... อูยยยย AH ....... อูยยยยยยยย ใครเล็งไว้มั่ง
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
... อูยยยย AH ....... อูยยยยยยยย ใครเล็งไว้มั่ง
โพสต์ที่ 1
อูยยยยยยย AH ..... ไม่มีอะไรครับ มาระบายอารมณ์ ... อึ่ง ... ทึ่ง ... เสียวว .... :ohno: :drink:
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
... อูยยยย AH ....... อูยยยยยยยย ใครเล็งไว้มั่ง
โพสต์ที่ 3
ไม่ทราบครับ มาโพสต์เผื่อมีคนรู้ครับ ... เมื่อกี้เปิดกราฟ ผ่านไปเจอ เลยตาเบิกโพลงง ... :shock:naris เขียน:ผมเล็งไว้นานแล้วครับ
ทำไมถึงลงครับพี่คัดท้าย ช่วยแนะนำหน่อย มีข่าววงในอะไรเหรอครับ
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
... อูยยยย AH ....... อูยยยยยยยย ใครเล็งไว้มั่ง
โพสต์ที่ 6
ผมไม่เข้าใจอย่างเดียว ทำไมการลงของ AH มันแน่นแบบนั้น ลงรูปแบบเหมือน MIDA ที่ Panic ก่อนเพิ่มทุน เลยงง
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
... อูยยยย AH ....... อูยยยยยยยย ใครเล็งไว้มั่ง
โพสต์ที่ 7
แค่ซิบ ยังไม่ไหล :lol:ลูกอิสาน เขียน:ทำเอาผมซิบๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 2938
- ผู้ติดตาม: 0
... อูยยยย AH ....... อูยยยยยยยย ใครเล็งไว้มั่ง
โพสต์ที่ 8
AH เผยไตรมาส 2/48 กำไรเพิ่มเล็กน้อยเป็น 185 ลบ. จากปีก่อนกำไร 181 ลบ.
AH : สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่2(F45-3)
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่2(F45-3)
บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน)
สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน (หน่วย : พันบาท)
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
ปี 2548 2547 2548 2547
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 185,262 181,641 390,653 339,885
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.77 0.76 1.63 1.42
สงสัยกำไรเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมั้งครับ
เลยปรับค่าPe ให้เหมาะสมกับเพื่อนๆในกลุ่มหน่อย
AH : สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่2(F45-3)
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่2(F45-3)
บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน)
สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน (หน่วย : พันบาท)
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
ปี 2548 2547 2548 2547
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 185,262 181,641 390,653 339,885
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.77 0.76 1.63 1.42
สงสัยกำไรเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมั้งครับ
เลยปรับค่าPe ให้เหมาะสมกับเพื่อนๆในกลุ่มหน่อย
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 1
... อูยยยย AH ....... อูยยยยยยยย ใครเล็งไว้มั่ง
โพสต์ที่ 10
ถ้าอย่างนั้นต้องคอยดูซักพักก่อนดีกว่า .... เสียว :lovl:ผมไม่เข้าใจอย่างเดียว ทำไมการลงของ AH มันแน่นแบบนั้น ลงรูปแบบเหมือน MIDA ที่ Panic ก่อนเพิ่มทุน เลยงง
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- ผู้ติดตาม: 0
... อูยยยย AH ....... อูยยยยยยยย ใครเล็งไว้มั่ง
โพสต์ที่ 11
วงในอะไรกันคับ ม่ายมี ม่ายมี .. ท่านนริสอย่าพูดอย่างนั้น เวบนี้ไม่มีวงในคับnaris เขียน:ผมเล็งไว้นานแล้วครับ
ทำไมถึงลงครับพี่คัดท้าย ช่วยแนะนำหน่อย มีข่าววงในอะไรเหรอครับ
เรื่องทำนองนี้เซ๊นซ์สิถีบ อย่าพูดเล่นไปคับ กอลอตอท่านดูอยู่
:lovl:
-
- Verified User
- โพสต์: 456
- ผู้ติดตาม: 0
... อูยยยย AH ....... อูยยยยยยยย ใครเล็งไว้มั่ง
โพสต์ที่ 14
แต่ก็ตรงกับที่กิมเอ็งวิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้นะคะ ว่าไตรมาส 2/48 กำไรจะลดลง ซึ่งก็ไม่น่าแปลก
ก็ใกล้เคียงกันนะคะ เพียงแต่สงสัยว่าทำไมราคาถึงรูดลงมากจนน่าตกใจเท่านั้น หรือเพราะตลาดวาดความหวังกับ AH มากไปหน่อย... ก้อเลยผิดหวังมาก (ถ้าไม่มีอะไรในกอไผ่จริงๆ) เห็นราคาลงแบบนี้ชักหวั่นใจอยู่เหมือนกันค่ะ
บมจ. อาปิโก ไฮเทค (AH) คาดหมายว่าจะประกาศผลประกอบการไตรมาสสองปี 2548 ที่ไม่น่าตื่นเต้นนัก โดยคาดหมายว่าจะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 190 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.79 บาท) ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อน 7%
ก็ใกล้เคียงกันนะคะ เพียงแต่สงสัยว่าทำไมราคาถึงรูดลงมากจนน่าตกใจเท่านั้น หรือเพราะตลาดวาดความหวังกับ AH มากไปหน่อย... ก้อเลยผิดหวังมาก (ถ้าไม่มีอะไรในกอไผ่จริงๆ) เห็นราคาลงแบบนี้ชักหวั่นใจอยู่เหมือนกันค่ะ
- LOSO
- Verified User
- โพสต์: 2512
- ผู้ติดตาม: 0
... อูยยยย AH ....... อูยยยยยยยย ใครเล็งไว้มั่ง
โพสต์ที่ 16
เล็งได้ แต่ระวังอย่ามือบอน ............................
น้ำมันพ่นพิษยอดขายรถเดือนก.ค.ลดฮวบ20%
ตลาดรถยนต์รวมเป๋ โดนน้ำมันพ่นพิษหลังเบนซิน-ดีเซลปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ยอดเดือน ก.ค.ลดฮวบเกือบ 20% ไม่เว้นแม้แต่รถแข่งดุเดือดอย่าง "ปิกอัพ"
บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลล์ จำกัด รายงานยอดจำหน่ายรถยนต์รวมในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านว่า มียอดลดลงจากเดือนก่อนถึง 19.79% หรือคิดเป็นจำนวน 50,872 คัน โดยสาเหตุที่ตลาดรถยนต์ทุกประเภทมียอดจำหน่ายลดลง เนื่องจากการชะลอการตัดสินใจซื้อรถของผู้บริโภคที่มีผลกระทบทางด้านจิตวิทยาต่อสภาวะปัจจุบันที่ราคาน้ำมันแพง สถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และความไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจในอนาคต
โดยตลาดรถขับเคลื่อน 4 ล้ออเนกประสงค์มียอดจำหน่ายหดตัวลงสูงสุดที่ 27.85% ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โตโยต้าจำหน่ายรถทุกประเภทได้สูงสุดคือ 20,298 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 39.90% อีซูซุจำหน่ายได้ 13,279 คัน คิดเป็น 26.10% และฮอนด้าเป็นอันดับ 3 คือจำหน่ายได้ 4,213 คัน คิดเป็น 8.23%
เมื่อพิจารณายอดจำหน่ายรถรวมทุกประเภทตลอด 7 เดือนแรกของปีนี้ที่มีจำนวน 396,769 คัน โดยมีโตโยต้าจำหน่ายได้สูงสุดคือ 160,629 คัน คิดเป็น 40.48% ตามด้วยอีซูซุซึ่งไม่ได้ขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล มียอดจำหน่ายรถรวมเป็นอันดับ 2 คือ 101,121 คัน คิดเป็น 25.49% และฮอนด้าจำหน่ายได้เป็นอันดับ 3 คือ 28,684 คัน คิดเป็น 7.23%
แม้แต่ตลาดรถปิกอัพขนาด 1 ตัน ซึ่งมีขนาดใหญ่สุดของประเทศยังมียอดจำหน่ายในเดือนกรกฎาคมลดลง 19.43% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยมียอดจำหน่ายรวม 31,183 คัน อีซูซุ ดีแมคซ์ ซูเปอร์คอมมอนเรล ยังคงรักษาแชมป์รถยอดนิยมอย่างต่อเนื่องคือ 12,326 คัน คิดเป็น 39.53% โตโยต้าตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยยอดจำหน่ายวีโก้ 10,003 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 32.08% และตามมาด้วยมิตซูบิชิ จำหน่ายได้ 3,272 คัน คิดเป็น 10.49%
เห็นได้ว่าการยกเว้นมิตซูบิชิที่เคลียร์สต๊อกรถปิกอัพรุ่นปัจจุบัน เพื่อเตรียมส่งรถปิกอัพ "ไทรตัน" รถปิกอัพรุ่นใหม่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นแล้ว ทุกยี่ห้อในตลาดจำหน่ายได้น้อยลงเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน โดย 3 ยี่ห้อที่ยอดขายลดลงมากกว่าอัตราการหดตัวของตลาดคือ นิสสัน ลดลง 59.51% โตโยต้า ลดลง 25.16% มาสด้า ลดลง 23.06%
สำหรับยอดจำหน่ายรวมของรถปิกอัพทุกยี่ห้อของเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2548 มีจำนวน 244,187 คัน โดยอีซูซุมาเป็นอันดับ 1 คือจำหน่ายได้ 92,884 คัน คิดเป็น 38.04% ตามด้วยโตโยต้า จำหน่ายได้ 82,771 คัน คิดเป็น 33.90% และมิตซูบิชิมาเป็นอันดับ 3 คือ 19,130 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 7.83%
ตลาดรถขับเคลื่อน 4 ล้ออเนกประสงค์ (SUV) หดตัวลงในอัตราที่สูงกว่าตลาดรถยนต์โดยรวม คือมียอดขายลดลง 27.85% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน โดยจำหน่ายได้รวมทั้งสิ้น 3,169 คัน โตโยต้าจำหน่ายได้เป็นอันดับ 1 คือ 2,746 คัน คิดเป็น 86.65% อีซูซุตามมาเป็นที่ 2 ด้วยยอดขาย 117 คัน คิดเป็น 3.69% และมาสด้าแซงฮอนด้าและฟอร์ดขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ขายได้ 95 คัน คิดเป็น 3%
ยอดจำหน่ายรถ SUV ตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคมนั้น รวมทั้งสิ้น 24,100 คัน โตโยต้าจำหน่ายได้สูงสุดคือ 18,397 คัน คิดเป็น 76.34% อีซูซุจำหน่ายได้เป็นอันดับ 2 คือ 1,692 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 7.02% และฟอร์ดมาเป็นอันดับ 3 โดยจำหน่ายได้ 1,329 คัน คิดเป็น 5.51%
ส่วนตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในเดือนกรกฎาคมนั้นลดลง 18.73% นิสสันและโตโยต้าเป็น 2 ยี่ห้อที่มียอดขายลดลงมากกว่าอัตราการหดตัวของตลาดคือ 67.99% และ 22.0% ตามลำดับ ยอดจำหน่ายรวมทั้งตลาดของเดือนกรกฎาคมนี้คือ 13,451 คัน โดยโตโยต้าจำหน่ายได้สูงสุด 6,623 คัน คิดเป็น 49.24% ฮอนด้ามาเป็นที่ 2 ด้วยยอดจำหน่าย 4,128 คัน คิดเป็น 30.69% และมิตซูบิชิจำหน่ายได้เป็นอันดับ 3 คือจำหน่ายได้ 619 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.60%
ยอดการจำหน่ายของตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลตั้งแต่ต้นปีนั้น รวมทุกยี่ห้อเท่ากับ 104,269 คัน โดยโตโยต้าจำหน่ายได้อันดับ 1 ด้วยยอด 53,264 คัน คิดเป็น 51.08% ฮอนด้ามาเป็นอันดับ 2 ด้วยยอดจำหน่าย 27,731 คัน ส่วนแบ่งตลาด 26.60% และมิตซูบิชิจำหน่ายได้เป็นอันดับ 3 คือ 5,036 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.83% ตามลำดับ
ด้านนายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์กล่าวว่า ยอดจำหน่ายรถยนต์ในปีนี้คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน เนื่องจากเป้าที่ตั้งไว้มีการเผื่อรับสถานการณ์น้ำมันแพงไว้แล้วคือ ในประเทศเพิ่มขึ้น 10% จาก 6.3 แสนคัน เป็น 7 แสนคัน จากปีก่อนที่โตขึ้นถึง 20% แต่ปีนี้ได้ตั้งเป้าลดลงมาแล้ว เนื่องจากภาวะราคาน้ำมันขึ้นนั้นมีมาตั้งแต่ปีที่แล้ว จากตัวเลขครึ่งปีแรกทำให้วันนี้ยังมั่นใจว่ายอดการจำหน่ายรถยนต์จะเป็นไปตามเป้าอย่างแน่นอน
สิ่งหนึ่งที่เป็นตัวแปรสำคัญคือ ในช่วงครึ่งปีหลังจะมีรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดจำนวนมากกว่าในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งจะเป็นตัวที่รักษาอัตราการเจริญเติบโต ส่งผลให้ตลาดมีการขับเคลื่อนทั้งในเรื่องของแคมเปญส่งเสริมการขายต่างๆ ที่นำออกมาสู้กันระหว่างรถใหม่และรถเก่า
"ผมมีความมั่นใจเมื่อดูจากแผนการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ของแต่ละค่ายแล้วว่าเป้าที่เราตั้งไว้จะไปถึงอย่างแน่นอน การส่งออกก็มีแนวโน้มที่ดีเนื่องจากรถที่ส่งออกของเราเป็นรถดีเซลซึ่งช่วยในการประหยัดน้ำมันอยู่แล้ว เชื่อว่าเป้าการส่งออกจะเป็นไปตามแผนอย่างแน่นอน หรืออาจจะมียอดทะลุ 4 แสนคัน ไปถึง 4.2 แสนคันด้วย"
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ถือว่าเศรษฐกิจอาจจะมีผลบ้างในบางธุรกิจ โดยเฉพาะในเรื่องของราคาน้ำมัน สำหรับรถรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลังถือเป็นโอกาสของผู้ซื้อ เนื่องจากแต่ละค่ายจะต้องออกแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อมัดใจลูกค้า ดังนั้นจะส่งผลให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการตัดสินใจเพิ่มมากขึ้น
น้ำมันพ่นพิษยอดขายรถเดือนก.ค.ลดฮวบ20%
ตลาดรถยนต์รวมเป๋ โดนน้ำมันพ่นพิษหลังเบนซิน-ดีเซลปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ยอดเดือน ก.ค.ลดฮวบเกือบ 20% ไม่เว้นแม้แต่รถแข่งดุเดือดอย่าง "ปิกอัพ"
บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลล์ จำกัด รายงานยอดจำหน่ายรถยนต์รวมในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านว่า มียอดลดลงจากเดือนก่อนถึง 19.79% หรือคิดเป็นจำนวน 50,872 คัน โดยสาเหตุที่ตลาดรถยนต์ทุกประเภทมียอดจำหน่ายลดลง เนื่องจากการชะลอการตัดสินใจซื้อรถของผู้บริโภคที่มีผลกระทบทางด้านจิตวิทยาต่อสภาวะปัจจุบันที่ราคาน้ำมันแพง สถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และความไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจในอนาคต
โดยตลาดรถขับเคลื่อน 4 ล้ออเนกประสงค์มียอดจำหน่ายหดตัวลงสูงสุดที่ 27.85% ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โตโยต้าจำหน่ายรถทุกประเภทได้สูงสุดคือ 20,298 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 39.90% อีซูซุจำหน่ายได้ 13,279 คัน คิดเป็น 26.10% และฮอนด้าเป็นอันดับ 3 คือจำหน่ายได้ 4,213 คัน คิดเป็น 8.23%
เมื่อพิจารณายอดจำหน่ายรถรวมทุกประเภทตลอด 7 เดือนแรกของปีนี้ที่มีจำนวน 396,769 คัน โดยมีโตโยต้าจำหน่ายได้สูงสุดคือ 160,629 คัน คิดเป็น 40.48% ตามด้วยอีซูซุซึ่งไม่ได้ขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล มียอดจำหน่ายรถรวมเป็นอันดับ 2 คือ 101,121 คัน คิดเป็น 25.49% และฮอนด้าจำหน่ายได้เป็นอันดับ 3 คือ 28,684 คัน คิดเป็น 7.23%
แม้แต่ตลาดรถปิกอัพขนาด 1 ตัน ซึ่งมีขนาดใหญ่สุดของประเทศยังมียอดจำหน่ายในเดือนกรกฎาคมลดลง 19.43% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยมียอดจำหน่ายรวม 31,183 คัน อีซูซุ ดีแมคซ์ ซูเปอร์คอมมอนเรล ยังคงรักษาแชมป์รถยอดนิยมอย่างต่อเนื่องคือ 12,326 คัน คิดเป็น 39.53% โตโยต้าตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยยอดจำหน่ายวีโก้ 10,003 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 32.08% และตามมาด้วยมิตซูบิชิ จำหน่ายได้ 3,272 คัน คิดเป็น 10.49%
เห็นได้ว่าการยกเว้นมิตซูบิชิที่เคลียร์สต๊อกรถปิกอัพรุ่นปัจจุบัน เพื่อเตรียมส่งรถปิกอัพ "ไทรตัน" รถปิกอัพรุ่นใหม่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นแล้ว ทุกยี่ห้อในตลาดจำหน่ายได้น้อยลงเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน โดย 3 ยี่ห้อที่ยอดขายลดลงมากกว่าอัตราการหดตัวของตลาดคือ นิสสัน ลดลง 59.51% โตโยต้า ลดลง 25.16% มาสด้า ลดลง 23.06%
สำหรับยอดจำหน่ายรวมของรถปิกอัพทุกยี่ห้อของเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2548 มีจำนวน 244,187 คัน โดยอีซูซุมาเป็นอันดับ 1 คือจำหน่ายได้ 92,884 คัน คิดเป็น 38.04% ตามด้วยโตโยต้า จำหน่ายได้ 82,771 คัน คิดเป็น 33.90% และมิตซูบิชิมาเป็นอันดับ 3 คือ 19,130 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 7.83%
ตลาดรถขับเคลื่อน 4 ล้ออเนกประสงค์ (SUV) หดตัวลงในอัตราที่สูงกว่าตลาดรถยนต์โดยรวม คือมียอดขายลดลง 27.85% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน โดยจำหน่ายได้รวมทั้งสิ้น 3,169 คัน โตโยต้าจำหน่ายได้เป็นอันดับ 1 คือ 2,746 คัน คิดเป็น 86.65% อีซูซุตามมาเป็นที่ 2 ด้วยยอดขาย 117 คัน คิดเป็น 3.69% และมาสด้าแซงฮอนด้าและฟอร์ดขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ขายได้ 95 คัน คิดเป็น 3%
ยอดจำหน่ายรถ SUV ตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคมนั้น รวมทั้งสิ้น 24,100 คัน โตโยต้าจำหน่ายได้สูงสุดคือ 18,397 คัน คิดเป็น 76.34% อีซูซุจำหน่ายได้เป็นอันดับ 2 คือ 1,692 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 7.02% และฟอร์ดมาเป็นอันดับ 3 โดยจำหน่ายได้ 1,329 คัน คิดเป็น 5.51%
ส่วนตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในเดือนกรกฎาคมนั้นลดลง 18.73% นิสสันและโตโยต้าเป็น 2 ยี่ห้อที่มียอดขายลดลงมากกว่าอัตราการหดตัวของตลาดคือ 67.99% และ 22.0% ตามลำดับ ยอดจำหน่ายรวมทั้งตลาดของเดือนกรกฎาคมนี้คือ 13,451 คัน โดยโตโยต้าจำหน่ายได้สูงสุด 6,623 คัน คิดเป็น 49.24% ฮอนด้ามาเป็นที่ 2 ด้วยยอดจำหน่าย 4,128 คัน คิดเป็น 30.69% และมิตซูบิชิจำหน่ายได้เป็นอันดับ 3 คือจำหน่ายได้ 619 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.60%
ยอดการจำหน่ายของตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลตั้งแต่ต้นปีนั้น รวมทุกยี่ห้อเท่ากับ 104,269 คัน โดยโตโยต้าจำหน่ายได้อันดับ 1 ด้วยยอด 53,264 คัน คิดเป็น 51.08% ฮอนด้ามาเป็นอันดับ 2 ด้วยยอดจำหน่าย 27,731 คัน ส่วนแบ่งตลาด 26.60% และมิตซูบิชิจำหน่ายได้เป็นอันดับ 3 คือ 5,036 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.83% ตามลำดับ
ด้านนายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์กล่าวว่า ยอดจำหน่ายรถยนต์ในปีนี้คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน เนื่องจากเป้าที่ตั้งไว้มีการเผื่อรับสถานการณ์น้ำมันแพงไว้แล้วคือ ในประเทศเพิ่มขึ้น 10% จาก 6.3 แสนคัน เป็น 7 แสนคัน จากปีก่อนที่โตขึ้นถึง 20% แต่ปีนี้ได้ตั้งเป้าลดลงมาแล้ว เนื่องจากภาวะราคาน้ำมันขึ้นนั้นมีมาตั้งแต่ปีที่แล้ว จากตัวเลขครึ่งปีแรกทำให้วันนี้ยังมั่นใจว่ายอดการจำหน่ายรถยนต์จะเป็นไปตามเป้าอย่างแน่นอน
สิ่งหนึ่งที่เป็นตัวแปรสำคัญคือ ในช่วงครึ่งปีหลังจะมีรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดจำนวนมากกว่าในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งจะเป็นตัวที่รักษาอัตราการเจริญเติบโต ส่งผลให้ตลาดมีการขับเคลื่อนทั้งในเรื่องของแคมเปญส่งเสริมการขายต่างๆ ที่นำออกมาสู้กันระหว่างรถใหม่และรถเก่า
"ผมมีความมั่นใจเมื่อดูจากแผนการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ของแต่ละค่ายแล้วว่าเป้าที่เราตั้งไว้จะไปถึงอย่างแน่นอน การส่งออกก็มีแนวโน้มที่ดีเนื่องจากรถที่ส่งออกของเราเป็นรถดีเซลซึ่งช่วยในการประหยัดน้ำมันอยู่แล้ว เชื่อว่าเป้าการส่งออกจะเป็นไปตามแผนอย่างแน่นอน หรืออาจจะมียอดทะลุ 4 แสนคัน ไปถึง 4.2 แสนคันด้วย"
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ถือว่าเศรษฐกิจอาจจะมีผลบ้างในบางธุรกิจ โดยเฉพาะในเรื่องของราคาน้ำมัน สำหรับรถรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลังถือเป็นโอกาสของผู้ซื้อ เนื่องจากแต่ละค่ายจะต้องออกแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อมัดใจลูกค้า ดังนั้นจะส่งผลให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการตัดสินใจเพิ่มมากขึ้น
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
... อูยยยย AH ....... อูยยยยยยยย ใครเล็งไว้มั่ง
โพสต์ที่ 17
27.x แหล่วววว ...... :shock:
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
... อูยยยย AH ....... อูยยยยยยยย ใครเล็งไว้มั่ง
โพสต์ที่ 18
อูวววว หูวววว .... 26.xx แล้วครับ อับดุล !!!!!
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
... อูยยยย AH ....... อูยยยยยยยย ใครเล็งไว้มั่ง
โพสต์ที่ 26
ไม่น่าจะมีอีกนะครับVI Jr. เขียน:จะมีรายการเพิ่มทุนอีกบริษัทไหมเอ๋ย
เพราะ ah มี d/e ต่ำมากครับ
แค่เอาค่าเสื่อม 1 ปี ไปปลดหนี้ ก็ไม่มีหนี้สินแล้วครับ
เป็นผลของการปันผลน้อยๆ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 1
... อูยยยย AH ....... อูยยยยยยยย ใครเล็งไว้มั่ง
โพสต์ที่ 27
หลังจากเช็คข้อมูลเสร็จ ไม่น่าจะมีการเพิ่มทุนเพราะหนี้ระยะยาวต่ำมาก โรงงานใหม่ก็ยังไม่เปิด เปิดต้นปีหน้า ไม่น่าจะมีการขยายงานซ้ำซ้อน แถมไตรมาทสุดท้ายมีการจ่ายเงินส่วนลดครั้งเดียว14ลบ.คืนอีซุซุถ้าเอารายการนี้เข้ามารวม กำไรเยอะกว่า1/48อีก
เลยซัดเข้าไปแล้ว26.25ไม่รู้จะเป็นอย่างไร
เลยซัดเข้าไปแล้ว26.25ไม่รู้จะเป็นอย่างไร
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 1
... อูยยยย AH ....... อูยยยยยยยย ใครเล็งไว้มั่ง
โพสต์ที่ 29
1. พอลงก็กลัว
2. พอขึ้นก็ "รู้งี้.... เดี๋ยวถ้าย่อลงมาจะซื้อ"
3. กลับไปอ่านข้อ 1.
2. พอขึ้นก็ "รู้งี้.... เดี๋ยวถ้าย่อลงมาจะซื้อ"
3. กลับไปอ่านข้อ 1.
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
... อูยยยย AH ....... อูยยยยยยยย ใครเล็งไว้มั่ง
โพสต์ที่ 30
วันนี้เอาคืนได้แล้ว จากขาดทุนเมื่อวาน
ยังงงๆว่าทำไม ตกมากและแรงอย่างนี้
ผลประกอบการก็ไม่แย่มาก
AH เป็นหุ้นในกลุ่มยานยนต์ที่ผมคิดว่าดีที่สุด เพราะเหตุผลต่อไปนี้
1.โครงสร้างเงินทุนอนุรักษ์นิยม มีหนี้น้อยมากเปรียบเทียบกับกระแสเงินสดที่ทำได้ เป็นผลมาจากการปันผลค่อนข้างน้อย เทียบกับกำไรที่ทำได้
2.ส่วนใหญ่รถยนต์ที่ตั้งฐานการผลิตในไทย 70% เป็นรถกระบะ ซึ่ง AH จะได้รับประโยชน์เต็มที่ เพราะส่วนใหญ่ชิ้นส่วนที่ผลิตเป็นสำหรับรถกระบะ
3.ผู้ร่วมทุนใหม่เข้ามา ทำให้ได้รับเงินและเทคโนโลยี และลดความเสี่ยงการพึ่งพิงผู้บริหารคุณเย็บได้มาก
4.ผู้บริหารมองหาช่องทางการการขยายกิจการเสมอ
5.คุณเย็บฝันว่าภายใน 5 ปี จะมียอดขายเพิ่มขึ้น 3 เท่า !!! :D
เวลาหุ้นตกเรามักไม่กล้าซื้อครับ ผมก็เช่นกัน แต่หากอยากจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ผมคิดว่าเราต้องเอาชนะความกลัว และมองที่ความจริง
ในระยะสั้นตลาดหุ้นเหมือนตลาดนัดอารมณ์ ระยะยาวไปตามผลประกอบการ
ยังงงๆว่าทำไม ตกมากและแรงอย่างนี้
ผลประกอบการก็ไม่แย่มาก
AH เป็นหุ้นในกลุ่มยานยนต์ที่ผมคิดว่าดีที่สุด เพราะเหตุผลต่อไปนี้
1.โครงสร้างเงินทุนอนุรักษ์นิยม มีหนี้น้อยมากเปรียบเทียบกับกระแสเงินสดที่ทำได้ เป็นผลมาจากการปันผลค่อนข้างน้อย เทียบกับกำไรที่ทำได้
2.ส่วนใหญ่รถยนต์ที่ตั้งฐานการผลิตในไทย 70% เป็นรถกระบะ ซึ่ง AH จะได้รับประโยชน์เต็มที่ เพราะส่วนใหญ่ชิ้นส่วนที่ผลิตเป็นสำหรับรถกระบะ
3.ผู้ร่วมทุนใหม่เข้ามา ทำให้ได้รับเงินและเทคโนโลยี และลดความเสี่ยงการพึ่งพิงผู้บริหารคุณเย็บได้มาก
4.ผู้บริหารมองหาช่องทางการการขยายกิจการเสมอ
5.คุณเย็บฝันว่าภายใน 5 ปี จะมียอดขายเพิ่มขึ้น 3 เท่า !!! :D
เวลาหุ้นตกเรามักไม่กล้าซื้อครับ ผมก็เช่นกัน แต่หากอยากจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ผมคิดว่าเราต้องเอาชนะความกลัว และมองที่ความจริง
ในระยะสั้นตลาดหุ้นเหมือนตลาดนัดอารมณ์ ระยะยาวไปตามผลประกอบการ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว