คุณเชื่อไหมว่า Calculas สามารถใช้ในการวิเคราะห์งบการเงิน

[chatchai]

ผมแทบไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันครับ อาจารย์ ดร.วรศักดิ์ เคยพูดไว้คร่าวๆครับ

ตัวอย่างเช่น มี 2 บริษัทอยู่ในธุรกิจที่ไม่มีฤดูกาลนะครับ มีผลการดำเนินงานรายไตรมาสดังนี้


บริษัท A มีกำไร Q1 10 Q2 20 Q3 30 Q4 40 รวม 100
บริษัท B มีกำไร Q1 40 Q2 30 Q3 20 Q4 10 รวม 100

คุณว่าบริษัทไหนดีกว่ากัน แน่นอนย่อมเป็นบริษัท A ที่มีผลการดำเนินงานเติบโตโดยตลอด ซึ่งการวิเคราะห์แนวโน้มแบบนี้ คุณสามารถใช้วิชา Calculus ช่วยวิเคราะห์ได้ครับ

[kotaro]

วิเคราะห์ยังไงนะครับ ใช้ calculus ต่างยังไงกับ แนวโน้มหรอครับ

ปล ลืมไปหมดแล้วครับ calculus เนี่ยะ

[chatchai]

คุณก็หาสมการลากเส้นกราฟระหว่างผลการดำเนินงานและเวลา จากนั้นคุณก็ Diff สมการดังกล่าว คุณก็จะได้สมการความเร็วนะครับ คล้ายๆกับเรื่องความเร็ว ความเร่ง ระยะทางนะครับ พอนึกกันออกไหมครับ ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจเท่าไร คิดเอาเองว่าน่าจะเป็นลักษณะนี้ สงสัยจะต้องไปเรียนกับอาจารย์อย่างเป็นเรื่องเป็นราวซะก่อนครับ ที่เขียนมานี่เพื่อเป็นการบอกกล่าวว่าวิชาการต่างๆไม่เคยหยุดนิ่ง รวมทั้งหลักการวิเคราะห์งบการเงินก็เช่นกัน เราจะใช้หลักเดิมๆอาจจะไม่เพียงพอ

[ปีเตอร์ ชาง]

เรียกว่า โมเมนตัมของผลประกอบการได้ป่ะครับ คุณฉัตร

[Banchap]

คงเป็นเรื่องของ กำไรที่จะเปลี่ยนไปต่อหนึ่งหน่วยเวลา กระมัง
บริษัท A คงเป็น +10/ไตรมาส ทิศทางเพิ่มขึ้น
บริษัท B คงเป็น -10/ไตรมาส ทิศทางลดลง
ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกไหมครับ

[CK]

จริงๆแล้วใช้ applied calculus มากกว่ามังครับ เพราะ diff. equation
เหมาะกับจำนวนข้อมูลมากๆที่ y = f(x) ที่ทั้ง x และ y เป็น real
number มากกว่า แต่ไอเดียก็น่าสนใจดีครับ น่าจะเอามาประยุกต์
เล่นๆได้

ซึ่งผมว่าน่าจะใช้ฟังก์ชั่น growth ทางสถิติ ซึ่งคำนวณแนวโน้มการ
เติบโตจากข้อมูลย้อนหลังได้อย่างเป็นรูปธรรมมากกว่า แต่ข้อเสีย
คือกลุ่มตัวอย่างไม่สามารถมีค่าติดลบได้ ซึงตอนฟองสบู่แตกมี
หลายบริษัทที่ผลการดำเนินงานเป็นลบ ทำให้เวลาใช้ Excel คำนวณ
มันไม่ยอมโชว์ตัวเลข

[Jeng]

สำหรับผมแล้วผมเชื่อ concept นี้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะทุกครั้งที่จะซื้อ ต้องดู EPS Growth 10 ปีซ้อน

มีหลายบริษัทที่ผมพลาดโอกาสไป เพราะ EPS 10 ปีไม่โต ขึ้น

หลายบริษัทจริงๆ แต่ก็ยังยึดมั่นในหลักการ

เพราะเชื่อเรื่อง แนวโน้มจริงๆครับ

[vudhipong]

น่าสนใจครับ

[someOne]

ผมคิดว่าน่าจะใช้ Differential Equation ที่เป็นแบบ linear มั้งครับ แล้วก็ใส่พวกตัวพารามิเตอร์ที่เราคิดว่าจะมีผลต่อการเติบโตของบริษัท
แล้วก็ใช้ calculus ในการหาอัตราการเปลี่ยนแปลงทำนายแนวโน้ม

[ktp]

ดีครับ นำเสนอวิธีการต่างๆที่จะนำมาช่วยการวิเคราะห์ให้ดีขึ้น

[chatchai]

จริงๆแล้ว วิชา Calculus ของผมที่เรียนสมัยปริญญาตรีเมื่อ 10 กว่าปีก่อนก็คืนอาจารย์เกือบหมดแล้ว ที่ผมเขียนมาก็เพราะเห็นว่ามันแปลก อาจารย์วรศักดิ์ก็พูดเพียงแค่ผิวเผินครับ

[someOne]

จริงๆแล้วผมมีโครงการ(ที่ไม่รู้ว่าจะทำเมื่อไหร่ :lol: ) เกี่ยวกับการวิเคราะห์ปัจจัยทางพื้นฐานของหุ้นครับ โดยใช้ความรู้ทางคอมพิวเตอร์ทางด้าน Data mining ครับอาจจะมีหลายๆคนที่ยังไม่รู้จักคำว่า data mining นะครับ ผมจะเล่าคร่าวๆ ให้ฟัง
Data mining ก็ตรงตามชื่อหละครับ คล้ายๆ กับมีเหมืองข้อมูล แล้วเราก็เอาเครื่องมือไปขุดๆๆๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลขึ้นมา วิธีการนี้เป็นแนวทางหนึ่งของสายนักคอมพิวเตอร์ครับ เป็นการนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ เมื่อวิเคราะห์เสร็จแล้วเราก็จะได้ความรู้ หรือสามารถ predict สิ่งต่างๆ ได้ครับ และวิธีการนี้สามารถนำไปใช้ประยุกต์ด้านทาง Commercial หรือการพาณิชย์อย่างมากในปัจจุบัน(โดยเฉพาะในต่างประเทศ)

ผมก็เลยมีแนวความคิดว่าจะลองทำ Software มาซักตัวนึงโดยใช้ความรู้ทางด้าน Data mining นี่แหละมาช่วยในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทต่างๆ ว่ามีความน่าลงทุนมากแค่ไหน

นี่ก็เป็นเพียงโครงการคร่าวๆ ครับซึ่งยังอีกไกลมาก เพราะตอนนี้ผมยังไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้โดยตรง ต้องไปเรียนต่อ ป.โท ป.เอก โน่นหละครับ ถึงจะคงมีวิชาพอที่จะเริ่มทำมันได้

แค่อยากให้รู้โครงการคร่าวๆ เท่านี้แหละครับ ไม่มีอะไรมาก :lol:



ถ้าเริ่มทำเมื่อไหร่จะมาบอกแล้วกันครับ(ไม่รู้ว่าอีกกี่ 10 ปี :lol: )

[ธัชกร]

เอาวันแรกที่เข้าตลาดมาคำนวณ โดยใช้เวลาตลาดเปิด (ประมาณ 10 โมง) เอามาใช้ดู tmb แล้วมันตรง
เรื่องนี้ยังอยู่ในระหว่างการค้นคว้า เพราะผมยังดู uranian ไม่ค่อยเป็น

[chatchai]

ไม่เข้าใจเลยครับ คุณธัชกร

[Mon money]

ลงหม้อหมดแล้วครับ

[ธัชกร]

เหมือนกับดูดวงคนเลยครับ เพียงแต่เวลาเกิดของหุ้นก้อคือวันที่เข้าตลาด และใส่เวสาตลาดเปิด 10 โมงเป็นเวลาเกิดของหุ้น

[utto]

มุขคุณธัชกร นี่เยี่ยมจริงๆ 555

[ayethebing]

ใช้ร่อนหุ้นน่าจะได้ ใช้ตัดสินใจซื้อคงไม่ได้มั้งครับ

ผมยังเชื่อว่าข้อมูลเชิงคุณภาพเป็นข้อมูลที่ต้องใช้ในการตัดสินใจมากกว่าข้อมูลเชิงปริมาณครับ