หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
roskamol
Joined: พุธ ก.ย. 14, 2011 6:47 am
14
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - roskamol
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: อสังหาฯ ไทยสดใส รับเออีซี
บล.ธนชาต :กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แนะนำ Overweight ชู LH ได้ประโยชน์มากสุดจากบ้านหลังแรก Property Sector Overweight News Update Phannarai Tiyapittayarut | Email:
[email protected]
ครม.ผ่านมาตรการบ้านหลังแรก * คืนเงินภาษี 10% สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกราคาไม่เกิน 5 ลบ. * โดยมาตรการนี้เริ่มต้นตั้งแต่ 22 ก.ย.11-31 ธ.ค.12 สำหรับบ้านใหม่เท่านั้น * ผู้มีรายได้ระดับกลาง-สูงได้ประโยชน์มากที่สุด *LH ได้ประโยชน์มากสุด และเป็น Top sector pick ของเรา คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติมาตรการคืนเงินภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรก (ทั้งที่อยู่อาศัยประเภท Low-rise และ High-rise) ราคาไม่เกิน 5 ลบ./หลัง ซึ่งมาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายประชานิยมของรัฐบาล โดยมีเงื่อนไขมีดังนี้ 1. เป็นเงินได้ที่จ่ายเป็นค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดิน หรือห้องชุดในอาคารชุด เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ตามจำนวนที่จ่ายจริง ในอัตราไม่เกินร้อยละ 10 ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท 2. ผู้มีเงินได้มีสิทธิยกเว้นภาษีเป็นจำนวนเท่าๆ กันในแต่ละปีเป็นเวลา 5 ปีภาษีต่อเนื่องกันตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ รวมกันแล้วไม่เกิน 500,000 บาท 3. การยกเว้นภาษีจะใช้วิธีการหักค่าลดหย่อน ซึ่งผู้มีเงินได้สามารถเลือกใช้สิทธิ์ครั้งแรกสำหรับเงินได้ในปีที่ได้โอน กรรมสิทธิ์หรือปีถัดไปก็ได้ โดยสามารถหักเป็นค่าลดหย่อนได้ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 5 ปี 4. ผู้มีเงินได้ต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ให้แล้วเสร็จ ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.11 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.12 5. มีเงินได้ต้องไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยมาก่อน 6. ผู้มีเงินได้ต้องมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปีนับแต่วันที่จด ทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์นั้นต้องไม่เคยผ่านการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์มา ก่อนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน และไม่ใช้บ้านที่สร้างเอง ความคิดเห็น เราคิดว่านโยบายนี้จะช่วยเพิ่มความต้องการที่อยู่อาศัยได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่มากเท่ามาตรการในปี 2009 (หัก ลดหย่อนภาษีได้ 300,000 บาท สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่) เนื่องจากราคาถูกกำหนดไว้ไม่ เกิน 5 ลบ. และลดหย่อนภาษีได้จำกัดที่ 10% ของมูลค่าบ้าน ผลประโยชน์สูงสุดจะตกอยู่แก่ผู้มีรายได้ระดับกลาง-สูง ผู้ซึ่งสามารถซื้อบ้านมูลค่า 5 ลบ. และผู้ที่จ่ายภาษีใน อัตราที่สูง หากเทียบกับมาตรการปี 2009 กลุ่มคนเหล่านี้จะได้รับการลดหย่อนภาษีสูงขึ้น หากพวกเขาซื้อบ้าน มูลค่ามากกว่า 3 ลบ. ตัวอย่างเช่น ซื้อบ้านราคา 5 ลบ. และจ่ายภาษี 37% จะได้รับภาษีคืนสูงสุด 185,000 หรือ 37,000 บาทต่อปี ผู้มีรายได้น้อยซื้อบ้านราคาต่ำกว่า 3 ลบ./หลัง จะได้ประโยชน์ทางภาษีน้อยกว่าคราวที่ผ่านมา เนื่องจากเงินภาษี คืนถูกกำหนดไว้ไม่เกิน 10% ไม่ใช่ 300,000 บาท อย่างมาตรการก่อนหน้า ยกตัวอย่างเช่น ซื้อบ้านราคา 1 ลบ. และจ่ายภาษี 10% จะได้ภาษีคืนเพียง 10,000 บาท หรือ 2,000 บาทต่อปี ดังนั้น ประชาชนอาจจะไม่รีบซื้อบ้าน เพราะมาตรการภาษีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ส่งผลบวกต่อกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และน่าจะผลักดันให้มีความต้องการที่อยู่ อาศัยในปีหน้ามากกว่าที่เราคาดไว้ในปัจจุบันที่ 9% เนื่องจากได้ภาษีคืนก็ดีกว่าไม่ได้เลย มาตรการนี้ทำให้เกิด upside ต่อกำไรของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เราทำบทวิเคราะห์ ซึ่งผู้ที่ได้ประโยชน์มาก สุด คือ LH เนื่องจากมีบ้านในราคา 3-5 ลบ./หลัง ในสัดส่วนที่มากที่สุด ขณะที่ LPN ได้ประโยชน์น้อยสุด เนื่องจากเกือบ 100% ของโครงการที่อยู่อาศัยทั้งหมดมีราคาต่ำกว่า 3 ลบ./ยูนิต นอกจากนี้โครงการส่วนใหญ่ ของบริษัทฯ เป็นโครงการคอนโด ดังนั้น upside จึงมาจากความสามารถในการเปิดตัวโครงการใหม่ ซึ่งสามารถ แล้วเสร็จและโอนได้ในปีหน้า เราได้พูดคุยกับทางบริษัทฯ LPN มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการคอนโด 2 โครงการซึ่ง ไม่เคยประกาศมาก่อนในช่วง 4Q11 โดยแต่ละโครงการมีมูลค่า 1 พันลบ. หากสมมติให้ทุกยูนิต รวมทั้งโครงการ ที่เปิดตัวใหม่ซึ่งสามารถโอนได้ในปีหน้าขายได้ทั้งหมด บริษัทฯ จะมีรายได้สูงสุดราว 15 พันลบ. ในปี 2012F สูง กว่าเป้ารายได้ของเรา และของบริษัทฯ ที่ 14 พันลบ. ราว 7% เรายังคงแนะนำ OVERWEIGHT กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ไทย โดย Top Buys ของเรา คือ LH (ราคาเป้าหมาย 8 บาท/หุ้น) และ LPN (ราคาเป้าหมาย 14 บาท/หุ้น) นอกจากนี้เรายังแนะนำ ซื้อ SPALI (ราคาเป้าหมาย 15.00 บาท/หุ้น), PS (ราคาเป้าหมาย 24 บาท/หุ้น) และ AP (ราคาเป้าหมาย 6.60 บาท/หุ้น) เราแนะนำ ถือ QH (ราคาเป้าหมาย 2.20 บาท/หุ้น) ราคาเป้าหมายของเราอิงประมาณการปี 2011F และเราต้องปรับมาใช้ประมาณ การปีหน้า (ยกเว้น LPN เนื่องจากเราได้ปรับมาใช้ราคาเป้าหมายปีหน้าแล้ว)
โดย
roskamol
พุธ ก.ย. 21, 2011 9:29 am
0
0
Re: รบกวนช่วยวิเคราะห์หุ้นIPO ล่าสุด AAPCS ว่าธุรกิจดีหรือไม
12:56 19/09/2011 UPDATE:บล.กสิกรไทย เผยหุ้น"เอเซีย พรีซิชั่น"สถาบันสนใจซื้อสูงถึง 7 เท่า (เพิ่มรายละเอียด) กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--รอยเตอร์ บมจ.เอเซีย พรีซิชั่น หรือ APCS กำหนดราคาหุ้นที่เสนอขายแก่ประชาชชนทั่วไป ครั้งแรก(IPO) ที่ราคาหุ้นละ 5.45 บาท ซึ่งเป็นระดับราคาที่มีค่าพี/อี ต่ำกว่ากลุ่ม อุตสาหกรรมยานยนต์ และพี/อี ของตลาดหลักทรัพย์ โดยมียอดความต้องการซื้อนักลงทุน สถาบันสูงถึง 7 เท่า นางสาวณัฐรินทร์ ตาลทอง ประธานกรรมการบริหาร บล.กสิกรไทย ในฐานะผู้จัดการ การจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ เอเซีย พรีซิชั่น กล่าวว่า ราคาหุ้น IPO ซึ่ง กำหนด 5.45 บาท มีค่าพี/อี ที่ 9 เท่า ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ มีพี/อีอยู่ที่ 14.5 เท่า และพี/อี ตลาดหลักทรัพย์ อยู่ที่ 12.6 เท่า เอเซีย พรีซิชั่น เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนโลหะที่มีความเที่ยงตรงสูง ที่ทำ จากโลหะ เช่น เหล็กกล้า เหล็กหล่อ เหล็กทุบขึ้นรูป สแตนเลส และอลูมิเนียม โดยจะเสนอขาย หุ้น IPO จำนวน 87.25 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท แบ่งเป็นหุ้นใหม่ 75 ล้านหุ้น และหุ้นเดิมของบริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น อิควิตี้ เอเซีย จำกัด ซึ่งเป็น ผู้ถือหุ้นเดิม ออกเสนอขาย 12.25 ล้านหุ้น มีบริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด เป็น ที่ปรึกษาทางการเงิน โดยจะเสนอขายหุ้นในวันที่ 21-23 ก.ย.นี้ และคาดว่าหุ้นจะเข้าซื้อขาย ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) วันที่ 29 ก.ย.นี้ "การกำหนดราคาขายไอพีโอของ APCS ที่ 5.45 บาท พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไร สุทธิ ย้อนหลัง 1 ปีของบริษัทที่ประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกับบริษัท ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาด หลักทรัพย์ รวมถึงผลการสำรวจความสนใจของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งมียอด Book Build เข้ามา สูงถึง 7 เท่า"นางสาวณัฐรินทร์ กล่าว เขากล่าวอีกว่า จะจัดสรรหุ้น IPO ให้ประชาชนทั่วไป จำนวน 69.80 ล้านหุ้น หรือ 80% และที่เหลือ 17.45 ล้านหุ้น หรือ 20% จัดสรรให้แก่นักลงทุนสถาบัน เขา มองว่าเอเซีย พรีซิชั่น ดำเนินธุรกิจที่มีพื้นฐานดี เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้อง กับอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเริ่มฟื้นหลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่น ขณะที่ เอเซีย พรีซิชั่น เป็นบริษัทที่มีกำไรมาโดยตลอด ด้านนายอภิชาติ การุณกรสกุล กรรมการผู้อำนวยการ เอเซีย พรีซิชั่น กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำไปลงทุนซื้อเครื่องจักรอุปกรณ์ เพื่อใช้ในการ ขยายกิจการ ก่อสร้างโรงงานเพื่อรองรับการขยายงานในอนาคต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ในการดำเนินธุรกิจ เขา กล่าวอีกว่า บริษัทเป็นผู้ประกอบธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนใน อุตสาหกรรมยานยนต์ คอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศ และกล้องถ่ายภาพดิจิตอล ที่มีมาตรฐาน ระดับสากล และมีลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งลูกค้าเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก โดยอุตสาหกรรมทั้งสามกลุ่มนี้ มีอัตราการเติบโตที่สูง สำหรับราคาหุ้น IPO เขามองว่า เป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ที่มีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี ดังนั้นจึงเชื่อว่าหุ้นจะได้รับความสนใจอย่างมาก และจะเป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจแก่นักลงทุน--จบ-- (โดย มนันพัทธ์ ธนนันท์พร รายงาน; วิรัช บูรณกนกธนสาร เรียบเรียง--วพ--) ((
[email protected]
;โทร.0-2648-9756; ReutersMessaging:wirat.buranakanokthanasan.thomsonreuters.com@ reuters.net))
โดย
roskamol
จันทร์ ก.ย. 19, 2011 1:13 pm
0
0
Re: อสังหาฯ ไทยสดใส รับเออีซี
ช่วยจับตากันด้วยครับ user นี้คือ คนเดียวกับ thaihunk jr ron chaiyapol thairichhoon ที่ไปตามบอร์ดต่างๆแล้ว ชักชวนคนให้เอาเงินมาให้เค้าบริหารหุ้นให้ ชักชวนให้เข้าไปรับหุ้นตามใบสั่งรายใหญ่ที่ทำราคาให้มาชักจูงรายย่อยให้หลงมา ผลงานล่าสุด คือหุ้น pao ครับ คุณพูดถึงใครกันค่ะ ชื่อนี้เป็นชื่อจริงของดิฉันเลย มากล่าวหากันแบบนี้ เตรียมตัวรับหมายเรีียกจากตำรวจข้อหาหม่ินประมาทโดยการโฆษณา อีกไม่นานค่ะ ดิฉันส่งเรื่องนี้ให้ท่านผู้กำกับสน ที่ดิฉันมีถินพำนักเรียบร้อยแล้ว
โดย
roskamol
จันทร์ ก.ย. 19, 2011 1:12 pm
0
1
Re: อสังหาฯ ไทยสดใส รับเออีซี
12:03 19/09/2011 INDUSTRY UPDATE : กลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย : บมจ.หลักทรัพย์เอเชียพลัส 19 ก.ย.--บมจ.หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส Distributor - Bisnews AFE กลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย (Housing) คำแนะนำการลงทุน : มากกว่าตลาด คาดนโยบายบ้านหลังแรกเข้า ครม. สัปดาห์นี้ ... ต้องดูกรอบเวลา นำ 10% ของราคาบ้านที่ซื้อมาลดหย่อนภาษี แต่ไม่เกิน 5 แสนบาท โพสต์ทูเดย์ อ้างแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังว่าการประชุม ครม. ในสัปดาห์นี้ (วันอังคาร) คาดว่าจะมีการพิจารณามาตรการสนับสนุนบ้านหลังแรกโดยในเบื้องต้น คาดว่าจะเสนอให้ผู้ซื้อบ้านหลังแรก สามารถที่จะนำเงินต้นที่จ่ายซื้อบ้านในสัดส่วน 10% ของราคาบ้าน แต่ไม่เกิน 5 แสนบาท มาคำนวนเป็นค่า ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในช่วงระยะเวลา 5 ปี เช่น ซื้อบ้านราคา 5 ล้านบาท ก็จะสามารถลด หย่อนได้ 5 แสนบาท โดยใช้สิทธิลดหย่อนปีละ 1 แสนบาท ทั้งนี้ในส่วนของดอกเบี้ยจ่ายที่เกิดจากเงินกู้เพื่อ ซื้อที่อยู่อาศัยก็สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ 1 แสนบาทตามปกติ เนื่องจากเป็นมาตรการถาวรที่ดำเนินมา อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามจากข่าวที่ปรากฎออกมายังไม่มีการกล่าวถึงการสนับสนุนเงินกู้อัตรา ดอกเบี้ย 0% สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งต้องรอติดตามต่อไป โดยภาพรวมหากมาตรการดังกล่าวได้ผ่าน การพิจารณาเชื่อว่าจะเป็นกระแสเชิงบวกต่อราคาหุ้นกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอยู่ที่กรอบเวลาการใช้มาตรการ เพราะจะมีผลต่อการโอนฯ ประเด็นที่สำคัญที่สุดของเรื่องมาตการที่จะออกมา ฝ่ายวิจัยเห็นว่าเป็นเรื่องของกรอบเวลาที่จะให้ มาตรการดังกล่าวมีผล เนื่องจากจะมีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการตัดสินใจโอนกรรมสิทธิ์ ยกตัวอย่างเช่น หากกำหนดให้มาตรการลดหย่อนภาษีมีผลในปีภาษี 2554 ทันที่ก็จะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ผู้ซื้อบ้านเร่งการโอนฯ ให้ทันกำหนดภายในสิ้นปี แต่หากกำหนดให้มาตการดังกล่าวมีผลในปีภาษี 2555 จะเป็นปัญหาต่อผู้ประกอบ การอย่างมาก เนี่องจากจะมีผลทำให้ผู้ซื้อบ้านชะลอการโอนฯในปี 2554 ซึ่งจะทำให้การรับรู้รายได้และผล ประกอบการ 2H54 ของบริษัทจดทะเบียนชะลอตัว ทั้งนี้ตัวเลข ณ สิ้น 2Q54 พบว่าบริษัทจดทะเบียน 14 แห่งใน Coverage ของฝ่ายวิจัยมี Backlog รวมกัน 1.66 แสนล้านบาท ซึ่ง 25% เป็นโครงการแนว ราบที่จะโอนฯทั้งหมดใน 2H54 อีกส่วนหนึ่งที่ต้องติดตามก็คือเรื่องของมาตรการดอกเบี้ย 0% ระยะเวลา 3 -5 ปี ว่าจะมีออกมาหรือไม่ ซึ่งหากมีออกมาดีที่สุดก็คือให้มีผลบังคับใช้ทันที เลือก SPALI, LH, AP และ PS เป็น Top Pick และคงคำแนะนำ มากกว่าตลาด โดยภาพรวมฝ่ายวิจัยเห็นว่ามาตรการที่จะนำเสนอต่อ ครม. ในวันพรุ่งนี้ น่าจะถือเป็นปัจจัยบวกที่จะ เข้ามากระตุ้นราคาหุ้นกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัยได้ เนื่องจากมาตรการส่วนที่กล่าวถึงยังไม่ได้ถูกกล่าวถึงมากนัก ในช่วงที่ผ่านมา แต่กลับให้ความสนใจเรื่องของการสนับสนุนเงินกู้ซื้อบ้านเป็นส่วนใหญ่ ฝ่ายวิจัยคงคำแนะ นำน้ำหนักการลงทุน มากกว่าตลาด ในกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย ทั้งนี้เลือกหุ้น Top Pick 4 บริษัท ได้แก่ SPALI (Fair Value 19.00 บาท) เนี่องจากมีทั้งโครงการใหม่ที่รอเปิดตัว และคอนโดเดิมที่ก่อสร้าง แล้วเสร็จถึงกำหนดโอนฯ ใน 2H54 , LH (Fair Value 7.25 บาท) เนื่องจากในงวด 4Q54 จะมี คอนโดฯ พร้อมโอนฯ 3 โครงการ มีการเปิด Terminal 21 และอาจมีการจัดตั้ง Property Fund , AP (Fair Value 7.58 บาท) ช่วง 3Q54 ยังมีคอนโดฯ ที่อยู่ระหว่างการโอนฯ 3 โครงการ และมี การเปิดตัวโครงการแนวราบเป็นจำนวนมาก และ สุดท้าย PS (Fair Value 23.98 บาท) เนื่องจากใน Backlog มีส่วนที่เป็นโครงการแนวราบพร้อมโอนฯ 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนผลประกอบการ ****************************************************************************** ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ รวบรวมมาจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ดี บมจ. หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส ไม่สามารถที่จะยืนยันหรือรับรองความถูกต้องของข้อมูลเหล่านี้ได้ ไม่ว่าประการใดๆ บทวิเคราะห์ในเอกสาร นี้ จัดทำขึ้นโดยอ้างอิงหลักเกณฑ์ทางวิชาการเกี่ยวกับหลักการวิเคราะห์ และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะ ให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่าน บทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือ พันธะผูกพันใดๆ กับ บมจ. หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส ไม่ว่ากรณีใด--จบ-- Print Page
โดย
roskamol
จันทร์ ก.ย. 19, 2011 12:21 pm
0
1
Re: อสังหาฯ ไทยสดใส รับเออีซี
19 ก.ย.--ดีบีเอส วิคเคอร์ส Distributor - Bisnews AFE จับตามาตรการอสังหาฯเข้า ครม.พรุ่งนี้ o เร่งคืนภาษีบ้าน สูงสุดครึ่งล้านคลังชมครม.สัปดาห์นี้หักได้ 10% -คาดรายได้หาย 1,700 ล. คลังดันมาตรการบ้านเข้า ครม.อังคารนี้ ปรับเงื่อนไขหักภาษี 10% ของราคาบ้านไม่เกิน 5 ล้านนาน 5 ปี ได้สูงสุดถึง 5 แสนบาท แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.คลัง ในฐานะกำกับกรมภาษีเห็นชอบมาตรการลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรกแล้วและจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในสัปดาห์นี้ จากเดิมที่เตรียมเสนอ ครม.เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพร้อมกับมาตรการคืนเงิน ซื้อรถยนต์คันแรก แต่เห็นว่าเงื่อนไขเดิมยังไม่เป็นที่น่าพอใจ (โพสต์ทูเดย์) o ผลกระทบ: มีทั้งบวกและลบ บวกคือ 1) มีความชัดเจนเสียที เพราะที่ผ่านมาผู้ประกอบการได้รับ ผลกระทบในเรื่องผู้ซื้อบ้านชะลอการตัดสินใจซื้อบ้านหรือโอนกรรมสิทธิ์ จึงทำให้ยอดขายและรายได้ที่ปัจจุบัน รับรู้ตามการโอนกรรมสิทธิ์ใน 3Q54 อ่อนลง หากมีความชัดเจนกิจกรรมต่างๆจะได้คืนสู่ภาวะปกติ และเข้า สู่ฤดูกาลที่ดีสุดในรอบปีคือ ไตรมาส 4 นั่นเอง 2) สิ่งใหม่ที่เป็นบวกเกิดขึ้นจากข่าวข้างต้นคือ เพิ่มสิทธิ ประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี จากเดิมคือ มีการลดหย่อนภาษีค่าซื้อบ้านได้เป็นจำนวนเงินสูงสุดที่ 3 แสนบาท เป็น 5 แสนบาท แต่ในส่วนที่เป็นลบคือ ไม่มีการกล่าวถึงเงินกู้อัตราดอกเบี้ย 0% จาก ธอส. เป็นเวลา 3 ปี หลังจากมีข่าวมาก่อนหน้าว่า รมช.คลัง ได้กล่าวว่าเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดของ ธอส. เอง นั่นหมาย ถึงผู้ซื้อบ้านจะไม่ได้รับประโยชน์ในส่วนนี้อีกแล้ว จึงต้องติดตามผลการประชุม ครม.ในวันพรุ่งนี้อย่างใกล้ชิด o คำแนะนำ การกำหนดราคาบ้านสูงสุดที่ได้รับประโยชน์ ก็มีผลกระทบกับหลักทรัพย์ที่จะได้รับผลบวก เพิ่มขึ้น เช่น ขยับขึ้นเป็น 5 ล้านบาท จากช่วงแรกๆที่ 3-4 ล้านบาท เพราะมีหลายๆหลักทรัพย์ในหมวดที่มี ช่วงระดับราคาขาย 5 ล้านบาทอยู่มากทีเดียว หากจำกัดเฉพาะ 3-4 ล้านบาท ก็ไม่ได้รับประโยชน์ หลักทรัพย์ที่มีพื้นฐานดี และแนะนำ ซื้อคือ AP, LH, LPN และ SPALI ------------------------------------------------------------------------------ เอกสารฉบับนี้จัดทำโดยฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด โดยอยู่บนพื้นฐานวิชาชีพการวิเคราะห์หลักทรัพย์ และอาศัยข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อว่าน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม ผู้จัดทำไม่รับประกันความครบถ้วน และความถูกต้องของข้อมูลดังกล่าว ความคิดเห็นที่ผู้จัดทำ แสดงในเอกสารฉบับนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ เอกสารฉบับนี้จัดทำเพื่อเป็นการ เผยแพร่ข้อมูลโดยทั่วไปเท่านั้น คำแนะนำที่ปรากฎในเอกสารนี้ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้เฉพาะเจาะจงสำหรับ การลงทุน และมิได้ทำขึ้นเพื่อแทนการตัดสินใจการซื้อขายหลักทรัพย์ของท่าน หรือเพื่อสถานการณ์ทางการ เงิน ตลอดจนการลงทุนที่ต้องการการแนะนำโดยเฉพาะเจาะจง ซึ่งท่านควรขอรับคำแนะนำจากที่ปรึกษา ด้านกฎหมายหรือจากที่ปรึกษาด้านการเงินต่างหาก ผู้จัดทำไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น หรือ ที่เกิดขึ้นโดยตรง หรือเป็นผลต่อเนื่องที่อาจเกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นจากการใช้เอกสารนี้ หรือจากการติดต่อสื่อ สารภายหลังเกี่ยวกับเอกสารนี้ เอกสารฉบับนี้มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการเสนอขาย และ/หรือชักจูงให้ซื้อ หรือขายหลักทรัพย์ใดๆ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กรรมการ เจ้าหน้าที่ และพนักงานของบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด อาจดำรงตำแหน่ง หรือมีส่วน ได้เสีย และอาจเข้าทำรายการเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ระบุในเอกสารฉบับนี้ รวมถึงอาจดำเนินการ ในลักษณะเป็นตัวแทนนายหน้า ที่ปรึกษาทางการเงิน ที่ปรึกษาการลงทุน ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และ/หรือ บริการทางการเงินหรือการลงทุนอื่นๆที่เกี่ยวกับบริษัทดังกล่าว ทั้งนี้การนำข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในเอกสารฉบับนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนไปทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข หรือนำออกเผยแพร่แก่สาธารณชน จะต้องได้รับความ ยินยอมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางบริษัทก่อน--จบ--
โดย
roskamol
จันทร์ ก.ย. 19, 2011 9:48 am
0
1
Re: อสังหาฯ ไทยสดใส รับเออีซี
http://bit.ly/r1T7hh
โดย
roskamol
จันทร์ ก.ย. 19, 2011 9:35 am
0
1
Re: รบกวนช่วยวิเคราะห์หุ้นIPO ล่าสุด AAPCS ว่าธุรกิจดีหรือไม
บล.ฟิลลิป : AUTO SECTOR แนะนำ ลงทุนมากกว่าปกติ ยอดขายรถยนต์ในเดือนส.ค.54 ปรับดีขึ้น 20.27%YoY - โตโยต้าประกาศยอดขายรถยนต์เดือนส.ค.54 ที่ 79,043 คันเพิ่มขึ้น 20.27%YoY และ 8.42%MoMจากการตอบรับที่ดีต่อรถยนต์รุ่นใหม่รวมถึงสภาพเศรษฐกิจ ส่งให้ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศในช่วง 8M54 เพิ่มขึ้นมาที่ 583,957 คันเพิ่มขึ้น 19.64%YoY - ทางฝ่ายคงคำแนะนำ "ลงทุนมากกว่าปกติ" ในกลุ่มยานยนต์มองได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม โดย AH (ราคาพื้นฐานปี 2555 เท่ากับ 17 บาท), STANLY(ราคาพื้นฐานปี 2555เท่ากับ 192 บาท) และ SAT(ราคาพื้นฐานปี 2555 เท่ากับ 33.25 บาท) ยอดขายรถยนต์ในเดือนส.ค.54 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โตโยต้าประกาศยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือนส.ค.54 ที่ 79,043 คันเพิ่มขึ้น 20.27%YoY และ8.42%MoM จากทั้งการตอบรับที่ดีต่อรถยนต์รุ่นใหม่ที่เข้าสู่ตลาดและการเพิ่มการผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ทำให้ส่งมอบรถยนต์ได้เร็วขึ้น โดยยอดขายในเดือนนี้ปรับตัวดีขึ้นทุกเซกเมนต์แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 35,545 คันเพิ่มขึ้น 26.41%YoY และ 10.12%MoM ในขณะที่รถเพื่อ การพาณิชย์ยังคงเป็เซกเมนต์หลักที่มียอดขายในเชิงปริมาณสูงสุดที่ 43,498 คันเพิ่มขึ้น 15.67%YoY และ 7.07%MoM ยอดขาย 8 เดือนแรกโต 19.64% โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้มีปริมาณการขายรถยนต์ภายในประเทศแล้วถึง 583,957 คันเพิ่มขึ้น19.64%YoY แม้ว่ายอดขายจะชะลอตัวลงไปบ้างหลังเกิดสึนามิในประเทศญี่ปุ่นแต่ด้วยแนวโน้มปัจจัยของศรษฐกิจภายในประเทศ สนับสนุนกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยเฉพาะจากแนวโน้มราคาสินค้าเกษตรนอกจากนี้แล้วการปรับโฉม และการนำเสนอรถรุ่นใหม่ยังช่วยกระตุ้นตลาดโดยรวม ในด้านส่วนแบ่งทางการตลาด 3 อันดับแรกสำหรับรถยนต์นั่ง (คิดเป็น 45%ของยอดขายรถยนต์ภายในประเทศทั้งหมด)ได้แก่ โตโยต้า(40%), ฮอนด้า(22%) และนิสสัน(12%) สำหรับรถเพื่อการพาณิชย์(คิดเป็น55%ของยอดขายรถยนต์ภายในประเทศทั้งหมด) ได้แก่โตโยต้า(35%), อีซูซุ(33%)และ มิตซุบิชิ(13%) แนวโน้มยอดขายรถยนต์ปรับตัวดีต่อ โดยทางโต้โยต้ายังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อปริมาณการขายรถยนต์ จากมาตรการลดภาษีรถยนต์คันแรกที่บังคับใช้ทันที่ แต่ปัญหาน้ำท่วมอาจกระทบต่อตลาดรถยนต์ได้ในส่วนของมาตราการภาครัฐเกี่ยวกับรถยนต์คันแรกทางครม.กำหนดให้รถยนต์นั่ง(ขนาดกระบอกสูบไม่เกิน 1,500ซีซี)และรถกระบะที่ผลิตภายในประเทศ มีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยต้องเป็นรถยนต์คัน แรกที่ซื้อตั้งแต่ 1 ต.ค.54 ถึง 31 ธ.ค.55 ผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปและต้องครอบครองรถยนต์ไม่น้อยกว่า 5 ปี ด้านการคืนเงินจะคืนให้เมื่อครอบครองรถยนต์ 1 ปี ไปแล้ว(เริ่มจ่ายคืนให้ตั้งแต่วันที่ 1ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป)เท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อคัน มองส่งผลดีต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แม้ว่าจะกำหนดความจุกระบอกสูบสำหรับรถยนต์นั่งไว้แต่ทว่าก็เป็นขนาดที่ได้รับความนิยมมากสูง โดยคิดเป็น 45-50%ของตลาดรถยนต์นั่งทั้งหมด ปรับภาษีสรรพสามิตของรถกระบะ จากข่าวในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ เกี่ยวกับการเสนอขึ้นภาษีสรรพสามิตของรถกระบะ 2-3%หากมีการปรับภาษีขึ้นจริง ทางฝ่ายคาดรถกระบะ 2 ประตู (เดิมอัตราภาษีสรรพสามิตรที่ 3%ไปเป็น5%)จะปรับเพิ่มขึ้นราว 9,000 บาทหรือสูงขึ้น 2% จากเดิมที่ราคา 450,000 บาท ในขณะที่รถกระบะ 4 ประตู (เดิมอัตราภาษีสรรพสามิตรที่ 12% ไปเป็น 15%) จะปรับเพิ่มขึ้นราว 15,000 บาทหรือสูงขึ้น 3% จากเดิมที่ราคา 550,000 บาท แม้จะส่งผลในแง่ลบต่อผู้บริโภคในแง่ราคาที่สูงขึ้นแต่ทว่าก็เป็นการปรับขึ้นที่ไม่สูงมากนักเทียบกับราคาในปัจจุบัน อีกทั้งการออกมาตราการคืนภาษีสำหรับรถยนต์คันแรกจะส่วนผลักดันให้เห็นการเติบโตของตลาดรถยนต์โดยรวม อย่างไรก็ตามยังไม่มีความแน่ชัดถึงการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตของรถกระบะในครั้งนี้ ลงทุนมากกว่าปกติ" ในกลุ่มยานยนต์ คงคำแนะนำ "ลงทุนมากกว่าปกติ" ในกลุ่มยานยนต์มองได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม - AH (ราคาพื้นฐานปี 2555 เท่ากับ 17 บาท) ระดับราคายังปรับขึ้นน้อยเทียบกับกลุ่มทั้งในระยะสั้นอาจเห็นการปรับโฉมรถกระบะจากลูกค้ารายใหญ่ - STANLY(ราคาพื้นฐาน ปี 2555 เท่ากับ 192บาท) ได้ประโยชน์จากมาตราการคืนภาษีรถยนต์คันแรก จากชิ้นส่วนที่ผลิตรถยนต์นั้นเป็นชิ้นส่วนของ รถยนต์นั่งโดยเฉพาะจากค่ายฮอนด้า - SAT(ราคาพื้นฐาน ปี 2555 33.25 บาท) มองได้ประโยชน์จากลูกค้ารายใหญ่คือ มิตซูบิชิและโต้โยต้า ทั้งมีงานจากรถยนต์นั่งโดยเฉพาะในกลุ่มของรถประหยัดพลังงานถึง 4 ค่าย
โดย
roskamol
จันทร์ ก.ย. 19, 2011 9:31 am
0
0
Re: รบกวนช่วยวิเคราะห์หุ้นIPO ล่าสุด AAPCS ว่าธุรกิจดีหรือไม
บิ๊ก "เอเซีย พรีซิชั่น" ปลื้มสถาบันจองล้น 7 เท่า ระบุ เคาะราคา IPO ไว้ที่ 5.45 บ. นายอภิชาติ การุณกรสกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอเซีย พรีซิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ APCS ผู้ประกอบธุรกิจด้านการผลิตชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ คอมเพรสเซอร์ และกล้องถ่ายภาพดิจิตอล เปิดเผยกับ HoonInside.com ว่า กระแสตอบรับค่อนข้างดี โดยสถาบันให้การตอบรับดีมาก มียอดจองล้นถึง 7 เท่า โดยมีการสรุปราคาไว้ที่ 5.45 บาท ทั้งนี้สาเหตุที่หุ้นเอเซีย พรีซิชั่น ได้รับผลตอบที่ดี เนื่องจากเป็นกลุ่มยานยนต์และรัฐบาลก็มีนโยบายภาษีรถยนต์คันแรก ทั้งนี้คาดว่หุ้นเอเซีย พรีซิชั่น น่าจะให้ตอบแทนที่ดีกับคนจองซื้อ อนึ่งก่อนหน้านี้ นายอภิชาต เปิดเผยภายในงานสัมมนาประจำไตรมาส 3/2554 ของ HoonInside.com ว่าตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 14-15% ทะลุ 1 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 908 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรก54 บริษัทมีรายได้แล้ว 478 ล้านบาท เติบโตประมาณ 10% ขณะที่ครึ่งปีหลัง54คาดว่าจะเติบโตตามอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คาดโต 22 % ทำให้ทั้งปีรายได้ของบริษัทจะเติบโตได้ตามคาด ขณะที่คาดการณ์กำไรครึ่งปีหลัง 54 จะออกมาดีกว่าครึ่งแรก54 เนื่องจากราคาเหล็กมีแนวโน้มอ่อนตัวลงได้ ส่งผลดีต่อมาร์จิ้นให้ปรับเพิ่มขึ้นขณะที่กำไรทั้งปีคาดว่าจะทำได้แค่ใกล้เคียงปีก่อนหรือดีกว่าเล็กน้อย เนื่องจากในครึ่งปีแรกบริษัทมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นตามราคาเหล็กที่ปรับตัวขึ้นประมาณ 10 % จากสิ้นปี 53 ส่งผลให้มาร์จิ้นปรับลดลง แต่เมื่อครึ่งปีหลังฟื้นตัวดีขึ้นก็จะส่งผลให้เฉลี่ยทั้งปีเป็นไปตามคาดการณ์ได้ hooninside.com
โดย
roskamol
จันทร์ ก.ย. 19, 2011 9:30 am
0
0
Re: รบกวนช่วยวิเคราะห์หุ้นIPO ล่าสุด AAPCS ว่าธุรกิจดีหรือไม
08:47 19/09/2011 *"เอเซีย พรีซิชั่น"กำหนดราคาขาย IPO หุ้นละ 5.45 บาท กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--รอยเตอร์ บมจ.เอเซีย พรีซิชั่น กำหนดราคาหุ้นที่เสนอขายแก่ประชาชชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) ที่ราคาหุ้นละ 5.45 บาท โดยจะเสนอขายในวันที่ 21-23 ก.ย.นี้ และคาดว่าหุ้นจะเข้าซื้อขาย ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) วันที่ 29 ก.ย.นี้ เอเซีย พรีซิชั่น เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนโลหะที่มีความเที่ยงตรงสูง ที่ทำ จากโลหะ เช่น เหล็กกล้า เหล็กหล่อ เหล็กทุบขึ้นรูป สแตนเลส และอลูมิเนียม โดยจะเสนอ ขายหุ้น IPO ทั้งหมด 87.25 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท แบ่งเป็นหุ้นใหม่ 75 ล้านหุ้น และหุ้นเดิมของบริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น อิควิตี้ เอเซีย จำกัด ซึ่งเป็น ผู้ถือหุ้นเดิม ออกเสนอขาย 12.25 ล้านหุ้น โดยมีบริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด เป็น ที่ปรึกษาทางการเงิน--จบ-- (โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร เรียบเรียง--วพ--) ((
[email protected]
;โทร.0-2648-9756; ReutersMessaging:wirat.buranakanokthanasan.thomsonreuters.com@
โดย
roskamol
จันทร์ ก.ย. 19, 2011 8:55 am
0
0
Re: รบกวนช่วยวิเคราะห์หุ้นIPO ล่าสุด AAPCS ว่าธุรกิจดีหรือไม
https://sites.google.com/a/asiaprecision.com/asiaprecision/investor 08:39 19/09/2011 RTR----"เอเซีย พรีซิชั่น"กำหนดราคาขาย IPO หุ้นละ 5.45 บาท
โดย
roskamol
จันทร์ ก.ย. 19, 2011 8:51 am
0
0
Re: รบกวนช่วยวิเคราะห์หุ้นIPO ล่าสุด AAPCS ว่าธุรกิจดีหรือไม
เห็นตอนนี้บริษัทที่ทำเกี่ยวกับอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์กำลังได้ผลประโยชน์จากมาตรการของรัฐบาลในเรื่องลดภาษีให้กับรถยนต์นั่งไม่เกิน 1500 cc ถ้าเพื่อนๆ สนใจก็อยากให้ช่วยกันหาข้อมุลเพิ่มเติมด้วย และฝากทาง mod พิจารณานำเข้าไปไว้ในห้องร้อยคนร้อยหุ้นด้วยน่ะค่ะ
โดย
roskamol
จันทร์ ก.ย. 19, 2011 7:53 am
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
roskamol
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พุธ ก.ย. 14, 2011 6:47 am
ใช้งานล่าสุด:
พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2011 9:23 am
โพสต์ทั้งหมด:
14 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.00 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว