หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
Gop
Joined: จันทร์ ต.ค. 09, 2017 3:38 pm
34
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - Gop
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: New Normal กับการลงทุน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ผมมองว่าทุกอย่างที่กำลังทำทุกวันนี้เช่น work from home, online class หรือ ซื้อของออนไลน์นั้น ไม่จำเป็นจะต้องเป็น New normal เสมอไป เพราะที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้นั้นเป็นเพราะสถานการณ์บังคับ ทำด้วยความจำเป็นที่จะต้องรักษาความปลอดภัยในชีวิตเอาไว้ก่อน ผมเองยังเชื่อว่าหลายๆอย่างที่กำลังทำอยู่ทุกวันนี้มันขัดกับธรรมชาติของมนุษย์ เช่นการทานอาหาร ผมเชื่อว่าหลายๆคนรอวันที่จะกลับไปนั่งสังสรรค์กับเพื่อนๆ ไปกินอาหารอร่อยๆ ในร้านสวยๆ บรรยากาศดีๆ มีคนคอยบริการมากกว่าจะมาสั่งออนไลน์แล้วก็ต้องกินเองเก็บเองหรือทิ้งเองอย่างทุกวันนี้ เรื่องเรียน online ก็อีกเรื่องหนึ่ง ผมคิดว่ามันไม่น่าจะมีประสิทธิภาพเท่ากับการได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ครูอาจารย์ ซึ่งในแง่ของการเป็นสัตว์สังคมแล้ว คนเราต้องการตรงนี้มาก เรื่อง work from home ก็เช่นกัน ผมเชื่อว่างานบางอย่าง เช่นพวก software developer หรืองานที่เกี่ยวข้องกับ computer เป็นหลักอาจจะ work from home ได้ แต่ว่างานหลายๆอย่างที่ต้องมีการควบคุมหรือคอยตามงานอย่างใกล้ชิด ผมว่ายากครับที่การทำงานที่บ้านจะมาแทนที่ได้ อย่างไรก็ตาม ผมเองก็เชื่อว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ อาจจะมาเพิ่มส่วนแบ่งในการใช้ชีวิตของเรามากขึ้น แต่ไม่ได้ถึงกับเป็น New Normal แบบแทนที่ไปเลยครับ
โดย
Gop
จันทร์ เม.ย. 27, 2020 12:35 pm
0
3
Re: สังคมคนแก่กับการลงทุน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
มีพี่ๆ คนไหนมองต่างมุม มั้ยครับ รบกวนแชร์หน่อยครับ ผมคิดว่าดร.นิเวศน์ พูดถูกในหลายเรื่องแต่ว่ามองในแง่ลบมากไปครับ จริงอยู่ครับที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงอายุ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจนั้นต่ำมาก แต่ผมกลับมองสองเรื่องนี้แยกกัน ด้านสังคมผู้สูงอายุ เราสามารถทดแทนด้วยการรับแรงงานต่างประเทศจากเพื่อนบ้านเข้ามาทำงานได้ ซึ่งปัจจุบันก็กำลังเป็นเช่นนั้น ผมมองว่าถ้าว่ากันด้วยปริมาณ แรงงานในไทยไม่ถึงขนาดว่าขาดแคลนจนหาไม่ได้ เพราะแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านนั้นพร้อมที่จะเข้ามาทำงานหารายได้ที่สูงกว่าบ้านเค้า เรื่องนี้ทางรัฐก็ต้องจัดการทำให้มันถูกต้องเสีย เอาแรงงานเข้าระบบ เก็บภาษีเข้ารัฐให้ได้ ผมคิดว่าเรื่องเศรษฐกิจที่เติบโตน้อย น่าจะเป็นปัญหาจากเรื่องอื่นนอกจากสังคมผู้สูงอายุด้วย ถ้าใครเคยไปเที่ยวต่างประเทศอย่างเช่นญี่ปุ่น หรือประเทศต่างๆที่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว จะเห็นได้เลยว่าไทยยังห่างไกลและมีช่องว่างในการเติบโตได้อีกเยอะ ผมคิดว่าปัญหาหลักคือไทยเป็นประเทศรับจ้างผลิตมานาน อาศัยแรงงานราคาถูกเพื่อสร้างความได้เปรียบด้านต้นทุน ซึ่งเรากำลังเสียความได้เปรียบนี้ไปให้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเช่นเวียดนามหรือกัมพูชา และทำให้ตอนนี้ประเทศไทยกำลังติดกับดักประเทศรายได้ปานกลาง ผมมองว่าส่วนนี้ต่างหากที่เหนี่ยวรั้งการเจิรญเติบโตทางเศรษฐกิจเอาไว้ ณ ตอนนี้ ผมเชื่อว่าภาครัฐได้ตระหนักถึงเรื่องนี้แล้วและกำลังพยายามพัฒนาอยู่ จะเห็นได้ว่าประมาณ 4-5 ปีที่ผ่านมามีการผลักดันโครงการต่างๆ อย่างเช่น EEC หรือโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ผมเชื่อว่าเรื่องพวกนี้ต้องใช้เวลาในการผลักดันกันอีกหลายปีเลยครับ แต่เชื่อว่าถ้าเอาจริงเอาจรังก็น่าจะทำได้ เพราะในต่างประเทศ เราก็เห็นแล้วว่าถ้าส่งเสริมกันให้ถูกทาง คือพยายามสร้างแบรนด์ หรือนวัตกรรมที่เป็นของประเทศตัวเองให้ได้ แล้วในระยะยาวจะประสบความสำเร็จ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือไต้หวัน และจีน ที่เมื่อก่อนใครๆก็มองว่าเป็นผู้ผลิตของเลียนแบบ แต่ปัจจุบันไม่ได้มีภาพพจน์แบบนั้นแล้ว( จีนอาจจะยังมีภาพพจน์นี้อยู่ แต่น้อยลงมาก ) ตรงนี้ผมเห็นต่างจากดร.นิเวศน์ ว่าคนไทยทำได้ครับถ้าเอาจริงเอาจริง สติปัญญาคนไทยไม่ได้ด้อยกว่าคนชาติไหนในโลก เพียงแต่รัฐบาลต้องกล้าสนับสนุนในให้คนไทยทำธุรกิจกันง่ายขึ้น อย่ามัวห่วงรายใหญ่แล้วกีดกันรายย่อยอย่างเรื่องคราฟท์เบียร์ อันนี้แย่มาก ถ้าให้มองในภาพใหญ่ ผมเชื่อว่าตอนนี้เมืองไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อหาความได้เปรียบในการแข่งขันใหม่ ที่ไม่ใช่การรับจ้างผลิตแต่เพียงอย่างเดียว ผมมองว่าความได้เปรียบทางด้านทำเลที่เป็นจุดยุทธศาสตร์อยู่ใจกลางประเทศ CLMV น่าจะเป็นตัวสร้างการเติบโตในอนาคตได้ครับ ส่วนจะใช้ประโยชน์อย่างไร คงเป็นเรื่องที่เกินไปที่จะพูดในที่นี้ นอกจากนี้ ผมเชื่อว่าที่คนมีลูกกันน้อยลง ก็เพราะการวางแผนครอบครัวที่ทำกันมากขึ้นเมื่อคนมีการศึกษามากขึ้น ทำให้ตระหนักว่าการมีลูกมากเกินไปจะเป็นภาระหรือสร้างปัญหาให้กับส่วนรวมได้ ในทางกลับกัน ถ้าเราพัฒนาประเทศให้คนมีรายได้กันมากขึ้น และทำให้คนตระหนักได้ว่า การมีลูกน้อยเกินไปก็สร้างปัญหาให้กับประเทศได้เช่นกัน ผมเชื่อว่าเทรนด์การมีลูกน้อยก็น่าจะเปลี่ยนได้เช่นกันครับ
โดย
Gop
พฤหัสฯ. ก.ย. 05, 2019 9:18 am
0
7
Re: “รถคันใหม่ปีใหม่นี้ ควรเป็นรถแบตเตอรี่ไฟฟ้า?”
บ้านทั่วไปใช้ไฟ 2 เฟส ครับ ถ้าใช้สามเฟส กะต้องใช้แบบ โรงงานเล็กๆ เปลี่ยนสายไฟ ปลั๊ก หม้อแปลงใหม่คับ ส่วนปริมาณไฟพอเพียงกะจริง แต่อย่าง คุณ vim ว่าไว้ คือ สายส่งคับ ซึ่ง มันลงทุนสูงมาก อย่าง ในลาว ที่ว่าจะเป็น battery of asia แต่ไม่ไปไหน เพราะ ลงทุนสายส่งไม่ไหว อีลอน เป็นคนเก่งครับ แต่อย่าหลงมนต์มาก ตื่นตาตื่นใจ แต่ค่อยๆดูไปจะดีกว่า เรื่องการ combine batt กับ solar พยายามกันมาเกือบ สิบปีละคับ ตั้งแต่ มี solar tower มาแข่งกับ solar cell สุดท้าย fail ทั้งproject ขอบคุณครับ อาจจะมีประเด็นแย้งเล็กๆน้อย ถือว่าแลกเปลี่ยนกันนะครับ ๑ ผมไม่แน่ใจว่า การชาร์จนั้น เรื่องเฟสจำเป็นหรือไม่ ผมคิดว่าเพียงแค่เฟสเดียวแล้วต่อ inverter เข้าแบต ก็น่าจะเรียบร้อย เพราะตัวแบตเอง การทำงานเป็นแบบกระแสตรงครับ ส่วน motor เท่านั้นที่ใช้กระแสสลับ ๒ เรื่องการลงทุนสายส่ง อันนี้ภาครัฐก็ต้องมาชั่งน้ำหนักล่ะครับ ว่าคุ้มมั้ย เพราะถ้าลดการนำเข้าน้ำมัน ลดการขาดดุล ลดมลภาวะ เมื่อประเมินแล้วคุ้มก็ควรลงทุน ฐานะทางการเงินของประเทศไทยก็ไม่น่าจะลงทุนไม่ไหวเหมือนลาว น่าจะพอทำไหว เพราะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จะอยู่กับประเทศไทยไปอีกนาน ๓ เรื่อง solar + battery ผมมองว่ามันเข้าใกล้เข้าไปทุกทีๆ เพราะต้นทุน solar cell กับ battery กำลังลดลงเรื่อยๆ แน่นอนว่าตอนนี้มันยังไม่ถึงระดับที่คุ้มค่าใน scale ใหญ่ แต่ก็เริ่มมีคนใช้ในระดับครัวเรือนกันแล้ว ผมมองว่าในระยะยาวมันจะค่อยๆเข้ามาผสมผสานกับระบบ grid ในที่สุด แต่ก็อย่างที่คุณบอกล่ะครับ ค่อยๆดูไปดีกว่า ๔ อันนี้นอกประเด็น ผมยอมรับว่าเป็นหนึ่งใน fan club ของ Elon แต่ผมตามมาจาก SpaceX ครับ คือเคยได้ฟังเค้าพูดมานานแล้วว่าจะเอาจรวดกลับมาใช้ ผมก็คิดว่าไอ้นี่โม้แน่ๆ ใน presentation มีแต่จรวดเล็กๆ บินขึ้นลงในระดับความสูงไม่เกินสองสามกิโลเมตร ผ่านไปไม่กี่ปี พี่ท่านเอา first stage สูงพอๆกับตึกสิบชั้นกลับมาจากอวกาศได้ ไม่พอ เอามาใช้ซ้ำได้อีกด้วย!! ผมถึงได้รู้ว่าหมอนี่ของจริง แต่ก็แน่นอนล่ะครับ ดูเป็นเรื่องๆไป เรื่องรถไฟฟ้า ผมว่าแกก็ผลักดันได้ตามเป้าหมายอยู่นะ เพียงแต่แกมีข้อเสียคือ ชอบเพ้อเจ้อเรื่องกำหนดการณ์ต่างๆ คือไม่เคยทำได้อย่างที่คาดการณ์เลย แต่ข้อดีคือ ในที่สุดเป้าหมายนั้นจะไปถึงในที่สุด เช่นจะทำให้บริษัทผลิตรถได้วันละพันคัน ช่วงแรกๆ บางเดือนไม่ได้ซักคัน แต่ว่าปลายปีที่แล้ว ก็ทำได้ในที่สุด ๕ ในตอนนี้ ผมมองว่า TESLA กำลังสร้างมาตรฐานใหม่ของ BEV คล้ายๆกับตอนที่ Apple สร้างมาตรฐาน smart phone ขึ้นมา TESLA แสดงให้เห็นว่า ในราคาเท่าๆกัน รถ BEV สามารถมีสมรรถนะหลายๆด้านเหนือกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปภายใน(ICE)ได้ บริษัทต้องการให้คนหันมาใช้รถ BEV เพราะมันดีกว่า ไม่ใช่เพราะมันไม่มีมลพิษ ดังนั้นบริษัทจึงออกแบบทุกอย่างให้คนใช้รถรู้สึกว่า คุ้มค่ากว่า ที่จะใช้รถแบบนี้ ผมเริ่มได้ยินคนบอกว่าจะชลอซื้อรถคนใหม่ รอซื้อรถ BEV มากขึ้นเรื่อยๆแล้วครับ ณ เวลานี้ แผนของ TESLA ดูแล้วเดินหน้าไปเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าอะไรจะมาหยุดได้ ยอดจองรถ MODEL 3 ที่ราคาพอเอื้อมถึงสำหรับคนชั้นกลางยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บริษัทกำลังยกระดับเป็นบริษัทผู้ผลิตรถแบบ mass ได้ ตอนนี้เริ่มสร้างโรงงานที่จีน(Gigafactory 3) ต่อไปกำลังจะสร้างที่ยุโรป ไม่รู้เหมือนกันว่าจะขยายไปอีกแค่ไหน ที่น่ากลัวคือ ยิ่งนานวัน บริษัทจะยิ่งได้ทั้งประสิทธิภาพในการผลิต ได้ economy of scale รถรุ่นใหม่ๆที่กำลังจะทยอยออกมา ก็ล้วนแต่กำลังจะแย่งส่วนแบ่งในตลาดรถ ICE ที่ผมสนใจเรื่องรถ BEV กับการ disrupt วงการรถยนต์ เพราะผมรู้สึกว่ามันใกล้ตัวและเกี่ยวข้องกับประเทศไทยอย่างแรง ผมมองว่า TESLA กำลังเป็น Apple ในวงการรถยนต์ เป็น game changer ที่เปลี่ยน landscape ของทั้งวงการ ดังนั้นถ้าบริษัทไหนตามไม่ทัน หรือประเมินสถานการณ์พลาด ก็จะมีจุดจบแบบ Nokia ถ้าตามทัน ก็จะเป็น SAMSUNG หรือเจ้าอื่นๆที่แข่งขันได้ เท่าที่เห็น บริษัทรถใหญ่ๆที่จริงจังเรื่องการทำรถ BEV ก็มี NISSAN, เครือ VW, Hyundai ที่น่าเป็นห่วงคือ Honda, Mitsubishi หรือ Toyota ไม่ได้ลงมาเล่นเรื่องนี้ด้วย ซึ่งบริษัทเหล่านี้มีฐานการผลิตอยู่ที่ประเทศไทย ถ้าเกิดถูก disrupt ขึ้นมา อุตสหกรรมการผลิตรถยนต์ของประเทศไทยจะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง คิดแล้วก็น่าเป็นห่วง เพราะการส่งออกรถยนต์ถือเป็นรายได้หลักของประเทศไทยเลยทีเดียว
โดย
Gop
พุธ ก.พ. 13, 2019 10:03 pm
0
4
Re: “รถคันใหม่ปีใหม่นี้ ควรเป็นรถแบตเตอรี่ไฟฟ้า?”
รถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอร์รี่มีราคาประมาณ 50% ของราคารถ ซึ่งจะเสื่อมในเวลา 3-5 ปี หลังจากนี้จะเปลี่ยนแต่แบตเตอร์รี่ก็ได้ แต่ไม่ค่อยมีคนทำกัน ส่วนใหญ่ก็ขายซากคืนศูนย์แล้วซื้อใหม่ ใครจะซื้อโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐต้องคิดตรงนี้ด้วยครับ พลังงานไฟฟ้าเราผลิตจากชนบท แล้วส่งเข้ามาใช้งานมาในเมือง ดังนั้นถ้าจะทำที่ชาร์จตามบ้าน โครงสร้างสายส่งไฟฟ้าสำคัญมากเลย ทุกวันนี้สายส่งเมืองไทยไม่พอ ไฟตกไฟดับเป็นเรื่องปกติ ในอเมริกาเขามีสายส่งที่ดีมากแล้วเปิดเสรีการไฟฟ้าให้รายย่อยผลิตไฟฟ้าขายได้ ส่วนสแกนดิเนเวียร์คนเขาน้อยและกระจายออกนอกเมืองอยู่แล้วเลยไม่ใช่ปัญหามาก โจทย์ในไทยค่อนข้างยากและต้องพึ่งพาการนำโดยรัฐที่ฉลาดรอบคอบ ถ้าจะมองเรื่องเทรนด์รถไฟฟ้าในไทย ผมคิดว่าไม่ควรเทียบกับเคสเทสล่าหรือยุโรปเพราะบริบทในไทยมันไม่เหมือนกัน กระแสในไทยน่าจะต้องไปดูจากจีนมากกว่า ในจีนมีรถไฟฟ้าเกิดขึ้นไวมากจากเดิมที่เป็นแค่ฐานการผลิต ตอนนี้กลายเป็นว่ารถรุ่นใหม่ๆทำได้ดีกว่ารถอเมริกาเสียอีก โดยแรงผลักดันก็มาจากภาวะฝุ่นในเมืองทำให้คนหันมาสนใจการลดการปล่อยสารพิษในเมืองกันมากขึ้น อันนี้ใกล้เคียงกับไทยมากเลย ซึ่งหากเรามีรัฐบาลจากการเลือกตั้งที่แข็งแรงเมื่อไหร่ ก็อาจเป็นไปได้ว่าจะมีโครงการลดภาษีรถยนต์ EV จนราคาลงใกล้เคียงกับรถยนต์ทั่วไป (ตามข้อแม้ต่างๆเช่นให้ประกอบในไทย หรืออื่นๆให้อุตสาหกรรมไทยได้ประโยชน์) สรุปคือ ผมมองว่าในไทย ถ้าภาครัฐไม่สามารถนำการเปลี่ยนแปลงได้ การปรับตัวไป EV ของไทยคงทุลักทุเลครับ คนซื้อก็เละ คนไม่ซื้อก็สูบควันกันไปครับ ๑ ประเด็นเรื่องแบตเตอรี่ ผมคิดว่าตอนนี้เทคโนโลยีกำลังใกล้จุดเปลี่ยนสำคัญแล้วครับ หลายบริษัทกำลังทำแบตเตอรี่ที่มีความจุพลังงานต่อน้ำหนักที่มากขึ้นๆ ยิ่งทำให้อายุการใช้งานนานขึ้น เพราะทำให้ cycle ในการชาร์จลดลง ผมจำตัวเลขแม่นๆไม่ได้ แต่รู้ว่าถ้าถึงจุดหนึ่ง พลังงานต่อน้ำหนักมากพอ การตัดสินใจซื้อรถ BEV หรือ รถแบบน้ำมัน จะไม่ต้องชั่งน้ำหนักเลย เพราะรถ BEV จะมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าและเดินทางได้ระยะไกลกว่าน้ำมัน ณ ตอนนี้เอง แบตเตอรี่ของ TESLA นี่ทนมากเลยครับ มีคนทำข้อมูลเก็บเอาไว้ ว่าวิ่งไปเป็นแสนกิโลเมตร แบตเพิ่งเสื่อมไปประมาณ 10% ครับ !!! https://f.ptcdn.info/780/060/000/phzzr2lml6IHNgOllf1-o.png https://steinbuch.wordpress.com/2015/01/24/tesla-model-s-battery-degradation-data/ ๒ เรื่องระบบไฟฟ้าทำให้เสถียร ผมว่าไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงอะไรเลย เพราะการไฟฟ้าเองก็บอกว่าผลิตไฟฟ้าได้เพียงพออยู่แล้ว เรื่องไฟกระชากก็ต้องมาทำวิจัยเก็บข้อมูลกันเรื่องพฤติกรรมผู้บริโภค ในต่างประเทศเองก็มีปัญหาครับ แต่ไม่ได้ร้ายแรงถึงขนาดแก้ไม่ได้ ทางการไฟฟ้าก็ต้องปรับระบบการจ่ายไฟให้รองรับการใช้ไฟฟ้าที่มากขึ้น อีกปัจจัยที่สำคัญคือ เทคโนโลยี solar cell ก็กำลังโตวันโตคืนเช่นกัน ทำให้ยิ่งนานไป การใช้ solar cell ร่วมกับ battery เพื่อกักเก็บไฟฟ้าจะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น ระบบไฟแบบ local grid ก็น่าจะเกิดขึ้นได้ คือดูแล้ว เรื่องไฟฟ้าผมมองว่ามองไปในอนาคต มันไม่ได้ยากจนจะทำให้รองรับการใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นไม่ได้ เพียงแต่ต้องวางแผนไว้ล่วงหน้า เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น ๓ ส่วนเรื่องจะเทียบกับประเทศไหนนั้น ผมว่าไม่แน่ใจว่าคุณ vim ต้องการเปรียบเทียบเรื่องอะไรหรือครับ ผมมองว่าประเทศที่หันมาใช้รถไฟฟ้า ก็เพราะต้องการลดมลภาวะทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องฝุ่น pm 2.5 ยิ่งทำให้หลายคนยิ่งคิดมากขึ้น ผมเชื่อว่ารถ BEV จะกลายเป็น trend หลักของโลกแน่นอน เพียงแต่ว่า เราจะเปลี่ยแปลงแบบไหน แบบภาครัฐส่งเสริม หรือแบบโลกล้อมประเทศ ที่ใครๆเค้าใช้กันหมดจนเหลือแต่เราซึ่งผมคิดว่าไม่ควรเกิดขึ้นกับเมืองไทย ได้แต่หวังว่าทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเร็ววัน ผมล่ะกลัวจริงๆ ว่าบริษัทใหญ่ๆในวงการรถยนตร์ที่อยู่เมืองไทย กำลังจะมีชะตากรรมแบบ NOKIA หวังว่าบริษัท supplier ต่างๆ จะไหวตัวหาธุรกิจใหม่ทำได้ทันการ disrupt ครั้งนี้ ปล. ลองดูข้อมูลเพิ่มเติมจากกระทู้ในพันทิปครับ https://pantip.com/topic/38387405 https://pantip.com/topic/38500274
โดย
Gop
อังคาร ก.พ. 12, 2019 9:51 pm
0
3
Re: “รถคันใหม่ปีใหม่นี้ ควรเป็นรถแบตเตอรี่ไฟฟ้า?”
ชาร์จ ธรรมดา กะต้องต่อตรงจากเมน นะคับ แค่ ปลั๊กอิน สายยังไหม้ อีกอย่างเตรียมรื้อระบบไฟบ้าน ได้เลย เพราะใช้ไฟ สามเฟส รถเครื่องยนต์ สมัยนี้ อย่าง เบนซ์ bmw volvo ระบบไฟฟ้า ท่วมคัน ไปดูคันที่ซ่อมไม่จบ กับงานบริการหลังการขายครับ สารพัดความรวน ลบcode กันเดือนเว้นเดือน กะมี ศูนย์โดนด่า และ มีปัญหาแค่ไหน ที่ว่า ระบบไม่ซับซ้อนๆ เอาจริงๆ จะเป็นงั้นไหม เวลาซ่อมต้องยกบอร์ดไหม ราคาเท่าไหร่ ใครจ่าย ประกันครอบคลุมไหม? ไม่ได้ต่อต้าน แต่คิดว่า มันมี ปัญหาที่เรายังคิดไม่ถึงอีกเยอะ 1 เท่าที่ทราบ ตัวชาร์จมีหลายแบบนะครับ ทั้งตรงทั้งสลับ ผมเห็นพวกฝรั่งชาร์จจากไฟบ้านเลยครับ แต่คงต้องขอใช้ไฟเพิ่มจากการไฟฟ้า ถ้าจำไม่ผิดเวลาชาร์จน่าจะใช้ประมาณ 30-50 ampere ไม่แน่ใจว่า 3 เฟสนี่มีปัญหากับบ้านเรายังไงหรือครับ ผมเองก็ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องระบบไฟฟ้า เพียงแต่สนใจการพัฒนา BEV อย่างก้าวกระโดด ที่น่าจะกลายเป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลกอย่างรวดเร็ว 2 เรื่องบริการหลังการขาย อันนี้ต้องว่ากันเป็นรายๆไปใช่มั้ยครับ ถ้าเจ้าไหนไม่ดี คนก็ไม่ซื้อ เท่าทีทราบ ทาง TESLA ใช้การ update ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทำให้แก้ไขปัญหาได้ทันทีโดยไม่ต้องส่งซ่อมเลยด้วยซ้ำ ถ้าเป็นปัญหาเรื่อง sofware ภายในรถ ดังนั้นใครอยากแข่งขัน ก็ต้องทำแบบนี้ให้ได้ ไม่งั้นคุณก็ไม่รอด เพราะผู้บริโภคมีทางเลือก
โดย
Gop
อังคาร ก.พ. 12, 2019 9:16 pm
0
1
Re: “รถคันใหม่ปีใหม่นี้ ควรเป็นรถแบตเตอรี่ไฟฟ้า?”
ขอเสริมในฐานะกองเชียร์ TESLA (ที่ไม่มีรถใช้) ๑ เรื่องการชาร์จนั้น ถ้าเจ้าของรถมีบ้านอยู่ ติดตั้งอุปกรณ์เสริม ก็สามารถชาร์จทิ้งไว้ตอนกลางคืนเหมือนชาร์จโทรศัพท์ได้เลย(ถ้าชาร์จตรงๆจากไฟบ้านก็ได้ แต่จะใช้เวลาเป็นสิบชั่วโมง) ตื่นมาทุกวันก็มีรถที่แบตเต็ม 100% ไม่ต้องแวะเข้าปั๊มน้ำมันเหมือนรถธรรมดา ส่วนการชาร์จในจุดชาร์จ ถ้าเป็น supercharger ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้นในการชาร์จจาก 0-80% ซึ่งผู้ใช้รถหลายคนก็อาศัยโอกาสนี้ในการแวะพักระหว่างทางกินข้าว หรือซื้อของไปเลย ผมมองว่า supercharger ใช้สำหรับกรณีเดินทางไกลๆ อย่างเช่นไปเที่ยวต่างจังหวัดเท่านั้น ไม่ใช่ใช้สำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน ๒ เรื่องความคุ้มค่า ไม่ทราบว่าผู้เขียนบทความกล่าวถึงรถ SUV S ของเทสล่า นั้นหมายถึงรุ่นไหน เพราะ TESLA MODEL S เป็นรถซีดาน น่าจะหมายถึงเจ้า MODEL X ที่มีประตูแบบ falcon wing มากกว่าที่ราคาค่อนข้างแพงจริงๆ อย่างไรก็ตาม ถ้าเปรียบเทียบรถในราคาใกล้เคีียงกับสองรุ่นนี้ หลายคนให้ความเห็นตรงกันว่าของ TESLA คุ้มค่าที่สุด เมื่อเทียบกับ Performance และใช้จ่ายที่ตามมาหลังซื้อรถไปแล้ว เช่นไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อครบระยะ ๓ เท่าที่ทราบ ตอนนี้ทางเทสล่ากำลังเตรียมเปิดตัว MODEL Y ซึ่งเป็นรถ SUV ที่ราคาใกล้เคียงกับ MODEL 3 ซึ่งรถกลุ่มนี้เป็นกลุ่มใหญ่สุดในตลาด ก็น่าสนใจว่าจะประสบความสำเร็จเหมือน MODEL 3 หรือไม่ เพราะถ้าทำได้จริง ราคาต่ำสุดจะอยู่ที่ 35,000 เหรียญ หรือประมาณล้านต้นๆเท่าน้ั้น ถือว่าถูกลงกว่ารุ่นก่อนๆเยอะ ๔ เรื่อง software เป็นอีกเรื่องที่ไม่ธรรมดา ทางบริษัทจะทำการ update ระบบให้ตอนกลางคืน ซึ่งทำให้ปัญหาจุกจิกหลายๆอย่างหายไปโดยไม่ต้องไปซ่อม เช่นถ้าระบบไฟ หรือเครื่องใช้ต่างๆมีปัญหา ถ้าทางบริษัทตรวจพบ ก็จะแก้ไขให้ผ่านการ update ทาง internet เหมือนโทรศัพท์เลย นอกจากนี้ พวก function ใหม่ๆ เช่น autopilot ก็สามารถ install พร้อมการ update ได้เลย ๕ อายุการใช้งานของ TESLA บางคนบอกว่า 100 ปีเลยครับ(ถ้ายังอยากใช้) การเปลี่ยนอะไหล่ไม่ซับซ้อน คือเปลี่ยนแบต กับเปลี่ยนมอเตอร์ แต่ถ้าทำแบบนี้ ไม่ทราบว่ามันจะคุ้มกว่าซื้อรถใหม่หรือเปล่า? ทั้งนี้ทั้งน้ัน ราคาเหล่านี้คือในประเทศสหรัฐอเมริกา ผมเองก็ไม่ทราบว่า ถ้าเอาเข้าเมืองไทยมันจะเพิ่มอีกแค่ไหน ได้แต่ลุ้นว่า ถ้าโรงงานที่เซี่ยงไฮ้เสร็จ และหวังว่าทางการไทยและจีนมีการตกลงเรื่องลดภาษีส่งสินค้าข้ามแดน คนไทยอาจจะได้ใช้รถสุดล้ำในราคาที่พอเอื้อมถึง ผมมองว่าถ้าไม่โดนภาษีโหดนัก อยากให้เจ้า MODEL 3 มีราคาประมาณ CAMRY หรือ ACCORD คนไทยก็จะได้มีโอกาสได้ใช้มากขึ้น ส่วน MODEL S หรือ X ก็คงเป็นรถสำหรับคนมีฐานะเท่านั้น ส่วนผู้ผลิตเจ้าอื่นๆ ตอนนี้ได้แต่ลุ้นว่า การมา disrupt วงการของ TESLA จะทำให้ค่ายอื่นๆสนใจทำ BEV กันมากขึ้น ถ้ายอดขายยังพุ่งไม่หยุดอยู่อย่างนี้ ใครขยับช้าได้หนาวแน่ เท่าที่เห็น สมรรถนะของค่ายอื่นยังห่างไกลกับ TESLA อยู่มาก ทำให้ดูแล้วไม่น่าซื้อ เพราะได้รถที่สมรรถนะต่ำกว่ารถธรรมดาในราคาที่แพงกว่า
โดย
Gop
เสาร์ ม.ค. 26, 2019 9:57 pm
0
6
Re: อบรมการลงทุนแบบเน้นคุณค่า 14/10/55 [อ.โจลูกอีสาน/อ.ไพบูล
โชคดีมากที่มีคนดันกระทู้นี้ อยากให้เก็บเข้ากระทู้ทรงคุณค่า ไม่น่าเชื่อว่าผ่านมาห้าหกปี แต่เนื้อหาสาระไม่ตกยุคเลย ของดี อยู่เหนือกาลเวลาจริงๆ
โดย
Gop
พฤหัสฯ. ส.ค. 16, 2018 5:52 am
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
Gop
ระดับ:
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
จันทร์ ต.ค. 09, 2017 3:38 pm
ใช้งานล่าสุด:
ศุกร์ ก.ค. 07, 2023 5:30 pm
โพสต์ทั้งหมด:
34 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.01 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว