สิ่งที่ได้จากงาน Algorithm Trading
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
สิ่งที่ได้จากงาน Algorithm Trading
โพสต์ที่ 1
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา(26 พค 2555)
มีโอกาสได้ไปนั่งฟังบรรยาย Algorithm Trading หรือเรียกสั้นว่า AT
AT เป็นของใหม่สำหรับประเทศไทย พึ่งเริ่มไม่เกิน 5-6 ปีที่ผ่านมานี้
แต่ในต่างประเทศนั้น เริ่มใช้นานมานานมาแล้ว และ AT ก็เคยเป็นแพะในหลากหลายเหตุการณ์
ไล่ตั้งแต่ Black Monday รอบล่าสุดนั้น AT ก็แพะมาแล้วล่ะคร้าบ
สิ่งที่ผมได้คือ พื้นฐานของ AT ว่า AT นั้นคนที่สามารถก้าวไปทำได้คือต้องมีความรู้สามด้านคือ
Programing,Math และ Market Microstructure เรียกได้ว่า ต้องทำงานเป็นทีมในช่วงนี้ เพราะ
แค่ Programing ก็หายาก แล้วเข้าใจ Math ที่เขียนอีกต่างหาก และ ต้องรู้ว่า ที่ใส่เข้าไปมันทำอะไรกับคำสั่งเหล่านั้น
เพื่อให้คำสั่ง Bid Ask หรือ Bid Offer มาทำงานแทนคนกันเลย
ผมขอเปรียบเทียบเลยว่า AT นั้นเป็นการเอาสมองของคนซื้อขาย ไปใส่ในคอมพิวเตอร์แทน
และตัดเรื่องอารมณ์ความโลภ ความหลงออกไป เนื่องจากคอมพิวเตอร์ไม่มีจิตใจ ทำตามโปรแกรมที่เขียนไว้
แต่อย่างไงก็ตามหากเจอสิ่งที่นอกเหนือที่เขียนไว้ ทำให้โปรแกรมอาจจะทำงานผิดพลาดได้ แต่มันไม่ใช่ Bug แค่เขียนไม่ครบทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้นเองจุดนี้เป็นจุดอ่อนครับ
ผมเองก็ยอมรับว่ายังไม่เคยได้ใช้งาน AT เลย พึ่งรู้จักจากเพื่อนมาเพียงระยะเวลาหนึ่ง
AT นั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลปะ แฝงด้วยสิ่งที่เรียกว่า ความชิปหายไว้ด้วย หรือความร่ำรวยไว้ด้วย
สิ่งที่น่ากลัวตอนนี้คือ
SET กำลังเปลี่ยนแปลงระบบคอมพิวเตอร์ เพิ่มศักยภาพของระบบคอมพิวเตอร์เพื่อรองรับการทำงานของ AT ตามโบรกเกอร์ต่างๆ คือ เล่นเอา Server ที่ส่งคำสั่งอยู่บนระบบ Network ที่เรียกว่า Co-location คือวิ่งกันอยู่บน Back bone(เรียกแบบเพราะว่า กระดูกสันหลัง ของเรามีเส้นประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหว หากกระทบกระเทือนอะไรทำให้เราไม่อาจจะเคลื่อนที่ได้) ทำให้ คนที่สามารถใช้งาน AT ได้ สามารถส่งคำสั่งได้ไม่จำกัดเลย ขึ้นอยู่กับระบบคอมพิวเตอร์ของตลาดรองรับได้เท่านั้น แถม SET เปลี่ยนแปลงระบบใหม่อีกต่างหาก
งานนี้เตรียมข่าวเรื่องระบบของ SET ล่มรอรับได้ในไตรมาสสามนี้ได้เลยล่ะ
ปัุจจุบัน การซื้อขายของรายย่อยและรายใหญ่ ที่เป็นกองทุนหรือ Prop Trade ของโบรกเกอร์มีค่า Com ไม่เท่ากัน ยิ่งหากใช้งาน AT ที่เป็นแบบย่อหน้าก่อนหน้านี้แล้ว มันเป็นความเลื่อมล้ำของการซื้อขายหรือไม่
เพื่อนใน TVI คงเห็นภาพที่ผมไปสัมมนาครั้งนี้ละครับ
เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ละครับ ที่ต้องศึกษาไว้ละครับ
มีโอกาสได้ไปนั่งฟังบรรยาย Algorithm Trading หรือเรียกสั้นว่า AT
AT เป็นของใหม่สำหรับประเทศไทย พึ่งเริ่มไม่เกิน 5-6 ปีที่ผ่านมานี้
แต่ในต่างประเทศนั้น เริ่มใช้นานมานานมาแล้ว และ AT ก็เคยเป็นแพะในหลากหลายเหตุการณ์
ไล่ตั้งแต่ Black Monday รอบล่าสุดนั้น AT ก็แพะมาแล้วล่ะคร้าบ
สิ่งที่ผมได้คือ พื้นฐานของ AT ว่า AT นั้นคนที่สามารถก้าวไปทำได้คือต้องมีความรู้สามด้านคือ
Programing,Math และ Market Microstructure เรียกได้ว่า ต้องทำงานเป็นทีมในช่วงนี้ เพราะ
แค่ Programing ก็หายาก แล้วเข้าใจ Math ที่เขียนอีกต่างหาก และ ต้องรู้ว่า ที่ใส่เข้าไปมันทำอะไรกับคำสั่งเหล่านั้น
เพื่อให้คำสั่ง Bid Ask หรือ Bid Offer มาทำงานแทนคนกันเลย
ผมขอเปรียบเทียบเลยว่า AT นั้นเป็นการเอาสมองของคนซื้อขาย ไปใส่ในคอมพิวเตอร์แทน
และตัดเรื่องอารมณ์ความโลภ ความหลงออกไป เนื่องจากคอมพิวเตอร์ไม่มีจิตใจ ทำตามโปรแกรมที่เขียนไว้
แต่อย่างไงก็ตามหากเจอสิ่งที่นอกเหนือที่เขียนไว้ ทำให้โปรแกรมอาจจะทำงานผิดพลาดได้ แต่มันไม่ใช่ Bug แค่เขียนไม่ครบทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้นเองจุดนี้เป็นจุดอ่อนครับ
ผมเองก็ยอมรับว่ายังไม่เคยได้ใช้งาน AT เลย พึ่งรู้จักจากเพื่อนมาเพียงระยะเวลาหนึ่ง
AT นั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลปะ แฝงด้วยสิ่งที่เรียกว่า ความชิปหายไว้ด้วย หรือความร่ำรวยไว้ด้วย
สิ่งที่น่ากลัวตอนนี้คือ
SET กำลังเปลี่ยนแปลงระบบคอมพิวเตอร์ เพิ่มศักยภาพของระบบคอมพิวเตอร์เพื่อรองรับการทำงานของ AT ตามโบรกเกอร์ต่างๆ คือ เล่นเอา Server ที่ส่งคำสั่งอยู่บนระบบ Network ที่เรียกว่า Co-location คือวิ่งกันอยู่บน Back bone(เรียกแบบเพราะว่า กระดูกสันหลัง ของเรามีเส้นประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหว หากกระทบกระเทือนอะไรทำให้เราไม่อาจจะเคลื่อนที่ได้) ทำให้ คนที่สามารถใช้งาน AT ได้ สามารถส่งคำสั่งได้ไม่จำกัดเลย ขึ้นอยู่กับระบบคอมพิวเตอร์ของตลาดรองรับได้เท่านั้น แถม SET เปลี่ยนแปลงระบบใหม่อีกต่างหาก
งานนี้เตรียมข่าวเรื่องระบบของ SET ล่มรอรับได้ในไตรมาสสามนี้ได้เลยล่ะ
ปัุจจุบัน การซื้อขายของรายย่อยและรายใหญ่ ที่เป็นกองทุนหรือ Prop Trade ของโบรกเกอร์มีค่า Com ไม่เท่ากัน ยิ่งหากใช้งาน AT ที่เป็นแบบย่อหน้าก่อนหน้านี้แล้ว มันเป็นความเลื่อมล้ำของการซื้อขายหรือไม่
เพื่อนใน TVI คงเห็นภาพที่ผมไปสัมมนาครั้งนี้ละครับ
เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ละครับ ที่ต้องศึกษาไว้ละครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 385
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ได้จากงาน Algorithm Trading
โพสต์ที่ 2
ผมเคยไปแล้ว ของจุฬา เมื่อปีหรือสองปีก่อน จำไม่ได้แฮะ เลยไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหม่ เข้าใจว่ารายใหญ่คงใช้กันแล้ว
ส่วนตัว ผมไม่คิดว่าจะกระทบกับ VI ที่มีแผนลงทุนระยะยาว แต่จะกระทบ VI ที่เล่นสั้น และ รายย่อยที่เฝ้าหน้าจอเทรดกันไปวันๆ เพราะ AT แข่งกันที่ความไว, ความผิดพลาดช่วงเสี้ยววินาที รวมถึงการทำ arbitrage ใน stock หรือ derivative ที่มีความสัมพันธ์กัน
ข้อดีก็คือ ตลาดจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น, volume มากขึ้น
ข้อเสียก็คือ VI ที่เล่นสั้นหวังจะกำไรจากความผิดพลาดของตลาด หรือ รายย่อยที่เทรดเอง คงได้ราคาดีๆยาก อีกกรณีคือ ถ้า AT งี่เง่าก็จะทำให้เกิด error ในการเทรดครั้งมโหฬารได้ (ซึ่งจังหวะนั้น ถ้าใครตาดี คงได้กำไรจากการ swing เยอะทีเดียว)
อนาคตก็เป็นไปได้ ที่รายย่อยที่เก่งๆแนว quant จะเติบโต แต่ก็ไม่ใช่ง่าย เพราะต้องหาวิธี access ไปยัง network เพื่อส่งคำสั่งได้เร็วกว่าคู่แข่งด้วย (ยิ่งอยู่ใกล้ระบบ ยิ่งทำให้ส่งคำสั่งเร็ว ) เพราะถ้า logic เหมือนกัน AT จะแพ้ชนะกันที่ความเร็ว
ส่วนตัว ผมไม่คิดว่าจะกระทบกับ VI ที่มีแผนลงทุนระยะยาว แต่จะกระทบ VI ที่เล่นสั้น และ รายย่อยที่เฝ้าหน้าจอเทรดกันไปวันๆ เพราะ AT แข่งกันที่ความไว, ความผิดพลาดช่วงเสี้ยววินาที รวมถึงการทำ arbitrage ใน stock หรือ derivative ที่มีความสัมพันธ์กัน
ข้อดีก็คือ ตลาดจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น, volume มากขึ้น
ข้อเสียก็คือ VI ที่เล่นสั้นหวังจะกำไรจากความผิดพลาดของตลาด หรือ รายย่อยที่เทรดเอง คงได้ราคาดีๆยาก อีกกรณีคือ ถ้า AT งี่เง่าก็จะทำให้เกิด error ในการเทรดครั้งมโหฬารได้ (ซึ่งจังหวะนั้น ถ้าใครตาดี คงได้กำไรจากการ swing เยอะทีเดียว)
อนาคตก็เป็นไปได้ ที่รายย่อยที่เก่งๆแนว quant จะเติบโต แต่ก็ไม่ใช่ง่าย เพราะต้องหาวิธี access ไปยัง network เพื่อส่งคำสั่งได้เร็วกว่าคู่แข่งด้วย (ยิ่งอยู่ใกล้ระบบ ยิ่งทำให้ส่งคำสั่งเร็ว ) เพราะถ้า logic เหมือนกัน AT จะแพ้ชนะกันที่ความเร็ว
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2603
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สิ่งที่ได้จากงาน Algorithm Trading
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณมากๆครับ
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
- airazoc
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 904
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สิ่งที่ได้จากงาน Algorithm Trading
โพสต์ที่ 4
AT นั้นมีจุดแข็งมากๆ หลายๆอย่างครับ
แต่ก็มีจุดอ่อนที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ด้วย
บรรดากองทุนหลายๆกอง จริงๆมีการใช้ AT มาเป็นระยะเวลานานแล้ว
นานจนมีคนสร้าง testing algorithm เพื่อทดสอบ behavior ของ AT ของกองทุนและ reverse engineer หาค่าจุดตัดซื้อขายต่างๆของกองทุน และสร้าง algorithm ขนานเพื่อทำลาย และ หากำไรจาก algorithm ของกองทุนได้
ตัวอย่าง
เก็บหุ้นให้พอเพียง แล้วเทขายให้ AT ของกองทุน cut
แล้วเก็บกลับมาในราคาถูก แล้วกระชากกลับขึ้นไปให้กองทุน follow buy
โดนเข้าไปวันเดียวหลายๆรอบ นี่กองทุนก็ล้มได้นะครับ แถมไม่มีคนนั่งเฝ้าด้วย
ตอนโดนก็ไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกที ตอนกลับมาดูสรุปสิ้นวัน
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวัง อย่าให้โดนเข้ากับตัว
high frequency trading แบบนี้ สามารถทำกำไรได้จำนวนมากก็จริง
แต่การถือยาวในกิจการที่มีความสามารถในการแข่งขันชัดเจน ก็ทำกำไรได้ไม่แพ้กันครับ
ไม่มีความเสี่ยงจากการถูกดักจับกินด้วย กิจการถ้ามันดี มันก็ต้องขึ้น ระหว่างทางจะมี noise ก็อย่าสนใจมาก
ถ้าสิ่งที่คิดคำนวนไว้ถูกต้อง เดี๋ยวราคามันก็ perform ของมันเองครับ
สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับ AT ก็มีเหมือนกัน เช่น การตั้ง order ทิ้งไว้ หากราคาขึ้นไปเกินแฟร์ ให้ขายทิ้งบางส่วน หากราคากลับลงมาใน price band ที่ผมพอใจ และมีการขายไปแล้ว ให้ซื้อกลับด้วยเงินเท่าเดิม วิธีนี้จะทำให้ได้หุ้นเพิ่มขึ้นทีละน้อย ในหุ้นที่มั่นใจว่าดีจริงในระยะยาว ซึ่งผมก็จะไม่กำหนดจุด cut (เพราะหุ้นดีราคายังไม่เกิน fair ลงมาจะขายทำไม) หรือ follow buy (ถ้าจะวิ่งก็วิ่งไปมีพอแล้ว ไม่ไปร่วมสร้าง automated volume) แบบนี้ก็จะทำให้สิ่งที่ต้องดูแลเกี่ยวกับหุ้น ลดลงไปได้อีก สามารถได้เวลาคืนจากการ monitor หุ้นที่ราคาใกล้ถึง fair ลงไปได้มาก เวลาเกิน fair ไปพอควร ก็ไม่ต้องเฝ้าจอขาย เวลาย่อตัวกลับลงมาต่ำกว่า fair ก็ไม่ต้องนั่งรอซื้อคืน เอาเวลาไปอ่านหนังสือ เดินห้าง ดูหนัง ชีวิตมีความสุขมากกว่าครับ
แน่นอนว่า algorithm ที่จะเขียนสำหรับการใช้งานแบบ VI กับ การเป็น High Frequency Trader นั้นก็คงต่างกัน เพราะรูปแบบการถือครองหุ้นก็จะต่างกัน ก็ต้องปรับใช้ให้ตรงกับจริตตนเอง
สำหรับ VIหากใช้ AT ได้อย่างถูกจริตแล้ว ก็จะช่วยให้ภาระลดลง และมีความสุขมากขึ้น ในระหว่างที่เฝ้ารอให้กิจการเติบโตแต่หากใช้ผิดจริตแล้ว แทนที่จะได้เวลาคืนมา ก็จะเสียเวลาเฝ้ามากขึ้นแทน
แน่นอนว่า สำหรับ HFT หากใช้ถูกจริต ก็จะทำกำไรจากความผันผวนได้มหาศาลเช่นกัน แต่ถ้าผิดจริต ก็เจ๊งอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว
ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จ และมีความสุขกับการลงทุนครับ
แต่ก็มีจุดอ่อนที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ด้วย
บรรดากองทุนหลายๆกอง จริงๆมีการใช้ AT มาเป็นระยะเวลานานแล้ว
นานจนมีคนสร้าง testing algorithm เพื่อทดสอบ behavior ของ AT ของกองทุนและ reverse engineer หาค่าจุดตัดซื้อขายต่างๆของกองทุน และสร้าง algorithm ขนานเพื่อทำลาย และ หากำไรจาก algorithm ของกองทุนได้
ตัวอย่าง
เก็บหุ้นให้พอเพียง แล้วเทขายให้ AT ของกองทุน cut
แล้วเก็บกลับมาในราคาถูก แล้วกระชากกลับขึ้นไปให้กองทุน follow buy
โดนเข้าไปวันเดียวหลายๆรอบ นี่กองทุนก็ล้มได้นะครับ แถมไม่มีคนนั่งเฝ้าด้วย
ตอนโดนก็ไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกที ตอนกลับมาดูสรุปสิ้นวัน
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวัง อย่าให้โดนเข้ากับตัว
high frequency trading แบบนี้ สามารถทำกำไรได้จำนวนมากก็จริง
แต่การถือยาวในกิจการที่มีความสามารถในการแข่งขันชัดเจน ก็ทำกำไรได้ไม่แพ้กันครับ
ไม่มีความเสี่ยงจากการถูกดักจับกินด้วย กิจการถ้ามันดี มันก็ต้องขึ้น ระหว่างทางจะมี noise ก็อย่าสนใจมาก
ถ้าสิ่งที่คิดคำนวนไว้ถูกต้อง เดี๋ยวราคามันก็ perform ของมันเองครับ
สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับ AT ก็มีเหมือนกัน เช่น การตั้ง order ทิ้งไว้ หากราคาขึ้นไปเกินแฟร์ ให้ขายทิ้งบางส่วน หากราคากลับลงมาใน price band ที่ผมพอใจ และมีการขายไปแล้ว ให้ซื้อกลับด้วยเงินเท่าเดิม วิธีนี้จะทำให้ได้หุ้นเพิ่มขึ้นทีละน้อย ในหุ้นที่มั่นใจว่าดีจริงในระยะยาว ซึ่งผมก็จะไม่กำหนดจุด cut (เพราะหุ้นดีราคายังไม่เกิน fair ลงมาจะขายทำไม) หรือ follow buy (ถ้าจะวิ่งก็วิ่งไปมีพอแล้ว ไม่ไปร่วมสร้าง automated volume) แบบนี้ก็จะทำให้สิ่งที่ต้องดูแลเกี่ยวกับหุ้น ลดลงไปได้อีก สามารถได้เวลาคืนจากการ monitor หุ้นที่ราคาใกล้ถึง fair ลงไปได้มาก เวลาเกิน fair ไปพอควร ก็ไม่ต้องเฝ้าจอขาย เวลาย่อตัวกลับลงมาต่ำกว่า fair ก็ไม่ต้องนั่งรอซื้อคืน เอาเวลาไปอ่านหนังสือ เดินห้าง ดูหนัง ชีวิตมีความสุขมากกว่าครับ
แน่นอนว่า algorithm ที่จะเขียนสำหรับการใช้งานแบบ VI กับ การเป็น High Frequency Trader นั้นก็คงต่างกัน เพราะรูปแบบการถือครองหุ้นก็จะต่างกัน ก็ต้องปรับใช้ให้ตรงกับจริตตนเอง
สำหรับ VIหากใช้ AT ได้อย่างถูกจริตแล้ว ก็จะช่วยให้ภาระลดลง และมีความสุขมากขึ้น ในระหว่างที่เฝ้ารอให้กิจการเติบโตแต่หากใช้ผิดจริตแล้ว แทนที่จะได้เวลาคืนมา ก็จะเสียเวลาเฝ้ามากขึ้นแทน
แน่นอนว่า สำหรับ HFT หากใช้ถูกจริต ก็จะทำกำไรจากความผันผวนได้มหาศาลเช่นกัน แต่ถ้าผิดจริต ก็เจ๊งอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว
ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จ และมีความสุขกับการลงทุนครับ
"In life and business, there are two cardinal sins ... The first is to act precipitously without thought, and the second is to not act at all.” – Carl Icahn
- ซุนเซ็ก
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ได้จากงาน Algorithm Trading
โพสต์ที่ 8
ตลาดทุนมันเต็มไปด้วย Error ทางอารมณ์, Logic อาจใช้ได้ผลในเวลาปกติ
แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบ black swan ขึ้น ระบบพวกนี้มีโอกาสเจ๊งไม่เป็นท่า
อย่างเช่น Long-Term Capital Management ที่ใช้เครื่องมือทางคณิตศาสตร์ ระดับเจ้าของรางวัลโนเบล
หรือ Sir Isaac Newton ที่เจ๊งหุ้น แม้คำนวนดวงดาวได้แต่ไม่สามารถคำนวนความบ้าคลั่งของมนุษย์
แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบ black swan ขึ้น ระบบพวกนี้มีโอกาสเจ๊งไม่เป็นท่า
อย่างเช่น Long-Term Capital Management ที่ใช้เครื่องมือทางคณิตศาสตร์ ระดับเจ้าของรางวัลโนเบล
หรือ Sir Isaac Newton ที่เจ๊งหุ้น แม้คำนวนดวงดาวได้แต่ไม่สามารถคำนวนความบ้าคลั่งของมนุษย์
ผมไม่ได้อยู่ในเว็บนี้แล้ว, มีอะไรติดต่อได้ทาง FB - 27/9/2555
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ได้จากงาน Algorithm Trading
โพสต์ที่ 10
เป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนเป็นอย่างยิ่งครับ
ที่เมืองนอกเมืองนาเขาใช้กันมานานมากแล้ว
ผมว่าที่ไทยควรสนับสนุนรายย่อยให้เข้าถึงเทคโนโลยีแบบนี้บ้าง
เป็นการติดปีกให้นักลงทุน เพื่อเอาไปต่อกรกับต่างชาติได้อีกด้วยครับ
ใช้ Algorithmic Trading ไม่ได้หมายความว่าจะเป็น VI ไม่ได้นะครับ
ที่เมืองนอกเมืองนาเขาใช้กันมานานมากแล้ว
ผมว่าที่ไทยควรสนับสนุนรายย่อยให้เข้าถึงเทคโนโลยีแบบนี้บ้าง
เป็นการติดปีกให้นักลงทุน เพื่อเอาไปต่อกรกับต่างชาติได้อีกด้วยครับ
ใช้ Algorithmic Trading ไม่ได้หมายความว่าจะเป็น VI ไม่ได้นะครับ
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
-
- Verified User
- โพสต์: 49
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ได้จากงาน Algorithm Trading
โพสต์ที่ 11
เคยฟังคุณลุงโฉลกแห่ง chaloke.com ท่านชี้ให้เห็นว่า ถ้าเราต้องการต่อสู้ให้มีโอกาสชนะมากๆ
เราจะต้องเลือกคู่ต่อสู้และสิ่งแวดล้อมที่เราได้เปรียบ
เท่าที่อ่านดูจากกระทู้นี้เห็นว่า ในวงการ AT รายใหญ่ (เทคโนโลยี+เงิน) ได้เปรียบเต็มๆ คงต้อง
กลับมาพิจารณาสิ่งแวดล้อมที่รายย่อยอย่างเราได้เปรียบ
เราจะต้องเลือกคู่ต่อสู้และสิ่งแวดล้อมที่เราได้เปรียบ
เท่าที่อ่านดูจากกระทู้นี้เห็นว่า ในวงการ AT รายใหญ่ (เทคโนโลยี+เงิน) ได้เปรียบเต็มๆ คงต้อง
กลับมาพิจารณาสิ่งแวดล้อมที่รายย่อยอย่างเราได้เปรียบ
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สิ่งที่ได้จากงาน Algorithm Trading
โพสต์ที่ 12
ในความคิดคือ
AT มีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี
ถ้าหากใช้ในด้านให้คุณ ก็เป็นคุณ
หากใช้ในด้านไม่ดี ก็มีแต่เสียกับเสีย
แต่อย่างไงก็ตาม ผู้ควบคุมกฏ ก็ยังคงต้องดูแลรายย่อยให้สามารถแข่้งขันกับรายใหญ่ได้ด้วย
ไม่ใช่แพ้อำนาจเงิน ของรายใหญ่ เห็นกงจักรเป็นดอกบัวล่ะ
AT มีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี
ถ้าหากใช้ในด้านให้คุณ ก็เป็นคุณ
หากใช้ในด้านไม่ดี ก็มีแต่เสียกับเสีย
แต่อย่างไงก็ตาม ผู้ควบคุมกฏ ก็ยังคงต้องดูแลรายย่อยให้สามารถแข่้งขันกับรายใหญ่ได้ด้วย
ไม่ใช่แพ้อำนาจเงิน ของรายใหญ่ เห็นกงจักรเป็นดอกบัวล่ะ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1399
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สิ่งที่ได้จากงาน Algorithm Trading
โพสต์ที่ 13
AT ของผมเขียนเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ยังพอใช้หรือเปล่าครับเมื่อเทียบกับเซียนทั้งหลาย
แนบไฟล์
มาคุยกันได้ที่นี่ครับ https://www.facebook.com/value.investing.freedom
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สิ่งที่ได้จากงาน Algorithm Trading
โพสต์ที่ 15
ตอนที่ผมลองไปโหลดมาเล่นดู ใช้ Excel ครับ เขียน VBA macro ติดต่อ
แต่ผมว่า VBA VS Excel มันช้ามาก ถ้ามีช่องทางอื่น ๆ ที่เป็น Standard เช่นบน C/C++ ด้วย น่าจะดีกว่าครับ
เพราะถ้าเป็น C/C++ แล้วอะไรก็พอร์ตเข้ามาได้
แต่ผมว่า VBA VS Excel มันช้ามาก ถ้ามีช่องทางอื่น ๆ ที่เป็น Standard เช่นบน C/C++ ด้วย น่าจะดีกว่าครับ
เพราะถ้าเป็น C/C++ แล้วอะไรก็พอร์ตเข้ามาได้
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"