หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
Plant
Joined: พฤหัสฯ. ส.ค. 23, 2012 10:13 am
667
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - Plant
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: สอบถามความเสี่ยงของการฝากบริษัทหลักทรัพย์ซื้อหุ้นต่างประ
เท่าที่ผมเคยเห็นถ้าบริษัทหลักทรัพย์จะล้ม จะมีการรวมกันกับบริษัทหลักทรัพย์อื่น หรือไม่ก็ขายหุ้นให้กับคนอื่นเข้ามาบริหารแล้วเปลี่ยนชื่อบริษัทหลักทรัพย์ใหม่ครับ ผมมองว่าตรงนี้สบายใจได้ว่าไม่มีหนีหายไปไหนแน่นอน...^^)
โดย
Plant
เสาร์ มี.ค. 03, 2018 6:42 pm
0
1
Re: **วันนี้9.00 น.เปิดรับลงทะเบียน Money Talk@SET เดือน ม.ค
จอง 1 ที่ครับ
โดย
Plant
พุธ ม.ค. 03, 2018 9:47 am
0
0
Re: เปิดรับจองMoney Talk@SET เดือน ต.ค.60(คลิ๊กจองเลย)
ขอจองเพิ่ม 1 ที่ด้วยครับ...^^)
โดย
Plant
เสาร์ ก.ย. 30, 2017 11:13 am
0
0
Re: แนวคิดการลงทุนหุ้นปันผล
ผมขออนุญาติเปลี่ยนคำถามครับ คือหลังจากที่เราคัดสรร บริษัทที่เราจะลงทุนแล้วว่าดีในระดับที่เราพอใจ เป้าหมายหลักของเราคือ ปันผล5% จากนั้นเราก็ดูราคาที่ได้ปันผล5% ก็ซื้อลงทุน ในการคิดและทำแบบนี้ของผม ผมรู้สึกว่ามันง่ายเกินไป น่าจะมีจุดบกพร่องหรือทำอะไรได้ดีกว่านี้ ที่รู้สึกว่าง่ายเพราะเราคำนวนแล้วได้ราคาที่ซื้อได้ตามที่ต้องการคือปันผล 5% ครับ มันจะยากตอนราคามันขึ้นไปหมดแล้วหาตัวไหนก็ซื้อไม่ได้ปันผล 5 % เลยหนะครับ...^^) เท่าที่นึกได้ตอนนี้ เช่น 1เปรียบเทียบกับบริษัทในกลุ่มเดียวกันว่าตัวที่เราจะซื้อดีกว่าตัวอื่น หรืออย่างน้อยก็อยู่ในค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม 2ดูกราฟราคา หาจังหวะที่เราจะซื้อ 3ข้อนี้เจอโดยบังเอิญ 3.1ปันผลจากกำไรสะสม 3.2ปันผลจากกำไรสุทธิและจากกำไรสะสม 3.3ปันผลจากกำไรสุทธิ ขอถามทั้งสามข้อ บอกนัยอะไรครับ ส่วนข้ออื่นๆ หรือแนวทางอื่นๆ รบกวนพี่ๆ ช่วยด้วยนะครับ โดยส่วนตัวที่ผมลงทุน ผมจะกลับไปเช็คเรื่องคุณภาพของบริษัทครับ ทั้งด้านการเติบโตของรายได้&กำไร ความสามารถในการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอและเพิ่มมากขึ้น กับความสามารถของตัวผู้บริหาร หากผู้บริหารตั้งเป้าที่จะเติบโตทุกๆปีแล้วสิ้นปีทำออกมาได้จริงหรือใกล้เคียง รายได้และกำไรเติบโต บริษัทก็จะมีเงินจ่ายปันผลได้เองครับ ส่วนเรื่องกราฟราคา น่าจะเป็นเรื่องหาจังหวะซื้อ จังหวะขายมากกว่านะครับ ถ้าจังหวะซื้อก็จะประเมินจาก ซื้อแล้วได้ปันผล 5% ครับ ส่วนจังหวะขายผมก็จะใช้การประเมินมูลค่า ถ้าราคามันขึ้นไปเกินมูลค่าก็ขาย หรืออีกจุดนึงคือถือแล้วได้ปันผล 5% ต่อปี แต่ถ้าขายได้กำไรมากกว่าปันผลก็ขายครับ แล้วค่อยกลับมาซื้อใหม่ ...^^)
โดย
Plant
อังคาร เม.ย. 11, 2017 2:39 pm
0
0
Re: วันนี้ 9.00 น.เปิดจอง Money Talk@SET ก.พ.60 - **50ที่นั่
จอง 1 ที่ครับ
โดย
Plant
พุธ ก.พ. 08, 2017 11:28 am
0
0
Re: เปิดจอง Money Talk@SET ม.ค.60 - 50 ที่นั่ง
จอง 1 ที่ครับ...^^)
โดย
Plant
พุธ ม.ค. 04, 2017 9:09 am
0
0
Re: พอร์ตเท่าไรเรียกมีอิสระภาพทางการเงิน ปันผลต่อปีเท่าไรออก
ถามคำถามเดียวกับพี่ Nevercry.boy เลยครับ อิสระภาพทางการเงิน แปลว่า อะไร เอาคำนี้ก่อน เราต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนคับว่า "อิสรภาพทางการเงิน" เรามองมันที่ตรงไหน - มีรายได้มากกว่ารายจ่ายประจำ?? - มีเงินเก็บ 10-20 ล้าน?? - มีเงินให้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้?? - มีเงินเลี้ยงดูครอบครัว ลูกหลานได้ตลอดไป?? - หรือแค่มี "อิสระทาง ความคิด ที่ไม่มีเรื่องของตัวเงินมาตีกรอบจำกัดทางเลือกของเรา"?? สิ่งที่คนส่วนใหญ่เริ่มต้นผิด คือ อยากมีอิสรภาพทางการเงิน แล้วถามว่าต้องมีเงินเท่าไร?? ซึ่งจริงๆแล้วต้องถามคำถามแรกว่า "เราอยากได้อะไรในชีวิต เป้าหมายชีวิตเราคืออะไร" แล้วค่อยมาดูว่าเงินเท่าไรที่ตอบโจทย์นั้นครับ เพราะไม่อย่างนั้นเรามัวแต่หาเงินไว้มากๆ ตั้งเป้าไว้สูงๆๆๆ พอถึงเป้าหมายแล้วย้อนกลับมาดูเราอาจจะสูญเสียบางสิ่งที่เราต้องการ จริงๆในชีวิตไประหว่างทางก็ได้ครับ..... จาก คนที่เคยตั้งโจทย์ผิดมาก่อนขอรับ...^^)
โดย
Plant
พุธ มี.ค. 18, 2015 5:27 pm
0
12
Re: เปิดจองงานสังสรรค์ VI ปิดงบปี 57 **10.00 โมงเช้านี้ค่ะ**
Plant / สมาชิก 1 ที่นั่ง / 990.01 บาท / กสิกรไทย / วันที่ 03/03/2015 / เวลา 10:23:39 ครับ ...^^)
โดย
Plant
อังคาร มี.ค. 03, 2015 10:27 am
0
0
Re: เตรียมตัวแก้ผ้า ว่ายน้ำ
โอ๊ะโอ!! ไกล้จะถึงเวลาช้อนปลาอีกแล้วหรือครับนี่ ต้องรีบเก็บเงินแล้วสินะครับ โอม....ขอให้ Set กับ Mai ลากหุ้นดีๆให้ลงมามี Mos เยอะๆด้วยเถอะเพี้ยง!!! อิอิอิ...^^)
โดย
Plant
ศุกร์ ต.ค. 17, 2014 12:31 pm
0
1
Re: อยากเห็นคนไทยมีการจัดการการเงินที่ดีขึ้น/วิวรรณ ธาราหิรั
[quote="NEWYORKER"]วิชาทางการเงิน คงให้ครูธรรมดาสอนไม่ได้หรอกครับ. ปัจจุปันครูทั่วไปถือเป็นอาชีพที่มีหนี้เยอะอันดับต้นๆเลย. T T[/quote] นี่แหละครับจึงเป็นเหตุผลที่โค้ชหนุ่ม มีโครงการสอนการเงินครูทั่วประเทศ...^^)
โดย
Plant
จันทร์ ต.ค. 13, 2014 10:11 am
0
1
Re: มีวิธีเตือนคนรู้จักหรือเพื่อนยังไงดีครับ ณ ตลาดที่ดูน่าก
ถามเขาว่าซื้อตัวไหน เราจะได้ขายตัวนั้น แล้วถ้าเขาขายตัวไหน เราก็ไปซื้อตัวนั้นครับ 555+ (ล้อเล่นนะครับ) บรรยากาศแบบนี้เริ่มกลับมาอีกแล้ว จากที่ผมเจอมาตอนหุ้นบูมๆช่วงปี 2556 ก็มีเพื่อนๆเข้ามาสนใจลงทุนในหุ้นมากขึ้นเช่นกันครับโดยเฉพาะสายเทคนิค นี่จะเยอะเป็นพิเศษ พอช่วงหุ้นตกปลายปี 2556 จะมีคนอยู่ 2 ประเภทครับ 1) หุ้นมันคือการพนัน ข้าไม่เอาแระ เลิกๆๆๆ!!! กับ 2) เฮ้ย! ขาดทุนย่อยยับเลยหวะ เป็นไปได้ไงว่ะ ข้าทำอะไรผิดพลาดว่ะเนี่ย!! แล้วคนกลุ่มที่ 2 นี่แหละที่จะเข้ามาคุยกับเรา แล้วเราก็จะช่วยแนะแนวทาง VI ให้เขาได้ ณ ตอนนั้น เคยได้ยินคำนี้ไหมครับ "เมื่อลูกศิษย์พร้อม คุณครูจะปรากฎ" ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้ คือ เตรียมตัวเองให้พร้อม ศึกษาหาความรู้ให้ดี มีข้อมูล ข้อเท็จจริงให้มาก เพื่อเตรียมให้ถึงวันที่เพื่อนเราเจ็บมา แล้วต้องการ คนมาชักจูงให้ถูกทาง เมื่อนั้นแหละครับเราต้องทำหน้าที่เพื่อนและเป็นครูที่ดีไป พร้อมๆกัน...^^)
โดย
Plant
อังคาร ก.ย. 30, 2014 9:52 am
0
10
Re: อยากเห็นคนไทยมีการจัดการการเงินที่ดีขึ้น/วิวรรณ ธาราหิรั
ต้องให้วิชาการเงินมีสอนในทุกโรงเรียนในประเทศไทยครับ และต้องสอนตั้งแต่ระดับที่เด็กเริ่มใช้เงินเป็นเลยครับ...^^) เรื่อง ไม่ประหยัด นี่ตอนนี้เวลาไปเที่ยวในห้าง ผมสังเกตุเห็นช็อปที่ขายพวก เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ลด50-70% กันทุกร้านและทุกห้างเลยครับ ไม่รู้ว่าต่างจังหวัด เป็นแบบนี้ด้วยหรือเปล่า ซึ่งลดขนาดนี้คนน่าจะมาแห่กันซื้อ แต่ผิดคลาด!! คนมาห้างเยอะจริง แต่ไม่มีใครเดินเข้าช็อปพวกนี้เลย ทำให้คิดว่าคนไทยน่าจะประหยัดมากขึ้นนะครับ แต่ประหยัดเพื่อเก็บออม หรือประหยัดเพื่อเอาไปใช้หนี้ อันนี้ก็มิทราบครับ 555+...T-T)
โดย
Plant
จันทร์ ก.ย. 15, 2014 11:59 pm
0
1
Re: หุ้น PE 100 เท่า กล้าซื้อมั๊ย?
มุมมองผม จากการเริ่มทำความเข้าใจในหลักการของ vi กับคนที่ลงทุนแบบ vi นะครับ ผมมองว่าคนที่จะกล้าซื้อหุ้น pe 100 ตามหลักการ vi น่าจะมีอยู่ 2 แบบ คือ 1) คนที่มีเงินในพอร์ตมาก แบ่งมาลองดู หากผิดพลาดก็กระทบพอร์ทไม่มาก หากถูกตัวก็จะได้เพิ่มผลตอบแทนของพอร์ทให้มากยิ่งขึ้น 2) คนที่พอร์ทยังมีเงินน้อยอยู่ แต่มั่นใจในตัว pe 100 ที่วิเคราะห์มาอย่างดี กล้าที่จะลง แบบทุ่มไปเลย 80-90% ถ้าได้ก็พลิกชีวิต พลิกผลตอบแทนพอร์ทไปเลย ถ้าพลาดก็เจ็บ แล้วสะสมทุนเอาใหม่(จึงต้องมั่นใจมากจริงๆ) ส่วนคนที่พอร์ทเล็กๆแล้วก็ไม่รู้จักหุ้น pe 100 ตัวนี้ดีพอ เห็นคนอื่นซื้อว่าเป็นหุ้นดี อนาคตกำไรโตแน่ ขอตามหน่อยสัก 10-30% ของพอร์ท อย่าไปยุ่งเลยครับ เพราะถึงได้มาก็ทำให้พอร์ทโตได้ไม่เท่าไร แต่ถ้าเสียทีนี่ ช้ำใจไปหลายปีเลยนะครับ (ผมขอเป็นกลุ่มนี้ดีกว่า ไม่ขอยุ่งถึงจะศึกษาหุ้นที่ pe 100 มาดีแล้วก็เถอะ หุหุหุ) ...^^)
โดย
Plant
จันทร์ ก.ย. 15, 2014 11:38 pm
0
2
Re: กระทิงนานแค่ไหน
ถ้าเอาตามหลักการ VI ก็ต้องไปดูกฎ 3 ข้อในการขายหุ้นของ อ.ฟิลลิป ฟิชเชอร์เลยครับ แต่ถ้าเอาว่าอยากได้ผลตอบแทนจากการขายหุ้น ผมมองว่าขายตอนที่ราคา มันเกินมูลค่าที่เราคำนวนได้ไปมากครับ มากแค่ไหนขึ้นอยู่กับความรู้สึกเราครับ เพราะผมเชื่อว่าไม่มีใครขายได้ที่ราคาสูงสุดในทุกครั้งที่ตัดสินใจครับ ดังนั้นตลาดจะขึ้นไปอีกมากแค่ไหนอย่าสนใจครับ สนเพียงบริษัทเรามันทำกำไรวิ่งไล่ ตามความคาดหวังของตลาดได้หรือเปล่า ถ้ายังไม่มั้นใจอีกก็แบ่งขายและแบ่งถือไว้ ก็ได้ครับ เซฟๆ (ผมก็ใช้วิธีนี้ อิอิ) ...^^)
โดย
Plant
เสาร์ ก.ย. 13, 2014 4:44 pm
0
3
Re: ..."คำสาป" ของ "เงินที่ได้มาง่าย"...
ผมขอเสนอแนวคิดของผมเกี่ยวกับธรรมมะสักเล็กน้อยนะครับ (สงสัยวันนี้วันพระ เลยอยากโพส อิอิ...^^) ผมมีความเชื่อของผมว่าสิ่งที่เราทำแล้วไม่เบียดเบียนคนอื่น และตนเอง นั่นก็ถือว่าเป็นการทำในสิ่งที่ไม่บาปแล้วครับ ถ้าพูดถึงเรื่องหุ้นถ้าเราซื้อหุ้นแล้วเรารู้สึกในใจว่ามันเหมือนเป็นการส่งเสริมให้บริษัท ไปฆ่าสัตว์ นั่นก็คือเราคิดว่ามันเบียดเบียนคนอื่น(คือฆ่าสัตว์)และมันก็เบียดเบียนตัวเราเองด้วย เพราะทำให้เราไม่สบายใจ แบบนี้ผมว่าก็ไม่ควรซื้อหุ้นนั้น แต่ถ้าเราคิดว่าเราร่วมลงทุนในหุ้น สิ่งที่เขาทำคือธุรกิจ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เป็นปกติของธุรกิจไม่ฆ่าสัตว์ ก็ทำธุรกิจไม่ได้ แต่ตัวผู้บริหารเป็นคนดี ซื่อสัตย์ ไม่ทุจริต และเป็นผู้บริหารที่ดีต่อลูกน้อง แบบนี้ ถือแล้วรู้สึกสบายใจว่าธุรกิจต้องไปได้ดีในอนาคต แบบนี้ผมว่าก็สมควรซื้อหุ้นครับ ขอยกตัวอย่างตัวเองให้เห็นภาพชัดๆครับ ปกติผมจะไปบริจาคเลือดทุกๆ 3 เดือนเป็นประจำ ซึ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นวันครบกำหนด ผมก็ไปบริจาคเลือดตามปกติ ซึ่งในตอนเย็นผมมีนัดไปกินข้าวกับเพื่อน พอเพื่อนเห็นแขนผมแปะ ปาสเตอร์ยา ก็ถามว่าไปทำอะไรมา ผมก็บอกว่าไปบริจาคเลือดมาเมื่อเช้า เพื่อนผมก็ถามว่าแล้วเจ็บปะ ผมก็บอกไปว่า เจ็บสิ!!ใครบ้างโดนเข็มแทงไม่เจ็บ(จริงๆสำเนียงเป็นการคุยกับเพื่อน แต่มันจะดูไม่ดี จึงขอปรับให้เหมาะสมนะครับ...^^) เพื่อนผมก็เลยถามว่า เจ็บแล้วไปบริจาคทำไม ผมก็นิ่ง...คิดอยู่แปปนึงแล้วก็ตอบไปว่า ได้บุญมั้ง 555+ แล้วเราก็กินข้าวและนั่งคุยเรื่องอื่นกันต่อ จากเรื่องนี้ผมตอบเพื่อนไปแบบนั้นเพราะไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับคำถามคำตอบ แต่ถ้าให้ผมตอบแบบ จริงๆจังๆแล้วก็คือ ผมไม่ได้คิดว่าผมไปทำบุญ!!! ผมเพียงแต่คิดว่าถ้าโรงพยาบาลมีเลือดกรุ๊ปผมไม่พอ ก็จะได้มีของผมไว้ใช้ได้ หรือเกิดผมได้รับอุบัติเหตุ เลือดตกยางออก ผมก็ยังมีเลือดที่ผมบริจาคเก็บไว้ ใช้ได้ บางคนอาจมองว่านั่นแหละคือการทำบุญ สิ่งที่ผมทำคือความดี ผมนี่เป็นคนดีจัง แต่ผมมองว่าไม่ใช่ ผมทำเพราะผมอยากทำ และสิ่งที่ทำก็ไม่ได้เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ถ้าเพื่อนผม อยากไปบริจาคบ้างเพื่อให้ได้บุญ แต่กลัวเจ็บ ผมก็จะห้ามเพื่อนว่าอย่าไปบริจาคเลยเพราะมันเบียดเบียน ตัวเองเพราะกลัวเจ็บจะไปบริจาคเลือดทำไม จากได้บุญจะกลายเป็นบาปซะมากกว่า นี่คือสิ่งที่ผมคิด ผมมองว่าเรื่องบุญ เรื่องบาป ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนครับ เพราะไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่ทำแบบไหนได้บุญ แบบไหนไม่ได้บุญ แบบไหนได้บุญครบ แบบไหนได้ไม่ครบ เราใช้ยึดตามหลักคำสอนที่เขียนไว้แล้วนำมาตีความกันเอง ซึ่งผิดหรือถูกก็ไม่มีใครมาชี้ชัดได้ ดังนั้น ผมจึงเชื่อว่าถ้าสิ่งที่เราทำแล้วมันไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ เราก็ทำไปเถอะครับ มันจะถูกจะผิดหลักอะไรของใครก็ช่างมันเถอะ...^^) ปล. ยาวไปไหมนี่ หุหุหุ...^^)
โดย
Plant
อังคาร ก.ย. 02, 2014 12:34 am
0
2
Re: มีวิธีอะไรให้เพลาๆ กับเรื่องการลงทุนหุ้นได้บ้างครับ
ขอเอาไปใช้มั่งครับ แนะนำเพิ่มเติมครับ เป้าหมายที่เราตั้งไว้จะแบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ 1)เป้าหมายที่ต้องใช้เงิน และ 2)เป้าหมายที่ไม่ต้องใช้เงิน เป้าหมายที่ต้องใช้เงิน จะมาดูต่อว่าเราจะต้องใช้เงินเท่าไร แล้วจะหา เงินนั้นมาจากไหน จากการเก็บออม หรือจากการลงทุน ส่วนเป้าหมายที่ไม่ต้งใช้เงินนั้น......จะรออะไรอยู่หละครับ....^^)
โดย
Plant
พฤหัสฯ. ส.ค. 21, 2014 12:28 am
0
5
Re: มีวิธีอะไรให้เพลาๆ กับเรื่องการลงทุนหุ้นได้บ้างครับ
ผมขอยกเคสของตัวผมนะครับ ผมจะตั้งเป้าหมายในชีวิตอยู่ 6 ด้าน(ตามโค้ชผมสอน) คือ 1)ด้านครอบครัว เช่น วางแผนไปเที่ยวปีละ 2 ครั้ง 2)ด้านสุขภาพ เช่น ออกกำลังกายอาทิตย์ละ 2-3 วัน 3)ด้านหน้าที่การงาน เช่น พัฒนาธุรกิจที่บ้าน,สร้างธุรกิจตัวเอง 1 ธุรกิจ 4)ด้านการเงิน เช่น ตั้งเป้าจำนวนเงินเก็บในสิ้นปี 5)ด้านพัฒนาตนเอง เช่น เรียนขับรถ,เรียนภาษาเพิ่มเติม 6)ด้านสังคม เช่น บริจาคเงินเข้าวัด มูลนิธิ,ไปทำงานจิตอาสา ผมวางเป้าหมายทั้ง 6 ด้าน ในแต่ละปีครับ แล้วก็วางแผนทำให้สำเร็จในทุกๆด้าน เราก็จะไม่ได้หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องหุ้นเรื่องเดียว เพราะชีวิตยังมีด้านอื่นๆให้เรียนรู้ และสนุกไปกับมันอีกเพียบครับ...^^)
โดย
Plant
จันทร์ ส.ค. 18, 2014 9:09 pm
0
26
Re: ระหว่างกำไรสุทธิกับกำไรของเจ้าของ
ผม มองว่า สมการมันแปลกๆนะครับ ปกติสมการนี้เอาไว้คิดพวกเงินสดที่ได้คืนกลับมา หรือเงินสด ที่มีในกิจการ แต่ไม่น่าคิดเป็นกำไรในมุมมองของผมนะ เพราะ "ค่าเสื่อม" คือ สิ่งที่เราต้องจ่ายในอนาคต จากการเสื่อมโทรมของสิ่งที่เราใช้ไป เช่น เครื่องจักร อุปกรณ์ อาคาร มันจึงไม่น่าจะเป็นกำไรได้ ส่วน "ค่าใช้จ่ายลงทุน" ก็มี 2 แบบ คือลงทุนเพื่ออนาคต ทำให้กำไรเพิ่มขึ้น กับลงทุนเพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้แต่ไม่ได้เพิ่มกำไร เช่น ซ่อมแซมเครื่องจักร เป็นต้น จึงขึ้นอยู่กับว่า ลงทุนในอะไร??? ผมมองว่าต้องแยกระหว่าง "กำไร" กับ "เงินสด" ก่อนนะครับ...^^)
โดย
Plant
อาทิตย์ ส.ค. 17, 2014 10:40 pm
0
0
Re: ระหว่างกำไรสุทธิกับกำไรของเจ้าของ
ไม่เข้าใจคำถามครับ คุณ "Green_tree" ช่วยขยายความ "กำไรสุทธิหด แต่ กำไรของเจ้าของเพิ่ม" กับ "กำไรสุทธิเพิ่ม แต่ กำไรของเจ้าของหด" เพิ่มเติมด้วยครับ...-.-??)
โดย
Plant
เสาร์ ส.ค. 16, 2014 10:18 pm
0
0
Re: ขอ อนุญาตแนะนำหนังสือ โค้ชของผมครับ...^^)
กำลังอ่าน richdad's prophecy ที่คุณจักรพันธ์ุเป็นบก.อยู่เหมือนกันครับ เคยไปอบรมกับคุณจักรพันธุ์กะอ.อนุชาหลายปีก่อน เกมส์กระแสเงินสดไม่เคยเล่น ไม่รู้มีเล่นทางอินเตอร์เนตมั้ย ส่วนเว็บไซด์ริชแด๊ดไทย โดนแบนเข้าไม่ได้ เว็ปมาสเตอร์เคยพยามแก้ให้ยังไม่สำเร็จ ส่วนหนังสือคุณหนุ่มเล่มนี้ เป็นเล่มเดิมที่เคยพิมพ์กับซีเอ็ดมั้ยนะฮะ หลายเดือนก่อนเห็นซีเอ็ดเอามาเลหลัง เสียดายแทนอยู่เหมือนกันครับ คุณหนุ่ม ชื่อ " จักรพงษ์ เมษพันธุ์ " ครับ คุณ dr1 รวมเป็น "จักรพันธุ์" เลยนะครับ 555+ อ.อนุชา ถือว่าเป็นมือวางอันดับต้นๆของเมืองไทยในการลงทุนอสังหาฯ ครับ และท่านยังเป็น กรรมการอิสระของหุ้นในตลาดอยู่ 1 ตัว ที่กำลังจะเอาตัวเองออกจากตลาดครับ(เกี่ยวกับจิวเวอรี่) เว็ปริชแดดไทยผมพอจะทราบมาว่าคนดูแลระบบคนเก่า ไม่ได้ทำต่อแล้วหนะครับ ตอนนี้จะย้ายไปติดตามได้ใน fb เกี่ยวกับการเล่นเกมส์กระแสเงินสดครับ https://m.facebook.com/richdadthai?_rdr หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มใหม่ที่โค้ชหนุ่มเขียนจากผลึกที่ได้จากประสบการณ์ ตลอดชีวิตที่เดินทางในสายอิสรภาพทางการเงินครับ และผลึกแต่ละอันเป็น "ความรู้มือหนึ่ง" ที่ได้จากการทำจริง ประสบจริง เจ็บจริงครับ ไม่ได้หยิบเอา ข้อมูลจากตำราต่างๆมาเขียน ผมชอบที่สุดในเรื่องนี้ครับ และเล่มนี้เป็นเล่มแรก ที่ไม่ได้ตีพิมพ์กับ se-ed ครับ ปล. ดูเหมือนจะเป็นการเชียร์หนังสือ(จริงๆก็เชียร์หนะแหละ...แหะแหะ) แต่ตอนนี้เท่าที่ทราบติดอันดับ 3 หนังสือขายดีของ se-ed แล้วครับ และผมยังยืนยันคำเดิมครับ ผมเชื่อว่า "ชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไป!!!" เมื่อคุณได้อ่านหนังสือเล่มนี้ และนำสัก 1 บทไปใช้ในชีวิต เหมือนดั่งที่ผมและพี่น้องคนอื่นๆในกลุ่ม ได้เปลี่ยนแปลงมาแล้วเช่นกันครับ...^^)
โดย
Plant
จันทร์ ส.ค. 11, 2014 11:52 am
0
1
Re: ขอ อนุญาตแนะนำหนังสือ โค้ชของผมครับ...^^)
แนะนำ คุณ "Ii'8N" ลองหา search ในเวป Se-ed ครับ มีการแปลใหม่หมดทุกเล่ม แล้วครับ และมีการพูดถึงประเด็นหลักๆที่บางท่านที่แปลตอนแรกไม่ได้เน้นย้ำ แต่เป็นสิ่งที่คุณ โรเบิร์ต ต้องการเน้นครับ เช่น คนส่วนใหญ่เมื่ออ่านเล่มที่แปลก่อนหน้าจะคิดว่า คุณโรเบิร์ต แนะนำให้ ลาออกจากงานแล้วไปสร้างทรัพย์สิน หรือให้เปลี่ยนจาก E,S เป็น B,I แต่เล่มที่แปลใหม่ จะเน้นเลยว่า ไม่ใช่ว่าจะเป็น E กับ S ไม่ได้ แต่ต้องหาทางสร้าง B กับ I ควบคู่ไปด้วย เหมือนการมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ามีรายได้จากทางเดียว ครับ...^^)
โดย
Plant
ศุกร์ ส.ค. 08, 2014 12:04 pm
0
1
Re: ขอ อนุญาติแนะนำหนังสือ โค้ชของผมครับ...^^)
ผู้แปลหนังสือพ่อรวยสอนลูก ไม่ใช่คุณ นันทวัน รุจิวงศ์ หรอกหรือครับ? หรือมีการซื้อลิขสิทธิ์มาแปลใหม่อีกครั้งนึง คือ ภายหลังโค้ชหนุ่ม (จักรพงษ์ เมษพันธุ์) เป็นผู้นำมาแปลและเรียบเรียงใหม่ครับ เพราะทางคุณ โรเบิร์ต คิโยซากิ อยากให้แปลใหม่เพื่อให้ตรงกับสิ่งที่คุณโรเบิร์ต ต้องการสื่อให้รับรู้และเข้าใจมากที่สุดครับ ซึ่งตอนนี้ทีมงานของโค้ชหนุ่มได้แปลใหม่ไป หลายเล่มแล้วครับ....^^)
โดย
Plant
ศุกร์ ส.ค. 08, 2014 10:59 am
0
1
Re: ขอ อนุญาตแนะนำหนังสือ โค้ชของผมครับ...^^)
คุณ "thitaphat168" น่าจะเคยได้พบกับผมนะครับ ถ้าไปเล่นที่ชมรม เพราะผมเป็น Banker ของชมรมครับ...^^)
โดย
Plant
ศุกร์ ส.ค. 08, 2014 10:56 am
0
1
Re: ขอ อนุญาตแนะนำหนังสือ โค้ชของผมครับ...^^)
มีชมรมนี้ด้วยหรอครับ เพิ่งรู้เลยครับ แนะนำ คุณ "iamtherang" สามารถติดตามได้ที่นี่ครับ https://www.facebook.com/MoneyCoach4Thai?fref=ts ....^^)
โดย
Plant
ศุกร์ ส.ค. 08, 2014 10:53 am
0
1
Re: ขอ อนุญาติแนะนำหนังสือ โค้ชของผมครับ...^^)
ต้องขอโทษและขอขอบคุณ คุณ "INT-INV" มากๆครับ ครั้งหน้าผมจะระวังในการพิมพ์ มากกว่านี้ครับ ต้องขอรบกวนผู้ดูแลช่วยแก้ให้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
โดย
Plant
ศุกร์ ส.ค. 08, 2014 12:42 am
0
2
Re: สอบถามความคิดเห็นเรื่องงานสังสรรค์ แก่นวีไอ ลงทุนได้ทั่ว
การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงในด้านไหนบ้างครับ แล้วเราจะมีวิธีป้องกันความเสี่ยงในด้านต่างๆยังไงบ้างครับ ขอบคุณมากครับ....^^)
โดย
Plant
ศุกร์ ส.ค. 01, 2014 11:25 pm
0
0
Re: ถามเรื่องตลาด Mai หน่อยครับ
คำถามคล้ายๆผมตอนแรกๆเลยครับ (อ่านหนังสือเล่มเดียวกันแน่ๆเลย หุหุ) สิ่งสำคัญที่สุด คือ เรารู้จักบริษัทที่เราจะไปลงทุนด้วยมากน้อยแค่ไหนครับ ไม่เกี่ยวครับว่าจะเป็น ตลาด Set หรือ Mai ตลาดใหญ่หรือตลาดเล็ก เสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อย ขึ้นอยู่กับความรู้ ความเข้าใจในสิ่งที่เราจะไปลงทุนครับ...^^)
โดย
Plant
ศุกร์ ก.ค. 25, 2014 5:05 pm
0
2
Re: สมาชิกใหม่ รบกวนขอความรู้
ขอแนะนำเพิ่มเติม เพื่อเป็นกำลังใจให้คนใหม่ที่กำลังเข้ามาศึกษานะครับ...^^) (จริงๆน่าศึกษาทุกกระทู้ แต่ผมขอยกตัวอย่างมาให้ผู้เริ่มต้นศึกษาอ่านนะครับ) http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=35&t=6848 http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=35&t=42581 http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=35&t=4910 อันสุดท้าย มีคำตอบของคำถามที่ 2 ที่คุณ Jeng โพสไว้นะครับ ศึกษาแล้ว ได้ความรู้ แง่คิด และมีข้อซักถามอะไรเพิ่มเติม อย่าลืมกลับมาโพสเพิ่มเติม ด้วยนะครับ พี่ๆ เพื่อนๆ ที่นี่ยินดีแนะนำให้ทุกคนครับ....^^) ปล. ผมเชื่อว่าการศึกษา และค้นหาคำตอบได้ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่ดีที่สุดครับ (แต่สำคัญกว่าคือ หาคำตอบจากใคร ....^^)
โดย
Plant
ศุกร์ ก.ค. 25, 2014 1:00 pm
0
4
Re: สมาชิกใหม่ รบกวนขอความรู้
แนะนำให้ลองหาความรู้ใน Forum "คลังกระทู้คุณค่า" ก่อนครับ ในนั้นมีคำตอบให้ แล้วครับ...^^)
โดย
Plant
พุธ ก.ค. 23, 2014 8:52 pm
0
8
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
comment ผม 1. หากกระจาย Port ลงทุนมากตัว เราสามารถหา benchmark กับ ดัชนีหุ้นต่าง ๆ ได้ ว่า Port ของเราทำได้ดีกว่าดัชนีหรือไม่ เหมือนที่ ดร.VIM ให้ข้อเสนอแนะไว้ ผมเห็นด้วย 2. การดูความเสี่ยงของ Port การลงทุน ผมชอบดูว่า เมื่อเกิด worse case ขึ้น หุ้นใน Port ลงไปกี่ % และเมื่อตลาด Recover กลับมา upside มันขึ้นไปกี่ % สิ่งที่ผมอยากเห็นก็คือ เวลาเจอ Downside risk ให้มันลงได้ต่ำ ๆ แต่เวลามันกลับขึ้นไปเป็น Upside ให้มันขึ้นไปสูงกว่าตอนมัน Downside เป็นต้น เช่น ลงไป ขาดทุน 17000 บาทตอนต่ำสุด แต่หากขึ้นไปได้เพียง 17000 บาทสูงสุด คุณภาพของ Port ค่อนข้างต้องระวัง เพราะ downside กับ upside มันใกล้กัน แต่หากลงไป ขาดทุน 17000 บาท แต่พอมันขยับขึ้นไป มันขึ้นไปสูงได้ 68000 บาท หรือ 4 เท่าของขาลงเป็นต้น อันนี้ผมใช้ทฤษฎี convexity ของการลงทุนตราสารหนี้มาช่วยครับ ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ อัตราผลตอบแทนทบต้นจะขึ้นไปได้มากไม่ว่าจะเราจะอยู่ในภาวะตลาดแบบใด เพราะลง จะเสียน้อย แต่เวลาขึ้นจะได้มากเป็นต้น อันนี้ผมได้จาก ดันโด 555 มาเป็นแนวทางครับ การประเมินอาจไม่จำเป็นต้องประเมินเป็นรายวัน อาจประเมินทีละไตรมาส 6 เดือน หรือ 1 ปี ก็ได้ เพราะหากเราไม่ลงทุนอะไรในระยะเวลาที่สั้นเกินไปครับ 3. ไ ม่มีทฤษฎีใดที่บอกว่ากระจายการลงทุนมากผลตอบแทนจะต่ำการลงทุนน้อยตัว ยกตัวอย่าง Port อาจารย์ปีเตอร์ลินซ์ มีการกระจายหุ้นใน Port จำนวนมาก แต่ก็มีอัตราผลตอบแทนทบต้นที่สูง ๆ มาก พอกับ Port ของ ปู่บัฟเฟท ที่มีการกระจายหุ้นน้อยตัว เพราะเน้น Focus หุ้นแต่ละตัวที่สำคัญในสัดส่วนการลงทุนที่ค่อนข้างมากเป็นส่วนใหญ่ และถือครองหุ้นค่อนข้างนาน ประเด็นสำคัญผมคิดว่า อยู่ที่ Circle of competence มากกว่า เนื้อหาการลงทุน เหนือกว่า แบบแผนที่จำกัดการลงทุน ความยืดหยุ่นการลงทุนของเราจะอยู่ว่าเราเข้าใจธุรกิจที่เราลงทุนมากน้อยเพียงใด ไม่ว่ารูปแบบใด ๆ ก็ตาม เราควรมีการวางแผนการหาผลตอบแทนของหุ้นตามประเภทของหุ้นต่าง ๆ ว่าควรซื้อเมื่อใด ควรถือยาวเท่าไรด้วยเหตุผลอะไร เพื่อให้ผลตอบแทนเป็นไปตามคาดหวัง และหากไม่เป็นไปตามที่คาด เรามีแผน Exit อย่างไรครับ เป็นต้น จะลงทุนแบบใด ก็ให้เข้าใจว่าเราลงทุนมาถูกทางหรือไม่ รู้ได้อย่างไร ประเมินได้อย่างไรว่าถูกทางแล้วโดยไม่ Bias และสุดท้ายลงทุนแต่ละครั้งเรามีความสุขในการลงทุนแบบนั้น ๆ ที่ได้เห็นธูรกิจที่เราลงทุนเติบโต จ่ายปันผลให้กับเรา และ Port ของเราเติบโตตามความคาดหวังมากน้อยเพียงใดครับ พยายามวัดความก้าวหน้ากับตัวเราเองว่าเราได้พัฒนาการลงทุนมากน้อยเพียงใดครับ และเรามีความสุขยิ่ง ๆ จากการลงทุนทุกปีหรือไม่ ต้องสร้างความสมดุลย์ของเป้าหมายการลงทุน กับ ความสุขทุก ๆ การลงทุนที่เราได้รับครับ ขอบคุณ คุณ "chaitorn" มากๆเลยครับ ได้แนวทางเพิ่มขึ้นอีกมากเลยครับ...^^)
โดย
Plant
พุธ ก.ค. 23, 2014 5:02 pm
0
0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
คุณ Plant ขยันมากครับ ผมลงทุนแนว VI ขนาดถือแค่ 5 ตัว วิเคราะห์ธุรกิจเหนื่อยเลย >< ขอบคุณครับ คุณ "Saran" จริงๆแล้วมันค่อยๆเพิ่มความรู้ในธุรกิจอื่นๆเพิ่มขึ้นหนะครับ แต่ตอนนี้ก็เหนื่อยเหมือนกันครับเวลางบออกแล้วต้องมานั่งใส่งบใน Excel เพื่อวิเคราะห์ในแต่ละไตรมาส...T-T) .....^^)
โดย
Plant
พุธ ก.ค. 23, 2014 5:00 pm
0
0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
ยังงี้นะครับ ผมขอเสนอ คือ ท่านต้องการบันทึก แบบสาธารณะ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดนะครับ ไม่ต้องเบลอชื่อหุ้น ที่เหลือเบลอให้หมด ยกเว้น บรรทัดสุดท้าย ว่า กำไรหรือขาดทุนกี่เปอร์เซนต์ น่าจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อตัวท่านเอง และ ท่านผู้ชม มากสุด :roll: :roll: :roll: และก็ แสดงสัดส่วน ของการถือหุ้นในพอร์ท ด้วย ยิ่งดีครับ :mrgreen: เอาแบบนั้นเลยเหรอครับ แบบนั้นนี่มันผิดกฎของ TVI เต็มๆเลยหละครับ แค่นี้นี่ผมก็คิดว่าผมยืนอยู่บนขอบเหวลึกแล้วนะครับนี่ 555+...^^) ปล. pm มาคุยกันนี่อีกเรื่องนึงนะครับ เพราะถือว่ารู้กันแค่ 2 คน อุ๊บ!!!....
โดย
Plant
อังคาร ก.ค. 22, 2014 11:25 pm
0
1
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
ที่ผมต้องโพสพอร์ตให้เห็น เพื่อจะได้ให้เห็นผลกระทบจริงๆที่ตลาดส่งผล ต่อหุ้นในพอร์ทครับ โดยเฉพาะตอนที่ set ลงหนักๆเวลาที่เราบอกว่ามันลง ได้เป็น 100 จุดในวันเดียวเลยนะ!!! คนเรามักจะนึกไม่ออกและไม่รู้สึกถึง ความน่ากลัวนั้นเลยครับ ผมจึงเอาพอร์ตที่แดงจริงๆ ติดลบจริงๆมาให้เห็น เพื่อให้รู้สึกได้เลยว่าการซื้อหุ้นในช่วงที่ตลาดกำลังบูม แล้วอยู่ดีๆมันล่วง ลงมา มันมีความน่ากลัวขนาดไหน(หรือผมคิดไปเองคนเดียวหว่า...T-T) และผมต้องขอบคุณ พี่ๆ เพื่อนๆ ที่ให้ความห่วงใย เป็นห่วง และความหวังดี ที่แนะนำผมในเรื่องของการปรับพอร์ตโดยเน้นโฟกัสในหุ้นที่ไม่มากตัว พอที่เราจะติดตามได้ และไม่ซื้อขายบ่อยๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นครับ ต้องขอ อธิบายว่า ผมลองมองย้อนกลับไป เหมือนมันเป็นการที่ตนเองค่อยๆ พัฒนาในการเลือกซื้อหุ้นครับ เริ่มแรกผมเลือกหุ้นที่ให้ปันผลที่ดี เป็นธุรกิจที่ แข็งแกร่ง ก่อตั้งมาอย่างยาวนาน แต่ทำให้พลาดเรื่องการเติบโตของยอดขาย และกำไร และเรื่องการมองไปที่คุณสมบัติของผู้บริหาร แต่ ณ ตอนนี้ผมกำลัง ศึกษาเรื่องพวกนี้เพิ่มเติมอยู่ครับ และคิดว่าในอนาคตจะเน้นโฟกัสในหุ้นที่ดี และเรามั่นใจ บวกกับสร้างผลตอบแทนได้ดีขึ้นแน่นอนครับ(ต้องขอโทษที่มา เขียนสรุปช้า เพราะกำลังเดินทางจากโรงงานกลับมาบ้านครับ) อ้อ และเพื่อตอบแทนและขอบคุณ คุณ "miracle" ครับ ผมถือหุ้นอยู่ 9 ตัวครับ อีกตัวเป็นวอแรนท์ที่ได้ปันผลมาครับ ผมถือหุ้นอสังหา 1 ตัว โรงพยาบาล 1 ตัว อาหารและของกิน 2 ตัว และกลุ่มอุตสาหกรรม โรงงาน 5 ตัว ครับ ผมไม่ได้กระจายไปทุกกลุ่มนะครับ แค่นี้ก็ตามข่าวเหนื่อยแล้วครับ 555+....^^)
โดย
Plant
อังคาร ก.ค. 22, 2014 11:19 pm
0
1
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
รูปที่ 9,10,11,12 set 1,349 / 1,230 / 1,469 / 1,533 ช่วงนี้ผมอยากแสดงให้เห็นถึงหลักการของ VI ที่เราควรจะกล้าซื้อหุ้นที่เราประเมิน มาว่าดีแล้ว มีความมั่นใจที่จะถือและมี Mos ที่มากพอ เมื่อราคามันตกลงมา เมื่อเรา ถือมันผ่านวิกฤตไปได้ ราคาจะกลับมา ดังเช่นในรูป หุ้นในลำดับที่ 2 กับ 3 ของพอร์ท ผมกล้าที่จะซื้อถัวเฉลี่ยเพิ่มเข้าไปถึงแม้จะติดลบอยู่ถึง 20-30% และถือมาจนสามารถ จะกลับมาเป็นบวกได้ในที่สุด ซึ่งทุกๆอย่างต้องมีแผนการและเหตุผลรองรับในการเข้าซื้อ ในราคาและจำนวนต่างๆนะครับ ไม่ใช่นึกจะซื้อเฉลี่ยก็ซื้อเลยโดยไม่ดูว่าซื้อแล้วได้ผลยังไง แบบนั้นก็จะยิ่งเสี่ยงและพอร์ทจะยิ่งแดงสวยงามมากขึ้นไปอีก 555+....^^)
โดย
Plant
อังคาร ก.ค. 22, 2014 9:25 pm
0
3
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
รูปที่ 6,7,8 set 1,452 / 1,354 / 1,266 แสดงให้เห็นถึงการตกลงอย่างรวดเร็วของตลาดที่วิ่งขึ้นมาทีละ 10-20 จุดที่ต้องใช้เวลา สะสมอยู่หลายๆเดือน แต่บทจะลงๆทีละ 60-70 จุด ใช้เวลาไม่ถึง 1 อาทิตย์ก็สามารถ ลงมาต่ำเท่ากับตอนที่ก่อนจะวิ่งขึ้นไปได้แล้ว ซึ่งทำให้ผมเห็นความสำคัญของการเลือก หุ้นที่ดี แข็งแกร่งและมี Mos ที่มากพอที่จะถือผ่านวิกฤตต่างๆไปให้ได้ ซึ่งบทเรียนใน ช่วงนี้ผมต้องยอมตัด Cut Loss หุ้นออกไปในตัวที่ประเมินมาไม่ดีพอ และคิดว่าไม่สามารถ จะผ่านวิกฤตไปได้(ซึ่งในปัจจุบันกลายเป็นธุรกิจตะวันตกดินอยู่ครับ เฮ้อ! โล่งอก รอดไปเรา) และเลือกถือและซื้อเพิ่มในหุ้นที่วิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้ว ว่าสามารถถือต่อไปได้ แต่ต้อง ปรับลดCost ของตัวเองลงมาโดยการซื้อถัวเฉลี่ยหุ้นตัวเดิมครับ
โดย
Plant
อังคาร ก.ค. 22, 2014 9:12 pm
0
5
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
หลังจากกลับไปคิด ทบทวน วิเคราะห์ เกาหัว เกาหู เกาคาง(จะเกาทำไมเนี่ย!!) ดูแล้ว เห็นว่าผมน่าจะสรุปประเด็นที่ต้องการจะเสนอได้ไม่ตรงเท่าไร ผมจึงขอสรุปแบบ รวบยอดทั้งหมดใหม่อีกครั้งนะครับ รูปที่ 1,2,3,4,5 SET 1,565 / 1,468 / 1,553 / 1,606 / 1,545 แสดงให้เห็นถึงตลาดที่วิ่งขึ้น อนาคตที่สดใส แล้วทำให้เราเกิดความโลภ วาดฝัน ถึงกระทิงที่จะวิ่งขึ้นไปอย่างไม่หยุดยั้ง 55 GO!! (เอ๊ะ! ซาวคุ้นๆ) ทำให้เราเริ่มที่จะ เสี่ยงมากขึ้น ยอมซื้อหุ้นในราคาที่มี Mos น้อยลง เพราะคิดว่าตลาดยังวิ่งไปได้อีกไกล สังเกตุได้จากหุ้นที่ผมซื้อมา 300 หุ้น ในรูปที่ 2 ซื้อเข้ามาโดยประเมินราคาหุ้น ไว้ที่ 26 บาท ซึ่ง Mos บางเฉียบ และในรูปที่ 4 กับ 5 ที่กล้าซื้อหุ้นในลำดับที่ 3 ของพอร์ท โดย Mos แทบไม่มีเหลือแล้ว (ประเมินราคาไว้ที่ 11 บาท) ทำให้เข้าใจ ตัวเองว่าพอตลาดดูดี ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวมีแต่ข่าวดี ความคาดหวังที่ดีเกินไป ทำให้ตัวเราเองขาดความระมัดระวังและกล้าที่จะเสี่ยงซื้อหุ้นโดยที่ไม่เผื่อ Mos ไว้เลย
โดย
Plant
อังคาร ก.ค. 22, 2014 9:00 pm
0
4
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
ทำเบลอส่วน unrealized gain ที่เป็นตัวเงินด้วยก็ดีนะครับ เพราะไม่อย่างนั้นพอรู้ตัวเงินและพอรู้เป็น % แล้ว จะสามารถคำนวนกลับมาเป็นขนาดของพอร์ทได้ จริงด้วยครับ ตอนแรกผมลืมคิดไป ขอบคุณ คุณ "Vim" มากๆครับ...^^)
โดย
Plant
อังคาร ก.ค. 22, 2014 8:34 pm
0
0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
ขออนุญาติเตือนเบา ๆ ครับ การนำพอร์ตมาโชว์ ในบอร์ดสาธารณะ มีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ ผมกำลังคิดถึงในแง่มุมนี้อยู่เหมือนกันครับ พี่ NB ....^^)
โดย
Plant
อังคาร ก.ค. 22, 2014 12:09 pm
0
0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
แนะนำว่าลอง plot ผลตอบแทน เทียบกับดัชนี SET และ SET TRI ดูครับ จะได้เห้นว่าผลตอบแทนเราดีหรือไม่ดียังไงเมื่อเทียบกับตลาด ดังที่คุณ "miracel" บอกไว้ครับ ผมมีเป้าหมายของ Port และตัว Benchmark (ใช้ศัพท์ซะหน่อยจะได้ดูดี หุหุ) ที่เป็นของตัวเองไว้เปรียบเทียบครับ ซึ่งผลจากการประเมินอยู่ในเกณฑ์ที่ผมพอใจเป็นอย่างมากครับ แต่ในอนาคต ตัวเปรียบเทียบก็คงต้องเป็นดัชนีของตลาด ในแบบที่คุณ "Vim" แนะนำมาแน่นอนครับ ขอบคุณมากๆครับ...^^)
โดย
Plant
อังคาร ก.ค. 22, 2014 12:08 pm
0
1
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
ผมว่า คุณ Plant เข้าสร้างการลงทุนที่มีเป้าหมายเหมือนในตำราทางด้านการเงินคือ เน้นกระจายความเสี่ยงหลายบริษัท แต่ผมไม่แน่ใจว่ากระจายไปทุกอุตสาหกรรมหรือเปล่า แต่แนวทางที่สำคัญคือ เน้นที่ลงทุนน้อยตัว และเราเข้าใจกิจการในตัวที่เราเลือกลงน้อยๆตัวเหล่านั้น ไม่ว่าแนวทางการลงทุนแบบไหน ก็ย่อมตอบโจทย์คนที่สร้าง Port การลงทุนของเขาเอง ว่าต้องการอะไร น้อยตัวก็ย่อมมีความเสี่ยงเพิ่มมากว่าลงทุนหลายตัว ในเรื่องกระจายความเสี่ยง ทั้งในด้านความผันผวนและขาดทุน แต่ในเมื่อความเสี่ยงมันมากขึ้น แล้วไซร้ ผลตอบแทนมันก็มากตาม อันนี้ตามตำราที่ใช้งานกัน ความผันผวนแทนด้วยตัว ซิกม่า ส่วนผลตอบแทนแทนด้วยตัวผลตอบแทนเฉลี่ยที่ Port การลงทุนนั้นสามารถทำได้ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรถูกหรือผิดในเรื่องของการนำเอาไปใช้ปฏิบัติครับ มันคือ ศาสตร์และศิลปะในการลงทุน ศาสตร์คือความรู้ความเข้าใจในการลงทุน ศิลปะคือการปรุงรสการลงทุนให้เหมาะกับความรู้ของเราที่มี :) ขอบคุณ คุณ "miracel" ที่เข้าใจผมครับ...T-T) .....^^)
โดย
Plant
อังคาร ก.ค. 22, 2014 12:00 pm
0
0
Re: งานสังสรรค์ VI Q2/57 "แก่นวีไอ ลงทุนได้ทั่วโลก"
Plant / สมาชิกสมาคม / 1 ที่นั่ง / 1,170.10 / Kbank / 22-07-2014 / 10:05 น.
โดย
Plant
อังคาร ก.ค. 22, 2014 10:09 am
0
0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
ขอบคุณ คุณ "canuseeme" ครับ...^^) ผมตั้งใจจะไม่ให้มองไปที่จำนวนเงินในพอร์ทของผมนะครับ เอ๊ะ!...หรือว่ารู้กันหมดแล้วหว่า 555+...*0*!!)
โดย
Plant
จันทร์ ก.ค. 21, 2014 11:30 pm
0
0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
ขอบคุณ คำแนะนำของคุณ "Linzhi" ครับ คือ ต้องบอกก่อนว่า โพสอันนี้ผมตั้งใจที่จะเอาไว้ดูการขึ้นลงของ Set กับผลกระทบของอารมณ์ของคนในตลาด และสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นครับ ว่าจะมีผลกระทบต่อหุ้น ต่อพอร์ท ของผมเป็นยังไงบ้าง แต่หากเป็นการทบทวนเกี่ยวกับตัวหุ้นโดยตรงเลย ผมจะดูแบบเดียวกับที่คุณ "Linzhi" แนะนำครับ ว่าเราคิดถูก หรือคิดผิดตรงไหนตอนที่เราซื้อมา แล้ว ณ ปัจจุบันจะทำยังไงต่อ ซื้อเพิ่ม ถือ หรือขาย ซึ่ง ณ ปัจจุบันผมกำลังดูผลงาน ของผู้บริหารของหุ้นที่ติดลบ 30% กับ ติดลบ 13% ในพอร์ทครับ ส่วนตัวอื่น ผมยังมั่นใจในตัวผู้บริหารอยู่ครับ (เกริ่น นิดนึงนะครับ ตัวติดลบ 13% ลงทุนก่อสร้าง โรงงานเพิ่ม และลงทุนโรงงานใหม่ที่จีนครับ ส่วนตัวที่ลบ 30% เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ ธุรกิจทีวีดิจิตอล ราคาเลยดิ่งครับ)....^^)
โดย
Plant
จันทร์ ก.ค. 21, 2014 9:12 pm
0
1
Re: วินัย/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ
ขอบคุณครับ ผมกำลังวางแผนจะทำให้บริษัทของผมเป็นแบบข้อ 6 และ ข้อ 7 อยู่พอดีเลยครับ...^^)
โดย
Plant
จันทร์ ก.ค. 21, 2014 11:59 am
0
0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
พอร์ทขนาดนี้มีหุ้นถึง10ตัว ผมว่ามากเกินไป ในความเห็นส่วนตัวผมว่า3ตัวก็พอแล้ว ถือหุ้นหลายตัวเกินไปกลายเป็นเบี้ยหัวแตก ตัวที่วิเคราะห์ถูกก็ได้กําไรนิดเดียว ตัวที่ผิดก็ฉุดกําไรลง เลือกที่ดีที่สุด3-4ตัวก็พอแล้ว พอร์ทผม8หลักมีหุ้นแค่6ตัว 3ตัวแรกรวม70%ของพอร์ท และอย่าซื้อขายบ่อยเกินไป ปีนี้ผมเพิ่งซื้อและขายหุ้นอย่างละ1ครั้ง สุดท้ายอย่าลืมเติมเงินในพอร์ทบ่อยๆเท่าที่จะทําได้ ลองอ่านวิธีลงทุนตอนพอร์ทยังเล็กของคุณโจลูกอีสานมีประโยชน์มาก สนุกกับการลทุนครับ :mrgreen: ขอบคุณ คำแนะนำของ คุณ "drsp" มากๆครับ ผมจะพยายามปรับพอร์ทให้เหมาะสมครับ....^^)
โดย
Plant
อาทิตย์ ก.ค. 20, 2014 7:13 pm
0
0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
วันที่ 18-07-2014 SET 1,533 จุด และแล้วเมื่อทุกอย่างคลี่คลาย คนเริ่มหายการกังวลเรื่องการเมือง ตลาดก็กลับ มาถึง 1,500 จุด เหมือนเมื่อครั้งที่ผมโพสรูปครั้งแรกครับ(แต่พอร์ตยังไม่เขียว ชอุ่มเหมือนครั้งแรก...T-T) ซึ่งในเวลานี้หุ้นที่ผมเคยถือเพราะมี MOS บางตัว MOS เริ่มหายไปจึงขาย ทำกำไร(หุหุ) และซื้อเพิ่มในตัวที่มั่นใจเหมือนเช่นเคยครับ ข้อสังเกตุ : ช่วงนี้กำลังมีหุ้นจ่อเข้า IPO เพิ่มมากขึ้นเหมือนเช่นเคย แต่ยังจดๆจ้องๆอยู่ คงรอเวลาที่เหมาะสมที่จะเข้ามาในตลาด คงต้องติดตามกันต่อไปครับ....^^)
โดย
Plant
อาทิตย์ ก.ค. 20, 2014 9:06 am
0
2
Re: การตรวจสอบตนเอง
การลงทุนขั้นสุดท้าย คือ "การตัดสินใจ" ครับ...^^) ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนอะไรผมจะประเมินความเสี่ยงต่างๆ ในทุกๆด้านที่เราพอจะนึกได้ และวางแผนการป้องกันหรือลดผลกระทบต่างๆที่เราจะต้องเจอให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งมันไม่มีทางที่ความเสี่ยงจากการลงทุนจะหมดไป การที่เรากังวล ก็คือการกังวล ว่าสิ่งที่เราคาดหวังไว้จะไม่เป็นไปตามที่เราคิด ดังนั้น เมื่อมาถึงขั้นตอนสุดท้าย คือ การตัดสินใจว่า จะลงทุนหรือไม่ลงทุน ผมจะมองที่ความเสี่ยงสูงสุดที่จะเกิดขึ้น ครับว่าเรายอมรับความเสียหายตรงนั้นได้ไหม ถ้ายอมรับได้ก็จะตัดสินใจลงทุน และคอยติดตามการลงทุนนั้นๆอย่างไกล้ชิด ครับ ถ้าเปรียบกับลงทุนในหุ้น ผมจะคิดอยู่เสมอครับ ว่า ถ้าเงินที่เราลงทุนในหุ้น ทั้งหมดมีค่าเหลือ 0 บาท มันจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ ของเราและครอบครัวครับ ดังนั้น ผมจึงตัดความกังวลของการสูญเสียเงิน ในหุ้นได้ครับ...^^)
โดย
Plant
ศุกร์ ก.ค. 18, 2014 7:56 pm
0
4
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
ความสุขในการลงทุนของผมตอบแบบดูดีหน่อยก็คือชอบที่เวลาเราไปประชุม ผู้ถือหุ้น ไปเจอผู้บริหาร แล้วก็นั่งฟังและมองอย่างภาคภูมิใจว่า " แหมะ!! เราเลือกไม่ผิดคนจริงๆ " หุหุ...^^) ส่วนข้อที่เป็นความสุขส่วนตัว คือ เวลาไปคุยกับคนอื่นก็สามารถพูดได้เต็มปาก ว่า " ผมลงทุนหุ้นแบบ VI " แล้วก็มีความสุขที่ได้คุยกับคนอื่นเรื่องหุ้นได้ครับ หากผมไม่ได้ลงทุนหุ้น ก็คงจะคุยกับคนอื่นๆไม่ได้ในเรื่องนี้ คงได้แต่นั่งหงอย และฟังแบบเงียบๆ...T-T) อ้อ สุดท้าย คือ มีความสุขทุกครั้งที่ได้ไปเดินดูธุรกิจของหุ้นแต่ละตัว ทั้งที่เราสนใจ หรือว่าถืออยู่ครับ ตัวที่สนใจก็จะได้ไปหาข้อมูล สอบถามพนักงาน สังเกตุลูกค้าที่ใช้บริการ และไปส่องดูวิธีการทำงานของเขา ส่วนตัวที่ถืออยู่เวลาไปดูก็รู้สึกภูมิใจแบบเจ้าของ เวลาเห็นของขายหมด แล้วก็มีของใหม่มาเติม รู้สึกปลื้ม ปิติ ยิ่งนัก (แต่เราไม่ยักจะหยิบ ซักถุงแฮะ 555+...แป่ว...) ประมาณนี้ครับ...^^)
โดย
Plant
พุธ ก.ค. 16, 2014 12:49 am
0
3
Re: มีใครเคยอ่านหนังสือ Buffettology บ้างครับผมมีเรื่องสงสัย
ผมไม่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้นะครับ แต่เคยได้เล่าเรียน(จากการไปสมัครคอร์สเรียน ตามที่ต่างๆ) เกี่ยวกับวิธีนี้มาบ้าง ในความเห็นของผม ตอบคำถามก่อน คิดว่าการใช้วิธีนี้จะสามารถคาดการณ์อนาคตได้อย่างแม่นยำหรือไม่ครับ? มันแน่นอนอยู่แล้วครับว่าไม่มีวิธีไหนที่ใช้ได้แม่นยำ ถูกต้อง 100% ครับ ตามความคิด ความเข้าใจของผม การที่เราต้องใช้ข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี เพราะเป็นการ เผื่อช่วงของธุรกิจที่จะมีทั้งช่วงขึ้นและลง หากใช้น้อยไปอาจจะไปอยู่ในช่วงไหน ช่วงหนึ่ง จึงใช้ย้อนหลังอย่างน้อย 10 ปี เพื่อดูว่าวิกฤตที่ผ่านมาบริษัทปรับตัวได้แค่ไหน สร้างผลกำไรได้มากน้อยต่างกับช่วงที่เศรษฐกิจดีๆ แล้วมาหาค่าเฉลี่ยประมาณไปในอนาคต เผื่อเจอวิกฤตอีก แต่สำหรับผมมันมีจุดสงสัยอยู่ว่า แล้ววิกฤตที่บริษัทผ่านมาได้แล้วมาใช้ประเมิน มันเป็นวิกฤตที่กระทบกับบริษัทมากน้อยแค่ไหน หากไม่มากแล้วเอากำไรตอนนั้นมา ประเมินในอนาคตแล้วเกิดบริษัทไปเจอวิกฤตร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับบริษัทโดยตรง ตัวเลขที่เราเคยประเมินมันจะไม่มากไปหรือ??? ดังนั้น ผมจึงให้น้ำหนักความสำคัญในเรื่องของตัวผู้บริหาร และรูปแบบธุรกิจเป็นสำคัญ มากขึ้นในการประเมินกำไรครับ โดยลดความสำคัญของตัวเลขผลการดำเนินงานย้อน หลังลง จาก 10 ปี เหลือเพียง 3-5 ปีครับ (จริงๆคือขี้เกียจคำนวนเยอะ แต่ไม่ใช่ไม่สนใจนะครับ555+) ....^^)
โดย
Plant
อังคาร ก.ค. 15, 2014 4:44 pm
0
4
Re: เปิดจองสัมมนา Money Talk@SET ก.ค. 57 - 100 ที่นั่ง
จอง 1 ที่ครับผม ...^^)
โดย
Plant
พุธ ก.ค. 09, 2014 3:09 pm
0
0
430 โพสต์
of 9
ต่อไป
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
Plant
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พฤหัสฯ. ส.ค. 23, 2012 10:13 am
ใช้งานล่าสุด:
ศุกร์ ต.ค. 25, 2019 7:41 pm
โพสต์ทั้งหมด:
667 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.03% จากโพสทั้งหมด / 0.15 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว