หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
KHOBJAI
Joined: จันทร์ ต.ค. 29, 2012 4:46 pm
197
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - KHOBJAI
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: คนที่ถึงอิสระภาพทางการเงินแล้ว วันๆกระดิกเท้ารับปันผล ช
ต้นเหตุของทุกข์คือการยึด น่าจะสรุปเร็วไปหน่อย :mrgreen: พวกเรานึกออกหรือยังว่า เจริญสติปัฏฐานแล้วทำไมรู้แจ้งอริยสัจ ถ้าเจริญสติปัฏฐาน มีสติ มีปัญญา รู้กายเวทนาจิตธรรม ย่อลงมาก็คือรูปธรรมนามธรรมนั้นแหละ รูปธรรมนามธรรมนี้ เราจะแจกแจงออกไปในลักษณะของขันธ์ ๕ ก็ได้ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นส่วนนาม นามธรรม ตัวรูปขันธ์ ก็เป็นรูปธรรรม แจกแจงเป็นอายตนะ ๖ ก็ได้ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็เป็นรูปธรรม ใจเป็นนามธรรม แจกแจงไปได้หลายแบบนะ เป็นธาตุ ๑๘ ธาตุ อินทรีย์ ๒๒ อย่าง หรือปฏิจจสมุปบาท ๑๒ + ๑๒ เป็น ๒๔ รวมความนะ มันก็คือรูปธรรมนามธรรม การที่เรารู้ความจริง เรียนรู้ความจริงของรูปธรรมนามธรรม ก็คือการรู้ทุกข์นั่นเอง ว่าสิ่งที่เรียกว่าทุกข์ในคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น ท่านบอกว่า “สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา” ว่าโดยสรุป ขันธ์ทั้ง ๕ เป็นตัวทุกข์ การที่เราเจริญสติปัฏฐานนั้น เราก็รู้ความจริงของขันธ์ทั้ง ๕ เรียกเรา “รู้ทุกข์” นั่นเอง ก็เท่ากับเราได้ปฏิบัติใน “กิจต่อทุกข์” เรียบร้อยแล้ว การที่เรา “รู้ทุกข์อย่างแจ่มแจ้ง” ว่าขันธ์ ๕ เนี่ยเป็นตัวทุกข์ เมื่อรู้ว่าขันธ์ ๕ เป็นตัวทุกข์อย่างแจ่มแจ้งแล้ว กิจที่ ๒ คือการ “ละสมุทัย” จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ทันทีที่ รู้ทุกข์ ขณะนั้นแหละ ละสมุทัย เราละ สมุทัย ละความอยากเนี่ย ด้วยการ รู้ทุกข์ สมุทัยคือตัวตัณหา ตัวความอยาก เป็นเหตุให้เราเข้าไปหยิบฉวยเอารูปธรรมนามธรรม หรือขันธ์ ๕ นี้ซึ่งเป็นตัวทุกข์ เอามากอดเอาไว้ มากกไว้ เอามาครอบครองไว้ กลายเป็นไปหยิบฉวยเอาตัวทุกข์ขึ้นมา ความอยากนี้แหละทำให้เราไปหยิบฉวย เอารูปธรรมนามธรรมขึ้นมาไว้กับตัวเอง ก็เลยนำความทุกข์เข้ามาสู่จิตใจ ถ้ามีสติมีปัญญามากพอ รู้ความจริงว่าขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ จะไม่เกิดความอยากที่จะไปหยิบฉวยมันเข้ามา ไม่มีการเข้าไปครอบครองรูปนามขันธ์ ๕ ก็เท่ากับไม่หยิบฉวยเอาตัวทุกข์เข้ามาไว้กับตัวเอง งั้นรู้ทุกข์เมื่อไหร่ ก็ละสมุทัยเมื่อนั้น ละสมุทัยเมื่อไหร่ก็แจ้งนิโรธ คือแจ้งพระนิพพานเมื่อนั้น เพราะพระนิพพานนั้นเป็นสภาวะที่สิ้นตัณหา สิ้นตัวสมุทัยแล้ว จิตใจก็เข้าถึงความสงบระงับ พระนิพพานนั้นคือสันติ คือความสงบ สงบจากอะไร? สงบจากกิเลส สงบจากกิเลสทั้งหลาย สงบจากตัณหา สงบจากความยึดถือ สงบจากสังขารคือความปรุงแต่งทั้งหลายทั้งปวง ทั้งที่เป็นรูปธรรมนามธรรมนี่เป็นตัวสังขารทั้งหมด สงบจากการดิ้นรนปรุงแต่ง ไม่ปรุงแต่งก็พ้นจากภพ ภพก็คือความปรุงแต่งของจิต งั้นนิพพานนะ เมื่อไหร่สิ้นตัณหา รู้ความจริงของขันธ์ ก็จะสิ้นตัณหา เมื่อสิ้นตัณหา ก็ไม่สร้างภพ ไม่ดิ้นรนปรุงแต่งขึ้นมา ก็พ้นจากภพกันตรงนั้นเอง พ้นจากความทุกข์กันตรงนั้นเอง งั้นถ้าคนถามเราว่านิพพานมีลักษณะยังไง ก็ตอบเค้าไปตรงๆ นิพพานมีสันติลักษณะ มีลักษณะสงบ สงบจากอะไร? สงบจากกิเลสตัณหา สงบจากความดิ้นรนปรุงแต่ง สงบจากอะไรอีก? สงบจากรูปนามขันธ์ ๕ พ้นจากรูปนามขันธ์ ๕ นิพพานมีอยู่แล้ว แต่ว่าเราไม่รู้ เราไม่เห็น เพราะจิตเรามีความอยาก จิตเรามีกิเลส จิตเรามีความดิ้นรนปรุงแต่ง เราเลยไม่สามารถจะเห็นสภาวะที่พ้นความปรุงแต่งได้ ขณะใดที่จิตเราหมดตัณหาหมดกิเลสนะ เมื่อสิ้นตัณหาก็สิ้นความปรุงแต่งของจิตด้วย พระนิพพานคือสภาวะที่สิ้นตัณหาสิ้นความปรุงแต่ง ก็จะปรากฏขึ้นให้รับรู้ในขณะนั้นเลย งั้นเมื่อไรรู้ทุกข์ เมื่อนั้นแหละละสมุทัย เมื่อใดละสมุทัย เมื่อนั้นแหละแจ้งนิโรธ เห็นพระนิพพาน การที่เรารู้ทุกข์ ละสมุทัย แจ้งนิโรธ ในขณะนั้นน่ะคือขณะแห่งอริยมรรค งั้นการที่เรารู้ทุกข์ ละสมุมัย แจ้งนิโรธ เจริญมรรคเนี่ย กิจกรรมทั้ง ๔ เนี่ยทำเสร็จในขณะจิตเดียวกัน ในแวบเดียว ในพริบตาเดียวนั้นเอง ก็ข้ามพ้นจากความทุกข์ไปได้ ธรรมะอย่างนี้นะธรรมะประณีต ลึกซึ้งมาก ต้องภาวนา ถ้าภาวนาเราอยากแค่มีทุกข์น้อยๆ ก็เอาแค่โสดาบัน สกทาคามี เรายังติดใจในกาม ยังห่วงเมีย ห่วงสามี ยังอะไรต่ออะไรอยู่นะ ห่วงทรัพย์สมบัติอยู่ เอาโสดาบัน สกทาคามี ก็พอ ถ้าถึงขึ้นอนาคามีเนี่ยมันพ้นจากกามไป จากปุถุชนเนี่ย ขึ้นไปเป็นพระโสดาบันยากมากนะ คนจำนวนมากอยากได้ แต่มันไปไม่ถูก ที่รู้ทางที่ถูกแล้วก็ขี้เกียจปฏิบัติ ถ้ารู้ทางถูกแล้วขยันปฏิบัตินะ มันก็เป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามีอะไร ไม่ยาก ทีนี้คนส่วนใหญ่มันติดในความสุข ความหลงโลกอะไรอย่างนั้นไป ไม่ยอมภาวนา ถ้าเราภาวนาเนี่ย พระโสดาบัน พระสกทาคามี ไม่ใช่เรื่องยากเกินวิสัยมนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเรา จะทำได้ ไม่ต้องละอะไรมากนะ รักษาศีล ๕ ไว้ มีสติ รู้เนื้อรู้ตัว ให้จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัวไว้ อย่าให้มันฟุ้งซ่านเลื่อนลอยไป รู้สึกตัวบ่อยๆ นั่นแหละเรียกว่ามีสมาธิ มีสติ มีสมาธิ รักษาศีลไว้ คอยดูกายทำงาน ดูใจทำงาน เห็นกายกับใจแยกออกจากกัน เห็นความสุขทุกข์ แยกออกจากร่างกาย แยกออกจากจิตใจ เห็นความปรุงดีปรุงชั่ว เช่นความโลภความโกรธความหลงทั้งหลายเนี่ย แยกออกจากจิตใจ แยกออกเป็นส่วน ๆ ๆ ไป แต่ละอันเนี่ยทำหน้าที่ของมันไป แต่ละอันก็เกิดดับไป เนี่ยฝึกดูอย่างนี้ ๗ วัน ๗ เดือน ๗ ปีนะ ก็จะได้ธรรมะขึ้นมา ถ้าบารมีมากก็เป็นพระอรหันต์ บารมีลดลงมาก็ได้อนาคามี สกทาคามี เป็นพระโสดาบัน เป็นลำดับไป ก็พากเพียรเข้า รักษาศีล ๕ ไว้ ฝึกจิตใจให้อยู่กับเนื้อกับตัว อย่าฟุ้งซ่านเลื่อนลอยไป รู้ตัวบ่อยๆ ถัดจากนั้นดูกายทำงาน ดูใจทำงาน ทำอย่างนี้แหละ ให้เวลากับการรู้กายรู้ใจให้เยอะๆหน่อย มรรคผลอะไรไม่ใช่เรื่องเหลือวิสัยที่ฆราวาสจะทำได้ สมัยพุทธกาล ฆราวาสไม่ได้จีเนียสกว่าพวกเรานะ คนสมองมันก็พอๆกันแหละ มีงานศึกษาอันหนึ่งเคยอ่าน พวกหมอนั่นแหละศึกษาบอก คนสมัยโรมันสมัยกรีกนะ กับคนยุคนี้สมองพอๆกัน ไม่รู้ไปขุดสมองโรมันมาดูได้ไงนะ คนสมัยพุทธกาล กับยุคเรา ก็พอๆกันแหละ ไม่ได้โง่ ไม่ได้ฉลาดกว่ากันน่ะ เค้าทำได้ เราก็ต้องทำได้ มีมือมีตีนเหมือนกันนะ มีใจเหมือนกัน ต้องทำเอาให้ได้ รักษาศีล ๕ ไว้ ฝึกจิตใจให้อยู่กับเนื้อกับตัว แล้วก็ดูกายทำงาน ดูใจทำงานไปเรื่อยๆ วันหนึ่งก็เข้าใจ เราดูกายดูใจทำงานมากๆ ในที่สุดก็เข้าใจความเป็นจริงของกายของใจ ว่ากายนี้ใจนี้ไม่ใช่ตัวเรา กายนี้ใจนี้เป็นตัวทุกข์ ถ้าเข้าใจในระดับที่เห็นกายนี้ใจนี้ไม่ใช่ตัวเรา ก็เป็นพระโสดาบัน ถ้าเข้าใจความจริงระดับที่ว่ากายนี้ใจนี้เป็นตัวทุกข์ จะเป็นพระอรหันต์นะ สวนสันติธรรม วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม 2555 หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
โดย
KHOBJAI
อังคาร ส.ค. 22, 2017 1:17 pm
0
2
Re: คนที่ถึงอิสระภาพทางการเงินแล้ว วันๆกระดิกเท้ารับปันผล ช
ในความเห็นส่วนตัวผม มีปัจจัยสำคัญ3ข้อที่ต้องพิจารณาก่อนเลิกทำงานประจำ คือ 1.งานที่ทำอยู่มีคุณค่าความหมายกับชีวิตของคุณไหม และคุณมีความสุขในการทำงานไหม ถ้าคำตอบคือใช่ทั้ง2ข้อ คุณก็ไม่มีเหตุผลที่จะเลิกทำงานประจำ หมอหลายคนรวยมหาศาลแต่ยังทำงานอย่างหนักแทบทุกวัน ถ้าไปบอกศิลปินบางคนว่าคุณรวยแล้ว เลิกวาดภาพเถอะ เขาอาจตอบว่าผมเกิดมาเพื่อทำสิ่งนี้ แต่ถ้างานของคุณเต็มไปด้วยความเครียดและเป็นทุกข์ และเหตุผลเดียวที่คุณทำอยู่คือเงิน คุณก็ควรรีบวางแผนเปลี่ยนงานหรือเลิกทำงานประจำเสีย 2.พอร์ทคุณต้องใหญ่พอ เงินปันผลอย่างเดียวต้องมากกว่าค่าใช้จ่ายประจำของครอบครัว อย่าคาดหวังว่าจะทำกำไรได้ทุกปีและเอากำไรมาเลี้ยงครอบครัว เพราะไม่เช่นนั้นคุณไม่เพียงเอาความเสี่ยงมาสู่ตัวเองแต่รวมถึงครอบครัวและคนที่คุณรักด้วย ในความเห็นผม ถ้าพอร์ทเล็กกว่า20ล้าน อย่าคิดลาออกเลย ยกเว้นว่าคุณตัวคนเดียวและค่าใช้จ่ายรายเดือนต่ามากๆ 3.คุณต้องวางแผนว่าจะใช้เวลาว่างจำนวนมากอย่างไร ถ้าคุณมีแผนการและสิ่งที่ตั้งใจจะทำอยู่มาก คุณอาจไม่รู้สึกว่ามีเวลาว่างเลย แต่ถ้าคุณไม่มีอะไรจะทำและมีเวลาว่างมากมาย ชีวิตคุณจะน่าเบื่อและเป็นทุกข์อย่างมาก ผมเป็นหมอที่ลาออกจากงานประจำตอนอายุ50กว่า จริงๆผมชอบอาชีพหมอมาก ได้ช่วยเหลือคน ได้เงิน ได้รับความเคารพให้เกียรติ แต่ก็เต็มไปด้วยความเครียด ความเหนื่อยล้าหลายๆครั้งต้องอดหลับอดนอน รวมทั้งความเสี่ยงจากการฟ้องร้องที่มากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเป็นหมอมา20กว่าปี รู้ตัวว่าหมดไฟในการทำงานและการตื่นไปทำงานแต่ละวันเป็นเรื่องยากขึ้น ผมจึงลาออกมาได้3ปีกว่าแล้ว สิ่งที่ผมได้รับจากการลาออกคือ 1.อิสรภาพในชีวิตที่ไม่ต้องรับคำสั่งจากใครอีกเลย ตอนเป็นหมอผมแทบไม่เคยกินข้าวเที่ยงหมดจาน โดยไม่ถูกตาม แม้แต่เข้าห้องน้าก็ยังถูกตาม ผมจึงรู้สึกเป็นสุขแทบเหมือนขึ้นสวรรค์ ที่ได้อิสรภาพของชีวิตกลับมา เหตุผลข้อนี้ข้อเดียวสำหรับผมก็เกินคุ้มแล้วสำหรับการลาออก 2.สุขภาพดีขึ้นเป็นอย่างมาก ปัจจุบันผมเข้าฟิตเนสครั้งละ3ชั่วโมงอาทิตย์ละ3วัน ตอนเป็นหมอผมอ้วนลงพุงหนั80กว่ากิโล เป็นความดันและเริ่มเป็นเบาหวานขั้นแรก 3ปีนี้ผมลดน้าหนักได้12กิโลโดยไม่ค่อยได้ควบคุมอาหารเท่าไหร่ เพื่อนที่นานๆเจอทีบอกว่าหุ่นดีขึ้นและหน้าอ่อนลง ปัญหาสุขภาพต่างๆหายไปหมด 3.มีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น ลูกผมเรียนอ่อนได้เกรดแค่1.9 เนื่องจากติดเกมและผมไม่ได้เคี่ยวเข็นเท่าที่ควร ผมรู้สึกรับไม่ได้จึงติวหนังสือลูกเองทุกวัน ใช้เวลาปีกว่าเกรดลูกขึ้นมา3.4 รวมทั้งมีเวลาพาครอบครัวกินเทียวไปต่างประเทศมากขึ้น 4.มีเวลาทำสิ่งที่ชอบมากขึ้น ผมมีเวลาศึกษาหุ้นมากขึ้นทำให้เข้าใจธุรกิจมากขึ้น รู้จักหุ้นใหม่ๆมากขึ้น และรู้สึกมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น ผมชอบอ่านหนังสือและดูหนัง 3ปีนี้ผมอ่านหนังสือเป็นร้อยเล่ม ดูหนังเป็นร้อยเรื่อง โดยสรุปคือผมมีชีวิตที่มีความสุขขึ้นมากมายหลังลาออกจากงานประจำ และไม่เคยเสียใจกับการตัดสินใจเลยสักนาที แต่ยอมรับว่าเบื่อและเหนื่อยกับการตอบคำถามซ้าๆจากผู้คนที่รู้จักแทบทุกคนว่าลาออกทำไม สิ่งเดียวที่รู้สึกเสียดายคือผมเริ่มลงทุนแนววีไอตอนอายุ40กว่า ซึ่งช้าไปมาก ถ้าผมเริ่มต้นเร็วกว่านี้ ผมน่าจะได้อิสรภาพทางการเงินมาเนิ่นนานแล้ว หวังว่าสิ่งที่เล่ามาจะเป็นประโยชน์กับหลายๆท่านที่อยู่ระหว่างวางแผนและตัดสินใจ ขอบคุณDr.sp มากครับ ทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น
โดย
KHOBJAI
เสาร์ เม.ย. 01, 2017 11:02 pm
0
1
Re: คนที่ถึงอิสระภาพทางการเงินแล้ว วันๆกระดิกเท้ารับปันผล ช
พระพุทธเจ้ามุ่งเน้น อริยสัจ คือการมองให้เห็นทุกข์ และรู้ว่าต้นเหตุของทุกข์คือ การยึด ทางแก้คือ การไม่ยึด สำหรับเครื่องมือที่ใช้คือ การภาวนาเจริญสติ เพื่อให้รู้ว่าจิตในขณะนั้นหลงไปยึดกับสภาวะใดอยู่ เช่น รู้ว่าจิตกำลังเศร้า กลัว กังวล แม้แต่สุขก็ตามที เมื่อรู้สภาวะ จากนั้นให้พิจารณาสภาวะนั้นๆเข้าสู่ลักษณะ 3 ประการ (ไตรลักษณ์) เรียกว่าเดินปัญญา รู้ว่าทุกสภาวะล้วนไม่เที่ยง เกิดดับ ไม่มีตัวตนที่แท้จริง ไม่สามารถเข้าไปยึดอะไรได้ เมื่อเกิดปัญญารู้เท่าทันขึ้นบ่อยๆ จนกลายเป็นความเคยชิน จะเห็นว่าอะไรจำเป็นจริงๆกับชีวิต อะไรที่ไม่จำเป็นกับชีวิต ชีวิตก็จะดำเนินไปอย่างเหมาะสมด้วยตัวมันเอง สมบูรณ์ ในทุกๆด้านภายใต้ปัญญา แม้แต่ด้านการลงทุนก็จะทำได้อย่างเหมาะสม วางการลงทุนเป็นเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิต ผมเองไม่ได้มีผลตอบแทนที่มากมาย แต่ถือว่าพอ พอที่จะเลือกเดินตามเส้นทางที่ตรงกับแก่นสาร สำคัญของตัวเราจริงๆ
โดย
KHOBJAI
พฤหัสฯ. มี.ค. 30, 2017 1:56 pm
0
10
Re: ยอดขายมาม่าไม่สูงขึ้น เดี๋ยวนี้คนรายได้น้อยเขากินอะไรแทน
น่าจะเกิดจากมีสินค้าทดแทน และเราถูกสอนมาว่ามันไม่ค่อยมีคุณค่า เมื่อก่อนสะดวกสุดเพียงใช้กาน้ำร้อน ปัจจุบันไมโครเวฟราคาจับต้องได้ ใช้ได้หลากหลายมาแทน ร้านสะดวกซื้อที่เข้าถึงได้ง่าย แต่ถ้าบ้านนอกจริงๆ ก็ยังนิยมกันอยู่
โดย
KHOBJAI
อังคาร ม.ค. 26, 2016 10:41 pm
0
1
Re: อยากสอบถามความเสี่ยงของห้างสรรพสินค้าครับ
มีข้อสงสัยและมองไม่ทะลุว่า ในอนาคตพฤติกรรมรูปแบบการซื้อของผ่านห้างจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เท่าที่เดินห้าง ส่วนใหญ่แล้วแผนกที่ลูกค้าใช้บริการมากมักจะเป็นร้านอาหารและดูแล้วน่าจะดีไปอีกนาน ส่วนสินค้าบริการอื่นๆเมื่อมีความก้าวหน้าเทคโนโลยีมากขึ้น น่าจะมีผลต่อรูปแบบการบริโภคที่เปลี่ยนไป(ซึ่งคงค่อยๆเปลี่ยน) อาจมีผลกระทบต่อธุรกิจแบบเดิมๆ และส่งผลต่อการดำเนินงานของห้างได้
โดย
KHOBJAI
ศุกร์ เม.ย. 24, 2015 4:01 pm
0
3
Re: หลุดจากอิสระภาพทางการเงิน... แต่ติดกับดักอย่างอื่นแทน !
สิ่งที่จำเป็นจริงๆกับชีวิต มักไม่แพง ความสุขที่แท้จริง แทบไม่ต้องจ่าย
โดย
KHOBJAI
จันทร์ มี.ค. 30, 2015 1:09 pm
0
4
Re: ปรัชญา VI จากหนังสือลงทุน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ขอบคุณอาจารย์มากๆครับ ที่ทำให้มีความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อแนวทางการลงทุนเน้นคุณค่า
โดย
KHOBJAI
จันทร์ ธ.ค. 15, 2014 6:34 pm
0
0
Re: การลงทุนในที่ดินมีแต่ราคาสูงขึ้น จริงหรือครับ ?
หากเรามีปันผลในระดับที่ใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัยแล้ว เช่น ใช้ไม่เกิน 10-20%ของปันผล การลงทุนในที่ดินในที่ที่มีอนาคตก็สามารถให้ผลตอบแทนในอัตราทบต้นที่ดีไม่น้อยไปกว่าหุ้นอยู่เหมือนกัน
โดย
KHOBJAI
อาทิตย์ ธ.ค. 14, 2014 3:26 pm
0
0
Re: สมาชิกใหม่ รบกวนขอความรู้
1 ตั้งเป้าหมายพร้อมกับความปราถนาอย่างแรงกล้าที่จะรู้ให้ได้ 2 ทุ่มเทดำเนินการอย่างถึงที่สุดที่จะรู้ 3 พร้อมกับเชื่อมั่นว่าต้องทำได้ แล้วคำตอบก็จะค่อยๆเผยออกมา
โดย
KHOBJAI
พฤหัสฯ. ก.ค. 24, 2014 5:17 pm
0
3
Re: Part3 วิถีนักลงทุนหุ้น พี่ OutOfMyMind
ขอบคุณครับ สำหรับความรู้ดีๆ
โดย
KHOBJAI
อังคาร ก.ย. 24, 2013 4:40 pm
0
1
Re: การทำใจยามหุ้นตก/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ชอบครับ "คิดเสียว่ามันเป็นตัวเลขที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ โดยที่เราไม่เคยได้ใช้มัน ตราบใดที่ถึงเวลารอบบัญชีแล้วมีเม็ดเงินจากเงินปันผลเข้ามาในบัญชีเงินฝากของเรามากเหลือเฟือที่จะใช้จ่ายในชีวิตของเรา ทุกอย่างก็ o.k."
โดย
KHOBJAI
อาทิตย์ ก.ย. 01, 2013 10:57 pm
0
1
Re: Meeting ภาคเหนือตอนล่าง #6 ที่พิษณุโลก
ลงชื่อ 2 ที่ ขอบคุณครับ
โดย
KHOBJAI
ศุกร์ ส.ค. 30, 2013 9:01 pm
0
2
Re: แรงปรารถนา/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
เข้าใจ basic instinct อย่างลึกซึ้ง การลงทุนที่เข้าใจ สัญชาตญาณของมนุษย์
โดย
KHOBJAI
อาทิตย์ มิ.ย. 30, 2013 9:11 pm
0
0
Re: Settrade ทำไมมีข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี
ขอบคุณครับ ที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น
โดย
KHOBJAI
อังคาร พ.ค. 28, 2013 1:54 pm
0
0
Re: อ่านงบการเงินเป็นใน 3 ชั่วโมง/likestock
[quote="matrix1112"]ขอบคุณมากครับ[/quote] ขอบคุณครับ
โดย
KHOBJAI
พุธ เม.ย. 24, 2013 4:23 pm
0
0
Re: เชิญลงชื่อสัมมนากับคุณโจลูกอิสานที่ ม.นเรศวร พิษณุโลก
จอง 2 ที่ ขอบคุณมากครับ
โดย
KHOBJAI
พุธ มี.ค. 06, 2013 12:39 pm
0
2
Re: CP รุกค้าปลีกเอง (ผ่าน cpf) อนาคตไม่ง้อเซเว่น !!!! สร้าง
คำบอกเล่า : วันนี้เข้า fresh mart บอกว่าช่วงนี้ขายดีขึ้น วันละ 15,000-16,000 บาท (เดิม 14,000) ค่าไฟเดือนละ 20,000 บาท ขายมา 7 ปี เพิ่งได้กำไรมาปีเศษ ไม่ได้ถามเพิ่มพอดีมีลูกค้าเข้าร้าน คำถาม : ส่วน cp fresh mart plus ค่อนข้างใช้พื้นที่มาก 300 ตรม up, ขายได้วันละ 1 แสนต้นๆ (เทียบกับ 7-11 ยอดขายพอๆ กัน แต่ใช้พื้นที่น้อยกว่า, ขยายสาขาได้ง่ายกว่า) โอกาสที่จะขยายตัวได้มากๆ รายได้ ต้นทุน และ กำไร ดูแล้ว กูรูทั้งหลายมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ
โดย
KHOBJAI
จันทร์ ก.พ. 25, 2013 10:06 pm
0
1
Re: ชาว ThaiVI มีค่าใช้จ่ายในครอบครัวเดือนละเท่าไหร่
มีลูก 2 คน(4 กับ 8 ขวบ) ค่าใช้จ่ายตอนนี้ไม่เกิน 10 % ของรายได้ ที่เหลือเก็บไว้ลงทุน สิ่งที่มีอยู่เพียงพอที่จะสร้างความสุข การดำเนินชีวิตด้วยปัญญารู้เท่าทัน สามารถสร้างความสุขที่แท้จริงได้ เงินแค่ช่วยให้การดำเนินชีวิตสะดวกสบาย เช่นเดียวกับสุขภาพไม่สามารถสร้างได้ด้วยเงิน เอาเงินมาวางไว้ 100-1000 ล้านแล้วบอกช่วยให้ฉันแข็งแรงไม่ได้ อยากแข็งแรงต้องออกกำลังกายเองต้องเหนื่อยเอง
โดย
KHOBJAI
อังคาร ม.ค. 15, 2013 12:09 am
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
KHOBJAI
ระดับ:
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
จันทร์ ต.ค. 29, 2012 4:46 pm
ใช้งานล่าสุด:
พุธ ก.ค. 26, 2023 2:36 pm
โพสต์ทั้งหมด:
196 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.01% จากโพสทั้งหมด / 0.04 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว