดท้ายแล้วมันมักจะให้ผลตอบแทนสูงๆ 42. การปฏิเสธหุ้นตัวหนึ่งๆด้วยเหตุผลที่ว่า ราคาของมันได้เพิ่มขึ้นมาเป็นสองเท่าแล้ว สามเท่าแล้ว หรือแม้กระทั่งสี่เท่าแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ อาจจะเป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ก็เป็นได้ ไม่ว่านักลงทุนนับล้านคนจะได้กำไรหรือขาดทุนจากหุ้น Chrysler เมื่อเดือนที่แล้ว มันก็ไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเดือนถัดไปเลย ผมพยายามที่จะมองการลงทุนในแต่ละครั้งเหมือนกับว่าหุ้นตัวนั้นไม่เคยมีประวัติการซื้อขายมาก่อนเลยในอดีต ผมจะใช้แนวคิด “พิจารณาที่ราคานี้” ซึ่งราคาที่เคยเกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้ามันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย สิ่งที่สำคัญ คือ ระดับราคาหุ้นในปัจจุบันที่ $21 - $ 22 มันถูกหรือมันแพง เมื่อเทียบกับศักยภาพในการทำกำไรของบริษัทที่จะทำได้ที่ $5 - $7 43. หุ้นวัฏจักร: คุณไม่สามารถที่จะถือหุ้นวัฎจักรไว้ในลักษณะเดียวกันกับการถือหุ้นในบริษัทค้าปลีกในช่วงที่มันยังสามารถขยายงานอยู่ได้ การตรวจสอบประจำ 6 เดือน พอร์ตการลงทุนจะมีสุขภาพที่ดีได้ จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบอยู่เป็นประจำ ซึ่งอาจจะเป็นทุกไตรมาสหรือทุก 6 เดือน โดยการ เกาะติดเรื่องราวของบริษัท และต้องพยายามที่จะหาคำตอบให้กับพื้นฐานสองคำถามต่อไปนี้ 1. เมื่อพิจารณาถึงผลกำไรของบริษัทแล้ว ราคาหุ้นของบริษัทยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจอยู่หรือป่าว? 2. มีอะไรกำลังเกิดขึ้นในบริษัท ซึ่งจะไปผลักดันให้ผลกำไรของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นหรือป่าว? และคุณต้องได้ข้อสรุปหนึ่งสามข้อนี้ออกมา 1. เรื่องราวของบริษัทดูดีขึ้นและคุณอยากจะซื้อหุ้นเพิ่ม 2. เรื่องราวของบริษัทดูแย่ลงนะ และคุณอยากจะขายหุ้นออกไป 3. เรื่องราวของบริษัทยังคงเหมือนเดิม และคุณจะถือหุ้นนั้นเอาไว้ หรืออยากจะเปลี่ยนไปถือหุ้นที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจกว่านี้ กฎสำคัญ 24 ข้อของ Peter Lynch 1. การลงทุนมันเป็นเรื่องที่น่าสนุกและตื่นเต้น แต่มันก็เป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยอันตราย หากคุณไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย 2. มุมมองการลงทุนที่เหนือกว่าของคุณไม่ได้เป็นสิ่งที่คุณได้มาจาก wall street มันเป็นเรื่องที่คุณมีอยู่แล้วในตัว คุณจะสามารถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญได้ หากคุณใช้มุมมองที่เหนือกว่าของคุณไปลงทุนกับกิจการที่คุณมีความเข้าใจเป็นอย่างดี 3. ตลอดช่วงระยะเวลาสามทศวรรษที่ผ่านมา ตลาดหุ้นถูกครอบงำโดยเหล่านักลงทุนมืออาชีพ มันอาจจะฟังดูขัดแย้งกับความเชื่อทั่วๆไป แต่สภาพดังกล่าวมันกลับทำให้การลงทุนของนักลงทุนมือสมัครเล่น มันง่ายขึ้น คุณจะสามารถเอาชนะตลาดได้โดยการละเลยฝูงชน 4. เบื้องหลังของหุ้นทุกตัวก็คือบริษัท จงค้นหาดูว่า บริษัทเหล่านั้นทำธุรกิจอะไรบ้าง 5. บ่อยครั้งที่ราคาหุ้นและความสำเร็จของบริษัทมักจะไม่ไปด้วยกัน อย่างไรก็ตามในระยะยาวแล้ว ราคาหุ้นและความสำเร็จของบริษัทจะไปด้วยกันร้อยเปอร์เซ็นต์เสมอ 6. ก่อนจะทำการซื้อหุ้น คุณต้องรู้ว่า ทำไมคุณต้องซื้อมัน หุ้นตัวนี้กำลังจะขึ้นมันไม่ใช่เหตุผล 7. บริษัทที่ประสบปัญหา มักจะมีเหตุการณ์ที่ผิดคาดเกิดขึ้นอยู่เสมอ 8. การเป็นเจ้าของหุ้นก็จะคล้ายๆกับการมีลูก ดังนั้นอย่ามีมากตัวจนเกินไป ห้าตัวกำลังดีและคุณสามารถติดตามดูแลเรื่องราวได้อย่างมีประสิทธิภาพ 9. หากคุณไม่สามารถค้นหาบริษัทที่น่าสนใจในการลงทุน การฝากเงินไว้ก่อนก็ไม่เห็นเสียหายอะไรนี่ 10. อย่าลงทุนในบริษัทใดๆ โดยที่คุณยังไม่ได้เข้าใจฐานะการเงินของบริษัทนั้น 11. หลีกเลี่ยงหุ้นร้อนอุตสาหกรรมที่ร้อนแรง บริษัทชั้นเยี่ยมในอุตสาหกรรมที่ไม่มีการเติบโต มักจะเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงๆ 12. สำหรับการลงทุนในบริษัทขนาดเล็ก คุณควรจะรอพวกมันให้มีผลกำไรที่ชัดเจนก่อนแล้วค่อยเข้าไปลงทุน 13. หากคุณจะลงทุนในอุตสาหกรรมที่กำลังประสบปัญหา ให้เลือกบริษัทที่มีงบดุลแข็งแกร่ง และจะสามารถอยู่รอดได้และให้รอจนกว่าจะมีสัญญาณของการฟื้นตัวที่ชัดเจนก่อน อุตสาหกรรมรถม้าและวิทยุเป็นอุตสาหกรรมเป็นอุตสาหกรรมที่ประสบปัญหาและมันก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย 14. เงินลงทุนของคุณ 10,000 บาทในการซื้อหุ้น ทั้งหมดที่คุณจะขาดทุนได้ คือ 10,000 บาท แต่คุณอาจจะได้กำไร 10,000 หรือ 50,000 หรือแม้กระทั่ง 100,000 บาท หากคุณมีความอดทน นักลงทุนทั่วๆไปจะสามารถมุ่งเน้นไปที่บริษัทชั้นดีเพียงสองหรือสามแห่งเท่านั้น คุณค่าของการลงทุนทั้งชีวิตจะอาศัยหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงมากๆเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น 15. ในทุกๆอุตสาหกรรมและในทุกๆพื้นที่ของประเทศ นักลงทุนมือสมัครเล่นจะสามารถพบเจอบริษัทโตเร็วชั้นเยี่ยมได้ก่อนนักลงทุนมืออาชีพนานเลยทีเดียว 16. การตกต่ำของตลาดหุ้นก็ไม่ต่างอะไรกับการเกิดพายุหิมะ หากคุณมีการเตรียมตัวที่ดี มันจะไม่สามารถทำร้ายคุณได้ การตกลงของราหุ้นจะเป็นโอกาสของการซื้อมากกว่าโอกาสของการขาย 17. ใครๆก็มีสติปัญญาสูงพอที่จะทำกำไรจากตลาดหุ้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีสภาวะอารมณ์อันเหมาะสม หากคุณมีแนวโน้มที่จะขายทุกสิ่งทุกอย่างอกไปในสภาวะของการตื่นตระหนก คุณก็ควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นซะ 18. มันมีบางสิ่งบางอย่างให้วิตกกังวลอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการคิดวิตกกังวลในช่วงสุดสัปดาห์ และจงละเลยการคาดการณ์การอันเลวร้ายตามรายการโทรทัศน์และรายกาวิทยุต่างๆ ขายหุ้นออกไปก็ต่อเมื่อกิจการของคุณมีพื้นฐานที่เปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงหรือเมื่อราคามันขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล (overvalue) แต่ไม่ใช่ขายเพราะกลัวว่าฟ้าจะถล่ม 19. หากคุณทำการศึกษาบริษัท 10 แห่ง คุณจะพบบริษัทแห่งหนึ่งที่มีเรื่องราวที่ดีกว่าที่คุณคิด และหากคุณศึกษา 50 แห่ง คุณก็มักจะพบบริษัท 5 แห่งที่ดีกกว่าที่คุณคิด มันมีความประหลาดใจที่น่ายินดีให้เราได้ค้นหาเสมอในตลาดหุ้น ผมหมายถึงบริษัทชั้นดีที่มักถูกมองข้ามโดยตลาด wall street 20. หากคุณไม่ได้ศึกษาบริษัทใดเลย การลงทุนของคุณก็จะเหมือนกับการเดิมพันในการเล่นไพ่โป๊กเกอร์ โดยที่ไม่ได้ดูไพ่ 21. เวลาจะอยู่ข้างเดียวกับคุณ หากคุณลงทุนในบริษัทชั้นเยี่ยม คุณสามารถที่จะรอได้ กระทั่งว่าคุณพลาดการลงทุนในหุ้น wal-mart ในช่วงระยะเวลาห้าปีแรก มันก็ยังเป็นหุ้นที่น่าซื้อยู่ในอีกห้าปีต่อมา เวลาจะเป็นศัตรูกับคุณหากคุณซื้อ options 22. หากคุณพบว่าคุณเป็นคนที่มีภาวะอารมณ์ที่เหมาะสมกับการลงทุนในหุ้น แต่ไม่มีเวลาหรือไม่อยากที่จะทำการศึกษาบริษัท ก็สามารถลงทุนในกองทุนหุ้นได้ 23. ไม่มีใครที่จะสามารถทำนายอัตราดอกเบี้ย ทิศทางเศรษฐกิจในอนาคตหรือตลาดหุ้นได้ เลิกฟังการคาดการณ์เหล่านั้น และมุ่งเน้นไปยังสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับบริษัทที่คุณกำลังลงทุนอยู่ 24. ในระยะยาวแล้ว portfolio ที่ประกอบไปด้วยหุ้นที่ได้รับการคัดสรรอย่างดีแล้วจะให้ผลตอบแทนสูงกว่า portfolio ที่ประกอบไปด้วยตราสารหนี้หรือตลาดเงิน แต่ portfolio ของหุ้นที่ได้รับการคัดสรรมาแบบแย่ๆ จะไม่สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการเก็บเงินไว้ไต้พรมเสียอีก
โดย
viim
ศุกร์ ก.พ. 10, 2012 2:47 pm
0
120
Re: Free cash flow นี้เท่ากับ ebitda - capex เหรอครับ
น่าจะเป็น 1-T หรือป่าวครับ ไม่ใช่ T-1 ไม่งั้นติดลบนะครับ :)
โดย
viim
พฤหัสฯ. ก.พ. 09, 2012 10:55 am
0
0
202 โพสต์
of 5
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
viim
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
งานอดิเรก:
Investment, traveling
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อังคาร ก.พ. 22, 2011 8:54 am
ใช้งานล่าสุด:
-
โพสต์ทั้งหมด:
551 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.03% จากโพสทั้งหมด / 0.11 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว