หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
prasits
Joined: จันทร์ พ.ย. 10, 2003 9:04 pm
228
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - prasits
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: 🚩(เปิดรับ) กิจกรรมเยี่ยมชมบริษัท CV - THRE/THREL/BVG วันที่ 13 ก.ค. 66
ลงทะเบียน
โดย
prasits
ศุกร์ มิ.ย. 30, 2023 9:04 am
0
0
Re: 🚩(เปิดรับ) กิจกรรมเยี่ยมชมบริษัท CV - KJL วันที่ 19 พ.ค. 66
ลงทะเบียน
โดย
prasits
พุธ พ.ค. 03, 2023 9:46 am
0
0
Re: ✏️(เปิดรับ) กิจกรรมเยี่ยมชมบริษัท CV-ILM 21 เม.ย. 66 - Online
ลงทะเบียน
โดย
prasits
อังคาร เม.ย. 11, 2023 9:01 am
0
0
Re: สมุดเยี่ยมชมห้องบทความ
ขอขอบคุณ. ผู้จัดทำมากครับที่ได้เสียสละเพื่อผู้อื่นครับ
โดย
prasits
อาทิตย์ พ.ย. 10, 2019 9:08 am
0
0
Re: **วันนี้ 10โมง**เปิดจอง CV@COL - บริษัท ซีโอแอล
จอง1ที่ครับ
โดย
prasits
อังคาร พ.ย. 06, 2018 10:01 am
0
0
Re: เปิดจอง Company Visit WORK วันพฤ 6 สค 58 เวลา 10:00น 32
จอง 1 ที่ครับ ทะเบียนรถ ษว9948
โดย
prasits
พฤหัสฯ. ส.ค. 06, 2015 10:19 am
0
0
Re: เปิดจอง Com Visit AUCT วันที่ 26 สค 57 เวลา 10.00น. 57 ท
จอง 1 ที่ครับ
โดย
prasits
อังคาร ส.ค. 26, 2014 11:19 pm
0
0
Re: ฟรี ! แบ่งปันสรุปหุ้นรายตัว ย้อนหลัง 15 ปี ง่าย
รบกวนด้วยครับ
[email protected]
ขอบคุณครับ
โดย
prasits
พุธ ก.ค. 23, 2014 9:12 pm
0
0
Re: DVD งาน 10 ปี Thai VI สั่งซื้อได้แล้ววันนี้ (3 วันสุดท้า
Prasits / 1 ชุด / 550.21 บาท / Kbank / 21-09-2556 /3:10 ส่ง นาย ประสิทธิ์ ซื่อสัตยาศิลป์ 33 ซ.สุขสวัสดิ์ 25 ถ.สุขสวัสดิ์ บางปะกอก ราษฎร์บูรณะ กทม 10140
โดย
prasits
เสาร์ ก.ย. 21, 2013 3:13 am
0
0
Re: ฟรี! ระบบข้อมูลงบการเงินย้อนหลัง อัตราส่วนงบการเงิน และข
สนใจครับ
[email protected]
โดย
prasits
อังคาร มิ.ย. 11, 2013 7:43 pm
0
0
Re: ฟรี! ระบบข้อมูลงบการเงินย้อนหลัง อัตราส่วนงบการเงิน และข
[email protected]
ขอบคุณครับ
โดย
prasits
จันทร์ เม.ย. 01, 2013 11:32 am
0
0
รบกวนแจ้งขนาดเสื้อสำหรับงานสัมมนาใหญ่ Thaivi#2 ที่กระทู้นี้
prasits# ชาย M prasits# ชาย L
โดย
prasits
พฤหัสฯ. เม.ย. 29, 2010 10:25 pm
0
0
จองด้วยครับ 2 ที่เดี๋ยว โอนเงินให้เลยครับ
จองด้วยครับ 2 ที่เดี๋ยว โอนเงินให้เลยครับ
โดย
prasits
เสาร์ มี.ค. 27, 2010 11:15 am
0
0
The Snowball
สนับสนุนให้พี่ WEBB ด้วยครับ
โดย
prasits
อังคาร พ.ค. 26, 2009 10:14 pm
0
0
ส่ง mail ไปแล้ว
ส่ง mail ไปแล้วเช่นกัน ... thanks prasits
โดย
prasits
พุธ เม.ย. 22, 2009 11:28 pm
0
0
จองด้วย 1 ที่ครับ
จองด้วย 1 ที่ครับ .... ไ่ม่รู้ทันมั้ย ขอบคุณครับ
โดย
prasits
อาทิตย์ เม.ย. 12, 2009 11:33 am
0
0
ไปด้วยคนครับ
จอง 1 ที่ด้วยครับ prasits (พี)
โดย
prasits
พฤหัสฯ. พ.ค. 22, 2008 7:47 am
0
0
Supporting 1 Vote
Supporting 1 Vote สนับสนุนด้วยครับ
โดย
prasits
ศุกร์ ต.ค. 19, 2007 1:01 pm
0
0
จองด้วยคนครับ
น่าจะยังทัน จอง 1 ที่ครับ prasits
โดย
prasits
จันทร์ ก.ย. 03, 2007 11:51 am
0
0
.
จองด้วยคนครับ
โดย
prasits
เสาร์ ส.ค. 11, 2007 10:05 am
0
0
รับสั่งจอง Value Investing : From Graham to Buffett ฉบับแปล
จองเล่มนึง พร้อมลายเซ็นด้วยครับ เดี๋ยวโอนทางเน็ตให้เลย
โดย
prasits
เสาร์ ส.ค. 04, 2007 8:43 pm
0
0
TASCO
เพิ่งมาดูแว็บเดียว เต็มอีกแล้ว :( ถ้ารับเพิ่มได้ ขอสำรองด้วยคนครับ
โดย
prasits
พุธ ส.ค. 01, 2007 11:43 pm
0
0
พอดีพึ่งมาเห็น ยังมีที่มั้ยครับ
สวัสดีครับ พอดีเพิ่งเข้ามาอ่านเจอ จะขอไปด้วย ไม่รู้ว่ามีที่ว่างเปล่าเอ่ย ขอบคุณครับ
โดย
prasits
อาทิตย์ ก.ค. 29, 2007 6:04 pm
0
0
ถามเรื่องค่าเงินหน่อยครับ
Arbitage ต้องนำเงินสดๆ ออกไปแลกนอกประเทศครับ น่าจะต้องเป็นประเทศในเอเชียด้วย เพราะประเทศตวต.เค้าไม่น่าจะรับแลกบาท แต่มีกม.ไทยบอกว่าผู้เดินทางสามารถนำเงินบาทสดๆ ออกนอกประเทศได้ประมาณ 80,000 บาท ถ้าเอาออกไปเกินก็เสี่ยงหน่อย ยกเว้นผู้ที่มี previlege ที่เดินผ่านช่อง VIP ของสนามบินครับ ช่วงนี้ถ้าใครจะไป Singapore หรือฮ่องกง ก็อาจพกแบงค์พันไปสักปึ๊งนึง ไปแลกหาค่าตั๋วฟรีได้ครับ
โดย
prasits
พุธ ก.ค. 18, 2007 4:23 pm
0
0
ภาษี??
จริงๆ แล้วทุกคนในประเทศ เสียภาษีทั้งนั้นล่ะครับ อย่างน้อยก็ภาษีการบริโภค ซึ่งก็คือ VAT ไงครับ เวลานักลงทุนกำไร ก็เอาไปซื้อข้าวของที่ห้าง (มีภาษี VAT 7%) พวกที่ดูดบุหรี่, ดื่มเหล้า ก็เจอภาษีบาปไป ส่วนพวกกำไรหุ้นมากๆ ถ้าเอาไปซื้อรถยนต์ขับ ก็เสียภาษีนำเข้า,ศุลกากร (ทำให้เงินหมุนในประเทศได้อีก สร้างอาชีพให้เซลล์ขายรถ..ฯลฯ สร้างงาน สร้าง GDP) นักลงทุนที่ไม่ค่อยเสียภาษีเลย (หรือเสียน้อยกว่าที่นิด) คือคนที่ไม่ค่อยใช้จ่ายเพื่อการบริโภคเท่าไหร่นัก และไม่ค่อย take profit เพื่อได้ capital gainอย่างเช่น อาจารย์บัฟเฟตต์ครับ อิอิอิ ส่วนตัวคิดว่าตลาดเกิดใหม่ยังไม่ควรเก็บ เพราะความผันผวนสูง ผิดกับตลาดอเมริกาซึ่งค่อนข้างมีเสถียรภาพ ที่สำคัญถ้าขาดทุนหุ้น เค้าก็ตัดเป็นค่าใช้จ่ายได้ ซึ่งของไทยหาเป็นเช่นนั้นไม่ !!!!
โดย
prasits
ศุกร์ ก.ค. 13, 2007 12:15 am
0
0
น่าจะ UEC
น่าจะ UEC ครับ ดูจาก P/B แล้ว UMS สูงเกินไปหน่อย ในระยะยาวไม่น่าขึ้นมาก แต่ระยะสั้นเช่นพวกราคาถ่านหินอาจทำให้ได้มันขึ้นหวือหวา ตามความโลภระยะสั้นของคนได้ครับ ถ้าเพื่อความสนุกสนานในชีวิตหน่อย น่าจะถือ UMS สัก 10-20% (เผื่อรอความโลภของคน แล้วค่อยขายไปซื้อ UEC) UEC 80-90% (กรณีมีต้นทุนต่ำนะครับ... ส่วนตัวไม่ได้มีตัวนี้) :P
โดย
prasits
พุธ ก.ค. 11, 2007 9:58 am
0
0
..
การที่ญี่ปุ่นฟื้นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ถ้ารู้ประวัติศาสตรญี่ปุ่น และค่านิยมของคนญี่ปุ่น สมัยก่อน/(ปัจจุบันก็ยังเป็นอย่างนั้น แต่ลดลงบ้างตามกระแสโลกาภิวัตร) นั้น เป็นพวกรักชาติ อย่างมาก ผู้คนมีความรับผิดชอบ ขยันขันแข็ง ทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง (ดูได้จากสไตล์บริษัทญี่ปุ่น) แต่ที่ไปทำสงครามโลกครั้งที่สองนั้น จริงๆ แล้วก็เพราะว่ารักชาติมากไป เลยคิดอยากให้ทั้งโลกคือชาติญี่ปุ่น (แบ่งส่วนกับเยอร์มัน ซึ่งนิสัยก็คล้ายๆกันในบางเรื่อง) แต่ดันมาแพ้ภัย Nuke ที่ USA คิดได้ครับ ก็เลยโดน USA คุมไม่ให้มีกองกำลังทหาร ก็เลยทำให้ญี่ปุ่นต้องใช้ความบ้าทำงานไปทำด้านอื่นแทน (จากก่อนหน้าที่คิดอยากครองโลก เลยต้องทุ่มเข้าทางทหาร) ก็เลยไปเน้นทางเศรษฐกิจแทน .. ญี่ปุ่นก็เลยเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก โดยส่วนใหญ่ไปค้าขายพวกของใช้สำหรับผู้บริโภคต่างๆ (ใช้วิธี Copy & Develop เทคโนโลยีให้ดีขึ้นไป :สังเกตจากอะไรที่ Benz,BMW ทำได้เดี๋ยวญี่ปุ่นก็จะ copy ไปทำเองแล้วทำให้ถูกลง) ในขณะที่อเมริกาซึ่งเคลมว่าตัวเองเป็นพี่ใหญ่ ก็ใช้ความสามารถตรงนี้เป็นคนคุมด้านการค้าอาวุธยุทโธปกรณ์ภายในโลก (แต่มีรัสเซียเป็นคู่แข่ง) และขายออกไปในราคาแพงๆ (ทั้งๆ ที่จริงๆ ก็คือเหล็ก + ดินปืน + เทคโนโลยีจรวด) บางทีขายไม่ได้มาก ก็จะมีวิชามารยุให้ชาวบ้าน(ประเทศต่างๆ) ตีกัน แล้วก็ต้องสะสมอาวุธแข่งกัน โดยคนที่ถือหางUSA ก็จะซื้ออาวุธจาก USA ผ่านทางช่องทาง lobby การเมือง ต่างๆ และผ่านทางลัทธิเสรีประชาธิปไตย เลยได้กำไรจากการค้าอาวุธมาก ยังดีที่ช่วงหลังมี Microsoft, Intel, Hollywood,McDonald, MTV, ลิขสิทธิ์ต่างๆ รวมถึงยามาช่วยด้านการค้า/ รวมถึงมามอมเมาพวกเรา (รวมถึงผมด้วย อิอิ)
โดย
prasits
จันทร์ ก.ค. 09, 2007 9:48 pm
0
0
.
อาการนี้ ไม่ต้องเปิดดูหรอกครับ ไปทำงานอย่างอื่น อยู่เฉยๆ รอให้พอร์ตขึ้นไปสักพักก่อน (สัก 1 อาทิตย์) **กรณีมีของอยู่เต็มมือนะครับ เพราะดูมากมักจะขายหมูครับ
โดย
prasits
พุธ ก.ค. 04, 2007 3:58 pm
0
0
..
จริงๆ แล้ว การกระทำลักษณะนี้มันก็เหมื่อนหลายร้อยปีก่อนครับ แต่วิวัฒนาการไปในอีกรูปแบบนึงเท่านั้น ที่ประเทศยุโรป/อเมริกา ซึ่งถือ(คิดว่า)ว่าตนเองมีความฉลาดด้านความคิด, วิทยาศาสตร์ มาก จึงใช้วิธี แสวงหาอาณานิคม โดยการไปยึด เพื่อเข้าไปใช้แรงงานถูกๆ, แร่ธาตุถูกๆ (ของที่ประเทศตัวเองใช้ที่หลังสุด) แต่ก่อนการครอบครองสู้ด้วยอาวุธครับ พอชนะแล้วก็เอาผลประโยชน์ถ่ายออกไป (ทาส แรงงาน สมัย หลายร้อยปีก่อน/ ต่อมาการเดินทางสะดวกก็ไม่ต้องขนทาสลงเรือแล้ว แถมเป็นยุคเลิกทาส ก็ให้คนอยู่ที่ประเทศนั้นแหล่ะ) พอมาปัจจุบัน สงครามสู้กันด้วยทุนและปัญญาครับ ตอนนี้เราก็เหมือนเป็นอาณานิคมนึง ซึ่งธนาคารก็เป็นของต่างชาติ .. โรงงานเป็นเงินตปท. แล้วก็มาจ้างแรงงานเราถูกๆ-คล้ายๆเศษเงินของเค้า (สมัยก่อนก็คือทาสที่ไม่ได้เงิน แต่เดี่ยวนี้เปลี่ยนเป็นการจ้างถูกๆ) ตลาดหุ้นก็มีไว้เพื่อโกยผลประโยชน์จากรายย่อยที่ไม่ได้มีความรู้ อะไรไป แล้วก็เอาความเชื่อเรื่องสิทธิบัตร,ลิขสิทธิ์มาคล้ายๆกับขายเราในราคาแพงๆ มามอมเมาชาติที่ยอมรับอะไรง่ายๆ อย่างชาติเอเชีย รวมถึงไทย ยกตัวอย่าง พวกเราคงเห็นสินค้ายี่ห้อดีๆ ที่ยี่ห้อชาวตะวันตก แต่มาทำประเทศเอเชียเช่น จีน ไทย เขมร เวียดนาม... โดยให้ค่าจ้างถูกๆ อาทิ กางเกงต้นทุนไม่ถึง 100 บาท โดยทำเป็นว่ามีการรับรองคุณภาพใช้ด้ายกันน้ำ บางเบา .. (ซึ่งก็ถูกบางส่วน แต่มันก็ไม่จำเป็นอะไรสำหรับเรา) รวมถึงมีตราประกันว่าเป็น cotton 100% รับรองโดย USA fiber institution บรา บรา บรา โดยประเทศเหล่านี้ก็ได้ค่าตรีตราเหล่านี้ เอาไปเป็นเงินเดือนคนที่นู้นอีก พอตีตราเสร็จ ก็ใช้ marketting ครับ โฆษณา เอาดารา ไฮโซมาใส่หน่อย ของจาก 100 บาท ก็กลายเป็น 4000-10000 บาทแล้ว แล้วก็เอามาหลอกขายคนรวยในประเทศนั้นๆ เช่นไทย ... (ซึ่งบางทีผมก็เคยซื้อ) แล้วคนรวยในประเทศนั้นๆ ที่เป็นเจ้าของกิจการ ก็ต้องไปกดขี่ค่าแรงจากคนในประเทศตัวเองอีก ดังนั้นประเทศที่ไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง, ไม่มีทุน, ไม่รักชาติ(ไม่สนับสนุนของคนไทยด้วยกันเอง) ย่อมเสียเปรียบไปตลอดกาลครับ เพราะทั้งหลายทั้งปวงนี้ มันเป็นค่านิยม ที่คนตะวันตกหลอกให้เราเสพเรื่องยี่ห้อไปหมดแล้วครับ ญี่ปุ่นซึ่งรักชาติ คนอุดหนุนกันเอง นักการเมืองโกงน้อยหน่อย/และมีความละอาย จึงเจริญขึ้นมากๆ ไงหล่ะครับ ดังนั้นแนวเศรษฐกิจพอเพียง เทคโนโลยีพอเพียงของในหลวงของเรานี่คือ สุดยอดครับ ลองคิดดูว่าถ้าเราสามารถพัฒนาเครื่องจักรการผลิตเอง (ไม่ต้องไปซื้อของยุโรป จีน ซึ่งยังไงก็ต้องมีค่าตราสินค้าอยู่ในนั้นบ้าง แม้แต่จีนก็เหอะ สินค้าไทยที่ทำโดยเครื่องจักรจีน แล้วไม่มี knowhow เฉพาะ จึงแพ้จริงครับ เพราะต้องหักค่าเสื่อมเพื่อรวมไว้ในราคาสินค้า ในขณะที่โรงงานในจีนเองใช้เครื่องของเค้าเอง ราคาก็ต้องถูกกว่าครับ (เพราะเป็นสินค้าทุนส่งออก ต้องส่งออกไปในราคาแพงกว่าขายในประเทศ) ทั้งหมดนี้ ก็คือคำหรูๆ ที่เรียกว่า "เศรษฐกิจยุค โลกาภิวัฒน์" ชักโม้ไปไกลล่ะ แต่การที่เห็นภาพเช่นนี้ ก็ทำให้เกิดโอกาสต่างๆมากมายครับ
โดย
prasits
อังคาร ก.ค. 03, 2007 2:09 pm
0
0
..
เท่าที่ใช้อยู่ ลองไปดูของ kimeng ครับ แต่ต้องเป็นลูกค้า แต่ถ้าเป็นงบย้อนหลังง่ายๆ ดูได้ที่ set.or.th http://www.set.or.th/set/companyinfo.do?type=highlight&symbol=lpn&language=th&country=TH ไม่แน่ใจว่ามีที่ไหนดีๆ อีกบ้างรึเปล่า
โดย
prasits
เสาร์ มิ.ย. 30, 2007 2:09 pm
0
0
..
ขอบคุณ สำหรับคำตอบครับ
โดย
prasits
พฤหัสฯ. มิ.ย. 28, 2007 11:37 pm
0
0
..
อยากให้มองมุมนี้ครับ การบอกว่ามีที่ดินติดแม่น้ำมากๆ บอกว่าสักวันราคามันจะขึ้นนั้น ผมว่าไม่มีเหตุผลเพียงพอ เปรียบเสมือนหากใครมีตึกแถวในสีลมสามห้อง ห้องละ 15 ล้าน คิดเป็นมูลค่า 45 ล้านบาท แต่ต้องถามก่อนว่าทำไมคุณไม่สามารถขายได้ที่ 45 ล้านบาท... ผมขอให้คุณมองในมุมคนซื้อประมาณว่าถ้าคุณจะยอมจ่ายเงิน 45 ล้านบาทเพื่อตึกแถวสามห้องในสีลม (อยู่ในซอยอีกต่างหาก) ผมคงต้องทำกิจการที่ต้องใช้ location แถวนั้นแล้วได้ประโยชน์ แต่ตึกแถวในสีลมนั้น ที่จอดก็จอดไม่ได้ หรือจอดลำบาก ถ้าผมจะมีออฟฟิศผมเช่าเอาบนตึกใหญ่ๆดีกว่า แทนที่จะต้องใช้เงินสด 45 ล้านลงทุนซื้อ ลูกค้าเข้ามาหาก็ดูดีด้วย เพราะอยู่ในตึกใหญ่ๆ แทนที่จะเป็นห้องแถว แต่ถ้าคุณเป็นผู้ประกอบการอสังหาฯ แล้วคิดว่าซื้อมาหมดทั้งแถวเลย แล้วทุบทิ้งทำคอนโด ลองคำนวณราคาขายออกมาคร่าวๆ ดูทำเลว่าขายได้หรือไม่ ถ้าคิดดู project & cashflow แล้ว feasible ก็ลงทุนได้ ในกรณีเสริมสุขนั้น ต้องดูว่าถ้าเค้าย้ายจากที่ดินติดแม่น้ำไปอยู่นอกเมืองจะลำบากหรือไม่ เพราะการที่เค้ามีที่ดินติดแม่น้ำก็เพื่อกระจายสินค้า logistic ... ดังนั้นการที่ทรัพย์สินที่ดินของ SSC ที่ติดแม่น้ำจะแสดงมูลค่าออกมานั้น มันต้องแสดงให้เห็นก่อนว่าจะเอาไปทำโครงการอื่นๆ ได้โดยไม่กระทบ(Logistic) ของธุรกิจหลักครับ อุปมาอุปไมยเหมือนคุณถือหุ้นฟาร์มเลี้ยงไก่ ซึ่งมีที่ดินเป็นหมื่นๆ ไร่นอกกรุงเทพ คิดเป็นราคาประเมินแล้วนับหมื่นล้านบาท แต่คุณเอาที่ดินนั้นมาเลี้ยงไก่ วางของ ทำโกดัง ฯลฯ มูลค่ามันก็ยังไม่สะท้อนออกมา แต่จะสะท้อนออกมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทำนโยบายเพื่อให้ที่ดินผืนนั้นสร้าง Cashflow ต่อพื้นที่ได้มากขึ้นครับ อย่างไรก็ดี หากเห็นว่ามันถูกมากในระดับหนึ่ง อาจซื้อมาเป็นประเภทหุ้น cigar butt ได้ครับคือซื้อตอนที่คิดว่าต่ำมากๆ แล้วถือไป ได้กำไรถึงจุดที่พอใจก็ขายออกมา (เพราะคุณก็ยังไม่รู้หรอกว่าเค้าจะเพิ่ม value ในทรัพย์สินนั้นเมื่อไหร่ แต่อาจไปลองถามเค้าผู้บริหารเกี่ยวกับแนวคิดย้ายดูก็ได้ ถ้าเกิดมีในระยะเวลาไม่นาน 1-3 ปี นักลงทุนก็อาจลองถือยาวดูได้ แต่ถ้าเค้าบอกว่ายังไม่โครงการอะไร สิ่งที่เค้าจะได้เงินก็คือจากธุรกิจหลักของเค้าครับ) ---***เป็นความเห็นส่วนตัว จากประสบการณ์ลงทุนอสังหาฯ,หุ้น, ธุรกิจ ครับ***___ ส่วนตัวเพิ่งซื้อมาดูนิดหน่อย
โดย
prasits
พุธ มิ.ย. 20, 2007 4:08 pm
0
0
เอกสารประกอบการสัมนาของคุณ invisible hand
โอ้ ขอมากันเยอะ มั๊ก ถ้าไง ส่งขอมาที่ email
[email protected]
เลยแล้วกัน (กดดูใน inbox ของ thaivi แล้วมันช้าไม่ทันใจ)
โดย
prasits
อังคาร มิ.ย. 12, 2007 10:12 pm
0
0
DTAC IPO ที่ 42 บาทถือว่าแพงหรือเปล่าครับ
วันนี้ลองถามโบรก ให้เค้าไปดูราคาสิงคโปร์ ต้นปีรู้สึกจะ $0.80 ตอนนี้ $1.2x -$1.3x เหรียญ ดูแล้วเหมือนไม่น่าลงทุนเท่าไหร่ มัน (เหมือนถูกลาก?) ขึ้นมามากแล้ว ถ้ากำไรคงไม่มาก อีกอย่างตัวเลขเกือบทุกตัวรู้สึกจะยังห่างเบอร์หนึ่งพอสมควร และช่วงนี้เบอร์หนึ่ง อาจจะซวดเซได้บ้าง (อย่างไรก็ดีเชื่อว่าผู้ถือหุ้น indirect รายใหญ่ที่อยู่ใกล้ช่องแคบมะละกา ก็คงไม่ยอมทุบหม้อข้าว นอกจากทุบเอาของจากคนที่อ่อนไหวทางราคาก่อน) ซึ่งอาจเป็นจังหวะเหมาะในการลงทุนระยะกลาง **ความเห็นส่วนตัว**
โดย
prasits
จันทร์ มิ.ย. 11, 2007 9:19 pm
0
0
เอกสารประกอบการสัมนาของคุณ invisible hand
ส่งให้คนที่ pm แล้วระบุ email มาให้ทุกคนแล้วนะครับ (เขียนไว้ตรงนี้เตือนความจำตัวเองก่อนว่าถึงคุณ pajumba แล้ว)
โดย
prasits
จันทร์ มิ.ย. 11, 2007 8:37 pm
0
0
..
อ้อ ยังไง ต้องขออนุญาต คุณ IH ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ คงไม่เป็นการผิดลิขสิทธิ์ แฮะ แฮะ :wink:
โดย
prasits
จันทร์ มิ.ย. 11, 2007 1:22 am
0
0
..
ใครต้องการ pm มาแล้วกันนะครับ เดี๋ยว scan ทาง PDF แล้วจะส่งให้ทาง Email ครับ prasits
โดย
prasits
จันทร์ มิ.ย. 11, 2007 1:21 am
0
0
ใ
เห็นด้วยกับคุณหมอสามัญชนครับ ประมาณว่าถ้าเริ่มลงทุน แม้ว่าจะพยายามเข้าสู่ลู่ทาง VI เลย, เก็งกำไร, หรือผสมกัน ฯลฯ แล้วต้องมีเหตุการณ์นอกตำรา วิชามาร ในตลาดหุ้นมากมายที่เรายังไม่เคยอ่านเจอในหนังสือหุ้นทั่วๆ ไป (เค้าถึงบอกว่าทฤษฎีไม่เหมือนปฏิบัติ, ทฤษฎีอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่กำหนด หรือสมมติขึ้นมาว่า ไม่มีใครโกงในเกม (ซ่อนงบ,transfer cost/pricing, bribe-under table process ฯลฯ สรุปว่า ในโลกของความจริง ยังมี hidden risk ที่จริงๆ เราเข้าใจมันได้ แล้วเพิ่ม Margin of Safety เข้าไปเวลาเจอ Risk ที่เรายังไม่เข้าใจ ... แต่ในส่วนของ Uncertainty หรือความไม่แน่นอนของกิจการนั้นแน่แม้ว่าเราจะควบคุมไม่ได้ อาทิ ต้นทุนวัตถุดิบ, ดอกเบี้ยน้ำมัน แต่ในเชิงคุณภาพที่สำคัญๆมากๆ อย่าง ธรรมาภิบาลของผู้บริหารนั้น เราสามารถตรวจสอบได้โดยการพูดคุย / ดูโหงวเฮ้ง ศึกษา ค้นหาประวัติความเป็นมาของบริษัทนั้นๆ ว่ามีที่มาอย่างไร เคยทำงานอะไร เกี่ยวข้องอะไรกับ คู่ค้าอันดับต้นๆ ของบริษัทหรือไม่อย่างไร ฯลฯ) ดังนั้นการขาดทุนสัก 20% นั้น ให้เราถือว่าเป็นค่าเรียนครับ คือถ้าขาดทุนสัก 20% แล้วเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง และจำไว้เป็นประสบการณ์จากการขาดทุนนั้น จะทำให้นักลงทุนแข็งแกร่ง และมีพัฒนาการมากขึ้นครับ ปล. ดังนั้นช่วงปีแรกเวลาเริ่มลงทุน ไม่ควรลงทุนมากครับ ให้คิดว่าเป็นค่าเล่าเรียนข้อผิดพลาด (หากพลาด) แต่ถ้าได้กำไรมากๆ ก็อย่าหลงว่าตัวเองแน่เกินไปครับ อาจเป็นเพราะว่าดวงช่วย หรือบางทีคุณกำลังเป็นเหาฉลามอยู่ในเกม <เห็นเพื่อนผมหลายคน เล่นเก็งกำไร ซึ่งไปเล่นอยู่ในเกมของคนอื่นที่เค้าควบคุมอยู่ สุดท้ายก็ขาดทุนมาก และเลิกเล่นไปพร้อมกับพูดว่า หุ้นเป็นการพนัน... จริงๆ แล้วผมว่ามันเป็นการพนัน (bet) โดยอาศัยพื้นฐาน การเติบโตของกิจการ และจิตวิทยา ในการเล่นเกมนี้ ... จึงมีนักเขียนบางคนกล่าวไว้ว่าโลกยุคนี้เป็นยุค Casino Economy ดังนั้นเมื่อ **นักลงทุน** ต้องระวังอย่าหลงไปอยู่เกมคนอื่นโดยไม่ระวังตัว แต่ถ้าคุณรู้ว่าเค้า/รายใหญ่/ต่างชาติกำลังเล่นเกมอะไร อย่างไร นักลงทุนรายย่อย ก็จะได้เปรียบอย่างมากในการเป็น*เหาฉลาม* อ่านเกมและเกาะกระแสไป แล้วพิจารณาเอาเองว่าจะโดดออกจากขบวนรถไฟนั้นเมื่อใด ซึ่งแล้วแต่ข้อมูลที่มี กับความสามารถในการอ่านไพ่ ผู้เล่นรายใหญ่ในเกม/หุ้นนั้นๆ>
โดย
prasits
อาทิตย์ มิ.ย. 10, 2007 12:14 pm
0
0
..
ถือหุ้นเหมือนเดิม แต่จะใช้ TFEX ช่วยครับ (Long) ผมเชื่อว่าขึ้นเช่นกัน แต่ไม่รู้ว่าถึงพันรึเปล่า (เลยใช้ TFEX) จดบันทึกไว้คับ ไว้ไม่เกินปลายปีหน้า หาคนขุดกระทู้นี้มาติดตามผลด้วย จริงๆ แล้วลงทุนได้ทุกสไตล์ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้ แต่ต้องยึดถือสไตล์นั้นๆ ให้เหมาะกับหุ้นแต่ละตัวด้วย ที่สำคัญอย่าหลงเป็นเหยื่อกับตัวเลขและเกมของคนอื่น จิตวิทยาการลงทุน/ตลาด เป็นสิ่งสำคัญที่สุด สำหรับทุกสไตล์ครับ George Soros ไม่ใช่ VI ก็ประสบความสำเร็จในแนวเก็งกำไร Warren Buffet ก็อีกแบบ ดร.นิเวศน์ ก็อีกแบบ เซียนหุ้นปั่นเมืองไทยก็อีกแบบ (แต่เซียนหุ้นปั่นเมืองไทยก็อาจเจ๊งได้ ถ้าโดนกลต. หยุด เช่นกรณีพอร์ตของ เมืองไทยประกันชีวิต คุณนวลพรรณ ล่ำซำหรือไงนี่หล่ะ ) ที่สำคัญอีกอย่าง ถ้ายังไม่รู้ว่าสไตล์ตัวเองเหมาะกับแบบไหน ให้ค่อยๆ ลงเงิน อย่าทุ่มทั้งหมด ลองลงทุนไปสัก 2-3 ปี แล้วจดบันทึกกำไรขาดทุน ช่วงเวลาทั้งหมด แล้วมองย้อนกลับ คุณจะรู้ว่าคุณเหมาะกับการลงทุนแบบไหนคับ ... อาจเป็นแบบผสมก็ได้เช่นกัน แต่ต้อง manage เก่งหน่อย ถ้าสไตล์ value/ cigar อย่างเดียวก็ทำการบ้านหนักตอนแรก หาจุดซื้อพอสมควร พอถึงราคาที่คิดว่าพอก็ขาย ถ้า value/ growth อันนี้ทำงานหนักกว่าแบบแรก แต่ผลตอบแทนจะมากกว่ามากเช่นกัน (แต่อาจมีความผันผวนระหว่างทางนิดหน่อย นอกจากลงทุนตอนตลาด crack/panic) ถ้าสไตล์ Bluechip ก็ไม่ต้องทำอะไรมาก ทำงานอื่นๆ ไป อ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐทุกวัน จนขึ้นหัวข้อหน้าเศรษฐกิจว่า "ตลาดหุ้นพัง, วินาศ, ตกต่ำสุดในรอบ 6-36 เดือน (แล้วแต่คนจะรับได้)" แล้วเข้าไปหาซื้อ Bluechip ใน set50 แต่คัดอีกนิดคือเอาตัวที่ฝรั่งถือด้วย และต้องไม่เป็นหุ้นมวลชนมากนัก (นิยาม หุ้นมวลชน คือหุ้นที่ผู้ถือหุ้นมากราย + หลายๆ คนติดหุ้นตัวนี้ทุกระดับราคา << หุ้นมวลชนหาไม่ยากคับ ให้ไปถามเพื่อนๆ หรือ broker ที่ห้องค้าว่า ห้องตัวไหนคนติดดอยกันมากๆ ก็ไม่เอาตัวนั้นครับ อาทิ irpc) เสร็จแล้ว ก็กลับไปทำงานอย่างเดิม .. คือทำงานไปอ่านนสพ.ไทยรัฐไป พอเริ่มเจอข้อความ "ตลาดหุ้นสดใส คาดดัชนีไป ...(ปัจจุบัน)+150-200 จุด" + เหตุการณ์คนคุยเรื่องหุ้นในวันแต่งงาน/แท็กซี่คุยเรื่องหุ้น ก็รออีกสักไม่เกิน 3 เดือนจากวันนั้นแล้วก็หาจังหวะขายไปซะ" พอเสร็จก็ให้ ย้อนกลับไปทำแบบเดิมคับ ที่สำคัญอีกอย่างสำหรับทุกกลุ่มให้ศึกษาหุ้นหลายๆ ประเภทจากหนังสือของ peter lynch โดยเฉพาะหุ้นวัฎจักร(ทั้งแบบ cycle สั้น/ยาว) บวกกับหนังสือ จิตวิทยาการลงทุน ของคุณสุมาอี้ หรือของใครก็ได้
โดย
prasits
เสาร์ มิ.ย. 02, 2007 9:49 am
0
0
..
ขอบคุณครับ คำตอบแรกพอจะเข้าใจ แต่ "ส่วน Z-Spread เป็นการ Adjust zero rate ดังกล่าว เพื่อให้ค่าที่ได้ตรงกับ market price" อันนี้งงๆ ครับ Z-Spread , Adjust zero rate ????
โดย
prasits
เสาร์ มิ.ย. 02, 2007 9:26 am
0
0
..
ปล. ล่าสุดรู้สึกว่าภัทร จะขึ้นมาเกินราคาที่เค้าขายไป เป็นช่วงตัวแล้ว 44-45 บาท
โดย
prasits
ศุกร์ มิ.ย. 01, 2007 1:08 pm
0
0
..
ผู้บริหารขาย ไม่ใช่ว่าหุ้นแพงเสมอไปครับ ต้องอ่านเจตนาการขาย (ในมุมมองของนักธุรกิจ) ให้ออกครับ ดูอย่าง Bill Gates ขายหุ้น MSFT ตั้งแต่ สิบกว่าเหรียญ ตอนนี้ สามสิบกว่าเหรียญแล้ว ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่า Bill Gates พลาด แต่การขายอาจเป็นเพราะต้องการใช้เงิน ต้องการแบ่งพอร์ตไปลงทุนด้านอื่น (เช่น ขายไปลงทุนใน Berkshire), หรือใช้เงินไปเพื่อซื้อความสำราญส่วนตัวบ้าง ถ้าบิล เกตต์มีความรู้ด้านลงทุนแบบวอเรนด้วยละก็ ตอนนี้อันดับหนึ่งคงห่างกับอันดับสอง/สาม/สี่/ห้า 2-4 ช่วงตัวได้ (ยิ่งถ้า Bill Gates ขายหุ้นได้โดยไม่ต้องรายงานกลต. SEC ตอนปี 2000 แล้วคงมีทรัพย์สินเกือบ $100 Billion .. แม้ไม่ต้องขายหุ้น MSFT ของตัวเองหมด) เวลาขายให้ดูสัญชาติของผู้บริหารก็จะทราบหลายๆ อย่าง ถ้า ไต้หวันให้ระวังครับ ถ้าเป็นฝรั่งไม่ต้องระวังมากหน่อย ถ้าคนไทยมีทุกแบบครับ (อันนี้พูดถึงผู้บริหารในตลาดหุ้นไทยนะครับ)
โดย
prasits
ศุกร์ มิ.ย. 01, 2007 1:05 pm
0
0
tax credit
ขอด้วยคนครับ
[email protected]
[email protected]
โดย
prasits
ศุกร์ พ.ค. 25, 2007 9:28 pm
0
0
..
กำไร MCS ปีที่แล้ว มีกำไรจากการขายหุ้น STPI ด้วย < ระวังจุดนี้ดีๆ ครับ เพราะปีนี้จะไม่มีแล้ว (ใครที่ไปประชุมทั้ง MCS และ STPI แล้วพิจารณาถึงจุดนี้ จะรู้ว่าเกิดกำไรขึ้นเพราะอะไร ..แล้วคงไม่เกิดอีกแล้วตลอดไป) ตอนที่ไปประชุม ceo "อ้าง" ว่าที่ขายหุ้นที่ถืออยู่เพราะต้องการให้ทุกคนเป็นเจ้าของมากขึ้น ... ฟังดูดีครับ :!: ปีที่แล้วเป็นปีดีของ MCS ครับ เพราะได้กำไรทั้งธุรกิจและหุ้นSTPI ... ถ้านักลงทุนซื้อก่อนผลประกอบการออกก่อนก็ดีไป (ดูตัวเลขงบการเงินเป็นหลัก) แต่ถ้านักลงทุนซื้อตอนที่เกิด Fact ขึ้นแล้วหรือราคาขึ้นไปแล้วนี่ ก็ต้องพิจารณาให้ดีครับ เพราะบริษัทหลายๆ บริษัทเวลากำไรมากๆ ปีหนึ่งแล้ว ปีต่อมามักจะนิ่งหรือแย่ลงครับ **ยกเว้น** ธุรกิจที่ยังมี Growth ของตลาดสูง และยังคู่แข่งน้อย แต่แนวโน้มกำไรที่เค้าเป็นคน Project ไว้เองปรากฎว่ากำไรปีนี้จะโตได้อย่างมาก 10% (Best case Scenario) ในกรณีที่ค่าเงินไม่เลวร้ายไปกว่านี้มากนัก (แต่ผมไม่แน่ใจว่ากำไรที่เค้าคาดว่าโตขึ้น 10% นี้ตัดรายการพิเศษออกแล้วหรือยัง) .. ในความเป็นจริงที่เค้าบอกว่าcapacity ของโรงงานก็ใกล้เต็มแล้ว ถ้าขยายโรงงาน Burden cost/Fix cost ก็จะเพิ่มขึ้นมากทำให้ performance ไม่ดี (กำไรน่าจะตกลง) ดังนั้นเค้าบอกว่าจะใช้วิธีหาพันธมิตรตปท.ดู และสอบถามผู้ถือหุ้นว่าเห็นด้วยหรือไม่ (ผู้ถือหุ้นทุกคนฟังแล้วก็ไม่คัดค้านครับ) ดังนั้นหากนักลงทุนยังมั่นใจ MCS จริงๆ ผมว่าต้องไปแกะ/สอบถามการลงทุนของเค้าที่จะไปลงทุนกับตปท.ครับ ซึ่งต้องใช้วิธีเสาะหาข้อมูลเองให้ลึกพอ อย่าเพียงแค่ฟังจากผู้บริหาร/คนในบริษัทนั้นเพียงอย่างเดียว เพราะการลงทุนในตปท. นั้นมีความเสี่ยงทางธุรกิจและความโปร่งใสของบริษัทพอสมควร ขนาดกลุ่มธุรกิจใหญ่ๆ ของไทยไปลงทุนตปท. ยังสะบัดสบอมกลับมาทุกราย ไม่ว่าจะเป็น Land&House, CP, Central ซึ่งนับว่าเขี้ยวมากๆ แล้วยังไปเสียท่าที่พม่า (ก่อนออกไปลงทุนตปท.ทุกกลุ่มมีเส้นสาย connection ทั้งธุรกิจและการเมือง กับตปท.มากกว่าบริษัทอื่นๆ แน่ๆ ) .. ต้องระวังเรื่อง Transfer pricing, Poison pill, conflict of interrest ระหว่างผู้บริหารและบริษัทจะไปร่วมลงทุน ปล.1 นักลงทุนส่วนใหญ่จะพลาด เพราะการดูตัวเลขที่เกิดขึ้นในอดีตอย่างเดียวคับ การลงทุนในหุ้นคือการลงทุนสำหรับอนาคต ในราคาเหมาะสม มิใช่ลงทุนเพื่ออดีต (ผลประกอบการที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับราคาที่ inflated ขึ้นมาแล้ว): Case Study TTA, CEI ปล.2 ระวังนิสัยนักธุรกิจไต้หวันด้วยครับ
โดย
prasits
จันทร์ พ.ค. 07, 2007 11:05 am
0
0
จองด้วยคน 1 ที่ ไม่ทราบว่าจ่ายเงินยังไงคับ
จองด้วยคน 1 ที่ ไม่ทราบว่าจ่ายเงินยังไงคับ
โดย
prasits
เสาร์ พ.ค. 05, 2007 7:28 am
0
0
..
แนะนำด้านการเข้าซื้อให้นะครับว่า เวลาซื้ออย่าซื้อทีเดียวหมด (นักลงใหม่ๆ ชอบเป็น แต่ก่อนผมก็เป็น) ควรแบ่งเป็นหลายๆ ไม้ เพราะคุณยังไม่รู้นิสัยหุ้นตัวนั้นด้วย เช่น สมมุตมี 1 ล้านบาทต้องการซื้อหุ้นตัวนึง 500000 บาท คุณก็ควรจะเริ่มซื้อสัก 50000-100000 บาทก่อน ไม่ใช่ซื้อทีเดียว 250000 หรือ 500000 บาทเลย เพราะ เมื่อมีแรงเงินอัดเข้ามา ราคามันอาจจะหนีไปครับ แล้วเวลาซื้อให้ซื้อเป็นปิรามิดหงาย คือซื้อนิดหน่อยก่อน พอลงมาแล้วคุณคิดว่าพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง ก็ซื้อเบิ้ลเข้าไป
โดย
prasits
พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2007 8:26 pm
0
0
บมจ. ลงทุนในกองทุน อสังหาฯ เสียภาษีในส่วนรายได้หรือไม่?
เท่าที่เคยได้ยินประมาณว่า รัฐ ออกกฎว่ากองทุนอสังหา ต้องกระจายให้ได้ xxx คน และสัดส่วนรายใหญ่ไม่เกิน xx % เพราะไม่อย่างนั้น พวกรายใหญ่หรือเจ้าของตึกจะหลบภาษีด้วยการ เอาตึกของตนเองไปทำ property fund และถือหุ้นเองครับ แต่จำสัดส่วน และรายละเอียดอย่างอื่นไม่ได้ ฟังแต่คอนเซ็ปมาจากวิทยุ
โดย
prasits
อาทิตย์ เม.ย. 29, 2007 10:58 pm
0
0
ไปประชุมผู้ถือหุ้นกันมา บริษัทเค้าแจกของที่ระลึกบ้างเปล่า?
เอาบัตรประชาชนไปใบเดียวก็พอ หรือถ้าเคยศึกษาบริษัทมาแล้ว ก็อ่านแล้วก็เตรียมคำถามไปถามส่วนที่สงสัยครับ
โดย
prasits
อาทิตย์ เม.ย. 29, 2007 10:46 pm
0
0
roa and roe investment case study
ดีครับ ผมมีอีกวิธีนำมาเสนอนะครับ เพราะถ้าเริ่มวันนี้ รออีก 5 ปีอาจจะนานไป ผมแนะนำว่าให้ลองย้อนกลับไป 5 ปีที่แล้วแล้วดูจากตารางของพี่ครรชิต แล้วค่อยๆ เช็ควันที่จ่าย dividend, etc ... จะเร็วกว่ามั้ยคับ ?? ข้อมูลการ xd ดูได้จาก settrade ข้อมูลราคาย้อนหลังดูได้ที่ kimeng ข้อมูล roe,roa ดูที่ คุณครรชิต (แต่ถ้าจะเอาละเอียดถึงว่าดู roe,roa ทุกไตรมาสก็คงลำบาก แต่ในมุมมองผม การดูเป็นไตรมาสไม่เหมาะสม หากคิดในเชิงการลงทุนครับ ซึ่งปกติอย่างมากควรประเมินผลปีละ 1 ครั้งก็พอ *ยกเว้น* มีสถานการณ์บางอย่างที่อาจทำให้พื้นฐานบริษัทเปลี่ยนครับ)
โดย
prasits
อาทิตย์ เม.ย. 29, 2007 2:55 pm
0
0
อีก 94 วันทำการ EPS13YEAR จำเป็นต้องย้ายไปใช้ Excel 2007
พี่ครรชิต ทำไมไม่ทำให้มันเก็บได้ 10-30 ปี แบบที่บอกเลยเหล่ะครับ แทนที่จะ 234 วัน หรือไม่ก็มี 2 versions ไว้ จะได้มีสถิติครบถ้วนเลย จะได้มีครบหมดเลย แหะ แหะ (พูดจริงนะครับ)
โดย
prasits
อาทิตย์ เม.ย. 29, 2007 2:35 pm
0
0
77 โพสต์
of 2
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
prasits
ระดับ:
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กลุ่ม:
สมาชิก
ความถนัด:
student
ที่อยู่:
Ratburana, BKK
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
Yahoo Messenger:
Send YIM message
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
จันทร์ พ.ย. 10, 2003 9:04 pm
ใช้งานล่าสุด:
จันทร์ ก.ค. 24, 2023 8:55 pm
โพสต์ทั้งหมด:
219 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.01% จากโพสทั้งหมด / 0.03 ข้อความต่อวัน)
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว