มุมมองของ Valueinvestor กับธุรกิจ MLM
- PRO_BABY
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1584
- ผู้ติดตาม: 0
มุมมองของ Valueinvestor กับธุรกิจ MLM
โพสต์ที่ 1
มุมมองของนักลงทุนแต่ละท่านกับธุรกิจเครือข่ายครับ ว่าทำให้มีอิสระภาพทางการเงินจริงหรือไม่ ถือว่าเป็นการลงทุนได้ไหมครับถ้าร่วมธุรกิจ แล้วถือว่าเป็นธุรกิจที่เอาเปรียบคนไหม ปัจจุบันตลาดธุรกิจเครือข่ายน่าจะประมาณ 50000-60000 ล้านครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
มุมมองของ Valueinvestor กับธุรกิจ MLM
โพสต์ที่ 2
MLM แปลว่าอะไรครับ?
I do not sleep. I dream.
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
มุมมองของ Valueinvestor กับธุรกิจ MLM
โพสต์ที่ 5
เรื่อง MLM นี่พอๆกับเรื่องเหล้าเข้าตลาดเลย
อืม MLM เป็นเรื่องที่ตั้งอยู่บนความขัดแย้ง และมุมมองที่แตกต่าง
เอาเป็นว่า ถ้าถามว่าทำให้มีอิสรภาพทางการเงินได้จริงหรือไม่ คำตอบคือจริง
ยกตัวอย่างเช่นคุณวิทัติ พรจะเด็ด แห่ง amway ระหว่างที่เป็น มงกุฎทูต มีรายได้ปีนึงก็ประมาณ 7-8 ล้านยังไม่หัค่าใช้จ่าย ก็ยังสามารถไปเรียนจนกระทั่งจบดร.ได้
เรื่องนี้สามารถตรวจสอบได้จากงบที่ส่งสรรพากร เนื่องจากธุรกิจ แอมเวย์หลบภาษีไม่ได้ คล้ายๆธุรกิจประกัน
( ผมไม่ได้ทำแอ่มแอ๊ม นะครับ )
...............................................................................................
ส่วนเรื่องที่ว่า มีกี่คนหละที่ประสบความสำเร็จ ที่เห็นก็น้อยมาก แล้วก็ไปสร้างให้ดูเหมือนเป็นเทพเจ้า ให้คนอีกนับหมื่น ต้องเดินตาม ว่าสักวัน ฉันจะได้เป็นแบบนั้น มันจะคุ้มหรือกับความพยายาม กับความทุ่มเท ที่ลงไปแล้วไม่ได้อะไรเลย
...............................................................................................
คำตอบ MLM นี่ผมว่า ก็เป็นธุรกิจแบบนึง มีได้มีเสีย ธุรกิจอื่นๆก็เหมือนกันแหละ
ยกตัวอย่าง โรงหนัง ทั้งประเทศไทย มีกี่คนที่อยากจะเป็นเจ้าของโรงหนังเยอะๆอย่าง major ความทุ่มเทความพยายามทั้งหมดของคนอีกกี้ร้อย กี่พัน ที่ต้องพังทลายไป เพราะในที่สุด ณ. ปัจจุบัน เมเจอร์ คลองยอดขาย 80 % SF 18 % ที่เหลือ รวมกัน 2 %
..............................................................................................
อืม เอาเป็นว่า ถ้าอยากรู้เรื่อง MLM ผมตอบได้เรื่อยๆ มีอะไรก็ถามมาละกัน
อืม MLM เป็นเรื่องที่ตั้งอยู่บนความขัดแย้ง และมุมมองที่แตกต่าง
เอาเป็นว่า ถ้าถามว่าทำให้มีอิสรภาพทางการเงินได้จริงหรือไม่ คำตอบคือจริง
ยกตัวอย่างเช่นคุณวิทัติ พรจะเด็ด แห่ง amway ระหว่างที่เป็น มงกุฎทูต มีรายได้ปีนึงก็ประมาณ 7-8 ล้านยังไม่หัค่าใช้จ่าย ก็ยังสามารถไปเรียนจนกระทั่งจบดร.ได้
เรื่องนี้สามารถตรวจสอบได้จากงบที่ส่งสรรพากร เนื่องจากธุรกิจ แอมเวย์หลบภาษีไม่ได้ คล้ายๆธุรกิจประกัน
( ผมไม่ได้ทำแอ่มแอ๊ม นะครับ )
...............................................................................................
ส่วนเรื่องที่ว่า มีกี่คนหละที่ประสบความสำเร็จ ที่เห็นก็น้อยมาก แล้วก็ไปสร้างให้ดูเหมือนเป็นเทพเจ้า ให้คนอีกนับหมื่น ต้องเดินตาม ว่าสักวัน ฉันจะได้เป็นแบบนั้น มันจะคุ้มหรือกับความพยายาม กับความทุ่มเท ที่ลงไปแล้วไม่ได้อะไรเลย
...............................................................................................
คำตอบ MLM นี่ผมว่า ก็เป็นธุรกิจแบบนึง มีได้มีเสีย ธุรกิจอื่นๆก็เหมือนกันแหละ
ยกตัวอย่าง โรงหนัง ทั้งประเทศไทย มีกี่คนที่อยากจะเป็นเจ้าของโรงหนังเยอะๆอย่าง major ความทุ่มเทความพยายามทั้งหมดของคนอีกกี้ร้อย กี่พัน ที่ต้องพังทลายไป เพราะในที่สุด ณ. ปัจจุบัน เมเจอร์ คลองยอดขาย 80 % SF 18 % ที่เหลือ รวมกัน 2 %
..............................................................................................
อืม เอาเป็นว่า ถ้าอยากรู้เรื่อง MLM ผมตอบได้เรื่อยๆ มีอะไรก็ถามมาละกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 577
- ผู้ติดตาม: 0
มุมมองของ Valueinvestor กับธุรกิจ MLM
โพสต์ที่ 6
MLM เริ่มต้นจากการเป็นตลาดเอง(ใช้สินค้าก่อน) แล้ว หาตลาดเอง แล้วหลังจากมีตลาดของตัวเอง รายได้ก็จะเป็นส่วนแบ่ง เป็นเปอร์เซ็นต์จาก ตลาดนั้น ยิ่งสร้างตลาดได้ใหญ่ รายได้ก็สูงตาม (ซึ่งผลตอบแทนก็ขึ้นอยู่กับสมการ ของแต่ละเจ้า)
เปรียบเทียบคล้ายกับ การปันผลของบริษัท ที่นำเงินปันผลมาจาก กำไรทีบริษัททำได้ เพราะเป็นการแบ่งปันจากตลาดของบริษัทที่ทำได้ ยงตัวอย่าง Nuskin กับ Amway ที่ผลตอบแทนรายได้ที่ต่างกัน
ในรูปแบบของค่าเช่า ดอกเบี้ยธนาคาร ก็มีลักษณะคล้าย ๆ กัน เพราะ ถ้ามองตลาดเป็นทรัพย์สินที่สร้างรายได้ ตึกให้เช่า ร้านโชห่วย ใบหุ้น เงินฝากธนาคาร ก็สามารถสร้างรายได้ ที่เกินกว่ารายจ่าย กลายเป็นมีอิสรภาพทางการเงินได้
รายรับมากกว่ารายจ่าย เกิดเป็นเงินเหลือ เงินที่เหลือ นำไปลงทุนเพื่อเปิดโอกาสให้มีรายได้มากขึ้น ก่อให้เกิดเงินที่เหลือมากขึ้น แล้วนำไปลงทุนต่อ หมุนเวียนเติบโตไปเรื่อย ๆ
จำนวนผู้สำเร็จในแบบของ amway => ถ้าจำไม่ผิด เมื่อปี 2545 หรือ 2546 amway สมาชิก 200,000 กว่าคนทัวประเทศไทย มีจำนวนตั้งแต่ระดับ มรกต ขึ้นไป 4000 - 5000 คน ก็คิดว่าประมาณ 2.5% สมาชิกที่เหลือ ก็กลายเป้นตลาด ให้ 2.5% ทั้งหมด (เพราะอย่างน้อยการเป็นสมาชิก ก็ย่อมใช้สินค้าของ amway)
ที่มีคนรู้สึกในด้านดีและลบ ส่วนใหญ่เป็นเพราะ การพยายามสร้างตลาดของสมาชิก ที่ค่อนข้าง ตั้งใจเกินพอเหมาะ ก็เลยทำให้มีคนไม่ชอบอยู่พอสมควร และทัศนคติ ที่ดูถูกอาชีพอื่น (เพราะเท่าที่ผมเจอมา น้อยมากที่จะชื่นชมอาชีพอื่น)
และสำหรับนายจ้างที่มีลูกน้องที่ทำ MLM ก็คิดว่าน่าปวดหัวเหมือนกัน เพราะ บางครั้งทำเกินความพอดี จนลืมไปว่าตัวเองมีงานประจำที่รับผิดชอบอยู่ ส่งผลให้ผลงานที่ออกมาไม่ดี หรือแย่ไปเลย แต่นายจ้างก็คงต้องพยายามเข้าใจว่า คนถ้ามีโอกาสหารายได้เสริม ยังไงก็ต้องมีเหตุการณ์อย่างนี้ ให้เจอ
ไม่ว่าจะป็น MLM ยี้ห้อใหน จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ก็คงขึ้นกับสินค้า เป็นหลักครับ ส่วนตัวผมคงไม่เข้าไปทำครับ (เพราะรู้สึกว่า การอยู่ข้างนอก MLM เห็นโอกาสอะไรมากกว่าการเข้าไปในสนามของ MLM) แต่ถ้าเป็นสินค้าก็คงซื้อถ้ามันคุ้มกว่า ยิ่งถ้าเป็นของคนไทย (หรือเอาสินค้าของไทยมากระจาย) ก็สนับสนุนครับ
เปรียบเทียบคล้ายกับ การปันผลของบริษัท ที่นำเงินปันผลมาจาก กำไรทีบริษัททำได้ เพราะเป็นการแบ่งปันจากตลาดของบริษัทที่ทำได้ ยงตัวอย่าง Nuskin กับ Amway ที่ผลตอบแทนรายได้ที่ต่างกัน
ในรูปแบบของค่าเช่า ดอกเบี้ยธนาคาร ก็มีลักษณะคล้าย ๆ กัน เพราะ ถ้ามองตลาดเป็นทรัพย์สินที่สร้างรายได้ ตึกให้เช่า ร้านโชห่วย ใบหุ้น เงินฝากธนาคาร ก็สามารถสร้างรายได้ ที่เกินกว่ารายจ่าย กลายเป็นมีอิสรภาพทางการเงินได้
รายรับมากกว่ารายจ่าย เกิดเป็นเงินเหลือ เงินที่เหลือ นำไปลงทุนเพื่อเปิดโอกาสให้มีรายได้มากขึ้น ก่อให้เกิดเงินที่เหลือมากขึ้น แล้วนำไปลงทุนต่อ หมุนเวียนเติบโตไปเรื่อย ๆ
จำนวนผู้สำเร็จในแบบของ amway => ถ้าจำไม่ผิด เมื่อปี 2545 หรือ 2546 amway สมาชิก 200,000 กว่าคนทัวประเทศไทย มีจำนวนตั้งแต่ระดับ มรกต ขึ้นไป 4000 - 5000 คน ก็คิดว่าประมาณ 2.5% สมาชิกที่เหลือ ก็กลายเป้นตลาด ให้ 2.5% ทั้งหมด (เพราะอย่างน้อยการเป็นสมาชิก ก็ย่อมใช้สินค้าของ amway)
ที่มีคนรู้สึกในด้านดีและลบ ส่วนใหญ่เป็นเพราะ การพยายามสร้างตลาดของสมาชิก ที่ค่อนข้าง ตั้งใจเกินพอเหมาะ ก็เลยทำให้มีคนไม่ชอบอยู่พอสมควร และทัศนคติ ที่ดูถูกอาชีพอื่น (เพราะเท่าที่ผมเจอมา น้อยมากที่จะชื่นชมอาชีพอื่น)
และสำหรับนายจ้างที่มีลูกน้องที่ทำ MLM ก็คิดว่าน่าปวดหัวเหมือนกัน เพราะ บางครั้งทำเกินความพอดี จนลืมไปว่าตัวเองมีงานประจำที่รับผิดชอบอยู่ ส่งผลให้ผลงานที่ออกมาไม่ดี หรือแย่ไปเลย แต่นายจ้างก็คงต้องพยายามเข้าใจว่า คนถ้ามีโอกาสหารายได้เสริม ยังไงก็ต้องมีเหตุการณ์อย่างนี้ ให้เจอ
ไม่ว่าจะป็น MLM ยี้ห้อใหน จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ก็คงขึ้นกับสินค้า เป็นหลักครับ ส่วนตัวผมคงไม่เข้าไปทำครับ (เพราะรู้สึกว่า การอยู่ข้างนอก MLM เห็นโอกาสอะไรมากกว่าการเข้าไปในสนามของ MLM) แต่ถ้าเป็นสินค้าก็คงซื้อถ้ามันคุ้มกว่า ยิ่งถ้าเป็นของคนไทย (หรือเอาสินค้าของไทยมากระจาย) ก็สนับสนุนครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 314
- ผู้ติดตาม: 0
มุมมองของ Valueinvestor กับธุรกิจ MLM
โพสต์ที่ 7
ส่วนตัวไม่รังเกียจครับ มีคนที่น่านับถือทำอยู่พอสมควร แต่ไม่ชอบเป้าหมายที่เอามาตั้งให้เช่น บ้าน รถ อื่นๆ และคิดว่าถ้าทำสำเร็จก็ยังไม่ภูมิใจเท่าธุรกิจที่เราสร้างเอง ใช้สินค้าเขาบ้างบางตัวที่เห็นว่าคุ้ม แต่ก็ยินดีจะตีจากถ้าเห็นว่าอย่างอื่นคุ้มกว่า :lol:
- PRO_BABY
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1584
- ผู้ติดตาม: 0
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
มุมมองของ Valueinvestor กับธุรกิจ MLM
โพสต์ที่ 9
เอาตัวเลขมาดูกันเล็กน้อย
MLM เปิดมาแล้ว 80 กว่าปี
เมื่อนำยอดขาย ทุกบริษัทในโลกมารวมกัน ปรากฎว่า MLM ทั้งโลก ( รวม direct sale ) มียอดขาย ประมาณ 80 พันล้านยูเอสดอล่า ( ที่มา www.dsa.org ) ซึ่ง ไม่น่าเชื่อเลย เพราะยอดขายนี้เท่ากับ ยอดขายของ IBM เพียงบริษัทเดียว
เพราะฉะนั้น ถ้ามองแบบเป็นกลาง ธุรกิจ MLM เป็นธุรกิจที่ทำยากมาก มองแบบการเป็นเจ้าของธุรกิจนะครับ
มีหลายบริษัทในเมืองไทย ที่พยายามทำ MLM แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
เพราะหลักๆ ของความเสี่ยง คือการที่ผู้นำในบริษัทนั้นๆ ย้ายค่าย
.............................................................................................................
MLM เปิดมาแล้ว 80 กว่าปี
เมื่อนำยอดขาย ทุกบริษัทในโลกมารวมกัน ปรากฎว่า MLM ทั้งโลก ( รวม direct sale ) มียอดขาย ประมาณ 80 พันล้านยูเอสดอล่า ( ที่มา www.dsa.org ) ซึ่ง ไม่น่าเชื่อเลย เพราะยอดขายนี้เท่ากับ ยอดขายของ IBM เพียงบริษัทเดียว
เพราะฉะนั้น ถ้ามองแบบเป็นกลาง ธุรกิจ MLM เป็นธุรกิจที่ทำยากมาก มองแบบการเป็นเจ้าของธุรกิจนะครับ
มีหลายบริษัทในเมืองไทย ที่พยายามทำ MLM แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
เพราะหลักๆ ของความเสี่ยง คือการที่ผู้นำในบริษัทนั้นๆ ย้ายค่าย
.............................................................................................................
-
- Verified User
- โพสต์: 857
- ผู้ติดตาม: 0
มุมมองของ Valueinvestor กับธุรกิจ MLM
โพสต์ที่ 10
ในแง่ทำให้มีอิสรภาพทางการเงิน ขอตอบว่าเป็นจริงได้ทุกอาชีพครับ ทุกอาชีพย่อมมีคนที่ประสบความสำเร็จอยู่หยิบมือหนึ่ง แต่อาชีพที่สร้างภาพว่าประสบความสำเร็จได้ง่ายได้เร็วนี่ยกให้ MLM กับประกัน
มองในแง่ธุรกิจ MLM ก็คงเหมือนการค้าทั่วไปครับ เพียงแต่ไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนโฆษณาและหน้าร้าน แต่ไปหนักตรงค่าพนักงานขาย และหลาย ๆ ตัวนี่ผมว่าราคาขายเวอร์มากถ้าเทียบกับต้นทุน แต่บางอย่างก็โอเค
MLM กับประกันมีปัญหาเรื่องภาพพจน์มาก ก็เพราะเน้นรับพนักงานขายแหลกลาญ ผมเคยไปฟังสัมมนาของทั้งสองอาชีพ หลาย ๆ งานฟังแล้วบอกตรง ๆ ว่า "ทุเรศ" มากครับ เน้นขาย หลอกขาย ฟันอย่างเดียว รู้ว่าลูกค้าเข้าใจผิดก็ปล่อยเลยตามเลย แถมคนฟังก็เฮลั่นเวลาขายแบบลูกค้าไม่รู้เรื่องได้
แต่สัมมนาบางอันก็ใช้ได้นะครับ ให้ความรู้ดี ปัญหาอยู่ที่คุณภาพและจิตสำนึกของพนักงานขาย (โดยเฉพาะระดับพวกขายดี ๆ หลาย ๆ คน)
สรุปว่าถ้าจะทำก็คิดว่าเป็นอาชีพและยึดจรรยาบรรณหน่อย และที่สำคัญ "ทำใจ" รับ bad image จากคนรอบข้าง จนกว่าน้ำดีในวงการจะเยอะกว่าน้ำเสียมาก ๆ (จะมีวันนั้นเปล่าหว่า)
มองในแง่ธุรกิจ MLM ก็คงเหมือนการค้าทั่วไปครับ เพียงแต่ไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนโฆษณาและหน้าร้าน แต่ไปหนักตรงค่าพนักงานขาย และหลาย ๆ ตัวนี่ผมว่าราคาขายเวอร์มากถ้าเทียบกับต้นทุน แต่บางอย่างก็โอเค
MLM กับประกันมีปัญหาเรื่องภาพพจน์มาก ก็เพราะเน้นรับพนักงานขายแหลกลาญ ผมเคยไปฟังสัมมนาของทั้งสองอาชีพ หลาย ๆ งานฟังแล้วบอกตรง ๆ ว่า "ทุเรศ" มากครับ เน้นขาย หลอกขาย ฟันอย่างเดียว รู้ว่าลูกค้าเข้าใจผิดก็ปล่อยเลยตามเลย แถมคนฟังก็เฮลั่นเวลาขายแบบลูกค้าไม่รู้เรื่องได้
แต่สัมมนาบางอันก็ใช้ได้นะครับ ให้ความรู้ดี ปัญหาอยู่ที่คุณภาพและจิตสำนึกของพนักงานขาย (โดยเฉพาะระดับพวกขายดี ๆ หลาย ๆ คน)
สรุปว่าถ้าจะทำก็คิดว่าเป็นอาชีพและยึดจรรยาบรรณหน่อย และที่สำคัญ "ทำใจ" รับ bad image จากคนรอบข้าง จนกว่าน้ำดีในวงการจะเยอะกว่าน้ำเสียมาก ๆ (จะมีวันนั้นเปล่าหว่า)
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
มุมมองของ Valueinvestor กับธุรกิจ MLM
โพสต์ที่ 11
สมมติว่ามองในฐานะนักลงทุนผู้ถือหุ้นหละครับ และสมมติว่าเป็นสินค้าแบรนด์เนมทั่วไป ไม่จำกัดว่าต้องเป็นสินค้าของตนเองเท่านั้น และสมมติอีกว่าเปิดช่องทางในการขายไปในรูปแบบอื่นด้วย ไม่จำเพาะสมาชิกเดินขายอย่างเดียว ธุรกิจแบบนี้จะน่าสนใจไหมครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 857
- ผู้ติดตาม: 0
มุมมองของ Valueinvestor กับธุรกิจ MLM
โพสต์ที่ 12
คงไม่ใช่จุดที่นักลงทุนจะมองมั้งครับว่าเป็น MLM หรือใช้วิธีขายแบบไหน นักลงทุนน่าจะมองจากแนวโน้มธุรกิจและผลกำไรมากกว่า คงไม่มีใครสนหรอกครับว่าใช้วิธีไหนขายสามัญชน เขียน:สมมติว่ามองในฐานะนักลงทุนผู้ถือหุ้นหละครับ และสมมติว่าเป็นสินค้าแบรนด์เนมทั่วไป ไม่จำกัดว่าต้องเป็นสินค้าของตนเองเท่านั้น และสมมติอีกว่าเปิดช่องทางในการขายไปในรูปแบบอื่นด้วย ไม่จำเพาะสมาชิกเดินขายอย่างเดียว ธุรกิจแบบนี้จะน่าสนใจไหมครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 226
- ผู้ติดตาม: 0
มุมมองของ Valueinvestor กับธุรกิจ MLM
โพสต์ที่ 14
ขอมองในมุมของพ่อรวยสอนลูกนะครับ
การตลาดเครือข่ายที่เราสร้างขึ้นมาซึ่งถือได้ว่าเป็นสินทรัพย์อย่างหนึ่ง เพราะสร้างรายได้ให้กับเรา ถ้าทำจนกระทั่งรายได้มากกว่ารายจ่ายต่อเดือนของเรา ก็จะทำให้เราเป็นอิสระทางการเงินได้
ปัญหาอยู่ที่การทำจนถึงจุดที่ว่านั้นไม่ใช่เรื่่องง่ายและไม่ใช่ว่าจะทำได้ทุกคนอย่างที่อวดอ้างกัน
หนังสือพ่อรวยสอนลูกให้แนวคิดไว้ แต่ไม่ได้เจาะจงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งโดยเฉพาะ ผู้อ่านต้องเลือกการสร้างสินทรัพย์ตามแนวทางที่เหมาะสมของตนเอง
ผมเคยเจอคนที่อ่านเล่มนี้แล้วพยายามเก็บตังค์ไปซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่า แต่ไม่รู้เรื่องธุรกิจการเช่าบ้านเลย ไม่รู้ว่าควรเลือกทำเลอย่างไร บ้านแบบไหน สำหรับผมแล้วเขาคือคนที่ตีโจทย์ไม่แตก
สำหรับผม - MLM ที่อวดอ้างหนังสือเล่มนี้ก็เหมือนกัน
ดังนั้นต่อคำถามที่ว่า ถือเป็นการลงทุนไหม ถ้าถือตามหนังสือพ่อรวยสอนลูก ก็ต้องถามกลับว่า ขณะที่เข้าสู่ธุรกิจ MLM เราเน้นอะไร ระหว่างการขายของกับการสร้างเครือข่าย ถ้าเน้นขายของก็ไม่ใช่ Investor ตามหนังสือ แต่ถ้าเน้นการสร้างเครือข่ายก็ถือว่าใช่ครับ
คำถามต่อมาว่าเอาเปรียบไหม แสดงว่าคุณ PRO_BABY คงตะขวิดตะขวงใจในธุรกิจนี้ ผมเห็นว่าจะเป็นการเอาเปรียบถ้าหากว่าเราพยายามสร้างความเข้าใจผิดให้กับผู้คน เพื่อผลประโยชน์ของเรา (สินค้าหลายตัวราคาเกินจริงไปมาก)
เป็นความคิดส่วนตัวนะครับ สำหรับผม MLM ไม่ใช่สินทรัพย์ที่ผมสนใจจะสร้างครับ
การตลาดเครือข่ายที่เราสร้างขึ้นมาซึ่งถือได้ว่าเป็นสินทรัพย์อย่างหนึ่ง เพราะสร้างรายได้ให้กับเรา ถ้าทำจนกระทั่งรายได้มากกว่ารายจ่ายต่อเดือนของเรา ก็จะทำให้เราเป็นอิสระทางการเงินได้
ปัญหาอยู่ที่การทำจนถึงจุดที่ว่านั้นไม่ใช่เรื่่องง่ายและไม่ใช่ว่าจะทำได้ทุกคนอย่างที่อวดอ้างกัน
หนังสือพ่อรวยสอนลูกให้แนวคิดไว้ แต่ไม่ได้เจาะจงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งโดยเฉพาะ ผู้อ่านต้องเลือกการสร้างสินทรัพย์ตามแนวทางที่เหมาะสมของตนเอง
ผมเคยเจอคนที่อ่านเล่มนี้แล้วพยายามเก็บตังค์ไปซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่า แต่ไม่รู้เรื่องธุรกิจการเช่าบ้านเลย ไม่รู้ว่าควรเลือกทำเลอย่างไร บ้านแบบไหน สำหรับผมแล้วเขาคือคนที่ตีโจทย์ไม่แตก
สำหรับผม - MLM ที่อวดอ้างหนังสือเล่มนี้ก็เหมือนกัน
ดังนั้นต่อคำถามที่ว่า ถือเป็นการลงทุนไหม ถ้าถือตามหนังสือพ่อรวยสอนลูก ก็ต้องถามกลับว่า ขณะที่เข้าสู่ธุรกิจ MLM เราเน้นอะไร ระหว่างการขายของกับการสร้างเครือข่าย ถ้าเน้นขายของก็ไม่ใช่ Investor ตามหนังสือ แต่ถ้าเน้นการสร้างเครือข่ายก็ถือว่าใช่ครับ
คำถามต่อมาว่าเอาเปรียบไหม แสดงว่าคุณ PRO_BABY คงตะขวิดตะขวงใจในธุรกิจนี้ ผมเห็นว่าจะเป็นการเอาเปรียบถ้าหากว่าเราพยายามสร้างความเข้าใจผิดให้กับผู้คน เพื่อผลประโยชน์ของเรา (สินค้าหลายตัวราคาเกินจริงไปมาก)
เป็นความคิดส่วนตัวนะครับ สำหรับผม MLM ไม่ใช่สินทรัพย์ที่ผมสนใจจะสร้างครับ
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
มุมมองของ Valueinvestor กับธุรกิจ MLM
โพสต์ที่ 15
ข้อได้เปรียบของแอมเวย์คือ ไม่ต้องเปิดร้านขาย ไม่ต้องเช่าร้าน ไม่ต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานขาย แต่ได้พนักงานที่มุ่งมั่นจำนวนมาก (ข้อเสียของความมุ่งมั่นคือก่อให้เกิดความรำคาญต่อลูกค้า)ทำให้ต้นทุนขายลดลงพอสมควร (แต่ก็ต้องชดเชยโดยการจ่ายเงินประจำให้พนักงานระดับมรกตขึ้นไป ชั่วลูกชั่วหลาน)
วิธีขายที่แตกต่างกันมีผลต่อต้นทุนการขาย ขายทางอินเตอร์เนต ต้นทุนย่อมไม่เท่ากับเปิดร้านขาย ซึ่งจะสะท้อนมาที่ระดับกำไรและส่งผลต่อแนวโน้มธุรกิจในอนาคต
แนวคิดแบบนี้ เห็นมีคนเอามาใช้ในเมืองไทยหลายบริษัททีเดียว mistine ก็น่าจะคล้ายๆกัน avon ก็ใช่
อนาคตอาจมีหุ้นทำนองนี้หลายๆตัวในตลาดหลักทรัพย์ เลยอยากรู้ไว้เผื่อต้องเจอในอนาคต เพราะว่าลักษณะธุรกิจเข้าได้กับพฤติกรรมขี้เกรงใจของคนไทยจังเลย
วิธีขายที่แตกต่างกันมีผลต่อต้นทุนการขาย ขายทางอินเตอร์เนต ต้นทุนย่อมไม่เท่ากับเปิดร้านขาย ซึ่งจะสะท้อนมาที่ระดับกำไรและส่งผลต่อแนวโน้มธุรกิจในอนาคต
แนวคิดแบบนี้ เห็นมีคนเอามาใช้ในเมืองไทยหลายบริษัททีเดียว mistine ก็น่าจะคล้ายๆกัน avon ก็ใช่
อนาคตอาจมีหุ้นทำนองนี้หลายๆตัวในตลาดหลักทรัพย์ เลยอยากรู้ไว้เผื่อต้องเจอในอนาคต เพราะว่าลักษณะธุรกิจเข้าได้กับพฤติกรรมขี้เกรงใจของคนไทยจังเลย
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 479
- ผู้ติดตาม: 0
มุมมองของ Valueinvestor กับธุรกิจ MLM
โพสต์ที่ 16
mlm เป็นธุรกิจแบบหนึ่งที่ถ้าทำได้ถึงจุดสำเร็จได้จริงๆๆ ก้อจะทำให้มีรายได้โดยเราไม่ต้องลงแรงเอง แต่กว่าจะถึงจุดนั้นๆๆๆได้ เป็นเรื่องง่ายๆๆแต่ไม่หมูอย่างที่คิดหรอกครับ ถึงเค้าจะชวนเชื่อว่าคุณไม่ต้องขายของ สร้างแต่เครือข่าย แต่จริงๆๆคุณเองนั้นล่ะที่ต้องเริ่มขายของก่อนเพื่อให้คนอื่นๆๆ ตามมา และคุณก้อจะได้เจอกับปัญหาต่างๆๆ เพื่อเวลาลูกทีมเจอคุณจะสามารถช่วยเหลือได้ เค้าก้อให้ค่าตอบแทนคุณตรงนั้นล่ะ การขายของกับคนนึงซึ่งเค้าอาจใช้ของอีกอย่างมาไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเค้าไม่เกรงใจช่วยซื้อ
คนเราต่างก้อมีความถนัดในด้านต่างๆๆกันไปครับ มันขึ้นกับความคิดและการวิเคราะห์ศึกษาเองดีกว่าว่ามันจะดีกับคุณไหม แต่ก้อให้ระวังระบบหลอกลวงให้มากๆๆน่ะครับ และการซื้อของมาตุนไว้ตามที่อัพไลน์แนะนำก้อไม่สมควรถ้าคุณไม่มีความจำเป็นต้องใช้ คุณเองก้ออาจเสียเงินไปเปล่าๆๆ
*****
- tk
- Verified User
- โพสต์: 343
- ผู้ติดตาม: 0
มุมมองของ Valueinvestor กับธุรกิจ MLM
โพสต์ที่ 17
ผมเองก็ทำธุรกิจนี้อยู่ ยินดีเล่าให้ฟังถ้าท่านสนใจ เน้นที่ระบบที่สอนแนวคิดของผู้ประกอบการ ไม่มีการตื้อให้คนรำคาญ สินค้าก็เหมือนกัน ทำหน้าที่เสนอข้อมูล ให้ลูกค้าตัดสินใจเองครับ ผมเน้นที่สร้างเครือข่ายผู้บริโภคให้มีการใช้ซ้ำ ไม่มีการชักชวนให้ลูกค้าซื้อเพราะเกรงใจ ถ้าสินค้าดีจริง ลูกค้าก็จะซื้อต่อเนื่อง เกิดเป็นรายได้ที่มั่นคง ไปสู่อิสรภาพทางการเงินได้แน่นอน แต่ต้องทำให้ถูกวิธีครับ
พรสวรรค์หรือจะสู้พรแสวง
พรสวรรค์หรือจะสู้พรขยัน
พรสวรรค์หรือจะสู้พรขยัน
-
- Verified User
- โพสต์: 363
- ผู้ติดตาม: 0
มุมมองของ Valueinvestor กับธุรกิจ MLM
โพสต์ที่ 18
เมื่อวานผมเพิ่งไปคุยกับเพื่อนที่ทำธุรกิจนี้
เกรงใจเลยต้องไป และก็เอาหนังสือกับเทปไปคืนด้วย
(จะได้ไม่ต้องมีข้ออ้างนัดเจอครั้งถัดไป 8) )
เขาพยายามบอกว่า จะประสบความสำเร็จได้ ไม่ต้องเน้นการขาย
เน้นการสร้างเครือข่ายเท่านั้น ไม่ต้องใช้เวลามากเพียงแต่คุณต้องมุ่งมั่นพยายาม
(ผมว่าการขายของไม่เห็นผิดตรงไหน ทำไมต้องพยายามพูดว่าไม่ใช่การขาย???)
แล้วผลิตภัณฑ์เขาดีจริงไหม ทำไมต้องตอบว่าต้องลองใช้เอง
หรือสาธิตให้ดูในสิ่งที่ผมเห็นแล้วขำ
(เขาเอาเกลือใส่น้ำไว้สองแก้ว เทสบู่เหลวของเขาอันหนึ่ง
อีกอันเทยี่ห้อทั่วไป แล้วคนให้ดูว่าสบู่เหลวของเขา จะไม่จับเป็นก้อนในน้ำเกลือ
บอกว่าเป็นการเปรียบเทียบการชำระเกลือที่ออกมากับเหงื่อ)
ผมอยากได้พวกข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกสาร จะเอามาอ่านดูเอง
เขาไม่เห็นให้มาเลย
ครั้งแรกที่ฟังเขาชี้ชวนธุรกิจนี้ ผมบอกว่าผมสนใจตัวผลิตภัณฑ์ว่าดีจริงมั้ย
น่าจะขายได้มั้ย เขาให้มาแต่เทปปลุกระดม และก็เรื่องพ่อรวยสอนลูก
เน้นคำว่า อิสรภาพทางการเงินและเวลา
โชคดีที่เขาเปิดช่องไว้ว่ามีสองทางในสี่ช่องทางของรายได้
คือ ธุรกิจเครือข่าย กับการลงทุน
ผมเลยสรุปกับเขาว่า ตอนนี้สนใจช่องทางการลงทุน
โดยหยิบยกเนื้อหา แนวคิด บางส่วนจากเวปนี้ไปเล่าให้เขาฟัง
(ขอบคุณทุกๆท่านในที่นี้ครับ)
แล้วบอกว่า ถึงผมจะมีเวลาว่าง ก็คงจะใช้ในการศึกษาการลงทุน
เพราะสนใจมากกว่า
It is MY WAY, not AM WAY
เกรงใจเลยต้องไป และก็เอาหนังสือกับเทปไปคืนด้วย
(จะได้ไม่ต้องมีข้ออ้างนัดเจอครั้งถัดไป 8) )
เขาพยายามบอกว่า จะประสบความสำเร็จได้ ไม่ต้องเน้นการขาย
เน้นการสร้างเครือข่ายเท่านั้น ไม่ต้องใช้เวลามากเพียงแต่คุณต้องมุ่งมั่นพยายาม
(ผมว่าการขายของไม่เห็นผิดตรงไหน ทำไมต้องพยายามพูดว่าไม่ใช่การขาย???)
แล้วผลิตภัณฑ์เขาดีจริงไหม ทำไมต้องตอบว่าต้องลองใช้เอง
หรือสาธิตให้ดูในสิ่งที่ผมเห็นแล้วขำ
(เขาเอาเกลือใส่น้ำไว้สองแก้ว เทสบู่เหลวของเขาอันหนึ่ง
อีกอันเทยี่ห้อทั่วไป แล้วคนให้ดูว่าสบู่เหลวของเขา จะไม่จับเป็นก้อนในน้ำเกลือ
บอกว่าเป็นการเปรียบเทียบการชำระเกลือที่ออกมากับเหงื่อ)
ผมอยากได้พวกข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกสาร จะเอามาอ่านดูเอง
เขาไม่เห็นให้มาเลย
ครั้งแรกที่ฟังเขาชี้ชวนธุรกิจนี้ ผมบอกว่าผมสนใจตัวผลิตภัณฑ์ว่าดีจริงมั้ย
น่าจะขายได้มั้ย เขาให้มาแต่เทปปลุกระดม และก็เรื่องพ่อรวยสอนลูก
เน้นคำว่า อิสรภาพทางการเงินและเวลา
โชคดีที่เขาเปิดช่องไว้ว่ามีสองทางในสี่ช่องทางของรายได้
คือ ธุรกิจเครือข่าย กับการลงทุน
ผมเลยสรุปกับเขาว่า ตอนนี้สนใจช่องทางการลงทุน
โดยหยิบยกเนื้อหา แนวคิด บางส่วนจากเวปนี้ไปเล่าให้เขาฟัง
(ขอบคุณทุกๆท่านในที่นี้ครับ)
แล้วบอกว่า ถึงผมจะมีเวลาว่าง ก็คงจะใช้ในการศึกษาการลงทุน
เพราะสนใจมากกว่า
It is MY WAY, not AM WAY
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
มุมมองของ Valueinvestor กับธุรกิจ MLM
โพสต์ที่ 19
ผมว่ายังไงก็ต้องเริ่มที่การขายก่อนอยู่ดี แล้วเมื่อเริ่มหา downline ก็ต้องจูงใจเขาให้เริ่มใช้ของและปลูกฝังว่าของๆเราดีจริง แล้วเมื่อเกิดการซื้อใช้แล้วเอาไปขายต่อด้วยก็ดีต่อเรา จากประสบการณ์ที่เพื่อนพาผมไปนั้น ผมรู้สึกว่าจะเป็นการเน้นจิตวิทยามากเกินไป เช่น ของๆเราดีไหม ทุกคนในที่ประชุมก็จะตอบว่า"ดี" มีการพาคนที่ประสบความสำเร็จมาให้เห็นแล้วบอกว่าไม่ยากถ้าตั้งใจ ทุกๆคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีมากๆจะเข้ามาคุยกับผมตลอด และที่สำคัญมักจะถามว่ามากับใคร พอบอกก็จะบอกว่าเขาเก่งยังงั้นอย่างนี้ให้เชื่อเขาแล้วจะประสบความสำเร็จเอง ที่สำคัญคือจะเน้นว่ามีทั้งคนที่จบแพทย์ และวิศวกรมาทำจึงเป็นอาชีพที่ค่อนข้างเป็นที่น่าสนใจ
"Sometimes your best investments are the ones you don't make"(Donald Trump)
-
- Verified User
- โพสต์: 76
- ผู้ติดตาม: 0
มุมมองของ Valueinvestor กับธุรกิจ MLM
โพสต์ที่ 20
ผมเห็นด้วยนะครับว่า การตื๊อ ใช้ได้กับเมืองไทยเท่านั้น
เพราะคนไทยนี่เกรงใจ สงสารก็ช่วยอุดหนุนทั้งที่ไม่ได้ต้องการสินค้า
แต่ก็คิดว่า จะยังไง สุดท้ายผมก็ต้องเสียเงินทำประกันอยู่ดี
ที่จริงผมสามารถเดินไปธนาคารหน้าปากซอยบ้านเพื่อทำประกัน
แต่ผมเลือกที่จะเสียเงินทำประกันชีวิตกับคนรู้จัก ที่ผมคุ้นเคยมากกว่า
เพราะอยากช่วยคนขายประกันนี่แหละ จะเสียเงินให้ธนาคารทำไมกัน
ทั้งที่กรมธรรม์ ก็ให้สิทธิ์คุ้มครอง พอๆ กัน...
ส่วนตัวแล้ว สนับสนุน MLM นะครับ
เพราะเปิดโอกาสให้คนจน ไม่มีเงินออม ได้มีโอกาสลืมตาอ้าปากได้
นอกเหนือจากแฟรนไชส์บะหมี่หรือโอท็อป ที่ใช้ทุนน้อย
เพราะคนไทยนี่เกรงใจ สงสารก็ช่วยอุดหนุนทั้งที่ไม่ได้ต้องการสินค้า
แต่ก็คิดว่า จะยังไง สุดท้ายผมก็ต้องเสียเงินทำประกันอยู่ดี
ที่จริงผมสามารถเดินไปธนาคารหน้าปากซอยบ้านเพื่อทำประกัน
แต่ผมเลือกที่จะเสียเงินทำประกันชีวิตกับคนรู้จัก ที่ผมคุ้นเคยมากกว่า
เพราะอยากช่วยคนขายประกันนี่แหละ จะเสียเงินให้ธนาคารทำไมกัน
ทั้งที่กรมธรรม์ ก็ให้สิทธิ์คุ้มครอง พอๆ กัน...
ส่วนตัวแล้ว สนับสนุน MLM นะครับ
เพราะเปิดโอกาสให้คนจน ไม่มีเงินออม ได้มีโอกาสลืมตาอ้าปากได้
นอกเหนือจากแฟรนไชส์บะหมี่หรือโอท็อป ที่ใช้ทุนน้อย
-
- Verified User
- โพสต์: 857
- ผู้ติดตาม: 0
มุมมองของ Valueinvestor กับธุรกิจ MLM
โพสต์ที่ 21
แนวคิดการสร้างเครือข่ายอย่างเดียวนี่ที่จริงก็เหมือนกับแชร์ลูกโซ่นะ ผมเองก็เคยเห็นหลายคนที่หวังจะรวยเร็วเข้าสู่ธุรกิจ MLM ด้วยแนวคิดว่าจะสร้างเครือข่ายอย่างเดียว แล้วใครจะเป็นคนขายของละหว่า เหมือนกับใครเข้ามาส่งไม้ต่อก่อนก็ได้ก่อนคนมาหลัง ๆ ก็หาทางส่งต่อให้เร็วที่สุด ถ้าธุรกิจไหนเติบโตด้วยการส่งไม้ต่อแทนที่จะเพิ่มยอดขายนี่ ผมว่าน่ากลัวนะMonet เขียน:เขาพยายามบอกว่า จะประสบความสำเร็จได้ ไม่ต้องเน้นการขาย
เน้นการสร้างเครือข่ายเท่านั้น ไม่ต้องใช้เวลามากเพียงแต่คุณต้องมุ่งมั่นพยายาม
(ผมว่าการขายของไม่เห็นผิดตรงไหน ทำไมต้องพยายามพูดว่าไม่ใช่การขาย???)
- PRO_BABY
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1584
- ผู้ติดตาม: 0
มุมมองของ Valueinvestor กับธุรกิจ MLM
โพสต์ที่ 22
MisterK
แนวคิดการสร้างเครือข่ายอย่างเดียวนี่ที่จริงก็เหมือนกับแชร์ลูกโซ่นะ ผมเองก็เคยเห็นหลายคนที่หวังจะรวยเร็วเข้าสู่ธุรกิจ MLM ด้วยแนวคิดว่าจะสร้างเครือข่ายอย่างเดียว แล้วใครจะเป็นคนขายของละหว่า เหมือนกับใครเข้ามาส่งไม้ต่อก่อนก็ได้ก่อนคนมาหลัง ๆ ก็หาทางส่งต่อให้เร็วที่สุด ถ้าธุรกิจไหนเติบโตด้วยการส่งไม้ต่อแทนที่จะเพิ่มยอดขายนี่ ผมว่าน่ากลัวนะ [/quote]
.......
ผมว่าธุรกิจอะไรก็ตามถ้าไม่ขายก็จะอยู่ไม่ได้ ผมจึงเห็นว่าการขายไม่ใช่เรื่องที่ใช้เป็นข้ออ้างเวลาชวน ผมว่าบริษัทไหนก็ตามถ้าไม่ขายจะเอาอะไรเลี้ยงตัวเอง ว่าไหมครับ แต่จะขายทุกครั้ง หรือขายครั้งเดียวมันขึ้นอยู่กะสินค้า หรือพี่ๆว่าไงครับ
แนวคิดการสร้างเครือข่ายอย่างเดียวนี่ที่จริงก็เหมือนกับแชร์ลูกโซ่นะ ผมเองก็เคยเห็นหลายคนที่หวังจะรวยเร็วเข้าสู่ธุรกิจ MLM ด้วยแนวคิดว่าจะสร้างเครือข่ายอย่างเดียว แล้วใครจะเป็นคนขายของละหว่า เหมือนกับใครเข้ามาส่งไม้ต่อก่อนก็ได้ก่อนคนมาหลัง ๆ ก็หาทางส่งต่อให้เร็วที่สุด ถ้าธุรกิจไหนเติบโตด้วยการส่งไม้ต่อแทนที่จะเพิ่มยอดขายนี่ ผมว่าน่ากลัวนะ [/quote]
.......
ผมว่าธุรกิจอะไรก็ตามถ้าไม่ขายก็จะอยู่ไม่ได้ ผมจึงเห็นว่าการขายไม่ใช่เรื่องที่ใช้เป็นข้ออ้างเวลาชวน ผมว่าบริษัทไหนก็ตามถ้าไม่ขายจะเอาอะไรเลี้ยงตัวเอง ว่าไหมครับ แต่จะขายทุกครั้ง หรือขายครั้งเดียวมันขึ้นอยู่กะสินค้า หรือพี่ๆว่าไงครับ