หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
per
Joined: อังคาร มิ.ย. 28, 2011 5:44 am
40
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - per
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: บทความความรู้ด้านบัญชี
ขอบคุณอาจารย์มากๆครับ :bow:
โดย
per
พฤหัสฯ. เม.ย. 19, 2012 9:39 pm
0
0
Re: ความรู้เกี่ยวกับงบการเงิน (รายละเอียด)
:bow: :bow:
โดย
per
พฤหัสฯ. เม.ย. 19, 2012 8:08 pm
0
0
Re: ไม่มีคำว่าสาย/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ยิ่งอ่านยิ่งมีกำลังใจ ขอบคุณอาจารย์มากครับ
โดย
per
อังคาร เม.ย. 03, 2012 9:16 am
0
0
Re: แจ้งข่าว มารดา ของ ดร.นิเวศน์ เสียชีวิต ครับ
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
โดย
per
เสาร์ มี.ค. 24, 2012 10:21 pm
0
1
Re: แจ้งข่าว มารดา ของ ดร.นิเวศน์ เสียชีวิต ครับ
ขอแสดงความเสียใจกับอาจารย์ด้วยค่ะ ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
โดย
per
เสาร์ มี.ค. 24, 2012 10:14 pm
0
0
Re: ราคาหุ้นสะท้อนผลประกอบการแล้ว
วิธีที่ผมใช้อยู่คือ ผมจะประเมินมูลค่าของกิจการนั้นๆออกมาก่อนครับ เช่นสิ้นปี55 ผมประเมินมูลค่าหุ้นที่สนใจตัวหนึ่งได้ 2 บาท/หุ้น (ใช้ PE คูณกับ EPSธรรมดานี่แหละครับ) จากนั้นก็เปรียบเทียบกับราคาปัจจุบันเอาครับ ถ้าราคายังห่างจากราคาเป้าหมายที่ประเมินได้มาก ก็ถือว่าราคาหุ้นยังไม่สะท้อนผลประกอบการครับ จุดที่ยากหน่อยสำหรับมือใหม่คือการหา EPS ในอนาคตครับ แรกๆก็หาหุ้นที่รายได้และกำไรค่อนข้างสม่ำเสมอฝึกก่อนครับ ส่วนการให้ PE ที่เหมาะสมของแต่ละกิจการก็ลองหากระทู้เก่าๆในห้องคลังกระทู้คุณค่าอ่านเอาครับ จากนั้นก็ทดลองฝึกด้วยตนเอง แรกๆจะยากนิด แต่พอฝึกไปซักพักและเริ่มเข้าใจแล้ว การลงทุนของเราจะเริ่มเห็นทางสว่างขึ้นมาทันทีครับ ลองดูครับ :D ขอบคุณมากครับ
โดย
per
อาทิตย์ มี.ค. 18, 2012 10:02 pm
0
0
Re: dilution effect
การที่มีจำนวนหุ้นเพิ่มมากขึ้นส่งผล ให้มีตัวหารมากขึ้นกำไรต่อหุ้นจึงลดลง เป็นสิ่งที่ชาว VI ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นะ ช่างเป็นคนมีน้ำใจจริงๆ ขอบคุณครับ
โดย
per
เสาร์ มี.ค. 10, 2012 1:56 pm
0
0
Re: ไม่รู้จะเริ่มยังไง
ถ้าเงินปันผลอยู่ในปีภาษี 2554 ก็สามารถเครดิตได้เลย แต่ถ้าได้รับปันผลในปีนี้ (1 มค 2555 - 31 ธค 2555) ก็ต้องรอปีหน้า ประมาณ มค - มีค 2556 ก็จะเป็นการยื่นภาษีของปี 2555 รายละเอียดอื่นๆ ก็อยู่ในลิงค์ที่แปะมาแล้ว กระทู้รวบรวม คำถาม-คำตอบ เกี่ยวกับเครดิตภาษี http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=20&t=29320 เครดิตภาษีเงินปันผลไม่ยากอย่างที่คิด (พร้อมไฟล์ Excel + ยื่นแบบออนไลน์) http://achikochi1234.blogspot.com/2012/01/blog-post.html [/quote] ขอบคุณครับกระจ่างแล้วครับ :D :D
โดย
per
อังคาร มี.ค. 06, 2012 7:25 pm
0
0
Re: ไม่รู้จะเริ่มยังไง
ถ้าเงินปันผลอยู่ในปีภาษี 2554 ก็สามารถเครดิตได้เลย แต่ถ้าได้รับปันผลในปีนี้ (1 มค 2555 - 31 ธค 2555) ก็ต้องรอปีหน้า ประมาณ มค - มีค 2556 ก็จะเป็นการยื่นภาษีของปี 2555 รายละเอียดอื่นๆ ก็อยู่ในลิงค์ที่แปะมาแล้ว ขอบคุณครับกระจ่างแล้วครับ กระทู้รวบรวม คำถาม-คำตอบ เกี่ยวกับเครดิตภาษี http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=20&t=29320 เครดิตภาษีเงินปันผลไม่ยากอย่างที่คิด (พร้อมไฟล์ Excel + ยื่นแบบออนไลน์) http://achikochi1234.blogspot.com/2012/01/blog-post.html [/quote]
โดย
per
อังคาร มี.ค. 06, 2012 7:23 pm
0
0
Re: Mega Trend/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ขอบคุณครับอาจารย์
โดย
per
อาทิตย์ ก.พ. 05, 2012 5:05 pm
0
0
Re: ### สวัสดี...คนไม่คุ้นเคย ###
ผมแอบอ่านมา 1ปีเต็ม
โดย
per
พุธ ม.ค. 11, 2012 9:00 am
0
2
Re: สิ่งที่ควรจะทำ(สำหรับนักลงทุนแนวพื้นฐาน) by hongvalue
สมกับเป็นเซียนหุ้นอัจฉริยะ
โดย
per
จันทร์ ม.ค. 09, 2012 8:22 am
0
2
Re: อยากทราบความเห็นของพี่ IH เกี่ยวกับดำรงชีวิตหน่อยครับ
ยอดเยี่ยมมากครับ
โดย
per
จันทร์ ม.ค. 09, 2012 8:04 am
0
0
Re: เผย เทคนิคการหาหุ้น 10 เด้ง!!!
ขอบคุณครับ
โดย
per
พฤหัสฯ. ธ.ค. 15, 2011 12:49 pm
0
0
Re: ปัญหาในการจัดกลุ่มหุ้น/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ขอบคุณอาจารย์ครับ
โดย
per
จันทร์ ธ.ค. 12, 2011 7:32 pm
0
0
Re: คิดแบบ VI/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ขอบคุณครับอาจารย์ ที่ช่วยเตือนสติ
โดย
per
อังคาร พ.ย. 22, 2011 7:51 pm
0
0
Re: เผย เทคนิคการหาหุ้น 10 เด้ง!!!
ขอบคูณครับ
โดย
per
จันทร์ พ.ย. 14, 2011 11:13 pm
0
0
Re: เผย เทคนิคการหาหุ้น 10 เด้ง!!!
Tip No. 9 : If it’s cheap, buy it- Don’t pass up something cheap today in the hope that it will get cheaper tomorrow ขอบคูณครับ
โดย
per
จันทร์ พ.ย. 14, 2011 11:11 pm
0
0
Re: การประเมิณมูลค่าหุ้นจากอาจารย์ IH.ครับ
[quote="halogen"]ขอบคุณครับ ที่ดันกระทู้มาให้อ่านอีกรอบครับ[/quote] ขอบคุณครับ
โดย
per
พุธ พ.ย. 09, 2011 11:11 pm
0
0
Re: forward pe
ราคาปัจจุบันของหุ้น หารด้วย กำไร ในอนาคตครับ ใช้วัดความถูกของหุ้นได้ดีกว่า pe ปกติ เพราะการลงทุนต้องมองไปที่อนาคต กำไร ในอนาคตครับ หาได้ยังไงครับ อันนี้คือสิ่งที่ยากมากสิ่งนึงครับ ทำโดยเราต้องเข้าใจบริษัทก่ิอน อะไรคือความเสี่ยง และอะไรคือปัจจัยที่ทำให้บริษัทกำไร จากนั้นก็คาดการณ์สิ่งเหล่านี้ แล้วก็คาดการกำไร ยิ่งคุณเข้าใจบริษัทมากก็จะสามารถคาดการณ์ได้ใหล้เคียงมากขึ้น แต่บางบริษัทก็มีความผันผวน อย่างมากจนยากที่จะคาดการณ์ได้ ในความเป็นจริงคือ เราไม่จำเป็นต้องคากการณ์ทุกบริษัทได้ สำหรับ Buffett บอกว่าบริษัทส่วนใหญ่ ยากเกินไป หรืออยู่นอกขอบเขตความรู้ของเขา นอกจากนี้แม้เราจะเข้าใจบริษัทเป็นอย่างดีการคาดการณ์ ก็ยังอาจผิดพลาดได้ ทำให้เราต้องมี Margin of Safety (การซื้อที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าเหมาะสมที่เราคาดการณ์) จากความเห็นผมถ้าจะฝึกคาดการณ์กำไรบริษัท ให้หาบริษัทที่กำไรไม่ผันผวนมาก เช่น โต 5% ทุกปี หรือ คงที่ทุกปี หรืออาจดูจาก ROE ว่า ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง ซึ่งบริษัทเหล่านี้มักเป็นบริษัทที่มี Competitive Advantage ที่สูงด้วย หรืออาจฝึกจากกลุ่ม กองทุนอสังหา เพราะกลุ่มนี้เข้าใจค่อนข้างง่าย แต่ซึ่งที่ต้องสนใจเป็นพิเศษสำหรับกลุ่มนี้คือ เป็น Lease Hold หรือ Free Hold นอกจากนี้ก็คือ ระวังเรื่องการรับรองรายได้ เพราะเมื่อมันหมดไปรายได้อาจจะ หายไปเยอะ เเจ่มเเจ้งมากๆ ขอขอบคุณมากๆครับ
โดย
per
พฤหัสฯ. ส.ค. 25, 2011 7:20 pm
0
0
Re: forward pe
ราคาปัจจุบันของหุ้น หารด้วย กำไร ในอนาคตครับ ใช้วัดความถูกของหุ้นได้ดีกว่า pe ปกติ เพราะการลงทุนต้องมองไปที่อนาคต กำไร ในอนาคตครับ หาได้ยังไงครับ
โดย
per
พุธ ส.ค. 24, 2011 11:19 pm
0
0
Re: forward pe
ราคาปัจจุบันของหุ้น หารด้วย กำไร ในอนาคตครับ ใช้วัดความถูกของหุ้นได้ดีกว่า pe ปกติ เพราะการลงทุนต้องมองไปที่อนาคต กำไร ในอนาคตครับ
โดย
per
พุธ ส.ค. 24, 2011 11:17 pm
0
0
Re: โนสอุดมสอนอ่านงบกำไรขาดทุน
http://farm6.static.flickr.com/5274/5863536829_e32969328c_z.jpg เป็นรูปตลกๆจากร้านเล็กๆของโนสอุดมถ้าจริงจังกับเรื่องไร้สาระจะได้สาระครับ เขาจับ concept หลักงบกำไรขาดทุนมาดีทีเดียว เวลาเรียนอะไรจับ concept ให้แม่นแล้วต่อยอดไปเรื่อยๆครับมันจะเข้าใจง่าย
โดย
per
จันทร์ ก.ค. 25, 2011 4:31 am
0
0
Re: โนสอุดมสอนอ่านงบกำไรขาดทุน
http://farm6.static.flickr.com/5274/5863536829_e32969328c_z.jpg เป็นรูปตลกๆจากร้านเล็กๆของโนสอุดมถ้าจริงจังกับเรื่องไร้สาระจะได้สาระครับ เขาจับ concept หลักงบกำไรขาดทุนมาดีทีเดียว เวลาเรียนอะไรจับ concept ให้แม่นแล้วต่อยอดไปเรื่อยๆครับมันจะเข้าใจง่าย
โดย
per
จันทร์ ก.ค. 25, 2011 4:26 am
0
0
Re: เส้นทางเศรษฐีหุ้นหนุ่ม/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โลกในมุมมองของ Value Investor 9 กรกฎาคม 54 ดร. นิเวศน์ เชิรวรากร ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจมากอย่างหนึ่งในแวดวงของนักลงทุนที่ผมเห็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็คือ มีคนหนุ่ม (ที่เป็นสาวมีน้อยมาก) จำนวนไม่น้อย ได้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นตั้งแต่หรือก่อนที่จะเรียนจบมหาวิทยาลัย คนหนุ่มเหล่านี้ บางคนแทบจะไม่เคยทำงานเป็นพนักงานของหน่วยงานใด บางคนอาจจะทำงานกับธุรกิจ “ที่บ้าน” ที่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก หลายคนก็ “ทำงานไปอย่างนั้นเอง” แต่ชีวิตจิตใจอาจจะอยู่กับการลงทุนในตลาดหุ้น แต่สิ่งที่ผมคิดว่าน่าทึ่งก็คือ คนหนุ่มบางคนดังกล่าวนั้น หลังจากที่ผ่านการลงทุนมาไม่กี่ปี ด้วยเงินที่น้อยมาก บัดนี้ พวกเขาได้กลายเป็น “เศรษฐี” มีเงินหลายสิบล้าน หรือบางคนเป็นร้อยล้านบาทตั้งแต่อายุยังไม่ครบ 30 ปี ผมพยายามวิเคราะห์หาว่า พวกเขาทำอย่างไรจึงสามารถสร้างตนเองให้ร่ำรวยได้เร็วขนาดนั้น และต่อไปนี้คือเส้นทางของพวกเขาที่ผมจินตนาการขึ้น โดยอิงจากการที่ผมได้สัมผัสกับพวกเขาหลาย ๆ คน นำมาร้อยเรียงเป็นนิยาย “ร่วมสมัย” คุณไว (มาจากภาษาอังกฤษว่า VI) เริ่มต้นด้วยเงินเพียง 250,000 บาท ด้วยความทุ่มเทเขาศึกษาการลงทุนอย่างหนัก ทั้งในด้านของการลงทุนแบบพื้นฐานและความคิดแบบนักเท็คนิค นอกจากนั้น เขาเข้าร่วมอบรมและสัมมนาจำนวนมาก เหนือสิ่งอื่นใด เขาได้รู้จักนักลงทุนร่วมอุดมการณ์จำนวนมากทั้งผ่านเวบไซ้ต์การลงทุนและการเข้าร่วมในกิจกรรมการลงทุนต่าง ๆ เช่นในงานแนะนำหรือเยี่ยมชมบริษัทจดทะเบียน เขาเริ่มเห็นว่า มีบริษัทที่มี “คุณภาพดี” จำนวนไม่น้อยที่อยู่ ๆ ก็มีราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเพิ่มขึ้นมาก หลายตัวมีราคาขึ้นไปหลายเท่าตัวในเวลาอันสั้นเพียงไม่กี่เดือน เขาเริ่ม “จับได้” ว่า หุ้นเหล่านี้มักมีคุณสมบัติและ “พฤติกรรม” อย่างไร และเมื่อเขาเห็น เขาก็ทุ่มเงินทั้งหมดซื้อหุ้นตัวนั้นพร้อม ๆ กับการใช้ มาร์จิน หรือกู้เงินจากโบรกเกอร์อีกเท่าตัวมาซื้อหุ้น ครั้งแรกด้วยเม็ดเงิน 500,000 แสนบาท หุ้นที่ซื้อมีราคาเพิ่มขึ้นตามคาด จาก 500,000 บาทเป็น 750,000 บาทภายในเวลาเพียงเดือนเดียว เขาสั่งซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นตามกำไรที่ได้ด้วยเงินมาร์จินที่เพิ่มขึ้น ราคาหุ้นยังเพิ่มขึ้นอีกและเขาก็สั่งซื้อหุ้นเพิ่มอีกตามวงเงินมาร์จินที่เพิ่มขึ้นอีก ในบางช่วงเมื่อหุ้นขึ้นไปแรง เขาก็ขายไปบ้างและก็กลับไปซื้อใหม่เมื่อหุ้นปรับตัวลง พอผ่านไป 3 เดือน เมื่อหุ้นเริ่ม “นิ่ง” นั่นคือ การวิ่งขึ้นลงของราคาและ/หรือปริมาณการซื้อขายเริ่มลดน้อยลง เขาก็ขายหุ้นทิ้งทั้งหมด เม็ดเงินที่เหลือของเขาก็คือ 1,000,000 บาท เขาทำกำไร 300 เปอร์เซ็นต์หรือ 3 เท่าภายในเวลา 3 เดือน หลังจากนั้น เขาก็สังเกตเห็นหุ้นตัวใหม่ที่มีคุณสมบัติและพฤติกรรมคล้าย ๆ กับหุ้นตัวเดิม ว่าที่จริงจะเรียกว่าเห็นก็ไม่ใช่ เพราะเขาได้รับรู้ผ่าน “เครือข่าย” เพื่อนนักลงทุนที่คบค้าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเป็นประจำอยู่แล้ว และเช่นเดิม เขาทุ่มเงิน 1 ล้านบาทที่มีอยู่พร้อม ๆ กับการใช้มาร์จินเต็มอัตราอีก 1 ล้านบาทเข้าซื้อหุ้นตัวใหม่ และก็เช่นเคย หุ้นวิ่งตามคาด แต่เขาก็ใช้เวลายาวกว่าหุ้นตัวเดิมในการทำเงินจาก 2 ล้านบาทเป็น 3 ล้านบาท ซึ่งหลังจากหักเงินกู้มาร์จิน เขาเหลือเงิน 2 ล้านบาทเมื่อลงทุนมาครบปีแรก เงิน 250,000 บาท กลายเป็นเงิน 2 ล้านบาทหลังจากลงทุนเพียง 1 ปี ผลตอบแทนคือ 700% ในหนึ่งปี เงินโตขึ้นมาเป็น 8 เท่า เขาเห็นแล้วว่านี่คือ “มหัศจรรย์” ของการลงทุน ในแบบ “ของเขา” เงิน 2 ล้านบาทของเขายังคงถูกใช้ในการลงทุนตาม “สูตรเดิม” แต่มีการปรับเปลี่ยนบ้าง เขาเริ่มมีหุ้นเล่น 2-3 ตัวในเวลาเดียวกัน การใช้เงินมาร์จินก็มีการปรับลดลง จากเดิม 100% ก็อาจจะเปลี่ยนไปเป็น 80% เหตุผลก็เป็นเพราะเขาไม่เจอหุ้นตัวที่ “ใช่” ร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างปีก่อน นอกจากนั้น เขาเริ่มกลัวบ้างว่า การเล่นหุ้นตัวเดียวและใช้มาร์จินเต็มที่นั้นอันตราย เขาอาจจะพลาดได้ ว่าที่จริง เขาก็เคยพลาดจากหุ้นบางตัวแต่โชคดีที่เขา “ออก” ได้ทัน ปีที่สองนี้ พอร์ตของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านบาท ผลตอบแทนเท่ากับ 100% แต่เขารู้สึกค่อนข้าง “ผิดหวัง” เพราะเมื่อเทียบกับผลตอบแทนของปีก่อนแล้ว มันน้อยลงมาก เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ผลตอบแทนของเขาแพ้เพื่อนในกลุ่มอย่าง “ยับเยิน” ปีที่สามของเขาผ่านไปอย่าง “ยากลำบาก” เนื่องจากเกิด “ภาวะวิกฤติ” ผลตอบแทนของเขาติดลบถึง 25% เงินในพอร์ตเหลือ 3 ล้านบาท สูตรที่เคยใช้การได้ดีกลับกลายเป็นตรงกันข้าม หุ้นที่เขาเข้าลงทุนมีราคาลดลงอย่างมาก โชคยังดีที่เขาไม่ถูก “บังคับขาย” เพื่อรักษาอัตรามาร์จินไว้ อย่างไรก็ตาม พอขึ้นปีที่สี่ ทุกอย่างก็กลับมาสดใสดังเดิม เขามีความรู้และประสบการณ์เพิ่มขึ้นมาก ในบางครั้งเขาไม่ใช่แค่เป็น “ผู้ตาม” แต่เขาเป็น “ผู้นำ” ในการค้นหาหุ้นที่จะลงทุนและ “ผลักดัน” ราคาหุ้นให้ขึ้นไปด้วย สิ้นปีที่สี่ พอร์ตของเขาก็ผ่านหลัก 10 ล้านไปได้เหมือน “ฝัน” เขาเริ่มได้รับการยอมรับว่าเป็น คนที่มีความสามารถสูงแม้ว่าอายุยังน้อย ปีที่ห้าของคุณไวนั้น เขาเริ่มมีหุ้นหลายตัวมากขึ้น การใช้มาร์จินก็ลดลง เฉลี่ยแล้วเขาอาจจะใช้เพียง 50% เขาเริ่มเห็นว่าการรักษาเงินต้นไว้เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้การทำเงินมาก ๆ แต่มีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ตาม ด้วยภาวะตลาดหุ้นที่ยังสดใสและ “สูตร” การลงทุนของเขาก็ยังทำงานได้ดี ว่าที่จริง ในช่วงหลัง ๆ นี้ สื่อมวลชนโดยเฉพาะที่เป็นสื่อสมัยใหม่ที่แพร่หลายมากขึ้น ได้ช่วยให้มีการเผยแพร่สูตรสำเร็จในการลงทุนรวมถึงตัวหุ้นที่น่าสนใจได้มากและเร็วขึ้น ทำให้พอร์ตการลงทุนของเขาโตขึ้นอีก 100% เขามีเงิน 20 ล้านและถือว่าเป็นเศรษฐีน้อย ๆ คนหนึ่ง พ่อแม่เขาภาคภูมิใจมากที่ลูกสามารถหาเงินได้มากและกลายเป็น “เศรษฐี” คนแรกของ “เครือญาติ” เพื่อนฝูงและคนรู้จักยอมรับในฝีมือและความสามารถของเขา บางคนถือว่าเขาเป็น “กูรู” คนหนึ่งของวงการหุ้น ปีที่หกเริ่มต้นมาด้วยตลาดหุ้นที่ไม่สดใสนัก พอร์ตของคุณไวไม่ใคร่จะไปไหน ขณะนี้เขาเริ่มรู้สึกว่าหุ้นมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เหนือสิ่งอื่นใด เงิน 20 ล้านของเขานั้น มันหมายถึงชีวิตที่ดี ๆ ที่เขาต้องรักษาไว้โดยให้มีความเสี่ยงน้อยลง แน่นอน เขาอยากได้ผลตอบแทนมาก แต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป เขาก็ไม่อยากรับ มาร์จินที่เขาเคยใช้เต็มอัตรานั้น ขณะนี้ลดลงมาก บางช่วงเขาก็ไม่ได้ใช้เลย หุ้นที่เคยมีอยู่เพียง 2-3 ตัวก็กลายเป็น 7-8 ตัว จริงอยู่ เขายังใช้สูตรเดิมในการลงทุน แต่ผลกำไรที่ได้จากหุ้นแต่ละตัวนั้น เมื่อคิดเทียบกับพอร์ต 20 ล้านแล้วก็ไม่มากนัก นอกจากนั้น หุ้น 7-8 ตัวนั้น โอกาสที่เขาจะได้กำไรโดดเด่นทุกตัวก็ดูเหมือนจะยาก จบปีที่หก ผลตอบแทนของเขาลดลงเหลือ 20% ซึ่งเมื่อเทียบกับอดีตแล้วลดลงมาก อย่างไรก็ตาม มันเป็นผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์ที่หุ้นแทบไม่ให้ผลตอบแทนเลย ปลายปีที่หก คุณไวได้แต่งงานกับสาวสวยที่มีดีกรีเป็นแพทย์ ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเขา เพราะเพื่อน ๆ นักลงทุนของเขาที่ “ลงทุนเป็นอาชีพ” และไม่ได้ทำงานในบริษัทใหญ่ ๆ ที่ “มีหน้ามีตา” หลายคน ต่างก็ได้แต่งงานหรือมีแฟนเป็นผู้หญิงที่ผู้ชายต่างหมายปอง บางที การเป็น “เศรษฐี” ได้ด้วยตนเองตั้งแต่อายุน้อย อาจจะสามารถลบล้างค่านิยมเก่า ๆ ว่า คุณต้องมีงานการเป็นหลักเป็นฐานที่แน่นอนได้ ความสำเร็จในแบบของคุณไวนั้น ผมคิดว่าไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายโดยเฉพาะถ้ามองไปในอนาคต บางที คุณไวอาจจะโชคดีที่เริ่มต้นในช่วง “โอกาสทอง” ที่หุ้นบางประเภท มีการปรับตัวขึ้นอย่างมาก คนรุ่นใหม่อาจจะไม่ได้เจอแบบนั้น นอกจากนั้น การใช้มาร์จินและลงทุนในหุ้นน้อยตัวเกินไปก็เป็นความเสี่ยงที่สูงเกินไป และอาจทำให้เรา “ติด” จนในที่สุดวันหนึ่งเราอาจจะพลาดอย่างร้ายแรงจนทำให้เกิดหายนะได้ ผมคิดว่า การลงทุนโดยยึดหลักการที่เหมาะสมน่าจะเป็นทางเดินที่ดีกว่าสำหรับคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้มีความสามารถพิเศษในการลงทุน
โดย
per
เสาร์ ก.ค. 09, 2011 11:02 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
per
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อังคาร มิ.ย. 28, 2011 5:44 am
ใช้งานล่าสุด:
ศุกร์ ส.ค. 03, 2012 10:14 am
โพสต์ทั้งหมด:
40 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.01 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว