หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
Saran
Joined: พุธ ส.ค. 27, 2003 5:22 pm
2377
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - Saran
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: <สมัครเข้าร่วมได้เลยค่ะ> งานสังสรรค์ VI ประจำปี 2561
Saran / สมาชิกสมาคม / 1 ที่นั่ง / 1440.00 บาท / Kbank / 13-3-2561 / 21:03 https://www.picz.in.th/images/2018/03/13/S11Pyv.png
โดย
Saran
อังคาร มี.ค. 13, 2018 9:13 pm
0
0
Re: """งานสังสรรค์ VI ประจำปี 2560 ครั้งที่ 2"""">>>จอง 16 ส
Saran / สมาชิกสมาคม / 1 ที่นั่ง / 1,350.02 บาท / kbank / 16-08-2560 / 10:01
โดย
Saran
พุธ ส.ค. 16, 2017 10:03 am
0
0
Re: โครงการ CSR_การวางท่อประปา หมู่บ้านสบแม่รวม
โอนเรียบร้อยครับ 300.33 บาท 10/12/59, 20:55 อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ
โดย
Saran
เสาร์ ธ.ค. 10, 2016 8:56 pm
0
2
Re: “มองหาไอเดียการลงทุน"งานสังสรรค์ VI-59 ครั้งที่2 (ห้ามพล
Saran / สมาชิกสมาคม / 1 ที่นั่ง / 1,350.99 บาท / kbank / 22-08-2559 / 10:03
โดย
Saran
จันทร์ ส.ค. 22, 2016 10:08 am
0
0
Re: ห๊ะ? วันนี้แล้ว 9.00 น. เปิดจอง Money Talk@mai Forum 201
Saran จอง 1 ที่คับ ขอบคุณครับ
โดย
Saran
พุธ มิ.ย. 22, 2016 9:01 am
0
0
Re: **วันนี้ 10.00 น. เปิดจองงานสังสรรค์ VI ประจำปี 2559**
Saran / สมาชิกสมาคม / 1ที่นั่ง / 1,170.5 บาท / SCB / 29-02-2559 / 10:00:54 http://image.free.in.th/v/2013/is/160229030920.png
โดย
Saran
จันทร์ ก.พ. 29, 2016 10:03 am
0
0
Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ
มาอัพเดตพอร์ตที่ลงทุนไว้ครับ ไม่ได้มาโพสไว้นานเลย ^^ https://www.facebook.com/sprohsoontron/posts/10153175031650267?pnref=story
โดย
Saran
อังคาร ต.ค. 27, 2015 12:28 am
0
0
Re: MoneyTalk@SET9Aug15รอบเช้า-หัวข้อ&สัมภาษณ์พิเศษ
ขอขอบคุณวิทยากร ทีมงานทุกๆท่าน และคุณบิ๊กที่จดได้ละเอียดมากจริงๆครับ
โดย
Saran
อังคาร ส.ค. 11, 2015 8:25 am
0
0
Re: สรุปความรู้งาน meeting VI เหนือตอนล่าง Jul 2015
ขอบคุณมากๆครับ
โดย
Saran
จันทร์ ส.ค. 03, 2015 9:09 am
0
1
Re: ประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัล"อาสาประชุมผู้ถือหุ้น ปีที่
ยินดีด้วยครับ
โดย
Saran
พุธ มิ.ย. 10, 2015 6:41 pm
0
0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
ขอบคุณลุงขวดมากๆครับ ติดตามอ่านอยู่ตลอดครับ
โดย
Saran
อังคาร พ.ค. 26, 2015 2:11 am
0
4
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
สรุปงานประชุมผู้ถือหุ้น MEGA 10/04/2015 บริษัทก่อตั้งในปี 2528 CEO คุณวิเวกเข้ามาบริหารบริษัทในปี 2529 จนถึงปัจจุบัน ปี 2537 พัฒนาจากโรงงานที่เน้นรับทำ OEM มาพัฒนาแบรนด์ MEGA มาทำตลาด ถัดมาปี 2538 เริ่มทำธุรกิจจัดจำหน่ายในชื่อ Maxxcare ในพม่าและเวียดนาม ปัจจุบันมีโรงงานในไทย 2 แห่งสามารถผลิตยาแคปซูลนิ่มได้ 3,800 ล้านแคปซูล/ปี และอีก 1 แห่งในออสเตรเลีย กำลังการผลิตยาชนิดผง 650 เมตริกตัน/ปี, ยาแคปซูลแข็ง 13 ล้านแคปซูล/ปีและ ยาเม็ด 155 ล้านเม็ด/ปี มียาที่ขึ้นทะเบียนและจัดจำหน่ายรวม 627 ผลิตภัณฑ์ ส่วนใหญ่เป็นโภชนเภสัช (อาหาร,วิตามินเสริม) ปัจจุบันมีจำหน่ายสินค้าอยู่ใน 31 ประเทศ เน้นทำตลาดในประเทศที่กำลังพัฒนา มีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ๆที่ช่วยให้ผลการรักษาดีขึ้น ยกตัวอย่าง เทคโนโลยี Clearcap ที่ช่วยให้ยาละลายในกระเพาะอาหารได้ดีขึ้น พัฒนาสูตรยา Actisome ทำให้ร่างกายดูดซึบสารสกัดจากพืชได้ดีขึ้น เทคโนโลยี Emulcap ทำให้ยาถูกดูดซึมเข้าร่างกายได้มากขึ้น พนักงานกว่า 4,300 คน กำลังการผลิตใช้อยู่ราวๆ 60-70% เมื่อยอดขายจากสินค้า Mega We Care เพิ่มขึ้น ก็ค่อยๆลดสัดส่วนงาน OEM ลง โรงงานยังสามารถรองรับการเติบโตของยอดขายได้อีกเท่าตัว CEO เชื่อว่าด้วยศักยภาพ Organic Growth ในประเทศต่างๆ ที่บริษัทเข้าไปทำตลาด และความแข็งแกร่งของตัว Mega We Care และ Maxxcare จะสามารถเพิ่มยอดขายของบริษัทได้เป็น 2 เท่าใน 5 ปี งบปี2014 รายได้รวม 7,750 ลบ. เพิ่มขึ้น +9.9% จากปี 2013 โดยแยกได้เป็น Mega We Care ยอดขายเพิ่มขึ้น +5.4% แบ่งเป็น กลุ่ม Southeast Asia แล้วยังเติบโตอยู่ 8.3% (ยอดขายในไทยชะลอตัวลง) Africa เติบโต 17.6% Maxxcare โต 17.9% โดยสัดส่วนหลักมาจากพม่า ในพม่าได้ลูกค้ารายใหม่เพิ่มมา 4 ราย, เวียดนาม 2 ราย และที่กัมพูชา 3 ราย ประเทศที่เข้าไปทำธุรกิจมีเจออุปสรรคในหลายๆเรื่อง ทั้งการเมือง โรคระบาด ภัยสงคราม อาจมองได้ว่าเป็นเหตุจากปัจจัยภายนอก อัตรา GPM รวมลดลงเหลือ 40.3% เทียบกัน 42.1%ในปี2013 เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นแต่ละส่วนงานแตกต่างกัน GPM ของ Mega We Care ~ 60% GPM ของ Maxxcare ~ 20% GPM ของ OEM ~ 10-20% เนื่องจากผลกระทบในส่วนยอดขาย Mega We Care เติบโตน้อยกว่าที่บริษัทคาด (จากที่เคยโตในระดับ 2 digits) รวมไปถึงงาน OEM ที่มีน้อยในช่วงครึ่งปีแรก ส่งผลให้อัตรา NPM โดยรวมลดลง ค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร อยู่ที่ 32.1% (ปี2013 อยู่ที่ 31.8%) เพิ่มขึ้นจากโรงงานใหม่ที่เปิดเพิ่มในต้นปี การขยายสำนักงานในแอฟริกาและลงทุนด้านบุคลากรและ logistic ในพม่าเพิ่มขึ้น กำไรสุทธิได้ 548 ลบ. ลดลง 12.2% จากปี 2013 สินค้าในกลุ่ม Mega We Care สินค้ามีขายอยู่จำนวน 222 ชนิด บริษัทมีจำนวนสินค้ายาที่จดขึ้นทะเบียนในแต่ละประเทศรวมแล้วมีอยู่กว่า 781 ทะเบียน 69 ชนิด ที่รอการขึ้นทะเบียน 91 ชนิด อยู่ระหว่างการพัฒนา 20 ชนิดใหม่ที่เตรียมขายในปี2015 (อาหารเสริม 7, ยาตามใบสั่งหมอ 12, ขายตามร้านยา 1) สินค้าแบรนด์ Eugica เป็นยาและยาอมสมุนไพร แก้ไอแก้หวัดที่มีชื่อเสียงในเวียดนาม บริษัทได้ซื้อมาและได้เริ่มกระจายไปขายในประเทศต่างๆ พร้อมทั้งพัฒนาสินค้าแตกออกไปเป็นสินค้าหลายๆแบบ (ปกติสินค้ายาต้องใช้เวลาพัฒนา 2-3 ปี รวมทั้งรอการจดขึ้นทะเบียนอีก 1 ปี) วิธีการขายสินค้า ส่วนใหญ่เน้นขายผ่านร้านยา บริษัทมีส่งเจ้าหน้าที่ในแต่ละเขตงานไปประจำอยู่ในร้านยาช่วยขายยาให้กับทางร้านและหาโอกาสให้คำแนะนำสินค้าแก่ลูกค้าไปด้วยในตัว บริษัทจะส่งยาให้ร้านยาในราคาเดียวกันทุกเจ้าแต่การจัดโปรโมชั่นขึ้นอยู่กับร้านยากำหนดวิธีการขายเอง ธุรกิจ Maxxcare รับกระจายสินค้าในกลุ่ม FMCG (fast-moving consumer goods) ให้กับบริษัทต่างๆในพม่า เวียดนาม และกัมพูชา รวมทั้งสินค้า Mega We Care ของบริษัท รายได้อยู่ในรูปการให้บริการ (Fee) โดยมี GPM เริ่มตั้งแต่ ~12% บริษัทมีให้บริการตั้งแต่ กระจายสินค้า รับติดตามเก็บเงินลูกหนี้ รวมไปถึงช่วยทำการตลาดให้ ยังมองโอกาสที่จะไปทำในประเทศอื่นๆเพิ่ม อย่างในทวีปแอฟริกา ไนจีเรีย กานา ต้องดูว่ามีคู่แข่งเข้าไปทำมากน้อยขนาดไหน ถ้ามีคู่แข่งเข้าไปทำตลาดอยู่นานแล้วก็คงไม่เข้าไปทำแข่ง
โดย
Saran
จันทร์ เม.ย. 27, 2015 8:41 am
0
8
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
AGM SYMC 24/04/2558 ผลการดำเนินงานปี 57 - ขยายโครงข่ายไปตามส่วนภูมิภาคเป็นไปตามแผนงาน เพื่อช่วยควบคุมคุณภาพในการให้บริการและต้นทุนที่ดีในระยะยาว (ขยายโครงข่ายของตัวเองและลดการเช่าสายจากการไฟฟ้าลง) - สถาปัตยกรรมการออกแบบโครงข่ายของบริษัทจะมีลักษณะเป็นวงแหวนเชื่อมต่อกัน เน้นเดินสายตามแนวเส้นทางถนนเป็นหลัก - มีลูกค้าส่วน IPLC และ Private Network เพิ่มขึ้นตามการขยายโครงข่ายของบริษัท (ตัวอย่างปีที่ผ่านมาได้รับงาน Private Network จากธนาคารแห่งหนึ่งมีจำนวนสาขา 450 สาขาในเขตกรุงเทพและปริมณฑล, บริษัทหลักทรัพย์ที่มีจำนวนสาขา 79 สาขาทั่วประเทศ) - บริษัทเน้นขยายเครือข่ายไปยังพื้นที่เศรษฐกิจหลักในแต่ละจังหวัดและจังหวัดที่มีเส้นทางเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน บริษัทมีศูนย์ปฏิบัติการรองรับในการดูแลโครงข่ายอยู่ทั้งหมด 17 จังหวัด - ปัจจุบันพื้นที่ให้บริการของบริษัท ทั่วพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล อาคารสูงในกรุงเทพ 84 อาคาร นิคมอุตสาหกรรม 41 แห่ง พื้นที่เศรษฐกิจหลักของจังหวัดต่างๆ 43 จังหวัดทั่วประเทศ IPLC gateway เชื่อมต่อไปยัง 4 ประเทศทั้ง 4 ทิศ จ.สระแก้ว ไปยังกัมพูชา, อ.หาดใหญ่ ไปยังมาเลเซีย, จ.หนองคาย ไปยังลาว และอ.แม่สอด ไปยังพม่า - ได้รับใบอนุญาตในการให้บริการด้าน IPLC ผ่านทาง Submarine Cable (เป็นโครงการแรกของไทยที่ลงทุนโดยบริษัทเอกชน) ร่วมมือกับทางกัมพูชาและมาเลเซีย - สิ้นปี มีวงจรโครงข่ายที่ให้บริการ 6,699 วงจร เพิ่มขึ้นจากปี 2556 จำนวน 1,710 วงจร - EBITDA ยังมีการเติบโต แต่ NPM มีแนวโน้มลดลง หลักๆมาจากค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนขยายโครงข่าย + ดอกเบี้ยจ่ายในส่วนของเงินกู้ - ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นอีกส่วนหนึ่งมาจากการเพิ่มจำนวนบุคลากรที่ต้องมาดูแลโครงข่ายตามศูนย์ปฏิบัติการและงานบริการให้กับฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น เป้าหมายในปี 2558 รายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% รายได้จาก IPCL เติบโต 60% รายได้จาก Private Network เติบโต 20% งบลงทุนปี 2558 ประมาณ 500 ลบ. (ไม่รวมในส่วนที่ลงทุนใน Submarine Cable) ลงทุนส่วน Last Mile (สายที่เชื่อมต่อกระจายไปให้ลูกค้า) 300 ลบ. มีเป้าหมายเพิ่มลูกค้าให้ได้ 2,500 วงจร ลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ 200 ลบ. โครงการ Submarine Cable ใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 693 ลบ. - ส่วนที่เป็น wet segment เงินลงทุน 577.2 ลบ. ระยะเวลาก่อสร้าง 17-18 เดือน - ส่วนสถานีที่ตั้งอยู่บนบกที่จ.ระยอง ใช้เงินลงทุน 115.76 ลบ. (ราคาที่ดิน 9.95 ลบ. พื้นที่ 2 ไร่) ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 8 เดือน - เริ่มให้บริการ Q4/2559 - IRR~20% (สมมติฐาน ส่วนลด 50% ของอัตราค่าเช่าในตลาด, Capacity 30%, คืนทุนประมาณ 6 ปี) ข้อมูลอื่นๆ Q&A - ลักษณะของลูกค้าจะเป็นสัญญาแบบปีต่อปี บริษัทเน้นชูจุดเด่นเรื่องคุณภาพการให้บริการ SLA 99.9% ยังคงเน้นจับกลุ่มลูกค้าภาคเอกชนเป็นหลัก ภาครัฐเริ่มมีเข้ามาในกลางปี 57 - จากรายได้ของบริษัท คาดว่าบริษัทมี Market Share ~ 10% (ประมาณจากข้อมูลของ NECTE) - นโยบายการตัดค่าเสื่อมราคา สาย fiber optic ตัดเป็นเส้นตรง 20 ปี ส่วนroute อุปกรณ์ไอทีต่างๆ ตัดแบบเส้นตรง 7 ปี ปัจจุบันทรัพย์สินของบริษัทประมาณ 50% เป็นส่วนของ fiber อีก 50% เป็นส่วนของอุปกรณ์ คาดการณ์ว่าในปีต่อๆไปค่าเสื่อมจะอยู่ราวๆ 20-22% ของรายได้ - เรื่องคดีความกับ CAT ประเด็นหลักคือ CAT ฟ้องเรื่องที่บริษัทติดหนี้ค่าเช่าท่อ (ท่อร้อยสายเคเบิ้ลใต้ดิน) อยู่ แต่ที่บริษัทโต้แย้งคือ บริษัทค้างค่าเช่าท่อจริงแต่อัตราค่าเช่าที่ CAT เรียกเก็บแพงเกินไป (CAT ปรับราคาค่าเช่าขึ้น 400% จากราคาค่าเช่าเดิม) ซึ่งไม่ชอบด้วยกฏหมาย และเนื่องจาก CAT เป็นรัฐวิสาหกิจ บริษัทเห็นว่าการฟ้องควรจะฟ้องที่ศาลปกครอง (ซึ่งศาลปกครองเห็นด้วย) แต่ CAT ไปฟ้องกับศาลแพ่งแทน ทำให้ทั้ง 2 ศาลมีความเห็นไม่ตรงกัน กรณีนี้ต้องรอคำวินิจฉัยชี้ขาด ล่าสุดในวันที่ 29 เม.ย. 58 นี้ จะบอกได้ว่าคดีนี้ควรไปขึ้นอยู่กับศาลไหน ซึ่งพอได้ข้อสรุปแล้วถึงค่อยเริ่มพิจารณาคดีกันต่อ - ดูจาก Financial Roadmap ของบริษัท ยังมองว่าเงินลงทุนที่ยังยังสามารถใช้เงินจากการกู้เงินได้อยู่ ยังไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน - โดยปกติกับลูกค้าเดิมของบริษัท พอเริ่มต่อสัญญาใหม่บริษัทจะมีส่วนลดให้กับลูกค้าในระดับความเร็วที่เท่าเดิม แต่จะได้รายได้ชดเชยจากการที่ลูกค้าปรับระดับความเร็วที่เพิ่มขึ้น ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตการประกอบธุรกิจของบริษัท ใบอนุญาตที่ต้องขอจาก กสทช มีทั้งหมด 3 แบบ - แบบที่ 1 จะเป็นแบบพื้นฐานที่สุดให้กับผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต การขอขั้นตอนหลักเกณฑ์ไม่ยุ่งยาก มีแค่เอกสารครบก็ขอเปิดได้ทันที - แบบที่ 2 จะยากกว่าแบบที่ 1 มีขั้นตอน หลักเกณฑ์ การควบคุมและใช้เงินลงทุนที่เยอะกว่า เป็นการให้บริการกับลูกค้าที่เป็นนิติบุคคล - แบบที่ 3 เป็นการให้บริการกับประชาชนทั่วไป ยกตัวอย่างพวกผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 3G SYMC มีใบอนุญาต แบ่งได้เป็น - ใบอนุญาตแบบที่ 2 ใบที่ 1 สามารถสร้างโครงข่ายเคเบิ้ลใยแก้วที่เป็นของตนเองได้ทั่วประเทศ ระยะเวลา 15 ปี - ใบอนุญาตแบบที่ 2 ใบที่ 2 เป็นคลื่นอินเตอร์เน็ต สามารถทำชุมสายอินเตอร์เน็ตให้บริการกับลูกค้าที่เป็น ISP เป็นระยะเวลา 5 ปี - ใบอนุญาตแบบที่ 3 ซึ่งเป็นใบแรกของบริษัท ให้บริการวงจรส่วนบุคคลระหว่างประเทศ (IPLC) ทำให้บริษัทสามารถให้บริการข้ามพรมแดนไปได้ทั่วโลก มีระยะเวลา 15 ปี - ได้ขอใบอนุญาตแบบที่ 1 เพิ่มเนื่องจากบริษัทมีการบริการ IP Streaming (การเปลี่ยนสัญญาณ TV เป็นสัญญาณ internet) ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการให้บริการอินเตอร์เน็ต เลยต้องขอใบอนุญาตให้ถูกต้อง มีระยะเวลา 5 ปี - เพื่อความถูกต้อง บริษัทได้ขอใบอนุญาตในการเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายแพร่ภาพกระจายเสียงกับ กสทช. เนื่องจากบริษัทมีให้บริการกับลูกค้าในกลุ่มทีวีดาวเทียม เคเบิ้ลทีวี ที่ส่งสัญญาณผ่านเครือข่ายของบริษัท มีระยะเวลา 15 ปี - ทุกใบอนุญาต สามารถทำการต่อสัญญาได้เรื่อยๆ ถ้าบริษัทไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฏเกณฑ์ที่ กสทช. กำหนด
โดย
Saran
จันทร์ เม.ย. 27, 2015 8:31 am
0
8
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
สรุปงานประชุมผู้ถือหุ้น OFM 03/04/2015 (เตรียมเปลี่ยนตัวย่อเป็น COL - Central Online) จดแบบเม่าๆนะครับ - ใช้ระบบ Logistics และ IT ร่วมกับบริษัทในเครือ Central Groups โดยมีระบบบัตร the 1 card เป็นตัว CRM กับลูกค้าในกลุ่ม - เพิ่มสินค้าในส่วน own brands เพิ่มขึ้นทั้งในส่วน Office mate และ B2S โดยเน้นสินค้าที่เป็น New function, New future, New desire บริษัทไม่เน้นสินค้าราคาต่ำกว่าเจ้าตลาดมาขายแข่ง - การที่ได้รวมกับกลุ่มเซ็นทรัล ช่วยทำให้ระบบ Logistics ทำงานได้ดีขึ้น ตอนนี้สามารถใช้พื้นที่ในศูนย์แต่และแห่งสามารถทำตัวเป็น DC ย่อยๆได้ - ปัจจุบันในไทยตลาดการซื้อ online ยังมีแค่ 0.5% (ผ่านร้านค้า 99.5%) เทียบกับในตลาดโลกการซื้อ online อยู่ที่ 5.6% ทำให้เชื่อได้ว่ายังมีช่องว่างการเติบโตอยู่อีกมาก - เป็นลักษณะปกติของเวปทั่วโลกที่ต้องปลุกกระแสเวปโดยการเน้นโปรโมชั่นก่อน แต่ในระยะยาวขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นและความสะดวกของลูกค้า (ตย. เวป amezon ตอนนี้ไม่ได้เป็นเวปขายของถูกที่สุด แต่มียอด average invoice สูงกว่าคู่แข่ง 5-6 เท่า ตามกลยุทธ์ long tail) ธุรกิจ Office mate มีรายได้ผ่านทาง ระบบ Online, Catalog, ร้านค้า - สิ้นปี 2014 มี 52 สาขา ปี 2015 เปิดเพิ่มอีก 8 สาขา - แบบ stand alone ยังคงใช้เนื้อที่ 800-1,500 sq.m. - แบบใน Plaza ลดขนาดลงมาเหลือ 500-600 sq.m. (ไม่เกิน 1,000 sq.m.) ใช้ระบบ E-ordering เข้ามาช่วยเสริม (พื้นที่น้อยลงแต่สร้างรายได้เพิ่มขึ้น) Renovate ปรับรายการสินค้าให้ดูทันสมัยมากขึ้น - New Service รับบริการงานพิมพ์ Ink-Jet ต่างๆพวก นามบัตร บิลบอร์ด รวมไปถึงทำตรายาง บริการส่งทั่วประเทศ - New Product เพิ่มแผนกส่วน Packing Zone เจาะกลุ่มลูกค้าที่ขายของออนไลน์ ต่อไปจะมีเพิ่มงานบริการรับจัดส่งสินค้าให้ด้วย ยกระดับให้เป็น One Stop Solution - ในส่วนสาขาใหญ่ๆ มีการจัดส่วน Office Showroom Furniture มีแผนกรับออกแบบให้บริการ ส่วนสาขาที่มีขนาดเล็กจะใช้ระบบ E-ordering เข้ามาเสริม - ระบบ Catalog มีพิมพ์แจกฟรีไป 200,000 กว่าเล่ม - ปรับโฉมเวปใหม่ พัฒนาระบบให้แสดง Stock สินค้าเป็นแบบ Real Time เตรียมปล่อย Mobile Apps ในเดือนเม.ย. พร้อม function ที่ถ่ายรูปสินค้าที่สนใจแล้วระบบจะแสดงเป็น Order ได้ทันที และมีการใช้ระบบ Redeem ของบัตร The 1 Card นำคะแนนมาใช้เป็นส่วนลดได้ ธุรกิจ B2S ตั้งเป้าหมายให้เป็น Best Retailing Store - ปี2015 เพิ่มสาขาเป็น 102 สาขา - สินค้าแบ่งได้เป็นส่วน Books, Stationary, Arts&Hobby, Entertainment - พัฒนารูปแบบร้านค้าให้เป็น Omni Channel มากขึ้น - เพิ่มส่วน Non-Content มากขึ้น (สิ้นปี2014 มีสัดส่วนราวๆ 20%) - พัฒนาร้านค้าให้เป็น Activity Store มีการเชิญนักเขียน นักร้องมาจัดอีเว้นท์เล็กๆให้พบกับแฟน เพิ่ม Traffic มากขึ้น - เพิ่มรายการสินค้าลงใน Online มากขึ้น รวมไปถึงการเปิดตัว E-book ผ่านโครงการ the 1 book โดยเน้นขายจากการใช้ point จากบัตร the 1 card แทน (ไม่ต้องใช้เงินซื้อ) - เมื่อมีสินค้าผ่านทาง Online มากขึ้น ก็จะใช้ระบบ E-ordering เข้ามาช่วยเหมือน Office mate ธุรกิจ Online ผ่านทางเวป central.co.th - เริ่มเปิด grand opening ไปในเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเปิดหน้า Fan Page ขึ้น - จับระบบ redeem มาใช้ โดยคะแนนบัตรเครดิตทุกบัตรสามารถแลกมาเป็น point ใช้ซื้อสินค้าได้ - mobile app จะออกใน Q3-Q4 - จับมือกับ partner ต่างๆมาร่วมจัดโปรโมชั่นต่างๆ - สินค้ามี 120,000 SKUs สินค้าที่ขายดี 1.เครื่องใช้ไฟฟ้า 2.Cosmetic 3.สินค้าแม่และเด็ก 4.แฟชั่น - เป้าหมาย ยอดขายเติบโต 10x, จำนวน Traffic มากกว่า 33 ล้านราย, Register มากกว่า 500,000 ราย, Conviction Rate > 1.12 (จากปลายปี 2014 ก่อน grand opening อยู่ราวๆ 0.4-0.5) - Service 499 บาท ส่งฟรีทั่วประเทศ สิ้นปีต้องสามารถส่งสินค้าถึงในวันรุ่งขึ้นได้ทั้ง 77 จังหวัด (เฉพาะแค่ในเขตตัวเมือง) - รับพนักงานเพิ่มกว่า 200 ตำแหน่ง - ทำ Online Marketing, รับบริการวางแผนสื่อออนไลน์ ทำผ่านทางบ.ย่อย Cenergy Innovation เริ่มแรกให้บริการกับกลุ่มลูกค้าในเครือเซ็ลทรัล (CPN, Robins, Top, Powerbuy, Super Sports, B2S, Office Mate, Centel, CMG) ร่วมไปถึงทำด้าน R&D Technology ให้กับกลุ่ม รวมไปถึงรับงานจากภายนอกด้วย - เดือน พ.ค. จะมีการเปิดตัวโครงการร่วมมือกับ sme รุ่นใหม่ๆมาขายสินค้าผ่านเวป ทำให้รูปแบบสินค้าในเวปจะค่อยๆมีความแตกต่างกับสินค้าใน store มากขึ้น
โดย
Saran
จันทร์ เม.ย. 27, 2015 8:29 am
0
5
Re: อยากเชิญชวนพี่ๆ มาให้แนวทางในการรับมือวิกฤติครั้งต่อไปคร
วิกฤตการเงินในแต่ละครั้ง สิ่งที่กระทบมากที่สุดคือมูลค่าสินทรัพย์ที่เราถืออยู่มันลดลงอย่างน่าตกใจ ยิ่งเป็นหุ้นนี่มันโชว์เป็นตัวเลขแดงๆให้เราดูทุกวันเลยว่าเงินหายไปแล้วเท่าไร กระทบต่อสภาพหัวจิตหัวใจของเม่าน้อยอย่างผมเป็นที่สุด ส่วนใหญ่ที่จะโดนหนักหนามากกว่ามูลค่าสินทรัพย์ที่หายไปคือ ปัญหาเรื่องสภาพคล่องของแต่ละคนมากกว่า โดยเฉพาะคนที่ต้องรับภาระดูแลค่าใช้จ่ายต่างๆ ตรงนี้ผมมองว่าเป็นปัญหาร้ายแรงของนักลงทุนเลยนะ พอขาดทุนมากๆ เริ่มกดดันตัวเองมาก พยายามจะเร่งสร้างผลตอบแทนเพื่อเอาคืน เริ่มหาวิธีการแปลกๆหวังรวยลัดมาใช้ สุดท้ายทัศนคติที่ผิดกับภาวะที่หน้ามืดตามัว ทำให้การตัดสินใจเลือกลงทุนผิดพลาดในที่สุด (ซื้อหุ้นดอย ถัวหุ้นเน่า ขายหุ้นดี) ในเมื่อไม่มีใครบอกได้อย่างชัดเจนว่าวิกฤติจะมาเมื่อไร รุนแรงขนาดไหน ทางที่ดีที่สุดคือการเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ มากกว่าที่จะมานั่งเดาอย่างที่เซียนๆแต่ละท่านแนะนำมา - หุ้นที่ซื้อ เราเข้าดีตัวธุรกิจดีขนาดไหน มีเหตุผลที่ซื้อหรือขายอย่างไร จดบันทึกไว้และทำตามเหตุผลนั่น - นึกถึงกรณีที่ worst case ที่สุด ถ้าเกิดจะเป็นอย่างไร มีการวางแผนสร้างเบาะกันชนไว้เพียงพอหรือยัง - เห็นช้างขี้ แล้วอย่าไปขี้ตามช้าง เซียนที่เก่งๆทำกันได้ เราอาจทำไม่ได้ บรรทัดฐาน ความรู้, EQ การรับความเสี่ยงแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน - ลงทุนในความรู้ ฝึกฝนทักษะควบคุมจิตใจ สำคัญที่สุด
โดย
Saran
อาทิตย์ เม.ย. 19, 2015 11:30 am
0
30
Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ
ลืมมาอัพเดตครับเลยครับ แหะๆ http://image.ohozaa.com/i/c7f/FkNozO.png http://image.ohozaa.com/i/1cf/pGlTEp.PNG
โดย
Saran
อังคาร มี.ค. 03, 2015 10:37 am
0
3
Re: เปิดจองงานสังสรรค์ VI ปิดงบปี 57 **10.00 โมงเช้านี้ค่ะ**
Saran / สมาชิกสมาคม / patty_lao / สมาชิกสมาคม / 2 ที่นั่ง / 1,980.24 บาท / kbank / 03-03-2558 / 10:01 http://image.ohozaa.com/i/c00/7rhaz5.JPG
โดย
Saran
อังคาร มี.ค. 03, 2015 10:11 am
0
0
Re: ผู้ที่เลือกลงทุนในหุ้น PE ที่สูง มีแนวคิดอย่างไรกันครับ
มีตัวอย่างการลงทุนของพอร์ต DCA ของผมมาให้ดูนะครับ ทำการลงทุนในหุ้น 5 ตัว โดยลงเงินจำนวนเท่ากันในแต่ละตัว ลงทุนทุกๆ 2 เดือน เงินปันผลที่ได้ก็นำกลับไปลงทุนต่อ พอร์ตนี้เริ่มลงทุนตั้งแต่ มิ.ย.2012 ครับ ผลตอบแทนเป็นดังภาพข้างล่าง (ราคาปิด ณ วันที่ 20 ม.ค. 2015) http://image.ohozaa.com/i/872/e6RCFf.png การซื้อหุ้น PE สูงก็สามารถให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าได้ หากเลือกลงทุนหุ้นได้ถูกตัวครับ
โดย
Saran
พุธ ม.ค. 21, 2015 11:14 pm
0
19
Re: เปิดจองสัมมนา Money Talk@SET ม.ค. 58 - (ลงทะเบียนที่ชั้น
ขอโทษครับ ติดธุระด่วนขึ้นมา ขอสละสิทธินะครับ
โดย
Saran
พฤหัสฯ. ม.ค. 15, 2015 9:58 am
0
0
Re: เปิดจองสัมมนา Money Talk@SET ม.ค. 58 - (ลงทะเบียนที่ชั้น
จอง 1 ที่ครับ ขอบคุณครับ
โดย
Saran
พฤหัสฯ. ม.ค. 08, 2015 11:19 pm
0
0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
รออ่านต่อครับ
โดย
Saran
อาทิตย์ ธ.ค. 14, 2014 11:13 am
0
1
Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ
ใน excel มีฟังค์ชั่นการคำนวณนะครับ แต่ผมจำไม่ได้ว่าใช้คำสั่งยังไง หรือจะใช้แบบ nav ที่พวกกองทุนใช้กันก็ได้ครับ
โดย
Saran
จันทร์ พ.ย. 03, 2014 12:46 am
0
0
Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ
ผ่านมาครบอีกเดือน Screen Shot 2557-10-30 at 10.49.29.png
โดย
Saran
ศุกร์ ต.ค. 31, 2014 2:41 pm
0
6
Re: ซื้อหุ้นตอนไหน
สวัสดีครับ เฮียปรัชญา มาขอแชร์แนวคิดด้วยคนครับ ผมเน้นหาหุ้นที่ตลาดไม่สนใจเป็นหลัก ส่วนใหญ่มักเป็นบริษัทที่มีแต่ข่าวแย่ๆเข้ามาในช่วงนั้น ทำให้ราคาหุ้นลงมาแรง ส่วนจะซื้อ ก็ต่อเมื่อได้ศึกษาธุรกิจดูแล้ว พบว่า - เจอปัญหาจากปัจจัยภายนอกมากระทบในระยะสั้น แต่เครื่องใน เอ๊ย ภายในตัวธุรกิจของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง งบการเงินมีสถานะที่มั่นคง - ปัญหาเกิดจากปัจจัยภายในของบริษัทแต่ ceo รู้ถึงปัญหาและหาแนวทางแก้ไขปัญหาได้ชัดเจน สะท้อนมาถึงงบการเงินที่ค่อยๆดูดีขึ้น หลังจากซื้อแล้วก็ปล่อยวาง อยู่ห่างๆตลาดไว้ ติดตามดูการฟื้นตัวของธุรกิจว่าทำได้จริงหรือไม่ได้พอคับ
โดย
Saran
พุธ ต.ค. 08, 2014 1:02 pm
0
13
Re: หุ้น PE 100 เท่า กล้าซื้อมั๊ย?
ถ้าเป็นหุ้นที่ศึกษาดูแล้วคิดว่าเตรียม turnaround ก็น่าสนใจครับ
โดย
Saran
จันทร์ ก.ย. 15, 2014 8:50 pm
0
7
Re: Money talk 14 กย 14
อัพเดตข้อมูลได้เร็วมากครับ ขอบคุณมากๆคร้าบ
โดย
Saran
อาทิตย์ ก.ย. 14, 2014 5:32 pm
0
0
Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ
SARAN นอกจากใจดี และ มีความสามารถลงทุนไม่แพ้ใคร หน้าตายังหล่ออันดับต้นๆของเวป คนอะไรครบเครื่องไปหมดเลย... ผมว่าคนๆนั้นน่าจะเป็นหมอเคมากกว่านะครับ :D ผมแค่อยากตอบแทนบ้านหลังนี้ที่ช่วยสั่งสอนชี้แนะแนวความคิดต่างๆที่เป็นมากกว่าด้านการลงทุนให้กับผมตลอด 9 ปีที่ผ่านมาครับ สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงแค่แชร์ความรู้ที่มีระดับพื้นๆแค่นั้นเอง
โดย
Saran
อาทิตย์ ก.ย. 14, 2014 5:31 pm
0
1
Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ
ขออนุญาตใช้พื้นที่เก็บข้อมูลต่อครับ Screen Shot 2557-09-10 at 11.31.23.png
โดย
Saran
พุธ ก.ย. 10, 2014 11:32 am
0
4
Re: ขอเด็ดๆ 1 ตัว
เล่นด้วยคนครับ ^^ หุ้นอะไร - SNC ตอนนี้ราคาเท่าไหร่ (เป้าหมายไม่ต้องนะคิดเองได้) - 17.10 (9/9/2014) ทำธุรกิจอะไรขอสั้นๆ - ธุรกิจหลักเป็น OEM (กำลังเริ่มพัฒนามาเป็น ODM) ผลิตชิ้นส่วนท่อทองแดง, ท่ออะลูมิเนียม, sheet metal, ฉีดพลาสติก ให้กลุ่มธุรกิจผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า(เมื่อก่อนเน้นแค่กลุ่มแอร์บ้าน) และอุตสาหกรรมยานยนต์ (ชิ้นส่วนแอร์ในรถยนต์) ย้อนหลัง 3 ปีรายได้และกำไรเป็นยังไง - รายได้ (ลบ.) ปี2011-2013 เรียงตามลำดับ 8,324 --> 7,648 --> 7,155 ล่าสุด H1/2014 อยู่ที่ 4,261 ลบ. กำไรก่อนภาษี (ลบ.) ปี2011-2013 เรียงตามลำดับ 579 --> 521 --> 479 ล่าสุด H1/2014 อยู่ที่ 254 ลบ. มีอะไรปัจจัยอะไรเร่งให้ธุรกิจเติบโตดีบ้างมั๊ย - เป็นหุ้นโรงงาน 1-2 ปีที่ผ่านมาตั้งบริษัทย่อยลงทุนขยายไปยังธุรกิจใหม่ๆเยอะ (ขยายไปยังธุรกิจที่ยังเกี่ยวเนื่องกันอยู่) โดยรุกไปทางกลุ่มผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและกลุ่มยานยนต์ ถ้าอุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้น ธุรกิจจะได้รับประโยชน์ตามไปด้วย รายได้กำไรคาดว่าเป็นเท่าไหร่ เอาแบบไม่เว่อร์นะ คิดให้ conservative ไว้ก่อน - รายได้โตมากกว่า 10% จากภาพรวมของอุตสาหกรรมที่เริ่มฟื้นตัว แต่กำไรน่าจะโตมากกว่าเนื่องจากลักษณะของธุรกิจจะมี Fixed Cost อยู่สูงระดับหนึ่ง พอยอดขายเพิ่มเกินจุด breakeven ได้มาก OPM ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น อีก 3-5 ปีข้างหน้าเห็นภาพบริษัทเป็นยังไง - เติบโตไปตามกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ (เป้าหมายการผลิตรถ 3 ล้านคันปี 2560) และกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า รองรับการเปิดตลาด AEC เป้าหมายเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนงานต่างๆให้บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ดัง (เน้นไปทางแบรนด์ญี่ปุ่น) เลื่อนระดับตัวเองเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนระดับ Tier-1 ในอุตสาหกรรมยานยนต์ คู่แข่งเยอะมั๊ย บริษัทมีจุดแข็งยังไงเทียบกับคู่แข่ง - เยอะ แต่บริษัทมีจุดแข็งในเรื่องประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุน เป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนไม่กี่เจ้าที่มี Cash Cycle ติดลบ ยิ่งขยายงานมากยิ่งมีเงินมาค้างอยู่ในบริษัทมากเหมือนธุรกิจค้าปลีก ส่งผลทำให้บริษัทมีความจำเป็นในการกู้เงินธนาคารน้อยมาก อำนาจการต่อรองกับลูกค้าและ supplier เป็นยังไง - อำนาจการต่อรองกับลูกค้าน้อย เพราะบริษัทเป็น OEM แต่มีอำนาจการต่อรองด้าน supplier สูง ได้เครดิตนานเพราะสั่งวัตถุดิบปริมาณเยอะ ความเสี่ยงอะไรที่ควรต้องติดตามบ้าง - อุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ฟื้นตัวตามที่คิด เนื่องจากบริษัทเป็นแค่ผู้ผลิตชิ้นส่วนไม่สามารถออกนโยบายส่งเสริมการขายเพื่อเร่งยอดขายได้ กระแสเงินสดดีป่าว ในอนาคตต้องลงทุนเยอะมั๊ย - กระแสเงินสดดี บริษัทมี Cash Cycle ติดลบมาโดยตลอด สามารถจ่ายปันผลได้โดยไม่ต้องกู้เงิน ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมามีการลงทุนไปค่อนข้างมากแล้ว คาดว่าในอนาคต 1-2 ปีนี้ไม่มีความจำเป็นลงทุนอะไรที่มีนัยสำคัญมากนัก ปันผลประมาณกี่ % ของกำไร - เมื่อก่อนเกือบ 100% แต่ช่วงนี้มีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนเลยจ่ายอัตราน้อยลง แต่ไม่น่าจะต่ำกว่า 60% ของกำไรสุทธิ กลุ่มผู้บริหารถือหุ้นอยู่ประมาณกี่ % - ในชื่อบริษัทของครอบครัว 31.6% ในนามส่วนตัว 3.9%
โดย
Saran
พุธ ก.ย. 10, 2014 12:10 am
0
31
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
คุณ Plant ขยันมากครับ ผมลงทุนแนว VI ขนาดถือแค่ 5 ตัว วิเคราะห์ธุรกิจเหนื่อยเลย ><
โดย
Saran
พุธ ก.ค. 23, 2014 11:16 am
0
1
Re: งานสังสรรค์ VI Q2/57 "แก่นวีไอ ลงทุนได้ทั่วโลก"
Saran / สมาชิกสมาคม / 1ที่นั่ง / 1,170.25 บาท / Kbank / 22-07-57 /10:01
โดย
Saran
อังคาร ก.ค. 22, 2014 10:05 am
0
0
Re: บริษัทที่ขาดทุนแต่งบกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวก
ต้องหาสาเหตุให้ได้ก่อนครับ ว่าขาดทุนมาจากสาเหตุใด กระแสเงินสดเป็นบวก เพราะอะไรมาจากรายการพิเศษหรือไม่ หรือมาจากผลการดำเนินการจริงๆ แบบหลังดูน่าสนใจครับ แนะนำว่าให้ดูกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงทางทรัพย์สินและหนี้สินไปด้วย ส่วนใหญ่รายการนี้เป็นบวก แต่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานสุทธิเพิ่มขึ้นน้อยหรือติดลบเพราะเงินไปอยู่ในรูปลูกหนี้กับสินค้าคงเหลือซะเยอะ มีตัวอย่างอีกคือ อย่างตอนน้ำท่วม มีหลายบริษัทก็ได้ค่าประกันมาภัยมา ปีนั้นบริษัทขาดทุนจริงแต่มีเงินสดไหลเข้า ส่วนตัวไหนฟื้นหรือไม่ฟื้นแม้ว่าจะได้เงินประกันมาก็อยู่ที่ bussiness model ของแต่ละบริษัทครับ
โดย
Saran
จันทร์ ก.ค. 07, 2014 11:24 am
0
5
Re: VI ควรจะขายเมื่อไหร่ครับ ถ้า...
ขอบคุณสำหรับไอเดียพี่ๆแต่ละคนครับ
โดย
Saran
เสาร์ ก.ค. 05, 2014 9:54 pm
0
0
Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock
กำลังนั่งตามอ่านย้อนหลังอยู่ครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆที่มาแบ่งปันกันครับ
โดย
Saran
เสาร์ ก.ค. 05, 2014 12:14 pm
0
1
Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ
ลองเอาข้อมูลใน set ที่พี่ NB บอกมาทำเป็นกราฟเล่นๆดูครับ Screen Shot 2557-07-05 at 12.06.33.png Screen Shot 2557-07-05 at 12.06.40.png เหมือนไม่ได้ช่วยให้ข้อมูลอะไรเลยนะครับ ><
โดย
Saran
เสาร์ ก.ค. 05, 2014 12:12 pm
0
0
Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ
ว้าว ขอบคุณที่ช่วยชี้แนะครับพี่ NB ทำให้กระจ่างมากขึ้นเลยครับ ท่าทางผมจะจำข้อมูลจากความเชื่อมั่วๆมาอีกแล้ว >< งั้นขอความเห็นพี่หน่อยครับ เราควรมี exit strategy ที่จะออกจากตลาดหุ้นด้วยไหมครับ หรือใช้วิธีไหนเป็นเกณฑ์อื่นดี อย่างอัตราดอกเบี้ย สัดส่วนหนี้สินของประเทศ บลาๆๆ หรือผมไปให้ความสนใจกับความผันผวนของตลาดหุ้นมากเกินไปเนี่ย
โดย
Saran
เสาร์ ก.ค. 05, 2014 11:33 am
0
0
Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ
ขอบคุณสำหรับความเห็นอันยอดเยี่ยมครับพี่ chaitorn ผมว่าปัจจัยหลักอีกอย่างของการลงทุนแบบ DCA คือเรื่องของจิตใจด้วยครับ เท่าที่ผมดูจากเพื่อนหลายๆคนที่แนะนำใช้วิธีนี้ มักจะทำได้ไม่ต่อเนื่องเพราะมัวแต่เปิดดูพอร์ตบ่อยๆแล้วทำให้หวั่นไหวในหลักการลงทุนไป (ช่วงตลาดตกหนักๆ-->พอร์ตติดลบ-->ไม่สบายใจ หรือ ช่วงตลาดหุ้นขึ้นแรงๆ-->พอร์ตขึ้นน้อยกว่าชาวบ้าน-->ไม่พอใจ) เพราะผมเองยังคิดอยู่บ่อยๆเลยว่า ถ้าหากเจอวิกฤตเศรษฐกิจแบบปี 40 เข้าสักวัน ผมจะยังแน่วแน่กับการลงทุน DCA ไปเรื่อยๆหรือป่าว หรือ เกิดตลาดมันขึ้นไปเรื่อยๆจน PE เกิน 30 เท่า (เป็นจุดที่ผมกำหนดว่าตลาดเริ่มฟองสบู่ ควรจะล้างพอร์ต) ผมจะขายหุ้นทิ้งจริงๆไหม ^^ จิตใจนี่มันทำให้เราฟุ้งซ่านจริงๆครับ ถ้าเป็นคนอื่นผมคงอ่านผ่าน ๆ แต่ เป็นคุณศรัณย์ผมต้องตอบครับ เอามาจากไหนครับ พีอีสูงแล้วต้องขาย ความจริงหรือความเชื่อครับ? ผมขาดทุนมากครับกับการขายหุ้นพีอีสูง และผมจะไม่ทำแล้วครับ PE เกิน 30 เท่า เป็น PE ของตลาด SET นะครับพี่ NB ไม่ใช่ PE ของหุ้นแต่ละตัวนะครับ ตัวเลขนี้ผมจำไม่ได้ว่าคุณสุมาอี้ หรือ ดร.นิเวศน์ บอกตอนก่อนวิกฤตปี 40 ที่ตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะฟองสบู่สุดๆนะครับ
โดย
Saran
เสาร์ ก.ค. 05, 2014 11:12 am
0
0
Re: VI ควรจะขายเมื่อไหร่ครับ ถ้า...
ผมยังมีปัญหากับการซื้ออยู่เลยครับ ><
โดย
Saran
ศุกร์ ก.ค. 04, 2014 10:30 pm
0
1
Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ
ทุกครั้งที่ได้อ่านที่พี่ chaitorn และพี่ NB โพส เหมือนได้ผู้ใหญ่ผู้มากประสบการณ์มาคอยเตือนสติทุกๆครั้งเลยครับ ได้ทั้งข้อคิด มุมมองดีๆ และกำลังใจต่างๆ ขอบคุณจริงๆครับ :bow: :bow: :bow: เรื่องการปรับอารมณ์นี่สำคัญมากๆครับ ผมเองก็ได้ประสบการณ์ตรงนี้มาโดยตรง อย่างสมัยตอนลงทุกช่วงแรกก่อน subprime นึกว่าแน่ หุ้นตัวไหนก็มีข่าวดีเต็มไปหมด กล้าไล่ราคา ของที่(คิดว่า)ดีต้องรีบซื้อ อย่าต่อราคาเดี๋ยวตกรถ แต่หลัง subprime ผมกลายเป็นคนระมัดระวังเป็นพิเศษไปเลย จะซื้อหุ้นที่กลัวแล้วกลัวอีก ไม่ค่อยการซื้อ ทั้งๆที่ตอนนั้นหุ้นราคาถูกมีให้เลือกมากมาย จากสองเหตุการณ์นี้ ผมกลับมาดูเห็นได้ชัดเลยครับ จำนวนเงินที่ใช้ซื้อหุ้นในแต่ละครั้งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง สะท้อนจากความมั่นใจในที่จะซื้อหุ้น ซึ่งหลังจากเกิด subprime จังหวะนั้นหุ้นมีราคาถูก แต่ผมกลับใช้จำนวนเงินซื้อหุ้นเก็บได้จำนวนน้อยกว่าก่อนเกิด subprime ซะอีก ทั้งๆที่เป็นจุดที่ควรจะหวดให้หนักๆมากกว่า ><
โดย
Saran
ศุกร์ ก.ค. 04, 2014 10:28 pm
0
2
Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ
ขอบคุณสำหรับความเห็นดีๆครับพี่ sci แน่นอนว่าหลักการลงทุน VI ก็ต้องมีขาดทุนในหุ้นบ้างตัวบ้างอยู่แล้วครับ แม้ว่าจะเป็นหลักการลงทุนใดๆก็ตามเถอะ เรื่องนี้ผมเชื่อว่าอยู่ที่การเรียนรู้และการฝึกฝนครับ พอฝึกฝนบ่อยๆเข้าแล้วย้อนกลับไปดูข้อผิดพลาดในอดีตก็จะรู้ว่า เมื่อก่อนเคยทำพลาดอะไรมาบ้าง เสียดายนะครับ เคยเห็นเพื่อนบางคนมาลงทุนแนววีไอ แล้วลงทุนพลาดครั้งสองครั้งก็ยอมแพ้ หันไปเล่นหุ้นแนวอื่นแทนหรือเลิกลงทุนไปเลย กลายเป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้มา สั่งสมประสบการณ์มาไม่ได้นำไปสานต่อ ผมเชื่อว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับการฝึกฝนครับ แต่ต้องอยู่ในหลักการและแนวทางที่ถูกต้องด้วยนะ
โดย
Saran
ศุกร์ ก.ค. 04, 2014 7:04 pm
0
7
Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ
ขอบคุณสำหรับความเห็นอันยอดเยี่ยมครับพี่ chaitorn ผมว่าปัจจัยหลักอีกอย่างของการลงทุนแบบ DCA คือเรื่องของจิตใจด้วยครับ เท่าที่ผมดูจากเพื่อนหลายๆคนที่แนะนำใช้วิธีนี้ มักจะทำได้ไม่ต่อเนื่องเพราะมัวแต่เปิดดูพอร์ตบ่อยๆแล้วทำให้หวั่นไหวในหลักการลงทุนไป (ช่วงตลาดตกหนักๆ-->พอร์ตติดลบ-->ไม่สบายใจ หรือ ช่วงตลาดหุ้นขึ้นแรงๆ-->พอร์ตขึ้นน้อยกว่าชาวบ้าน-->ไม่พอใจ) เพราะผมเองยังคิดอยู่บ่อยๆเลยว่า ถ้าหากเจอวิกฤตเศรษฐกิจแบบปี 40 เข้าสักวัน ผมจะยังแน่วแน่กับการลงทุน DCA ไปเรื่อยๆหรือป่าว หรือ เกิดตลาดมันขึ้นไปเรื่อยๆจน PE เกิน 30 เท่า (เป็นจุดที่ผมกำหนดว่าตลาดเริ่มฟองสบู่ ควรจะล้างพอร์ต) ผมจะขายหุ้นทิ้งจริงๆไหม ^^ จิตใจนี่มันทำให้เราฟุ้งซ่านจริงๆครับ
โดย
Saran
พฤหัสฯ. ก.ค. 03, 2014 10:42 pm
0
5
Re: นิทาน VI
ขอบคุณมากครับ อ.ชาย คนขายของ วิธีการลงทุนแนว VI หรือแนวใดๆก็ตาม ไงๆก็ต้องมีการผิดพลาดเข้าสักครั้งอยู่แล้วนะครับ เพราะในโลกการลงทุนมันอยู่บนพื้นฐาน "ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์" ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดก็คือ การเตรียมพร้อมที่จะรับความผิดพลาด ที่ทำให้เราอยู่รอดในตลาดหุ้นต่อไปได้ในระยะยาว
โดย
Saran
พุธ ก.ค. 02, 2014 3:39 pm
0
1
Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ
คุณสุมาอี้ - นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์ นี่ก็เป็นไอดอลของผมอีกคนหนึ่งเลยครับ ส่วนหนึ่งที่เอามาทำพอร์ตทดลองนี้ ก็ได้ไอเดียจากคุณสุมาอี้นี่ละครับ ผมสมัครสมาชิกไว้ตามอ่านอยู่ตลอด แนะนำให้เพื่อนๆ เข้าไปอ่านกันเยอะๆครับ คนๆนี้เก่งจริง
โดย
Saran
พุธ ก.ค. 02, 2014 3:31 pm
0
2
Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ
ขอบคุณมากครับพี่ NB จะรีบเข้าไปศึกษาเลยครับ :bow: :bow: :bow:
โดย
Saran
อังคาร ก.ค. 01, 2014 10:24 am
0
0
Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ
ข้อเสียร้ายแรงของผมอีกข้อคือ บางครั้งเห็นหุ้นดีๆผ่านตาเข้ามาแต่เลิกศึกษาไปเสียก่อนเพราะเห็นว่า มันยังแพงอยู่ แล้วก็เลิกติดตามไปเสียดื้อๆ >< ทำให้พลาดโอกาสดีๆที่จะได้เก็บหุ้นของธุรกิจที่สุดยอดในจังหวะที่ตลาดหุ้นมันร่วงแรงๆครับ
โดย
Saran
จันทร์ มิ.ย. 30, 2014 11:50 am
0
4
Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ
ไม่ได้คุยกับคุณศรัณย์ นาน มาวันนี้ผมเหลือแค่ 3 อย่างจริง ๆ ครับ 1 รันเวย์ 2 หมอผ่าตัดมะเร็ง 3 วงจรปิด มาใบ้หุ้นเหรอครับพี่ ^^ แซวเล่นคร้าบ ต้องขอบคุณพี่ NB และพี่ chaitorn จริงๆที่คอยแนะนำแนวทางการลงทุนมาเสมอครับ โดยเฉพาะในเรื่องการเน้นปัจจัยคุณภาพ ไม่อย่างนั้นผมคงได้ขายหมู mint ไปนานมาแล้ว พวกพี่ๆ สนใจเปิดคอร์สสอนเมื่อไร บอกด้วยนะครับ ผมขอจองล่วงหน้าเลย ^^
โดย
Saran
จันทร์ มิ.ย. 30, 2014 11:42 am
0
0
Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ
คำถามคุณชัยธรน่าตอบ พอร์ตโฟลิโอแมเนจเมนต์สำคัญไม่น้อยกว่า เรื่องอื่น ขอบคุณพี่ nb ที่เข้าใจประเด็นที่ผมต้องการสื่อ 1. การ select หุ้น เป็นเรื่องของ circle of competence of business ที่เราลงทุน ถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญมาก การเป็น vi ต้องสร้างเรื่องนี้ให้เข้มแข็ง จะทำให้เราได้เรียนรู้ว่า เราเข้าใจถูกหรือผิดได้ด้วยตนเอง 2. Portfolio management เป็นศิลปเรื่องของการ focus investment ซึ่งเป็นเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ port ของ ปู่ warren buffett มีผลงานที่เหนือกว่าตลาด มากกว่าเรื่องการ diversification อันเกิดจากความไม่เข้าใจในธุรกิจที่เราลงทุนมากเพียงพอจากการ select ตาม 1 ปัญหาคือ เราจะมีหลักการ การให้น้ำหนักของหุ้นที่เราลงทุนอย่างไร ช่วงเริ่มต้น เก่งขึ้น จนถึงชำนาญ การให้น้ำหนักถูกก็จะมีผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดแม้เราจะลงทุนบางตัวที่ผิดพลาดบ้างก็ไม่เป็นไรเพร่ะหุ้นที่เราให้น้ำหนักสูงจะแก้ไขผลตอบแทนของ port ได้ ให้น้ำหนักผิดก็จะมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอีกด้านเช่นกัน น้ำหนักจึงค่อนข้างสำคัญครับ ขอบคุณที่ช่วยชี้แนะครับพี่ ผมเองมีปัญหานี้บ่อยมากครับ เพราะ circle of competence เราไม่ชัดเจนพอ เลยส่งผลต่อการตัดสินใจหลายๆอย่างมาก
โดย
Saran
จันทร์ มิ.ย. 30, 2014 12:27 am
0
0
Re: มีบริษัทอะไรที่อยากให้เข้าตลาดหลักทรัพย์บ้างครับ
โรงพยาบาลสัตว์ ทองหล่อครับ ค่ายา ค่าอาบน้ำหมา แพงกว่าของคนอีก >< คนจ่ายก็เต็มใจจ่ายด้วย
โดย
Saran
จันทร์ มิ.ย. 30, 2014 12:23 am
0
2
Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ
ขอบคุณพี่ sci และพี่ chaitorn มากๆเลยครับ ที่มาช่วยแบ่งปันไอเดียกัน ^^ นึกว่ากระทู้นี้ไม่ค่อยมีคนมาสนใจซะอีก เนื่องจากหุ้น 5 ตัวในพอร์ตนี้เป็นหุ้นที่ผมใช้เงินลงทุนจริงๆทดลองนะครับ เพื่อนๆไม่จำเป็นต้องเลือกซื้อเหมือนผมก็ได้ อยากแชร์แนวคิดวิธีการที่มือใหม่หัดลงทุนมากกว่า ผมเห็นมือใหม่หลายๆคนประเมินมูลค่าหุ้นยังไม่เก่ง (ผมเองก็เป็น) แต่อย่างน้อยถ้าได้ศึกษาตัวธุรกิจมาบ้าง ลองอ่านรายงานประจำปีดูก็น่าจะพอตอบได้ว่าธุรกิจนี้น่าสนใจลงทุน หรือไม่น่าสนใจ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้วครับ และเมื่อยังประเมินมูลค่าไม่เป็น ทางที่ดีคืออยากหวังผลตอบแทนสูงเกินไปนัก ตั้งเป้าให้ได้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนระยะยาวของตลาดก็พอ พอเรียนรู้มากขึ้น เข้าใจหลักการมากขึ้น ผลตอบแทนก็จะดีขึ้นไปเองละครับ ทุกอย่างต้องใช้เวลา อยู่ที่การฝึกฝนและความตั้งใจ ขอให้โชคดีในการลงทุนครับ
โดย
Saran
อาทิตย์ มิ.ย. 29, 2014 9:11 pm
0
4
Re: ขอเสริมบทความของ ดร.นิเวศน์ ครับ
มีข้อสังเกตนิดหนึ่งครับ จาก 5 ตัวที่ลงทุนมา จะมีการเปลี่ยนหุ้นไหม ถ้าเกิดไปเจอหุ้นตัวใหม่ที่น่าสนใจกว่าที่ถืออยู่ แล้วพี่ Saran จะตัดตัวไหนออกโดยใช้หลักเกณท์อะไร เพื่อป้องกันการเปลี่ยนหุ้นมากเกินความจำเป็น ผมเลยกำหนดไว้ว่าระยะเวลาว่าต้องถือไว้อย่างน้อย 3 ปีครับ หากผลตอบแทนได้ต่ำกว่าเงินเฟ้อ หรือผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ก็คงเปลี่ยนตัวออก แต่ปัญหาคือ ผมไม่รู้ว่าวิธีเปลี่ยนตัวออกจะใช้วิธีไหนดี ขายทั้งก้อน หรือเฉลี่ยขาย แล้วเงินก้อนใหม่ที่ต้องใส่เข้าไปอีกจะใส่ยังไง ??? ใครมีคำแนะนำก็ช่วยหน่อยครับ
โดย
Saran
เสาร์ มิ.ย. 28, 2014 9:59 am
0
1
944 โพสต์
of 19
ต่อไป
ต่อไป
Verified User
ชื่อล็อกอิน:
Saran
อายุ:
41
กลุ่ม:
สมาชิก
งานอดิเรก:
financial freedom
cartoon
photo
ความถนัด:
Investor
ที่อยู่:
ประจวบคีรีขันธ์
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พุธ ส.ค. 27, 2003 5:22 pm
ใช้งานล่าสุด:
จันทร์ ต.ค. 31, 2022 9:06 pm
โพสต์ทั้งหมด:
2377 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.12% จากโพสทั้งหมด / 0.31 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว