หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
iamkom
Joined: พฤหัสฯ. พ.ย. 09, 2006 4:23 pm
15
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - iamkom
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: ลุงโฉลก ออกรายการมือใหม่ เป็นใครครับ"ประเทศไทยไม่มีทางเล
:shock: ฟังแล้วอึ้ง แกเคยศึกษา fundamental หรือเปล่าครับถึงมั่นใจ พูดออกสื่อซะขนาดนั้น จับความคร่าวๆใกล้จบรายการแล้ว อึ้งกับหลายๆประโยคที่แกพูดออกรายการ "หุ้นมีเป็นพันตัว ใช้ fundamental ปีนึงๆ ดูหุ้นได้อย่างมากก็แค่ 1-2 ตัว แต่ technical 2-3วินาที ดูได้ครบทั้งหมดทุกบริษัท" "ประเทศไทยไม่มีทางเลือกต้องใช้ technical อย่่างเดียว" "Fundamental โดนหลอกกันได้หมด บริษัทเดี๋ยวนี้แต่งบัญชีกันทั้งนั้น" ยังมีอีกหลายๆอย่างที่แกพูดถึง fundamental แล้วเหมือนแกไม่เคยศึกษา นั่งเทียนพูดออกสื่อซะเต็มที่เลย :shock: ใครรู้จักแกช่วยแนะนำให้แกศึกษาหลายๆด้าน ค่อยออกสื่อดีกว่าครับ ด้วยความเคารพ :D เห็นด้วยว่า กรณีนี้ ลุงโฉลก ไบแอส กับ Fundamental แล้วกระทู้นี้ ก็อยู่ได้ แต่พอแสดงความเห็น เพิ่มเติมว่า ดร.นิเวศน์ เอง ก็ไม่ได้ถ่องแท้กับแนวทาง Technic แต่ก็เคยเขียนหนังสือ หรือ ออกบทความ คล้ายๆกันนี้ แต่ในทำนองตรงข้าม กลับโดนลบ ทำไม เหรอครับ เวบนี้ อยากรับฟังความจริงแค่ด้านเดียว หรือครับ อย่าลบเลยครับ ... MOD :D
โดย
iamkom
อาทิตย์ ก.ย. 23, 2012 11:49 am
0
0
Re: ลุงโฉลก ออกรายการมือใหม่ เป็นใครครับ"ประเทศไทยไม่มีทางเล
อ่าน post ตัวเองแล้วรู้สึกแสดงความเห็น bias ไปหน่อยเหมือนกัน แหะ :D แต่ถ้าได้ฟังแกออกรายการแล้ว รู้สึกว่าไม่เหมาะเลยที่แกมาบรรยายออกสื่อ แนวโจมตีการลงทุนแนวพื้นฐาน เพราะถ้าแกไม่เคยศึกษา หรือแกมาแนวทางอื่น ก็เลี่ยงๆการตอบไปว่าไม่เคยศึกษา หรือไม่ถนัด จะเหมาะสมกว่าครับ อันนี้ เห็นด้วยครับ เพราะ ดูแล้ว ไบแอสมาก แต่ก็คล้ายกับ เวลา ดร.นิเวศน์ กล่าวยกย่อง VI แล้วดูแคลนหรือโจมตี สายการลงทุนแนวอื่น นั่นแหละครับ ตัวดร.นิเวศน์ เอง ก็ไม่ได้ถ่องแท้ กับการลงทุนแนวอื่น แต่ก็เคยให้สัมภาษณ์ เขียนหนังสือ หรือ ออกบทความ ในทำนองที่คล้ายคลึงกัน กับ ลุงโฉลกนี่แหละครับ แต่ในทางตรงกันข้าม สรุป คือ สองคนนี้ ไบแอส ...ทั้งคู่
โดย
iamkom
อาทิตย์ ก.ย. 23, 2012 11:33 am
0
1
Re: ผมว่า VI ในห้องนี้กำลังอยู่ใน red ocean
ขอแก้ไข เพราะ ด้านบนที่พิมพ์ไป อ่านอีกที ความหมายเพี้ยนไปเยอะ ตรงนี้ คล้ายๆกับ คำกล่าวหนึ่ง ที่มีคนเคยกล่าวไว้ แล้ว Buffett เอามาใช้ หรือ ประยุกต์ สำหรับการลงทุนของเขาเองด้วย " I would rather be vaguely right than precisely wrong " Keynes "ผมเลือกจะทำสิ่งที่ ถูกต้อง อย่างคลุมเครือ มากกว่า จะทำสิ่งที่จะผิดพลาด อย่างชัดเจน"
โดย
iamkom
พฤหัสฯ. ก.ย. 20, 2012 9:03 am
0
0
Re: ผมว่า VI ในห้องนี้กำลังอยู่ใน red ocean
ผมว่า VI ในห้องนี้กำลังอยู่ใน red ocean ....ส่วนมากก็ยังมีความสุขในมหาสมุทรนี้ คิดคล้ายๆกัน มุ่งมั่นและพอใจในหุ้นที่เป็น ...super stock และหวังว่าจะซื้อหุ้นวันนี้ และ ถือไปเรื่อยๆ เหมือนดัง เสมียนสาวอเมริกาที่ถือหุ้น cock จนกลายเป็นมหาเศรษฐี และพยายามศึกษาหาความรู้เพื่อหา... super stock ใช้ข้อมูลเชิงคุณภาพในการตัดสินหุ้นว่าดีหรือไม่ อย่างอื่นแทบไม่สนใจ มีแต่คนธรรมดาๆเท่านั้น ที่เลือกหุ้นโดยดู PE เซียนจะต้องมองไกลกว่านั้น ไม่ได้มองปัจจุบัน มองไปโน่น 5-10ปีข้างหน้า... ในกรณีนี้ มันจะเป็น Red Ocean ด้วยเหตุใดล่ะครับ ตรงนี้ เข้ากับหลักการลงทุน ที่มีคนเคยกล่าวไว้ แล้ว Buffett เอามาใช้ หรือ กล่าวซ้ำ เสียด้วย " I would rather be vaguely right than precisely wrong " Keynes ผมเลือกจะทำสิ่งที่ ถูกต้อง อย่างคลุมเครือ มากกว่า จะทำสิ่งที่จะผิดพลาด อย่างชัดเจน กรณี เลือกหุ้นโดยเน้นปัจจัยคุณภาพ น่าจะตรงกับ กรณีนี้ครับ แม้ไม่ใช่การลงทุนที่ดี่ที่สุด แต่ก็เป็นการลงทุนที่ดีกว่า การเน้นการใช้ปัจจัยเชิงปริมาณ โดยที่ตัวเอง ไม่ได้ถ่องแท้กับมัน
โดย
iamkom
พฤหัสฯ. ก.ย. 20, 2012 8:56 am
0
0
Re: George Soros กล่าวไว้ว่า....
“Markets are constantly in a state of uncertainty and flux and money is made by discounting the obvious and betting on the unexpected .” ผมคิดว่าใน ประโยคดังกล่าว นั้น สามารถตีความได้หลากหลาย และ สามารถก่อให้เกิดการบูรณาการทางความคิดในเชิงคุณค่าได้ สำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่าแต่ละท่าน อะไร คือ the obvious และ อะไร คือ the unexpected ครับ Soros มักจะสื่อสาร ด้วยสำนวนเชิงปรัชญาเสมอๆ เพราะ การเป็นนักปรัชญา คือ สิ่งที่เขาใฝ่ฝัน การลงทุน ของเขา หลายๆกรณี เป็นสนามทดสอบ ทฤษฏีทางปรัชญาส่วนตัว ด้วยซ้ำ เขาบอกเสมอว่า... ถ้าเขาไม่มีเงิน เสียงของเขา จะไม่ดัง และคำพูดของเขา คงไม่มีใครมาสนใจ การทำเงินได้ ในตลาด ก็เพียงเพื่อพิสูจน์ว่า คำพูดของเขาถูกต้อง เท่านั้นเอง สำหรับประโยคด้านบน ถ้ายกตัวอย่าง ที่เขาเคยทำมาจริงๆ Obvious คือ ข้อมูลเชิงประจักษ์ Unexpected คือ สิ่งที่ไม่มีใครคาดถึง โดยเขา ทำการเดิมพัน ค่าเงินปอนด์ในปี 1990 ทำกำไรได้ประมาณ 1000 ล้านปอนด์ โดยเขาเชื่อว่า สิ่งนี้ ไม่มีใครคาดถึง และสำหรับเขา ค่าเงินปอนด์ในตอนนั้น คือ Discounting Obvious กรณี การทำ Arbitrage ของ Buffet ก็น่าจะเข้าข่าย Discounting Obvious ในแง่นี้ได้ด้วย ส่วนอื่นๆของ Buffett ที่ไม่ได้ทำ Arbitrage ก็น่าจะเป็นการ Betting ในความหมายนี้ ของ Soros เพียงแต่ทักษะ ในการประเมิน ของ Buffett ในส่วนของ Unexpected สูงกว่า นักลงทุนคนอื่นๆ ในตลาด แต่สิ่งที่ คนๆหนึ่งมองขาดว่าเป็น Discounting Obivous แล้ว หลายๆคน อาจจกำลังคิดว่ามัน Unexpected อยู่ก็ได้ สำหรับคำว่า...Markets สำหรับ Soros หมายถึง ทุกตลาด เพราะ มันมี s และส่วนนี้ สอดคล้องกับการที่เขาเคยได้รับการยกย่องว่า เป็นนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยนิตยสาร Business Week ตรงนี้ หลายๆคน โดยเฉพาะ ในเวบนี้ อาจจะรู้สึก ขัดเคือง เพราะ คงเทใจให้ Buffett ไปหมดแล้ว แต่ นิตยสาร Business Week ให้เขาเหนือกว่า Buffett และ Lynch (เมื่อกว่า 15 ปีที่แล้ว) ตอนแรกที่อ่านเจอ ก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ Buffett เพราะ ทั้งระยะเวลาและจำนวนเงิน เขาคือ เบอร์ 1 ของโลก อย่างแท้จริง แต่เหตุผล คงน่าจะมากจากการที่ Buffett กับ Lynch (ตอนนั้น )เน้นการลงทุนเฉพาะ หุ้น และเน้นในตลาด Wall Street อีกทั้ง แนวทางที่ใช้ก็เป็นแนวทาง ที่ต่อยอด หรือ ประยุกต์มาจากนักลงทุนคนอื่นๆ ในแนว Fundamental หรือ Value Investment ส่วน Soros มีความแตกต่างอย่างเด่นชัด 2 ประการ คือ 1. แนวคิดในการลงทุนเป็นแบบ เฉพาะ เชิงปรัชญาที่เขาสังเคราะห์ขึ้นมาเอง 2. เขาผ่านการลงทุน-เก็งกำไรมาแล้ว ใน สมรภูมิสำคัญๆ ทั่วโลก ทั้งหุ้น ค่าเงิน Commodities ฯลฯ ซึ่งตรงนี้ ก็ถือว่าเป็นมุมองของ Business Week ส่วนใครจะเห็นด้วยหรือเห็นต่าง คงต้องลองไปหาอ่านหนังสือเล่มนี้ แล้วประเมิน การประเมินของ Business Week ในตอนนั้น ด้วยตัวเอง ก็ละกันครับ http://www.toulo.com/product/ProductDetail.asp?ProductID=1256
โดย
iamkom
อังคาร ก.ย. 18, 2012 11:25 am
0
3
Re: หาความรู้เรื่องการShort Against Port
อ่านคนเก่งๆถกกัน แล้วงงดีคับ 5555 จนวันนี้ผมยังแยกไม่ได้ระหว่าง upside กะ mos เลย รู้แต่ ถ้าหาได้จะเลือกหุ้นที่คิดว่า upside สูงๆ เนื่องจาก ธุรกิจ มีโอกาสที่เราจะพลาดได้ตลอดเวลา ความไม่แน่นอนสูง upside ที่สูงน่าจะเป็น buffer ที่ดี โดยที่ผมก็จะกะ ปันผล เป็นเบาะรองว่านุ่มพอไหม เกิดคิดผิด ว่ารับได้แค่ไหนเกิดดอยขึ้นมา ไม่รู้เรียก mos ได้ไหมคับ จากประสบการณ์ Upside น่าจะหมายถึง Upside Gain เป็นการคาดการณ์ ความเป็นไปได้ของ ราคาตลาดในอนาคต เทียบกับ ราคาหุ้น ตามราคาตลาด ในเวลาปัจจุบัน คำตรงข้าม คือ Dowside Risk โดยเป็นเรื่องของ ราคาตลาด ทั้งคู่ ใช้ได้ทั่วไป ไม่จำกัดว่า จะประเมินด้วยฐานความคิดใด แต่ MOS เป็นคำเฉพาะ ในสาย VI เป็นเรื่องของ ราคาตลาด ณ ปัจจุบัน เทียบกับ Intrinsic Value หรือ Fair Price (ตามเงื่อนไข ที่แต่ละคนจะประเมิน) พูดง่ายๆ ถ้าคุณพูดถึง ราคาตลาด กับ ราคาตลาด คนละช่วงเวลา ส่วนต่างของ ราคา ที่อาจจะเกิด ย่อม มีได้ทั้ง + และ - นั่นคือ Upside Gain และ Down Side Risk แต่เมื่อไหร่ ที่คุณเอาราคาตลาด ในปัจจุบัน มาเปรียบเทียบกับค่า Intrinsic Value หรือ Fair Price ตามการประเมินของคุณ ส่วนต่าง ตรงนี้ ก็คือ MOS นั่นเอง
โดย
iamkom
จันทร์ ก.ย. 03, 2012 1:01 pm
0
1
Re: หาความรู้เรื่องการShort Against Port
อ่านความเห็นพี่หมึก paul แล้ว นึกถึงความสุขของการเห็นรวงข้าว สุขเหลืองอร่ามเต็มท้องนา มันคงเป็นแค่ภาพฝัน ถ้านักรอคอย ถอดใจไปก่อน ส่วนตัวเคยถือ tnh เหมือนกันนะพี่ แต่ผมไม่รอ :B ตรงนี้ ก็น่าสนใจครับ ว่า เหตุผลอะไร ที่ไม่รอ หรือ ทำให้ขายไปแล้ว ก็ในเมื่อท่านก็บอกเองว่า ท่านซื้อเมื่อมี MOS เชิงคุณภาพ เข้าเกณฑ์ส่วนตัวของท่าน แล้วก็เชื่อมั่น ว่าปลอดภัย ไม่สนใจว่า ราคาจะขึ้นหรือลง แต่ความเห็นด้านบน ก็ขัดแย้ง กันเองแล้วนี่ครับ
โดย
iamkom
อาทิตย์ ส.ค. 19, 2012 5:47 pm
0
0
Re: หาความรู้เรื่องการShort Against Port
ที่ตอบมา ยังไม่ค่อยตรงคำถาม สักเท่าไหร่ เพราะท่าน จุดประเด็นเรื่อง MOS เชิงคุณภาพ แต่ยังไม่ได้ตอบว่า แล้วบริษัทที่มี MOS เชิงคุณภาพสูงสุด (ท่านคิดว่าบริษัทไหน) เป็นบริษัทที่ จะให้ผลตอบแทนในการลงทุน สูงสุด หรือ หรือ เป็นบริษัทที่น่าลงทุนที่สุดหรือเปล่า (ขอเหตุผลประกอบ) ขอประเด็นตรงนี้ ชัดๆ ละกันครับ
โดย
iamkom
อาทิตย์ ส.ค. 19, 2012 5:44 pm
0
0
Re: หาความรู้เรื่องการShort Against Port
แก้ไขคำผิด ถือ แก้เป็น ขาย ส่วนที่ว่า VI หลายคน...ขาย เพราะอดทนไม่พอ
โดย
iamkom
อาทิตย์ ส.ค. 19, 2012 2:52 pm
0
0
Re: หาความรู้เรื่องการShort Against Port
เอาตัวอย่างกันสดๆร้อนๆ TNH เป็นหุ้นที่หลายๆคนที่เรียกตัวเองว่า VI ถือกันอยู่ ใครก็ตามที่ทนไม่ได้ขายไปก่อน หรือใช้วิธี SAP และ กำลังรอซื้อกลับ ดูซิครับว่า เมื่อวานราคาขึ้น 10% วันนี้ถึงตอนเที่ยงครึ่งอีก 17 % จะซื้อกลับยังใงทัน? ราคาวิ่งไปหาค่าเฉลี่ยของกลุ่มโรงพยาบาลในปัจจุบัน ครั้งนี้คงมีคนเจ็บปวด เพราะSAPไม่น้อย คงได้บทเรียนเหมือนผมเมื่อหลายๆปีก่อน โชคดีที่ผมเรียนรู้ไปก่อน.....วันนี้เลย ดีใจนิดหน่อย :mrgreen: ตรงนี้ สรุปผล ไม่ตรงกับ เหตุ ครับ เพราะ คนที่จะเจ็บปวดกับวิธี SAP คือ คนที่ใช้ไม่เป็น หรือไม่รู้วิธีใช้ แต่คิดแค่ว่า อยากจะทำ SAP ต่างหาก เหมือนกับ คนที่ไม่รู้วิธีการลงทุนแบบบ VI พอเสียหายด้วยวิธีของ VI แล้วโทษหลักการของ VI นั่นแหละครับ ความเจ็บปวดในอดีตของคุณ มาจากสาเหตุนี้ ส่วนการทำ SAP ที่ถูกต้อง จะไปเกี่ยวข้องกับ Trading System และ Money Management อีกด้วย ขายหมดมือในไม้เดียว แล้วราคาวิ่งขึ้น ตรงนี้ อย่าไปบอกใครๆ ว่าทำ SAP เป็น เลยครับ ส่วนที่ว่า VI หลายคนถือ เพราะอดทนไม่พอ อันนี้ คงต้องให้คนที่ขายไปก่อนหน้า มาเปิดเผยดีกว่าว่า ขายไปด้วยเหตุผลใด แต่การยกกรณีนี้ ขึ้นมา กลับทำให้ยิ่งเห็นได้ชัดว่า สำหรับ บางคน ที่สนใจและจะเข้าซื้อหุ้นตัวนี้ แต่กำลัง...ต่อรองราคา ก็อาจไม่ต่างกับ การคาดเดาราคาหุ้น หรือ จับจังหวะตลาด แล้วพลาด นั่นเอง
โดย
iamkom
อาทิตย์ ส.ค. 19, 2012 2:31 pm
0
2
Re: หาความรู้เรื่องการShort Against Port
... เปรียบเทียบกับ การตั้งเงื่อนไข MOS แล้วพบว่า ราคาตลาดยังให้ MOS ไม่เพียงพอ เราจึงไม่ซื้อ แล้วกรณีนี้ล่ะ เรารู้ได้อย่างไรว่า สักวันหนึ่ง ราคาหุ้นตัวนั้น จะต้องตกลงมา จนมี MOS ตามที่เราต้องการ การลงทุนส่วนตัวของผม คำตอบคือไม่รู้ครับ เพราะผมไม่เคยคาดการณ์ทิศทางของราคาหุ้น ว่ากำลังจะขึ้น หรือว่ากำลังจะลง และถ้าไม่มั่นใจจริงๆ ก็จะไม่ซื้อครับ ผมจะมองข้ามโอกาสนั้นไป ถ้ามองภาพบริษัทมัวๆ ไม่ชัด เมื่อซื้อหุ้นแล้ว หุ้นจะลงก็ได้ หุ้นจะขึ้นก็ดี ผมรู้แค่ว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยก็สบายใจละ สำหรับ MOS ผมมองว่ามันมี 2 ด้าน เชิงคุณภาพ กับเชิงปริมาณ และมันก็ไม่ใช่ตัวเลขตายตัว แต่ถ้าคิดว่าการรอซื้อหุ้นที่หมายปอง ซึ่งในอนาคต จะซื้อ หรือ ไม่ซื้อก็ได้ เป็นการจับจังหวะตลาด ก็สุดแล้วแต่จะคิดครับ MOS เชิงคุณภาพ น่าจะหมายถึง กฎเกณฑ์อะไรบางอย่างมากกว่า แล้วก็เป็น Subjective มากๆ เพราะ ถ้าให้เรียงลำดับ หุ้นในตลาดทั้งหมด ตาม MOS เชิงคุณภาพ คนร้อยคน ก็ต้องเรียงกัน ร้อยแบบ ใช่หรือเปล่า ? แล้วบริษัทที่มี MOS เชิงคุณภาพสูงสุด (ท่านคิดว่าบริษัทไหน) เป็นบริษัทที่ จะให้ผลตอบแทนในการลงทุน สูงสุด หรือ หรือ เป็นบริษัทที่น่าลงทุนที่สุดหรือเปล่า (ขอเหตุผลประกอบ) ประเด็นต่อมา คือ MOS เชิงปริมาณ หรือ ที่กล่าวกันอยู่ทั่วไป มักจะหมายถึง ส่วนลด หรือ ส่วนต่างของ ราคา Intrinsic Value หรือ Fair price ( ตามการประเมินของแต่ละคน) ที่มีต่อ ราคาตลาด ตรงนี้ เห็นด้วยหรือเห็นตรงกัน นะครับว่า Intrinsic Value หรือ Fair Price ไม่มีตัวเลขที่ตายตัว แต่ในขณะที่ราคาตลาด ที่ทุกคนใช้อ้างอิง คือ ราคาเดียวกัน คำถาม ก็คือ .... ราคาในการเข้าซื้อหุ้นตัวหนึ่งๆ จากการประเมิน IV หรือ FP ที่มีการคำนึงถึง MOS ( ซึ่งแต่ละคนก็มี ตัวเลขไม่เท่ากันอีก) เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ใครกำหนดได้เหมาะสม หรือ ตัวเลขตัวไหนที่เหมาะสม ? แล้วถ้ามีตัวเลขหนึ่ง ที่แต่ละคนเชื่อว่า เหมาะสม แต่ไม่สามารถซื้อได้ คือ ราคาหุ้นนั้นๆ ไม่เคยตกลงมาต่ำกว่านั้นอีกเลย ราคานั้น จะยังเป็นราคาที่เหมาะสมอีกหรือเปล่า ? ประเด็นต่อมาก็คือ การกำหนดราคาซื้อหุ้นตัวเดียวกัน ที่มีราคาแตกต่างกัน ของคนกลุ่มหนึ่ง แล้วมีบางคนได้ครอบครอง โดยราคาได้ลงมาถึง ที่คนๆนั้น ได้กำหนดไว้ แต่ก็มีอีกหลายๆคน ที่ตั้งไว้ต่ำกว่านั้น (บางทีก็ต่างกันแค่เล็กน้อย) แล้วไม่ได้ครอบครอง นั่นหมายถึง การใช้ MOS ไม่ได้เป็นเงื่อนไข ที่ให้เราได้ใช้ ฟรีๆ แต่มี ค่าเสียโอกาส เป็นการแลกเปลี่ยนด้วย ใช่หรือเปล่า ?
โดย
iamkom
อาทิตย์ ส.ค. 19, 2012 2:08 pm
0
1
Re: หาความรู้เรื่องการShort Against Port
แล้วเงื่อนที่ตั้ง โดยใช้ MOS โดยหากได้ MOS ตามที่ต้องการแล้ว ถึงจะซื้อ มิเช่นนั้น ก็จะรอ ไปเรื่อยๆ เป็นเงื่อนไข อิสระ หรือเกี่ยวพันกับ ราคาตลาด ถ้าเกี่ยวพันกับ ราคาตลาด ทำไม การรอให้ราคาหุ้น หรือ การหวังให้ราคาหุ้น ...ตกลงมา จนมี MOS อย่างที่เราคาดหวัง จึงไม่เป็น การจับจังหวะตลาด หรือ การคาดเดาราคา ก็ในเมื่อ การทำ SAP มีการตั้งข้อสังเกตว่า VI จะไม่ทำ เพราะ ไม่มีใครจับจังหวะตลาดได้ ขายไปแล้ว ไม่รู้จะซื้อกลับที่ราคานี้ได้หรือเปล่า เปรียบเทียบกับ การตั้งเงื่อนไข MOS แล้วพบว่า ราคาตลาดยังให้ MOS ไม่เพียงพอ เราจึงไม่ซื้อ แล้วกรณีนี้ล่ะ เรารู้ได้อย่างไรว่า สักวันหนึ่ง ราคาหุ้นตัวนั้น จะต้องตกลงมา จนมี MOS ตามที่เราต้องการ ก่อนที่ผมจะตอบ ขอถามก่อนครับ ว่า ไม่เข้าใจและสับสนจริงๆ แยกไม่ออก หรือ ยังไงครับ จับประเด็นของคำถามไม่ได้ จริงๆหรือครับ ลองดูคำตอบของคนที่อื่นดูครับ ว่าทำไมเขาตอบมาได้ โดยไม่ได้ถามเรื่องความสับสน เพราะ ผมไม่ได้สับสน และแยกแยะให้เห็นชัดๆ แล้วต่างหาก แต่ขอถามนะครับว่า ตรงไหน ที่ทำให้คุณสับสน แล้วคิดว่า คนถาม มีความสับสน ขอบคุณครับ
โดย
iamkom
อาทิตย์ ส.ค. 19, 2012 1:17 pm
0
0
Re: หาความรู้เรื่องการShort Against Port
แล้วเงื่อนที่ตั้ง โดยใช้ MOS โดยหากได้ MOS ตามที่ต้องการแล้ว ถึงจะซื้อ มิเช่นนั้น ก็จะรอ ไปเรื่อยๆ เป็นเงื่อนไข อิสระ หรือเกี่ยวพันกับ ราคาตลาด ถ้าเกี่ยวพันกับ ราคาตลาด ทำไม การรอให้ราคาหุ้น หรือ การหวังให้ราคาหุ้น ...ตกลงมา จนมี MOS อย่างที่เราคาดหวัง จึงไม่เป็น การจับจังหวะตลาด หรือ การคาดเดาราคา ก็ในเมื่อ การทำ SAP มีการตั้งข้อสังเกตว่า VI จะไม่ทำ เพราะ ไม่มีใครจับจังหวะตลาดได้ ขายไปแล้ว ไม่รู้จะซื้อกลับที่ราคานี้ได้หรือเปล่า เปรียบเทียบกับ การตั้งเงื่อนไข MOS แล้วพบว่า ราคาตลาดยังให้ MOS ไม่เพียงพอ เราจึงไม่ซื้อ แล้วกรณีนี้ล่ะ เรารู้ได้อย่างไรว่า สักวันหนึ่ง ราคาหุ้นตัวนั้น จะต้องตกลงมา จนมี MOS ตามที่เราต้องการ
โดย
iamkom
ศุกร์ ส.ค. 17, 2012 2:55 am
0
0
Re: หาความรู้เรื่องการShort Against Port
การทำ SAP ต้องใช้เครื่องมือทาง..... ไม่ได้ให้ใช้ความรู้สึกครับ หลายๆคน บอกว่า ทำ SAP แล้วขายหมู ราคาขึ้นไป หลายๆเท่า คำถาม ก็คือ ได้ใช้เครื่องมือ .... ประกอบหรือเปล่า ถ้าใช้ รับรองว่า ไม่มีทางขายหมู เพราะ มันต้องเกิดสัญญาณให้เข้าซื้อ กลับไป อีกทีด้วย ไม่งั้น แสดวงว่า ไม่มีวินัย ซึ่งเป็นการทำ SAP ที่ไม่ถูกต้อง หลายๆคน บอกว่า ไม่มีใคร จับจังหวะตลาดได้ แต่หลายๆคน ก็บอกว่า ราคาหุ้นตอนนี้ หลายๆตัวแพงแล้ว เพราะ ดูจาก อัตราส่วนทางการเงิน ต่างๆ ให้รอ แต่หุ้นหลายๆตัว ก็ไม่เคยลงมาต่ำกว่า ราคาที่ต้องการซื้อ นั้น เลยก็ได้ E มันสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ลาก P ขึ้นไปเรือ่ยๆ ก็เห็นกันอยู่หลายๆตัว คำถาม การเชื่อว่า สักวันหนึ่ง ราคาหุ้น จะตกลงมา จนมี MOS อย่างที่เราต้องการ ในขณะที่เรากำลังพิจารณาซื้อ แต่กำลัง ต่อรอง ราคา ถือเป็นการ... จับจังหวะตลาด หรือเปล่า
โดย
iamkom
พฤหัสฯ. ส.ค. 16, 2012 10:06 am
0
2
1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ
ถ้าไม่ได้มีมรดก การทำงาน/ลงทุน ด้วยเก็บเงินด้วยตัวเอง โดยเริ่มจากศูนย์ ให้ได้เงิน 1 ล้านนั้น เป็น หลักกิโลเมตร ที่สำคัญ เพราะ ชีวิตต้องมีเป้าหมายและวินัย อย่างเคร่งครัด แต่ๆๆๆๆ เงื่อนไขในชีวิตแต่ละคน ย่อมแตกต่างกัน ถ้าเปรียบเทียบ คนโสด กับ คนที่มีครอบคร้วแล้วยังรับผิดชอบน้องๆ รวมถึงพ่อแม่และญาติๆ คนโสด มีเงิน สิบล้านผม ก็คิดว่าเขาเก่ง แต่คนที่มีครอบคร้ว รับผิดชอบน้องๆ รวมถึงพ่อแม่และญาติๆ ถ้ามีเงินเก็บไม่มาก ผมก็คิดว่าเขาน่านับถือ ส่วนการลงทุน เป้าหมาย คือ การทำกำไร หรือ บริหารพอร์ทให้โตได้อย่างเป็นระบบ ที่เหลือ ก็แค่ทำซ้ำ นานวันเข้า จะมีคนเรียกคุณว่า นักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จ
โดย
iamkom
เสาร์ ก.ค. 14, 2007 2:26 pm
0
1
check rate หน่อยผ่านไป 1 ไตรมาสพอร์ตบวกหรือลบกันครับ tvi
160 % จาก การถือหุ้น 50 ตัว เสมือน ที่มี Leverage 10 เท่า
โดย
iamkom
อังคาร พ.ค. 22, 2007 12:23 am
0
0
อนาคตของห้องเทคนิค
ปิดเถอะครับ ห้องทานเนื้อ ไม่ควรตั้งในโรงเจ ฉันใด ห้องเทคนิค ก็ไม่ควรมี ในTVI ฉันนั้น ถ้าไม่ปิด ควรเปลี่ยนชื่อเวป ครับ เพราะ มันขัดแย้งกันเอง
โดย
iamkom
อังคาร มี.ค. 13, 2007 3:49 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
iamkom
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พฤหัสฯ. พ.ย. 09, 2006 4:23 pm
ใช้งานล่าสุด:
-
โพสต์ทั้งหมด:
15 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.00 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว