Re: SuperStock หรือ DividenStock ผมเห็นด้วยกับคุณtooyen นะครับ จากมุมมองของผม ผมมองแบบนี้ 1. เทรนด์ของโลกร้อน อากาศร้อนขึ้น บ.ผลิตพัดลม พัดลมระบายอากาศ ตู้เย็น ปั้มน้ำ และ 10%ของโรงงานผลิตแอร์ ยอดขายและการเติบโต 4-5 ปี มานี้ ก็เติบโตต่อเนื่องตลอด , 10-19%ทุกปี 2. AEC เวียตนาม,อินโดนีเซีย,ออสเตรเลีย,นิวซีแลนด์ เศรษฐกิจก็กำลังขยายตัว ความต้องการความสะดวก สบายเพิ่มขึ้น ต่อไปก็เป็นลาว,เขมรและที่กำลังจะมาแรงคือพม่าซึ่งสามารถจะขยายตัวได้อีกเยอะเหมือนไทยเมื่อ 25-30 ปีที่แล้ว และยังมีอินเดียอีก ผมยังมองยาวไกลไปถึง แอฟริกาอีกด้วยในอนาคต และเมื่อการผลิตเพิ่มมากจนต้นทุนสามารถควบคุมได้ดี และเทคโนโลยีการผลิตดีมากขึ้น ก็อาจจะขยายตัวไปถึงอเมริกาและยุโรปได้เช่นเดียวกับแอร์และรถยนต์ของญี่ปุ่นที่ทั่วโลกให้การยอมรับในคุณภาพ 3. เครื่องเป่ามือ แม้เป็นสินค้าใหม่แต่ในอนาคตก็น่าจะเพิ่มขึ้นได้ ตอนนี้ KYE เริ่มผลิตตู้เย็นรุ่น 4 ประตูแล้ว ทั้งนี้ โรงงานผลิตตู้เย็นของมิตซูมีแค่2แห่ง ที่ญี่ปุ่น ผลิตแต่ตู้เย็นรุ่นใหญ่ 4-5-6 ประตู รุ่น Hi-tech และ KYE ที่เมืองไทย เท่านั้นการจะไปตั้งโรงงานผลิตในประเทศหนึ่งๆนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ทั้ง วิศวกร และพนักงานที่มีทักษะก็ไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ ต้องใช้เวลาสร้างหลายปี ดังนั้น การย้ายการผลิตไปประเทศอื่นเป็นไปได้ยาก การขยายโรงงานในไทยง่ายกว่าเพราะเงินทุนในมือมีอยู่สูง 4. เรื่อง DCA ลองมาดูกัน 1.ปั๊มน้ำ ตามบ้านและปั๊มน้ำเล็กและกลางทั่วไปของมิตซู ครองตลาดไทยอยู่ มากกว่า 50% ซึ่งแกร่งมาก เงียบ ทน และสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้นตลอด พัดลมคุณภาพดี เงียบทน มีระบบป้องกันไฟช็อต และกันไฟไหม้เพราะเป็นมอเตอร์ระบบปิด คุณภาพดีกว่ายี่ห้อ ที่ครองตลาดล่างอย่างชัดเจน ยอดขายของพัดลมก็เพิ่มตลอดทุกปีจนผลิตแทบไม่ทันอยู่แล้ว พัดลมระบายอากาศอันนี้คุณภาพเหนือกว่าชัดเจนเพราะต้องทนทานจึงขายดีเพราะต้องใช้ช่างมาติดตั้งไม่เหมือนพัดลมตั้งโต๊ะ ตั้งพื้นที่มียี่ห้ออื่นๆ เพราะ เสียก็ยกทิ้ง หรือ เปลี่ยนซ่อมได้ ซื้อใหม่ แต่พัดลมระบายอากาศ ต้องใช้ช่างมาทำ มันยุ่งยาก สำหรับตู้เย็นการแข่งในตลาดไทยสูงมาก แข่งกันตลอด หลายยี่ห้อ ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้นักลงทุนหวั่นไหว และไม่ค่อยวางใจที่สุด แต่คุณภาพและยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาตลอดก็เป็นสึ่งที่ยืนยันได้ และที่ตลาดญี่ปุ่น ก็เป็นตลาดที่ยี่ห้ออื่นจากต่างประเทศเจาะได้ยากมาก เพราะถ้าเทีัยบคุณภาพและความทนทาน แล้ว ของญี่ปุ่นดีกว่าจริงๆ ไม่ได้ bias และในระยะยาวแล้วก็อาจจะขยายตัวไปได้ทั่วโลกครับ ปันผลก็ดี P/E ยังไม่สูง เงินทุนก็เยอะ ในความเห็นผม ก็น่าสนใจที่จะลงทุนและเติบโตไปพร้อมกับบริษัทครับ โดย Valkyrie09 อังคาร ต.ค. 02, 2012 4:56 pm