หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
MANEKI
DON"T EVER GIVE UP YOUR DREAM.....
Joined: พฤหัสฯ. มี.ค. 08, 2007 7:41 pm
1005
โพสต์
|
กำลังติดตาม
|
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - MANEKI
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
ช่วงปีนี้ กองทุนไหนที่ไปลงทุนในต่างประเทษน่าสนใจบ้างครับ
มี K GLOBE ของ KAsset ค่ะ กระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก ขอบคุณค่ะ
โดย
MANEKI
จันทร์ ส.ค. 30, 2010 1:56 pm
0
0
n-park ยังมีอนาคตไหม
[quote="nasesus"]ตอนนี้ n-park คือบริษัทอสังหาเบอร์หนึ่งของเมืองไทยครับ ดูจากbv ที่ตลาดให้ค่าพรีเมียม ps ชิดซ้าย spali ชิดขวา
โดย
MANEKI
ศุกร์ ส.ค. 20, 2010 9:35 am
0
0
n-park ยังมีอนาคตไหม
[quote="rifaat"]ไม่มีใครรู้ชะตาล่วงหน้าแต่กราฟและข้อมูลบางตัวบอกแนวโน้มเราได้ ลองสลัดฐิติของตัวเองออกซักนิด บางครั้งการหวังดีก็ทำให้ผู้อื่นพลาดโอกาสได้เหมือนกัน และบางครั้งการทะเยอทะยานก็ทำให้ผู้อื่นขาดทุนได้เหมือนกัน นานแล้วที่เคยวิเคราะห์ไว้หุ้นตัวนี้เพราะมันเป็นราคาหลังชนฝาจริงๆ0.01-0.02และมันอยู่มานานกว่าสิบปีแสดงว่าแบ็คอัพเขาดีไม่ว่าด้วยประการใดก็ตาม ก็บอกได้ว่ามันจะคงอยู่ต่อไปรอบนี้ผมจึงให้แนวต้านแถวๆ0.07แล้วรอลุ้นคดีว่าจะเป็นอย่างไรถ้าชนะไปถึง0.1บาทและ1บาทในไม่ช้า แต่ถ้าแพ้คดีหรือประณีประณอมราคาก็จะลงมาแถวๆ0.02-0.03อีกครั้ง ดังนั้นใครจะเข้าตอนนี้เสี่ยงเหมือนกัน แค่นี้ผมก็พอใจแล้วที่ทำให้เพื่อนๆที่ใจกว้างได้กำไร3-4เท่าภายในเวลา4เดือนที่รอคอยแม้จะเป็นการเก็งกำไรแต่จุดประสงค์ของเราก็คือแสวงหากำไรมิใช่หรือเราไม่จำเป็นต้องเล่นตามกฎเสมอไป มิเช่นนั้นเราก็จะเป็นเพียงผู้ตามมิใช่ผู้นำ มีอีกตัวที่ผมวิเคราะห์จะมาแนวเดียวกับ N-PARK คือหุ้นในตลาดแนสแด็กของอเมริกาชื่อ YRCW ตอนนี้ราคาเพียง $0.28 ผมมองเป้าหมายแรกที่ $0.5 และ $1 ถ้าวันไหนมันไล่ราคาถึงคงจะได้มีโอกาศมาเล่าสู่ฟัง
โดย
MANEKI
พฤหัสฯ. ส.ค. 19, 2010 2:08 pm
0
0
คูโบต้า มีหุ้นเจ้าตัวนี้รึป่าวครับ ?
บริษัทซิเมนต์ไทย โฮลดิ้ง ดูแลด้านการลงทุนในกิจการต่างๆ ของเครือซิเมนต์ไทย (เอสซีจี) ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้เป็น บริษัทร่วมทุนกับบริษัทชั้นนำในต่างประเทศ อาทิ Kubota, Yamato Kogyo, Aisin Takaoka Group, Nippon Steel, Toyota Motor, Michelin, Hayes Lemmerz International เป็นต้น นอกจากนี้ยังดูแลธุรกิจที่ดิน อุตสาหกรรมร่วมกับ Hemaraj Development
โดย
MANEKI
พุธ มิ.ย. 16, 2010 12:08 pm
0
0
เล่นที่ดินผ่านหุ้น(ล่าสุดของดร.) บริษัทไหนน๊า???
mbk ไม่มีที่ดินบริเวณสยามครับ ส่วนมากจะอยู่ต่างจังหวัด เช่น นนทบุรี ภูเก็ต นนทบุรีไม่ดีตรงไหนเหรอคะ มีพัฒนาการดีกว่ากทม.ตั้งเยอะ :? อย่างน้อยรถไฟฟ้าก็เลือกมาลงที่นนท์
โดย
MANEKI
พฤหัสฯ. เม.ย. 29, 2010 2:13 pm
0
0
ข่าวไม่ดีครับ มีตูมตาม ที่สีลม พรุ่งนี้อาจลบหนัก
:cry: :cry: :cry: อยากให้เลิกชุมนุมภายในอาทิตย์นี้จังเลย จะมีปาฎิหารย์ไหมนะ :pray:
โดย
MANEKI
พฤหัสฯ. เม.ย. 22, 2010 10:41 pm
0
0
พรุ่งนี้หุ้นจะลงถึง 50 จุดไหมมาทายกัน
ฝรั่งยังขาย หุ้นจะขึ้นได้ไง ตลกจริงๆ หรือว่าเล่นหุ้นไม่เป็น ตอนนี้ฝรั่งเปลี่ยนใจซื้อ แล้วหุ้นจะลงได้ไง
โดย
MANEKI
อังคาร เม.ย. 20, 2010 4:27 pm
0
0
การใช้มาร์จิ้นแบบดันโด
[quote="sai"][quote="WEB"]ตอนผมเรียนอยู่เภสัช จุฬาฯ คณะผมอยู่ติดสยามสแควร์ ผมเลยเดินที่สยามสแควร์แทบทุกวัน
โดย
MANEKI
ศุกร์ เม.ย. 16, 2010 1:12 pm
0
0
พรุ่งนี้หุ้นจะลงถึง 50 จุดไหมมาทายกัน
ฝรั่งยังขาย หุ้นจะขึ้นได้ไง ตลกจริงๆ หรือว่าเล่นหุ้นไม่เป็น ข้างล่างบอกขาดทุน TRCไม่ใช่เหรอคะ :?
โดย
MANEKI
ศุกร์ เม.ย. 16, 2010 12:55 pm
0
0
รบกวนถามชื่อหุ้นหน่อยค่ะ
ไม่มีเหรอคะ :cry: MODERN รู้จักค่ะ แต่ชอบยังไงก็ชอบ INDEX เท่านั้นค่ะ :cry:
โดย
MANEKI
ศุกร์ มี.ค. 26, 2010 10:51 am
0
0
ลงทุนใน index fund ระยะยาวดีไหม
ที่ AYFให้ ถือลงทุน 5ปีค่ะ สำหรับกองทุน SET50 ส่วนที่ KBANK ซื้อขายได้ตลอด เริ่มต้น 5000บาท แต่ถ้าจะเอาผลตอบแทนสูงก็ TFEX ค่ะ แต่มีอายุแค่ 3เดือน
โดย
MANEKI
อังคาร มี.ค. 16, 2010 5:46 pm
0
0
คิดว่าอสังหาตัวไหนเด็ดสุดครับ
นาทีนี้ต้อง SIRI-W1 ขายไป 80ตังค์ ลงไป 50ตังค์ กลับมาเทรดลากไปเกือบบาท
โดย
MANEKI
พฤหัสฯ. มี.ค. 04, 2010 10:14 pm
0
0
กลัวอะไรกัน
[quote="ปรัชญา"]โบราณว่า
โดย
MANEKI
พฤหัสฯ. ก.พ. 25, 2010 12:50 pm
0
0
ช่วยแนะนำกองทุนอสังหาฯ ให้หน่อยครับ
[quote="doc_zodi"]TLOGIS รับประกันผลตอบแทน 7% ต่อปี
โดย
MANEKI
พฤหัสฯ. ก.พ. 25, 2010 7:42 am
0
0
รับชมงาน Opportunity Day ทุกบริษัท สด-แห้ง ได้ที่นี่
ขอบคุณมากๆค่ะ :D เอาไว้ดูก่อนนอน
โดย
MANEKI
พุธ ก.พ. 24, 2010 10:02 pm
0
0
ผมเห็น TF เขาตั้งขายในกระดาน 50 หุ้น ได้หรือ
เกิน 500 เทรด 50 หุ้น ได้ครับ พี่ครรชิต... :8) ไม่เกี่ยวค่ะ เพราะ BANPU เกิน 500มานานแล้ว ยังไม่มีกฎ 50หุ้น เนื่องจาก วอลุ่มเยอะตลอด เป็นบางกรณีเท่านั้น สำหรับหุ้นสภาพคล่องต่ำสุดๆ
โดย
MANEKI
ศุกร์ ก.พ. 12, 2010 8:26 pm
0
0
คุณให้คะแนนความยากง่ายในการลงทุนปีนี้เท่าใดครับ
2ค่ะ เพราะยังไม่มีใครเลือก :o เดี๋ยวมันจะน้อยใจ
โดย
MANEKI
ศุกร์ ม.ค. 22, 2010 11:26 am
0
0
ถามสาวๆๆ เท่านั้น (หนุ่มไม่เกี่ยว)
พี่ชงเป็นคนละเอียดอ่อนจริงจริงครับ family man ตัวจริงเลย ครอบครัวผม ผมซื้อให้แฟนทั้งสองครั้งเหมือนกันครับ (ครั้งแรกตอนแต่งงาน อีกครั้งตอนครบรอบ 10 ปี ) ครั้งแรกภรรยาเป็นคนเลือกแล้วให้ผมไปจ่ายเงิน ครั้งที่สองเซอร์ไพรซ์ครับ วันครบรอบ10ปี ไปทานข้าวที่the mall แล้วภรรยาก็พาไปจ่ายเงินที่ร้านเพชรที่เธอไปดูอยู่แล้ว จองไว้เรียบร้อย แล้วพาเราไปรับทราบเท่านั้น เหอเหอ ต้องเอาอย่างพี่บ้างแล้วครับ :lol: เข้ามาดูความหวาน สงสัยชงกาแฟ ไม่ต้องเติมน้ำตาล :D
โดย
MANEKI
เสาร์ พ.ย. 14, 2009 10:00 am
0
0
Female Economy : เมื่อเศรษฐกิจโลกอยู่ในมือผู้หญิง
ต่อไปคงมี Gay Economy ออกมาขายนะครับ แน่นอนอยู่แล้วละ :cheers:
โดย
MANEKI
พุธ พ.ย. 04, 2009 9:28 am
0
0
เจอแบบนี้ VI ควรมี Cutloss มั้ยครับ ?
สรุปว่า เราขายหมูอีกตามเคย :cry: จำได้ว่า ตอนวันอุ๋ย มันขึ้นต่อไปอีก 300จุดแน่ะ โชคดีที่เราปิด SHORT TFEXทันทีที่กำไรเลย แล้วก็บอกลา TFEXไปตลอดชีวิตเลย ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่า TFEXอีกแล้วจริงๆ แต่อยู่ดีๆลงมา 100จุด แบบนี้ก็เป็นงงพอสมควร ยังไม่รู้เลยว่า ลงเพราะอะไร โง่ไปเลย :oops: ดีใจกับคนที่มีหุ้นก็แล้วกัน :D
โดย
MANEKI
ศุกร์ ต.ค. 16, 2009 4:06 pm
0
0
เจอแบบนี้ VI ควรมี Cutloss มั้ยครับ ?
บางคนเลือกที่จะขาย เพราะถึงเป้าหมายที่วางไว้แล้ว คนที่ซื้อต่อไป ก็คาดหวังและฝันกันต่อไป เพราะเป้าหมายแต่ละคน ไม่เท่ากัน :o
โดย
MANEKI
พฤหัสฯ. ต.ค. 15, 2009 2:11 pm
0
0
เจอแบบนี้ VI ควรมี Cutloss มั้ยครับ ?
เราไม่ได้ดูกราฟ หรืออะไรนะ แต่เราเคยขายหุ้นก่อนวันอุ๋ย 2วัน แล้ว SHORT TFEX ปีที่แล้วเราขายไปกลางปีที่ SET880 และปีนี้ เราขายไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แล้วปิดจอทำใจว่า ถ้ามันจะไปต่อ ก็ดีใจกับคนที่มีหุ้นก้แล้วกัน เราไม่มีเหตุผลค่ะ ถึงจะเห็นมันขึ้นต่อ เราก็ไม่ได้ซื้อค่ะ ราคาหุ้นทุกตัวมาถึงเป้าหมายแล้ว หลายตัวเกินเป้าหมายไปเยอะ เราคิดว่า ข่าวดีมันเยอะเกินไป ถ้าเกิดมีข่าวร้ายที่ไม่มีใครคาดถึงขึ้นมา มันจะลงไปยังไง บางทีข่าวร้ายข่าวเดียวก็ทำให้หุ้นลงเทกระจาดได้เหมือนกัน ลงแบบนี้ คงต้องรอข่าวร้ายที่กำลังจะมาถึงค่ะ ว่า มันคืออะไร :o
โดย
MANEKI
พฤหัสฯ. ต.ค. 15, 2009 12:31 pm
0
0
มีหุ้นตัวไหนที่ทุกท่านคิดว่าราคายังไม่สะท้อนคุณค่าบ้างคับ
n-park ครับ :cool:
โดย
MANEKI
พฤหัสฯ. ต.ค. 15, 2009 9:30 am
0
0
หุ้นใคร รับแรงกระแทกจากข่าว เมื่อวานได้ดีกว่า ???
N-PARK :o
โดย
MANEKI
พฤหัสฯ. ต.ค. 15, 2009 9:09 am
0
0
New Bull Market confirmed !!!!
ท่ามกลางเสียงสะท้อนจากหลายภาคส่วนฟันธง เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว โดยรัฐบาลประกาศผลักดันอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ของปี 2552 ให้กลับมาขยายตัวเป็นบวก ด้วยการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แม้ว่า การเมือง จะยังเป็นประเด็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจอยู่ก็ตาม เมื่อเร็วๆนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมายืนยันว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัว ในลักษณะ วีเชฟ ซึ่งจะเป็นไปได้จริงหรือไม่ และรัฐบาลจะปลดล็อกปัญหาการเมืองอย่างไร ทีมข่าว ฐานฯออนไลน์ มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อบ่ายวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา ทั้งประเด็นด้านเศรษฐกิจและการเมือง *** ยังยืนยันว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวแบบวีเชฟหรือไม่ ยืนยัน เพราะตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจขณะนี้ทุกตัวก็ยืนยันอย่างนั้น ในแง่ของการเปรียบเทียบไตรมาสต่อไตรมาส เดือนต่อเดือนมันค่อนข้างชัด แต่ที่พูดไม่ได้หมายความว่า ประมาท เพราะ 1.รู้ว่ามีความเสี่ยง เช่น ราคาน้ำมันผันผวน ไข้หวัดยังสร้างความวิตกกังวลอยู่ในหลายวงการ การเมืองก็ยังเป็นตัวที่อยู่ในใจของหลายๆคนว่าจะเกิดอะไรที่มาสะดุดหรือไม่ เพราะฉะนั้นก็คือ ยืนยันว่าโดยขณะนี้ โดยธรรมชาติของมัน กำลังเป็นอย่างนั้น แต่ไม่ประมาท เพราะรู้ว่ามีตัวแปร และ2. รู้ว่าถ้าจะทำให้ต่อเนื่องก็มีมาตรการของรัฐบาลที่ต้องเดินหน้าอย่างมั่นคง เช่น การเร่งรัดเรื่องของไทยเข้มแข็งว่าเงินต้องลงไปจริง เร็ว และการทำงานในนโยบายสำคัญอื่นๆ ก็ต้องกัดติด ต่อเนื่อง เข้มข้น ไม่ใช่ เห็นอย่างนี้แล้วรู้สึกว่าจะลดละความเข้มข้นในการทำงาน ***การเมืองยังเป็นตัวแปร จะเป็นวีเชฟ หรือดับเบิ้ลยู การเมืองอยู่ที่คน การเมืองมันไม่ได้ลอยมา สังคมจะยอมหรือไม่ว่าให้มันสะดุดอีก สังคมก็ต้องมีส่วนช่วยในการให้คนบอกว่าพอแล้ว ถ้าไม่พอคนเดือดร้อน มันไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ หรือ พรรคเพื่อไทย มันไม่ใช่ผมหรือคุณทักษิณ แต่เป็นคนไทยทุกคน ****ปัจจัยภายในและภายนอกห่วงอะไรมากกว่ากัน ภายนอกยังมองว่าตอนนี้ความเสี่ยงลดลงค่อนข้างเร็ว ความหมายก็คือว่า ถ้าดูว่าเศรษฐกิจอย่างน้อยในเอเชียวิ่งขึ้นไปแบบเดียวกัน ก็น่าจะเกื้อซึ่งกันและกัน และยังไม่เห็นสัญญาณว่าจะมีอะไรที่รุนแรง แต่ข้างในต้องยอมรับว่าละเอียดอ่อน เหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง บางทีมันเรื่องเล็กนิดเดียว แต่อุบัติเหตุหรือมันพลาด มันลุกลามได้ ถ้าถามผมผมกังวลตรงนี้มากกว่า แต่ก็คิดว่าหลักที่รัฐบาลใช้ก็เป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดแล้วที่เราพึงจะมีพึงจะใช้ ***มีคนวิจารณ์ว่ารัฐบาลเน้นแก้ปัญหาการเมืองมากกว่าเศรษฐกิจ ไม่จริง ผมว่าดูได้จากงานที่ออกมา ในขณะที่คนบอกว่ารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ การเมืองวุ่นวายต้องบริหารจัดการ ไปดูมาตรการทางเศรษฐกิจที่ออกมาใน 8 เดือนและไม่ได้ทำเรื่องเล็กๆ ทำเรื่องที่หลายรัฐบาลบอกว่าจะทำแล้วไม่ได้ทำ หรือบอกว่าจะทำแล้วทำไม่ได้ คนที่เกี่ยวข้องกับโครงการ เช่น เรียนฟรี ผู้สูงอายุ 20-30 ล้านคน ทำออกมา งบประมาณกลางปี พ.ร.ก. งบประมาณประจำปีผ่านตามเวลาตามเป้าหมายทุกอย่าง เพราะฉะนั้นสมาธิเราอยู่กับเรื่องเศรษฐกิจแน่นอน แต่บังเอิญสื่อที่เป็นคนให้น้ำหนักเรื่องการเมือง ผมทำงานทั้งวัน เรื่องเศรษฐกิจอาจจะ 70% แต่ผมเดินออกจากตึกสื่อสัมภาษณ์ น้ำหนักไปถามการเมือง 90% คนเขาก็รับรู้เรื่องการเมือง นี่คือข้อเท็จจริง ***8 เดือนที่ผ่านมาให้คะแนนตัวเองเท่าไร ผมไม่ให้คะแนนตัวเอง เรื่องการให้คะแนนต้องให้คนอื่นให้ แต่ผมก็ติดตามการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ผมดูจากที่คนอื่นสำรวจมา ดูโพลล์ต่างๆ และคนที่ทำวิจัยในแง่มุมต่างๆกับสภาวะวิกฤติที่เป็นแบบนี้ ผมก็คิดว่าก็ไปได้ระดับหนึ่ง ทุกคนมาอยู่ตรงนี้ก็อยากให้มันดีกว่านี้ ถ้าจะไปสรุปว่าสอบตก หรือไม่มีผลงาน มันก็ไม่ใช่ ตัวเลขมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ตัวเลขที่เขาสำรวจมาก็ไม่เคยบอกว่าจะเป็นอย่างนั้น เพียงแต่ว่าแล้วแต่คนที่ไปสรุป แล้วแต่คนที่นำเสนอ *** มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมีผลให้หนี้พุ่ง ผมเองผมไม่ได้กังวลว่าหนี้สาธารณะจะไปพุ่งสูงเกินขอบเขต และที่สำคัญก็คือว่าการเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะต่อจีดีพีมันเพิ่มขึ้นทั้งโลก ถ้าจะมีอะไรที่ทำให้มันสูงขึ้นไปอีก ทุกประเทศก็สูงขึ้นเหมือนกัน มันไม่ได้ส่งผลต่อความได้เปรียบเสียเปรียบในเชิงความเข้มแข็งของเสถียรภาพของประเทศต่างๆ เพราะเวลานี้ทุกประเทศก็จะขึ้น ใครอยู่ 40% ก็จะขึ้นมาเป็น 60% ใครเคยอยู่ 60%ก็ขึ้นไปเป็น 80% ใครอยู่ 80% ก็ขึ้นไปเป็น 100% ก็ค่อนข้างจะเป็นอย่างนี้ ภาพอย่างนี้ทั่วโลกเหมือนกันหมด อาจจะยกเว้นจีน อินเดีย 2-3 ประเทศ ที่เหลือก็ไปยกแผง ตัวเลขสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีที่พุ่งสูง มันมาจาก 2 ขา ขาหนึ่งเพราะเราต้องมีการกู้ยืมมาเพิ่มเติมเกินเพดานของบ แต่อีกขาหนึ่งคือตัวฐานของจีดีพีหด ซึ่งเรามั่นใจว่าปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่จีดีพีจะหด และปีหน้า (ปี2553) ในขณะที่ผมค่อนข้างอนุรักษ์นิยม มองว่าจีดีพีจะโตสัก 2% ก็ยังมีสถาบันต่างๆออกมาบอกว่าจะโต 3% บางคนก็ไปมากกว่า 3% แล้ว ผมก็ยังมั่นใจว่าถ้าไม่ได้เกิดเหตุการณ์แบบไม่คาดฝันขึ้นมาอีก พอเศรษฐกิจเริ่มกลับไปโต 4-5% โดยอัตโนมัติสัดส่วนตรงนี้มันก็จะค่อยๆลงมา และเมื่อพูดกันตามความเป็นจริง สมมติว่าเศรษฐกิจเริ่มโตพอถึง 4 % หรือ 5% พอเข้าไปถึงปีที่ 2 ปีที่ 3 ผมก็อาจจะตัดสินใจว่าไม่ต้องกู้เงินทั้งหมดก็ได้ 800,000 ล้านบาท ที่ขออำนาจไว้ ก็เอาค่าใช้จ่ายกลับมาใส่ในงบประมาณปกติก็ได้ เพราะการจัดเก็บรายได้ดีขึ้นเหมือนกับที่เดิมคลังบอกว่าพ.ร.ก. 400,000 ล้านบาท ขอ 200,000 ล้านบาทไว้ชดเชยเงินคงคลัง ตอนนี้ก็ไม่ขอ 200,000 ล้านบาทแล้ว ขอแค่ 100,000 ล้านบาท แต่รัฐบาลก็จะเร่งลงทุนโครงการไทยเข้มแข็งจาก 200,000 ล้านบาทเป็น 300,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้มองไปข้างหน้าว่าในส่วนของ พ.ร.บ.ที่ยังใช้เวลาอีกพอสมควรกว่าจะผ่านสภาฯออกมา ถึงกฎหมายออกมาแล้ว ถึงตรงนั้นถ้าสถานการณ์เปลี่ยน เราก็มาประเมินใหม่ได้ แต่เราต้องการมีเครื่องมือเอาไว้สำหรับที่จะใช้หากสถานการณ์ยังมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ตรงนี้ ****เม็ดเงินลงทุน 2 แสนที่จะเข้าสู่ระบบ ในส่วนของ 200,000 ล้านบาท มีโครงการชัดเจนแล้วตามมติ ครม. เมื่อ 18 สิงหาคม โครงการวันนี้จะขึ้นเว็บไซด์หมดว่าอยู่ที่ไหนบ้าง ประชาชนรู้แล้ว แหล่งน้ำอยู่ไหน โรงเรียน สถานีอนามัย ถนนเส้นไหน รถไฟที่จะปรับปรุง 200,000 ล้านบาทนี้ ผมถามรมว.คลังเมื่อเช้า (4 ก.ย.) ท่านมั่นใจว่าภายในสิ้นปีปฏิทิน 2553 เงิน 90% ของ 200,000 ล้านบาทจะออก ส่วนอีก 100,000 ล้านบาท ยังอยู่ในระหว่างการกลั่นกรองอยู่ น่าจะเสนอเข้าครม.ได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ตรงนั้นผมถึงจะตอบได้อีกทีหนึ่งว่าจะเป็นอย่างไร แต่ผมคิดว่าในภาพรวมของพ.ร.ก. โครงการส่วนใหญ่ที่เป็นที่เข้าใจว่าจะเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการปรับ 200,000 ล้านบาท เป็น 300,000 ล้านบาท ตอนนี้ชัดเจนแล้ว ที่ยังดูยากหน่อยคือ ในส่วนของการออกพ.ร.บ. 400,000 ล้านบาท เพราะวุฒิสภาเขาแปรญัตติเยอะ ****มีมาตรการช่วยชนชั้นกลางและผู้เสียภาษีอย่างไร มาตรการทางภาษีก็มีการลดหย่อนและมีการขยายให้แล้วส่วนหนึ่ง และบริการทั้งหลายผู้เสียภาษีก็ได้รับด้วย เช่น การศึกษา ผู้สูงอายุ ในส่วนของภาษีเงินได้นิติบุคคล จริงๆแล้วเราก็มีแผนที่จะลดอัตราภาษีอยู่แล้ว (จากปัจจุบันจัดเก็บ 30%) แต่บังเอิญมาเจอวิกฤติ ซึ่งคิดว่าหากสถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้นจะลดภาษีแน่ เพื่อให้นิติบุคคลแข่งขันกับประเทศอื่นได้ ส่วนบุคคลธรรมดาก็ขยายเพดานไปตามสถานการณ์ อยากให้มันง่ายขึ้น รอดูการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ผมว่าถ้าเศรษฐกิจกลับมาสู่ภาวะที่เราเรียกว่าค่อนข้างปกติ เราก็จะเริ่มทำ ***มีความเห็นอย่างไรที่นักเศรษฐศาสตร์เสนอนำเงินทุนสำรองมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ผมคิดว่าจังหวะเวลาไม่น่าจะเดินไปทางนั้น เหตุผลเพราะการกระตุ้นของบเราส่วนใหญ่เป็นการใช้เงินบาท ทุนสำรองเป็นเงินต่างประเทศ ถ้าเอากลับมาทำเป็นเงินบาทก็จะแข็งขึ้นไปอีก ผมคิดตรงกันข้ามเลย ขณะนี้โครงการที่มีการนำเข้าและเดิมจะไปกู้จากต่างประเทศตามกฎหมายปกติ มีแต่รัฐบาลกำลังทบทวนว่าจะไม่เอาแบบนั้นหรือไม่ เอาเงินบาทแล้วยอมไปแลกเงินต่างประเทศเพื่อที่จะให้ค่าเงินบาทอ่อนลงด้วยซ้ำ มีแต่ไปอีกทางหนึ่ง ไม่ได้คิดเรื่องเงินสำรอง และขณะนี้เมื่อเรามีเครื่องมือของ พ.ร.ก.แล้ว ที่บอกว่าการขาดแคลนเงินที่จะออกมา ผมไม่ได้มองว่ามีปัญหา เงินที่เราดึงออกมาจากตลาด หรือจากสถาบันการเงิน ไม่ว่าจะด้วยการออกพันธบัตรหรือไปกู้ก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีอะไรที่กระทบกับการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของภาคเอกชน เพราะสภาพคล่องส่วนเกินเยอะ แต่ถ้าเศรษฐกิจฟื้นขึ้นมาในระดับหนึ่ง อาจจะมีประเด็นก็ค่อยว่ากัน แต่ขณะนี้ยังมองไม่เห็นว่าทำไมจะไปทำอย่างนั้นเพื่อให้เงินบาทแข็ง ส่งออกมีปัญหามากขึ้น และมีเงินในประเทศที่นอนอยู่เฉยๆในระบบธนาคาร ไม่ได้เอาออกมาทำอะไร ***พอใจกับนโยบายดอกเบี้ยเพื่อฟื้นเศรษฐกิจหรือไม่ เขา (แบงก์ชาติ) ทำเยอะแล้ว ไม่เคยเห็นแบงก์ชาติทำเยอะขนาดนี้ ในรอบ 8-9 เดือนที่ผ่านมา เขาลดแรงมาก อย่าใช้คำว่าพอใจ คือ ไม่มีปัญหากัน ปล่อยให้เป็นการดำเนินนโยบายการเงินที่อิสระของแบงก์ชาติที่เข้าใจเป้าหมายร่วมกัน ***มีนักเศรษฐศาสตร์ที่เสนอให้พึ่งเศรษฐกิจภายในประเทศทดแทนส่งออก ผมก็อยากให้เศรษฐกิจข้างในมันโตขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่วนใหญ่ขณะนี้ก็พยายามที่จะสนับสนุนแนวทางนั้นด้วย แต่เส้นแบ่งมันก็บางระหว่างการที่บอกว่าทำอย่างไรให้เศรษฐกิจข้างในโตขึ้นและขณะเดียวกันไม่ไปจำกัดหรือสกัดการส่งออก ผมคิดว่าโดยข้อเท็จจริงการที่ประเทศของเราจะส่งออกมากหรือน้อย มันไม่ได้เป็นการตัดสินใจของรัฐบาล เป็นการตัดสินใจของเอกชน รัฐบาลทำได้อย่างมากสุดก็ไปเล่นกับอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งผมก็บอกตรงๆขณะนี้ในระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นอยู่ก็ใช่ว่ารัฐบาลจะทำได้ ผมก็ตอบกับภาคเอกชนตรงๆเลย สมมติว่าวันนี้รัฐบาลอยากให้เงินบาทอยู่ที่ 38 บาททำได้จริงหรือไม่ หรือถ้าบอกว่าไม่อยากให้ส่งออก ก็ง่ายเลย เอาเงินบาทกลับไปอยู่ที่ 25 บาทมั๊ย 1.อยากทำหรือไม่ 2. ถึงอยากทำ ทำได้หรือไม่ ผมก็ว่าทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นมันเป็นการตัดสินใจของเอกชน สิ่งที่เราต้องทำมากกว่าก็คือว่า ใครที่ทำเรื่องของการส่งออกพึ่งพิงกับเศรษฐกิจโลกต้องรู้จักบริหารความเสี่ยงมากขึ้น เวลาที่เศรษฐกิจโลกผันผวน มันกระทบแต่มีทางออกในเชิงการบริหารความเสี่ยงของตัวผู้ค้าขายและผู้ส่งออกเอง และที่สำคัญกว่านั้นก็คือว่า สิ่งที่ผมพยายามทำในเรื่องของการทำระบบสวัสดิการให้เป็นระบบสวัสดิการมากกว่าระบบที่เรียกว่ารัฐบาลช่วยเหลือเฉพาะหน้าครั้งคราว ก็จะเป็นตัวที่ปกป้องคนไทยจากความผันผวนของเศรษฐกิจ แต่ถ้าเราทำให้เศรษฐกิจข้างในโตขึ้น เข้มแข็งขึ้นได้ก็ดี แต่ขนาดของประเทศ เราต้องยอมรับเมื่อเทียบกับโอกาสที่มันมีกับตลาดโลกทั้งโลก ถามว่ามันมีเหตุผลหรือไม่ที่เราจะบิกคนของเราว่าถึงมีโอกาสข้างนอกคุณอย่าไปเลย ในเมื่อมันสร้างรายได้ให้เขาได้ สร้างงานได้ สร้างโอกาสได้ แต่ถ้าระบบเศรษฐกิจทุนนิยม หรือตลาดก็จะผันผวนและมีความถี่ และความรุนแรงในการผันผวนมากขึ้น อันนี้ก็เป็นความจริง ***โครงสร้างของประเทศมีการพูดว่าจะใช้การผลิตที่ใช้แรงงานต่อไปไม่ได้ เห็นด้วย และอันนี้ก็คือเหตุผลที่เราเน้นเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ว่าจะต้องเข้ามาเพื่อพึ่งเรื่องการใช้แรงงานน้อยลง และพึ่งเรื่องการใช้ทรัพยากรธรรมชาติน้อยลง และเราทำเราเน้นทั้งภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ ภาคเกษตรขณะนี้คือ เราต้องมุ่งไปสู่การเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้ได้ อุตสาหกรรมก็คือการเพิ่มมูลค่า จะโดยการมียี่ห้อ การออกแบบ และภาคบริการ คือ การปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือกฎกติกาของเราเกี่ยวกับภาคบริการ อันนี้ผมเห็นด้วย 100% ว่าเราต้องลดการพึ่งพิงแรงงาน การพึ่งพิงต้นทุนต่ำ การกินบุญเก่าจากการที่เรามีทรัพยากรธรรมชาติสมบูรณ์ ****กลไกที่รัฐจะผลักดันเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ คิดว่าในอดีตก็มีความพยายามทำกันมา ปัญหาคือไม่ได้ทำเชื่อมโยงกัน เช่น บางทีเราก็บอกกรุงเทพเมืองแฟชั่น การตั้งทีซีดีซี แต่ไม่โยงกัน หลักของเราตอนนี้ก็คือเราทำเป็นยุทธศาสตร์ใหญ่ จะมีตัวกลไกเข้ามาประสาน เราปรับปรุงกติกาเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา และหยิบภาคเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องมาโดยตรง เช่น ศิลปวัฒนธรรม โยงไปถึงวิสาหกิจชุมชน เช่น เรื่องสื่อ อุตสาหกรรมบันเทิง ท่องเที่ยว การออกแบบผลิตภัณฑ์ และทำเป็นเรื่องเดียวกัน โยงไปถึงเรื่องงานวิจัย การสนับสนุนที่เป็นระบบ เรื่องทุน ตลาด และกฎกติกา ***ระบบปรับปรุงสวัสดิการจะเป็นแบบรัฐสวัสดิการหรือไม่ ผมหลีกเลี่ยงคำว่ารัฐสวัสดิการ เพราะผมไม่ต้องการให้สื่อว่าต่อไปนี้เราจะเก็บภาษีสูง และเอาเงินมาให้ ระบบที่เราพยายามทำมากที่สุดคือ ระบบที่มีการสมทบ กฎหมายที่กระทรวงการคลังจะเสนอและที่เรากำลังจะไปต่อยอดสวัสดิการชุมชน เป็นระบบที่สมทบทั้งสิ้น คือ ชาวบ้านต้องออกเงินเองด้วยและมีการออมเงินด้วย แม้กระทั่งระบบสวัสดิการพยาบาลในอนาคตที่ผมกำลังเริ่มต้นให้ศึกษาอยู่ก็จะเป็นระบบที่เป็นลักษณะของบัญชีการออมมากกว่า เป็นระบบสวัสดิการ แต่ผมไม่เรียกว่าเป็นรัฐสวัสดิการ เพราะคนต้องมีส่วนสมทบมีส่วนร่วม เพียงแต่ว่าถ้าคนมีรายได้น้อยหรือคนยากจนอาจได้รับการยกเว้นไม่ต้องสมทบ แม้แต่เรื่องประกันพืชผลในวันข้างหน้าเราก็ยังคิดว่าจะพัฒนาไปในลักษณะของการเก็บเบี้ยได้ ถ้าอยากประกันในส่วนที่สูงกว่าซื้อประกันเพิ่มได้ เป็นการเอาหลักของเรื่องการประกันภัยมาใช้มากขึ้น และระบบสวัสดิการจะผูกพันกับเรื่องการออมด้วย ไม่ใช่เรื่องที่ว่ามารับจากรัฐบาลอย่างเดียว ภาษีจ่ายไป เพราะถ้าผมจะทำเป็นแบบนั้นผมไม่ต้องทำกองทุนออมอะไรเลย ผมก็เพิ่มเบี้ยยังชีพจาก 500 บาท เป็นพันเป็นหมื่น ***การแก้วิกฤติการเมืองปี 2549-ปัจจุบัน เรื่องความขัดแย้งทางการเมือง มีที่มาถ้านับย้อนหลังไปไม่น่าจะต่ำกว่า 5 ปี เพราะฉะนั้น มันก็เป็นเรื่องยากที่จะคาดหวังว่า ระยะเวลาสั้นๆก็ดี หรือการทำงานของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก็ดี ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเฉพาะรัฐบาล แต่หมายถึงรัฐสภาก็ดี จะสามารถปลดเงื่อนไขความขัดแย้งได้ ในส่วนของรัฐบาลหรือรัฐสภาเอง ได้ทำหลายส่วนเพื่อที่จะคลี่คลายสถานการณ์ แต่ไม่สามารถให้คำตอบได้ทั้งหมด แต่หลักของสังคมในขณะนี้คือ ทำอย่างไรให้คนที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันอยู่ร่วมกันได้ ยอมรับกระบวนการ ยอมรับกติกาบางอย่าง เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ ในฐานะรัฐบาลผมก็กำหนดกรอบขอบเขตไว้ชัด คือ ทำให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ให้โอกาสคนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล โดยที่ยุคนี้เป็นยุคแรกที่เราถ่ายทอดกระทู้ถามสด ผมว่าผมเป็นนายกฯในรอบ 10 ปี ที่นั่งฟังและตอบปัญหาในสภาด้วยตนเองน่าจะมากที่สุด บรรยากาศขณะนี้ ถามว่าคนวิตกกังวลหรือไม่ ก็ยังวิตกกังวล แต่อย่างน้อยที่สุดผมก็พิสูจน์ว่า 8 เดือน แสดงให้เห็นว่าการเมืองจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ แต่มีรัฐบาลที่มีการผลักดันนโยบาย แก้ไขปัญหาของบ้านเมือง ปัญหาของเศรษฐกิจที่เข้าขั้นวิกฤติด้วยซ้ำอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้สะดุด ไม่ได้เสียสมาธิ ผมก็กล้าที่จะให้เปรียบเทียบกับตลอดทั้งปีปีที่แล้ว ว่าสภาพของการมีรัฐบาลแตกต่างกันอย่างไร ถ้าทำอย่างนี้ไปอีกสักระยะหนึ่ง ผมว่าสถานการณ์ก็จะเริ่มคลี่คลาย แต่มันไม่หมดหรอก
โดย
MANEKI
อังคาร ต.ค. 13, 2009 1:21 pm
0
0
New Bull Market confirmed !!!!
ความกังวลต่อการอิ่มตัวของภาคส่งออกเครื่องยนต์หลัก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มีให้เห็นถี่ขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ล่าสุด โฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร แบงก์กรุงเทพ หนึ่งในนักเศรษฐศาสตร์แถวหน้าของไทย ได้ออกมาพูดเรื่องส่งออกว่า ประเด็นสำคัญที่ต้องช่วยกันคิดแก้ไขในระยะยาวคือ การหาสิ่งที่จะสามารถทดแทนการส่งออกได้ เนื่องจากหากวิกฤติครั้งนี้ผ่านพ้นไป แต่การค้าของโลกคงไม่กลับมาเหมือนเดิมแน่นอน ดังนั้นสิ่งที่เป็นวาระแห่งชาติที่แท้จริงคือ การช่วยกันหาแนวทางพัฒนาตนเอง ทั้งเรื่องเครื่องจักรอุตสาหกรรม วิศวกรรมที่จะทำอย่างไรให้ประเทศสามารถก้าวไปเป็นประเทศอุตสาหกรรม ได้ด้วยตนเอง ไม่ใช่พึ่งพาส่งออกเพียงอย่างเดียว แม้วิธีมองปัญหาของ โฆษิต ต่างมุมจาก ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร ที่ตั้งประเด็นว่า การที่สัดส่วนภาคส่งออกเพิ่มจาก 35 % ต่อจีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ) หลังวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 มาเป็น 65 % ของขนาดเศรษฐกิจ ในปัจจุบัน หรือเพิ่มขึ้นถึง 30 % คือประเด็นที่ต้องขบคิดว่าเราจะไปต่อกันอย่างไร ดร.ศุภวุฒิบอกว่าแม้ยุทธศาสตร์พึ่งส่งออกใช้ได้ดีในช่วงที่ผ่านมา เพราะเศรษฐกิจโลกเติบโตต่อเนื่อง และสหรัฐฯใช้จ่ายเกินตัว แต่เวลานี้คนอเมริกันเริ่มรู้ตัว และลดค่าใช้จ่ายลดลง ซึ่งมีผลกระทบถึงภาคส่งออกโลกและของไทยโดยตรง นักเศรษฐศาสตร์รายนี้ มองว่าหากประเทศไทยคงพึ่งยุทธศาสตร์มุ่งส่งออกต่อไป ผลที่น่าจะตามมาคือ เศรษฐกิจขยายตัวช้า กว่า 3 ทศวรรษที่ผ่านมาหลังสิ้นยุค ผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า ประเทศไทยยึดยุทธศาสตร์มุ่งส่งออกในการขับเคลื่อนประเทศมาโดยตลอดซึ่งประสบความสำเร็จในการผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวมาโดยตลอด อาทิการเติบโตทางเศรษฐกิจถึง 2 หลักระหว่างปี 2531-2533 จนถูก คาดหมายว่าจะขึ้นชั้น เป็นเสือเศรษฐกิจแห่งเอเชียตัวที่ห้า หรือ Nics ( Newly Industrialized countries) เช่นเดียวกับ หลังวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 ภาคส่งออกคือ พระเอกตัวจริง ที่ฉุดเศรษฐกิจออกจากกับดักวิกฤติครั้งนั้น เนื่องจาก เงินบาทที่อ่อนค่าจาก 25 บทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเฉลี่ย ลงไปถึง 40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ประจวบเหมาะกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกทำให้ขนาดการค้าโลกขยายตัวตาม ห้วงเวลาดังกล่าว ภาคส่งออกได้สร้างปรากฎการณ์ โดยมูลค่าส่งออกเพิ่มจาก 1,806,682.0 ล้านบาทในปี 2540 เป็น 3,325,630.1 ล้านบาทในปี 2546 (เศรษฐกิจขยายตัวสูงสุดนับแต่เผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ 6.8 %) ทะลุถึง 5,241,962.8 ล้านบาทในปี 2550 ขยับขึ้นมาเป็น 5,851,371.0 ล้านบาทในปี 2551 แม้ปี 2552 ภาคการค้าหดตัวตาม ภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่มูลค่าการค้าคงสูงเช่นเดิม การเพิ่มขึ้นอย่างตื่นตาตื่นใจ ของมูลค่าส่งออกดังกล่าว เป็นที่มาของข้อสังเกต ตามด้วยคำถาม และความห่วงใย ก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์หลายคนมองว่า การที่ภาคส่งออกมีขนาดมากกว่าครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจรวมทำให้ไทยเสี่ยงต่อภาวะผันผวนของเศรษฐกิจโลกมาก เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศที่ผนวกเข้ากับเศรษฐกิจโลกมากเกินไป จะมีผลต่อภูมิคุ้มกันโรคโลกาภิวัตน์ลดลง โดยมีบทเรียนจากการถูกโจมตีจากค่าเงินในปี 2540 เป็นกรณีศึกษา คำถามต่อมาผูกโยงกับคำถามแรกแต่ ข้อมีห่วงใยที่แตกต่างกัน นักเศรษฐศาสตร์อีกจำนวนหนึ่งรวมทั้ง ดร.ศุภวุฒิ มองว่า ขนาดของภาคส่งออก ได้เดินทางมาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว หากประเทศไทยคงยึดยุทธศาสตร์มุ่งส่งออกเช่นเดิมต่อไป จะเผชิญกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจแบบเรื่อยๆมาเรียงๆ เนื่องจากช่วงเฟื่องฟูของภาคส่งออกผ่านไปแล้ว และยังมีผลเกี่ยวเนื่องมาถึง การเพิ่มขึ้นของ ทุนสำรองเงินตราและต่อไปถึงค่าเงินบาทอีกด้วย เช่นเดียวกับการวิเคราะห์ของ โฆษิต ที่ว่า หลังวิกฤติเศรษฐกิจโลกการค้าของโลกเปลี่ยนไปแล้วประเทศไทยต้องหาหนทางก้าวขึ้นเป็นประเทศอุตสาหกรรม ความจริงหลายรัฐบาลที่ผ่านๆมา มีความคิดที่จะปรับทิศการบริหารทิศทางเศรษฐกิจภาพใหญ่ของประเทศมาโดย เช่นหลังวิกฤติต้มยำกุ้ง มีความพยายามจากหลายฝ่ายที่ผลักดันให้พัฒนารูปแบบการส่งออก จากเน้นอุตสาหกรรมใช้แรงงานหนาแน่นเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มเพราะตระหนักดีว่าไทยไม่สามารถแข่งขันด้าน ค่าแรง กับหลายประเทศโดยเฉพาะจีนได้ แต่หลังค่าเงินอ่อนยวบลงไปผู้ประกอบการส่วนใหญ่ เก็บความคิดสร้างมูลค่าเพิ่มเข้าลิ้นชักและกลับมารับจ้างทำของแบบคุ้นเคยต่อไป ในยุครัฐบาลทักษิณ (2544-2549) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น เจ้าของความคิดบริหารเศรษฐกิจที่ฉูฉาดที่สุดจนนโยบายและความคิดถูกเรียกว่า ทักษิโณมิกส์ได้ นำเสนอแนวคิด ตะเกียบคู่ หรือ คู่ขนาน (Dual Track) คือขยายเศรษฐกิจภายในด้วยนโยบายประชานิยม ควบคู่ไปกับการส่งออกที่สร้างมูลค่าเพิ่ม แต่ตะเกียบคู่ๆนั้นถูกกวาดลงถังขยะไปพร้อมกับรัฐบาลทักษิณในปี 2549 ความคิดเรื่องเปลี่ยนรูปแบบส่งออกกลับมาอีกครั้ง เมื่อจีนแสดงตัวชัดว่า ฉันคือเจ้าแห่งโรงงานโลก ที่ผลิตสินค้ามีต้นทุนต่ำอย่างเหลือเชื่อ แม้มีผู้ประกอบการหลายรายเริ่มหันมาให้ความสำคัญ กับการสร้างมูลค่าเพิ่ม หรือ โยกฐานการผลิตเข้าไปในจีน แต่โดยภาพรวมแล้วภาคผลิตและส่งออกของไทย คงรับจ้างทำของเหมือนเดิม และความคิดดังกล่าว ถูกนำมาฉายซ้ำอีกครั้ง เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกในปี 2551 ที่การค้าโลกหายวูบฉุดภาคส่งออกหายวับไปด้วยคราวนี้เป็นบทของรัฐบาลอภิสิทธิ์ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งประกาศเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ภูมิใจนำเสนอ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ( Creative Economy) แม้ความหมายของคำที่ดูดีดังกล่าว ยังไม่ชัดแจ้ง แต่คำอธิบายที่ได้รับอย่างกลมๆทั้งจากปากนายกรัฐมนตรี และผู้บริหารองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ คือ การสร้างมูลค่าเพิ่ม แทนการผลิตอย่างแมสที่ไทยไม่สามารถแข่งด้านราคากับ จีน เวียตนาม หรืออีกหลายประเทศได้แล้ว เศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพิ่งเริ่มต้น แม้มีการคาดการณ์อย่างสวยหรูว่าจะตัวช่วยๆ เพิ่มสัดส่วนเศรษฐกิจสร้างสรรค์จาก 9 หมื่นล้านเป็น 1.8 แสนล้านใน 3 ปี ตามแผนไทยเข้มแข็งซึ่งใช้งบลงทุนเพื่อการนี้ 2 หมื่นล้านบาท แต่ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า เศรษฐกิจสร้างสรรค์ จะประสบความสำเร็จ หรือ ไม่สำเร็จ หากการเคลื่อนไหวทั้งในเชิงความคิดของนักเศรษฐศาสตร์ และ นโยบายของหลายรัฐบาลที่ผ่านมา ตอกย้ำว่าประเทศไทย มีความจำเป็น ต้องหา พระเอกเศรษฐกิจคนใหม่จริงๆเพราะส่งออก ได้เวลาขยับขึ้นไปรับบทพ่อแล้ว
โดย
MANEKI
อังคาร ต.ค. 13, 2009 1:19 pm
0
0
ขอเชียร์หุ้นตัวนึงได้ป่ะคับพี่พี่ VI
ซื้อไว้รอ TRUEมา TAKE :o
โดย
MANEKI
ศุกร์ ต.ค. 09, 2009 8:41 pm
0
0
=== Super Stocks ===
SCC คงไม่มีใครลบสถิติได้ ราคาหุ้นตอนนี้น่าจะแพงที่สุดในตลาด ถ้าเทียบกับราคาเริ่มเข้าตลาด และแตกพาร์ PTTEP ราคาขึ้นไป 600 แตกพาร์แล้วราคายังไม่ลง
โดย
MANEKI
ศุกร์ ต.ค. 09, 2009 9:30 am
0
0
New Bull Market confirmed !!!!
พยายามซื้อทุกเดือนไว้ก่อน :o
โดย
MANEKI
พฤหัสฯ. ก.ย. 10, 2009 1:13 pm
0
0
บทบัญญัติหลักกลยุทธ์ของโซรอส
ขอบคุณค่ะ :D ขอเป็นแฟนคลับลุงโซรอสค่ะ
โดย
MANEKI
พฤหัสฯ. ส.ค. 27, 2009 1:37 pm
0
0
วุฒิศักดิ์ คลีนิค จะเข้าตลาด จะสร้าง รพ ใหญ่ ขนาดไหนหว่า
วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 33 ฉบับที่ 4133 ประชาชาติธุรกิจ คลินิกหน้าใสทุ่มงบฯดึงลูกค้าแมส "เมดิแคร์-วุฒิ-ศักดิ์"ปูพรมโฆษณารับแข่งขันระอุ คลินิกความงามพร้อมใจกระโดดลง จอแก้ว มัดใจลูกค้าแมส "เมดิแคร์" ควักอีก 10 ล้าน สร้างหนังโฆษณาชุดที่ 2 สานต่อการรับรู้แบรนด์-สร้างความมั่นใจเชิงวิชาการ ขณะที่ "วุฒิ-ศักดิ์" รีเฟรชภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ ดึงศิลปินเกาหลีเป็นพรีเซ็นเตอร์ พันโทนายแพทย์วิษณุ ประเสริฐสม ประธานกรรมการบริหาร คลินิกเวชกรรมเมดิแคร์ กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตั้งแต่ต้นปี เมดิแคร์ให้ความสำคัญกับการใช้สื่อมากขึ้น ทั้งหนังโฆษณา สปอตวิทยุ บิลบอร์ด นิตยสาร และซีอาร์เอ็ม เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ในวงกว้าง โดยครึ่งปีแรกใช้งบฯลงทุน 30 ล้านบาท ลอนช์หนังโฆษณาความยาว 15 วินาที กับ 30 วินาที ได้รับฟีดแบ็กที่ดี และสามารถเพิ่มทราฟฟิกได้ถึง 25% และมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ขณะที่ครึ่งปีหลังก็กำลังวางแผนสร้างหนังโฆษณาชุดใหม่ ใช้เงินลงทุน 10 ล้านบาท คาดว่าจะได้เห็นหลังเดือนตุลาคม โดยโฆษณาชุดหลังนี้ นอกจากจะเป็นตัวตอกย้ำการรับรู้แบรนด์จากหนังโฆษณาชุดแรกแล้ว ยังจะแสดงให้เห็นถึงข้อมูลทางวิชาการ เพื่อสร้างความมั่นใจในบริการและผลิตภัณฑ์ "ที่ผ่านมา เราอาศัยการทำตลาดแบบวิธีบอกต่อ ซึ่งได้ผลมากในต่างจังหวัด แต่เนื่องจากเมื่อปีก่อนได้เริ่มรุกสาขาในกรุงเทพฯ ซึ่งมีลูกค้าที่หลากหลายและกว้างขึ้น ประกอบกับการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้เราต้องหันมาใช้สื่อมากขึ้น" พันโทนายแพทย์วิษณุให้ข้อมูลอีกว่า นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการติดต่อกับโรงงานและตัวแทนจัดส่งเพื่อผลิตสินค้าเอง โดยจะเริ่มจากผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอยและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ หากทุกอย่างเป็นไปตามกำหนด คาดว่าจะเริ่มเปิดตัวผลิตภัณฑ์ได้ภายในปีนี้ ปัจจุบัน เมดิแคร์มี 36 สาขา ภายในปีนี้จะเพิ่มอีก 2 สาขา ที่พัทยาและขอนแก่น วางแผนว่าภายในปี 2554 จะขยายให้ครบ 50 สาขา โดยในกรุงเทพฯจะเน้นเปิดสาขาตามห้างสรรพสินค้าและดิสเคานต์สโตร์ ส่วนเป้าหมายเรื่องรายได้ วางแผนมีรายได้จากแต่ละสาขาเดือนละ 2 ล้านบาท "จากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นมีผลกระทบด้านยอดขายบ้างเล็กน้อย แต่ก็เป็นเฉพาะบางเดือน จึงทำให้ภาพรวมของรายได้ยังไม่ตก แต่สิ่งที่พบคือกำลังซื้อต่อหัวของลูกค้าจะน้อยลงและจ่ายเฉพาะเท่าที่จำเป็น อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์ในครึ่งปีหลังจะปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น" ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาเมื่อเร็วๆ นี้ วุฒิ-ศักดิ์ คลินิก ก็ได้ประกาศเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ รวมถึงเปลี่ยนโลโก้ใหม่ เพื่อให้ร้านดูสดใสมากขึ้น และยังเปิดตัวหนังโฆษณาเป็นครั้งแรกเช่นกัน มีเป้าหมายสำคัญเพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มแมส และตั้งเป้าเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ให้ได้ 20% จากมูลค่าตลาดคลินิกความงามทั้งหมด 5,000 ล้านบาท โดยเนื้อหาของหนังโฆษณาของวุฒิ-ศักดิ์ คลินิก เน้นการนำเสนอนวัตกรรมความงามที่รวดเร็วและปลอดภัย โดยดึงศิลปินเกาหลี โซว จี วอน เป็นพรีเซ็นเตอร์ ที่นอกจากจะเรียกความสนใจในหมู่ลูกค้าผู้หญิงแล้ว ยังจะชวยขยายฐานลูกค้าผู้ชายเมโทรเซ็กชวลได้อีกด้วย
โดย
MANEKI
ศุกร์ ส.ค. 21, 2009 8:24 am
0
0
รบกวนพี่ๆคับ ปี40 อสังหา ราคาลดลง50% แล้วตอนนี้ราคาลดลงกี่%
คนที่ซื้อปี 2540น่าจะเรียกว่าเกร็งกำไรมากกว่าค่ะ เพราะเตี่ยบอกว่า ซื้อที่ดินมาแค่ไม่ถึงวันมีคนมาติดต่อกำไรเป็นล้านแล้ว ซื้อเล่นๆหนเดียวแล้วเลิก พี่ชายซื้อคอนโดเกือบล้าน ดอก 20% สุดท้ายเตี่ยวต้องช่วยจ่ายให้ ไม่พอ ไปซื้อทาว์นเฮ้าส์อีกล้านกว่าๆ ดอก 20% เตี่ยจ่ายให้อีก ถ้าไม่จ่ายให้ คงไม่รอดแล้วละ ยุคนั้น แพงค่ะ เค้าบอกว่าไม่ได้ตกแต่งอะไรเลย ดอก 20%ด้วย แต่คนซื้อเยอะ แล้วซื้อแบบง่ายๆไม่คิดมากด้วย บ้าน คอนโดช่วงนี้ราคาไม่แพง ห้องสวย ตกแต่งสวย คุ้มราคาหลายโครงการเลยค่ะ ดอกเบี้ยต่ำด้วย
โดย
MANEKI
ศุกร์ ส.ค. 07, 2009 5:08 pm
0
0
มารวบรวมหุ้นที่ขึ้นมาเกิน 1 เด้ง จากต่ำสุดปีที่แล้วกัน
CIG CGS TYONG :o
โดย
MANEKI
ศุกร์ ก.ค. 24, 2009 8:43 pm
0
0
เทมาเส็ก.... งานเข้า :ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ
เค้าไปทำกรรมอะไรให้ใครกันล่ะ :?
โดย
MANEKI
ศุกร์ ก.ค. 24, 2009 8:30 pm
0
0
ขอชื่นชมตลาดหลักทรัพย์
[quote="por_jai"]:8) จับปลาต้องจับตอนน้ำขุ่น
โดย
MANEKI
ศุกร์ ก.ค. 03, 2009 7:38 am
0
0
CPALL แพงไปยัง ???
ดร.ขาย เอาเงินไปใช้หนี้มั้ง :o ขายยังไงก็กำไร เดี๋ยวลงมา 7บาท ก็มาซื้ออีกนั่นแหละ :D
โดย
MANEKI
พฤหัสฯ. ก.ค. 02, 2009 12:58 pm
0
0
CPALL แพงไปยัง ???
[quote="nanchan"]ถ้าแพงแล้ว เปลี่ยนมาซื้อCPFบ้างก็ได้น้า
โดย
MANEKI
อังคาร มิ.ย. 30, 2009 9:26 pm
0
0
CPALL แพงไปยัง ???
ก็เอาโดเรมอนมาล่อนี่หว่า :? รอบที่แล้ว แจกนาฬิกาโดเรมอน รอบนี้ เล่น 2ชิ้นเลย น่ารักมากมาย :D มีแล้ว ตอนที่สะสมแสตมป์ แต่จะเอาอีก น่าจะมีคิตตี้นะ อยากได้มากๆ :o โดเรมอน คิตตี้ นี่เป็น SUPER STARตลอดกาลเลยนะ :D
โดย
MANEKI
อังคาร มิ.ย. 30, 2009 11:14 am
0
0
CPALL แพงไปยัง ???
VALUE CARD 190บาทเองค่ะ :o ถามคนทุนต่ำกว่า 10 เค้าคงถือค่ะ แต่คนที่จะซื้อตอนนี้ก็คงคิดหนักนะ แต่ถ้าซื้อ 100หุ้นแล้วมันลงไป 7บาท คงตกใจซื้อเพิ่มเลยค่ะ :D
โดย
MANEKI
อังคาร มิ.ย. 30, 2009 8:03 am
0
0
ใช้มาร์จินลงทุน / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
แต่ตลาดกระทิง 14ปีมีครั้ง โอกาสทองที่ไม่ได้หาได้ง่ายๆ PTT 300ชัวร์ แบบนี้ต้อง LONG :o
โดย
MANEKI
จันทร์ มิ.ย. 29, 2009 4:43 pm
0
0
ใช้มาร์จินลงทุน / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ใครๆก็อยากรวยพันล้านนี่นา :o พอถึงพันล้าน ก็ขอหมื่นล้านอีก :? ลงทุนอย่างพอเพียง
โดย
MANEKI
จันทร์ มิ.ย. 29, 2009 2:08 pm
0
0
CPN ร่วงลงทุกวันเลย สวน set ตลอด มีข่าวไรไหมครับ
CPN ขึ้นมาจาก 8บาทปีที่แล้วค่ะ :o ขึ้นแบบมีเหตุผล เพราะเปิดสาขาแจ้งวัฒนะ และตามด้วยพัทยา ชลบุรี รัวเป็นชุดเลย
โดย
MANEKI
จันทร์ มิ.ย. 29, 2009 8:30 am
0
0
CPALL แพงไปยัง ???
แพงไม่แพงไม่รู้ เข้ามาบอก สมัครบัตร VALUE CARDตอนนี้ รับ PRODUCT DORAEMON 2ชิ้น (มีแล้ว อยากได้อีก) :D โปรช่วงนี้ 19 29 59บาท หุ้นตัวนี้ถ้าวันไหนลงมาเลขหลักเดียว จะมีมือที่มองไม่เห็นมาช่วยดันเอง :o คงเป็นใครไปไม่ได้ เฮียก่อไง :D
โดย
MANEKI
จันทร์ มิ.ย. 29, 2009 8:22 am
0
0
ไปทานข้าวกับลุงวอเรนท์ไหมคะ
งั้นแบบนี้ ดร.นิเวศน์ต้องจัดงานประมูลบ้างแล้วละ :o ดร.สู้ๆ :D พาน้องพิซซ่ามาแจมด้วย :o เลี้ยงแค่ขนมจีบ ซาลาเปา 7-11พอแล้ว :B
โดย
MANEKI
จันทร์ มิ.ย. 29, 2009 8:14 am
0
0
ไปทานข้าวกับลุงวอเรนท์ไหมคะ
ปกติแกกินโค้ก กับ ป๊อบคอร์นนี่นา :o
โดย
MANEKI
อังคาร มิ.ย. 23, 2009 9:13 am
0
0
นักธุรกิจร้อยล้าน / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
[quote="baby-investor"]สงสัยเหมือนกันครับ ว่าท่าน ดร. เป็นนักธุรกิจพันล้านหรือยัง
โดย
MANEKI
อังคาร มิ.ย. 23, 2009 9:07 am
0
0
LH ณ เวลานี้มีอะไรดีกว่าอสังหาตัวอื่นๆครับ
LH มีเจ้าของ ชื่อ อนันต์ อํศวโภคิน :o
โดย
MANEKI
จันทร์ มิ.ย. 01, 2009 10:53 am
0
0
LH ณ เวลานี้มีอะไรดีกว่าอสังหาตัวอื่นๆครับ
หุ้นตัวนี้จะดีทุกครั้งที่เราขาย :cry: ปีที่แล้วขายไป 7วิ่งไป 12 ช่วยให้พี่ที่ติดดอยออกมาได้แบบไม่ขาดทุน เพราะพี่แกติด 12ชวนกันมาซื้อที่ 6บาทกว่าๆ บอกว่าเล่นรอบไปสัก 10รอบ เดี๋ยวต้นทุนก็ลดลงเอง ผลคือ เราเล่นไปรอบเดียว แล้วมันก็พุ่งกระจายเลย ปีนี้มาซื้อ 2.54แล้วขายไป 3บาท เพราะกะว่าจะมาตั้งรับ 2.54อีก แล้วมันก็พุ่งไป 5บาทกว่าๆ เล่นแค่ครั้งเดียวตามเคย :cry:
โดย
MANEKI
พฤหัสฯ. พ.ค. 28, 2009 11:31 am
0
0
คุณบัญชานี่ อ่านข่าวมันจริงๆ
ชอบมาตั้งแต่ภาษาเศรษกิจแล้วค่ะ ตอนอยู่ MCOT ฟังแล้วไม่มีหลับ ชัดเจนดี :)
โดย
MANEKI
ศุกร์ ก.ย. 19, 2008 4:51 pm
0
0
จับตาเอไอเอทิ้งหุ้น
ขายเลยค่ะ รอรับอยู่ :o 600 จุดนะคะ แต่คาใจเห็นเมื่อวาน SETปิด 600จุด วันนี้จะมาช้อน มันเปิดกระโดดไปแล้ว :cry: เราก็มาตั้งทิ้งไว้ที่ราคาปิดแล้วนี่นา ตกรถมานานมากๆแล้ว ตั้งใจจะซื้อ TDEX ที่ SET 600ไว้ คราวนี้จะตั้งรอทุกวันเลย ปีนี้ไม่ได้ ปีหน้าก็ได้ AIAขายมาเลยนะคะ ขายได้เต็มที่เลยค่ะ จะชวนพี่มาซื้อ LTFด้วย :) เมื่อวานบอกพี่ว่า SETลงมาเยอะมากเลย ซื้อไว้ดีไหม ถ้าเห็นแบบนี้ ก็คงรอต่อไปอีกแล้วละ :cry: บ้านเรางก ซื้อแพงไม่ได้ เดี๋ยวแม่ด่า :cry:
โดย
MANEKI
ศุกร์ ก.ย. 19, 2008 4:48 pm
0
0
189 โพสต์
of 4
ต่อไป
Verified User
ชื่อล็อกอิน:
MANEKI
กลุ่ม:
สมาชิก
ที่อยู่:
NONTHABURI
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พฤหัสฯ. มี.ค. 08, 2007 7:41 pm
ใช้งานล่าสุด:
จันทร์ ก.ย. 26, 2011 10:52 pm
โพสต์ทั้งหมด:
1005 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.05% จากโพสทั้งหมด / 0.15 ข้อความต่อวัน)
ลายเซ็นต์
DON"T EVER GIVE UP YOUR DREAM.....
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ Value Investing
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ThaiVI GO Series
↳ Oppday Transcript
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
↳ หลักสูตรออนไลน์
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว