หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
nanchan
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
Joined: พฤหัสฯ. ส.ค. 14, 2003 5:50 pm
2938
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - nanchan
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: รับสมัคร Company visit :Singer 12 Jul ค่ะ
ผมว่าคนที่เคยไปมาแล้ว ไม่ควรไปอีกหรอกครับ เปิดโอกาสให้คนอื่นเค้าไปบ้างจะดีกว่า บริษัทคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก ให้โอกาสผู้อื่นบ้าง
โดย
nanchan
พฤหัสฯ. มิ.ย. 14, 2012 2:00 pm
0
6
Re: แจ้งข่าว มารดา ของ ดร.นิเวศน์ เสียชีวิต ครับ
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
โดย
nanchan
จันทร์ มี.ค. 26, 2012 9:11 pm
0
0
Re: มีใครเคยคิดไหมครับว่า ตลาดให้ premium กลุ่มค้าปลีกเกินไป
โฆษณาเยอะมั้งครับ premiumเลยมากตาม
โดย
nanchan
พุธ ม.ค. 18, 2012 2:32 pm
0
0
Re: ความเชื่อที่ไม่จริงในตลาดหุ้น เพื่อนๆเห็นว่าไงบ้าง?
4. เวลาลงทุนในหุ้นไม่ควรใส่เงินทั้งหมดในหุ้นไม่กี่ตัว ควรกระจายการลงทุนในหุ้นหลายๆตัว หลายๆอุตสาหกรรม (อย่าใส่ไข่ทั้งหมดในตะกร้าใบเดียว) *** ผมว่าไม่จริง สิ่งที่ควรกระจายคือความเสี่ยงภายหลังจากที่กำจัดความเสี่ยงส่วนใหญ่ออกไปด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญก่อนแล้ว แน่นอนว่าความเสี่ยง ความไม่แน่นอน เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น แต่เราสามารถศึกษาหาข้อมูลความรู้เพื่อกรองความเสี่ยงออกไปชั้นหนึ่งก่อน แล้วจากนั้นจึงค่อยกระจายการลงทุน การกระจายการลงทุนไปในหุ้นหรืออุตสาหกรรมที่เราไม่รู้ไม่ได้ศึกษาน่าจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงมากกว่าการกระจายความเสี่ยงนะ อันนี้ผมเห็นด้วยว่า การลดความเสี่ยงคือการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เรามีความรู้ความชำนาญ ยิ่งชำนาญและรู้ลึกมากเท่าใด ความเสียงก็จะลดน้อยลงมากเท่านั้น และก็จะทำให้การคาดการ์ณของเราแม่นยำมากขึ้นอย่างมาก และสุดท้ายก็คงต้องใช้ตัวช่วยสุดท้ายคือ margin of safety เพราะแม้ว่าเราจะคาดการ์ณแม่นยำและรู้ลึกซึ้งกับธุรกิจนั้นๆมากเพียงใด ก็ยังมีปัจจัยอื่นที่ควบคุมไม่ได้เข้ามากระทบอยู่ดี ที่ผ่านมายังไม่เคยมีความรู้ความชำนาญ ลึกๆเลย แต่สิ่งที่พยายามรู้คือจับจุดสำคัญให้เข้าใจ และก็ไม่ได้ไปลงทุนในอุตสาหกรรมที่ตัวเองชำนาญที่สุด และก็เคยใส่ไข่เกือบทั้งหมดในตระกร้าใบเดียวด้วย ถ้าจะให้ทำอีกก็คงยากเหมือนกัน ความเสี่ยงสำคัญของการลงทุน ผมว่าคือสิ่งที่เรายังไม่รู้ โดยเฉพาะอนาคต และ สำคัญสุดคือความถูก ถูกพอให้เสี่ยงได้ ส่วนการกระจายลงทุน ผมก็เห็นด้วย ถ้าเราเองรู้ไม่มากพอ เลยต้องพยายามกระจายให้มากสุดแบบโฟกัส ถ้าจะรอให้รู้มากพอ ผมว่าผมคงไม่ได้ลงทุนซักที และเวลาที่รู้มากพอทีไร ส่วนมากก็จะเห็นหุ้นมันตอบรับไปซะมากแล้ว จะว่าไปที่คุณดำว่ามา ก็จริงด้วย และที่คุณว่าไม่จริง ผมก็ว่ามีส่วนจริงด้วยอีก คือมันคงแล้วแต่คนมั้งครับ คงต้องขึ้นกับระดับความรู้ ระดับพอร์ต ความทุ่มเท อีกหลายๆความ
โดย
nanchan
อังคาร ม.ค. 17, 2012 10:04 am
0
3
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
จะว่าไปกระทู้แบบนี้มันจะเสียหายอะไร ถ้าไม่มาพูดต่อสานความยาวยืด คนมันก็อ่านผ่านแล้วจบ
โดย
nanchan
ศุกร์ ก.ย. 02, 2011 4:47 pm
0
11
Re: บทความของ คุณ สุมาอี้ The Dark Side of Over-trading
bland bcp becl cpf-w1 cpl d-mark doi dtm gold itd jasmin jcc kki krp nmg pranda raimon s&p scan smk ssi tipco นี่เป็นหุ้นเมื่อผมเคยซื้อไว้ปี45 ถ้าเกิดว่าไม่มีการเทรดเกิดขึ้นบ่อยๆ ดูๆไปน่าจะยังเป็นโจ๊กอยู่ แต่ละประสบการณ์ บทสรุปมันก็ออกมาที่แตกต่างกัน หาแนวทางตัวเองให้เจอ เข้าใจอะไรมากขึ้น แล้วค่อยมากำหนดกลยุทธ คงจะดีไม่น้อย
โดย
nanchan
อังคาร ก.ค. 19, 2011 10:49 am
0
0
Re: ทำอย่างไรให้ลงทุนหุ้นแล้วเป็นสุข
เมื่อไรหุ้นลงเยอะแล้วยังมีความสุขได้ แสดงว่าเริ่มเข้าทางหละ :mrgreen:
โดย
nanchan
จันทร์ พ.ค. 23, 2011 8:35 pm
0
0
Re: เป้าหมายที่เหนื่อยหนัก/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โลกในมุมมองของ Value Investor 21 พฤษภาคม ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร การที่จะมีความสุขและไม่เหนื่อยจากการลงทุนก็เป็นศิลปะที่ต้องเรียนรู้ด้วยเหมือนกัน [/size] เป้าหมายที่สูงมากเกิน แล้วกดดันตัวเองมากเกิน แล้วเครียด ก้อต้องปรับ ............. เป้าหมายที่ตํ่าเกิน มันก้อไม่ท้าทาย ไม่มีแรงกระตุ้นให้ต้องพยายาม ก้อต้องปรับ .......... พออ่านบทความนี้แล้วนึกย้อนหลังไป 9 ปีของตัวเอง เหมือนเป็นคนไร้เป้าหมาย .............. ไม่เคยตั้งเป้าเลยว่าปีนี้จะต้องได้ 50% ปีหน้าจะต้องได้100% ปีนู้นจะต้องได้ 200% ไม่เคยตั้งเป้า............. รู้แต่ว่า เราต้องศึกษา ต้องทําการบ้าน ให้หนัก กว้าง ลึก ไว กว่าคนอื่นเท่าที่จะทําได้ ............ พอมาดูผลงาน performance return ของตัวเองย้อนหลังกลับไปที่จุดเริ่มต้น เรามาไกลขนาดนี้แล้วเหรอ ไม่คาดคิดมาก่อน............... บางที "การไม่ตั้งเป้า" แต่ศึกษา ทําการบ้าน หนัก กว้าง ลึก ไวกว่าคนที่ตั้งเป้าสูง ก้อนําไปสู่อะไรดีดี โดยไม่ต้องกดดันตัวเองแล้วเครียดก้อได้ครับ ............. มันคงเป็นศิลปะ เฉพาะแต่ละบุคคลไปนั้นแหละครับ ตามสภาพ ตามวัย ตามขนาดความรวย ก็อย่างที่คุณแงซายว่า ทำการบ้านไว้ แต่ก็ไม่เห็นต้องไปเครียดไรนี่น่า
โดย
nanchan
จันทร์ พ.ค. 23, 2011 1:46 pm
0
0
Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ
Aj ราคาปี52 อยู่ระหว่าง 2.2 - 4.0 กำไรปี 51 0.45 มีบางช่วงที่peต่ำกว่า 5เท่า Peต่ำหรือสูง ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา บางทีมันอาจจะแค่เรื่องบัญเอิญ ส่วนอนาคตผมก็ไม่รู้นะ ว่ามันจะเป็นไปในรูปแบบไหน อาจจะอย่างลินซ์ว่าก็ได้ Peอาจเป็นดังลินซ์ว่าก็ได้ เพราะคนส่วนมากในตลาดเริ่มเข้าใจภาพของวัฐจักรมากขึ้น อย่างหุ้นเรือตอนนี้ที่ยังสูงได้ ก็เพราะความเชื่อเท่านั้นมั้ง อย่างวอเรน หรือใครบอกให้ซื้อหุ้นroeสูง แต่เราก็ต้องเข้าใจนะ ว่าความคิดวอเรนพูดถึงมองหุ้นที่ผ่านมา10ปี และมองภาพให้เข้าใจไปอีก10ปี หรือมากกว่านั้น ไม่ได้หมายความแค่roeสูงแล้วมันจะดี ไม่มีใครผิดหรือถูก แต่บางสิ่งมันไม่แน่เสมอไป
โดย
nanchan
เสาร์ มี.ค. 26, 2011 5:33 pm
0
1
Re: พี่ๆที่เล่นหุ้นอย่างเดียวมีพอร์ทเท่าไหร่ถึงเล่นหุ้นเป็นอ
ผมว่ามีกี่บาทก็เล่นเป็น อาร์ต ได้นะ คืออะไรหรอครับพี่ :o ไม่มีไรหรอก เขียนเล่นๆ อาร์ต อาช อาชีพ ขอบคุณครับพี่ ตอนนี้เงินน้อย เงินเดือนทั้งปีประมาณ20%ของพอร์ท มุมมองผมตอนนี้ก็มองจริงจังมากๆเหมือนกันครับ แต่วันหนึ่งถ้าสัดส่วนนี้น้อยๆ ก็อยากออกมาเต็มตัวเหมือนกันนะครับ เพราะอยากไปงานoppdayอยากไปประชุมผู้ถือหุ้นอยากไปcompanyvisitกับเขาบ้างนะครับ แล้วก็อยากเดินทางไปหาความรู้เพิ่มเติมจากเซียนที่นับถือนะครับ เห็นหลายๆคนมาลงทุนซักพักแล้วก็อยากมาเล่นเป็นอาชีพ ไม่รู้เพราะอะไรนะ เพราะคิดว่าเล่นเป็นอาชีพกำไรเยอะ ตรงนี้คิดว่าไม่เกี่ยว หรือว่าต้องเอาเวลาไปopp dayเยอะๆ ตรงนี้คิดว่าดูทางเนตก็ได้ อาจไปเฉพาะบ.ที่เราโฟกัสจริงๆ ไปcompany visit ก็น่าจะลางานไปได้บ้างนะ ผมไปมาแค่5ครั้งเอง เฉลี่ยไม่ถึง ปีละครั้ง จะว่าไป ไปดูก็มีประโยชน์ เปิดหูเปิดตา เข้าใจมากขึ้น แต่คิดว่าก็ไม่จำเป็นต้องดูมากมายนัก ได้ดูซักบริษัทสองบริษัท ก็พอจะนึกภาพออกแล้วมั้ง (แต่ก็มีคนที่อยากไปดูเพื่อเอาข้อมูลอินไซ อันนี้ก็ไม่รู้นะ) ถ้าไงอยากได้ข้อมูลก็ลองถามIrดูก็ได้ เผื่อได้อะไรดีๆ อันหลังนี่ อยากเดินทางไปหาความรู้เพิ่มเติมจากเซียนที่นับถือนะครับ ฟังแล้วตลกดีนะ ท่าทางจะทำงาน24hrแบบ7-11 7days ไม่มีเวลาเลย อิอิ แต่ไงก็แล้วแต่ ก็แล้วแต่ความคิดท่านpicklife ส่วนตัวผม ถ้าอนาคตถ้าสามารถหางานที่ชอบทำได้ และมีอิสระในการใช้ชีวิตบ้าง ก็คงหางานทำไป เล่นหุ้นไป จริงๆวันนี้ก็คิดแต่อยากจะเลิกทำงาน ก็เลยเป็นทุกข์ไปซะงั้น รอให้ถึงเวลาจะเลิกก็เลิกน่าจะดีกว่า
โดย
nanchan
เสาร์ มี.ค. 26, 2011 5:05 pm
0
0
Re: พี่ๆที่เล่นหุ้นอย่างเดียวมีพอร์ทเท่าไหร่ถึงเล่นหุ้นเป็นอ
ลงทุนเป็นอาชีพหมายความว่าต้องมีเงินเท่านั้นเท่านี้เหรอ ผมว่าคิดแบบขายก๋วยเตี๋ยวซิ ลงทุนเริ่มต้นหลักหมื่น ก็เป็นอาชีพแล้ว ผมชอบคิดว่าผมลงทุนเป็นอาชีพ ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มลงทุนแล้ว และก็บอกตัวเองเสมอว่ามันคืออาชีพหนึ่ง ไม่เคยคิดเป็นมือสมัครเล่น ไปพร้อมๆกับการบริหารธุรกิจส่วนตัว ทุกวันนี้ก็ยังทำ ผมว่าอาชีพการลงทุน ไม่ได้ใช้เวลาอะไรเยอะแยะมากมาย ไม่เห็นความจำเป็นต้องเลิกทำงานอื่น แล้วออกมาเล่นหุ้นแล้วคิดว่าเป็นอาชีพนักลงทุน (นอกจากเบื่อ,ขี้เกียจ,ไม่อยากทำ) ลงทุนในกรอปความรู้ความสามารถ และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ก็สามารถลงทุนเป็นอาชีพได้แล้ว ส่วนมากเวลาที่ไร้สาระสำหรับนักลงทุนอาชีพก็คือช่วงเวลา10.00 - 16.40 น. ครับ (ยกเว้นประเภทเดย์เทรด) พูดง่ายๆ เริ่มต้นไม่กี่บาท ก็คิดจริงจังกับมันซะ งานเดิมที่ทำอยู่ก็เต็มที่ด้วย ไม่มีความจำเป็นต้องเลิก
โดย
nanchan
เสาร์ มี.ค. 26, 2011 1:02 pm
0
0
Re: พี่ๆที่เล่นหุ้นอย่างเดียวมีพอร์ทเท่าไหร่ ถึงเล่นหุุ้นเป็
ผมว่ามีกี่บาทก็เล่นเป็นอาร์ตได้นะ
โดย
nanchan
เสาร์ มี.ค. 26, 2011 12:19 pm
0
0
Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ
และจริงๆแล้วคำกล่าวของ ปีเตอร์ลิน ที่บอกว่าให้ซื้อหุ้น cycle เมื่อ pe แพงๆแล้วขายตอน pe ถูกๆ จากที่ผมไป cover มา ผมคิดว่าคำกล่าวนี้ใช้ไม่ค่อยได้กับหุ้น cycle รอบนี้ เลย cycle แต่ละครั้งจะมาด้วยเหตุผลทาง demand supply ที่แตกต่างกันไป อย่างหุ้นเรือสมัยก่อนก็เรื่องเศรษฐกิจจีนเป็นสำคัญ ฟิลม์รอบนี้ก็มี demand ในสินค้าใหม่ๆเช่น solar cell ,lcd ส่วนใหญ่หุ้นที่จะขึ้นเป็น 10 เด้งนั้นจะต้องอาศัยราคาที่ถูกเป็นพิเศษอยู่ด้วยระดับนึงดังนั้นจะค้นพบได้ง่ายหลังจากตลาด crash แต่มันจะมีเหตุผลบางอย่างที่ฟื้นตัวเร็วมากและราคาหุ้นก็จะไปได้ไกลมาก ฮงนี้มัน เทพชั้นดาวดึงส์แล้วมั้ง เห็นด้วยครับ คำกล่าวนี้ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้างในยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก ที่ผ่านมาผมก็เคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับวัฐจักร ของปีเตอร์ลินซ์ หรือหมอศรราม บางอย่าง บอกตามตรง ว่ามันใช้ไม่ได้กับตลาดหุ้นไทย หรืออาจจะใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง เรียกว่าฟลุ๊คเหมือนกัน ฟลุ๊คเหมือนกัน ก็คือบังเอิญมันเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไป หุ้นวัฐจักรหรือคอมโม หลายตัว ก่อนที่จะเกิดแฮมเบอร์เกอร์ ด้วยนะ มีpeไม่สูง และมีปันผลสูง มาก่อนแล้ว พอหลังจากที่เกิดวิกฤติ ทำให้ราคาหุ้นยิ่งถูกมากเข้าไปอีก เป็นDouble ตันไม่ตัน มันจึงเป็นเหตุให้วิ่งไปสิบเด้งไม่ยาก ส่วนศาสดาก็ไม่สามารถเข้าใจที่มาที่ไป บางทีก็อธิบายให้หมู่มวลชนเข้าใจไม่กระจ่างนัก หวังว่าเทพขั้นฮง จะทำให้เหล่าประชาเข้าใจอะไรมากขึ้น ก๊าก
โดย
nanchan
เสาร์ มี.ค. 26, 2011 10:54 am
0
4
Re: ตลาดหุ้นเป็น zero-sum game จริงหรือไม่ ขอความเห็นและข้อโ
ในระยะยาว ไม่คิดว่าเป็น zero sum หรือ negative sum game แต่ ส่วนตัวชอบคิดแบบ negative sum มากกว่า positive sum จะ negative zero หรือ positive ไม่ใช่สิ่งที่ผมนำมาตัดสินใจลงทุน เส้นทางที่จะไป วิธีการที่ใช้ เป็นสิ่งที่ควรโฟกัส Focus on trading well, not trading profits
โดย
nanchan
พุธ มี.ค. 23, 2011 1:13 pm
0
0
Re: ทำไมเงินเฟ้อแล้วหุ้นต้องตก
ส่วนเงินเฟ้อระดับไหน ที่เรียกว่าสูง จนกระทบหนักๆ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ส่วนตัวคงดูผลตอบแทนของเงินฝากแบง และพันธบัตรต่างๆเป็นเกณฑ์ความพอใจ หรือ ถ้ามีหุ้นที่มันถูกมากๆ คุ้มพอจะเสี่ยงลงทุนได้ ก็คงลงทุนไปตามสภาพ
โดย
nanchan
จันทร์ มี.ค. 21, 2011 2:21 pm
0
0
Re: ทำไมเงินเฟ้อแล้วหุ้นต้องตก
ถ้าเงินเฟ้อ เพิ่มขึ้นมากๆ ผมว่ามีหุ้นบางกลุ่มที่ไม่สามารถจะต้านทานไหวแน่ๆ คงต้องมาดูมั้งว่าเงินเฟ้อมันเพิ่มขึ้นจากส่วนไหน เงินเฟ้อเคยขึ้นสูงเพราะราคาน้ำมัน หุ้นก็ไม่ตก แต่มันขึ้นแค่กลุ่มน้ำมัน แต่พอเวลาผ่านไปนานๆหุ้นก็ตก เพราะราคาน้ำมันสูงเกินไป ราคาน้ำมันจึงต้องลดลง และเงินก็เฟ้อน้อยลง เวียนไปวนมา เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น อัตราดอกเบี้ย ก็มีโอกาสสูงตาม ก็คงต้องมาดูรายกลุ่มอีกแหละว่ากลุ่มไหนมันกระทบมากน้อยแค่ไหน เช่นกลุ่มอสังหา เห็นบางโบรกเชียร์ว่ากลุ่มธนาคารดี ผมก็งงเหมือนกันว่าดียังไง ในเมื่อต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้น ไงก็ต้องมาดูผลตอบแทนการลงทุนอีก ว่ามันคุ้มไม๊ โดยส่วนตัวถ้าเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นสูงๆ ดอกเบี้ยเงินฝากถึงซัก5% เมื่อไรที่ราคาหุ้นระดับนี้ ผมคงไม่ลังเลใจที่จะเอาเงินไปฝากแบง หรือพันธบัตร มากขึ้น ง่ายๆก็คือ ถ้าเงินเฟ้อ มันสูงขึ้นมากๆ จนอัตราดอกเบี้ยมันสูงมาก ที่การลงทุนไม่คุ้ม หรือคนไม่อยากใช้เงิน เอาเงินมาฝากดีกว่า แบงเจ๊งก็ไม่จ่ายคืนอีก (สงสัยเอาฝังดินไว้ดีกว่า) ถึงตอนนั้น ตลาดคงวายมั้ง ถ้าดอกเบี้ยระยะสั้นสูงกว่าระยะยาว อาจเป็นเหตุนึงที่ว่าคนไม่นำเงินมาลงทุนแล้ว เล่นเอาไปฝากระยะสั้นกันอย่างเดียว คงมีผลต่อสภาวะลงทุนโดยรวม ผมก็คิดเช่นนั้น โดยส่วนตัวก็คิดว่าถ้าเงินเฟ้อสูงมากๆจะมีผลกระทบต่อกำลังซื้อ บริษัทที่cost plusได้จริงๆแล้วผู้บริโภค ยังจำเป็นต้องใช้สินค้า แบบว่าไงก็ต้องใช้ คิดว่ามีไม่เยอะมาก เช่นน้ำประปา
โดย
nanchan
จันทร์ มี.ค. 21, 2011 2:18 pm
0
0
Re: หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง
http://www.happen.com/index.php/home/articles/39-good-to-great-or-just-lucky good to great or just lucky ? In 2001, Jim Collins presented a landmark study in his book 'Good to Great'. Now, less than a decade later, his conclusions appear to be crumbling to dust. Were these companies not so great after all? What happened to corporate greatness? In all fairness, Collins' Hedgehog Concept is a great little framework to help pinpoint what business you're really in and if you should be there. What you can be the best in the world at? What drives your economic engine? What are you deeply passionate about? Most of his other ideas are fine too, certainly when considered 'stand alone'. But put together, we can be safe to say that half of the 11 great businesses he identified are no longer doing so great at all. Circuit City: Bankrupt Fannie Mae: Bankrupt / nationalised Wells Fargo: Needs another $13 Bn Nucor: Stock and Revenue crash -50% Pitney Bowes: Stock and Revenue crash -15% Gilette: No longer independent What happened... is greatness so easily lost? Is it the credit crunch? Or is something else happening? Well, consider how mr Collins assembled his list in the first place. He started with 1,435 of what he classified as 'good' companies and identified the 11 (0,8%) companies that became 'great' based on a list of criteria. Amongst the key criteria were a successful CEO transition and stock returns that exceeded general market at least 3 times over 15 years (independent of industry averages). So he started with a list of almost fifteen hundred fine businesses and found parameters to funnel the list down by over 99%. That's the same as looking at 100 A-grade students and predicting which single one will outperform the others. Would you trust that judgement? Of course not. But why not? For one, looking at the past provides very little guarantee for the future. Particularly when considering market value of American businesses: the top-20 of largest US businesses refreshes significantly every ten to fifteen years (in Europe it takes a little longer). Some could oppose "but they would have remained great if it weren't for the credit crunch". Well, shit happens, usually unexpectedly. Second, when setting multiple critical criteria on any sample, the leverage of error is typically large. Either no one passes, or everyone passes. Funneling down 1,435 good businesses to 11 great ones means that 1,424 did not pass. If his combined thresholds were off by 1%, he would have had either twice as many great companies, or none at all. I do not know what the full list of criteria were, but imagine mr Collins used ten different ones, where only 11 companies passed all ten criteria. Blunt calculus: every single one of ten criteria will cull about 140 companies from the pool. Had mr Collins used nine criteria instead, his book would have taken fifteen times as long to write. Had he used eleven criteria, he would have had no book at all. Last but not least, it appears mr Collins has been fooled by numbers. Fifteen years appears to be long period period to remain successful for any business, seemingly a rigorous criterium with low margin for error. But his sample is huge. Simply by taking a whopping 1,435 companies as starting pool, even when all would have performed modestly there will still be plenty emerging as 'great' at the other end. Could they have simply been lucky? Consider the following scenario, where every year 10% of the 'good' businesses drops into mediocrity or worse. Any single one of the 1,435 'good' businesses then has a 90% chance of performing on par or better than the 'great' criteria, year on year. After 15 years, a total of (90%)^15 = 20% would qualify as 'great', simply by remaining 'good'. In fact, basic maths show that as much as 28% of the 1,435 'good' companies can slip into averageness every year and still 10 will emerge as 'great' after 15 years (1,435*(72%)^15=10.3). That's a lot of mediocrity. Let's put this in perspective. There are about 10,000,000 (non-sole proprieter) registered businesses in the US and about 25,000 of them go bankrupt every year. That's 0,25%. Even in the current economic crisis, with that figure shooting up by over 50% to about 40,000 - that's still only 0,4% (although some single bankruptcies have been more spectacular recently). And these are the companies going from 'poor' to 'bankrupt'. So there's over 99% chance any company will still be in business the following year, or not doing poor enough to collapse. I think it's then awfully safe to say that 72% of those doing fine will probably do fine the next year too. The point to all this? It's all about simple luck - and you only need a little to go from good to great. © 2009 Costas Papaikonomou Contact Costas now Follow Costas on Twitter
โดย
nanchan
พุธ มี.ค. 16, 2011 12:07 pm
0
0
Re: หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง
ABC says: circuit city ล้มละลาย fannie mae เจ๊ง DEF says: เออใช่ ผมจำผิดบริษัท 55555 เป็นแค่การพูดถึงเนื้อหาในหนังสือนะครับ ไม่ได้พาดพิงใคร
โดย
nanchan
พุธ มี.ค. 16, 2011 11:58 am
0
0
Re: หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง
xxxx says: good to great, built to last ก็ good to read.... no fucking needed at all xerox, freddie mac ก่อนหน้านี้ก็ built to last good to great ...... เต่าทุยมาก เพื่อนฝากมาโพสต์นะครับ ผมไม่เคยอ่านเหมือนกัน ถือว่าเป็นคอมเม้นนึง ในการวิจารณ์หนังสือนะครับ ไม่เหมาะสม-ลูกอิสาน
โดย
nanchan
พุธ มี.ค. 16, 2011 11:51 am
0
0
Re: กระทู้ PTL ชั่วคราว
ข้อควรระวัง: โปรดหลีกเลี่ยงการปลอมแปลงเอกสาร มิฉะนั้น ท่านจะได้รับโทษตามกฎหมาย ดังนี้ ประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ 7 ความผิดเกี่ยวกับการปลอมและการแปลง หมวด 3 ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร มาตรา 264 ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอมหรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดกรอกข้อความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่นนั้น ถ้าได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชนให้ถือว่าผู้นั้นปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน มาตรา 265 ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท มาตรา 266 ผู้ใดปลอมเอกสารต่อไปนี้ (1) เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ (2) พินัยกรรม (3) ใบหุ้น ใบหุ้นกู้ หรือใบสำคัญของใบหุ้นหรือใบหุ้นกู้ (4) ตั๋วเงิน หรือ (5) บัตรเงินฝาก ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท พี่นันสู้ๆ... แจ้งความ ฟ้องเลยครับพี่... เอาใจช่วยครับ... ผมไม่จำเป็นต้องทำเองให้เสียเวลาหรอกครับ ผมทำแค่ส่งให้ข้อมูลให้pcifilmsเท่านั้นแหละ และอีกส่วนนึงที่ผมทำได้คือแจ้งกลต.ให้เข้ามาดูแล ถ้าผมเป็นผู้เสียหาย มันโดนฟ้องแน่ๆอยู่แล้วหละ
โดย
nanchan
พฤหัสฯ. มี.ค. 03, 2011 10:58 am
0
0
Re: กระทู้ PTL ชั่วคราว
ข้อควรระวัง: โปรดหลีกเลี่ยงการปลอมแปลงเอกสาร มิฉะนั้น ท่านจะได้รับโทษตามกฎหมาย ดังนี้ ประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ 7 ความผิดเกี่ยวกับการปลอมและการแปลง หมวด 3 ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร มาตรา 264 ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอมหรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดกรอกข้อความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่นนั้น ถ้าได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชนให้ถือว่าผู้นั้นปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน มาตรา 265 ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท มาตรา 266 ผู้ใดปลอมเอกสารต่อไปนี้ (1) เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ (2) พินัยกรรม (3) ใบหุ้น ใบหุ้นกู้ หรือใบสำคัญของใบหุ้นหรือใบหุ้นกู้ (4) ตั๋วเงิน หรือ (5) บัตรเงินฝาก ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
โดย
nanchan
พฤหัสฯ. มี.ค. 03, 2011 9:34 am
0
0
Re: วิธีการโพสไฟล์ในกระทู้ [ เชิญทดลองในกระทู้นี้ได้เลยครับ
ลองบ้าง
โดย
nanchan
พฤหัสฯ. มี.ค. 03, 2011 9:04 am
0
0
Re: กระทู้ PTL ชั่วคราว
http://www.picza.net/uppic/pic/2011_03_03/48c/48cc6fd3605604095e6bf0a87830aad0.jpg Thanks: Ro ฝากรูป อันนี้เป็นอีเมลที่ทางpcifilmsตอบกลับมา และต้องการข้อมูลผู้ทำเอกสารปลอมนะครับ
โดย
nanchan
พฤหัสฯ. มี.ค. 03, 2011 8:49 am
0
0
Re: กระทู้ PTL ชั่วคราว
จะพูดไรก็พูดเหอะครับ ยังไงก็ขอข้อมูล ตามที่แจ้งไว้ด้วยหละกัน เพราะมีคนเค้าให้ผมมาช่วยขอเพื่อแจ้งทางเวปpcifilmsอีกที ธรรมะมันอยู่ทีใจครับ ไม่ต้องพูดออกมาดังๆหรอก
โดย
nanchan
พุธ มี.ค. 02, 2011 9:53 am
0
0
Re: กระทู้ PTL ชั่วคราว
ทางเวป pcifilms เค้าขอแหล่งที่มาของคนทำเอกสารครับ ถ้าmodทราบ วานแจ้งให้ผมทราบด้วย และข้อมูลของคุณmadamซึ่งเป็นคนเริ่มต้นให้คนขอส่งemail ผ่านทางpmของเวปนี้
โดย
nanchan
พุธ มี.ค. 02, 2011 9:29 am
0
0
Re: กระทู้ PTL ชั่วคราว
ไม่มีปัญหาครับ ผมมีเอกสารอยู่แล้ว ผมคิดว่าสิ่งที่ผมเขียนนั้น สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงทุกวันนี้ และสมความบอกกล่าวให้รับทราบกันถ้วนหน้า เหมือนกับที่มาร์ค บอกผู้ดูแลเวปในมหาลัย ว่าผมทำเวปคุณล่ม คุณควรจะขอบคุณผมด้วยซ้ำ คุณจะแบนผมก็แบนครับ ไม่มีปัญหาอะไร
โดย
nanchan
พุธ มี.ค. 02, 2011 9:19 am
0
0
Re: กระทู้ PTL ชั่วคราว
คุณmadam สิ่งที่คุณทำนั้นคือการปลอมแปลงเอกสาร และมีโทษทางอาญา ผมจะส่งข้อมูลไปให้ทางpcifilms โดยบอกว่าเป็นสมาชิกของเวปthaivi.com
โดย
nanchan
พุธ มี.ค. 02, 2011 9:12 am
0
0
Re: กระทู้ PTL ชั่วคราว
หลวงปู่ชา บอกว่า ผิดผู้อื่นเท่าภูเขา ผิดของเราเท่ารูเข็ม ไม่มีใครทำอะไรเราได้ ถ้าเรามีสติ รู้รำลึก คนที่เชื่อเค้าคนนั้น เพราะส่วนลึกก็เลือกเชื่อข้อมูลที่เค้าบอกโดยเห็นว่าเหมือน หรือเป็นอย่างที่ตัวเองอยากให้เป็น ถ้ามีคนท้วงก็แอบหมั่นไส้ หรือโกรธ ลองทำใจเป็นกลาง หรืออ่านร้อยคนร้อยหุ้นที่เราไม่ได้ถือ (ตัดอคติ) แล้วก็จะวิเคราะห์ได้ว่า ข้อความโพสต์ไหนคือ FACT ข้อความไหนเป็น OPINION อันไหนเป็น FACT ก็ควรหาข้อมูลสนับสนุนด้วยตัวเองก่อนเชื่อ แล้วก็จะลงทุนอย่างมีความสุข ขอพระคุ้มครอง :cool: :cool: :cool: อัตตา... มานะทิฎฐิ นี่ช่างน่ากลัวจริงๆ... อย่างพวกนี้ ทำไมไม่ไปอยู่ในห้องธรรมะ ผมอย่างรู้ว่าmodใช้สมองอันน้อยนิดตัดสินใจอย่างไร
โดย
nanchan
พุธ มี.ค. 02, 2011 9:05 am
0
0
Re: กระทู้ PTL ชั่วคราว
แล้วห้องนี้มันชั่วคราวไม่ใช่เลย เห็นบอกว่ามีสิทธิโพสต์ได้เต็มที่
โดย
nanchan
พุธ มี.ค. 02, 2011 9:01 am
0
0
Re: กระทู้ PTL ชั่วคราว
แล้วทำไมท่านไม่ลบอันอื่นที่มันไม่เกี่ยวข้อง
โดย
nanchan
พุธ มี.ค. 02, 2011 8:58 am
0
0
Re: กระทู้ PTL ชั่วคราว
ทำไมข้อความที่ผมโพสต์ เมื่อคืนโดนลบครับ
โดย
nanchan
พุธ มี.ค. 02, 2011 8:37 am
0
0
Re: กระทู้ PTL ชั่วคราว
ลงทุนผิดพลาด ต้องโทษตัวเอง ไม่ใช่ไปโทษ หุ้น แนวคิดการลงทุน ผู้บริหาร เวปบอรด คนให้ข้อมูลในเวปบอรด นักวิเคราะห์ เพื่อนที่แนะนำหุ้น สภาพตลาด โชคชะตา etc คนเราที่ทำได้คือการเปลี่ยนแปลงและแก้ไขตัวเอง การคิดเปลี่ยนแปลงและแก้ไขคนอื่นหรือสิ่งแวดล้อมให้ปรับเข้าหาตัวเรา เปนเรื่องที่เปนไปไม่ได้ All we are just dust in the wind คนเราทุกคนจริงแล้ว ก็เปนเพียงธุลีในสายลม ซึ่งไม่สามารถฝืนกฎธรรมชาติได้ +1 เห็นด้วยกับคุณkmpholครับ แต่ขอมีแต่นิดนึง การมีเวปบอร์ด ไว้เพื่อให้คนส่วนรวมได้ร่วมกันแจมข้อมูล ขั้นต้นเราควรช่วยกันสอดส่องดูแลความเลวร้าย หรือความชั่วร้ายของคนในบอร์ดร่วมกันด้วยนะครับ ถ้าปล่อยให้ความชั่วร้ายมันอยู่ในบอร์ดนั้นๆได้ ผมคนนึงที่ยืนยันให้ปิดบอร์ด มันเสมือนกับว่า เราถามในโลกนี้มีอบายมุข สิ่งเสพติด กัญชา เฮโรอีน หรือการพนัน ถ้าว่าจะมีคนติดไม๊ ผมว่าคงมีแน่นอน แต่เราไม่ควรให้มันเกิดการติดขึ้นง่ายๆในวงกว้างออกไป เช่นการเปิดบ่อน เปิดสถานบันเทิงให้คนเข้ามาเสพยากัน และผมคิดว่าคนที่เข้ามาในบอร์ดรุ่นหลังๆล้วนเป็นมือใหม่เข้ามาเยอะ ผมเองพอจะรู้ทัน ผมจะปล่อยไปก็ได้นะ สำหรับการให้ข้อมูลที่บิดเบือนเช่นนี้ และผลก็จะตามมาภายหน้าแน่นอน เจ้าคนนี้ผมบอกได้ว่าไม่ธรรมดานะครับ มันเล่นถึงขนาดปลอมแปลงเอกสารPcifilmsแล้วส่งให้ผู้ลงทุนท่านอื่นด้วย นะจะบอกให้ ผมคิดว่าเอกสารนี้คงไปถึงมือpcifilms.comแล้วเช่นกัน คือมีผู้ที่เค้าสงสัยแล้วส่งไปถามนะครับ ไม่รู้ว่าเค้าได้บอกว่าเป็นการปล่อยมาจากเวปนี้รึเปล่านะ ถ้ามีการติดต่อมายังไงก็เตรียมชี้แจงไว้ด้วยนะครับ ปล.ผมไม่ได้เป็นคนส่งนะ เพราะไม่ได้รับเอกสารจากคุณmadamนะ ============================================================ ลบเพราะเอาเวปไปเปรียบกับบ่อน และแสดงความเห็นว่า ถ้าไม่ได้อย่างใจตัวเอง ก็ให้เวปปิดๆไป นี่เป็นครั้งที่สอง หากมีครั้งที่สาม จะแบน ============================================================
โดย
nanchan
อังคาร มี.ค. 01, 2011 11:39 pm
0
0
Re: กระทู้ PTL ชั่วคราว
ต้องขอบอกอีกที่นะครับ เรื่องที่ผมพยายามขุดคุ้ยนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับพื้นฐานหุ้นแต่อย่างใด แต่มีนัยยะ ในแง่ของการชี้นำราคาหุ้นได้ในอนาคต เพราะฉนั้น มันจึงเป็นอันตราย สำหรับผู้เสพข้อมูลโดยไม่รู้ความจริง แนวโน้มของpet filmกรุณาลองไปศึกษาตามข่าวสารที่ผู้บริหารpolyplexได้กล่าวไว้ หรือบทวิเคราะห์ของjindal,polyplexต่างๆ ซึ่งพวกนี้อาจจะมีแนวคิดconserบ้างไม่บ้าง เราก็ต้องพิจารณาตามกรอปความรู้ตัวเอง ส่วนราคาpet film แนวโน้มราคา ดูได้จากenglish99.com หรือตามเวปไซต์ ของผู้ผลิตต่างๆเช่น torey, dupont เป็นต้น การลงทุนย่อมต้องใช้เวลาพิสูจน์นะครับ ไม่ใช่เพียงแค่วันสองวัน ศึกษาให้เข้าใจถ่องแท้ถึงความเสี่ยง ถ้าเราคิดว่าหุ้นพื้นฐานระยะยาวดีจริงๆ ก็ไม่ต้องกังวลอะไรมาก วันข้างหน้า มีเหตุการณ์อื่นๆเกิดขึ้นจะมาบอกว่ารู้งี้เชื่อ"Madam"ก็ดี ไม่ได้นะ คริๆ
โดย
nanchan
อังคาร มี.ค. 01, 2011 2:10 pm
0
0
Re: กระทู้ PTL ชั่วคราว
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ทางpcifilms ไม่มีข้อมูลรายวันนะครับ ตามที่พี่ลิ้นจี่ได้อีเมลมา และผมก็ได้มาเหมือนกัน ส่วนเกรดที่ใช้ในpet film ตามนี้ There are five main categories of PET film applications: - Packaging applications, which comprise commodity films, as well as higher-end coated speciality film used primarily for food packaging. - Industrial applications, of which there are hundreds, including hot stamping foils, photo-resist, labels, and release films. - Electrical applications, including wire and cable wrap for insulation and moisture resistance, membrane touch switches, flexible printed circuits, capacitors, and motor insulation. - Magnetic media applications, which comprise audio and video tape, as well as computer tape and floppy discs - Imaging applications, which include printing films , such as layout base, masking film, and printing plates, as well as reprographics, microfilms and business graphics. ptlผลิตเกรดที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร80%กว่าๆ ให้ไปดูใน56-1เอาเอง ราคาpet film บางเกรดโดยเฉพาะเกรดprintingได้ลดลงมาจริง ส่วนของdupontยังไม่ได้ลดลง และตามเวปดูปองได้มีการประกาศปรับขึ้น โดยปกติราคาที่updateจริงๆ ก็มีแค่ในเวปchem99 แต่มันเป็นราคาในจีน ซึ่งก็เอาแน่นอนยังไม่ได้อีก ไงก็ขอให้พิจารณาความเสี่ยงกันในระดับที่เหมาะสมด้วย
โดย
nanchan
อังคาร มี.ค. 01, 2011 10:49 am
0
0
Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?
เอาเคสที่ผมเคยติดVnt มาฝาก ของงี้มันต้องเจอจริงไรจริง ถึงจะเข้าใจ http://www.templeboxing.com/index.php?topic=2607.0
โดย
nanchan
จันทร์ ก.พ. 28, 2011 8:59 am
0
0
Re: หา FCF ออกมาแล้วติดลบ ต้องทำอะไรกับมันมั้ยครับ
โกวเล้ง กล่าวว่า " รำ่สุรากับสหายที่รู้ใจพันใหก็ไม่เมา ลูกผู้ชายพึง มีชื่อรำ่สุราพึงเมามาย สนทนาหลังเมามายคือคำพูดจากดวงใจ " จ๊าก หมอฝน เมามาย มิรู้เบื่อ ถ้าFcf มันติดลบ นานๆ ผมว่าถ้าจะไม่ดีเท่าไหร่ เดี่ยวมันจะมาถึงทุนเราได้(เพิ่มทุน) หลักๆแล้วคงต้องไปเจาะลึกตามสูตรที่ให้มานั้นหละมั้ง ว่าเค้าเอาเงินไปทำอะไร แล้วธุรกิจมันจะรุ่งขนาดไหน อย่างfacebook ผมว่าทำแรกๆ Fcf น่าจะติดลบเอาการเชียว สัดส่วนการตัดสินใจลงทุน = ระยะเวลาผลตอบแทน + %ผลตอบแทน + ความเสี่ยง + โอกาสที่จะชนะ มั่วๆเอานะ
โดย
nanchan
ศุกร์ ก.พ. 25, 2011 9:19 am
0
0
Re: JAS [เฉพาะวันที่ 24 - 25 FEB 2011] เชิญคุยกันที่นี่ชั่วค
พี่ densin มีมุมมองกับคดีความต่างๆของ jas ยังไงบ้างครับ อยากฟังความเห็นครับ ขอบคุณครับ :D โพสก็โดนลบ วันนี้ไม่อยากดราม่า เพราะต้องออกไปกินโต๊ะจีนฟรีทั้งวัน :D แต่พรุ่งนี้ไม่แน่ เอาว่า ตัวนี้ผมมีเท่าเดิม ก็คือไม่เคยมี ไม่เคยซื้อลงทุนหรือเก็งกำไร พี่den ชี้นำนะ สมควรโดนลบ คริๆ
โดย
nanchan
พฤหัสฯ. ก.พ. 24, 2011 9:40 am
0
0
Re: ฟัง ดร.นิเวศน์ ทาง 96.5 บอกว่าระวังเงินจะไหลกลับ อเมริกา
เป็นVi ต้องสนใจเงินไหลเข้าไหลออกด้วยเหรอ :?:
โดย
nanchan
จันทร์ ก.พ. 21, 2011 2:05 pm
0
0
Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?
ที่ คุณ nanchan โพสต์ ผมเห็นด้วย ไม่ในโลกธุรกิจ ไม่มีวันได้ถูก หรือ ผิด 100 % จะว่าไม่ว่าอะไรก็เหมือนกัน ทุกสถานการณ์มีข้อยกเว้น หรือ เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงมากมาย ต้องขึ้นกับ factors ของแต่ละคน ณ จุดนั้นๆ ปล. ตอนนี้เป็น คุณพ่อลูกอ่อน คงเหนื่อยนะครับ อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะครับ :D ไม่เหนื่อยหรอกครับ สนุกดี เพราะผมรู้ว่าคงเหนื่อยตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้จึงไม่จำเป็นต้องรู้สึกเช่นนั้นอีก
โดย
nanchan
อังคาร ก.พ. 15, 2011 9:49 am
0
0
Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?
ถามหน่อยได้ไม๊คุณนริศขายPtl ทำไม ส่วนilink tnh nbc อาจขายเพราะเจอเรือลำที่ดีกว่าคงไม่ถามหละ คำถามที่มีประโยชน์ ไม่ตอบคงไม่ได้ครับ นักลงทุนมาอ่านทีหลังจะได้เรียนรู้ทางลัดจากประการณ์ตรงของคนอื่นๆ การขายหุ้นของแต่ละคนคงจะไม่มีใครถูกหรือผิดทั้งหมด กลยุทธ์ที่วางไว้ อาจจะผิดในบางกรณีและในบางโอกาส กลยุทธ์เดียวกัน อาจจะประสบความสำเร็จก็ได้ ขอเกริ่นก่อนนะครับ ที่คุณนันถามถึงptlนี่ในสมัยประมาณปี2551 ช่วงนั้นผมจำได้เลาๆว่าsisประมาณ4บาท ส่วนptlอยู่ราวๆ5บาทกว่าๆ(ที่จำได้เพราะมีน้องคนหนึ่งมาย้ำความจำนี้ให้ฟังอีกรอบเมื่อปีที่แล้ว แต่ถ้าจำผิดต้องขอโทษด้วย) ในสมัยนั้น ผมกำลังไฟแรง แบบหมูไม่กลัวน้ำร้อนครับ อยากลองเล่นอะไรที่มันแรงๆเร็วๆในประเภทหุ้นโภคภัณฑ์ดู แต่พอลองถือครองดู ตอนนั้นถึงแม้นว่าจะถือไม่มาก กลับไม่มีความสบายใจในการถือครอง การถือครองหุ้นโภคภัณฑ์ในตอนนั้น ได้บทเรียนดีๆมาสองข้อครับ 1 จุดแข็งของผมคือเรื่องการมองหุ้นเติบโต และ หาหุ้นเทิร์น อะราวด์จากการเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจ ไม่ใช่หุ้นโภคภัณฑ์ ที่ผมยังโง่ในเรื่องนี้ เพราะผมไม่สามารถคาดการ์ณผลกำไรในอีก1-2ปีข้างหน้าเขาได้เลย 2 โดยส่วนตัว ผมจะชอบมีความสุขในระหว่างการเดินทาง มากกว่าความสุขที่ถึงเป้าหมายครับ พอสรุปได้แนวความคิดอย่างนั้นแล้ว จึงเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นที่ผมรู้และคำนวณกำไรออกในระยะยาว และลดการถือครองหุ้นที่ทำให้ผมไม่มีความสุขครับ ผมว่าคำตอบคุณนริศก็ชัดเจนนิครับ 1.แต่คุณนริศพลาดตั้งแต่แรกแล้วนะ คือ ถ้าคุณคิดว่าไม่เข้าใจหุ้นโภคภัณฑ์ คุณก็ไม่ควรลงทุนตั้งแต่แรก ผมก็ไม่แน่ใจนะว่าคุณนริศมีหุ้นที่ตัวเองยังไม่เข้าใจถ่องแท้จริงๆแล้ว แสดงความมั่นใจออกไปมากเกินไปรึเปล่านะตอนนี้ ขนาดระดับคุณนริศยังพลาดได้ ผมว่ามือใหม่ๆที่พึ่งเข้ามาลงทุน เราควรต้องสมมุติฐานที่มันเป็นกลางๆไว้เผื่อพลาดบ้างนะ จะว่าไปมือเก่าๆที่ผมคุยด้วย บางทียังไม่เข้าใจผมเลยนะ บางทีassumptionคนเรามันไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้น จริตแต่ละคนก็สำคัญ 2.การมีความสุขในการเดินทางแต่ละคน แต่ละสถานการณ์มันก็ต่างกันไป จะใช้เราเป็นเกณฑ์ไม่ได้ ถ้าผมไม่ได้ลงทุนในSta,Ptlปีสองปีที่ผ่านมา ผมคงไม่มีความสุขเลยนะ ย้อนกลับมาข้อ1 ทุกคน โดยเฉพาะมือใหม่ มีโอกาสพลาดกันได้ทั้งนั้น ถ้ายึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง แล้วสิ่งที่ถูกต้องมันเกิดพลาดขึ้นมาหละครับ คนเราต้องยึดทางสายกลาง ที่ไม่ประมาทนะครับ
โดย
nanchan
อังคาร ก.พ. 15, 2011 9:47 am
0
1
Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?
ขอเพิ่มอีกข้อว่า ท่านชอบซื้อของใช้ ในราคาส่วนลดหรือราคาพรีเมี่ยม ......,..ถ้าท่านแย้งว่านั่นของใช้ เอาใหม่ก็ได้ สมมุติว่าท่านจะซื้อห้องแถวให้คนอื่นเช่า มีคนเช่าค่อนข้างชัวร์ในราคา20000ต่อห้อง และขึ้นค่าห้องเช่าทุกปีปีละ10เปอร์เซนต์ วันนี้มีคนขายให้ท่านห้องละ2.4ล้าน ผลตอบแทนได้10% ผ่านไป1ปี เกิดวิกฤต ค่าเช่าลดลงเหลือ 18000 ตึกข้างๆกันมีคนอยากขาย ขายในราคา2.0 ท่านจะซื้อตึกข้างๆเพิ่มหรืออยู่เฉยๆหรือติดป้ายขายห้องในราคา2ล้านตามเขา สวัสดีครับพี่ naris ไม่ได้เห็นพี่โพสท์บ่อยๆ เหมือนเคย หวังว่าพี่ยังคงสุขภาพแข็งแรงดีเช่นเคยนะครับ :D อ่านตัวอย่างตรรกะของพี่ naris ด้านบนแล้ว ผมก็คงตอบว่าซื้อตึกข้างๆ เพิ่มแน่นอนครับ ...แต่........ ผมเกิดข้อสงสัยในใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยกับตัวอย่างสถานการณ์ข้างต้นครับ และขอเรียนปรึกษาพี่ naris ดังนี้ครับ 1. Money Management ผมว่าเหตุการณ์ที่ยกมา ยังไม่ได้ใส่ Assumption เรื่องของเงินสดที่มีอยู่ในมือ เกิดมีนักลงทุนใหม่ๆ ที่สนใจในแนว vi และเข้าใจผิดว่าเราจะสามารถหาเงินสดมาซื้อตึกข้างๆ ได้ตลอดเวลา ผมเกรงว่าคำตอบที่จะต้องซื้อตึกข้างๆ นั้นอาจจะไม่ได้เป็นคำตอบที่ควรเลือกเสมอไปเสียแล้วหรือเปล่าครับ 2. ปัจจัยเสี่ยง เราจะทราบได้อย่างไรครับว่า วิกฤติมันจะเกิดเพียงแค่ปีเดียว ถ้าปีถัดไปวิกฤติยังคงต่อเนื่องค่าเช่าลดลงต่อไปอีก หรือคนเช่าไม่สามารถจ่ายค่าเช่าให้เราได้แล้ว ที่คิดว่าเป็นไปได้ก็เพราะตอนแรกโจทย์บอกว่าค่าเช่า 20K ค่อนข้างชัวร์ แต่ปีถัดไปมันดันลดเหลือ 18K เสียนี่ มากไปกว่านั้นถ้าวิกฤติมันนานพอที่จะฉุดดึงราคาตึกทั้งแถบลงมาเหลือเพียง 1.4M พี่ว่าจะเป็นการดีหรือไม่ถ้าเราขายตึกของเราไปก่อนตอน 2M 3. โอกาสและต้นทุนเสียโอกาส เหตุการณ์ที่ยกตัวอย่างด้านบนดู เหมือนว่าจะเป็นระบบปิดเกินไป อาจไม่ตรงกับสภาพโลกแห่งความเป็นจริงนักในแง่ที่ว่าเรามีสิทธิ์เลือกตึกแห่งนี้เพียงแห่งเดียวเท่านั้นหรือเปล่าครับ เกิดสมมติว่าด้วยวิกฤติที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความผันผวนในตลาดจนทำให้คนเริ่มใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลขายตึกอีกแห่งหนึ่งที่มี location ที่ดีกว่า มีศักยภาพมากกว่าในราคาที่เท่ากัน หรือถูกกว่า จะเป็นการดีหรือไม่ถ้าเราตั้งขายตึกของเราแล้วไปซื้อตึกนั้น ด้วยหลักการเดียวกัน หุ้นในตลาดมีมากกว่าห้าร้อยตัว หลายต่อหลายครั้งหุ้นที่ตกไม่ใช่หุ้นที่เราถือครองเพียงตัวเดียวแต่อาจจะมีหุ้นดีๆ อื่นๆ ที่ตกมากกว่าก็เป็นได้ ที่คิดสถานการณ์แบบนี้ออกเพราะเคยเห็นจากชีวิตการลงทุนของพี่ๆ vi ที่ผมนับถือหลายคนซึ่งก็ไม่เคยปฏิเสธการ switch หุ้นเมื่อเห็นว่าหุ้นอีกตัวหนึ่ง undervalue มากกว่า เช่นกันครับ ท้ายนี้ก็ขอขอบคุณพี่ naris อีกครั้งที่ช่วยเสียสละเวลามาแบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ดีๆ ให้กับ น้องๆ อย่างเสมอมาครับ สวัสดีครับwoody ไม่ได้คุยกันนานมากแล้วนะครับ พี่คิดว่าการเคลื่อนไหวของเรื่องราวต่างๆในโลกเริ่มมาจากแนวคิดทั้งสิ้น แนวคิดทุกๆอย่างไม่มีถูกหรือผิดทั้งหมด ทุกๆแนวคิดจะมีจุดอ่อนและจุดแข็งในตัวของมันเอง เสมือนหยิบด้ามพล้าก็ต้องติดตัวพล้าฉันใดฉันนั้น การยกตัวอย่างมันต้องเป็นระบบปิด เพราะเราไม่สามารถใส่แฟกเตอร์ต่างๆได้ครบถ้วน แต่ยังไงเราก็ยังต้องมีตุ๊กตาไว้เป็นสิ่งที่สมมุติเพื่อการศึกษาและทำความเข้าใจในเรื่องนั้นๆ ในกรณีนี้น้องเขาถามหลักการทางการลงทุนในเวป thaivi.org ซึ่งเป็นเวปที่ส่งเสริมการลงทุนโดยดูจากพื้นฐานของกิจการ ไม่ใช่เวปที่สอนดูฟันโฟลว์หรือเวปแนวเทคนิค(ซึ่งถ้าในเวปประเภทนั้น ถ้าพี่เข้าไปตอบก็คงจะตอบอีกรูปแบบอย่างแน่นอน) และถ้าถามถึงนิสัยส่วนตัวของพี่เอง พี่ก็ชอบอะไรที่มีเหตุมีผล ความรู้พี่สามารถแกะได้ ไม่ซับซ้อน และที่ผ่านชีวิตค้าขายมาตั้งแต่ ม.2 รับซื้อมะม่วงจากชาวบ้าน ไปขายตลาดมหานาค ประสบการณ์ธุรกิจกว่า2โหลปี ชีวิตได้ผ่านการทำธุรกิจมาหลายรูปแบบ ผ่านมาทั้งความสำเร็จและล้มเหลว เลยคิดว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาพอมีประโยชน์ในการมองหุ้นในเชิงหุ้นส่วนธุรกิจ มุมมองของพี่จึงคิดว่าวิธีที่เหมาะสมและน่าจะดีที่สุดของพี่ คือการมองหุ้นในเชิงการลงทุน ไม่ใช่มองในเชิงการไหลของเม็ดเงิน หรือเชิงเทคนิค ผมเข้าใจนะเริ่มต้นมันก็ขึ้นกับพื้นฐาน แต่มันก็ต้องมีสมมุติฐานและองค์ประกอบอื่นในการเอาตัวรอดหรือในการเพิ่มโอกาสหรือศักยภาพในการบริหารจัดการ woodyเค้าไม่ได้พูดถึงfund flowหรือแนวเทคนิคอะไรเลยนะ ตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง คุณตันเคยขายตึกแถวเพื่อมาแก้วิกฤติ ผ่านมา10กว่าปีไปซื้อคืนยังได้ราคาเดิม เคสนี้เห็นชัดๆเลยครับ เวลาที่เกิดวิกฤติขึ้นมา ถ้าบริหารเงินไม่ดี เอาแต่เก็บทรัพย์สินที่ด้อยค่าหรือตกต่ำ ถ้ายังดันทุรังไปซื้อเพิ่มเพราะคิดว่ามันถูก ผมว่าเจ๊งนะ จะว่าไปเคสนี้ช่วงต้มยำกุ้งนี่เห็นชัดมาก มันมี2เคสคือ 1.คนที่จำเป็นต้องขายขาดทุน คือสินทรัพย์ราคาเท่าไหร่ ก็จำเป็นต้องขายเพราะสภาพคล่องหรือหนี้สิน 2.คนที่มาซื้อเก็บจากคนที่ขาดทุนนั่นแหละ จะเรียกว่าตาถึงก็ได้ แต่ถามว่าคนที่1 ผิดไม๊ ผมว่าไม่ผิดนะ ถ้าไม่ขายวันนั้น ผมว่าอาจจะแย่นะ ส่วนคนที่2 ก็มีทั้งซื้อถูกไปขายแพงได้ กับ ซื้อถูกไปขายถูกเท่าเดิม เช่นคนซื้อตึกคุณตัน ผมว่าถ้าให้ชัดก็ต้องบอกว่าคนบริหารเงินคุณอย่างไร ถ้าหุ้นตกมาเยอะๆแล้ว คุณจำเป็นต้องขายไม๊ ถ้าไม่ขาย คุณคิดว่าคุณเสียโอกาสไม๊ ถ้ามีลู่ทางที่ดีกว่า ถาจะซื้อเพิ่ม คุณมั่นใจแค่ไหนว่าสิ่งที่จะเอาเพิ่มดีพอ
โดย
nanchan
อังคาร ก.พ. 15, 2011 9:28 am
0
0
Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?
ไม่ตอบก็ได้นะไม่ว่าไร เผื่อถามผม ผมคงใช้สิทธิไม่ตอบเช่นกัน
โดย
nanchan
จันทร์ ก.พ. 14, 2011 10:46 pm
0
0
Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?
ถามหน่อยได้ไม๊คุณนริศขายPtl ทำไม ส่วนilink tnh nbc อาจขายเพราะเจอเรือลำที่ดีกว่าคงไม่ถามหละ
โดย
nanchan
จันทร์ ก.พ. 14, 2011 10:43 pm
0
0
Re: การบริหารพอร์ตให้กับคนอื่น
จริงๆบริหารพอร์ตให้แม่ยายผมนี่ ค่อนข้างง่ายมากเลยนะ แม่ยายผม ไม่ดูพอร์ต ไม่พูดมาก ไม่เสนอแนะไร ถือว่าเป็นนักลงทุนผ่านผู้ดูแลที่ดีทีเดียว จริงๆผมก็ใช่ว่าอยากจะเอา%หรอกนะ แต่คิดว่ามันเป็นแรงกระตุ้นอย่างนึง ส่วนถ้ากลับมาขาดทุนเมื่อไร แล้วยินดีคืนให้ ก็เป็นกุศโลบายที่ผมวางไว้อีกเช่นกัน คือถ้าเราทำให้กำไรได้ เราต้องรู้จักรักษากำไรให้เค้าไว้ได้ด้วย ไม่ใช่คิดจะเอาได้อย่างเดียว การบริหารให้คนอื่น มันก็มีข้อดีเหมือนกัน ช่วยให้ผมวางแผนมากขึ้น คิดมากขึ้น รอบคอบมากขึ้น ดังนั้นผมจึงรู้สึกขอบคุณที่เค้าไว้ใจผมมากกว่านะ
โดย
nanchan
จันทร์ ก.พ. 14, 2011 1:33 pm
0
0
Re: การบริหารพอร์ตให้กับคนอื่น
บริหารให้แม่ยายครับ ของผม คิดง่ายๆคือ10%จากกำไร ไม่ว่าเท่าไหร่ก็10%ไม่มีค่าบริหารอื่นๆ ตอนแรกขอแค่5%แต่แม่ยายให้10%เลย :lol: ถ้าเอาค่าคอมมาแล้ว เกิดวันดีคืนดี กลับมาขาดทุน ก็คืนส่วนที่เอามาคืนให้ครับ อันนี้เฉพาะสำหรับแม่ยาย ส่วนของคนอื่นยังไม่เคยคิดจะบริหารให้เลย เพราะเข้าใจว่ามันปวดเฮดมาก
โดย
nanchan
จันทร์ ก.พ. 14, 2011 9:49 am
0
0
Re: กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ
ถ้าของมันดีพอใช้ได้ Pe7 Pe8 Pe9 ก็อาจกลับมาได้เห็น อย่าคิดมากไป :mrgreen: ส่วนหุ้นPe10ขึ้น ผมแทบไม่ค่อยเคยมีในพอร์ต ถึงจะเป็นSuper stockก็ตาม เพราะหุ้นเมืองไทย ไม่ค่อยมีSuper จริงเท่าไหร่นัก
โดย
nanchan
อังคาร ม.ค. 25, 2011 4:40 pm
0
0
Re: กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ
ผมก็เชื่อปีเตอร์ลินซ์นะ เห็นเค้าบอกว่าPe5ว่าถูกแล้ว แต่บางทีมันยังมาPe2 Pe3 :lol:
โดย
nanchan
อังคาร ม.ค. 25, 2011 4:32 pm
0
0
Re: สวัสดีปีใหม่ Happy New Year กันเถอะพี่น้อง
สวัสดีปีใหม่ กระต่ายทอง 2011
โดย
nanchan
จันทร์ ม.ค. 03, 2011 8:26 am
0
0
Re: Company visit: GUNKUL โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
ไปโรงงานพลังงานแสงอาทิตย์ มีแค่10ที่ ต้องจองด้วยความเร็วกว่าแสง :lol:
โดย
nanchan
เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 12:03 pm
0
0
Re: ขอโทษครับ ทำไมถึงลบห้อง CANSLIM ออกไปครับผมว่าได้ความรู้
C - Current quarterly earnings per share has increased sharply from the same quarters' earnings reported in the prior year. (Beware of items in financial statements that can cause earnings distortions.) A - Annual earnings increases over the last five years. N - New products, management, and other new events. In addition, the company's stock has reached new highs. S - Small supply and large demand for a stock creates excess demand, and an environment in which stock prices can soar. Companies acquiring their own stock reduces market supply and can indicate their expectation of future profitability. Look for low debt-equity ratios. L - Choose leaders over laggard stocks within the same industry. Use the relative strength index as a guide. I - Pick stocks who have institutional sponsorship by a few institutions with recent above average performance. Be cautious of stocks that are over owned by institutions. M - Determining market direction by reviewing market averages daily. แปลกดี มีพูดถึงtechnical มากเลยเหรอ คนที่นำเสนอ อาจจะพูดถึงpattern cup & handle จนอาจทำให้คนเข้าใจเป็นแบบนั้นไปหมด
โดย
nanchan
พุธ ธ.ค. 15, 2010 10:58 pm
0
0
1529 โพสต์
of 31
ต่อไป
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
nanchan
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พฤหัสฯ. ส.ค. 14, 2003 5:50 pm
ใช้งานล่าสุด:
-
โพสต์ทั้งหมด:
2938 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.15% จากโพสทั้งหมด / 0.38 ข้อความต่อวัน)
ลายเซ็นต์
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว