หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
yakjabon
Invincible MOS is knowing what you're doing
Joined: อาทิตย์ พ.ค. 22, 2011 8:03 pm
314
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - yakjabon
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: เพื่อน ๆ TVI คิดยังไงกับรถไฟฟ้าตอนนี้ จะเริ่มใช้รถไฟฟ้ากันเมื่อไหร่
สวัสดีครับพี่ X :) บ้านเรายังต้องพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านอยู่ ไม่เหมือนประเทศทางแถบยุโรปที่เขาทำได้จริง เนื่องจากลักษณะภูมิศาสตร์ด้านประชากรและ infrastructure ของเขา ฉะนั้นถ้ากระแส รฟฟ จะมาบ้านเราแบบ scale จริงคงต้องไขสมการว่าจะเอาเปล่งผลิตไฟฟ้าส่วนเพิ่มมากมายมาจากไหนก่อนครับ และจะเอาเงินลงทุนมาจากไหนเพื่อผลิตไฟฟ้าเหล่านั้น จะกระทบต้นทุนการผลิตและค่าครองชีพของบ้านเรามั้ย ฯลฯ
โดย
yakjabon
อาทิตย์ พ.ย. 20, 2022 4:42 am
0
0
Re: 10 ล้านบาทแรกในชีวิต (ลอกจาก Post คุณ Skyforever)
น้องใหม่ ขอปักหลักด้วยครับ :B .. ขอสัญญากับตัวเองว่าจะทำเต็มที่และไม่ท้อ .. อีก 10 ปีเราเจอกัน 10M :-D ! กลับมาแล้ว 10 ปีพอดี ที่ทำได้ตามที่เคยสัญญาไว้กับตัวเองในกระทู้นี้ จริงๆเกิน 10M ไปเร็วกว่าที่คาดไว้สักครึ่งเวลาได้ แต่หนทางใดๆย่อมมีความไม่แน่นอน ทั้งวันที่อะไรๆก็เป็นใจและวันที่อะไรๆก็ดูจะไม่เป็นดั่งคิดซะหมด ฉะนั้นจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างระมัดระวัง และเข้าใจในสัจธรรมให้มากที่สุด :)
โดย
yakjabon
อาทิตย์ ก.ค. 10, 2022 8:44 am
0
11
Re: **วันนี้10.00โมง**เปิดรับงานสังสรรค์ VIประจำปี 61(ครั้งท
yakjabon / สมาชิกสมาคม / 1ที่นั่ง / 1,440.00 บาท / SCB / 27-09-2561 /10:17
โดย
yakjabon
พฤหัสฯ. ก.ย. 27, 2018 10:26 am
0
0
Re: “มองหาไอเดียการลงทุน"งานสังสรรค์ VI-59 ครั้งที่2 (ห้ามพล
yakjabon / สมาชิกสมาคม / 1ที่นั่ง / 1,350.00 บาท / SCB / 22-08-2559 /10:02
โดย
yakjabon
จันทร์ ส.ค. 22, 2016 10:05 am
0
0
Re: **วันนี้ 10.00 น. เปิดจองงานสังสรรค์ VI ประจำปี 2559**
yakjabon / สมาชิกสมาคม / 1ที่นั่ง / 1,170.00 บาท / SCB / 29-02-2559 /10:02
โดย
yakjabon
จันทร์ ก.พ. 29, 2016 10:05 am
0
0
Re: กระทู้รับสมัครหลักสูตรการลงทุนเน้นคุณค่ารุ่น 8
สมัครเรียน
โดย
yakjabon
จันทร์ มิ.ย. 22, 2015 9:00 am
0
0
Re: มีพี่ๆ คนไหนจำความรู้สึกตอนที่เข้ามาตลาดหุ้นครั้งแรก
ทัศนคติในการลงทุนเยี่ยมจริงๆ ครับ พอจะเล่ารายละเอียดของหลักการในการคัดเลือกหุ้นที่สนใจลงทุนมั้ยครับ ยินดีครับ การคัดเลือกหุ้นของผมปัจจุบันคงแบ่งเป็น 2 ขั้นตอนหลักๆ คือ กรองหุ้น แล้ว วิเคราะห์หุ้น 1) กรองหุ้น .. เนื่องจากหุ้นในตลาดมีเยอะมาก การพลิกหินทุกก้อนย่อมมีโอกาสเจอขุมทรัพย์มากกว่าเป็นเรื่องที่จริงครับ แต่ทุกคนมีต้นทุนเวลาไม่เท่ากัน สำหรับคนที่มีเวลาไม่มากพอที่จะพลิกหินทุกก้อน การเลือกว่าพลิกหินก้อนไหน ก่อน ดีจะมีโอกาสชนะมากกว่าตามกฎ 80/20 ( http://en.wikipedia.org/wiki/Pareto_principle ) และใช้เวลาคุ้มค่าที่สุด จึงเป็นส่วนสำคัญ ผมแบ่งเป็นประเภทย่อยได้ตามนี้ครับ: 1.1) กรองหุ้นผ่านการใช้ชีวิตประจำวัน (ไม่จำเป็นต้องมีเวลาว่างเป็นพิเศษ ทำตัวตามธรรมชาติ) .. อาทิเช่น 1.1.1) อ่านหนังสือพิมพ์ตอนเช้าๆ ... เวลาเดินทางไปทำงานขณะอยู่บนรถไฟฟ้าหรือรถประจำทาง (ถ้าใครเคยอ่าน Common Stocks and Uncommon Profits ของ Philip A. Fisher กับชีวประวัติของเขา ในวันธรรมดาผมก็ใช้ชีวิตคล้ายๆอย่างนั้น) เพื่อหาข่าวสารที่อาจมีผลกระทบกับอุตฯของบริษัทที่เราถืออยู่และอุตฯอื่นๆที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจที่อาจมีผลต่อกิจการโดยรวม ผมจะอ่านเฉพาะ fact ที่เกิดขึ้นจริงแล้วหรือมีการเซ็นต์สัญญาแล้วหรือมีการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรมแล้วของผู้บริหารเท่านั้น ผมจะอ่านข้ามข่าวเก็ง ข่าวลือ ใครจะคาดอย่างนั้น เซียนว่าอย่างนี้ เพราะมันจะทำให้การวิเคราะห์มี bias เพิ่มขึ้น (และไม่มีประโยชน์เพราะผลเกิดขึ้นจากการกระทำ และผู้มีอำนาจกระทำ คือ ผู้บริหารในบริษัทเท่านั้น ไม่ใช่เซียน) ถ้ามีอุตฯไหนที่เข้าตาก็จะจำไว้เพื่อนำมากรองหุ้นแบบนั่งกรองกันเลยจริงๆ (ข้อ 1.2.1) เพื่อ scope down ให้เหลือแค่ 1-2 บริษัทสำหรับวิเคราะห์ (ข้อ 2) ในภายหลังเมื่อมีเวลา 1.1.2) พลิกทุกอย่างที่กินที่ใช้ ... โดยเฉพาะที่ชอบ ผมชอบลองกิน ลองใช้อะไรใหม่ๆ และผมจะพลิกดูชื่อผู้ผลิตและบริษัทจัดจำหน่ายทุกครั้ง รวมถึงบริการของสถานที่ต่างๆที่เราไปใช้บริการ แล้วพยายามโยงความสัมพันธ์กับฐานข้อมูลธุรกิจในไทยที่เราเคยมีในหัวเดิม แล้วคิดว่ามีโอกาสรุ่งมั้ย ถ้ามีก็จำไว้เพื่อนำไปวิเคราะห์ (ข้อ 2) ในภายหลังเมื่อมีเวลา 1.1.3) คนอื่นเขาว่าดี ... ในที่นี้ไม่ใช่หุ้น แต่เวลาคนรอบตัวทั้ง พ่อแม่, พี่น้อง, แฟน, เพื่อน, หัวหน้า, ลูกน้อง, คนรู้จัก, คนเดินสวนกันแล้วเขาคุยกับเพื่อนข้างๆ หรือกระทั่งกระทู้ใน facebook line twitter พันทิพ พันแท้ พันอะไรต่างๆ ฯลฯ บอกว่าผลิตภัณฑ์ไหนออกใหม่มาดี ร้านอาหารเปิดใหม่อร่อยฝุดๆต้องลอง ก็เร่งเข้าสอบถามอากู๋ Google หาข้อมูลผู้ผลิตและบริษัทจัดจำหน่าย แล้วพยายามโยงความสัมพันธ์กับฐานข้อมูลธุรกิจในไทยที่เราเคยมีในหัวเดิม แล้วคิดว่ามีโอกาสรุ่งมั้ย ถ้ามีก็จำไว้เพื่อนำไปวิเคราะห์ (ข้อ 2) ในภายหลังเมื่อมีเวลา 1.1.4) ข้อมูล Insider จากงานที่ทำ ... บางคนใช้วิธีนี้ แต่ผมขอไม่ใช้ด้วยความเชื่อส่วนตัวว่า เราไม่ชอบให้คนอื่นโกง เราก็อย่าโกงเสียเอง ผมเลยไม่ลงทุนในอุตฯที่เราทำงานในหมวกของลูกจ้างที่อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนโดยตรงครับ 1.1.5) คุยกับเพื่อนคอเดียวกัน ... ถ้าเป็นเพื่อน VI ด้วยกันที่เรารู้ว่าเขามีสไตล์การมองธุรกิจคล้ายๆเรา บางครั้งก็ได้บริษัทที่เราคิดว่าน่าสนใจเพื่อนำไปวิเคราะห์ (ข้อ 2) ในภายหลังเมื่อมีเวลา (อย่าเชื่อ เพียงเพราะคนอื่นเชื่อ ต้องเชื่อเพราะเราประจักษ์แล้วด้วยตัวเอง) 1.2) กรองหุ้นแบบนั่งกรองกันเลยจริงๆ (อันนี้ต้องมีเวลาว่าง มี laptop 1 เครื่อง มีอินเตอร์เน็ตต่อได้ แล้วลุยกัน) .. อาทิเช่น 1.2.1) กรองงบการเงินด้วยอัตราส่วนต่างๆ ... อันนี้น่าจะมีคนเขียนรายละเอียดไว้เยอะอยู่แล้วครับ ลองหาหนังสืออ่านได้ แล้วแต่ใครศรัทธาอัตราส่วนไหนบ้างนำมาใช้ทุกตัวแล้วแต่อุตฯที่เหมาะสมด้วย เช่น P/E, P/BV, D/E, CL/CA, % growth yoy, Dividend yield, Dividend payout ratio, Market capital, Market share, ROE, ROA, GPM, NPM, PEG, PEGR, ... (โอว เยอะ!) หรือจะสร้างอัตราส่วนของตัวเองเพื่อใช้ในการคัดกรองก็ได้ครับ แล้วแต่ศรัทธา โดย common sense เราจะทราบอยู่แล้วว่าตัวเลขไหนคือ ดี ตัวเลขไหนคือ โยนทิ้งเถอะ แล้วเรียงบริษัททั้งตลาดเลยจากตัวเลขดีสุดของอัตราส่วนที่เราเลือกมาใช้ แล้วโหลดงบสามเทพ (I/S, B/S, CF/S) มา scan (ดูคร่าวๆนะครับ ยังไม่ดูละเอียด) จนได้ short list ที่เราคิดว่า scan แล้วดูพอมีอนาคตมาเพื่อนำไปวิเคราะห์ต่อ (ข้อ 2) ในภายหลังเมื่อมีเวลา (จากประสบการณ์ถ้านั่งร้านกาแฟตั้งแต่ห้างเปิดยันมื้อเย็นก็น่าจะscan ได้สัก 200+ ตัว แต่ short list มาได้ไม่เกิน 5 ตัว ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นเราใช้อัตราส่วนไหนเป็นเกณฑ์) 1.2.2) Demographic analysis ... เป็นการวิเคราะห์เชิงทำเลที่ตั้ง โดยผมใช้หลัก Diamond Model ของ Michael E. Porter ตามที่เคยเรียนวิชา Microeconomics มาวิเคราะห์ ( http://en.wikipedia.org/wiki/Diamond_model ) ก็ต้องกำหนดก่อนว่าเราจะมองภาพใหญ่แค่ไหน เช่น ตลาดเอเชีย, ตลาดอาเซียน, ตลาดไทย, หรือเฉพาะภาคเหนือ-กลาง-ใต้-ออก-ตก ซึ่งจะช่วยให้เรา scope down อุตฯที่เราควรจะสนใจได้ ก่อนจะนำไปกรองละเอียด (ข้อ 1.2.1) เพื่อ scope down ให้เหลือแค่ 1-2 บริษัทสำหรับวิเคราะห์ (ข้อ 2) ในภายหลังเมื่อมีเวลา 1.2.3) ฟังสัมมนา ... ตามนั้นครับ บางทีวิทยากรก็อาจพูดถึง Mega Trend หรือบริษัทมาแรง หรือหุ้นเด็ดที่เราอาจสนใจและนำไปวิเคราะห์ (ข้อ 2) ในภายหลังเมื่อมีเวลา แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่า (แค่เชื่อแบบไม่มีหลักการ) ข้อมูลที่ได้จากการสัมมนาใหญ่ๆโดยเฉพาะตลาดร้อนๆช่วงนี้ มักเป็นข้อมูลของตลาดวายแล้ว เลยบางทีทำตรงกันข้าม คือ บริษัทที่ถูกเอ่ยถึงในงานสัมมนาแทนที่จะนำไปวิเคราะห์ต่อ กลับหลีกเลี่ยงที่จะสนใจเพราะคงมีโบรกเกอร์อีกเป็นร้อยที่มีเวลายิ่งกว่า full-time และนักลงทุนรายย่อยอีกเป็นพันกำลังจ้องตัวนั้นอยู่ (อันนี้ คือ วิธีกรองหุ้นเท่าที่นึกได้ตอนนี้ครับ) 2) วิเคราะห์หุ้น .. คร่าวๆที่ผมวิเคราะห์ คือ งบสามเทพย้อนหลังอย่างน้อย 10 ปีและอย่างละเอียดรายไตรมาสย้อนหลังอย่างน้อย 3 ปี, อัตราส่วนทางการเงินเพื่อการดำเนินธุรกิจ, เป้าหมายและทัศนคติของบริษัท, Five Force (+1), 4P (+1), ผู้บริหาร, โครงสร้างผู้ถือหุ้นและโครงสร้างทุน, Organization chart, SWOT, SPEELTD, กลยุทธ์ของบริษัท (แบ่งปัน Offensive, Defensive, Win without War), Diamond Model, Scuttlebutt (เกี่ยวกับธุรกิจ เช่น Customer, Supplier, Competitor, ลองใช้เอง), Scuttlebutt (นักลงทุน VI ด้วยกัน), สรุปข้อดี-ข้อเสียบริษัทใน 2 นาที (ตามสูตร One Up on Wall street โดย Peter Lynch คือ ถ้าคุณคิดแล้วว่าคุณเข้าใจจริง ไหนลองสรุปให้เพื่อนข้างๆที่ไม่รู้จักบริษัทนี้เลยภายใน 2 นาทีสิ) และสุดท้าย คือ วิเคราะห์ ราคา Price spread เทียบกับผลตอบแทนและ MOS ในใจ เขียนไปเขียนมาเริ่มยาวครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆนักลงทุนคนอื่นๆไม่มากก็น้อยมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และช่วยกันปรัปรุงคุณภาพการวิเคราะห์ของแต่ละคนกันนะครับ ไว้ถ้าสนใจ มีเวลา จะมาเขียนต่อรายละเอียดของการวิเคราะห์หุ้น (ข้อ 2) ครับ หรือถ้าสนใจถามรายละเอียดเพิ่มเติมของการกรองหุ้น (ข้อ 1) ก็ถามได้ครับ :B หมายเหตุ: รวมทฤษฎีทางวิชาการที่ผมนำมาวิเคราะห์หุ้นโดยสามารถเข้า wiki (http://en.wikipedia.org/) แล้ว search keyword ตามด้านล่าง (ความรู้ฟรี) ดังนี้ครับ - Theory of planned behavior - Strategic planning - Value theory - Porter five forces analysis - Marketing mix - Capital structure - Enterprise value - Cost of capital - Weighted average cost of capital - Shareholder - Shareholder value - Organizational chart - Organizational structure - SWOT analysis - PEST analysis - Strategic management - Game theory - Strategic thinking - Diamond model - Market research - Mystery shopping - Competitive advantage - Gambler's fallacy - Herd mentality - Stock selection criterion
โดย
yakjabon
เสาร์ เม.ย. 04, 2015 1:14 pm
0
16
Re: มีพี่ๆ คนไหนจำความรู้สึกตอนที่เข้ามาตลาดหุ้นครั้งแรก
จุดเริ่มต้นคล้ายๆ จขกท. ครับ "ทำงานด้วย เรียนด้วย อายุก็เริ่มเยอะ เงินลงทุนค่อนข้างน้อย .. เห็นอนาคตและการเปลี่ยนแปลงของบริษัทเอกชนสมัยนี้แล้ว เป็นลูกจ้างอย่างเดียวไปจนตายคงไม่รอด (เวลาเขาลอยแพก็ตัวใครตัวมันนะ) ออกมาเริ่มธุรกิจแบบไม่มี background เครือญาติ วงตระกูลอะไรที่เกี่ยวกับธุรกิจเลยก็ไม่น่ารอดเหมือนกัน (ขาดประสบการณ์ ขาด network ขาดคนแนะนำที่ดี ลองมาแล้ว เจ๊ง)" .. ถ้าอ่าน Rich Dad Poor Dad ก็พอจะนึกได้ว่าทรัพย์สินที่ควรมีก็มีประมาณ 5-6 อย่าง (หุ้น, พันธบัตร, สิทธิบัตร, ..) สำรวจสไตล์และความชอบตัวเองแล้วก็คิดว่าหุ้นนี่ละ น่าจะเหมาะ ก่อนจะเริ่มลงทุน สำคัญกว่า "หุ้นตัวไหน" คือ "หลักการไหน" ที่ใช่สำหรับผม ผมไม่คิดว่ามันเป็นของเล่น ดังนั้นหลักการควรต้องมีเหตุมีผลมากพอที่จะทำให้ผมเชื่อ ก่อนที่จะเสี่ยงนำเงินที่หามาจากน้ำพักน้ำแรงของตนเองร่วม 20 ปี (รวมเวลาทำงานเล็กๆน้อยๆและเก็บเงินตั้งแต่เด็ก) เข้าไปเสี่ยง ตั้งแต่เรียนมหาลัย เพื่อนรอบตัว, อาจารย์, Set in the City หรือ บลจ. หรือ ผู้แนะนำการลงทุนกว่า 80% (คิดว่า) ในสมัยนั้น (หรืออาจสมัยนี้ด้วย) จะพูดถึงแต่กราฟ พยายามหาสมการลึกลับซ่อนเร้นในราคาหุ้น หรือสร้างความเชื่อลมๆแล้งๆว่าซื้อไปเหอะ นานๆเดี๋ยวมันก็ขึ้น ถามไปลึกๆว่า ทำไม ทำไม ทำไม ซัก 3 ชั้นขึ้นไปก็เริ่มตอบไม่ได้ เป็นอย่างนี้ร่วม 4-5 ปี (ก็ยังไม่เริ่มเพราะทุกคำตอบยังทำให้ผมรู้สึกว่ามันเหมือนการพนัน) จนมีโอกาสได้ไปเรียนป.โทที่คณะบริหารธุรกิจที่อ.ไพบูลย์เป็นหนึ่งในทีมงานผู้สอนร่วมถึงปรมาจารย์อีกหลายๆท่านในคณะทื่มีพระคุณให้ความรู้ความเข้าใจในหลักการคิดของธุรกิจ การอ่านงบการเงิน การจัดการองค์กร และไม่เบื่อที่จะตอบคำถามจนถึงแก่นที่เราเชื่อว่ามันเป็นหลักการที่มีความน่าจะเป็นสูงมากในการนำมาปฎิบัติ (ซึ่งก็คล้ายๆกับหลักการ VI ละครับ) จบมา หลายๆคนอาจโยนตำราทิ้ง แต่ผมเสียดาย เงินเรียนก็หามาได้จากการทำงานอันเหน็ดเหนื่อย เลยนำวิชาและหลักการที่เป็นหัวใจของคณะบริหารธุรกิจทุกวิชามาทำเป็น check list แล้วเริ่มจากบริษัทใน ตลท. ที่คิดว่าใกล้ตัวที่สุดกับตอนที่ทำงานเป็นลูกจ้าง หรือที่เราคิดว่าเข้าใจธุรกิจนั้นได้มากที่สุด มาไล่วิเคราะห์ตาม checklist เลย เรียกว่าวิเคราะห์หุ้นตัวแรกนี่ เปิด text ไป วิเคราะห์ไปเหมือนทำ Thesis แต่ผมไม่เห็นคะแนนหรือใบเกรดจากอาจารย์อยู่ที่ปลายอุโมงค์ ผมเห็นแต่อนาคตบริษัทที่จะสดใสและทำเงินคืนมาได้อย่างยั่งยืน (หรือ ณ ช่วงเวลา cycle ของธุรกิจนั้นๆ) ซึ่งจะเป็นรางวัลจากการวิเคราะห์อย่างละเอียดที่ทำอยู่ ไม่มีอาจารย์มาตรวจ ไม่มีหัวหน้ามาจี้ ไม่มีพ่อแม่มาเข็น มีแต่เรา ความรู้ เงินเรา ความเสี่ยงเรา เวลาเรา ชีวิตของเรา (และครอบครัวที่เราดูแลอยู่ข้างหลัง) ปัจจุบันลงทุนมาได้ 5-6 ปีแล้วครับ ผลประกอบการ (โดยผมทำบัญชีทั้ง 3 งบของพอร์ตการลงทุนเสมือนเป็นบริษัทๆหนึ่ง ในการประเมินผลงานทุกปีต่อปี) ก็เติบโตทุกปี ชนะตลาดเสมอ รายละเอียดก็คงไม่ต่างกับพี่ๆ VI ท่านอื่นๆ ขนาดพอร์ตรวมทั้งเงินที่ได้จากการลงทุนและเงินเก็บ (ยิ่งรู้ว่าลงทุนแล้วมันงอกเงยยิ่งมีแรงจูงใจในการเก็บเงินมากขึ้น) ก็โตขึ้นมาหลายเท่าอย่างที่ไม่เคยคิด (โดยเฉพาะตอนเป็นลูกจ้างอย่างเดียวคงรู้สึกว่าเงินตอนนี้มันฝันกลางวันชัดๆ) และก็คงจะหมั่นศึกษา, ทำงานหาเงินเพิ่ม และมาลงทุนไปเรื่อยๆครับ ด้วยใจเป็นอยู่ที่พอเพียง .. จบ :)
โดย
yakjabon
จันทร์ มี.ค. 30, 2015 5:41 am
0
10
Re: ของดีที่ผมพลาดมาหลายปี
นับถือในความตั้งใจของคุณโจจริงๆที่กล้าประกาศว่าจะเลิกเยี่ยมชมกิจการอีกต่อไปเพื่อลดความไม่เท่าเทียมกันของการรับข้อมูล ไม่ได้บอกว่าการเยี่ยมชมกิจการนั้นไม่ดีนะครับ เพราะบางบริษัทไม่ชอบมา opp day แต่ก็เปิดโอกาสให้นักลงทุนได้เยี่ยมกิจการเพื่อความเข้าใจเพิ่มขึ้น ส่วนข้อมูลที่ผู้บริหารให้นั้นก็ไม่แน่ว่าจะเป็นข้อมูลที่แน่นอนมากเสียเมื่อไหร่ ต้องฟังหูไว้หูอยู่ดี บางทีการเสพอะไรมากเกินไป ก็อาจส่งผลเสีย โดยเฉพาะข้อมูลที่ผู้ส่งสารเขาตั้งใจปรุงแต่งให้ผู้รับสารเสพ คงต้องดูเจตนาว่าทำไมเขาถึงส่งข้อมูลนั้นออกมาพิจารณาประกอบ ... อีกอย่าง หลายๆสิ่งรวมถึงกิจการถ้าเราดูใกล้เกินไปเราก็มักจะมองไม่เห็นภาพใหญ่ แต่ถ้าเราถอยออกมาห่างเกินไป เราก็จะมองไม่เห็นปัญหาข้างในที่แอบซ่อนอยู่เช่นกัน เดินทางสายกลางคงดีที่สุด :B
โดย
yakjabon
อาทิตย์ ก.พ. 01, 2015 6:09 am
0
1
Re: คำถามที่ไม่เคยถาม/วิบูลย์ พึงประเสริฐ
จำได้ว่ามี speech นึงของ Warren Buffett ที่มหาวิทยาลัยนึง เขาบอกเองว่า "I don't understand why people would like to be like me. I'm obsolete but you are the future." ไรประมาณนี้น่ะครับ ถ้า Warren เองไม่เคยตั้งคำถามกับหลักการของ Graham ก็คงไม่มี WB ในวันนี้ และผมเชื่อว่าคงมี Great investor ปี 2040 อีกหลายคนที่ตอนนี้กำลังตั้งคำถามกับวิธีการปัจจุบัน มันเป็นพัฒนาการ เป็นสัจธรรม ไม่ว่ารูปธรรมหรือนามธรรมฉันใดก็ฉันนั้น แต่พุดงี้เดี๋ยวแฟนคลับปู่บัฟจะโกรธเอา ก็ขออ้างหลักคำสอนของพุทธศาสนาเราอย่างนึงละกันครับ ว่า "อย่าเชื่อ (ถ้าเราไม่ได้ประจักษ์แจ้งด้วยตนเอง)" .. Invincible MOS is knowing what you are doing ครับ :) คำถามแท้จริง ที่ไม่มีใครถาม คือ “แล้วมีวิธีการอื่นที่เหนือกว่าวอร์เรน บัฟเฟตต์หรือไม่?” เคยได้ยินมั๊ยครับ ไม่มี ไม่มีใครถาม เพราะคำถามนี้ท้าทายความเชื่อ เพราะนักลงทุนติดกรอบไปแล้ว มันมีกรอบความคิดไปแล้วแงะไม่ได้แล้ว วอร์เรนเอง ก็มีช่วงเวลาที่ดีและช่วงเวลาที่ไม่ดี ถึงกับเคยบอกว่าเค้าอาจจะไม่สามารถทำอัตราผลตอบแทนสูง ๆ ได้อีกแล้ว นี่ต่างหากเล่าคือคำถามที่ควรจะถาม เราจะเป็นนักลงทุนอย่างคุณค่าอย่างแท้จริง หากเราใช้ประโยชน์จากคำถามอย่างมีเหตุผล แม้ว่าในที่สุดแล้วเราอาจจะก้าวข้ามคำถามนี้ไม่ได้ แต่มันมีประโยชน์ที่เราจะพยายามตอบ ตอบอย่างมีเหตุผลและไม่ใช่อารมณ์ อนาคตจะมีคนรุ่นใหม่เกิดขึ้น และความสำเร็จเหล่านั้นจะพัฒนาต่อยอดแน่นอน
โดย
yakjabon
ศุกร์ พ.ย. 28, 2014 1:46 pm
0
7
Re: 10 ล้านบาทแรกในชีวิต (ลอกจาก Post คุณ Skyforever)
Port ยังไม่ถึงแปดหลัก แต่วันนี้ขอมาปักหมุด ได้ milestone มูลค่าในพอร์ตโตขึ้นมาจนเท่ากับหนี้บ้านที่เหลืออยู่ครับ เมื่อห้าปีที่แล้วพอร์ตวิ่งมาจากหลักแสน หนี้บ้านลงมาจากห้าล้านกว่า วันนี้เท่ากันแล้ว เป้าต่อไป หวังว่าพอร์ตจะแซงหนี้บ้านไปเยอะ ๆ จนเอาออกมาโปะบ้านได้หมดและเหลือเงินในพอร์ตครึ่งของแปดหลักครับ ปล. ยังไม่นับหนี้คอนโดที่ซื้อไว้ให้เช่า แพงกว่าบ้านอีก พิมพ์ด้วยมือถือ ผิดหลายคำเลย ขอแก้คำผิดหน่อยครับ 555 ยินดีด้วยครับพี่ พึ่งเห็นว่ามาปักหมุดด้วยเหมือนกัน ขอให้สมหวังโดยไว ร่ำรวย สุขสันต์มากๆนะครับ :D
โดย
yakjabon
อาทิตย์ พ.ย. 09, 2014 9:06 am
0
2
Re: หุ้น PE 100 เท่า กล้าซื้อมั๊ย?
เป็นการ trade risk vs reward นะผมว่า คือ PE100 (หมายถึงเทียบ EPS ต่อปีนะครับ เพราะถ้า EPS ต่อไตรมาสก็คือ PE = 25) มันเห็นค่อนข้างชัดอยู่แล้วว่ามีความเสี่ยงสูง ... สมมุติ มีคนนำไข่มาขายฟองนึงราคา 1,000,000 บาทแล้วบอกว่าเนี่ยมันจะฟักเป็น ยูนิคอร์น ... คำถาม คุณกล้าซื้อมั้ย? ก็อาจจะมีคนอยู่ประมาณ 3 ประะเภท: - ประเภทที่ 1 : ไม่เอาอะ ไม่มีความรู้เรื่องพันธุกรรมหรือไข่อะไรก็ไม่รู้ ถ้ามันฟักออกมาเป็นลูกเจี๊ยบ แล้วใครจะมารับผิดชอบเงินล้านของฉัน - ประเภทที่ 2 : เออ ... ลองเสี่ยงดูดีกว่า ก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรพวกนี้หรอกนะ แต่มันน่าลุ้น ถ้าเผื่อมันออกมาเป็นญุนิคอร์น เราคงกลายเป็นคนดังระดับโลกที่เป็นเจ้าของยูนิคอร์นนี้เป็นแน่ - ประเภทที่ 3 : ซื้อแน่นอน ฉันเป็นนักวิจัยพันธุกรรมข้ามสายพันธุ์แห่งองค์กรระดับชาติ มองแป๊บเดียวฉันก็รู้เลยว่าไข่ใบนี้ คือ ใบที่ถูกขโมยจากห้องแล๊ป ที่หลายๆประเทศกำลังสืบตามหาอยู่ แล้วถ้าคนที่ไข่มาขายตั้งราคาใหม่ในราคา 3 บาท ... คุณจะตอบเหมือนเดิมมั้ย?
โดย
yakjabon
อาทิตย์ ก.ย. 21, 2014 5:50 pm
0
5
Re: ถ้าคุณมีเงิน 100 บาทกับเวลา 3 วัน ... คุณจะ ?
Haha ... สนุกดีครับ คุณลูกหิน เป็นการต่อยอดเงินให้มุมไปเรื่อยๆเหมือนสเตปจากลูกจ้างสู่ผู้ประกอบการเลย สถานการณ์จริงอาจเจอปัญหาแบบไม่อุดมคติเหมือนอย่างที่วางแผนไว้แต่น่าสนใจมากครับ ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ :8)
โดย
yakjabon
พุธ ก.ย. 03, 2014 8:22 pm
0
0
Re: ถ้าคุณมีเงิน 100 บาทกับเวลา 3 วัน ... คุณจะ ?
หมายถึง มาม่าเป็นซองไว้ทานประทังชีวิต หรือ หุ้นมาม่าครับ 555 .. เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่พยายามใช้เงินต่อเงินได้ดีขอบคุณสำหรับคำตอบครับ เก็บเงินส่วนนึงไว้ซื้อ มาม่า(พอเริ่มมีเงินไม่แนะนำให้กินครับ) และอีกส่วนไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการสมัครงาน ขยัน+มีกำลังใจ
โดย
yakjabon
พุธ ก.ย. 03, 2014 5:06 pm
0
0
Re: ถ้าคุณมีเงิน 100 บาทกับเวลา 3 วัน ... คุณจะ ?
เป็นอีกแนวคิดที่น่าสนใจ ใช้ทุนปัจจุบันซื้อเวลาเพิ่ม และใช้เวลาที่เพิ่มไปแลกกับทุนที่เพิ่มขึ้นแบบ fixed income อีกที :) ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ เก็บไว้แบ่งซื้อข้าวสวยกับปลากระป๋อง แล้วเอาเวลาที่เหลือ3วันไปทำงานค่าแรงวันละ300
โดย
yakjabon
พุธ ก.ย. 03, 2014 4:53 pm
0
0
Re: ถ้าคุณมีเงิน 100 บาทกับเวลา 3 วัน ... คุณจะ ?
เป็น strategy ที่น่าสนใจ และน่าจะ effective ในเรื่องของเวลามากกว่านั่งเฝ้าหน้าจอและเสี่ยง net เป็นศูนย์ทั้งเวลา ศูนย์ทั้งเงิน ยิ่งถ้าวันแรกที่ซื้อเป็นก่อนประกาศงบ วันที่สองประกาศงบมาไตรมาสพุ่ง 3000% วันที่สามวิ่งทะลุเพดาน ... hahaha ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ วันที่1ซือ้หุ้นหุ้นละบาท100หน่วย วันที่2ถือไว้ วันที่3ถือต่อไปครับ :D
โดย
yakjabon
พุธ ก.ย. 03, 2014 4:50 pm
0
0
Re: ถ้าคุณมีเงิน 100 บาทกับเวลา 3 วัน ... คุณจะ ?
เป็นคำตอบที่น่าสนใจครับ เพราะคำถาม คือ การเพิ่มมูลค่าในที่นี้ไม่ได้จำกัดความว่าต้องเป็นจำนวนเหรียญที่สุดท้ายนับแล้วได้กี่เหรียญในกระเป๋าเรา แต่พี่หว่านิยามได้ใหม่ว่าเหรียญ 1 บาท 100 เหรียญเท่ากันสามารถเพิ่มมูลค่าของตัวมันเองทันทีได้เพียงขึ้นอยู่กับความจำเป็นและวิธีใช้จ่ายของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ วิธีเพิ่มมูลค่าของเงิน 100 บาท? ถ้าเป็นพี่จะเอาไปให้คนที่คิดว่าเงิน 100 บาทสำหรับเค้ามีค่ามากที่สุด สำหรับบางคน เงิน 100 บาทอาจจะเป็นค่าทิปของอาหารแค่ 1 มื้อ สำหรับบางคน เงิน 100 บาทอาจจะซื้อกาแฟได้แก้วเดียว สำหรับบางคน เงิน 100 บาทอาจจะอยู่รอดชีวิตได้ 1 วัน สำหรับบางคน เงิน 100 บาทอาจจะหมายถึง ค่านมลูกได้หลายวัน รู้ว่าไม่ได้ตอบคำถามของวินเพราะว่าคิดไม่ออก :-)
โดย
yakjabon
พุธ ก.ย. 03, 2014 4:46 pm
0
1
Re: งบกระแสเงินสดสำคัญที่สุดจริงหรือ?
ผมให้น้ำหนักเท่าๆกัน ทุกงบนะครับ มีสมองดี (งบกำไรขาดทุน) หน้าตาดี (งบดุล) แต่แขนขาขาด (เงินสดจากงบกระแสเงินสดเป็นศูนย์) ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ยากครับ
โดย
yakjabon
พฤหัสฯ. มิ.ย. 19, 2014 7:15 am
0
2
Re: เหตุใดบางบริษัทจึงนิยมจ่ายหุ้นปันผล บ่อย ๆ
เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ชอบ "ปันผล" แต่หุ้นปันผลเป็นเสมือนการบังคับให้ผู้ถือหุ้นเดิมเอาเงินสดปันผลมาลงทุนเพิ่มทุนในบริษัทเดิมแทนการที่ควรจะได้เงินสดจำนวนเดียวกันมาใช้ในการตัดสินใจลงทุนอย่างอิสระ โดยที่ผู้ถือหุ้นเองอาจไม่รู้ตัว เพราะยึดติดกับคำว่า "ปันผล"
โดย
yakjabon
เสาร์ พ.ค. 10, 2014 9:23 am
0
2
Re: เมื่อไรกำไรของ cpf จะฟื้นครับ
เมื่อฟ้าฝนเป็นใจ, demand มากกว่า supply และผู้มีอำนาจเลิกเอาเงินสดออกจากบริษัท (ไม่ได้กวนนะครับ และผมอาจผิด 100% ลองคิดตามสเต็ปดู แต่ถ้าฟังไม่เข้าหู ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
โดย
yakjabon
เสาร์ พ.ค. 10, 2014 8:53 am
0
2
Re: พี่ๆVIมีความคิดเห็นอย่างไรกับการให้โบรกเกอร์ยืมหุ้น SBL
ส่วนตัวผมคิดว่าการลงทุนที่ทำให้รายย่อยได้เปรียบรายใหญ่หรือผู้บริหารหลักๆคือสภาพคล่อง ซึ่งกรณีนี้คือการเอาข้อได้เปรียบของเราไปขาย .. ถ้ามองว่านักลงทุนเป็นเจ้าของกิจการ ไม่เป็นสมการเท่ากับนักลงทุนทึ่ถือระยะยาว (เพราะระยะเวลาไม่ได้แสดงว่าคุณมีความเข้าใจในตัวกิจการนั้นๆ และเป็นเจ้าของกิจการ) แต่มองว่านักลงทุนควรจะถือกิจการนั้นตราบเท่าที่มันยังดีอยู่ ซึ่งบอกไม่ได้ เราทุกคนก็หวังว่ามันจะดี 5 ปี 10 ปี 20 ปี ตลอดไป หรืออาจขาดทุนไม่เป็นอย่างที่คิดภายใน quarter หน้า สัปดาห์หน้า หรือวันพรุ่งนี้ (เช่น ข่าวออกผู้บริหารปิดกิจการหอบเงินหนี ไปเมืองนอก) ก็มิอาจรู้ได้ การคาดการณ์ผิดบ้างถูกบ้างเป็นสัจธรรม แม้นักลงทุนในตำนานของโลกยังรู้พลั้ง เพียงแต่ขอให้จำนวนถูกมากกว่าผิดก็พอ แต่ถ้าเรามั่นใจว่า บลจ. มีสภาพคล่องมากพอ คนยังเทรดกันอย่างเหลือล้น (ซึ่งอาจไม่เกิดขึ้นในสถานการณ์ไม่ปกติ) แล้ว SBL ก็น่าจะมีความเสี่ยงต่ำและดีกว่าปล่อยให้อยู่เฉยๆ (มั้ง) ระวังสถานการณ์ไม่ปกติจะเจอบลจ.ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่ายนะคร้าบ แต่ถ้าเราเป็นแนวเทรดเดอร์ก็คงเป็นคนละประเด็นกันครับ :B ป.ล. ไม่มีคำตอบไหนผิดหรือถูกนะ แค่ขอให้ถูกมากกว่าผิดก็พอ ขอให้โชคดีจงบังเกิดแก่นักลงทุนทุกท่าน
โดย
yakjabon
เสาร์ พ.ค. 10, 2014 8:41 am
0
2
Re: คำว่า"นักลงทุนระยะยาว"กับ"เจ้าของกิจการ"ท่านคิดว่ามีความ
ตามหนังสือ เงินสี่ด้าน เลยครับ
โดย
yakjabon
พุธ เม.ย. 16, 2014 11:40 am
0
0
Re: หมอดูขอเล่า : กับดักของ Passive Income
ขอบคุณครับ
โดย
yakjabon
เสาร์ มี.ค. 22, 2014 11:41 am
0
1
Re: หุ้นแนะนำ TR ขอคำแนะนำ
อืม ... หุ้น commodity ... คำแนะนำส่วนตัวนะครับ ถ้าจะลงทุนสินค้าพวกนี้เราต้องรู้เรื่อง demand - supply ขอวสินค้าพวกนี้จริงๆ ตลาดอยู่ที่ไหน ปลาใหญ่ ปลาเล็กในธุรกิจนี้ ส่วนเรื่องหนังสือก็ถูกเขียนมาจากประสบการณ์ของแต่ละคน อ่านแล้วคงต้องถามตัวเองว่าเราเชื่อเขาหรือไม่ หนังสือก็ไม่ได้ถูกทุกเล่ม อาจมีแค่หนึ่งในสิบเล่มที่ถูกเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกเล่มจะผิดทุกหน้า เอาส่วนที่เราเชื่อของแต่ละเล่มมา แล้วลองมาเรียบเรียงเป็นหนังสือของตัวเอง เช่น เดียวกับการเลือกบริษัท ผู้บริหารทุกคนก็บอกว่าบริษัทที่ตัวเองบริหารดีทุกบริษัท แต่เราเท่านั้นเป็นคนตัดสินว่าเราจะเชื่อใคร
โดย
yakjabon
เสาร์ มี.ค. 15, 2014 11:58 am
0
1
Re: *จองงาน Money Talk@SET มี.ค.57 - 100ที่นั่ง
จอง 1 ที่ครับ
โดย
yakjabon
พุธ มี.ค. 05, 2014 9:03 am
0
0
Re: แปลกใจทำไม น้ำมัน ราคาแตกต่างกันไม่ใช่ one price ทั้งประ
ส่วนที่ถามว่าสินค้าอื่นๆทำไมถึงทำ one price ได้ ... ลองดู % Gross Margin ของสินค้าอื่น เทียบกับน้ำมันได้ครับ .. :(
โดย
yakjabon
อังคาร ก.พ. 25, 2014 7:32 pm
0
0
Re: อยากรู้แหล่งข้อมูลการลงทุน (แบบเสียเงิน)
ส่วนใหญ่ก็มัก Google หรือหาตามเว็ปประกาศกระทรวงหรือกรมสถิติต่างๆก็จะมีเผยแพร่อยู่นะครับ แต่ถ้าอยากรู้ข้อมูลลึกของบริษัทจริงๆที่ไม่ได้ออก public ก็มีอยู่ทางเดียว คือ ต้องคุยกับคนที่อยู่ในบริษัทนั้น ที่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง เพราะต่อให้เป็นบริษัท premium research หรือ บริษัท audit ที่ไปสัมภาษณ์บริษัทมหาชนต่างๆก็มักจะเป็นข้อมูลที่เขาปรุงแต่งเตรียมออกสื่อทั้งนั้นละครับ เพียงแต่อาจจะละเอียดเพิ่มขึ้นนิดนึง
โดย
yakjabon
พฤหัสฯ. ก.พ. 20, 2014 7:46 am
0
0
Re: จองงาน Money Talk@SET ธ.ค.56 - 100ที่นั่ง
จอง 1 ที่ครับ
โดย
yakjabon
จันทร์ ธ.ค. 02, 2013 10:09 am
0
0
Re: พี่น้อง VI ช่วงนี้ถือเงินสดกันบ้างไหมครับ
-อยากถามความเห็นหน่อยครับ ว่าผมถือเงินสดในสัดส่วนที่เยอะไปหรือเปล่า เพราะเงินสดที่ถือไว้รอโอกาสลงทุนตอนที่หุ้นถูกๆ ก็ไม่ได้ผลตอบแทนอะไรเลยเหมือนกัน --> ตอบ: กฏข้อที่หนึ่ง คือ อย่าเสียเงินต้น กฏข้อที่สอง คือ กลับไปดูกฏข้อที่หนึ่ง ... ความเห็นส่วนตัว ผมว่าเงินสดที่หรือไม่ถือไม่ใช่เป้าหมาย แต่คำถามคือว่าเรามีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าและมั่นใจได้ว่าจะไม่เสียเงินต้นหรือเปล่า (Margin of Safety) ถ้ายังไม่มีก็หาต่อไป ถ้ามี .. ก็ไม่มีเหตุผลอื่นว่าจะถือเงินสดต่อทำไม -พี่ๆน้องๆคนอื่นถือเงินสดกันบ้างไหมครับ ถ้าถือ ถือประมาณกี่%พอร์ตครับ --> ตอบ: ถือแบบจำใจครับเพราะยังหาตัวที่มี MOS มาเติมได้ไม่เต็มพอร์ต และส่วนตัวค่อนข้าง conservative มาก เลยถ้าไม่มีที่แน่ใจจริงๆก็เลือกถือเงินสดไว้จนกว่าจะเจอตัวที่แน่ใจมากกว่า แต่ว่าไม่ใช่รอเฉยๆนะครับ ก็มองหาโอกาสไปเรื่อยๆ -มีการลงทุนอะไรที่ใกล้เคียงเงินสด ผลตอบแทนดีกว่าเงินฝาก แบบว่าจะเปลี่ยนเป็นเงินสดมาซื้อหุ้นก็สามารถทำได้ทันทีบ้างไหมครับ --> ตอบ: แนะนำกองทุนพันธบัตร, กองทุนตลาดเงิน, กองทุนหุ้นกู้ครับ มีทุกธนาคาร ซื้อขายได้ T+1
โดย
yakjabon
จันทร์ ต.ค. 28, 2013 8:42 pm
0
4
Re: รับสมัครผู้เข้าร่วมกิจกรรม Company visit พบ บมจ. สหการปร
1 ที่ครับ
โดย
yakjabon
จันทร์ ก.ย. 23, 2013 8:20 pm
0
0
Re: ก.ล.ต.ถกโบรกฯสกัดแก๊ง 4 โมงเย็น ตัวการทุบดัชนีหุ้น...
ล้วนเกิดจากความโลภและความกลัวของเราทั้งสิ้น เพียงแต่เราจะกล้ายยอมรับว่าผิดที่เราและยอมเปลี่ยนแปลง หรือเพียงหาว่าใครคนอื่นที่ผิด แล้วพยายามไปเปลี่ยนเขา (ซึ่งผมว่ามันยากกว่าข้อแรกเยอะในทางปฏิบัติ แต่อาจยอมรับได้ง่ายกว่าในทางจิตใจ)
โดย
yakjabon
อาทิตย์ ก.ย. 08, 2013 1:45 pm
0
1
Re: ณ เวลานี้ มีหุ้นคุณค่าเต็มตลาดเลยใช่มั้ย
ขึ้นอยู่กับว่าคุณค่าในสายตาคุณคืออะไร และคุณให้ค่านั้นเท่าไหร่ .. ต่างคน ต่างใจครับ ของมีค่าของเรา อาจไม่มีค่าสำหรับคนอื่น และในทางกลับกัน ผมว่าหุ้น M นี่ หุ้นคุณค่าแน่นอนครับ เพราะมีสารอาหารครบ 5 หมู่ คุณค่าทางโภชนาการเพียบ อร่อยด้วยครับ haha ... ลึกซึ้งครับ :B :B
โดย
yakjabon
อาทิตย์ ก.ย. 08, 2013 9:55 am
0
1
Re: ณ เวลานี้ มีหุ้นคุณค่าเต็มตลาดเลยใช่มั้ย
ขึ้นอยู่กับว่าคุณค่าในสายตาคุณคืออะไร และคุณให้ค่านั้นเท่าไหร่ .. ต่างคน ต่างใจครับ ของมีค่าของเรา อาจไม่มีค่าสำหรับคนอื่น และในทางกลับกัน
โดย
yakjabon
จันทร์ ก.ย. 02, 2013 7:18 pm
0
1
Re: An Overview of Unconventional Oil and Natural Gas: Resou
ต้องดู Demand-Supply crude oil โลก + ปริมาณ reserved crude ที่เหลือของ OPEC + การประกาศกำหนด quota ของประเทศกลุ่ม OPEC ในแต่ละปีครับ เนื่องจาก OPEC เป็นกลุ่มใหญ่ที่ควบคุมการเปิด-ปิดก๊อก supply ในขณะที่ demand มีความต้องการเหลือล้นอยู่่แล้ว ก็ต้องแล้วแต่ OPEC เขาจะกำหนดนโยบายอย่างไร ยกเว้นเสียแต่ demand พุ่งมาก เช่น จากจีนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจน OPEC เองก็ไม่มีสำรองพอจะเปิด supply balance demand เพื่อยับยั้งราคาได้ ก็ ... ติดตามกันต่อไปครับ http://soberlook.com/2011/12/who-is-cheating-on-their-opec.html http://alifarabia.com/wp-content/uploads/2011/07/Opec-Bulletin_Page_024.jpg
โดย
yakjabon
เสาร์ ส.ค. 17, 2013 12:07 pm
0
0
Re: Money talk@SET10Aug13 หุ้นเด่นในกระแสหลักโลกและจากต้นจนป
ขอบคุณครับ :D
โดย
yakjabon
จันทร์ ส.ค. 12, 2013 3:58 pm
0
1
Re: app OppDay สำหรับแอนดรอยด์ มาแล้ว...
หาไม่เจอใน Google Play อะครับ ต้องเข้าไปโหลดที่ไหนหรือครับ :'O
โดย
yakjabon
จันทร์ ส.ค. 12, 2013 3:57 pm
0
0
Re: อยากถามพี่ๆVI ว่าพี่ๆคิดว่าแนวทางVIจะใช้ได้ต่อไปอีกนานแค
หลังๆเห็นคนพูดกันเยอะครับว่า VI .. แต่พอคิดๆไปเรื่อยๆ อ่านหนังสือไปเยอะๆ วิเคราะห์ๆเข้าไป .. ผมว่าจริงๆแล้วมันก็คือหลักการการลงทุนในธุรกิจที่มีมาเนิ่นนานนั่นเอง เหมือนเวลาคนจะเปิดร้านขายของชำ ก็ต้องมาประเมินว่าลงทุนเท่าไหร่ จะเป็นหนี้เท่าไหร่ รายได้จะเป็นไง ต้นทุนเป็นไง ดอกเบี้ยเป็นไง คู่แข่งรอบๆมีมั้ย สินค้าเราน่าดึงดูดกว่าคนอื่นหรือเปล่า ลูกค้ามีมั้ย ลูกค้ามีตังค์พอซื้อมั้ย กลยุทธ์ด้านสินค้า ราคา ที่ตั้ง โปรโมชั่นเป็นไง จะลงทุนกับเพื่อนคนไหนบ้าง แบ่งให้เพื่อนบริหารนี่ เพื่อนเราไว้ใจได้มั้ย จะโกงมั้ย ฯลฯ เพียงแต่พอมาประยุกต์ใช้กับหุ้น เราก็เรียกตัวเองให้เท่นิสนึงว่า VI :8) ... สรุปเป็นความเห็นส่วนตัว คิดว่าหลักการธุรกิจไม่มีวันตายครับ แต่อาจพัฒนาไปเรื่อยๆเสมือนตำราธุรกิจก็ต้อง update edition กันทุกปี ส่วนชื่อเรียกนั้นก็คงจะพัฒนาโก้ๆกันไป แต่ที่จริงแล้วผมว่าให้ยึดติดกับหลักการการวิเคราะห์เนื้อแท้ดีกว่า
โดย
yakjabon
จันทร์ ส.ค. 12, 2013 3:53 pm
0
10
Re: สิ่งที่เรียนรู้จากช่วงตลาดกระทิงดุ
ยามกระทิงดุ .. กลัวครับ กลัวเงินสดที่ถือมันเสื่อมด้วย มีแต่คนเก็งกำไรเต็มไปหมด พูดไปก็โดนหาว่าขัดลาภ ยามหมีตะปบ .. ซื้อหมดตัว แต่คุยกับใครๆก็ไม่มีใครคุยด้วย พูดไปก็หาว่าเพ้อเจ้อ บางทีก็เริ่มสับสนครับ หลายคน หลายศาสตร์ ทุกคนก็บอกว่าตัวเองเป็น VI เป็นนักลงทุน ซึ่งมันน่ากลัวครับ เพราะการไม่รู้จักตัวเองว่าจริงๆเราไม่รู้แย่ยิ่งกว่าเรารู้ว่าจริงๆเราไม่รู้เลย สรุป กลับมาอ่านหนังสือ หาข้อมูลไปเรื่อยๆ เชื่อในแบบที่เราเชื่อ เผื่อใจในความผิดพลาดไว้เยอะๆ และมีสติตลอดเวลาดีที่สุดครับ :)
โดย
yakjabon
อาทิตย์ ก.ค. 28, 2013 3:17 pm
0
2
Re: ฮอร์โมน นลท. ว้าวุ่น
ลงทุนด้วยฮอร์โมนเซโรโทนิน (Serotonin - ฮอร์โมนแห่งความสงบ) สิครับ :8) แต่รูปพี่นี่ทำเอาอะดรีนาลีน (Adrenaline - ฮอร์โมนเลือดเดือด) สูบฉีดเลยนะ .. งี้เซโรโทนินเอาไม่อยู่แล้ว :mrgreen: :wall: [youtube]ddK-Zw-ZFuY[/youtube]
โดย
yakjabon
อังคาร ก.ค. 23, 2013 8:52 pm
0
0
Re: จอง “10ปี Thai Vi 60ปี ปูชนียาจารย์ วงการตลาดทุนไทย” 400
yakjabon / สมาชิกสมาคม / Mezzo / สมาชิกสมาคม / 2 ที่นั่ง / 3,000.00 บาท / scb / 23-07-2556 / 13:01
โดย
yakjabon
อังคาร ก.ค. 23, 2013 1:03 pm
0
0
Re: VI เอ๋ย ความสุขเจ้าอยู่หนใด
สุขเมื่อบริษัทที่ผมเป็นเจ้าของได้กำไรเกินคาดคุ้มค่าสุดๆเมื่อเทียบกับราคาที่ซื้อมา
โดย
yakjabon
อาทิตย์ มิ.ย. 23, 2013 6:17 pm
0
0
Re: VI เวลาหุ้นตก เอาเงินทีทไหนมาซ้ือ ครับ
เงินตัวที่ขายไปตอน overvalue, เงินเดือน, เงินปันผล, เงินโบนัสอื่นๆที่เข้ามาในแต่ละจังหวะของชีวิต .. แต่ทั้งหมดทั้งมวลต้องเป็นเงินเย็นครับ
โดย
yakjabon
อาทิตย์ มิ.ย. 16, 2013 6:24 am
0
1
Re: คุ้มมั้ย กับการเสี่ยงซื้อหุ้นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมถดถ
อ้างอิงจากหนังสือ One Up on Wall Street (ฉบับแปล) หน้า 167 หัวข้อ 8) มันเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่โต จะพบว่านี่คือลักษณะธุรกิจแบบหนึ่งที่ Peter lynch ชอบ คือ บริษัทที่ใหญ่และมีความสามารถในการแข่งขันสูงแต่อยู่ในอุตฯที่ไม่โตเพราะจะค่อยๆกิน market share คู่แข่งรายย่อยไปเรื่อยๆ และมักจะลงทุนได้ในราคาที่ต่ำให้ผลตอบแทนสูง เพราะนายตลาดไม่ค่อยสนใจ **ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องพิจารณาปัจจัยพื้นฐานอื่นของตัวบริษัทรอบด้านประกอบด้วย เพราะแค่ลักษณะอุตฯไม่ควรเพียงพอต่อการตัดสินใจลงทุน** "The fast-growing company is in a no-growth industry -- Growth industries attract too much interest from investors (leading to high prices) and competitors." .. summarized from Lynch's investing style http://www.csulb.edu/~pammerma/fin382/screener/lynch.htm
โดย
yakjabon
อาทิตย์ มิ.ย. 02, 2013 10:29 am
0
0
Re: สอบถามการถือครองเงินสดและแหล่งพักเงิน
ผมไม่เคยกำหนดสัดส่วนในการถือครองเงินสดครับ แต่จะลงทุนในหุ้นทิ้งหมดตราบเท่าที่ยังหาหุ้นที่ส่วนตัวคิดว่า under value (มี MOS) ได้ .. ส่วนถ้ามันหาไม่ได้ปเป็นไฟท์บังคับให้ต้องถือเงินสดมันก็อีกเรื่องนึง :roll: ส่วนที่พักเงินผมนิยมพักใน Money Market Fund เนื่องจากความเสี่ยงต่ำและคิดว่าได้ผลตอบแทนดีกว่าฝากประจำทั่วไป แต่มีความคล่องตัวสูง (T+1) ผมพอจะเขียนสรุปคร่าวๆได้ ดังนี้ครับ 1) While waiting for the next investment opportunity, you could rest your money in mutual fund in "Money Market Fund" type because: - low risk as invest in either government or corporate bond (I said LOW risk but don't assume NO risk) - Return usually more than 12M savings account but able to buy/sell everyday (T+1) especially if your mutual fund has internet or mobile banking (e.g. SCB, KBANK) then transactions can be made easily through your laptop screen everyday anytime 2) Any banking or financial firms most likely similar in terms of return of the same type of mutual fund (estimated +/-3%) as we're not target this to be the main source of investment but only to make your money "rest" for a while after its hard working :B 3) From link below, you can now tentatively select the institution and mutual fund name that you may like to invest then .. please go into website of each mutual fund institution again to understand their portfolio and detail investing criteria (e.g. http://www.scbam.com/v2/user_upload/FUND_DOC/Portfolio/PORT_SCBSFF.pdf) 4) After you have made your decision on both institution and mutual fund name then simply go to your nearby banking branch of that institution and tell them you want to open mutual fund account of the mutual fund name that you pre-selected. The rest process is most likely similar to open regular bank savings account and you'll get very similar book bank to savings account. .. Done :B .. 5) Same process applies to LTF/RMF (for tax deduction) and other mutual fund you may interested. Well, if you find other interesting mutual fund with low risk high return then don't forget to tell me too too :twisted: . Thx in advance :B http://aimc.or.th/performance.html
โดย
yakjabon
อาทิตย์ มิ.ย. 02, 2013 10:02 am
0
0
Re: ขอคำแนะนำการลงทุนแบบ VI ในช่วงที่ตลาดเป็นตลาดหมีครับ
ความคิดส่วนตัว .. ผมว่าตลาดไม่ได้มีผลมากกับพฤติกรรมการลงทุนครับ เราก็ยังวิเคราาะห์กิจการด้วยการวิเคราะห์งบการเงิน, ปัจจัยอุตฯ, ปัจจัยบริษัท, จุดอ่อน, จุดแข็ง, การตลาด, เดินไปชิมสินค้า ฯลฯ เหมือนเดิม .. เพียงแต่ในช่วงตลาดหมีมีโอกาสที่จะได้บริษัทที่ดีในราคาถูกมากกว่าตลาดกระทิงที่มีโอกาสจะได้บริษัทที่ดี (อาจเป็นบริษัทเดียวกัน) ในราคาแพงเท่านั้นเอง อย่างเฟอร์บี้เมื่อต้นปีที่แล้ว มันก็เฟอร์บี้ตัวเดิมทำไมราคาสูงปรี๊ด (ตลาดกระทิง) แต่เฟอร์บี้ตอนนี้ มันก็เฟอร์บี้ตัวเดิม พูดได้เหมือนเดิม เต้นได้เหมือนเดิม แต่ราคาแทบลด แลก แจก แถม ยังแทบไม่มีคนซื้อ (ตลาดหมี) .. แต่สำหรับนัก "สะสม" เฟอร์บี้ตอนราคาแพงเขาก็คงซื้อ (แต่อาจจะน้อยหน่อยเพราะไม่มีตังค์) ส่วนตอนนี้คงไล่ซื้อเอาครบทั้ง collection เลยมั้ง หมายเหตุ: เฟอร์บี้ข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างประกอบการอธิบาย แฟนๆเฟอร์บี้อย่าเพิ่งน้อยใจ .. รัก เฟอร์บี้นะ จุ๊บ จุ๊บ :mrgreen: :mrgreen:
โดย
yakjabon
อาทิตย์ มิ.ย. 02, 2013 9:40 am
0
1
Re: ขั้นตอนการหาหุ้นคุณภาพซักตัว
1 เทคนิคที่ผมชอบมากที่สุด คือ ลงไปสำรวจตลาดด้วยตัวเองครับ ... ต้องลงไปชิม ไปใช้ ไปดู ไปสัมผัส ด้วยตัวเอง ... ถ้าผมชอบหรือเห็นตอนที่ไปดูว่ามีลูกค้าคนอื่นชอบเยอะ และดูเป็นสินค้าหรือบริการที่ยั่งยืนไร้เทียมทาน (ไม่ได้มาแค่เห่อ แฟชั่น ตามเทรนด์) ผมถือไว้ให้บวกหลายบวกครับ ถ้าผมไม่ชอบไม่เห็นด้วย ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นกิจการที่ไม่ดี แต่อาจเป็นกิจการที่เราไม่ใช่กลุ่มลูกค้าหรือไม่เข้าใจ เราก็ขอไม่ยุ่งดีกว่าครับ ... ดีแต่ไม่เข้าใจ ผมก็ยอมเพราะไม่สามารถติดตามวิเคราะห์กิจการได้ ถ้าเป็นกลุ่มสินค้าบริการจำเพาะ เช่น สำหรับเด็ก สตรี หรือคนมีอายุ .. ความเห็นของคนในครอบครัว (ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องหุ้น) ก็มักจะเป็นประโยชน์ไม่น้อย ทั้งหมดนี้เป็นเพียง 1 ในอีกหลายสิบตัวกรองที่ต้องพิจารณาครับ
โดย
yakjabon
พฤหัสฯ. พ.ค. 09, 2013 6:41 pm
0
2
Re: ใครถือ หุ้นกิจการเกี่ยวกับ การจัดการขยะ บ้างครับ
เคยสนใจครับ แต่ตัวที่เคยดูรู้สึกว่าราคากับผลประกอบการยังไม่โดนใจเท่าที่ควร อาจไม่มีคุณสมบัติตอบในฐานะผู้ถือหุ้น แต่ในฐานะคนที่เคยสนใจจะถือหุ้นแล้วกันนะครับ :) ... สิ่งที่สนใจกลุ่มนี้ คือ 1) New Entrant, Low (ต้องหาข้อมูลเชิงปริมาณยืนยัน) -- คนทั่วไป (feeling ล้วนๆ) ไม่น่าจะอยากเปิดกิจการนี้ ฉะนั้นคู่แข่งน่าจะน้อย 2) Supplier, Low -- ใครๆก็อยากขายขยะ ใครๆก็มีขยะ .. ให้ฟรีก็ได้ ช่วยเอามันไปจากฉันที :) 3) Substitute, Medium -- Customer อาจเลือกที่จะใช้ material มือหนึ่งมากกว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์ขยะ ถ้าต้นทุนไม่ต่ำจริงๆ เช่น เอาไปเป็นเชื้อเพลิง, เอาไปทำสินค้า recycle, เป็นต้น 4) Customer, Medium-High -- (ต้องหาข้อมูลเชิงปริมาณยืนยัน) ... ยังไม่ได้ทำการ research เรื่องกลุ่มตลาดลูกค้า ขอไม่ลงรายละเอียดครับ แต่คิดว่าความเสี่ยงคล้ายข้อ 3) 5) Competitive in Industry, Medium-Low -- เหตุผลคล้ายข้อ 1) แต่คิดว่าเป็นธุรกิจ margin ต่ำ อาจต้องมีการบริหารด้านปฏิบัติการที่ดี ป.ล.เป็นความเห็นส่วนตัว โดยยังไม่ได้ research ข้อมูลสนับสนุนมากนัก ผิดถูกอย่างไร ขออภัยล่วงหน้าครับ :bow:
โดย
yakjabon
อาทิตย์ เม.ย. 21, 2013 9:34 am
0
1
Re: ทองลงแรง มีเซียนเกิดขึ้นเพียบ
ในมุมมองของผมซึ่งเรียนวิทยาศาสตร์มา มองว่า ทองคือโลหะศักย์สูง ซึ่งเหมาะสำหรับการนำไปใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ดีมากตัวหนึ่งครับ :idea: ผมคิดว่านี่คือประโยชน์ของทองจริงๆครับ 555+ 55+ ... ผมว่ามันเหมือนธนบัตรอะครับ กระดาษใบหนึ่งเอาไปเผาก็ยังอาจให้พลังงานได้ไม่มากเท่าไหร่ ซึ่งทั้งทองและพันธบัตรมีคุณค่าทางรูปธรรมอาจจะไม่มาก แต่คุณค่าทางนามธรรมที่คนไปตั้งกันเอาเองมีค่ามาก ก็ตราบเท่าที่คนยังคงจะอุปมาอุปไมยให้ค่ามันอยู่
โดย
yakjabon
อาทิตย์ เม.ย. 21, 2013 9:19 am
0
1
Re: ฝากคำถาม ถึงผู้สัมภาษณ์ Mary Buffett
- สิ่งที่สำคัญที่สุดของปัจจัยเชิง "คุณภาพ" ของบริษัทที่ Warren Buffett คิดว่าน่าลงทุนคืออะไร ? - What is the most important factor (MUST HAVE!) in qualitative analysis of firm that Warren Buffett might looking for?
โดย
yakjabon
เสาร์ เม.ย. 20, 2013 1:06 pm
0
0
Re: ทองลงแรง มีเซียนเกิดขึ้นเพียบ
"Risk comes from not knowing what you're doing" .. W.B.
โดย
yakjabon
เสาร์ เม.ย. 20, 2013 9:02 am
0
1
227 โพสต์
of 5
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
yakjabon
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อาทิตย์ พ.ค. 22, 2011 8:03 pm
ใช้งานล่าสุด:
อังคาร ก.ค. 11, 2023 2:19 pm
โพสต์ทั้งหมด:
314 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.02% จากโพสทั้งหมด / 0.06 ข้อความต่อวัน)
ลายเซ็นต์
Invincible MOS is knowing what you're doing
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว