หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
Dimsum
Joined: จันทร์ พ.ย. 27, 2006 3:58 pm
187
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - Dimsum
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: เห็นจีนแล้วก็เสียวเสียว !!!!
เมืองร้างแบบที่อยู่ใน Link นี้ ที่เมืองจีนมีเยอะมั๊ยครับ อยู่ภาคตะวันตกหรือตะวันออกมากกว่ากัน ตอนนี้ทุกคนคิดว่าจีน เอเซีย จะประคับประคองตัวได้ ไม่น่าได้รับผลกระทบมาก แต่ถ้าจีนมีปัญหาด้วยนี่ก็น่าเป็นห่วงมากนะครับ
โดย
Dimsum
พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 10:34 am
0
0
Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่
ผมว่าสิ่งที่สำคัญคือ ต้องโลภตอนที่ราคามี MOS มาก ๆ ถึงจะถูกมั๊งครับ ถ้าโลภตอนที่ราคาหุ้นยังไม่ถูก ก็อาจบาดเจ็บอย่างหนักก็ได้ในตลาดขาลง
โดย
Dimsum
ศุกร์ ก.ย. 23, 2011 9:35 pm
0
1
สงสัยการลดพาร์
ราคาพาร์เป็นราคาที่ใช้จดทะเบียนบริษัท หมายถึง ส่วนทุนของผู้ถือหุ้น (เจ้าของ) การลดพาร์เป็นวิธีการทางบัญชี เป็นการนำส่วนทุนของบริษัทมาหักล้างกับขาดทุนสะสม (ดูในงบดุล ในส่วนของผู้ถือหุ้น) โดยปกติถ้าจะลดพาร์ มักจะต้องนำส่วนเกินมูลค่าหุ้น มาหักล้างกับขาดทุนสะสมก่อน ถ้าขาดเท่าไรก็ลดราคาพาร์ลงมาเพื่อให้ครอบคลุมมูลค่าขาดทุนสะสมที่เหลือ การลดพาร์ไม่มีผลต่อราคาหุ้น จำนวนหุ้น แต่จะทำให้ปันผลได้ตามกฎหมาย สมัยหลังปี 40 มีบริษัทจำนวนมากที่มีขาดทุนสะสมใช้วิธีนี้ เพื่อให้ปันผลได้เร็วขึ้น ไม่ต้องใช้เวลาในการสะสมกำไรตามปกติมาล้างขาดทุนสะสม ส่วนการแตกพาร์จะทำให้ราคาหุ้นลดลง จำนวนหุ้นมากขึ้น แต่มูลค่าเท่าเดิม และผมก็เชื่อว่าไม่ได้เพิ่มสภาพคล่องให้กับหุ้นอย่างที่นักวิแคะมักพูดกัน
โดย
Dimsum
ศุกร์ ส.ค. 20, 2010 9:33 pm
0
0
+ใครคำนวณเป็นบ้างครับ+
ขอบคุณ คุณ sorawut กับคุณ pingzzz ด้วยอีกคนครับ
โดย
Dimsum
จันทร์ ม.ค. 19, 2009 2:39 pm
0
0
ตรงแถว เอสพลานาด มีการก่อสร้างอาคารของตลท. มันคืออะไรหรอครับ
เหมือนเคยได้ยินว่าอีก 3-4 ปี ตลาดหลักทรัพย์จะย้ายไปแถวรัชดาครับ รอผู้รู้คอนเฟิร์มอีกที
โดย
Dimsum
อังคาร ธ.ค. 30, 2008 12:25 pm
0
0
หลังปีใหม่จะได้เจอ January Effect หรือ January Attack
ผมรู้แต่ว่าวันไหนไม่มีใครพูดจะซื้อหุ้นแล้ว ได้ยินหุ้นแล้วจะ :vm: แสดงว่าตลาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
โดย
Dimsum
พุธ ธ.ค. 24, 2008 4:27 pm
0
0
Krugman บอกว่างานนี้ซึมยาวเกิน 3 ปีแน่นอน VI ว่าไงครับ
เมื่อกลางเดือนที่แล้ว (พ.ย.) ได้ยินคุณอนันต์ อัศวโภคิน บอกว่าหลังจากรถยนต์แล้ว ธุรกิจที่รอรัฐบาลอเมริกาช่วยต่อคือ ธุรกิจสายการบิน รอดูล่ะกันว่าจะจริงเปล่า
โดย
Dimsum
พฤหัสฯ. ธ.ค. 11, 2008 10:15 am
0
0
งานset in the cityนี่น่าไปหรือเปล่าครับ
http://www.set.or.th/setinthecity2008/home.html
โดย
Dimsum
พุธ พ.ย. 19, 2008 12:34 pm
0
0
ขอถามอาจารย์หมอ mprandy เรื่อง usa หน่อยครับ
ล่าสุด สูงสุดในรอบ 14 ปีแย้ว :shock: 6.5 % สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว + เศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ถือว่าเยอะมาก AP Jobless rate bolts to 14-year high of 6.5 percent Friday November 7, 10:21 pm ET By Jeannine Aversa, AP Economics Writer Jobless rate bolts to 14-year high of 6.5 percent in October; 240,000 jobs cut WASHINGTON (AP) -- The nation's unemployment rate bolted to a 14-year high of 6.5 percent in October as another 240,000 jobs were cut, far worse than economists expected and stark proof the economy is deteriorating at an alarmingly rapid pace. http://biz.yahoo.com/ap/081107/economy.html
โดย
Dimsum
เสาร์ พ.ย. 08, 2008 11:13 am
0
0
ดูท่าทฤษฎี Decouple จะใช้ไม่ได้จริง ๆ
เครดิตลียองเนส์ฟันธงปี51ศก.จีนหดตัวแรงฉุดโลกทรุด อุไรวรรณ ภู่วิจิตรสุทิน "จิม วอล์คเกอร์" ผู้พยากรณ์เหตุวิกฤติเงินเอเชีย ปี 2540 ได้แม่นยำ ออกบทวิเคราะห์ช็อกโลกครั้งล่าสุด ฟันธงจีนกลไกแห่งความหวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก แทนที่มหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับหนึ่งอย่างสหรัฐซึ่งยังคงวุ่น สางปัญหาซับไพร์มซึมลึก ปีหน้าจะเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจภายใน จีดีพีหดตัวจาก 12% เหลือเพียง 5% กำไรบริษัทวูบหนัก หนี้เสียแบงก์รัฐเพิ่มจำนวนมหาศาล กลายเป็นปัจจัยเสี่ยงฉุดโลกทรุด Butterfly Effect หรือ "ปรากฏการณ์ผีเสื้อกระพือปีก" เพียงเล็กน้อยก็ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมีที่มาจากเรย์ แบรดเบอรี่ นักเขียนนิยายแนววิทยาศาสตร์ ในปี 2495 ซึ่งให้ความหมายว่าการเปลี่ยนแปลงจากที่แห่งหนึ่งสามารถนำไปสู่ผลกระทบมากมายให้กับส่วนอื่นๆ กิริยาของผีเสื้อกระตุ้นให้เกิดบรรยากาศแห่งความโกลาหลวุ่นวาย จนเป็นเหตุให้เกิดความรุนแรงขึ้นมาในทันที กลายเป็นคำศัพท์เป็นที่รู้จักของผู้เกี่ยวข้องกับตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาตลาดสินเชื่อปล่อยกู้ลูกค้ามีความน่าเชื่อถือต่ำในสหรัฐ หรือซับไพร์ม มากขึ้น นิวส์ วีค นิตยสารเศรษฐกิจการเมืองชั้นนำของสหรัฐ ได้นำคำว่า ปรากฏการณ์ผีเสื้อกระพือปีก มาเป็นชื่อเรื่องบทวิเคราะห์ เชื่อมโยงปัญหาซับไพร์มที่มีต้นตอมาจากเศรษฐกิจใหญ่อันดับหนึ่งของโลกอย่างสหรัฐ และมีผู้หวั่นเกรงกันว่าจะขยายวง จนฉุดลากเศรษฐกิจในภูมิภาคสำคัญ อย่างยุโรปกับเอเชียซึ่งมีจีนเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญทรุดลงตามไปด้วย "ความปั่นป่วนวุ่นวายในตลาดโลกตลอด 1-2 เดือนที่ผ่านมา เป็นผลกระทบกระจายวงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อซับไพร์มนำไปสู่การล้มละลายของแบงก์ทั่วสหรัฐ ตลาดหุ้นตลาดเกิดใหม่ดิ่งลง และเมื่อเร็วๆ นี้แบงก์อังกฤษแห่งหนึ่งเกิดปัญหาตกต่ำ" นิวส์ วีค ยกตัวอย่างเกริ่นนำ และนำไปสู่ข้อมูลที่ได้รับจากจิม วอล์คเกอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเครดิต ลียองเนส์ ซิเคียวริตี้ส์ หรือ ซีแอลเอสเอ ในอดีตเมื่อปี 2540 ชื่อเสียงของจิม วอล์คเกอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของซีแอลเอสเอ กลายเป็นที่รู้จักในตลาดการเงินทั่วโลก เพราะเขาเป็นคนแรกที่ทำนายแนวโน้มเศรษฐกิจเอเชียช่วง 1 ปีก่อนเกิดเหตุว่า จะเกิดปัญหาค่าเงินในภูมิภาค จุดชนวนให้เกิดกระแสเงินทุนไหลออกอย่างฉับพลันตามมา จนก่อเกิดวิกฤติค่าเงินในระดับภูมิภาค ซึ่งวิกฤติดังกล่าวมีต้นตอมาจากรัฐบาลไทยประกาศลอยตัวค่าเงินบาท กลายเป็นปัญหาลูกโซ่ฉุดเศรษฐกิจตลาดเงินประเทศเพื่อนบ้านทรุดตามไทย ล่าสุดชื่อของจิม วอล์คเกอร์ โดดเด่นขึ้นมาอีกครั้ง จากการนำเสนอของนิวส์ วีค ซึ่งได้ไปพยากรณ์ที่ฮ่องกงช่วงปลายเดือนก.ย.นี้ เป็นการเตือนจากคาดการณ์ปรากฏการณ์ผีเสื้อกระพือปีก อันมีต้นตอจากปัญหาซับไพร์มยังไม่จบสิ้นในสหรัฐ ว่าจะจู่โจมเหมือนเฮอริเคนกระหน่ำเศรษฐกิจที่กำลังเกิดสนิมกินในของจีนได้ในปีหน้า นิวส์ วีค ยกให้จิม วอล์คเกอร์ เป็นกูรูด้านเศรษฐศาสตร์จีน ซึ่งสมมติฐานการคาดเดาของเขาล้วนเป็นผลงานเหมือนนิยายตื่นเต้น และเป็นไอเดียสวนทางกับนักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกส่วนใหญ่ ที่หวังให้ปัญหาซับไพร์มที่ไปฉุดรั้งเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว จะทดแทนได้ด้วยการขยายตัวสดใสของเศรษฐกิจส่วนอื่นของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนกลายเป็นจุดสนใจ และถูกมองว่าจะเป็นกลไกใหม่สำคัญ ขับเคลื่อนจีดีพีโลกให้ขยายตัวได้มากขึ้น แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏเมื่อเร็วๆ นี้ กลับพิสูจน์ได้ว่าเศรษฐกิจโลกไม่สามารถหลุดพ้นจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภคสหรัฐ สะท้อนได้จากการชะลอตัวของสหรัฐปีนี้ ทำให้ยุโรป และญี่ปุ่นกำลังเผชิญการขยายตัวลดลง และในรายงานของเมอร์ริล ลินช์ เมื่อ 5 เดือนที่ผ่านมา เคยตื่นเต้นกับแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่น แต่ตอนนี้นักเศรษฐศาสตร์เมอร์ริล ลินช์ กลับมองญี่ปุ่นว่ากำลังฝันร้าย เพราะประเทศเติบโตแบบติดลบ ยุโรปก็ร่อแร่เติบโตเชื่องช้าที่ 2% คำถามที่ตามมาของนิวส์ วีค คือจีนอาจจ่อคิวเศรษฐกิจขยายตัวลดลงรายต่อไปหรือไม่ เพราะวอล์คเกอร์ทำนายไว้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจจีน อาจหดตัวลดลงแบบพรวดพราด จาก12% เหลือเพียง 5% ก่อนสิ้นปี 2551 ขณะที่ความตกต่ำของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว กลายเป็นปัญหาทับถมลากจีน ซึ่งประสบปัญหาสนิมกัดกร่อนเศรษฐกิจการเงินในประเทศมานาน จนทรุดฉุดโลกตกต่ำด้วย วอล์คเกอร์คาดการณ์ว่า ความต้องการสินค้าทุกอย่างที่ผลิตจากจีน จะแผ่วหรือลดน้อยลง ขณะที่โรงงานจีนหลายพันแห่งจะได้รับผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ด้วยเช่นกันในปีหน้า ก่อเกิดสถานการณ์กำไรบริษัทจีนทรุดหนัก ปัญหาหนี้เสียมากมายมหาศาลของธนาคารรัฐในจีนปูดออกมาให้เห็น และผลตามมาในท้ายที่สุดนั้น แน่นอนว่าส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว กลายเป็นสภาพคล่องสินเชื่อตึงตัวครั้งใหญ่สุดเท่าที่เคยปรากฏมาในอดีต งานวิเคราะห์เปรียบเทียบจีนในอนาคต จะประสบปัญหาสุขภาพเป็นอาการเบื่ออาหาร และอธิบายสถานการณ์ในจีนทุกวันนี้ว่า นโยบายปล่อยหยวนอ่อนค่าของรัฐบาล พร้อมเงินอุดหนุนภาคส่งออกจนทำให้ความสามารถแข่งขันสูงมากเกินไป ความพยายามของรัฐที่จะจุดกระแสให้เกิดการบริโภคในประเทศยังคงค้างเติ่ง จีนเหมือนญี่ปุ่นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เมื่ออุปทานการส่งออกนำไปสู่การลงทุนมากเกินไป ฟองสบู่สินทรัพย์ในตลาดหุ้นและภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งปัญหาการเมืองปะทุทำให้การค้าไร้สมดุล ซึ่งชนวนสำคัญคล้ายคลึงกัน คือ ผู้กำหนดและวางแผนของภาครัฐไม่แก้ปัญหาเชิงลึก ธนาคารรัฐประสบปัญหาหนี้เสีย กลุ่มธุรกิจกับผู้นำการเมืองที่มีสายตาไม่ยาวไกล เชื่อมั่นในตัวเองออกมาให้แต่ข่าวดี ต่ง เถา หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ระดับภูมิภาคของเครดิต ซูส์ในฮ่องกง เตือนว่าชนวนต่างๆ เหล่านี้อาจทำให้เกิดการจัดสรรทรัพยากรผิดพลาดอย่างมาก และเป็นสาเหตุให้เกิดความเสียหายกับความสามารถแข่งขันของจีนได้ในระยะยาว จีนเหมือนญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษหลังปี 2513 ที่ก่อร่างสร้างอุตสาหกรรมหนักมากเกินไป ด้วยการอุดหนุนภาคส่งออก ให้พลังงานราคาถูกและสินเชื่อปล่อยง่าย ยกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมเหล็กมีศักยภาพการผลิตเพิ่มเป็น 3 เท่า ในช่วงปี 2544-2548 จนจีนเขยิบตัวเองกลายเป็นผู้ผลิตเหล็กชั้นนำของโลกไปแล้ว แต่แนวโน้มข้างต้นกลับฉุดราคาเหล็กในจีนให้ตกลงเหลือ 30% ต่ำกว่าราคาเหล็กเฉลี่ยในต่างประเทศ และมีหลายอุตสาหกรรมยิ่งทำให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวโดยพึ่งพาการส่งออก จนมีความผันผวนเปราะบางต่อภาวะตื่นตระหนก ส่งผลกระทบต่อการส่งออกในอนาคต นิวส์ วีค ระบุว่า ปัญหาหลายอย่างก่อตัวขึ้นมาจากขนาดเศรษฐกิจของจีน การส่งออกของจีนชะลอตัวก่อผลกระทบมหาศาลให้กับผู้จัดหาทรัพยากรให้จีนในทวีปแอฟริกา ไปจนถึงผู้ผลิตชิ้นส่วนในเอเชียตะวันออก และกลุ่มผู้ผลิตเครื่องจักรหนักในเยอรมนี ขณะเดียวกันระบบธนาคารของจีน มีแนวโน้มเป็นฟองสบู่การเงินโลกลูกต่อไปที่ใกล้ระเบิด ธนาคารจีนหลายแห่งล้วนเป็นธนาคารรัฐขนาดใหญ่ และเป็นผลิตผลของเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ ค่าเงินหยวนมีมูลค่าต่ำเกินจริงและไม่สามารถปรับได้ จำนวนเงินออมมูลค่ามหาศาลในช่วงเศรษฐกิจเฟื่องฟูยังถูกกักไว้ในประเทศ ดอกเบี้ยแท้จริงติดลบผลักดันให้เงินออมเข้าไปเก็งกำไรในตลาดสินทรัพย์มากขึ้น ทั้งนี้ผู้กำหนดนโยบายจีนพากันระวังกับการใช้ความพยายาม ที่จะทำให้เศรษฐกิจจีนคลายความร้อนแรง และรอบคอบกับการสร้างเสถียรภาพให้กับราคาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในบางเมืองของจีนราคาอสังหาริมทรัพย์นับจากปี 2543 เพิ่มขึ้นถึง 13 เท่า หรือระวังที่จะเปลี่ยนแปลงลดพึ่งพาการส่งออกช่วยเศรษฐกิจขยายตัว และเป้าหมายอันดับแรกในปีหน้าของจีนคือ การจัดกีฬาโอลิมปิกเท่านั้น "การไม่ตรวจสอบ การไร้สมดุลในจีน จะยังคงขยายวงมากขึ้น และเป็นไปได้มากขึ้นว่าจะมีการปรับตัวครั้งใหญ่ บรรดาผู้นำจีนล้วนมีพลังอำนาจน้อยลง ที่จะปัดเป่าหายนภัยจากภาวะตื่นตระหนกครั้งใหญ่ และสิ่งที่จะหลีกเลี่ยงสถานการณ์เกิดขึ้นแบบญี่ปุ่นได้ คือ การดำเนินการก่อนที่หลายสิ่งจะเข้ามาถึงขั้นตอนที่ว่าผู้กำหนดนโยบายต่างเผชิญกับความล้มเหลวแล้ว" วอล์คเกอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ซีแอลเอสเอ กล่าวสรุป ในช่วงท้ายนิวส์ วีค ตั้งข้อสังเกตว่า ไม่ว่าวิกฤติเกิดจากสนิมกัดกร่อนเศรษฐกิจภายในของจีน จะกระตุ้นให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจโลกตกต่ำหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ ปรากฏการณ์ผีเสื้อกระพือปีกในสหรัฐ จะยังมีพลังทำปัญหาซับไพร์มกลายเป็นพายุรุนแรงกระหน่ำโลกใบนี้ต่อไปได้ http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=28590&highlight=
โดย
Dimsum
พุธ ต.ค. 22, 2008 5:01 pm
0
0
ดูท่าทฤษฎี Decouple จะใช้ไม่ได้จริง ๆ
^ ^ จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2274 29 พ.ย. - 01 ธ.ค. 2550
โดย
Dimsum
พุธ ต.ค. 22, 2008 4:47 pm
0
0
ทำไม Bank ยังไม่ประกาศผลประกอบการครับ
^ ^ ^ หมีแพนด้า ไงพี่ ตอนนี้ไปตลาดไหนก็เห็นแต่หมีเต็มไปหมดเลย ที่เมื่องจีนยิ่งตัวใหญ่ แบงค์เมืองไทยมีการปล่อยสินเชื่อในต่างประเทศด้วยเหรอครับ แล้วเยอะเปล่าครับ :?:
โดย
Dimsum
พฤหัสฯ. ต.ค. 16, 2008 12:38 pm
0
0
ทำไม Bank ยังไม่ประกาศผลประกอบการครับ
เห็นการไหลของ BBL แล้ว ทำนิวโลว์ก่อนแบงค์อื่น หรือว่า...........ด้วย :lol:
โดย
Dimsum
พฤหัสฯ. ต.ค. 16, 2008 10:25 am
0
0
สรุปเรื่องราว Subprime to financial crisis
ขอบคุณครับ คุณ choochart ผมจำได้ว่า คุณ pknight เขียนไว้มากกว่านี้ ถ้าคุณ choochart ยังมีอยู่ รบกวนช่วยมา post เพิ่มหน่อยครับ เพราะในเว็บกระทิงเขียว หาไม่เจอแล้วครับ
โดย
Dimsum
อาทิตย์ ต.ค. 12, 2008 10:49 am
0
0
ขอถามอาจารย์หมอ mprandy เรื่อง usa หน่อยครับ
ของไทยปี 36 - 41 ก็ตกจาก 1789 เหลือ 200 ต้น ๆ ก็ประมาณ 86 % เหมือนกันครับ แต่รอบนี้ของไทยคิดว่าคงไม่นะ ส่วนต่างประเทศไม่รู้ครับ
โดย
Dimsum
ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 5:17 pm
0
0
หยุดการซื้อขายชั่วคราวแล้วจ้า -10% !!
ร่วมลงชื่อครับ เห็นกับตา :shock:
โดย
Dimsum
ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 3:16 pm
0
0
สงคราม(หุ้น)ครั้งนี้ใกล้สิ้นสุดยังครับ
จนกว่าวอลุ่มเฉลี่ยตลาดจะเหลือ 5000 ล้านบวกลบ ติดต่อกันเกิน 2 ไตรมาสครับ (เดาล้วน ๆ) จากเมื่อวานลบ 18 ตีเป็นบวก 13 ปิดเหลือ บวก 7 วอลุ่ม 20000 ล้าน แสดงว่ายังไม่สิ้นลม :lol: หุ้นพวกเราเป็นหุ้นคนไทยถือเป็นหลัก ถ้าปีหน้าธุรกิจยังพอไปได้ไม่แย่มากราคาหุ้นก็ดีดขึ้นมาได้ครับ ถ้าปันผล 8-10 % บางตัวพีอีแค่ 4-5 เท่าเองถ้าลงมากกว่านี้ก็ยิ่งปลอดภัย ส่วนหุ้นฝรั่งสงสัยยาวจนกว่าสถานะการเริ่มคงที่ ซึ่งไม่มีใครรู้หรอกครับว่าเมื่อไร ป.ล.ครั้งนี้เป็นการสอบ final ของวีไอเมืองไทยครั้งแรก ดีที่ได้เข้าสอบ และทำให้รู้ว่าบางช่วงเวลาภาพใหญ่ก็สำคัญมากกว่าภาพเล็ก การถือหุ้นเต็มพอร์ตตลอดเวลา บางช่วงเวลาก็มีผลเสียเหมือนกัน
โดย
Dimsum
ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:42 pm
0
0
หลุด 500 จุดไปแล้วครับ
ภาพคุ้น ๆ เหมือนช่วงที่ฝรั่งขายปี 40 เลย แต่เหตุผลคนละอย่าง คราวก่อนไฟไหม้บ้านเรา คราวนี้ไฟไหม้บ้านเค้าลามมาถึงเรา
โดย
Dimsum
พุธ ต.ค. 08, 2008 12:41 pm
0
0
เค้าขายหุ้นกันทำไมครับ
1.ขายเพื่อเลิกชั่วคราว (รอดูสถานการณ์ ลดความเครียด) และเลิกถาวร (เข็ด) 2.ขายเพื่อไปซื้อตัวอื่นที่มี อัพไซส์เกน มากกว่า 3.ขายเพื่อรอลงไปรับข้างล่างที่ต่ำกว่า นานาจิตตัง
โดย
Dimsum
อังคาร ต.ค. 07, 2008 4:02 pm
0
0
The Snowball
ซื้อแน่นอนครับ one vote :)
โดย
Dimsum
จันทร์ ต.ค. 06, 2008 11:03 am
0
0
'วอร์เรน บัฟเฟตต์' ชี้ศก.สหรัฐฯอยู่ในช่วงเลวร้ายที่สุดเท่าที
พี่ฉัตร ผมเคยได้ยินว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วและอัตราการเกิดไม่สู้ (ทำให้ไม่มีวัยแรงงานมาก) อย่างอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ถ้า GDP โตประมาณ 3 เค้าถือว่าดีมากแล้ว แต่อย่างประเทศไทยต้องประมาณ 5 - 6 ถึงจะดี ทำให้ถ้า GDP ติดลบ 1 หรือ 1 กว่า ๆ ก็อาจจะเป็นเรื่องเลวร้ายสำหรับมุมมองของเค้ามั๊งครับ ถ้าเค้าตกงานคงไม่สามารถกลับบ้านไปหาพ่อแม่ปลูกผัก เลี้ยงปลาไปพลาง ๆ แบบไทยปี 40 และที่สำคัญบางส่วนตกงานแล้วยังไม่มีบ้านอยู่ด้วยซ้ำต้องเช่าห้อง แบกหนี้อีก
โดย
Dimsum
พฤหัสฯ. ต.ค. 02, 2008 3:01 pm
0
0
7 แสนล้านดอลล่าร์ ไม่พอ !!!!!
Tuesday September 30, 2008 How Big Is $700,000,000,000.00? Seven hundred billion dollars. Congress voted not to spend $700,000,000,000.00 on Monday. It's still an amazing amount of money. But how big is it physically? You're in luck. Microsoft threw in a calculator with my copy of Windows (thanks Bill). First, let's define our terms. A single bill of United States currency is 6.14 by 2.61 by 0.0043 inches. That's .06890922 cubic inches, in case you're thinking of renting a storage locker. Stack a thousand and you've got a brick of bills 4.3 inches thick. One million dollars is one thousand times as thick--4,300 inches, or 358 feet tall. Multiply by a thousand again and you've hit a billion. That's 4,300,000 inches or 358,333 feet or 67.866 miles tall. Hold on. We're only at a billion. The bail-out call was for 700 billion. One more trip to the calculator. Now we're at 3,010,000,000 inches, 250,833,333 feet, or 47,506 miles tall. Turn the stack on its side, and it will run from the Kennedy Space Center in Florida to Honolulu, HI ten times (The actual distance is 4,776 miles, so quickly make friends with Warren Buffett for the extra 25 miles of money). And since a bill weighs about one gram, your $700,000,000,000 will weigh around 1,543,235,835 pounds, or 771,618 tons! Because we often say million and billion and now even trillion together when speaking of government matters, it sounds like they're similar numbers. They are not. Is there even a comparison when a millionaire can stack his bills 358 feet tall while a billionaire's stack goes nearly 68 miles! No one's sure if Senator Everett Dirksen really said "A billion here, a billion there, and pretty soon you're talking real money," but it's worth bringing up now. Right now we're talking real money! (Thanks to Greg Wallace who caught an earlier math error--sheesh! - GF) www.appscout.com/2008/09/how_big_is_70000000000000.php
โดย
Dimsum
พฤหัสฯ. ต.ค. 02, 2008 2:52 pm
0
0
7 แสนล้านดอลล่าร์ ไม่พอ !!!!!
How Much is $700 Billion? The short answer: a lot. The long answer: depends on how you look at it. Whatever your viewpoint, here's how $700 billion the figure inked in the initial dead-in-the-water government bailout bill for Wall Street compares to other vast sums. NASA in fiscal year 2009 will launch several missions into space and pay for hundreds of people to operate a host of space telescopes and even remote robots on Mars and run a PR and media department that puts most large corporations to shame. The agency's budget: $17.6 billion, or 2.5 percent of the bailout sum. The National Science Foundation (NSF) has an annual budget of $6.06 billion to support research and education on astronomy, chemistry, materials science, computing, engineering, earth sciences, nanoscience and physics (among others) at more than 1,900 universities and institutions across the United States. You have to turn to much bigger initiatives, like war and defense, to get beyond this chump change and approach the bailout figure. From 2003 through the end of fiscal year 2009, Congress has appropriated $606 billion for military operations and other activities associated with the war in Iraq, according to the Congressional Budget Office (CBO). The entire military budget for fiscal 2008 is $481.4 billion. Social Security is a $608 billion annual program. Many analysts fear the bailout because the cost must ultimately be borne by taxpayers. Based on the U.S. Census Bureau's estimate of the current population of about 305 million people, each person would have to pay $2,300 to fund the $700,000,000,000. If each American (including children) paid a dollar a day, it would take more than six years to pay the money in full. One might argue, however, that this $700 billion would be a modest splash in the bucket of national debt, which already stands at well over $9 trillion (which means you already owe $31,642 each). Even the New York Yankees third baseman Alex Rodriguez would lose sleep over all those zeroes. Currently the top paid major league baseball player, Rodriguez takes home $28 million a year, meaning it would take 25,000 A-Rod salaries to carry the $700 billion. Nobody is rich enough to pay back this $700 billion by himself. In fact, the Forbes 400 richest list recently came out. It would take most of what these 400 people collectively have a combined net worth of $1.57 trillion to dig out of this mess. http://www.livescience.com/mysteries/080930-llm-700-billion-dollars.html
โดย
Dimsum
พฤหัสฯ. ต.ค. 02, 2008 2:46 pm
0
0
รวมลงซื่อเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์วิกฤตการเงินสหรัฐ
ร่วมลงชื่อด้วยครับ
โดย
Dimsum
อังคาร ก.ย. 30, 2008 9:55 am
0
0
สถาบันการเงินต่อไปที่จะสร้างปัญหา
อินโฟเควสท์ (26 ก.ย. 51)-- เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ตัดสินใจเข้าซื้อทรัพย์สินของวอชิงตัน มูชวล สถาบันการเงินประเภทออมทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในสหรัฐ หลังจากวอชิงตัน มูชวล เผชิญวิกฤตการณ์ทางการเงินจนบรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (FDIC) ต้องเข้ายึดกิจการบริษัท ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการล้มละลายครั้งใหญ่เท่าที่เกิดขึ้นในแวดวงธนาคารของสหรัฐ การเข้าซื้อทรัพย์สินครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 6 เดือนที่เจพีมอร์แกน เข้าเทคโอเวอร์กิจการสถาบันการเงินรายใหญ่ที่ประสบปัญหาหนี้เสียในตลาดปล่อยกู้จำนอง โดยการเทคโอเวอร์ครั้งนี้เจพีมอร์แกนต้องจ่ายเงินกว่า 1.9 พันล้านดอลลาร์ พร้อมออกแถลงการณ์ว่า เจพีมอร์แกนเตรียมปรับลดมูลค่าพอร์ทเงินกู้ของวอชิงตัน มูชวล ลงประมาณ 3.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนการเทคโอเวอร์ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเจพีมอร์แกนตัดสินใจเข้าซื้อกิจการ แบร์ สเติร์นส์ อดีตวาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 5 ของสหรัฐในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว เจพีมอร์แกนจะรับผิดชอบบัญชีเงินฝากสินทรัพย์ และหนี้บางส่วนของวอชิงตัน มูชวล ซึ่งมีฐานการดำเนินงานในกรุงวอชิงตัน โดยตั้งแต่ต้นปีพ.ศ. 2551 เป็นต้นมามูลค่าของวอชิงตัน มูลชวล ร่วงลงมาแล้วถึง 80% ก่อนหน้า นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ในวงกว้างว่า FDIC จะเข้ายึดกิจการวอชิงตัน มูชวล หลังจากบริษัทขาดทุนอย่างหนักในตลาดปล่อยกู้จำนอง และหลังจากราคาหุ้นวอชิงตัน มูชวล ทรุดฮวบลง 95% อีกทั้งยังถูกสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ปรับลดอันดับเครดิต สำนักข่าวเอพีรายงาน--จบ-- --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์:
[email protected]
โดย
Dimsum
ศุกร์ ก.ย. 26, 2008 12:56 pm
0
0
ข้อคิดจาก Sir John Templeton
PTTAR เป็นหุ้นวัฏจักร การหามูลค่ากิจการผมว่ายากน่ะ กำไรเค้าขึ้นอยู่กับส่วนต่างของต้นุทุนกับราคาขาย ซึ่งเค้ากำหนดเองไม่ได้ มันเป็นราคาตลาดโลกซึ่งขึ้นกับอุปสงค์ อุปทานของโลก ภาวะเศรษฐกิจโลก เป็นหุ้นอ้วนผอมตามนิยามของอ.นิเวศน์ เดี๋ยวกำไรมาก เดี๋ยวกำไรน้อย ไม่มีใครคาดการณ์ได้ถูกต้องแน่นอนได้ บอกได้แค่แนวโน้มว่าจะเป็นอย่างไร ผมรู้แต่ว่า PTTAR ควรซื้อตอน PE สูง ๆ ขายตอน PE ต่ำ ๆ ตามสูตรของปีเตอร์ ลินท์ แล้วต้องเป็นคนมองโลกในแง่ดีด้วยว่า สักวันมันจะกลับมา
โดย
Dimsum
พุธ ก.ย. 24, 2008 10:03 pm
0
0
ข้อคิดจาก Sir John Templeton
ขอบคุณครับ
โดย
Dimsum
อังคาร ก.ย. 23, 2008 5:12 pm
0
0
หุ้นตก จนชินชา
พี่ปรัชญา ผมว่าวันที่หุ้นลงสุด ๆ แล้ว คือ วันที่มีข่าวดีหุ้นก็ไม่ขึ้น ข่าวร้ายหุ้นก็ไม่ลง ซึม ๆ วอลุ่มน้อย ๆ คนให้เว็บหุ้นไม่มีใครอยากซื้อหุ้น และบอกว่าหุ้นจะลงได้ต่ออีกครับ แต่ตอนนี้ผมเห็น/ได้ยิน ทั้งจากวิทยุ TV เว็บหุ้น ว่ายังมีคนอยากซื้ออยู่โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ของพี่หรั่ง นักวิเคราะห์ก็ยังแนะซื้ออยู่ แบบทยอยรับ สถานการณ์ตอนนี้และต่อไป จะเป็นบทพิสูจน์ให้รู้ว่า เมื่อหุ้นตกหนัก ตลาดขาลง ภาวะหมี หุ้น VI ของเมืองไทยจะเป็นอย่างไร เพราะ VI เมืองไทยยังไม่เคยมีการสอบ Final เลย เพราะเกิดหลังวิกฤติปี 40 หรือว่าถ้าภาพใหญ่ตลาดจะลงหนัก การถือหุ้นเต็มพอร์ตตลอดเวลา อาจจะไม่ใช่วิธีการเอาตัวรอดที่ดีในตลาดเมืองไทย (คือ ผมไม่รู้ว่าเมืองนอกมันจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า ใครรู้ช่วยบอกหน่อยก็ดีครับ)
โดย
Dimsum
อังคาร ก.ย. 23, 2008 3:17 pm
0
0
เปรียบเทียบ Tom Yam Kung Crisis กับ Hamburger Crisis
ผมก็เคยคิดแบบพี่พอใจนะ แต่คิดไปคิดมามีผลเสียมากกว่าผลดีน่ะพี่ เพราะมันจะแสบก้น เผลอ ๆ ต้องไปรักษา ริดซี่ อีก ไม่คุ้มหรอกครับ ผมว่าเอาไว้เผาให้ กง+ม่า ดีก่า หวังว่าท่านคงไม่ว่าหลาน ๆ นะ ว่าส่งอะไรมาให้ GU
โดย
Dimsum
อังคาร ก.ย. 23, 2008 12:35 pm
0
0
เปรียบเทียบ Tom Yam Kung Crisis กับ Hamburger Crisis
เพิ่มอีกนิดครับ ตอนนี้เริ่มมีคนมองว่า ถ้าเศรษฐกิจของสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่นชะลอตัวมาก ๆ อาจทำให้พี่ใหญ่อย่างจีนมีปัญหาด้านการส่งออกตามมาด้วย บวกกับภาคอสังหาที่จีนก็มีฟองสบู่เหมือนกันในเมืองใหญ่ ๆ ถ้าสถาบันการเงินของจีนเกิดปัญหาอีก จะทำให้สภาพคล่องลดลงอีก คราวนี้ผลกระทบคงถึงไทยแน่ ๆ (ขอให้ความคิดนี้ผิดล่ะกัน) ไม่อยากกินแฮมเบอร์เกอร์เคล้าเป็ดปังกิ่งเลย :lol:
โดย
Dimsum
จันทร์ ก.ย. 22, 2008 10:42 am
0
0
เปรียบเทียบ Tom Yam Kung Crisis กับ Hamburger Crisis
เห็นด้วยกับคุณ mprandy
โดย
Dimsum
จันทร์ ก.ย. 22, 2008 10:31 am
0
0
เปรียบเทียบ Tom Yam Kung Crisis กับ Hamburger Crisis
ผมมองต่างจากคุณ Noonino ครับ ผมว่าสถานการณ์ของสหรัฐรุนแรงกว่าของไทย เพราะมีการออกตราสาร CDO / CDS ซึ่งเป็นอนุพันธ์ตราสารหนี้ คือ แค่มีการวางเงินประกันขั้นต้นของมูลค่าสัญญา เพราะฉะนั้นเมื่อตราสารด้อยค่าลง เนื่องจากสินทรัพย์อ้างอิงด้อยค่า (สินเชื่อที่มีการผิดนัดชำระหนี้) หมายความว่า ผู้ที่ลงทุนสามารถขาดทุนได้เกิน 100 % และยังมีการนำ CDO มาแปลงเป็นหลักทรัพย์อีกทอดหนี่งเพื่อขายต่อไปเรื่อย ๆ จึงทำให้ยากในการที่จะประเมินว่าใครเป็นคนสุดท้ายที่ต้องขาดทุนอย่างหนัก (ลักษณะเหมือนลูกโซ่) จึงทำให้มีคนเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมากทั้งในและนอกสหรัฐ จำได้ว่า บัฟเฟต์เคยบอกว่าอนุพันธ์ตราสารหนี้เป็นระเบิดที่อยู่ในระบบการเงินอเมริกา นอกจากนี้ ยังมีพวกบริษัทประกันเข้ามาเล่นเกมนี้อีก ด้วยกันค้ำประกันตราสารหนี้เหล่านี้อีก (CDS) ดังนั้น ผู้เกี่ยวข้องในวิกฤตครั้งนี้จึงครบทุกภาคส่วนการเงินของสหรัฐ ตั้งแต่ สถาบันปล่อยกู้ซื้อบ้าน ผู้รับประกันหุ้นกู้ แบงค์ โบรกเกอร์ ประกัน กองทุนต่าง ๆ (รวมถึงบริษัทจัดเรตติ้ง บริษัทสร้างบ้าน) แต่เมืองไทยตอนนั้นหลัก ๆ มาจากภาคธนาคาร ไฟแนนส์ ที่สร้างฟองสบู่ ภาคการผลิตจริงเป็นส่วนเสริมความหายนะในครั้งนั้น ผมคิดว่าตอนนี้สหรัฐมีปัญหาในภาคการเงิน แต่หลังจากนี้จะลามไปสู่ภาคการผลิตจริง ภาคการบริโภค สิ่งที่รัฐบาลสหรัฐช่วยตอนนี้เป็นเพียงการหยุดการขยายความรุนแรงทางการเงิน (ซึ่งไม่แน่ว่าจะหยุดได้จริงหรือไม่ แต่ผมว่าสถาบันใหญ่ ๆ คงจะไม่มีแล้วมั๊งครับ เพราะหวยออกเกือบหมดแล้วนี่) ยังไม่ได้แต่ต้นตอของปัญหาที่ภาคอสังหา ซึ่งคงต้องใช้เวลาสักปีสองปี แต่ลึก ๆ ยังเชื่อว่าสหรัฐคงไม่ล่มสลายหรอกครับ เพราะใหญ่เกินกว่าจะล้มเหมือนกัน ทั่วโลก (โดยเฉพาะจีน) คงเจ็บตัวกันหมดจากการถือแบงค์กงเต็กของมะกัน
โดย
Dimsum
จันทร์ ก.ย. 22, 2008 10:28 am
0
0
ก.ล.ต.เตือนสตินักลงทุน อย่าตระหนกเทขายหุ้นตามก้นต่างชาติ
ผมว่านักลงทุนไทยไม่ได้ขายหุ้นตามต่างชาตินะครับ ซื้อสวนตั้งแต่ 850 จุด ไปเกือบแสนล้านแล้วต่างหาก
โดย
Dimsum
พุธ ก.ย. 17, 2008 4:27 pm
0
0
ราคาน้ำมันดิบร่วงแรง จะมีใครเจ๊งไหม
จะไปว่าบลจ.เหล่านี้ก็ไม่ค่อยจะแน่ใจนัก เพราะกองทุนถ้าไม่มีผู้ซื้อหน่วยลงทุนมากพอก็จัดตั้งไม่ได้ ที่จัดตั้งได้ก็แสดงว่ามีคนซื้อหน่วยมากพอสมควร ค่อนข้างเห็นด้วยกับพี่ฉัตรครับ เพราะต้องมีคนสนใจมากพอจึงจะจัดตั้งได้สำเร็จ เพราะฉะนั้น ถ้าบลจ. จัดตั้งกองทุยอะไรขึ้นมา ก็แสดงว่าช่วงนั้นเป็นช่วงพีคพอดี :lol:
โดย
Dimsum
พุธ ก.ย. 17, 2008 11:12 am
0
0
ถ้ารัฐบาลสหรัฐยึด'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค' จะเป็นอย่างไร?
จำได้ตอนที่พี่หมีตายนั้น CEO เลห์แมนบอกบริษัทแข็งแกร่งนี่นา ส่วน Merill Lynch ก็รีบเอาตัวรอดไปก่อน อินโฟเควสท์ (15 ก.ย. 51)-- อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป อิงค์ (AIG) ซึ่งกำลังพยายามเอาตัวรอดจากการลดอันดับเครดิต กำลังทำเรื่องขอเงินกู้โดยตรงจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่บริษัทก็กำลังพยายาที่จะขายสินทรัพย์บางส่วน บริษัทเอไอจี ไม่ได้ให้ความสนใจกับการลงทุนในหลักทรัพย์ส่วนบุคคล เพราะไม่ต้องการมอบอำนาจในการควบคุมบริษัทให้ใคร นักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ป กล่าวว่า เอไอจีคงจะขอเงินกู้จากเฟดเพราะขาดแคลนสภาพคล่องอย่างหนัก บลูมเบิร์กรายงานว่า โรเบิร์ต วิลลัมสตัด ซีอีโอของเอไอจี ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันเรื่องการระดมทุน หลังจากที่บริษัทขาดทุนมาถึง 3 ไตรมาสทั้งหมด 1.85 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นบริษัทก็ร่วงลงไปถึง 79% แล้วในปีนี้ ส่งผลให้นักลงทุนเป็นห่วงว่าเอไอจีจะไม่สามารถระดมเงินสดได้เพียงพอที่จะรับมือกับการสำรองหนี้สูญจากการ การลงทุนที่ใช้หนี้สินเป็นเครื่องค้ำประกัน ซึ่งเป็นสัญญาที่เอไอจีได้ขายออกไปเพื่อคุ้มครองนักลงทุน เจเน็ต ทาวาโคลี ประธานทาวาโคลี สตรัคเจอร์ด ไฟแนนซ์ กล่าวว่า แรงผลักดันในขณะนี้คือการระดมทุนเพื่อให้บริษัทมีโอกาสรอดจากการถูกลดอันดับ สถาบันจัดอันดับสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ กล่าวไว้เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ว่า อาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือของเอไอจี เนื่องจากหุ้นที่ดิ่งลงอาจจะทำให้บริษัทประกันรายนี้ไม่สามารถระดมเงินทุนได้ นักวิเคราะห์กล่าวว่า เราไม่แปลกใจที่เฟดเปิดทางให้เอไอจีเข้ากู้ และเฟดก็สามารถชี้แจงได้ว่า การให้เงินกู้ครั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ของประชาชน เนื่องจากช่วยคุ้มครองความมั่นคงของเงินกู้เพื่อโครงการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก--จบ-- AIG ประกันก็กำลังแย่ (ไม่แน่ใจว่าใช่ CDS หรือเปล่า ใครรู้ช่วยบอกหน่อยครับ เพราะจำได้ว่า CDS มีมูลค่ามากกว่า CDO ซับไพร์มซะอีก)
โดย
Dimsum
จันทร์ ก.ย. 15, 2008 11:22 am
0
0
ตลาดหุ้นเซียงไฮ้
อินโฟเควสท์ (12 ก.ย. 51)-- เจอร์รี ลู นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนใกล้เผชิญกับภาวะ "ล่มสลาย" เนื่องจากราคาบ้านและยอดขายบ้านทรุดตัวลงอย่างหนัก ซึ่งส่งผลให้ตัวเลขกำไรของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธนาคารพาณิชย์ตกต่ำลง "ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองใหญ่ๆของจีนตกต่ำลงอย่างมาก เราเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะเผชิญภาวะล่มสลาย และจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธนาคารพาณิชย์" นักวิเคราะห์มอร์แกน สแตนลีย์กล่าว ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในจีนทรุดตัวลงอย่างหนักนับตั้งแต่รัฐบาลประกาศกฏข้อบังคับให้ผู้ซื้อบ้านชำระเงินดาวน์เพิ่มขึ้นและปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้าน โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดกั้นราคาบ้านไม่ให้ร้อนแรงจนเกินไป นอกจากนี้ ตลาดหุ้นจีนที่ร่วงลงไปกว่า 60% ในปีนี้และความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงอีกนั้น ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในจีนถดถอยลงด้วย ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางจีนและคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการธนาคารจีน (CBRC) สั่งการให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อสำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เพื่อควบคุมความเสี่ยงที่อาจเป็นภัยคุกคามภาคธุรกิจธนาคารในประเทศ นักวิเคราะห์กล่าวว่า การเรียกร้องให้เพิ่มความเข้มงวดในการใช้นโยบายด้านสินเชื่อครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะพัฒนาตลาดสินเชื่อสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้ดีขึ้น ภายใต้เจตนารมณ์ของธนาคารกลางที่หวังจะป้องกันความเสี่ยงทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่นโยบายดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อเจ้าของโครงการ เนื่องการทำธุรกรรมทางการเงินจะเผชิญอุปสรรคมากยิ่งขึ้น ในช่วงครึ่งปีแรก ยอดการปล่อยสินเชื่อสำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ในจีนพุ่งขึ้น 22.5% ต่อปี ที่ระดับ 5.2 ล้านล้านหยวน (7.615 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 15-20% ของสินทรัพย์ทั้งหมดในธุรกิจธนาคาร นักวิเคราะห์กล่าวว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาและเม็ดเงินทุนที่กระจัดกระจายจะทำให้ธนาคารพาณิชย์เผชิญความเสี่ยง ซึ่งจะยิ่งกดดันให้เศรษฐกิจในประเทศตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน--จบ-- --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์:
[email protected]
โดย
Dimsum
ศุกร์ ก.ย. 12, 2008 12:41 pm
0
0
Lehman วันเดียวลงไปเกือบ 50%
ตอนนี้ 4.93 เหรียญ -2.32 (11/09/2008) 23.39 The shares have lost more than three-quarters of their value since Monday and more than 94 percent from their 52-week high of $67.73 last November(2007). The crisis came on a difficult day for Lehman (NYSE:LEH - News), the 7th anniversary of the September 11 attacks in New York that severely damaged its headquarters across the street from the World Trade Center.
โดย
Dimsum
พฤหัสฯ. ก.ย. 11, 2008 11:40 pm
0
0
ข้อคิดดีๆ จาก Warren Buffett สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน
ขอบคุณครับ :)
โดย
Dimsum
จันทร์ ก.ย. 08, 2008 4:55 pm
0
0
ชวนคุย
ใครมีลูกตอนนี้ ลูกสาวให้ชื่อ เมย์ ลูกชายให้ชื่อ แม็ค ก็ดีน่ะครับ อินเทรน์ แถมอธิบายให้ลูกรู้ได้ว่าทำไมตั้งชื่อนี้ให้ :)
โดย
Dimsum
พุธ ก.ค. 16, 2008 4:48 pm
0
0
ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ตอน SET อยู่ที่ 800 กว่าๆ
ถ้าถามถึงตัว index เห็นครับ ว่ามันไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ แล้วก็ฝรั่งขายหุ้นอย่างเดียว ถึงแนวรับที่ควรมีเทคนิคเคิล รีบาวน์ ก็ยังไม่หยุดขาย (ทั้งที่เป็นต้นตำรับ ปรามาจารย์ด้านนี้เอง) พอกองทุน + รายย่อยเข้าซื้อนึกว่าเด้ง ฝรั่งกลับขายหนักขึ้น แล้วพวกเราก็คิดแต่ว่าพวกม๊อบ การเมืองเป็นตัวทำให้หุ้นตก ทั้งที่จริงต่างชาติสนใจปัจจัยเศรษฐกิจมากกว่า เช่น เงินเฟ้อ การแทรกแซงของรัฐบาล รวมทั้งเศรษฐกิจประเทศพวกเขา จากปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ CDO CDS มุมมองปัญหาไม่เหมือนกันเวลาเค้าขายหุ้นเราจึงรับหุ้นอย่างกล้าหาญ (อันนี้หมายถึงหุ้นที่ฝรั่งมีน่ะครับ หุ้นอย่างที่พวกเรา ๆ ถือ ตอนนี้มองว่าได้รับผลทางจิตวิทยามากกว่าตัวพื้นฐานกิจการ ต้องคอยดูต่อไปว่าจะได้รับผลจากเศรษฐกิจจริง ๆ มากน้อยแค่ไหน ซึ่งคงต้องเป็นงบไตรมาส 3 จึงจะเห็นชัดเจน)
โดย
Dimsum
พุธ ก.ค. 16, 2008 10:52 am
0
0
หุ้นดีปี 2008
ขอบคุณ คุณ Alastor ครับ ยินดีด้วยพี่ฉัตรชัย :D น่าอิจฉาจริง ๆ
โดย
Dimsum
จันทร์ ก.ค. 14, 2008 4:46 pm
0
0
หุ้นตก
พี่ปรัชญา ผมว่าถ้าฝรั่งหยุดขาย แล้วภาพตลาดไม่ไหลรูดแบบนี้ หุ้นของพวกเราที่ไม่เกี่ยวข้องกับฝรั่งคงขยับขึ้นได้บ้างน่ะครับ ถ้ารักษาผลประกอบการ กำไร เงินปันผลได้ เพราะหลายตัวเงินปันผลที่คาดได้ 6-7 % แล้ว แต่ดูรูปที่พี่แปะไว้แล้ว ขอกอดอย่างอื่น ไม่เอาหุ้นได้ปะ :lol:
โดย
Dimsum
พุธ ก.ค. 09, 2008 3:39 pm
0
0
โอเปกบอกว่าน้ำมันจะ 150-170 เหรียญสหรัฐใน 2-3 เดือน
คุณ radio ช่วยทำลิงค์ให้หน่อยได้ไหมครับ หาไม่เจอครับ ขอบคุณครับ
โดย
Dimsum
อังคาร ก.ค. 08, 2008 12:13 pm
0
0
npl เพิ่ม 10,000.-ล้านบาท จะทำให้หุ้นลด อีก กี่ %
พี่ฉัตรชัย NPL สมัยปี 40 เป็น NPL ของบริษัทต่าง ๆ แต่ปีนี้ถึงปีหน้า ถ้าเป็น NPL แนวราบ ของผู้บริโภคทั่วไปที่เงินเดือน + รายรับไม่สูง จะเป็นอย่างไรครับ คือ ปกติคนเหล่านี้ก็กู้เงินนอกระบบ ในระบบ หมุนไปหมุนมาอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้บวกกับของแพงอีก มันก็น่าจะเป็นห่วงน่ะครับ เรื่องกำลังซื้อภายใน เรื่อง NPL
โดย
Dimsum
จันทร์ ก.ค. 07, 2008 12:08 pm
0
0
โอเปกบอกว่าน้ำมันจะ 150-170 เหรียญสหรัฐใน 2-3 เดือน
ผมเข้าใจว่าคุณ beammy หมายถึง ประชากรชาวโลกมั๊งครับ
โดย
Dimsum
ศุกร์ ก.ค. 04, 2008 2:46 pm
0
0
ประสบการณ์ซื้อหุ้น ตอนเกิดพฤษภาทมิฬ เอามาเล่าให้น้องใหม่ฟัง
เห็นด้วยกับทุกท่านที่ว่า ตอนนี้ภาวะเศรษฐกิจเราไม่แย่เหมือนเมื่อปี 40 ที่เป็นฟองสบู่ และก็เห็นด้วยว่าหุ้นไทยโดยรวมแล้วไม่แพง PE ต่ำ 10 หรือ 10 นิด ๆ มีให้เลือกมากมาย ตอนก่อนปี 40 PE 15 เท่ายังหายากเลยครับ ส่วนใหญ่ 20 up ก้อ PE ตลาด 30 เท่านี่ครับ (ต้นปี 37) แต่ตอนนี้ไทยเราเริ่มมีปัจจัยเสี่ยงมากขึ้น (นี่ไม่รวมปัจจัยการเมืองน่ะครับ) โดยเฉพาะเงินเฟ้อครับ ตอนนี้ชักเชื่อมากขึ้นว่าราคาพลังงานไม่น่าจะลงง่าย ๆ เมื่อวันจันทร์ได้ฟัง อ.นิเวศน์ ท่านก็ว่าอย่างนั้น (ต้องตามพี่ jeng PTTEP :) ) แล้วไทยก็นำเข้าน้ำมัน 100 % ราคาก๊าซก็ผูกราคาน้ำมันอีก ก็เลยไม่รู้จะจัดการเรื่องพลังงานยังไง แล้วดอกเบี้ยก็ทำท่าจะขึ้นอีก เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ฟังแล้วก็ไม่เห็นเกี่ยวเลย มันขึ้นจากต้นทุน ไม่ใช่ demand เลยสงสัยว่าเราแก้ปัญหาถูกทางหรือเปล่าเนี่ย ถ้าผิดมันจะทำให้เศรษฐกิจแย่มากขึ้นอีก
โดย
Dimsum
ศุกร์ มิ.ย. 20, 2008 12:07 am
0
0
ประสบการณ์ซื้อหุ้น ตอนเกิดพฤษภาทมิฬ เอามาเล่าให้น้องใหม่ฟัง
ขออภัยครับ พิมพ์ผิด :oops: คือ เวลาฝรั่งขายจะดูว่ามี bid กี่หุ้น แล้วโยนขายเลยครับ ราคาห่างกันช่อง 2 ช่องเค้าไม่ค่อยเกี่ยง ขอให้ขายได้ทั้งจำนวนที่ต้องการก็พอ ดังนั้น ถ้าฝรั่งช่วยกันโยนขาย และขายทุกวันก็จะเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ ในทางกลับกันถ้าช่วยกันซื้อ ก็... :D
โดย
Dimsum
พฤหัสฯ. มิ.ย. 19, 2008 5:14 pm
0
0
ประสบการณ์ซื้อหุ้น ตอนเกิดพฤษภาทมิฬ เอามาเล่าให้น้องใหม่ฟัง
ผมอยากรู้ว่าที่หุ้นลงรอบนี้แรง + เร็วเพราะการเมืองอย่างเดียวอย่างนั้นเหรอ ผมว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจเป็นปัญหาหลักมากกว่าครับ แต่การเมืองเป็นตัวเร่ง + ทำให้ลงมากและเร็ว ปี 49 ที่ก็มีปัญหาการเมืองมีแนวโน้มจะรุนแรง และรัฐประหาร ฝรั่งก็ยังซื้อสุทธินี่ครับ แต่เที่ยวนี้ผมว่าปัจจัยเศรษฐกิจโลก + ภายในประเทศเรา โดยเฉพาะเรื่องเงินเฟ้อ กับการจะขึ้นดอกเบี้ย ฝรั่งก็ขายหุ้นทั้งภูมิภาค เวียดนามฟองสบู่ก็แตก จีนก็มีเรื่องเงินเฟ้อ ซับไพรม์ก็ยังไม่จบซึ่งผมว่าต้องดูกันถึงปีหน้า ว่าจะเพิ่มทุนกันไหวหรือไม่ ฯลฯ แต่ประเทศเรามีปัญหาการเมืองเค้าก็เลยเลือกขายของเราก่อน และขายต่อเนื่อง เท่าที่เคยเห็นฝรั่งขายในช่วงก่อนปี 40 เค้าขายแบบถามว่ามี offer เท่าไรไม่ได้ถามราคานะครับ แล้วอีกอย่างปี 35 ที่มีปัญหาการเมืองปัญหาเศรษฐกิจไม่มี ปี 36 37 หุ้นบูมใหญ่ ปี 40 มีปัญหาเศรษฐกิจแต่ปัญหาการเมืองไม่แรง เงินเฟ้อไม่แรงทั้งอาหาร + พลังงาน แต่ปีนี้ 1.ปัญหาการเงินโลก ความเสียหายที่ยังไม่ชัดเจน กองทุนอาจต้องขายหุ้นอีก 2.เงินเฟ้อ อาหาร พลังงาน ทั้งโลก กำลังซื้อหดตัวลง 3.เศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอตัว เช่น สิงคโปร์เดือน พ.ค. การส่งออกไปยุโรป สหรัฐ เริ่มลดลง ตอนนี้หวังว่าจีนยังคงไปได้ก็แล้วกัน 4.การเมือง ถ้ามีเหตุการณ์อะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ต้องมีรัฐบาลรักษาการณ์ล่ะก็ คงจะแย่ เพราะจะทำได้แต่งานประจำ อนุมัติโครงการนโยบายต่าง ๆ ไม่ได้อีก
โดย
Dimsum
พฤหัสฯ. มิ.ย. 19, 2008 4:53 pm
0
0
ปีนี้ทำไมหุ้นคนมีแบรนด์เชียร์ลงกันหมดเลยครับ
จริง ๆ แล้วไม่ต้องมีแบรนด์ก็น่าจะวิเคราะห์ได้น่ะครับว่าหุ้นมีโอกาสลงมากกว่าขึ้น เพราะ ณ ตอนนั้น (2 อาทิตย์ก่อน) มีปัจจัยเสี่ยงมากขึ้น แต่ราคาหุ้นยังไม่ discount มากพอ ทำให้มีการขายกันมาก ถ้าคิดว่าราคาที่ลงมาตอนนี้ มีส่วนลดมากพอ และพอใจกับผลตอบแทนที่จะได้รับก้อซื้อลงทุนได้นี่ครับ ปัจจัยเสี่ยงที่ใคร ๆ ก้อรู้ไม่จำเป็นต้องคนมีแบรนด์พูดหรอก เช่น การเมือง เงินเฟ้อ กำลังซื้อที่ลดลง ดอกเบี้ยขึ้น NPLรากหญ้า? ค่าเงินอ่อนต่างชาติขาย เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวหลังจากโตมาหลายปี และสถาบันการเงินในสหรัฐที่ยังมีแนวโน้มไม่ค่อยดีอยู่ เพื่อนผมที่เพิ่งกลับมาบอกว่า เศรษฐกิจที่อเมริกาแย่ ร้านอาหารไทยยอดขายตกลงเพราะเริ่มกลายเป็นของฟุ่มเฟื่อย อยู่บ้านทำกินเองมากขึ้น ลดการดูหนังลง บ้านถูกยึดจำนวนมาก เพราะให้คนทำงาน part time กู้เงินซื้อบ้านได้ ตอนนี้ไม่มีปัญญาจ่ายแล้ว เงินทีรัฐบาลคืนภาษีให้ก็ไปจ่ายหนี้บัตรเครดิตหมด คือ จ่ายการบริโภคที่เกิดไปแล้ว จึงไม่ก่อให้เกิดการบริโภคใหม่อย่างที่รัฐบาลตั้งใจ และ 300 เหรียญอยู่อย่างเขียม ๆ อาทิตย์เดียวก็หมดแล้ว ถ้าไม่ประหยัด 4 วันก้อหมด น้ำมันก็แพง ราคาที่เรารู้กันว่า 4 เหรียญต่อแกลลอนนั้นเป็นราคาเฉลี่ยทั่วประเทศ เพราะฉะนั้นบางที่น้ำมันเกือบ 5 เหรียญต่อแกลลอน
โดย
Dimsum
อังคาร มิ.ย. 10, 2008 11:21 am
0
0
ฤาว่า SNC จะเป็น FANCY2
ราคาของ SNC ที่ 10 - 11 อยู่บนความคาดหวังว่ากำไรจะโตขึ้น 50 % ก็จะได้ พีอี ที่ 10 เท่า แต่ตอนนี้ตลาดเริ่มมองว่า การที่กำไรจะโตได้อย่างนั้นอาจจะไม่แน่นอน ตลาดก็เลยต้องลงราคาลงมา พื้นฐานคงไม่ได้เปลี่ยนเหมือน FANCY แต่ความคาดหวังของตลาดเริ่มลดลงมากกว่าทำให้ราคาตก ถ้าคุณยังเชื่อมั่นว่าผู้บริหารจะทำได้จริงอย่างที่คุณคิดเมื่อตัดสินใจซื้อตอนแรกก็ต้องกล้าถือครับ แต่ถ้าไม่แน่ใจเพราะเห็นราคาตก แล้วเครียดมากก็ต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับหุ้นในพอร์ต เป็นธรรมดาที่หุ้นที่ตลาดมีความคาดหวังสูง ราคาหุ้นก็จะสูง แต่แล้วทำไม่ได้ตามคาดราคามันก็ต้องตกครับ
โดย
Dimsum
ศุกร์ พ.ค. 30, 2008 4:03 pm
0
0
136 โพสต์
of 3
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
Dimsum
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
จันทร์ พ.ย. 27, 2006 3:58 pm
ใช้งานล่าสุด:
อังคาร ต.ค. 17, 2017 12:01 pm
โพสต์ทั้งหมด:
187 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.01% จากโพสทั้งหมด / 0.03 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว